<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
10 กุมภาพันธ์ 2555

ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งวิมานเมฆ)




สวัสดีค่ะ

วันนี้มาตามรอย ร.๕ กันต่อนะคะ หลังจากที่เว้นว่างการอัพบล็อกไปนานพอสมควร

ในที่สุด ป้าแอ๊ดก็ได้มาเยือน พระที่นั่งวิมานเมฆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาเยือน ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว
ความตั้งใจที่จะมาเยี่ยมชมที่นี่ มีมานานแล้วคะ แต่ก็แห้วทุกครั้ง ไม่เคยสมหวังเลย

วันนี้ได้มาเยี่ยมชม ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายมาเป็นระยะๆ
เสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีโอกาสได้พกกล้องเข้าไปถ่ายภาพด้านในพระที่นั่งฯ
เป็นเหตุผลของทางราชการค่ะ ใครอยากมาชมของจริง ต้องมาเองนะคะ





เมื่อเข้าไปในบริเวณพระที่นั่งแล้ว ต้องเก็บกล้อง และอุปกรณ์มือถือทุกอย่างฝากไว้กับเจ้าหน้าที่
บนอาคารที่จำหน่ายของที่ระลึก ซึ่งจะมีตู้เก็บของไว้ให้ พร้อมกับหมายเลขมารับกลับ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาไปที่เก็บรองเท้า แล้วจึงจะเดินเท้าเปล่า ตัวเปล่า(แต่ไม่ล่อนจ้อน) ขึ้นไปชมพระที่นั่งฯ

เจ้าหน้าที่ผู้น่ารัก แนะนำตัวแล้ว จะนำเดินชมไปตามห้องต่างๆ และอธิบายรายละเอียดให้ทราบ





ประวัติ พระที่นั่งวิมานเมฆ

พระที่นั่งองค์นี้ ป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกในพระราชวังดุสิต





พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในพระราชวังดุสิต
(ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์เรียกว่า พระราชวังสวนดุสิต) ใน พ.ศ. 2444





โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระราชโยธาเทพ (กร หงสกุล ต่อมาเป็นพระยาราชสงคราม) เป็นนายงาน
รื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ (ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นที่เกาะสีชังเมื่อ พ.ศ. 2435 แต่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์)
จากเกาะสีชัง มาสร้างในสวนดุสิต และพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งวิมานเมฆ"
และทรงวางศิลาฤกษ์พระที่นั่งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2443
โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงกำกับการออกแบบ
และ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมพระที่นั่งวิมานเมฆ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2445





พระที่นั่งวิมานเมฆสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง
มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงามประณีตและได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวันตก
การก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2444 และได้เสด็จมาประทับที่พระที่นั่งวิมานเมฆ
จนกระทั่งพระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2445 สร้างเสร็จเรียบร้อยใน พ.ศ. 2449
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถานเป็นการถาวร
จนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453






และพระที่นั่งวิมานเมฆยังคงเป็นสถานที่ประทับของเจ้านายจนกระทั่งสิ้นรัชกาล
เจ้านายฝ่ายในและข้าราชบริพารจึงได้กลับมาประทับที่พระบรมมหาราชวัง





ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาประทับที่พระที่นั่งวิมานเมฆใน พ.ศ. 2468
แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชายา ก็ทรงย้ายออกจากพระที่นั่งวิมานเมฆ
และจากนั้นมา พระที่นั่งวิมานเมฆก็มิได้เป็นพระราชฐานที่ประทับของเจ้านายอีก





ในรัชกาลปัจจุบัน พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นปีที่ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงขอพระบรมราชานุญาตซ่อมพระที่นั่งวิมานเมฆ
เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว





ปัจจุบันพระที่นั่งวิมานเมฆเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในความดูแลของสำนักพระราชวัง
รวมทั้งหมู่พระตำหนักของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในด้วย





ลักษณะขององค์พระที่นั่ง

พระที่นั่งองค์นี้ เป็นอาคารแบบวิตอเรีย ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมยุโรป ผสมกับไทยประยุกต์
องค์พระที่นั่งเป็นรูปอักษรตัวแอล (L) ในภาษาอังกฤษ ยาวด้านละ 60 เมตร สูง 20 เมตร เป็นอาคาร 3 ชั้น
ยกเว้นตรงส่วนที่ประทับซึ่งมีรูปร่างเป็นแปดเหลี่ยม มี 4 ชั้น ชั้นล่างสุดก่ออิฐ ถือปูน ชั้นถัดขึ้นไปสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมดทาด้วยสีครีมอ่อนหลังคาสีแดง
และหลังคาเป็นทรงไทยประยุกต์ มีลวดลายตามหน้าต่าง และช่องลมซึ่งฉลุเป็นลายที่เรียกว่าขนมปังขิง





สำหรับพระที่นั่งวิมานเมฆนี้จะแบ่งเป็นห้องชุดต่างๆ 5 สีด้วยกัน คือสีฟ้า เขียว ชมพู งาช้าง และสีลูกพีช (ชมพูอมส้ม)
แต่ละห้องจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 รวมถึงเจ้านายชั้นสูง
เช่น ห้องสีเขียว เป็นห้องเครื่องเงินจากประเทศจีน
ส่วนชั้นสองเป็นห้องทรงงานของรัชกาลที่ 5 และห้องบนชั้นสามจะเป็นห้องบรรทม
แต่ห้องที่งดงามที่สุดในพระที่นั่งวิมานเมฆเห็นจะเป็นห้องท้องพระโรง ที่มีบรรยากาศขรึมขลังอลังการมากที่สุด





พระที่นั่งวิมานเมฆ ตั้งอยู่ในพระราชวังสวนดุสิต ถนนราชวิถี เขตดุสิต กทม.
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. การเข้าชมโปรดแต่งกายสุภาพ
ส่วนภายในพระที่นั่งวิมานเมฆเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆทุกครึ่งชั่วโมง ภาษาไทย 9.30 น.-15.00 น. ภาษาอังกฤษ 9.45-15.15น.
โดยห้ามถ่ายรูปภายในอาคาร
นอกจากนี้หากมีโอกาสพิเศษพระที่นั่งวิมานเมฆก็จะเปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเที่ยวชมยามค่ำคืน
ส่วนการแสดงนาฏศิลป์ไทยเปิดแสดงวันละ 2 รอบ 10.30 น. และ 14.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2628-6300











Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:13:40 น. 4 comments
Counter : 8584 Pageviews.  

 
วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา

เป็นคนควรพยายามเรื่อยไป จนกว่าผลที่หมายจะสำเร็จ

มีความสุขกับผลแห่งความพยายามในกิจอันสุจริต ตลอดไป...นะคะ



ได้ชมทั้งความงามจากภาพถ่ายที่แจ่มแจ๋ว
แล้วยังได้รับความรู้อีกมากมาย
ขอบคุณป้าแ๊อ๊ดที่นำมาให้ชม ให้ศึกษา...นะคะ

ปอป้าชอบภาพสุดท้ายมาก
ป้าแอ๊ด กะลุงนัส ดูสดใสเสมอ...นะคะ

โหวต...โหวต
แปะ...แปะ

ป.ล. ฝากโหวต ฝากแปะ ให้น้องกระถินด้วย...นะคะ
ป่านนี้ หายแหง่ง ๆ หายงอนป้าแอ๊ดหรือยัง...คะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:12:41:52 น.  

 
เสียดายที่ถ่ายภาพข้างในไม่ได้ ข้างในสวยมากเลยนะคะป้าแอ๊ด


โดย: Love At First Click วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:48:46 น.  

 
ตามมาเที่ยวกับป้าแอ๊ด คะ
....


โดย: ตรี (kate_tee ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:15:29 น.  

 
ชอบรูปสุดท้ายจังค่ะ แปะหัวใจให้ป้าแอ๊ดกับคุณลุงด้วยค่ะ


โดย: แมลงจ่่่อย (Bug in the garden ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:20:30:01 น.  

addsiripun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]




ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
[Add addsiripun's blog to your web]