"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics
การเลือกซื้อคอนโดมิเนียม (ตอน 2 : ซื้อเพื่อยู่หรือลงทุน )

การเลือกซื้อคอนโดมิเนียม (ตอน 2 : ซื้อเพื่อยู่หรือลงทุน )

จากตอนที่แล้ว ผมได้เล่ารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแบบสร้างเสร็จไปแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ คอนโดฯแบบยังสร้างไม่เสร็จหรือ กำลังก่อสร้าง (ทั้งเร่งสร้าง และไม่เร่งสร้าง) ก็ผุดกันขึ้นมาแข่งขันกันมากมาย ถ้าคุณไม่ใช่ผู้ที่จะซื้ออยู่เองแล้ว ผมไม่แนะนำให้ซื้อ ในลักษณะการลงทุนหรือเก็งกำไร ( คอนโดฯที่ดีๆ น่าลงทุนก็มีบ้าง เคยแนะนำเพื่อนให้ซื้อจนตอนนี้ จะเป็นเจ้าแม่คอนโดฯไปแล้ว) เพราะปัจจุบัน จะมีรูปแบบการ ซื้อ-ขาย เก็งกำไรคอนโดฯ กันตั้งแต่ซื้อขายใบจอง, ขายดาวน์, ซื้อแล้วเอาไปขายเอง, ฝากเซลล์ขาย, ซื้อตอนเริ่มก่อสร้างขายตอนสร้างเสร็จ ไปจนถึงซื้อให้คนเช่าในระยะยาว ในทุกรูปแบบ ซึ่งก่อให้เกิดความต้องการเทียมขึ้นจากการคาดเดาตลาด ส่งผลให้ราคาคอนโดสูงกว่าที่เป็นจริงอย่างไม่มีเหตุผล ตารางเมตรละหลายหมื่นบาท ซึ่งเมื่อคำนวณต้นทุนแล้ว การไปปล่อยให้เช่า จะไม่คุ้มทุนแน่นอน ในกรณีที่มีผู้เช่า ยิ่งถ้าไม่มีผู้เช่าด้วยแล้ว ยิ่งขาดทุนใหญ่ เพราะต้องจ่ายค่าส่วนกลางทุกๆเดือนตามกติกา ไม่มีทางเบี้ยว

ส่วนการขายคอนโดฯแบบล่วงหน้าที่ยังเป็นกระดาษ ผ่านระบบเซลล์เน้นมุ่งเน้นยอดขายเป็นหลัก โดยไม่ได้เน้นการให้ข้อมูลที่เป็นจริงทั้งหมดของโครงการ (หลายโครงการไม่ให้ลูกค้าดูผังโครงการ หรือปรับเปลี่ยนผังในภายหลัง, การบอกจำนวนที่จอดรถที่ไม่แน่นอน ปิดบังข้อเสียต่างๆ ฯลฯ) และจนถึงปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดๆของรัฐเข้ามาดูแล การจัดแคมเปญสร้างความแข่งขัน เพื่อบีบการตัดสินใจของผู้บริโภคและสัญญาที่ไม่เป็นธรรมก็ทำให้หมดสิทธิต่อรอง ถ้าเราไม่ตรวจสอบให้รอบคอบ ถี่ถ้วน ราคาคอนโดฯก็จะไม่ต่างจากหุ้นที่ถูกปั่นขึ้นไป จนวันหนึ่งจะถูกทุบราคาลง ใครขายไปหมดก่อนก็รอดตัวไป ใครถือไว้เยอะก็มีแต่เจ๊ง คนที่ถือโครงการใหญ่ที่สร้างไม่เสร็จอาจเสียเงินฟรี คนที่ซึ้อตอนราคาตอนปลายเทียบได้กับซื้อความเป็นหนี้ไปตลอดชีวิต

ในแง่ของผู้ประกอบการ หรือผู้ลงทุน ตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้นเกือบถูกผูกขาดโดยกลุ่มบริษัทใหญ่ๆไม่กี่กลุ่ม ทำให้จริงๆแล้วแทบไม่มีการแข่งขันในแง่ของตัวสินค้าเลย ผู้ลงทุนบางกลุ่มก็ย้ายฐานจากบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์มาลงคอนโดฯผสมโรงด้วย จึงเกิดการลดราคา แจกแถมโปรโมชั่นกันมโหฬารในตลาดบ้านจัดสรรในปัจจุบัน และเปิดตัวโครงการคอนโดฯใหม่ๆขึ้นมาพร้อมกันหลายๆโครงการ ขึ้นมาตอบรับ (มีหลายบริษัทใหญ่ในปัจจุบันที่ลงทุนกับโครงการขนาดใหญ่เกินตัว โดยที่ไม่มีสภาพคล่องเพียงพอ) เพราะใครๆก็กลัวตกรถไฟขบวนนี้กันทั้งนั้น....

คอนโดฯนั้นเป็นโครงการที่ต้องก่อสร้างทีเดียวทั้งตึก ไม่สามารถแบ่งแปลงสร้างเหมือนบ้านเดี่ยวได้ จึงเป็นโครงการที่ต้องลงทุนสูงในครั้งเดียว เงินลงทุนในคอนโดของผู้ประกอบการนั้น ก็มาจากสถาบันการเงินเป็นหลัก ถ้าโครงการไหนมียอดจองสูง แบงก์ก็จะปล่อยกู้ และเมื่อยิ่งจองเยอะสัดส่วนลงทุนของแบงก์ต่อผู้ประกอบการก็ยิ่งสูงตาม จนแทบกลายเป็นการจับเสือมือเปล่าของผู้ประกอบการหน้าเก่า (ในขณะที่หน้าใหม่ไม่ให้กู้) แล้วก็ผลักดันโครงการออกมาพร้อมๆกันหลายโครงการ ทำให้เกิดการทุ่มตลาดในช่วงพรีเซลล์และการเบ่งยอดจอง(ทำยอดให้สูงไว้ก่อน จองจริงไม่จริงค่อยว่ากัน) จะเห็นได้จากข่าวที่โครงการหลายโครงการที่มีข่าวทำยอดจองถล่มทลาย แต่ทำไมไม่เริ่มก่อสร้างซักที ในขณะที่แบงก์ก็ต้องการปล่อยกู้สร้างตึก แต่ก็กลัวหนี้เสียจากการผ่อนคอนโดฯของรายย่อยในระยะยาวด้วย การอนุมัติเงินกู้ซื้อคอนโดฯปัจจุบันจึงเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ผู้จองไม่กี่รายที่จะมีศักยภาพในการกู้จริง แม้วงเงินอยู่ที่ล้านต้นๆถึงสองล้าน แต่จากข้อมูลในกทม.ทั้งหมด มีคนที่พอกู้เงินจำนวนนี้ได้อยู่ราว 4 แสนคนเท่านั้นเอง ตลาดหลักของคอนโดฯนั้นอยู่ในกทม. ซึ่งมีการขยายตัวของที่อยู่อาศัยราวๆปีละ 7-8 หมื่นยูนิต ในปัจจุบันคอนโดที่ยังอยู่ในตลาดและระหว่างก่อสร้างอีกราว 2-3 เท่าของจำนวนนี้ และมีแนวโน้มเปิดตัวมากขึ้น ยังไม่นับผู้บริโภคบางส่วนที่ไม่ยอมรับที่อยู่อาศัยแบบนี้ จึงนับได้ว่าคอนโดฯมีปริมาณล้นตลาดอยู่พอสมควร ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 แถมช่วงนี้เงินบาทไทยก็แข็งเหมือนกันเสียด้วย

ถ้าไม่ได้อยู่จริง ไม่ควรซื้อ
ปัญหาการเก็งกำไรคอนโดฯ ในระยะสั้นๆเช่น มีผู้บริโภคจำนวนมากที่ไปจองคอนโดฯไว้โดยที่ไม่มีความสามารถในการผ่อนจริง หลายคนไม่รู้ตัว นึกว่าผ่อนดาวน์ได้ก็พอแล้ว แต่ในขณะเดียวกันหลายคนก็รู้ว่าผ่อนไม่ได้ แต่หวังจะขายจองออกให้ได้ก่อนโอน โครงการไหนขึ้นใหม่ก็ไปจองเพิ่มเอาไว้อีก ในขณะที่การขายต่อ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะความต้องการเทียมนั้น เกินปริมาณความต้องการอยู่แล้ว และโครงการใหม่ๆก็มีเกิดขึ้นตลอดเวลาด้วย สุดท้ายต้องยอมโอนห้องที่ไม่อยากได้มาเป็นภาระ ถ้าคนจองทิ้งดาวน์หลายราย ก็จะส่งผลกับงวดเงินกู้จากแบงก์ ทำให้โครงการขนาดใหญ่ๆที่ต้องก่อสร้างนานๆถูกระงับการก่อสร้างได้ คนที่จองแล้วผ่อนแบงก์อยู่ ก็จะโดนแจคพอต เสียเงินแต่ไม่มีที่อยู่ ผู้ที่สนใจซื้อคอนโดฯ จึงควรจะพิจารณาปัจจัยเสี่ยงและตัดสินใจอย่างรอบคอบขึ้น ที่อยู่อาศัยนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่มันก็ไม่ใช่ตลาดหุ้นที่จะเข้ามาทำกำไรกัน กำไรที่ได้มาก็มาจากผู้บริโภคอื่นที่มาซื้อต่อ ไม่ได้เป็นการสร้างงานหรือสินค้าใดๆ ยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายทางอ้อมแก่อุตสาหกรรมที่รองรับ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ซื้อคอนโดฯ เฉพาะเอาไว้อยู่จริงเท่านั้น จะช่วยให้ตลาดคอนโดฯมีราคาที่เป็นจริงมากขึ้น และผู้ประกอบการก็จะมาแข่งขันกันที่คุณภาพเพิ่มขึ้น ให้ผู้บริโภคได้สินค้า ที่มีคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผลจริงในระยะยาว

ส่วนผู้ที่ตั้งใจซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงนั้น คิดว่าส่วนใหญ่ของผู้บริโภคนั้น ก็ไม่เคยใช้ชีวิตในคอนโดฯมาก่อน จึงควรรับรู้สภาพ กฎ กติกา ของการอยู่คอนโดฯ ให้มากๆหน่อย ถ้าคิดว่ารับไม่ได้ จะได้รีบกลับตัวทัน ปัญหาใหญ่ของการอยู่อาศัยในคอนโดฯเช่น

ความแออัดของโครงการ
ปัญหาเรื่องความแออัด โครงการคอนโดฯส่วนใหญ่จะพยายามจำกัดขนาดห้องไว้ให้เล็ก เพื่อให้สามารถทำราคาขายแข่งในตลาดใหญ่ได้ ราคาต่อยูนิตจะได้ไม่สูงมาก คนซื้อจะดูราคาก่อนอื่น คอนโดฯก็จะขายง่ายกว่า ในขณะที่การอยู่อาศัยร่วมกันนั้น คนไทย ยังมีการเคารพสิทธิของคนอื่นน้อย รวมทั้งการรักษาสมบัติส่วนรวม เสียงรบกวนของเด็กร้อง หมาเห่าจากข้างห้องหรือปล่อยออกมาขี้เรี่ยราด จะเป็นปัญหากับโครงการที่มีความหนาแน่นสูง ราคาต่ำ ยิ่งเป็นโครงการที่มีหลายๆตึกด้วยแล้ว ความแออัด ก็เป็นปัญหาทั้งภายในตึก และภายนอกตึก ในขณะที่การเก็บค่าส่วนกลาง ก็จะเป็นปัญหาของโครงการทั้งขนาดใหญ่และเล็ก

ปัญหาการเดินทาง
ระบบขนส่งมวลชนของกทม.นั้นยังใช้เป็นระบบหลักไม่ได้ และคงอีกนานหลายปี กว่าจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ การใช้รถยนต์จึงยังเป็นความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ที่จอดรถน่าจะเป็นปัญหาหลักที่เห็นได้ชัดที่สุดของคอนโดฯ เนื่องจากกฎหมายควบคุมอาคารชุดของไทย ในปัจจุบันนั้น กำหนดจำนวนที่จอดรถไว้ตามพื้นที่ขายคิดแล้วประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนยูนิตเท่านั้นเอง (โครงการไหนที่บอกว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์แปลว่าเค้านับรวมที่จอดแบบขวางไปด้วย ที่กทม.เขาไม่นับ) ยิ่งโครงการที่มีสัดส่วนห้องเล็กมากที่จอดรถก็จะยิ่งน้อยตามไปนั่นเอง

การลงทุน ให้เช่าห้อง
ปัญหาจากการให้เช่าห้องในระยะยาวก็ดูจะไม่แน่นอน ความต้องการเช่านั้นในพื้นที่ต่างๆถึงไม่เปลี่ยนไปมาก อยู่บนพื้นฐานของปริมาณงานที่อยู่ในบริเวณเป็นหลัก หรือความเจริญของพื้นที่โดยรอบเป็นหลักก็ตาม แต่ขณะเดียวกันมีหอพัก,อพาร์ทเมนท์หรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์มารองรับอยู่ด้วย จึงมีอัตราการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆของห้องเปล่าที่จะมาให้เช่า จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะคงจำนวนและราคาเช่าในระยะยาวได้ คนเช่าก็จะย้ายไปย้ายมาตามแต่สะดวก ที่ไหนค่าเช่าต่ำกว่า ห้องใหม่กว่า หรืออย่างแย่สุดก็ค้างค่าเช่าแล้วย้ายหนีไปเลย

และเมื่อรู้ปัญหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ควรต้องตรวจสอบโครงการ เพื่อความมั่นใจอีก เช่น
กรณียังไม่ก่อสร้าง
1. ตรวจสอบใบอนุญาตการก่อสร้าง
2. ตรวจสอบชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แผนผังแสดงการก่อสร้าง เลขที่โฉนดที่ดินจากกรมที่ดิน
3. ตรวจสอบว่าที่ดินที่จะก่อสร้างมีภาระผูกพันกับนิติบุคคลหรือสถาบันการเงินหรือไม่
4. สอบถามหรือขอคำรับรองจากผู้ประกอบการว่าจะเริ่มก่อสร้างและแล้วเสร็จเมื่อไหร่

กรณีสร้างเสร็จแล้ว
1. ตรวจสอบว่ามีการลงทะเบียนอาคารชุดแล้วหรือไม่ เลขที่อาคารชุด
2. ตรวจสอบเลขที่โฉนด จำนวนเนื้อที่ของโครงการ
3. ตรวจสอบรายการและขนาดของทรัพย์สินส่วนกลางว่าตรงกับที่โฆษณาหรือไม่
4. สอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอื่นๆนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

นอกจากนี้ไม่ว่าคอนโดฯนั้นจะสร้างแล้วหรือยังไม่สร้างก็ต้องตรวจสอบเรื่องอื่นๆด้วยเช่น ชื่อ ที่อยู่ และสถานภาพของผู้จดทะเบียนโครงการ ว่าเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และที่สำคัญ ก่อนทำสัญญากับผู้ประกอบการ ควรศึกษาแบบสัญญามาตรฐานที่สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาสัญญาของผู้ประกอบการ (ถ้าค้นเจอจะเอามาลงให้ดูด้วยเลยครับ บางทีก็หายาก)

TraveLAround


หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : d_sign_place@yahoo.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ปล. ตอนนี้ผมเขียนบล็อกมาได้กว่า 490 เรื่องแล้ว ล้วนเป็นสาระน่ารู้ต่างๆ ท่านที่เข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group :
นานา สาระ๑๐๐๐

ส่วนเรื่องเกี่ยวกับบ้านและการตกแต่ง รวมรวมแยกไว้ในหมวด Home Lover’s Corner สามารถคลิ๊กที่ ลิงค์ด้านบนได้เลยครับ

ข้อมูลประกอบจาก
//www.propertyexpat.org


Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 0:54:39 น. 7 comments
Counter : 1066 Pageviews.

 
ขอบคุณมากคะ ตาสว่างแล้ว เคยคิดเหมือนกันว่าอยากจะซื้อคอนโดให้เช่า เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ


โดย: วิ (blimey ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:44:54 น.  

 
รบกวนถาม
เรื่องความแตกต่างของที่ดิน สปก. กับ ที่ดินที่เสียภาษีดอกหญ้า มันต่างกันอย่างไร

ถ้าเราซื้อที่ดินที่ปัจจุบันเสียภาษีดอกหญ้าแล้วปลูกเป็นบ้านพักผ่อนจะทำได้มั๊ยคะ ในอนาคตจะมีปัญหาอะไรมากมายรึเปล่า

ลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่ที่อยู่บนเขาเตี้ย ๆ ติดถนนดำ ห่างตัวอำเภอประมาณ 30 กม. มีน้ำประปาหมู่บ้าน มีไฟฟ้าเข้าถึงที่ ชาวบ้านใช้พื้นที่เชิงเขาทำไร่ข้าวโพด ส่วนที่บนเขาเป็นหิน ไม่มีต้นไม้ใหญ่ ปลูกพืชไร่ไม่ได้


โดย: แมวไร้เงา วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:55:27 น.  

 
สปก.เป็นสิทธิทำกินที่ขายไม่ได้ คนที่มีก็มาขายเราไม่ได้ การโอนสิทธิ์จะให้ได้แค่ทายาทเท่านั้น เขามีจุดประสงค์เพื่อจัดสรรที่ทำกินให้กับเกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกินของตนเอง ไม่ต้องไปบุกรุกถางป่า เขาจึงต้องตรวจสอบสถานะอาชีพก่อนแจก ว่าเป็นชาวไร่ชาวนาตัวจริงหรือเปล่า อันนี้ไม่ควรไปยุ่ง พวกนักการเมืองที่ยุ่งเรื่องนี้ก็พังมามากแล้ว

ส่วนที่เสียภาษีดอกหญ้านี่ ผมเพิ่งเคยได้ยิน สันนิษฐานว่าคงเป็นภบท. ซึ่งเป็นภาษีอันดับแรกๆ คือ เราเข้าไปบุกเบิกพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ที่ไม่ใช่ป่าสงวน ทีนี่การใช้พื้นที่ก็จะต้องเสียภาษีการใช้ที่ดิน และเป็นการแสดงสิทธิไปในตัวว่าเราเป็นผู้ครอบครองที่ดินผืนนี้ ในการใช้ประโยชน์ ต่อมาเราต้องรอความเจริญของพื้นที่รอบๆด้วย ทางการเขาจะจัดรูปที่ดินหรือออกเอกสารอะไรให้นั้น ต้องดูนโยบายของรัฐด้วยว่าพื้นที่ใดจะเปิดให้ขอหรือไม่ กับต้องดูเจ้าหน้าที่ที่ดินท้องถิ่น ซึ่งเขามีการทำงานไม่เหมือนกัน(คงรู้กันอยู่ พูดไม่ได้ครับ) แต่เรื่องในพื้นที่นี่ เป็นเรื่องของชาวบ้านที่จะต้องตกลงกันเอง ว่าเขตใครแค่ไหน เพราะไม่มีหลักเขต ถ้ามีล้อมรั้วบ้างก็จะชัดเจน

ที่ภบท.ส่วนมากก็จะทำการเกษตรได้ และเราจะปลูกบ้านหรือทำอะไรบ้างก็ได้ แต่ต้องไม่ลงทุนมาก และต้องทำใจกับการเปลี่ยนแปลงได้ เป็นอันดับแรก ดังนั้นเมื่อเราอยากจะทำอะไรก็ ทำเล็กๆไปก่อน อย่างเช่นที่ดินที่ว่า ถ้ามีหินมาก เราก็มาสร้างบ้านหิน บ้านดิน ได้ เป็นวัสดุก่อสร้างอย่างดี ที่ชาวบ้านไม่เอา พอรวบรวมขุดหินมาสร้างบ้านได้ ที่ดินก็จะมีหินน้อย และพอปลูกต้นไม้ได้ พวกไม้ผลยืนต้นที่ทนแล้งได้หน่อย อย่างนี้ก็อยู่ไปได้ครับ 10-20 ปีนี่ พื้นที่รอบๆคงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ก็อยู่คุ้มแล้ว ถ้าขยับออกเป็นภบท.หรือนส.3 ได้ก็โชคดี หรือถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อยู่ไปแค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ อย่าไปทำใหญ่ๆอย่างบนเขายายเที่ยง มันไม่คุ้มครับ


โดย: travelaround (travelaround ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:25:50 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้ความกระจ่าง

ก็ตั้งใจว่าอีกหน่อย จะสร้างกระท่อมเล็ก ๆ กว้าง 5x10 เมตร มีลานนั่งเล่นกว้าง ๆ เอาไว้นั่งกินลมชมวิวน่ะค่ะ

คนเรานี่ก็แปลกนะ ไม่รู้จักพอ ก็ยังงง ๆ ตัวเองเหมือนกันว่าจะทำไปทำไมกัน


โดย: แมวไร้เงา วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:28:38 น.  

 
ดีจริง .. มีการโพสเรื่องแบบนี้ไว้บ้าง

เราเคยเช่าคอนโดแต่ตอนสมัยเรียน
ก็ดู agent เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย
เห็นห้องแล้ว ถูกใจ อ่านสัญญา ปรึกษาทนาย ก็ว่ากันไป


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:21:46:37 น.  

 
ถามสำหรับคนที่อยากลงทุนจริง ๆ
อยากทราบว่า ณ ตอนนี้ คอนโดไหนน่าลงทุนบ้างค่ะ ช่วยแนะนำด้วย
ส่วนตัวจองไปแล้วแถวรัชดา ได้ขอมูลนี้ทำให้ต้องคิดหนักเหมือนกันค่ะ แต่ก็เป็นประโยชน์มาก ๆ เลย ขอบคุณมากค่ะ


โดย: happy IP: 124.120.114.190 วันที่: 29 สิงหาคม 2551 เวลา:12:31:24 น.  

 
สนใจลงทุน ซื้อคอนโด ปล่อยเช่านะคะ น่าสนใจจริงๆเลย สำหรับตอนนี้


โดย: hanamaka วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:11:04:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.