|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
30 มีนาคม 2555
|
|
|
|
วัดบวกครกหลวง เชียงใหม่
สวัสดีค่ะ
บล็อกนี้ยังคงอยู่ที่เชียงใหม่นะคะ วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2555 เวลา 09.00 น. เพื่อนขับรถมารับไปเที่ยววัดตามที่เราต้องการ
วัดแรกที่ไปเยี่ยมเยือนคือ วัดบวกครกหลวง ในเส้นทางจากสถานีรถไฟ ไปทางสันกำแพงเพียงไม่กี่กิโลเมตร
ที่มาวัดบวกครกหลวง เพราะทราบมาว่า วัดแห่งนี้มีภาพผนังเก่าแก่อยู่ในพระวิหาร เป็นฝีมือช่างเขียนชาวไทยใหญ่ (ช่างเงี้ยว) ภาพพอจะยังเห็นได้ ไม่ลบเลือนนัก เป็นศิลปไทยใหญ่ที่หาดูได้ยากพอควร
วัดบวกครกหลวง เป็นวัดในสังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ที่ 24 บ้านบวกครกหลวง ถนนสายเชียงใหม่-สันกำแพง หมู่ที่ 1 ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สร้างครั้งใดไม่ปรากฏประวัติและหลักฐานการสร้าง
แต่จากการสืบประวัติภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ปรากฏพอจะประมาณได้ว่าอายุของวิหารนี้ไม่ต่ำกว่า 300 ปี
วัดนี้เดิมชื่อ วัดม่วงคำ ส่วนชื่อว่า บวกครกหลวง เป็นภาษาพื้นเมือง คำว่า บวกครก แปลว่า หลุม คำว่า หลวง แปลว่า ใหญ่
ซึ่งอาจเป็นการตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้านหรือสภาพพื้นที่หรือสภาพแวดล้อม หรืออาจจะมาจากนิทานพื้นบ้านที่เล่ากันต่อมาว่า นานมาแล้วหมู่บ้านบวกครกหลวงแห่งนี้ เกิดข้าวยากหมากแพง ประชาชนอดอยาก ดังนั้น เจ้านายทางเชียงใหม่จึงนำข้าวออกมาจากท้องพระคลัง และขุดหลุมขนาดใหญ่เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชน ซึ่งอาจเป็นที่มาของการตั้งชื่อวัด จากเรื่องราวในนิทานพื้นบ้านก็เป็นได้
(จากหนังสือ วัดบวกครกหลวง เขียนโดย น. ณ ปากน้ำ)
วิหารนี้ได้มีการซ่อมแซมบูรณะเรื่อยมา จากหลักฐานจารึกที่ปรากฏบนหน้าบันเขียนเลข พ.ศ. 2468 ไว้ ซึ่งคงเป็นการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยนั้น รวมทั้งการเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาด้วย
หลังจากนั้นคงจะมีการบูรณะซ่อมแซมต่อมา เช่น ใน พ.ศ. 2498 มีการราดพื้นวิหารและซ่อมแซมโครงสร้างภายใน เพราะมีหลักฐานบันทึกไว้ที่ฐานวิหาร โครงสร้างของวิหารเป็นไม้ผสมปูน หลังคาเป็นหลังคาจั่วซ้อนสามชั้น
ด้านหน้าทำเป็นมุขโถงยื่นออกมาคลุมราวบันได ซึ่งทำเป็นมกรอมนาคที่มีปากลักษณะเหมือนจะงอยปากนกแก้วหรือจะงอยปากครุฑ ทำด้วยปูนปั้นประดับกระจกปิด
ปั้นลมเป็นนาคลำยอง หางหงส์ทำเป็นหัวนาค ราวโก่งคิ้วด้านหน้าเป็นไม้แกะสลักปิดทอง หน้าบันเป็นไม้แกะสลักเป็นลายก้านขดปิดทองแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมคล้ายฝาปะกน นาคลำยองหางหงส์รูปหัวนาคปิดทองประดับกระจกสี
มุมวิหารทำเป็นปูนปั้นรูปเทพพนมยืน เครื่องบนของเพดานเปิดให้เป็นโครงสร้างไม้และเสารับน้ำหนักของหลังคา ผนังก่ออิฐถือปูนสูงถึงคอสอง
ด้านหน้าวิหารทำประตูไม้แกะสลักปิดทอง ลักษณะทั่วไปของวิหารมีสัดส่วนและองค์ประกอบงดงามแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้สถิตในบวรพระพุทธศาสนายิ่ง
วิหารนี้มีประตูด้านข้างทำเป็นมุขยื่นออกมา
จากแผนผังวิหารแห่งนี้จะเห็นได้ว่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าและด้านหลังมีการลดขนาดความกว้างของห้องเป็น 3 ช่วง เพื่อให้สอดคล้องกับชั้นลดของหลังคา ด้านหลังทำเป็นฐานชุกชีไว้ประดิษฐานพระประธาน และพระพุทธรูป
ภายในวิหารมีธรรมาสน์เทศน์ที่มีอายุเก่าแก่และสวยงามมาก คาดว่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างวิหาร
ธรรมาสน์มีลักษณะเฉพาะตามแบบล้านนา เป็นรูปทรงปราสาท ประดับตกแต่งด้วยลายพันธุ์พฤกษา และยังมีสิ่งที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งที่จะพบได้ในวิหารล้านนาทั่วไปคือ สัตตภัณฑ์ อันเป็นเครื่องสักการบูชาภูเขาทั้ง 14 ในไตรภูมิตามความเชื่อของชาวล้านนา จะใช้กันในวันพระหรือวันสำคัญทางศาสนาโดยชาวบ้านจะนำเทียนมาจุดบนสัตตภัณฑ์นี้ มีลักษณะสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ตรงกลางทำเป็นรูปเทพพนมและมีลายพันธุ์พฤกษา
ด้านหลังรูปเทพพนมประดับแก้วอังวะ (กระจกจีน) ด้านข้างทำเป็นรูปมกรคายนาค สัตตภัณฑ์นี้จะตั้งอยู่ด้านหน้าพระประธานอีกทีหนึ่ง (ไม่สามารถที่จะถ่ายภาพได้ เพราะอยู่กึ่งกลางระหว่างพระประธานกับสิ่งของต่างๆ ด้านหน้า ที่ตั้งบังไปเกือบทั้งหมด)
วิหารวัดบวกครกหลวงเดิมทีเป็นอาคารโถงเช่นเดียวกับอาคารล้านนาทั่วไป ซึ่งสถาปัตยกรรมล้านนาส่วนใหญ่จะเน้นให้เห็นโครงสร้างของไม้และเครื่องบนหลังคาใช้เสาในการรับน้ำหนักของหลังคาทั้งหมด
โดยเฉพาะโครงสร้างไม้แบบม้าตั่งไหมซึ่งเป็นการสร้างตามคติดั้งเดิมอันเป็นลักษณะเฉพาะของล้านนา จึงจะเห็นว่าภายในวิหารวัดบวกครกหลวงนี้จะมีเสาขนาดใหญ่อยู่กลางวิหารถึง 12 ต้น ภายหลังจึงได้มีการทำผนังทึบขึ้นมา 3 ด้านคือ ด้านข้างและด้านหลัง แต่มิได้เป็นการรับน้ำหนักอาคาร
ส่วนด้านหน้าเปิดโล่งไว้ และต่อมาได้มีการสร้างประตูบานใหญ่ขึ้นด้านหน้าเพื่อป้องกันโจรผู้ร้าย
ประตูนี้มีการแกะสลักเป็นรูปทวารบาลปิดทองอย่างงดงาม
หลังคาวิหารเป็นหลังคาซ้อนกัน 3 ชั้น ประดับด้วยกระเบื้องดินเผา มีช่อฟ้าและหางหงส์ เป็นรูปนาค ตามคติชาวล้านนาที่เชื่อว่า วิหารเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ต้องมีนาคคอยดูแลอยู่ จึงมีการประดับตกแต่งวิหารด้วยนาค ส่วนลานทรายที่อยู่รายรอบวิหารหรือศาสนสถานอื่น ๆ ของล้านนาเปรียบเสมือนว่าเป็นน้ำหรือนทีสมุทร
ดังนั้นจะเห็นว่า ทางเข้าด้านหน้าวิหารทำเป็นราวบันไดรูปมกรคายนาคด้วย และนาคที่นี่ก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือ เป็นนาคปากนกแก้วซึ่งมีเพียงแห่งเดียว ส่วนมุขโถงด้านหน้าวิหารเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ในสมัยที่มีการบูรณะ
หน้าบันวิหารเป็นหน้าบันสลักไม้แบ่งเป็นช่องแบบฝาปะกน แต่ละช่องแกะลายประดับกระจกสวยงาม และมีจารึกบอกปี พ.ศ. 2468 สันนิฐานว่าเป็นปีที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์
ผนังด้านนอกของตัวอาคารจะมีปูนปั้นรูปเทพพนมประดับอยู่ตามมุม
ด้านบนเป็นคันทวยลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ทำด้วยไม้ มีอยู่ 2 ลายคือ คันทวยด้านหน้าทั้งสองข้างทำเป็นรูปหนุมานเหยียบเมฆ ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ จะเป็นลายเมฆไหลท่านั้น
นอกจากวิหารแล้วที่วัดบวกครกหลวงแห่งนี้ยังมีอาคารเสนาสนะอื่น ๆ ที่น่าสนใจคือ อุโบสถที่มีรูปทรงสถาปัตยกรรมล้านนา ศาลาบำเพ็ญกุศล กุฎีสงฆ์
และเจดีย์ทรงปราสาทมีเรือนธาตุ 4 ด้าน บุด้วยทองจังโกซึ่งอยู่ด้านหน้าวิหารด้วย
หอพระธรรมไตรปิฏก
ก่อนที่จะกลับออกมา คณะของเราเข้าไปกราบขอพรจากท่านเจ้าอาวาส ถวายปัจจัยบำรุงวัด ซึ่งท่านได้เมตตาแก่เราด้วยการให้เด็กวัดไปเปิดประตูพระวิหารให้เราเข้าไปชมแต่เช้า และยังเมตตาให้ลูกประคำข้อมือที่ทำจากไม้หอมแก่พวกเราคนละเส้นอีกด้วย ขอกราบนมัสการในความเมตตาของพระคุณท่านมา ณ ที่นี้ค่ะ
สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดบวกครกหลวง ขอยกไปในบล็อกหน้านะคะ จะลงให้ชมอย่างจุใจเลยค่ะ
Create Date : 30 มีนาคม 2555 |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:10:23 น. |
|
10 comments
|
Counter : 10433 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: สวพร ทองคำ IP: 27.130.116.131 วันที่: 2 เมษายน 2555 เวลา:1:43:50 น. |
|
|
|
โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:9:20:31 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:10:50:04 น. |
|
|
|
โดย: ตาลเหลือง วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:14:44:33 น. |
|
|
|
โดย: VET53 วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:16:57:15 น. |
|
|
|
โดย: addsiripun วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:19:16:02 น. |
|
|
|
โดย: Vet53 IP: 14.207.123.113 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:22:59:02 น. |
|
|
|
| |
|
|
addsiripun |
|
|
|
|