"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics
เรื่องบ้าน สำหรับคนหาบ้าน : ความรู้ทั่วไปเรื่องบ้าน ที่ผู้ซื้อควรรู้


การจะหาบ้านสักหลัง สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีบ้าน คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะการมีบ้านสักหลัง สำหรับคนๆหนึ่ง ก็คงจะมีโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต เท่านั้น และเรื่องของบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บ้านหลังหนึ่งๆ จะมีองค์ประกอบต่างๆมากมายหลายหลาก













ผมเคยร่ายยาวไว้ เรื่อง “การเลือกซื้อที่อยู่อาศัย” ที่แนะนำการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย อย่างกว้างๆไว้แล้ว ลองย้อนกลับไปอ่านได้ และแม้ว่าผู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่ จะคำนึงถึงเรื่องราคาและทำเลที่ตั้ง เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ “ตัวบ้าน” ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ดังนั้น ในวันนี้ เราจะมาว่ากันเฉพาะเรื่อง “บ้าน” สำหรับคนที่จะซื้อ หรือจะสร้าง ให้มีความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับบ้าน การจะซื้อ หรือจะสร้าง จะได้นึกภาพออก ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าอะไรเป็นอะไร


เรื่องบ้านที่เราจะพูดถึงกันต่อไปนี้ ผมจะยังไม่เอาเรื่องของงบประมาณ มาเป็นเรื่องใหญ่ แต่จะว่ากันเรื่องการใช้งาน และการก่อสร้าง เสียก่อน เจาะลึกกันไปเป็นเรื่องๆ เอาแบบละเอียดเลยครับ แต่จะทยอยเล่ากันเป็นฉากๆ ตอนๆ ให้เข้าใจง่าย และเจาะจงเอาเรื่อง “บ้านเดี่ยว” มาเป็นหลัก เพราะเป็นอสังหาฯ ยอดนิยม ส่วนบ้านแบบอื่นๆ ก็คงต้องเอามาเทียบเคียงกับเรื่องนี้ (หรือถ้ามีเวลา ผมจะมาขยายความต่อในภายหลัง)









บ้านซื้อ หรือบ้านสร้าง

เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ผมจะอธิบายเรื่องบ้าน ให้ครอบคลุม บ้านในลักษณะของทั้ง บ้านจัดสรร และบ้านสร้างเอง เป็นข้อมูลรวมๆ ไปพร้อมๆกันหรือเปรียบเทียบกันไปบ้าง แม้บ้านทั้งสองประเภทนั้น จะมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันอยู่หลายอย่าง เช่น

การซื้อบ้านจัดสรรนั้น จะสะดวกกว่าการปลูกเอง ไม่ต้องวุ่นวายและยุ่งยากกับการสร้างบ้านมากนัก สามารถดูบ้านจากสำนักงานขาย หรือบ้านตัวอย่างได้เลย ชอบไม่ชอบ ก็ตัดสินใจง่าย แต่ข้อเสียก็คือ มาตรฐานการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง จะสู้การปลูกเองไม่ได้ เพราะโครงการต่างๆ เขาต้องแข่งขันกันในเรื่องราคา (ไม่ว่าจะเป็นบ้านในระดับใด) การใช้วัสดุก่อสร้างดีๆ แพงๆ จึงทำไม่ได้เต็มที่ เหมือนบ้านที่สร้างเอง การซื้อบ้านจัดสรรก็เหมือนการเลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูป บางทีเราก็ไม่สามารถจะทราบได้ว่ากระบวนการผลิตเป็นเช่นไร แต่ว่าถ้าเราสามารถตรวจสอบในขั้นตอนการก่อสร้างได้ ก็จะทำให้แน่ใจได้มากขึ้น ในเรื่องของคุณภาพ และมาตรฐาน











ส่วนการปลูกสร้างบ้านเองนั้น แน่นอน ขั้นตอนต่างๆย่อมมากกว่ากัน และเราก็ต้องมีเวลากับมัน ในทุกขั้นตอน แต่ข้อดีคือ เราจะได้บ้านที่เราต้องการมากที่สุด (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแพงกว่าบ้านจัดสรร) เหมือนกับการซื้อเสื้อแบบสั่งตัด วัดตัว ย่อมได้เสื้อที่พอดี พอเหมาะตามต้องการทุกอย่าง อาจเสียเวลารอ จ่ายค่าแรงเพิ่ม แต่ก็เป็นของเฉพาะตัว ไม่มีใครเหมือน (ถ้าเป็นบ้านจัดสรร ก็ต้องไปต่อเติมโน่น แก้ไขนี่ ให้วุ่นวาย เช่นกัน)





ความมั่นคง แข็งแรง ของบ้าน

แต่สิ่งที่เป็นมาตรฐานของบ้าน ที่เหมือนกัน และสำคัญ ลำดับต้นๆ ก็คือความมั่นคง แข็งแรง ของบ้าน เพราะบ้าน ไม่ได้สร้างกันบ่อยๆ บ้านหลังหนึ่งๆอาจใช้เป็นที่อยู่ของครอบครัว ไปได้ถึง 4-5 ชั่วอายุคน บ้านที่มั่นคง แข็งแรง จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพียงหนเดียว แต่ถ้าเราสร้างมันอย่างประหยัด ใช้วัสดุที่ไม่คงทน มันก็จะมีอายุสั้น ใช้งานได้ไม่กี่สิบปี

ส่วนประกอบของบ้าน จะประกอบด้วยส่วนต่างๆหลายอย่าง โดยทั่วไป เราจะแบ่งลักษณะงานเป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
6.1 ฐานราก
6.2 โครงสร้าง
6.3 ผนังและช่องเปิดต่างๆ (ประตู-หน้าต่าง)
6.4 หลังคา
6.5 งานระบบ (ไฟฟ้า ประปา และอื่นๆ)
6.6 งานตกแต่งสถาปัตยกรรม

แต่ถ้าจะแบ่งแยกให้เข้าใจง่าย เพื่อพิจารณาเรื่องความแข็งแรงของบ้าน เราจะแยกแค่ 2อย่าง เท่านั้น คือ
1. ส่วนโครงสร้าง
2. ส่วนประกอบตกแต่ง




โครงสร้าง
ได้แก่ ส่วนที่เป็นตัวรับ ยึด ตั้ง ของส่วนประกอบอื่นๆ ให้เป็นรูปร่าง เป็นห้อง โครงสร้างจึงต้องมีความแข็งแรง รับน้ำหนักต่างๆได้หมด รับแรงลมแรงพายุ แรงแผ่นดินไหว ได้อย่างดี ส่วนประกอบหรือตกแต่งอื่นๆ แม้ทรุดโทรมผุพังไป ก็ซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่ได้ แต่โครงสร้างต้องแข็งแรงทนทานให้ได้ระยะเวลานานๆ เป็นร้อยปีขึ้นไป










ส่วนประกอบตกแต่ง ผนัง ประตู หน้าต่าง งานระบบต่างๆ เป็นส่วนประกอบที่ตามมาก่อสร้างและประกอบภายหลัง เมื่องานโครงสร้างแล้วเสร็จ เพื่อแบ่งการใช้งานต่างๆ ไปตามหน้าที่ของมัน และเพื่อความสวยงาม พวกผนังประตูหน้าต่าง ถ้าสร้างอย่างดี แข็งแรง ก็จะมีอายุการใช้งาน ได้นานเท่าๆกับโครงสร้าง แต่ถ้าใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัด ราคาถูก แต่ไม่แข็งแรง มันก็จะพังไปก่อน ต้องคอยปรับปรุงซ่อมแซม เป็นระยะๆ เช่นงานระบบต่างๆ ระบบไฟฟ้า พวกสายไฟก็จะเสื่อมสภาพก่อน บ้านเก่าๆ จึงต้องเดินระบบไฟกันใหม่ทั้งหลัง ถ้าไม่อยากให้ไฟลัดวงจร จนเป็นสาเหตุให้ไฟไหม้บ้าน ท่อประปา นานๆเข้า ก็จะรั่วซึม ทำให้น้ำไปทำลายวัสดุก่อสร้างอื่นๆพังตามไป เช่นฝ้าเพดานผุเปื่อย ผนังปูนบวม กระเทาะ เป็นต้น แต่การซ่อมแซมส่วนประกอบพวกนี้ ก็ไม่ได้กระทบต่อโครงสร้างของบ้าน ที่ยังมั่นคงแข็งแรงอยู่





มาตรฐานงานก่อสร้าง

สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เรามั่นใจว่าโครงสร้าง และบ้านของเรา มั่นคงแข็งแรงนั้น ก็คือ มาตรฐานงานก่อสร้าง ซึ่งจะดีหรือไม่ดีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ ว่าควบคุมคุณภาพได้ดีแค่ไหน ใช้วัสดุก่อสร้างดีแค่ไหน เพราะบางที การดูภายนอกอาจจะมั่นคง สวยงาม แต่ส่วนที่เรามองไม่เห็น เช่นโครงสร้างใต้ดิน หรือบนหลังคา ก็อาจจะทำให้เศร้า หรือเสียเงินภายหลังได้ บ้านจัดสรรจึงมีมาตรฐานสู้บ้านที่สร้างเอง หรือบ้านที่สถาปนิกออกแบบไม่ได้ เพราะเขาออกแบบคำนวณกันเฉพาะ และเผื่อความแข็งแรง มากกว่า


บ้านอยู่สบาย ประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่าย

ปัจจุบัน เมื่อโลกตกอยู่ในสถานะผิดปรกติ ทำให้การสร้างบ้าน มีปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาหลายอย่าง คือนอกจากจะอยู่สบายแล้ว ต้องประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่าย ในการใช้งานและบำรุงรักษาอีกด้วย ซึ่งปัจจัยพวกนี้ เราต้องวางแผนการออกแบบ ก่อสร้าง ตั้งแต่แรก จึงจะได้ผลดีที่สุด การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างประหยัด ต้องมีการนำเทคนิคการก่อสร้างๆ และวัสดุที่เหมาะสม มาใช้ในการก่อสร้างบ้านให้ประหยัดพลังงาน จึงจะประหยัดค่าใช้จ่าย ได้ผลตามมา









เมื่อเข้าใจหลักการ ของการสร้างบ้าน ให้มั่นคง แข็งแรงแล้ว จะย้อนมาว่าเรื่องของส่วนประกอบต่างๆ ให้ละเอียดขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือน่าปวดหัว เพราะเราต่างก็สัมผัสกันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้มาสร้างเอง ซื้อเองเท่านั้น ส่วนประกอบหลักๆที่ควรรู้ ได้แก่

1.ฐานราก เป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญที่สุด แต่เรามองไม่เห็น ฐานราก แบ่งเป็น 3 ส่วน คือเสาเข็ม ฐานรากและตอม่อ ทั้ง 3 ส่วนนี้ จะทำหน้าที่รับน้ำหนักบ้านทั้งหลัง ที่อยู่เหนือดิน ไม่ให้ทรุด จม หรือเอียง จนเป็นสาเหตุให้บ้านพัง เสาเข็มจะเป็นตัวรับน้ำหนักส่วนใหญ่ ด้วยแรงต้านของดิน และถ้ามีเสาเข็มจำนวนมาก เราก็จะมีฐานราก ที่มารับน้ำหนักรวมจากเสาเข็มหลายต้น ให้มาอยู่ที่ตอม่อต้นเดียว เพื่อขึ้นมารับเสาต่อไป (ฐานราก ที่จริงไม่ได้มีแบบนี้เพียงระบบเดียว แต่บ้านทั่วไปในประเทศไทย นิยมใช้ระบบนี้ เกือบทั้งหมด ยกเว้นบางพื้นที่ พื้นดินมีความแน่น แข็งมาก อาจไม่จำเป็นต้องตอกเสาเข็ม ก็ใช้เพียงฐานรากเพียงอย่างเดียว)




2. งานโครงสร้าง และบันใด ก็จะหมายถึง ระบบเสา-คาน โดยมีวัสดุหลักๆ ที่ใช้กันอยู่ 3 ชนิดคือ ไม้ คอนกรีตเสริมเหล็ก และเหล็ก แต่ปัจจุบัน ไม้เริ่มหมดและราคาแพงขึ้นมาก จึงไม่ค่อยจะใช้กันแล้ว คงมีคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นหลัก ที่นิยมใช้กันมากที่สุด โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก จะประกอบด้วยวัสดุ 2 อย่าง ตามชื่อของมัน คือ คอนกรีต กับ เหล็ก ซึ่งวัสดุ 2 ชนิดนี้ ทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน คอนกรีตจะรับน้ำหนักแบบกดได้ดี แต่เหล็กจะรับแรงบิดแรงเฉือน เช่นเสา มีคอนกรีตรับน้ำหนักเป็นหลัก แต่คาน จะมีเหล็ก รับน้ำหนักเป็นหลัก การจะใช้เหล็กใหญ่เล็ก กี่เส้น ต้องให้วิศวกรคำนวณ ตามน้ำหนักและขนาดของบ้าน ไม่มีขนาดตายตัว บางทีก็จะยืดหยุ่นตามราคาวัสดุด้วย เช่นเวลาเหล็กแพง ก็ใช้เหล็กน้อย คอนกรีตมาก เสาก็จะใหญ่หน่อย แต่ถ้าปูนแพง เหล็กถูก เสาก็จะเล็กกว่า (แต่ความแข็งแรงเท่ากัน)








บันใด
เป็นองค์ประกอบที่มีหน้าที่เป็นทางติดต่อระหว่างชั้น จึงควรมีความแข็งแรงเท่ากับโครงสร้าง ซึ่งการใช้คอนกรีตเสริมเหล็กดูจะเหมาะสมที่สุด ส่วนเหล็ก จะด้อยเรื่องความสวยงามลงไป ซึ่งการตกแต่งก็อาจจะใช้ไม้มาเป็นขั้นบันใด ทำให้ดูสวยงาม





3. ผนังและช่องเปิดต่างๆ (ประตู-หน้าต่าง) งานส่วนนี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความสวยงามของตัวบ้าน และยังมีผลโดยตรงต่อการใช้งานอาคารในด้านการป้องกันความร้อน แสงแดด และน้ำฝน การตัดสินใจเลือกวัสดุที่จะใช้ และขนาดระยะต่างๆ จะต้องเหมาะสมกับการใช้สอย








ในหลักการแล้ว ผนังที่อยู่ภายนอกทั้งหมด ควรใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทาน เพื่อป้องกันความร้อน แสงแดด และน้ำฝน ได้เต็มที่ โดยเฉพาะในบ้านเรา มีอากาศร้อน แดดแรง ผนังควรจะสามารถเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีอีกด้วย ส่วนผนังภายใน อาจไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุที่แข็งแรงมาก เพราะเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงประโยชน์ใช้สอยได้ในภายหลัง ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
วัสดุก่อสร้างที่นิยมใช้กัน ก็มีไม้ อิฐ และคอนกรีตบล็อก ซึ่งไม้ ก็เริ่มใช้น้อยลง เช่นส่วนประกอบอื่นๆ เช่นกัน วัสดุที่นิยมใช้มาก ได้แก่อิฐมอญ แต่บ้านเรามักจะประหยัดด้วยการก่ออิฐมอญแบบครึ่งแผ่น ทำให้ไม่สามารถกันความร้อนได้เต็มที่ ห้องที่อยู่ด้านทิศตะวันตก จะระอุด้วยความร้อน มากกว่าห้องอื่นๆ ถ้าจะให้ดีควรก่ออิฐมอญแบบเต็มแผ่น หรือก่อ 2 ชั้น มีฉนวนกันความร้อนอยู่กลาง หรือถ้าจะประหยัด ก็ทำเฉพาะด้านทิศตะวันตก ที่ร้อนที่สุดเพียงด้านเดียวก็ได้





ช่องเปิดต่างๆ หมายถึงประตูและหน้าต่างทั้งหลาย ซึ่งไม่เพียงแต่มีประโยชน์ใช้สอยแล้ว ยังเพิ่มความสวยงามให้บ้านอีกด้วย การเจาะช่อง ประตู หน้าต่าง จึงต้องคำนึงถึงเรื่องดังกล่าว ทั้ง 2 ด้าน เช่นหน้าต่าง นอกจากจะเปิดระบายอากาศ ชมวิวแล้ว ภายใน ก็มีผลต่อการจัดวางเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย



4. หลังคา เป็นส่วนที่มีความสำคัญ ไม่แพ้ส่วนอื่น คอยปกป้อง แดด ฝน ให้กับส่วนอื่นๆทั้งหมด ส่วนของหลังคา ถ้ามีปัญหา ก็จะทำความเสียหายให้กับตัวบ้านมาก ใครที่อยู่บ้านเก่า คงมีความรู้สึกได้ เวลาที่ฝนตกจะต้องคอยหากระป๋อง มารองน้ำกันให้วุ่นวาย

หลังคาประกอบด้วยวัสดุหลัก 2 ส่วน คือโครงหลังคา และวัสดุมุงหลังคา มีความสำคัญเท่าเทียมกัน และทำหน้าที่ร่วมกันอย่างสามัคคี โครงหลังคา ถ้าไม่แข็งแรง แอ่นยุบ ก็จะทำให้กระเบื้องอ้า เผยอ น้ำรั่วเข้าบ้านได้ หลังคาถ้าไม่แข็งแรง ก็จะแตกหัก หรือมุงไม่สนิท ก็เป็นสาเหตุให้น้ำรั่วซึม สร้างความเสียหาย กับโครงหลังคา และตัวบ้านได้ เช่นกัน











โครงหลังคา
จะใช้วัสดุก่อสร้าง หลักๆ 2 ชนิด คือไม้ กับเหล็ก ส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กมักจะใช้แค่โครงสร้างใหญ่ๆ เช่นคาน แต่ส่วนจันทัน แป ตง นั้นก็นิยมใช้ไม้และเหล็ก ซึ่งนับวันไม้ก็เริ่มใช้น้อยลงเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลเดียวกับส่วนอื่นๆ อนาคตก็คงจะเหลือแค่โครงเหล็กเท่านั้น ที่จะเป็นพระเอกอยู่บนหลังคาแต่เพียงผู้เดียว โครงหลังคาเหล็ก เริ่มมีเข้ามาทดแทนเมื่อไม้ มีราคาแพงขึ้น การใช้โครงหลังคาเหล็กแบบดั้งเดิม(เหล็กดำ) เป็นการเปลี่ยนทั้งวัสดุ และวิธีการทำงาน เพราะเหล็กต้องใช้การเชื่อมเป็นหลัก แม้จะทำงานได้รวดเร็วกว่าโครงไม้ โครงหลังคาเหล็กแบบดั้งเดิมก็ ยังมีข้อเสียหลายประการ เช่น การติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน มีน้ำหนักมาก และสิ้นเปลืองวัสดุ มีการผุกร่อนของเหล็ก แม้จะทาสีกันสนิมแล้วก็ตาม










ปัจจุบัน โครงหลังคามีวัสดุให้เลือกหลายชนิด โดยมีการผลิตวัสดุก่อสร้างชนิดใหม่ มาทดแทนเหล็กโครงสร้างแบบเดิม ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมระบบโครงสร้างหลังคาเหล็กพร้อมประกอบ เรียกว่าผลิตภัณฑ์โครงหลังคาเหล็กสมาร์ททรัส (Smartruss) ซึ่งเป็นโครงหลังคากึ่งสำเร็จรูปผลิตจากเหล็กเคลือบซิงคาลุม ซึ่งเป็นเหล็กเคลือบโลหะผสมระหว่างอลูมิเนียมกับสังกะสี ทำให้มีน้ำหนักเบา และกันสนิมได้ดีกว่าเดิมถึง 4 เท่า นอกจากนั้น เขายังคิดระบบวิธีการติดตั้งที่รวดเร็ว ประณีต ลดจำนวนของเสีย มีวิธีติดตั้งด้วยระบบสกรู ช่วยให้การก่อสร้างบ้านทำได้รวดเร็ว ปลอดภัยและสร้างความมั่นใจได้ จนเป็นที่นิยมกันอย่างรวดเร็ว มีโครงการต่างๆ เปลี่ยนมาใช้โครงหลังคาเหล็กสมาร์ทรัสกันหลายโครงการ








5. งานระบบต่างๆ (ไฟฟ้า ประปา ระบบปรับอากาศ และอื่นๆ) ระบบต่างๆ มีไว้อำนวยความสะดวกของอาคารหรือบ้าน หากงานระบบเหล่านี้ ถูกออกแบบมาไม่เหมาะสม หรือติดตั้งผิดตำแหน่ง จะทำให้การใช้ประโยชน์ในอาคารเกิดความไม่สะดวกหรือเกิดอันตรายได้ ในบางกรณี เช่นระบบไฟฟ้า เดินไฟ ติดตั้งไม่ดี หรือไม่ถูกหลัก ก็เป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้บ้านได้ ระบบประปาถ้าออกแบบไม่ถูกหลัก ขนาดท่อไม่ถูกต้อง ก็จะมีปัญหาเรื่องแรงดันน้ำ ไม่สม่ำเสมอ เวลาเปิดก๊อกน้ำพร้อมกัน บางก๊อกน้ำจะเบา







ระบบที่มีปัญหามากกว่าเพื่อน ได้แก่ระบบน้ำทิ้ง ที่มักจะใช้ขนาดท่อ ไม่ได้มาตรฐาน เล็กเกินไป ทำให้อุดตันได้ง่าย และแก้ไขยาก เพราะระบบพวกนี้ จะหลบซ่อนอยู่ใต้ดิน ใต้พื้น ในผนัง ยังดีที่ปัจจุบัน เขายังคิดอุปกรณ์ที่แก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่งง่ายขึ้น คือ “งูเหล็ก” ที่ทะลวงท่อได้ โดยไม่ต้องไปทุบพื้น แต่ก็มีข้อจำกัดเพราะท่อแต่ละท่อ ไม่ใช่สั้นๆ ตัวงูเหล็กมันมีความยาวจำกัด หรือบางทีท่อโค้งหรือต่อแยกออกไป มันก็ทะลวงไปไม่ได้เหมือนกัน











6. งานตกแต่งสถาปัตยกรรม เป็นส่วนสุดท้าย บ้านจะสวยงาม สมใจของเจ้าของหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกประเภทวัสดุตกแต่งทั้งหลาย คือวัสดุตกแต่งผิว ทั้งผิวพื้น ผนัง รวมถึงสีที่เลือกใช้







แต่บางครั้ง ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานด้วย เช่นวัสดุปูพื้นที่ลื่นหรือหยาบในบางตำแหน่ง วัสดุตกแต่ง จะเป็นส่วนที่มีมูลค่ามากเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของอาคาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวัสดุตกแต่งที่มีราคาแพง จะต้องดีเสมอไป


TraveLArounD



ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ 1400 กว่าเรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส



Create Date : 19 มกราคม 2553
Last Update : 27 กรกฎาคม 2554 20:32:32 น. 5 comments
Counter : 5455 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านได้ความรู้เยอะเลยคะ ขอบคุณนะคะ


โดย: nee IP: 172.17.63.3, 203.170.245.53 วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:10:57:17 น.  

 
รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามค่ะ..


โดย: โดดเดี่ยว..แต่ไม่เดียวดาย วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:7:47:02 น.  

 
ขอบคุณมากครับ


โดย: คาสโนว่า IP: 180.180.99.126 วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:01:06 น.  

 
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณนะคะ


โดย: rose IP: 125.27.224.159 วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:18:15:37 น.  

 
ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาบอกกับผู้ที่คิดจะสร้างบ้าน ไม่งั้นคงจะเหมือนสุภาษิต ปลูกเรือนผิดคิดจนตัวตาย


โดย: น้อง IP: 125.27.42.136 วันที่: 18 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:36:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.