<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
5 มกราคม 2554

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

สวัสดีค่ะ

วัดที่เราไปชมเป็นวัดที่สอง ในวันที่ 9 ธันวาคม 2553 คือ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร





เราไปถึง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ประมาณ 09.45 น. หลังจากที่ไปชม วัดเจดีย์หลวง มาแล้ว





วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร
ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่
เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา
พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง"

ความโดดเด่นของวิหารวัดพระสิงห์ก็คือความชันของหลังคา
จะกลมกลืนกับตัวอาคารที่สร้างด้วยอิฐฉาบปูน ครึ่งอิฐครึ่งไม้มีฝากบ
แผนผังของโบสถ์วิหารที่สร้างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา โดยมากเป็นโรงใหญ่ไม่มีระเบียงล้อมรอบ
ดังนั้นเสาภายนอกอาคารจึงไม่แสดงความสำคัญเหมือนโบสถ์วิหารในรุ่นต่อมา
ประตูทางเข้ามักจะมีรูปปั้น มีซุ้ม ส่วนมากจะทำเป็นรูปพญานาค สิงห์ หรือนกยูง





ประวัติ

พญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ราชวงศ์เม็งราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1888
ขั้นแรกให้ก่อสร้างเจดีย์สูง 23 วา เพื่อบรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดา
ต่อมาอีก 2 ปี จึงได้สร้างพระอาราม เสนาสนวิหาร ศาลาการเปรียญ หอไตร และกุฏิสงฆ์
เมื่อเสร็จเรียบร้อย ทรงตั้งชื่อว่า "วัดลีเชียงพระ"





สมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ขึ้นครองนครเชียงใหม่ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองเชียงราย
เมื่อขบวนช้างอัญเชิญมาถึงหน้าวัด ช้างก็ไม่ยอมเดินทางต่อ
พระเจ้าแสนเมืองมา จึงโปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐาน ณ วัดลีเชียงพระ
ประชาชนทางเหนือนิยมเรียกพระพุทธสิหิงค์ ว่า "พระสิงห์" จึงเป็นที่มาของชื่อ "วัดพระสิงห์"





ในปี พ.ศ. 2360 พญาธัมมลังกา หรือพระเจ้าช้างเผือกธรรมลังกา พระอนุชาของพระเจ้ากาวิละ
โปรดให้บูรณะพระอุโบสถและพระเจดีย์

ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์สุดท้าย
พร้อมด้วยครูบาศรีวิชัย และประชาชนชาวเชียงใหม่ ได้ร่วมกันบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระสิงห์อีกครั้ง
และได้มีการขึดพบสิ่งของมีค่ามากมาย อาทิ แผ่นทองคำจารึกเรื่องราวต่างๆ โกศบรรจุอัฐิพญาคำฟู
แต่สิ่งของเหล่านี้สูญหายไปในช่วงสงครามเอเชียบูรพา






การประดับหน้าบันวิหารด้วยรูปนารายณ์ทรงครุฑ โดยมีรูปเสือและนกยูงซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่เกี่ยวกับตัวครูบาศรีวิชัยอยู่ด้านล่าง
คือนัยของการยอมอยู่ใต้อำนาจกษัตริย์กรุงเทพ ที่แฝงอยู่ในงานศิลปกรรม






และในปี พ.ศ. 2493 วัดพระสิงห์ ได้รับโปรดเกล้าให้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานสำหรับชาติ
ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ตอนที่ 0ง วันที่ 8 มีนาคม 2478








ภายในพระวิหารมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ประดิษฐานเป็นพระประธาน





ด้านข้างขององค์พระเป็นรูปปั้นจำลองของเกจิอาจารย์ทางภาคเหนือหลายองค์





ด้านหน้าทางขวามือของพระวิหาร เป็น หอไตร ของวัด สร้างเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้





หอพระไตรปิฎก ใช้เก็บพระไตรปิฎกและคัมภีร์ทางศาสนาต่างๆ
คนล้านนาโบราณเชื่อว่า การคัดลอกคัมภีร์ใบลานมีอานิสงส์สูงมาก ส่งผลให้ต้องสร้างหีบพระธรรมและหอไตรเพิ่มขึ้น
จารึกหลายหลักกล่าวว่า การสร้างหอไตรภายในวัดมีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 แล้ว
ส่วนหอไตรวัดพระสิงห์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2345 มีสองชั้น ประดับด้านนอกด้วยเทวดา
คงมีความหมายให้เทวดาช่วยรักษาพระรรม






หน้าบันของหอไตร ประดับด้วยแก้วหลายสีและเครื่องทองแกะสลัก





ที่ตัวผนังตึกด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้นแต่งองค์ทรงเครื่องสวยงาม





ทำเป็นรูปเทพพนมยืน บ้างก็เหาะ ประดับอยู่โดยรอบ เป็นฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว
ที่ฐานหอไตรปั้นเป็นลายลูกฟักลดบัว ภายในประดับด้วยรูปสัตว์หิมพานต์เช่น นางเงือกมีปีก คชสีห์มีปีก และกิเลน
โดยประจำยามที่มีลักษณะละม้ายลายสมัยราชวงค์เหม็งของจีน

ต่อมาในสมัยเจ้าแก้วนวรัฐ ประมาณ พ.ศ. 2467 ได้มีการซ่อมแซมขึ้น มาใหม่





ด้านหลังของ หอไตร จะมองเห็นส่วนหนึ่งของบริเวณด้านหลังพระอุโบสถวัดพระสิงห์






(ถาพด้านหน้าพระอุโบสถ)

พระอุโบสถ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขโถงทั้งทั้งด้านหน้าด้านหลัง
ประตูทางเข้า หน้าบันมีลักษณะวงโค้งสองอันเหนือทางเข้าประกบกัน เรียกว่า คิ้วโก่ง
เหนือคิ้วโก่งเป็นวงกลมสองวงคล้ายดวงตา ที่เสาและส่วนอื่นๆ มีปูนปั้นนูน มีรักปั้นปิดทอง
ด้านข้างแลเห็นหน้าต่างขนาดใหญ่ตีเป็นช่องแบบไม้ระแนง แต่ภายในเป็นหน้าต่างจริง มีลายปูนปั้นบริเวณซุ้ม
ถือเป็นลักษณะอาคารและการตกแต่งเป็นแบบศิลปะล้านนาที่วิจิตรสวยงามโดยแท้






ภาพด้านหลังของพระอุโบสถ วันที่ไปชมนั้นมีเณรจากวัดต่างๆ ในเชียงใหม่มาชมเป็นจำนวนหลายรูป





ด้านบนของประตูทางเข้าด้านหลัง หรือที่เรียกกันว่า " โขงประตูทางเข้า "






เทวดาประจำประตูทางเข้าพระอุโบสถด้านหลัง





ภาพนี้จะเห็นหน้าต่างพระอุโบสถ เป็นไม้ระแนง





อุโบสถวัดพระสิงห์ มีจารึกบอกว่า พญากาวิละให้สร้างพร้อมกับหอไตร เมื่อ พ.ศ. 2354
เป็นอาคารแบบล้านนาที่มีขนาดใหญ่ ตรงกลางอาคารมีกู่ ซึ่งแต่เดิมคงใช้ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน






ยอดกู่อันสวยงามวิจิตร






เครื่องประดับกู่อันวิจิตรงดงาม












ภาพเขียนที่หน้าต่าง และมีผู้เข้ากราบนมัสการพระที่ประดิษฐานที่กู่






ภายในอาคารแบบล้านนา จะไม่มีฝ้าเพดาน จึงเห็นโครงสร้างของขื่อคาน ที่เรียกในภาษาล้านนาว่า เป็นโครงแบบ "ม้าต่างไหม"
ชื่อนี้มีที่มาจากลักษณะการบันทุกผ้าไหมบนหลังของวัวต่างม้าต่าง
ซึ่งจะมีการกระจายน้ำหนักเช่นเดียวกับโครงสร้างหลังคาอาคาร ที่กระจายน้ำหนักเครื่องบนสู่เสาและคาน






วันนี้ลงภาพภายในวัดพระสิงห์ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ชมภาพกันมากมายจนตาลายแล้วค่ะ





ปล.เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพช่อฟ้าของพระอุโบสถนี้ ในหนังสือ ท่องเที่ยว เรียนรู้ล้านนาของ อ.สุรชัย จงจิตงาม บอกว่า
รูปแบบของช่อฟ้าล้านนาจะมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น เช่น ช่อฟ้าของอุโบสถวัดพระสิงห์ ซึ่งแม้จะทำขึ้นใหม่
แต่ก็ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้ เป็นช่อฟ้าที่สลักจากไม้ มีรูปจำลองอาคารอยู่ด้วย
เหมือนเป็นการจำลองวิมานบนสวรรค์ไว้บนยอดหลังคา

ครั้งหน้าจะไม่พลาดการถ่ายภาพ ช่อฟ้าพระอุโบสถหลังนี้มาให้ชมกันด้วยค่ะ


เอนทรี่หน้าจะพาไปชม " วิหารลายคำ " ในบริเวณวัดพระสิงห์ และภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชือในวิหารลายคำกันค่ะ








Create Date : 05 มกราคม 2554
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:17:38 น. 13 comments
Counter : 8815 Pageviews.  

 
ไปแอ่วตวยเจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:16:39:27 น.  

 
ลวดลายเพริศแพร้วพรรณรายจริงๆเลยค่ะ

รูปทรงภายนอกของโบสถ์และหอระฆังก็สวยสง่าซะจริง

สมบูรณ์แบบมากๆ

ไปเชียงใหม่เที่ยวหน้าต้องจดชื่อวัดนี้ไปอีกรายการค่ะป้าแอ๊ด




โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:17:27:02 น.  

 
ดูภาพแล้วละเอียดกว่าตอนไปดูเองเสียอีก
ขอบคุณครับ


โดย: idea4thai วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:17:32:44 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะป้าแอ๊ด...ตอนตั๋นไปมะได้ดูละเอียดแบบนี้เลยค่ะ เห็นทีจะต้องไปใหม่ค่ะ อิอิ


โดย: beatquilt วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:17:37:18 น.  

 
วัดไทยของเราสวยเลิศจริงๆค่ะ
มาเที่ยวกับป้าแอ๊ดได้ความรู้กลับไปด้วย
รายละเอียดเพียบเลยค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:18:24:16 น.  

 
ไม่รู้จะใช้คำพูดอะไรที่จะเหมาะสมกับความงามที่ได้เห็น มองผ่านเลนส์สวยกว่ามองด้วยตาจริงๆค่ะ

ขอบคุณนะคะ สำหรับทริปนี้


โดย: BabyGreace วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:18:53:22 น.  

 
วัดสวยมากครับป้าแอ้ด


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:22:45:37 น.  

 
ป้าแอ๊ด ถ่ายรูปและเล่าเรื่องอย่างประณีตมากๆ ขอชื่นชม


โดย: yyswim วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:0:59:13 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับป้าแอ็ด


ป้าแอ็ดถ่ายภาพและให้คำบรรยายได้ดีมากๆเลยครับ
หลายๆจุดผมเองก็ไม่รู้ประวัติเลยครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:6:31:25 น.  

 
ถ่ายรูปแจ่มมาก เห็นลวดลายชัดกระจะตา งดงามจริงๆค่ะ

ขอบคุณที่พาไปไหว้พระ แม้จะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์


โดย: Love At First Click วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:8:48:44 น.  

 
ผมว่าไม่ต้องไปถึงหลวงพระบางเลย

แค่วัดทางเหนือของไทยก็งามมากแล้ว


โดย: VET53 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:13:06:52 น.  

 
จะรอชมช่อฟ้าพระอุโบสถนะคะ
เหมือนทีหลวงพระบางเลย ของเราจะสวยกว่าด้วยซ้ำไป


โดย: anyonecanquilt (jaekaow ) วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:8:47:34 น.  

 
สุดยอดครับนี่แหละเชียงรายดินแดนแห่งขุนเขา ทะเลหมอก ดอกไม้งาม สาวสวย เหนือสุดแดนสยาม จนใครหลายๆคนยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในเมืองไทย


โดย: Royter วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:16:15:03 น.  

addsiripun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]




ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
[Add addsiripun's blog to your web]