Group Blog
 
All blogs
 

ลิขิตรักลัดฟ้า_ประเดิม-เจิมเรื่องแรก ลัดฟ้าแอร์ไลน์ สายการบินแห่งรัก

 

 

เหมือนโลกถล่มลงมาตรงหน้า
เมื่อหนุ่มหล่อเพอร์เฟ็กต์แถมยังอนาคตไกลอย่าง‘ระฟ้า’
ต้องมารับรู้ว่าแฟนสาวที่กำลังจะแต่งงานด้วยไประเริงรักกับชายอื่น!
นี่เขามีข้อเสียอะไรตรงไหนรึ
ถึงต้องถูกสวมเขาให้เสียเชิงชายแบบนี้
และต่อให้ระฟ้าเคยแกร่งขนาดไหน
เมื่อเจอเรื่องช็อกหัวใจขนาดนี้ก็ถึงกับไปไม่เป็น เสียอกเสียใจ
และเมามายเสียผู้เสียคนจนคนใกล้ชิดต่างกลุ้มใจ

วันดีคืนดีระฟ้าก็ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองได้ย้ายนิวาสสถาน
มาอยู่ท่ามกลางป่าเขาบนดอยสูงห่างไกลความเจริญ
โดยมี ‘อาจารี’ เด็กสาวชาวดอยมาคอยดูแลให้ข้าวให้น้ำ
แถมยังคอยปะทะคารมให้เขาหายเหงาได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

ซึ่งถ้าทั้งหมดนี่เป็นแผนการของใครบางคน
เขาก็คิดว่าคนคนนั้นคือ ‘พ่อ’
แต่นอกจากหาเรื่องให้เขาลืมความทุกข์แล้ว
พ่อจะต้องมีแผนบางอย่างมากกว่านั้นแน่ ระฟ้ามั่นใจ
ทว่ามันคืออะไร... เขาจะต้องรู้ให้ได้!

เมื่อความรักเข้ามาทักทายแบบไม่ได้ตั้งตัว
CEO หนุ่มทั้งสี่ของ "ลัดฟ้าแอร์ไลน์" จึงสลัดสโลแกน mind your miles ทิ้งไป
แล้วเริ่ม show you love ด้วยบริการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ ..แบบไม่รู้ลืม
.
นั่นเป็นคำโปรยสำหรับนิยายชุด  "ลัดฟ้าแอร์ไลน์ สายการบินแห่งรัก" ที่ค่อนข้างชอบธีมเรื่องของนะคะ ความรักของบรรดาหนุ่มๆ CEO สายการบิน  ให้ความรู้สึกน่าสนใจ น่าอ่าน  อย่างแรกเลยชอบการตั้งชื่อ  "ลัดฟ้าแอร์ไลน์" สั้น เก๋ เท่ และจดจำง่าย  แต่โดยประสบการณ์จะไม่ค่อยคุ้นกับผลงานของ สนพ. แจ่มใสมากนัก เพราะเป็นอคติไปเสียแล้วว่า นิยายของแจ่มใส ต้องอารมณ์รักๆ ใสๆ วัยรุ่น (ซึ่งแน่นอน คงไม่ใช่รุ่นเรา) จะนึกอยากอ่านก็เป็นบางเวลาที่ต้องการอะไรแบบใสๆ เบาๆ   ถึงจะได้รับการบอกกล่าวว่าไม่ได้มีแต่แนวเด็กๆ วัยรุ่น ก็เถอะ  ยังคงชินกับอคติของตนเองต่อไป

ชุดนี้ ถ้าอ่านจากพลอตจากปกหลังทั้งสี่เรื่อง เป็น "พรหมลัดฟ้า" ที่น่าสนใจที่สุด ตามด้วย "วาดรักลัดฟ้า"  แต่พอเลือกอ่านกลับเลือก "ภัสรสา" มาประเดิมลัดฟ้าฯ เป็นเล่มแรก  นั่นไม่ใช่ชื่อเรื่องหรอกนะคะ แต่เป็นชื่อนักเขียนเพราะเคยอ่านแล้วชอบมาก่อน จึงเชื่อใจกัน  ส่วนที่เหลือ วันไหนนึกอยากอ่านของแจ่มใสอีก ก็คงจะค่อยๆ ทยอยอ่านเรื่องอื่นตามมา
-
ภัสรสา ยังคงความสามารถในการสร้างคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นให้ตัวละครนะคะ  เรื่องนี้ก็ตามคาด รักนุ่มๆ ของหนุ่มลัดฟ้าฯ  ที่มีชื่ออย่างเพราะพริ้งสะอิ้งเอยว่า  "ระฟ้า" เป็นอีกครั้งที่ชอบในความสั้น ความเก๋  เหมือนชอบชื่อ ร่มโพธิ์ ร่มไทร ในเรื่อง กลซ่อนใจ
 
แล้วก็ใช่จะยอมให้ชื่อพระเอกเก๋คนเดียว ชื่อนางเอกก็เก๋ไม่น้อยหน้านะ
  "อาจารี" ที่มีชื่อเล่นน่ารักๆ  "เอื้อง"  
 
อะไรจะหน่อมแน้ม ง้องแง้ง งุ้งงิ้ง ซะขนาดนั้นพระเอกของเรา  อ่านแล้วไม่ค่อยรู้สึกว่าเป็นหนุ่มอายุสามสิบสอง  (ถ้าจำไม่ผิด) แต่นึกว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบห้า  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาพูดกับพ่อด้วยการแทนตัวเองด้วยชื่อว่า "ฟ้า"  เอ่อมม ... ให้ความรู้สึก  นายลูกแหง่มากกกก
-
เท่านั้นยังไม่พอ นิสัยอันโดดเด่นเป็นคาแรคเตอร์หลักของเค้าคือ "งอน" 
โอ้  พระเอกที่โดนแฟนสวมเขา  เป็นคนอย่างไรแฟนถึงไม่รัก และสวมเขา
นี่ก็ชวนหมดความสนใจไปเยอะละนะ
 
ยังที่อกหักจะเป็นจะตายกับผู้หญิงที่เขาไม่รักและนอกใจ 
ก็ชวนให้ลดคะแนนความที่ควรจะเท่ลงไปได้อีกฮวบฮาบ
 
ขัดใจคนรักพระเอกหัวใจใหญ่  พระเอกอะไรจะมาใจเล็กใจน้อยใจปลาซิวปลาสร้อยแบบนี้ไม่ชอบเด็ดขาด   เพราะอกหักรักคุดแผนวิวาห์ล่มจึงเซซังและซมซาน  สุดจะทนดูในความอนาถ เขาจึงถูกนำไปทิ้งดัดสันดานบนดอยสูงที่เมืองเหนือ โดยมีผู้คุม เอ๊ย ผู้ดูแล เป็นเด็กสาวหน้าใส ที่เข้าใจเอาเองว่าเป็นเด็กดอย คอยดูแลให้ข้าวให้น้ำ อยู่ห่างๆ อย่างไม่ค่อยห่วง
-
นั่นน่ะ โดยไม่รู้ตัว  จากที่เคยงอนแค่พ่อ แค่คนที่รัก คนที่แคร์
ตอนนี้ไม่รู้ยังไงต้องมางอนใส่ยัยเด็กดอยคนนี้อีกคน
-
ทำไปทำมา ไหง ผู้ชายขี้งอน คนนี้ จึงน่ารักหว่า
-
อ่านเรื่อยๆ ก็อมยิ้มเรื่อยๆ
-
แต่ถ้าเป็นช่วงท้ายๆ นะ
-
ขอ... กรี๊ด
-
น่ารักจัง Smiley
 
เพราะ เค้างอนแล้วไม่ยอมง้อใช่ไหม
งอนแล้วไม่ง้อก็ต้องโดนหอมเอ๊าหอมเอา
-
หัวใจสะออน ออดอ้อน กระเง้ากระงอดซะขนาดนี้
ถ้าเป็นผู้หญิงคาแรคเตอร์นี้คงไม่ไหวจะเคลียร์
-
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นผู้ชายก็กลายเป็นว่าน่ารักน่าเอ็นดู ดี.. ซะงั้น (ลำเอียงทางเพศกันเห็นๆ)
ซึ่งถ้าเป็นในชีวิตจริง ก็คงไม่ชอบหรอกนะผู้ชายแบบนี้
-
โหมดความสัมพันธ์แห่งรักน่ะเหรอ  .. คือว่าคือ
-
พระเอกขี้งอน  Smiley ส่วนนางเอก งอนเหรอ ...ได้เลย  จ้างให้ก็ไม่ง้อ Smiley
-
ระฟ้า เป็นลูกชายเจ้าของสายการบินลัดฟ้า  ตั้งใจเลือกมาเพราะชื่อ ภัสรสา เท่านั้นเอง ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของชุด  บังเอิญว่าเป็นเรื่องแรกก็ดีจังเลย เพราะเป็นเรื่องที่หนุ่มๆ ทั้งสี่จะขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารอย่างเต็มตัว  คุณวรุฒของพรหมลัดฟ้าน่ะนะ  แอบปิ๊งเค้าตั้งแต่เรื่องนี้แล้วล่ะ เพื่อนสนิทของระฟ้า ที่ถูกงอนใส่มาแต่เด็ก
-
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นอีกหนึ่งรายที่ งอนเหรอ ...ไม่ง้อหรอกจ้า Smiley
-
เนื้อเรื่องก็ใสๆ อ่านได้เรื่อยๆ มาสะดุดช่วงหลังบ้าง  กับเรื่อง ตรรกะของตัวร้าย ที่ไม่สามารถจะเห็นควรและสุดแสนจะประหลาดใจกับการสร้างสถานการณ์นั้นๆ ขึ้นมา   ตัวละครต่างไม่ให้ความรู้สึกว่าจนตรอกพอ ที่จะต้องทำอะไรๆ กันถึงขั้นนั้น ซึ่งมันก็ไม่น่าจะใช่ทางแก้ปัญหาอย่างที่ยกมาเป็นสาเหตุของการลงมือกระทำด้วย มันมีเสียงในใจว่า เฮ้ย.. เอางั้นเลยเหรอ ทำงั้นเลยนะ ก็เข้าใจสาเหตุที่ว่านะ แต่ก็เป็นความเข้าใจแบบมึนๆ
-
ยังคงชอบสำนวนนะคะ อ่านแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ตัวผู้เขียนเองน่าจะเป็นคนที่มีจิตใจรื่นรมย์ ชอบบทสนทนาของพระเอกนางเอก  เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่มักจะมีคารมชวนอมยิ้ม Smiley
 
"คุณชมได้ไม่จริงใจมากๆ ไม่เห็นเหมือนตอนด่าเลย ดูจริงใจสุดๆ"
-
มีอยู่อย่างหนึ่งที่ฮา คือ ตอนอยู่บนดอย ระฟ้าเบื่อ ขอให้อาจารีหาหนังสือมาให้อ่านแก้เซ็ง  สาวเอื้องก็ไม่มีหนังสืออื่น  เมื่อเขาว่าอะไรก็ได้ ก็จัดนิยายโรมานซ์ของตนที่พกติดกระเป๋ามา ตอนนั้นระฟ้าโวยวายเกี่ยวกับเนื้อหาภาษาเซ็กส์ในนิยาย  เป็นเรื่องเป็นราว ....งอน ไม่ง้อ กันไปพักนึง 
 
พอตอนท้าย เกี่ยวกับเรื่องจดหมาย "ลับสุดยอด"  ที่เป็นสุดยอดความน่ารักน่าเอ็นดูของพระเอกเรา
-
'พี่อ่านจบแล้ว  พยายามเรียนรู้จากพระเอกร่างกายกำยำกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของเอื้อง แต่บางท่ามันผิดธรรมชาตินะเอื้อง ทำไม่ได้จริงอย่างในหนังสือหรอก เดี๋ยวแต่งงานแล้วเอื้องจะรู้เอง'
-
ดูเหมือนว่าเราจะเอะอะในใจด้วยคำพูดเดียวกับของนางเอกโดยอัตโนมัติ  บ้าาาาา

ฮาฮ่าฮ่า  ความจริงชอบบทพูดอยู่เยอะนะ   แต่ไม่มีโพสต์อิตเหลือติดห้อง 

ไม่อยากจะพับมุมหนังสือ เลยไม่ได้คัดไว้

เอาเป็นว่าแค่บอกเล่าก็แล้วกันว่า  เค้าคุยกัน งอนกัน ไม่ง้อกัน ได้น่ารักดี Smiley

อาจไม่ได้ชอบมากมาย เหมือนเรื่อง หนึ่งจันทร์กลางใจ หรือ กลซ่อนใจ

แต่ก็เป็นเรื่อง "น่ารักดี" ที่อ่านแล้วอมยิ้มได้เรื่อยๆ

จะคอยเป็นกำลังใจในฐานะผู้อ่าน คอยเมียงมอง อยู่ห่างๆ อย่างให้ความสนใจ

เพื่อติดตามผลงานกันต่อไป Smiley

 




 

Create Date : 31 มกราคม 2557    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2557 22:25:43 น.
Counter : 2788 Pageviews.  

เหลี่ยมเสน่หา มนต์ขลังความน้ำเน่ามันเป็นเช่นนี้เอง

เหลี่ยมเสน่หา ผู้แต่ง อุธิยา สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ

 

อคิน  เรื่องธุรกิจต้องมาก่อนความรักเสมอ แพรวา คือเจ้าสาวที่เขาเลือกแล้วว่าเหมาะสมและคู่ควร

แพรวา สาวน้อยผู้เรียบร้อยที่หนีงานแต่งไปโดยไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะกล้าทำ สำหรับเธอความรักสำคัญที่สุด

โชติก เมื่อดอกฟ้าโน้มลงมาถึงมือ เขาจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องดูแลแม้ต้องแลกด้วยชีวิต

กริการ์ แพะรับบาปหรือส้มหล่นกันแน่ที่ต้องมาเป็น ‘ตัวแทน' แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ คติเดียวคือ เสียตัวแล้วต้องได้ใจ 

เพราะความรักคือสิ่งเดียวที่ใจใฝ่หา

บางครั้งความรักก็ต้องใช้ร้อยเล่ห์มารยาเพื่อให้ได้มาครอบครอง

เพราะถูกใส่ความว่าทำให้เจ้าสาวของเขาหนี เธอจึงต้องไปเป็นตัวแทน

แต่คนอย่างกริการ์ มีหรือจะยอมเป็นนางเอกน้ำเน่า ไหนๆ ก็เสียตัวแล้ว

 หัวใจของเขา เธอจะเอามาให้ได้

 

 

เนื้อเรื่องมันน้ำเน่า แต่ไหงเราถึงสนุกกับมันมาก รีวิวเสร็จแล้ว ยังจะขอกลับไปอ่านรวบอีกสักรอบ

อคิน  หนุ่มโสดนักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่ไม่รักอะไรมากไปกว่าการทำงานสร้างความก้าวหน้า  การขยายกิจการและก้าวขึ้นเป็นผู้นำเพื่อกุมบังเหียนของวงการธุรกิจการ์เมนท์ (เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม) คือแผนงานหนึ่งที่เขามุ่งมั่นตั้งความหวังกับมันมาเป็นสิบปี  แม้แต่กับผู้หญิงที่เขาเลือกจะมอบชีวิตส่วนหนึ่งให้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเลือกอย่าง "เต็มใจ" มากไปกว่า ต้องการความเกี่ยวดองทางเครือญาติเพื่อการร่วมทุนและควบขยายกิจการ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าสาวของเขาจะหนีไปในวันแต่งงาน 

เป็นไปไม่ได้ที่สาวน้อยผู้สุดแสนจะหัวอ่อน เรียบร้อยไร้เดียงสาอย่าง แพรวา จะกล้าคิดเรื่องร้ายกาจอย่างนี้ได้ เว้นเสียแต่ว่า ใครบางคน จะอยู่เบื้องหลัง ใครคนนั้นที่ทุกคนต่างชี้นิ้วลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าคือ กริการ์  ตัวก่อเหตุที่ทำให้แพรวาหลบหนีไป

เธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพราะความอิจฉาที่เห็นน้องสาวได้ดีกว่า และเพราะความเกลียดชังที่เธอมีต่อครอบครัวหัตถเมธมาเนิ่นนาน ด้วยแพรวานั้น เติบโตมาอย่างสมบูรณ์พร้อมเป็นหลานสาวทายาทเพียงคนเดียวของคุณพรฟ้าประมุขของครอบครัวหัตถเมธ ส่วนกริการ์ เป็นสายเลือดแปลกแยกที่ไม่เกี่ยวข้องกับใครเลย พ่อของเธอเป็นเพียงลูกบุญธรรมของบ้านหลังนั้น แถมยังเป็นลูกที่ทำให้เกลียดชังเพราะทำตัวขัดแย้งคำบงการ หันไปเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง   หลังจากพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตความเกี่ยวข้องเดียวที่เคยมีก็ขาดสะบั้น เมื่อเป็นส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการ ไม่มีใครรัก กริการ์จึงหันหลังให้กับครอบครัวไปใช้ชีวิตลำพังตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบปี

คนอย่างอคินไม่เคยเสียหน้า ไม่เคยมีซะล่ะใครจะมาสร้างความเสียหายป่นปี้ให้กับเขาได้ ไม่ว่าใครจะชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างไร เขาก็จะไม่เปลี่ยนใจเลื่อนวันแต่งงาน 

"ผมไม่เลื่อน!"

จะอย่างไรงานนี้ก็ต้องมีเจ้าสาว ตัวจริงไม่อยู่ก็ต้องมีตัวแทน และเธอต้องรับผิดชอบหน้าที่นั้น

แต่คำตอบจากเธอน่ะหรือ

"ไม่เอา ไม่มีทาง!"

คนอย่างกริการ์ ไม่ใช่คนที่ใครจะมากะเกณฑ์ได้ ความทะนง ดื้อรั้น และนิสัยเอาเรื่องที่ไม่เคยยอมแพ้ให้แก่อะไร อย่าหวังเลยว่าจะมีใครสามารถบังคับให้เธอสวมชุดเจ้าสาวเดินเข้าพิธี

 

แต่มีบางเหตุผล ที่ทำให้เธอจำเป็นต้องยอม

งานเลี้ยงเลิกรา ทว่าวิวาห์นี้ยังไม่จบลง เรื่องราววุ่นวายบานปลาย เพราะ "ตัวแทน" ในความหมายของอคิน คือ แทนได้ทุกอย่าง

ความรับผิดชอบที่ถูกยัดเยียด  ทำให้กริการ์ต้องยอมรับข้อตกลงการแต่งงาน  ร่วมเรือนหอ ที่หมายรวมถึงการร่วมเตียงกับเขาด้วย

เพราะเธอไม่ใช่น้ำเอกน้ำเน่า ขัดขืนแค่ไหน ยินยอมอย่างไรย่อมรู้แก่ใจ

เรือนหอ..ของคนอื่น

เจ้าบ่าวก็ ..ของคนอื่น

แต่ในวันและค่ำคืนของตัวแทน สายใยระหว่างกันคือของเรา

ช่วงเวลาในเงื่อนไขก่อนที่ข้อตกลงจะสิ้นสุด เธอจะไขว่คว้าความฝันนั้นไว้ได้หรือไม่ 

ฝัน..ที่ชีวิตอันโดดเดี่ยวจะมีใครสักคนคอยเคียงข้าง

   

 "หัวใจของเขา เธอจะเอามาให้ได้"

คำโปรยนี้สร้างความเข้าใจผิดไปนิดหนึ่ง คิดว่าเรื่องนี้จะออกแนวคอมเมดี้แบบไล่ล่าหาความรักซะอีก  แล้วยังทำให้คิดภาพนางเอกไว้อีกแบบคือ สดใสน่ารัก มุ่งมั่นตั้งใจ ไม่รักไม่สะเทือน จะขอตามรักเธอทุกชาติไป อะไรทำนองนั้น  จึงไม่ได้คาดหวังอะไรจากนวนิยายเรื่องนี้นัก

แต่จากที่ได้อ่านคือ ..มันใช่ซะที่ไหนล่ะ

 "หัวใจของเขา เธอจะเอามาให้ได้" .. ก็จริงที่  เธออยากได้

แต่หากจะได้มาทั้งที  ก็ต้องได้มาอย่างมีค่า มีศักดิ์ศรี

กริการ์ .. นางเอกของเราเรื่องนี้ .. นางจึงจี๊ดหัวใจสุดๆ

  

อคิน คิดว่าเขาปราบเธอได้ ผู้หญิงกระด้างท่าทางเจนโลกคนนั้น

เธอแต่งกับเขา เธออยู่กับเขา เธอนอนกับเขา

แต่ให้ตายเถอะ  เธอไม่เคยว่าง่ายเลย  เถียงคำไม่ตกฟาก ไม่เคยยอมลงให้

ไม่เคยหยุดก่อเรื่องให้เขาหัวเสีย เธอเป็นตัวของเธอเอง ที่ ..สวย ฉลาด มั่นใจ

เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาที่ทำให้จิตใจของเขาต้องปั่นป่วน

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ความรู้สึก จะเปลี่ยนแปลงเหตุผลบนเส้นทางความสำเร็จของเขาได้

เมื่อแพรวากลับมา สาวน้อยคนนั้นจะยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด 

 

คุณหนูหัวอ่อน รูปสวยรวยทรัพย์ ที่เคยแต่ได้รับการทนุถนอมอย่างแพรวา ใครๆ ก็ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะกล้าล่มงานวิวาห์ด้วยการหนีไป  แต่ถ้าใครเคยมีความรัก จะรู้ว่าอานุภาพของมันก่อเกิดพลังได้มากแค่ไหน จากคฤหาสถ์เศรษฐี แพรวามุ่งสู่กระท่อมยาจก

ถึงจะเป็นสุขอยู่ในอ้อมอกของโชติก ชายคนรัก ก็น่าสงสัยว่าเธอและเขาจะทนอยู่กันได้สักกี่น้ำ  ก็ว่ากันว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน รักน้ำเน่าแบบหนีตามกันของโชติกกับแพรวา จะทนทานอุปสรรคได้นานแค่ไหน จะฝ่าฟันขวากหนามไปได้หรือไม่ .. รักนี้ต้องมีลุ้นกันนานโข

พวกหัตถเมธจะตามหาเจ้าสาวของเขาคืนมาให้

ไม่ว่าเธอจะไปกับใคร แล้วจะกลับมาแบบไหน

เธอก็ยังเป็นตัวเลือกที่เขาเต็มใจจะยอมรับ  

ในวันที่แพรวา  ต้องกลับมา

เป็นวันที่กริการ์ ต้องจากไป

เจ้าสาว "ตัวจริง" คือ เงื่อนไขการต่อรองทางธุกิจ คือ ความมุ่งหวังที่ตั้งไว้ และอคินไม่อาจจะโยนทิ้งไปได้ 

เจ้าสาว "ตัวปลอม" ผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากความเก่งกล้าและอาชีพมัณฑนากรฝีมือเก๋าที่ทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้โดยเขาไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง (ห่วงตัวเองเถอะย่ะ)  แต่ในความใกล้ชิดที่เรียกได้ว่าเป็นเมีย เธอเป็นภาพตัวจริงภาพเดียวที่ชัดเจนอยู่ในสมอง อยู่ในหัวใจ และทำให้เขาเริ่มกังวลว่า จะไม่สามารถลบภาพนี้ออกไปได้

กริการ์ไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาเคยตัดสินเธอไว้จากรูปลักษณ์ภายนอก

กล้าแกร่ง เจนโลก เข้มแข็ง อยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่มีอะไรต้องห่วงงั้นหรือ

เขาโง่ไปแล้วที่มองไม่เห็นว่าแท้จริงเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

ผู้หญิง ที่ต้องการใครสักคน

และคนๆ นั้นคือเขาเอง

 

รักที่ล้นท่วมเมื่อยามสุข พอทุกข์ก็แปรเปลี่ยนเป็นยาพิษคอยกลัดกร่อน

สิ่งที่เคยสงสัยเป็นจริงใช่ไหม เธอ..ร้องไห้ แต่ไม่เคยมีน้ำตาให้เขาได้เห็น

งาน ผู้หญิง งาน หัวใจ

สองอย่างรวมกันยุ่งเหยิงจนยากจะจับแยกหรือตัดออก

หรือเขาจำเป็นจะต้องตัด

แต่จะตัดอะไรล่ะ  ข้อต่อรอง หรือ ความรู้สึก

ความผูกพันทำให้สมองค้าขายชักจะฝ่อ 

ลมหายใจเข้าออกเป็นกำไรขาดทุนเริ่มสะดุด

งานของเขา ธุรกิจที่เขาตั้งใจทำและตั้งความหวังมามากเกินกว่าจะทิ้งมันไปได้

ผู้หญิงของเขา สิทธิครอบครองทั้งตัวและหัวใจที่เขาไม่ต้องการจะเสียเธอไป

มีบ้างไหม ทางออกสักทางที่เขาจะได้ทั้งสองอย่าง ไม่ว่าเรื่องงาน หรือเรื่องหัวใจ

เมื่อกริการ์ไม่เคยเป็นลูกนก ไม่เคยอยู่นิ่งรอการป้อนอาหารจากใคร

แต่จะดั้นด้นเดินหน้าต่อไป แม้ว่าหนทางจะเต็มไปด้วยขวากหนาม

อำนาจที่เขาเคยแสดงว่าอยู่เหนือเธอมาตลอดนั้น มีอยู่จริงหรือ

เธอไม่เคยจนมุม ไม่เคยจำเป็นต้องไล่ตามเขา

ไม่เคยแม้แต่จะอ้างสิทธิใดๆ ที่เขาหวังอยากให้เธอ ยกขึ้นมาอ้าง สักครั้ง

อ้าง .. เพื่อที่เขาจะมีเหตุผลมากพอมาคัดง้างเรื่องราวให้เปลี่ยนแปลงไป

และเพราะเธอ ไม่เคยอ้าง  จึงกลับเป็นเขาเอง

ที่พยายามหยิบฉวยโอกาสนั้นเหมือนคนไล่คว้าฟางเส้นสุดท้าย

กริการ์ไม่ใช่แค่ตัวก่อเรื่องที่ทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวาย

แต่เป็นตัวแสบที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะเทือน

อย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำได้มาก่อน

รู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิต เพราะมีบางสิ่งบางอย่างขาดหาย

เขาหวิวโหวง  ใจหาย สั่นคลอน 

 

อ่านเผินๆ อาจจะเข้าใจว่านางเอกมีลักษณะคล้ายๆ "เมียหลวง" อยู่เหมือนกันนะคะ  แต่กริการ์นางเอกคนนี้นอกจากจะไม่ใช่เมียหลวง ยังเป็นแค่ "ตัวสำรอง"  ไม่ได้หยิ่งยโสแบบที่จะต้องคอยปั้นปึ่งเย็นชา หวงเนื้อหวงตัว ให้เกิดกรณีตบจูบปลุกปล้ำกัน เธอเป็น..ตรงกันข้าม  ไม่หยิ่ง ไม่โกรธ ไม่ตบ (ให้ต้องจูบ) ไม่ฟูมฟายร้องไห้สนิมสร้อย เสียแล้วเสียไป แต่จะไม่ยอมเสียให้ฟรีๆ งานนี้ต้องมีลุย ต้องมีแลก เพื่อสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับการตอบแทน

อธิบายอย่างนี้ พอจะเรียกร้องความสนใจของคุณนักอ่านได้บ้างไหมเนี่ย

"ความเป็นตัวของตัวเอง" น่าจะเป็นสิ่งที่เขียนสื่อได้ค่อนข้างชัดเจนสำหรับตัวละครแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของแพรวาภายใต้บุคลิกเรียบร้อยหัวอ่อน   ตัวตนของโชติกภายใต้บุคลิกชวนหวั่นไหวว่าอาจจะหัวใจแกร่งไม่พอหรือเปล่าหนอ  ความดื้อแพ่งของพวกจอมบงการ คุณย่าพรฟ้า (บ้านหัตถเมธ) คุณอาเพียงดาว (แม่แพรวา)  ความรื่นรมย์ของคุณน้ารตี (แม่เลี้ยงอคิน) กุนซือสื่อรักผู้สุดแสนจะคมในฝัก  หรือแม้แต่ตัวตนของอคินเอง ที่มีส่วนอย่างมากทำให้พลอตน้ำเน่าเรื่องนี้ กลายเป็นน้ำเน่าที่เก๋ไก๋  

การคลุมถุงชน ถูกใช้เป็นพลอตนิยายมากมาย แต่จะมีเรื่องไหนที่พระเอกเต็มใจจะถูกคลุมเหมือนอย่างเรื่องนี้ ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ไม่ได้มีใครกล้าเอาถุงมาคลุมเขาหรอกนะ มีแต่เขาน่ะแหละที่คลุมถุงใส่ตัวเอง โดยที่พ่อแม่ได้แต่ยืนมองตาปริบๆ เพราะไม่เคยขัดการตัดสินใจของลูกชายได้ ถึงจะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ก็เชื่อมั่นเสมอว่าเขามีเหตุผลที่มากพอ   

 มันคงจะเข้าข่ายรักสุดท้ายของนายน้ำเน่ามากเลยนะ ถ้าผู้ชายอย่างอคินจะสามารถล้มเลิกทุกอย่างที่ทำมาได้เพื่อความรัก เพราะถ้าไม่เลิก ปัญหาคือ กริการ์ ก็ไม่ใช่ของตาย ที่เขาจะเก็บจะรั้งเอาไว้ได้ เธอมีคนที่ต้องการ คนที่เผาผลาญจิตใจเขาได้แม้เพียงได้ยินชื่อ เพียงแค่ชื่อ ก็ทำเขาอยู่ไม่เป็นสุข หึงหวง โกรธพลุ่งพล่าน พาลโมโห

ชื่อๆ นั้น คือ ตติยะ หรือ เต  เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของกริการ์

แล้วคุณพระเอกเค้าจะทำยังไงละเนี่ย เมื่องานก็จะเอา คนก็จะไม่ยอมยกให้ใคร

 

"ความเป็นอคิน" จะแก้ไขปัญหานี้

จบได้สวย  แถมได้งาม  อนาคตจะกำไรมหาศาล

ทั้งยังได้คิดบัญชีกับตัวต้นเหตุมาเป็นค่าชดใช้ความเสียหายทางอารมณ์

โทษฐานที่ทำให้เขา "โกรธ" กับการต้องติดอยู่ในกับดัก

ต้องผจญอยู่กับงานที่ยุ่งยาก และเกือบจะทำพลาดเรื่องหัวใจ

นั่นแหละ ใช่เลย ... เป็นพระเอกมันต้องเป็นแบบนี้ 

 อย่าได้ยอมแพ้ให้กับอะไรง่ายๆ (โพดเท่)

 

"อย่าทำตัวเป็นนางเอกละคร ..."

"อยากให้คนอื่นมาควบคุมชีวิตหรือจะลงมือบงการชีวิตตัวเองตามที่ใจต้องการ"

นั่นจึงทำให้รู้สึกว่า นางเอกเรื่องนี้ แตกต่างจากนางเอกละครจริงๆ ด้วยล่ะ  ความเปรี้ยว ความมั่นใจ ความฉลาดทันกันกับพระเอก และอะไรหลายอย่างที่เธอเป็น ไม่น่าจะเป็นนางเอกในแนวคาแรคเตอร์ที่ถูกใจได้เลย  แต่ไหงกลายเป็นว่า ชอบนางมาก

ชอบที่พระเอกอายุมากกว่านางเอกหลายปี แต่คุณเธอผู้อ่อนอาวุโสกว่าก็ไม่มีเสียล่ะจะนอบน้อมให้ ถามอะไร สั่งอะไร ตอบมาบางทีก็ทำให้พระเอกของเราสะอึก เพราะไม่คุ้นชินกับผู้หญิงพูดจาห้วนๆ ไม่มีหางเสียง  เกือบจะเหมือนพระเอกแนวเย็นชานางเอกแนวยโสแบบละครตบจูบ แต่ก็ไม่เหมือน ตรงที่เขาและเธอมีความซอฟ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ  อคินเรียกตัวเองว่า "ผม" เรียกกริการ์ ด้วยชื่อเล่นคำเดียวว่า "ก้า"  เราชอบจุดนี้มากเลย มันมีความสุภาพ แต่ก็มีความอ่อนโยนเป็นกันเอง เช่นเดียวกับที่กริการ์พูดกับอคิน แม้จะไม่มีหางเสียง แต่นั่นก็ให้ความรู้สึกเป็นกันเองคล้ายๆ กัน  เมื่ออยู่ด้วยกันแบบดีๆ บ้าง  ขุ่นมัวใส่กันบ้างเป็นบางเวลา  จะเหมือนคนเป็นผู้ใหญ่มีเหตุผลคบกัน และเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก

ชอบที่พ่อสามี แม่สามี ไม่ได้รังเกียจลูกสะใภ้ไร้ฐานะเสมอไป อีกทั้งยังคอยเป็นกองเชียร์อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ และพร้อมจะเป็นมือที่มองไม่เห็น (แต่ก็รู้แน่ๆ ว่าทำ) ไหนจะมีทั้งสปายสายลับ ไหนจะเป็นทั้งหน่วยกำลังเสริม คอยปลุกปลอบ เตือนสติ หรือไม่ก็ยั่วยุให้ฮึกเหิม 

 รีวิวเรื่องก่อน เพิ่งพล่ามถามหา "จุดพีค" ของเรื่อง

มาเจอเรื่องนี้ได้พีคสะใจต่อมน้ำตาแตกกันเลยทีเดียว

เมื่อระหว่างกัน เงื่อนไขสถานการณ์ทำให้ข้อตกลงแต่งงานต้องสิ้นสุด

เมื่อเขาสิ้นหวัง ฟางเส้นสุดท้ายที่ต้องการ ไม่มีอยู่ให้เอื้อมคว้า

เมื่อเธอ  ระเบิดทุกสิ่งออกมาพร้อมเขื่อนน้ำตาที่พังทลาย

น้ำตา ที่เพิ่งเคยเห็น ทำเขาเจ็บปวด เพราะเห็นเธอเจ็บ

เขาเสียใจ เมื่อนึกย้อนกลับไปมองให้ดีๆ แล้วพบว่า

ความเจ็บปวดของเธอเคยสื่อผ่านดวงตาคู่นั้นเสมอมา

  

เป็นนิยายที่ถูกใจอย่างแรง  อยากบอกกับนักเขียน "อุธิยา"  คุณเป็น New Star ของฉันแล้ว

ขอบคุณนะคะ สำหรับผลงานสนุกมากเรื่องนี้ .. สนุกดีต้องบอกต่อ

ก่อนจะเขียนบล็อกนี้ ก็เมาท์ไปไม่น้อยกับเพื่อนผ่านไลน์ ถ่ายปกหนังสือให้เพื่อนจำไว้ด้วย

เรื่องนี้คอน้ำเน่าเคล้าดราม่าอย่างเราๆ   ต้องไม่พลาด




 

Create Date : 28 มกราคม 2557    
Last Update : 30 มกราคม 2557 0:52:19 น.
Counter : 3377 Pageviews.  

หัวใจใกล้รุ่ง ระหว่างเราต้องขีดเส้นไว้ด้วยคำว่า "เพื่อน"

ผู้แต่ง : อิสย่าห์  สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ

....

ถ้าเปรียบชีวิตแต่ละช่วงแต่ละตอนเป็นดังบทเพลงแต่ละเพลง

ใกล้รุ่ง ครูสาวสอนอูคูเลเล่ก็เชื่อว่า

สิงขร นักบินหนุ่มแห่งสำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

คงเป็นเสียงดนตรีที่ขาดไม่ได้ในบทเพลงชีวิตของเธอ

ทว่าท่วงจังหวะทำนองที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว

ส่งผลให้บทเพลงรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งต้องผิดเพี้ยนไป

นักบินหนุ่มผู้ทะนง เฉยชา และปากร้ายในบางครา

จะช่วยเธอตามหาตัวโน้ตที่หายไปกลับคืนมาได้หรือไม่

พบกับเรื่องราวชีวิตผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์ ที่สุดแสนอ่อนหวานละมุน

จุดประกายแห่งความหวัง และลงเอยด้วยความสว่างไสวของหัวใจทุกดวง

หัวใจใกล้รุ่ง เป็นหนึ่งในนวนิยายชุดลูกไม้ของพ่อ เพื่อถ่ายทอดพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านนวนิยายห้าเรื่อง โดยเรื่องนี้ได้ใช้บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจทั้งสำหรับผู้แต่งคุณอิสย่าห์ และสำหรับตัวละครในเรื่อง จนเกิดเป็นเรื่องราวชีวิตและความรักที่น่าสนใจมาก     

แล้วก็พบว่าช่างเป็นนิยายที่ให้ความรู้สึกหวือหวาเสียจริง เริ่มต้นถูกดึงดูดสนใจจากตัวอย่างละครที่จะออนแอร์ต่อจากละครเรื่องในม่านเมฆ เห็นพูดกันถึงคำว่า 'แค่เพื่อน' และ 'เกม' หน้าตาบูดบึ้งของพระ-นาง ที่น่าจะเป็นเรื่องรักดราม่าพอควร จึงลองหาอ่านรีวิวในเน็ตดูเพื่อตัดสินใจว่าอ่านนิยายดีหรือไม่ เพราะเท่าที่เห็นยังไม่นึกอยากดูละครเท่าไหร่ เนื่องจากนักแสดง พระ-นาง ไม่ดึงดูด

หาอ่านรีวิวนี่หมายถึง การอ่านจากรีวิวเดียวรีวิวแรกที่เจอ ( อ่านเยอะ หลากหลายความคิดเดี๋ยวฟันธงยาก)  ในความเฉยๆ ที่เอ่ยถึงที่พอจับได้ว่าลึกลงไปในความเฉยๆ คือความงั้นๆ ไม่มีอะไรโดนจิตโดนใจเท่าไหร่ กลับเป็นประเด็นดึงดูดความสนใจต่อนิยายเรื่องนี้อย่างแรง เพราะพื้นฐานความชอบของผู้รีวิวที่ว่าแนวนี้ไม่ใช่ ดูว่านั่นเป็นเรื่องใช่สำหรับความชอบของเรา จึงหามาอ่าน  แล้วก็ตามคาดคือ เราชอบตรงข้ามกับผู้รีวิวท่านนั้นจริงๆ ชอบแนวเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ รักเพื่อน รักคนข้างบ้าน รักแรก รักผูกพันเนิ่นนานมาราธอน อะไรทำนองนั้น

จึงอ่านเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกแรกว่าโดนสุดๆ  การสร้างปม "ท่วงจังหวะทำนองที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว"   แต่มันได้ส่งผลตลอดมาต่อความสัมพันธ์ของ ใกล้รุ่ง กับ สิงขร เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพราะมีซัมทิงรองรับรู้อยู่แก่ใจตัวเอง เจ็บปวดร้าวราน กับการไม่สามารถเปิดเผยความในใจ รักนี้เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นในซอกหลืบของใจก็ยังมีความหวัง .. ในสักวัน

รู้สึกเหมือนเป็นความรักด้านกลับตาลปัตรด้านกับ ในม่านเมฆ ของร่มแก้วที่เพิ่งอ่านจบไป  เรื่องนี้ คนสองคนรักกัน และรู้ดีว่าอีกฝ่ายรักตน อย่างที่พระเอกบอกในตอนท้ายว่า "อย่างเธอ ไปไหนไม่รอดหรอก" และนางเอกก็ยอมรับในใจว่า ก็ไม่รอดจริงๆ นั่นแหละ รู้แก่ใจดีว่าคงไปไม่รอดตั้งแต่ตอนอายุสิบสี่แล้ว ( 55 น่ารัก)  ส่วนเรื่อง หัวใจใกล้รุ่งจะตรงกันข้าม คือ ต่างคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายไม่รักกัน แม้จะรู้สึกลึกๆ ถึงความสัมพันธ์แบบซัมทิงรองเสมอมา  แต่ก็ไม่มีความมั่นใจว่าอีกฝ่ายรักใช่หรือไม่ เพราะความผิดพลาดของท่วงทำนอง .. ครั้งนั้น  ที่ยังคงส่งผลให้ ท่วงทำนองอื่นๆ ต่อมาผิดเพี้ยนตามไปด้วย มันคือตัวโน๊ตที่ขาดหาย

"เกม คนหน้าโง่"  เกมการหลอกอำด้วยคำโกหก  ที่ทั้งสองคนเล่นสนุกเอาแพ้เอาชนะกันมาตั้งแต่เด็ก  ได้พัฒนาความ เล่นแรง ตามวัยที่เติบโต ใช้เกมเป็นเกราะป้องกันหัวใจตัวเอง ที่ล้อโลมอยู่กับความรู้สึก ความสัมพันธ์แบบทีเล่นทีจริง  และความสนุกที่เคยมีก็ได้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ  

เราคิดว่าผู้แต่งสร้างความสัมพันธ์ของใกล้รุ่งกับสิงขรได้ดีมาก เพื่อน ความรัก กับเกมคนหน้าโง่ มันขื่นขมดีจริงๆ ซึ่งรวมถึงการสร้างคาแรคเตอร์ของตัวละครทั้งสองด้วย

ใกล้รุ่ง ผู้หญิงมาดนิ่ง ผู้ทนทานกับการเก็บกดความรู้สึกรักที่ไม่สมควรจะรัก เพราะเขาคือเพื่อน และเพื่อนเป็นคนมีเจ้าของ หรือต่อให้ไม่มี ความแต่งต่างด้านฐานะ ความรวย ความจน ความเหมาะสมและการยอมรับของคนในครอบครัวก็ยังคงเป็นอุปสรรคที่ทำให้เธอต้องตั้งกำแพงสูงอยู่ภายในใจ สร้างเอาไว้เพื่อกีดกันความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ให้เกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน

สิงขร  ชอบตัวละครตัวนี้สุดๆ  แต่ไม่ได้หมายความชอบคนแบบนี้ หรือชอบพระเอกแนวนี้นะคะ  ความชอบที่ว่านี้มีต่อ ความเด่นชัดในคาแรคเตอร์ที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ของเรื่องราว และดึงดูดให้มีความรู้สึกร่วมอย่างจริงจัง ความฉุนเฉียว เอาแต่ใจ ความแปรปรวนชวนจิตตกในอารมณ์ของสิงขรนั้น เป็นอะไรที่โค-ตรจะสร้างความรู้สึกกดดันต่อใกล้รุ่ง ผู้ไม่อาจจะปฏิเสธความเรียกร้องต้องการไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่สิงขรต้องการ เป็นคนที่สามารถจะสร้างบรรยากาศ เดี๋ยวดีใจหาย เดี๋ยวร้ายใจเสีย เดี๋ยวอึมครึมชวนให้อึดอัดและใจแกว่งว่า .. จะยังไง จะดี หรือจะร้าย

ทั้งคู่ต่างรับรู้ถึงความรู้สึกที่มีต่อกัน มันอยู่ตรงนั้น

อยู่ในความคลุมเคลือไม่แน่ใจมานานนับสิบปี

ความสงสัย ความคาดหวัง ความไม่แน่ใจ ที่ไม่อาจจะคาดคั้นเอาคำตอบมาได้

เป็นสิบปีของความทรมานที่ไม่อาจดึงมันออกมาสู่ความแน่ชัด

นวนิยายเรื่องนี้จึงเป็นความดราม่า ที่อ่านแล้วอึดอัดคับข้องใจ  ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นข้อดี และหมายถึงฝีมือด้วย ที่ผู้แต่งทำให้ผู้อ่านอย่างเรารู้สึกร่วมได้ นวนิยายที่ดีมันต้องเป็นแบบนี้ ต้องทำให้รู้สึก ต้องอิน  การดำเนินเรื่องด้วยความรู้สึกแบบนี้ ถ้าสามารถสร้างจุดพีคของอารมณ์ให้ถึงขีดสุด และสร้างจุดจบที่ประทับใจได้ นวนิยายเรื่องนี้จะจัดว่าเยี่ยมยุทธสำหรับการให้คะแนนของเราเลยทีเดียว

มันมีปมยากบางอย่างที่ท้าทายให้ต้องขมวดเรื่องราวเพื่อคลี่คลายแก้ไขและเอาชนะใจผู้อ่าน

 Smiley ตลอดช่วงเวลาความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ นานนับสิบปี  สิงขรมีแฟนเป็นตัวเป็นตนที่คบหากันมาหลายปี  มิ้ม สาวสวยรวยพร้อม ชาติตระกูลดี  เรียกว่าสมบูรณ์แบบในสายตาของพ่อแม่ทุกคนที่อยากจะได้มาเป็นสะใภ้เกี่ยวดอง  รักผู้หญิงคนหนึ่งตลอดมา แต่ก็คบอีกคนตลอดมา เพื่อประชด เพื่อเรียกร้องความสนใจ เพื่อจะตัดใจ

จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ นี่เป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนหนึ่ง และในความเห็นแก่ตัวนี้ คนที่ถูกทำร้ายจิตใจมากที่สุดคือ ใกล้รุ่ง  แล้วจะยังไงต่อ ....การแก้ไขปมนี้ด้วยการสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบ ตัวเลือก ผลประโยชน์ บนความห่างเหิน ระหว่างสิงขร กับ มิ้ม สาวคนรัก  ถือว่าทำได้ดีนะ ดูพระเอกเห็นแก่ตัวน้อยลงเพราะอีกฝ่ายก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน   แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่โอเคกับมันเท่าไหร่ เพราะยังคงต้องการอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกถึงความรู้สึกผิดต่อมิ้ม หรือความรู้สึกเสียใจของสิงขรต่อใกล้รุ่งให้ลึกซึ้งกว่านี้ 

Smiley สาเหตุของท่วงทำนองที่ผิดเพี้ยน เราคิดว่ามันอารมณ์มันจะพีคโพดๆ เลยล่ะ ถ้าสิงขรได้รับรู้ความจริงว่า อะไรเป็นสาเหตุให้ใกล้รุ่งปฏิเสธความรักของเขาในครั้งนั้น และกลายเป็นกำแพงถึงปัจจุบัน  เมื่อไหร่ก็ตามความรู้สึก คำพูด การกระทำเฉียดเข้าใกล้คำว่ารัก มันก็ถูกกลบเกลื่อนฝังทิ้งด้วยเกมหน้าโง่เสียทุกครั้ง   แล้วต้องทนฝืน ทนกล้ำกลืนกันต่อไป เพราะฐานะ "เพื่อน" คอยค้ำคอ  สิบปีเชียวนะ  อดีตแก้ไขไม่ได้ก็จริงๆ แต่จุดนี้ก็เป็นอีกเรื่อง ที่อยากอินกับความรู้สึกผิด เสียใจ เสียดายเวลาที่ผ่านไปทั้งที่ไม่ควรจะต้องเสียเลย ก็สิงขรมีส่วนผิดไม่ใช่หรือ สำหรับเกมหน้าโง่ในวันนั้น และไม่เคยได้พยายามให้มากพอ 

ตรรกะของสิงขร ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก กับอารมณ์ตัดพ้อน้อยใจ เคืองขุ่นที่ใกล้รุ่งไม่เคยยอมรับซัมทิงรองที่ว่านั้น  ก็จะให้ยอมรับยังไงนะ ตัวเองมีแฟนหัวโด่อยู่ทั้งคน  พระเอกแบบที่เราชอบ รักแล้วมันต้องลอง ต้องลุย ต้องสู้ให้ถึงที่สุดก่อนจะยอมแพ้  ถ้าทำแค่นี้ แค่ทีเล่นทีจริง ลองหยั่งเชิง หยั่งคำเกี้ยวพาไปวันๆ แล้วจะให้อีกฝ่ายตอบสนองต่อความคลุมเครือนั้นอย่างไร ข้างฝ่ายนางเอกก็ทนทายาดเกินไป พยายามหักห้ามใจ แต่การที่เธอทำไม่ได้มันน่าสงสาร แล้วบางทีการต้องคอยทำตามใจพระเอกเกือบทุกอย่างเพราะรักเขา ก็น่าสมเพชนิดๆ  คือ .. จริงๆ นะ  รอลูกฮึดของนางอยู่  ว่าพอแล้ว เจ็บแบบนี้ไม่เอาแล้ว เป็นไงเป็นกัน แต่นางไม่ฮึดซะที เลยรู้สึกเพลีย

Smiley เพราะในทัศนคติของเรามันคือ "ศักดิ์ศรี"   ถึงจะต่างคนต่างรัก และต่างทน  แต่มันมีความไม่เท่าเทียมกันอยู่ระหว่างสองฝ่าย  สิงขร ร่ำรวย ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ มันเป็นนิสัยของเขาที่อยากลากใกล้รุ่งไปไหนก็ไป อยากให้ทำอะไรก็ต้องทำไม่เคยขัดใจได้ แม้ว่าใกล้รุ่งจะโกรธต่อการถูกขู่เข็ญบังคับแต่ก็มักจะยอมลงให้อยู่เสมอ สิงขร รักใกล้รุ่ง แต่ก็คบมิ้มเป็นแฟน เขาใช้เวลากับใกล้รุ่งมากกว่าแฟน แต่ก็ดึงเอาแฟนมาพูดถึงทุกครั้งเพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์ของตนเองกับใกล้รุ่งว่าเป็นแค่เพื่อนกัน ในเมื่อก็รู้ถึง "ซัมทิงรอง" แล้วก็ยังดื้อดึงจะทำแบบนั้นโดยไม่คิดถึงอีกฝ่ายว่าจะเจ็บ แล้วที่สำคัญตัวเองก็เจ็บด้วย ซาดิสก์ไหมละคะผู้ชายคนนี้   แต่ก็เข้าใจอารมณ์ขุ่นมัวของเขานะ  ทั้งรักแรง หึงแรง  เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย  ชอบในความซับซ้อนในอารมณ์เหล่านี้ มันขึ้นๆ ลงๆ  แล้วก็เหมือนเขาโกรธอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา  โกรธใกล้รุ่ง โกรธตัวเอง  โกรธ.. ที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นแบบนั้น อยากจะหลุดพ้นแต่ก็ทำไม่ได้ 

ดังนั้น มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีที่เราหวังไว้จากใกล้รุ่ง  คนที่เป็นฝ่ายยอมให้ตลอด ความชอกช้ำที่เธอแบกรับไว้ในฐานะแค่เพื่อน ความเกลียดชังในเกมหน้าโง่ที่อยากให้เธอหยิ่งทะนงและเกลียดพระเอกบ้างในบางเวลา (เขาสมควรได้รับ) เราอ่านเรื่องราวอึดอัดมาตลอดและคาดหวังถึงขีดความอดทนขั้นสูงสุดของนางเอก ทำนองว่า ไม่ไหวแล้ว ไม่อาจจะทนมันได้อีกต่อไป และต้องยุติเรื่องนี้  ณ จุดที่ใครสักคนจะล้ำเส้นของคำว่าเพื่อนที่ขีดคั่นไว้  แล้วระเบิดเปิดใจออกมาเป็นจุดจบ จบคำว่าเพื่อน เพราะเราไม่ได้รู้สึกแค่เพื่อนกัน จากนั้นจะไงต่อก็ว่ามา (ลุ้นเรื่องนี้มาก กับหลายครั้งหลายคราที่ทุ่มเถียงกันเลยทีเดียว) 

เกิดเป็นความเสียดายนิดเดียวที่ว่า โดยพื้นฐานความชอบของเรา ถ้าจะดราม่า มันต้องดราม่าให้ถึงสุดๆ  หลังจากนั้นจะหัวใจสลายน้ำตาท่วมหน้า หรือ แฮปปี้เอนดิ้งสุดๆ ก็ว่ากันไป   เราชอบเกือบจะทุกอย่างอยู่แล้วในเรื่องนี้ มาติดตรงนี้แหละ ตรงที่มันพาเราไปไม่ถึงจุดพีคที่เราคาดหวังไปเองล่วงหน้า

อธิบายเปรียบเทียบง่ายๆ อย่างนี้ว่า .. มันคือกำแพงที่สูงใหญ่อยู่ภายในใจของใกล้รุ่ง  ความรู้สึกคิดถึง รักล้นปรี่ และเจ็บปวด (ขอย้ำว่าเขียนสร้างอารมณ์ได้ดีจริงๆ) มันเก็บกดกักขังอยู่ในกำแพงนั้น และเราคาดหวังว่ามันจะระเบิดตูมออกมา แต่กลับกลายเป็นว่ากำแพงมันไม่ระเบิดให้สะใจดังคิด หลังจากขังตัวเองอยู่กับความขมขื่นในกำแพงตั้งนมนานด้วยความมานะอดทนเป็นเลิศ  วันหนึ่งปมก็คลี่คลาย แล้วเธอก็เปิดประตูเล็กๆ เดินออกมาจากกำแพง แค่นั้น ? 

เป็นธรรมดาที่คอดราม่าซาดิสก์อย่าง prysang จึงอารมณ์ค้าง หงายหลังตกเก้าอี้

ตามติดมาด้วยสำนวนรักหวานๆ ในยามเรารักกัน ที่ขัดกับแนวความชอบส่วนตนเข้าอีก มีคำ คะ-ครับ เพิ่มเข้ามาในการพูดจาต่อกัน ซึ่งเรารู้สึกว่ามันขัดใจไปสักนิดไม่เคยคะครับกันมาก่อน ช่วงท้ายๆ ของเรื่อง  จึงถือเป็นจังหวะทำนองอันผิดเพี้ยนต่อความรู้สึกเราเคยถูกดึงดูดให้อินร่วมมา  มันขัดใจ .. มันไม่ชิน รู้สึกไม่รื่นตรงนั้น รวมถึงการนำเรื่องราวภารกิจของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เพิ่งจะเติมเข้ามาให้พระเอกได้เข้าร่วมภารกิจในฐานะนักบินช่วงท้ายๆ ก็เหมือนจงใจไปเลยรู้สึกว่ามันไม่เข้ากับเรื่องที่ดำเนินมาโดยตลอด ทำให้อยู่ๆ ก็นึกหมั่นไส้พระเอกขึ้นมาด้วย กับการได้ทำอาชีพนักบินตามความใฝ่ฝัน โดยมีงานอดิเรกเป็นการช่วยธุรกิจของครอบครัวตามประสาลูกเศรษฐีมีธุรกิจทำเงินเป็นมรดกรอสืบทอด  คนละขั้วกับพระเอกนักบิน ในม่านเมฆ  รายนั้น งานอดิเรกคือปลูกข้าว เลี้ยงวัว ( พวกนักบินนี่มีเวลาว่างกันเยอะเลยนะ 555)

ตอนขอแต่งงานนี่ อดไม่ได้ที่จะแว๊บไปนึกถึงเรื่อง ในม่านเมฆ อีกเช่นกัน  เพราะพระเอกเป็นนักบินเหมือนกัน ใช้เครื่องบินเป็นตัวช่วยเหมือนกัน  แต่เรารู้สึกไม่เหมือนกัน ในม่านเมฆ พระเอกทำตามความฝันที่เคยพูดกันไว้เมื่อตอนเด็กๆ ถ้าเขาได้เป็นนักบินจะพาเธอขึ้นไปดูเมฆบนฟ้า เหมือนอารมณ์มันอยู่ตรงนั้น ได้ทำตามความฝัน และคำชวน แต่งงานกันนะ  ก็ผุดออกมาสั้นๆ ง่ายๆ นางเอกก็น่ารักได้ใจ ลงจอดนิ่มๆ สิ แล้วจะตอบ  (ว่าตกลงมั้ย) เธอน่ารักมากๆ ตอนบอกพระเอก นึกว่าจะบินผาดโผนแปรอักษรเป็นคำขอแต่งงาน  ถ้าทำให้แค่นี้ก็ต้องคิดนานหน่อยสิ  คำค่อนแคะนี่แหละทำให้เรานึกถึงทันทีตอนสิงขรพระเอกเรื่องนี้ ทำ skywriting ขับเครื่องบินมาพ่นควันเป็นคำบอกรักและคำขอแต่งงาน  

คำถามของใกล้รุ่งที่ถามสิงขร "เจ้านายไม่ว่าหรือไง เอาเวลางานมาขอสาวแต่งงานเนี่ย" (ใช้สมบัติของราชการด้วยนะ) ทำให้นึกถึงคำตอบของทิวเมฆที่มีให้รวงข้าวอีกละ ตอนรวงข้าวแกล้งค่อนแคะเรื่องบินผาดโผนกับการพ่นควันแปรอักษร  งั้นเธอคงต้องไปหาแฟนเป็นนักบินผาดโผนแล้วล่ะ  อีกอย่าง สมบัติของราชการเอามาทำเรื่องส่วนตัวได้ไง   ฮาฮ่า คุณน่าจะพอนึกออกนะคะว่าทำไมถึงเพ้อพ่อร้อยโททิวเมฆในเรื่องนั้นเอาซะมาก

อย่าเข้าใจเจตนาผิดว่าการเปรียบเทียบนี้เป็นการติว่าของใครดีหรือไม่ดีนะ  แค่จะชี้ให้เห็นว่าอุปนิสัย พื้นฐานความชอบของผู้อ่านมีผลต่อความรู้สึกโดนหรือไม่โดน ชอบหรือไม่ชอบเรื่องที่อ่าน เพราะเราไม่ได้วิจารณ์หนังสือแบบมีความรู้หรือหลักการ แค่ชอบหรือไม่ชอบอะไร ตามความรู้สึกของตนเองเท่านั้น สำนวนคำรักหวานๆ การขอแต่งงานแบบอลังการงานสร้างความทรงจำครั้งใหญ่ในชีวิต มันก็เป็นความชวนอิ่มเอิบใจดีสำหรับคนชอบความโรแมนติกแบบใหญ่โต รักนี้ทุ่มทุนสร้าง แต่ส่วนตนเราเป็นคนชอบความเรียบง่ายธรรมดา   คำง่ายๆ ที่ออกมาจากใจ บางทีไม่ต้องเป็นคำว่า "รัก" แต่เข้าใจว่านั่นคือรัก เท่านั้นก็ตราตรึงมากพอแล้ว

คนชอบความหวาน อาจจะชอบอะไรหลายอย่างที่ผู้แต่งได้ใส่เข้าไปในตอนท้ายของเรื่อง ความโรแมนติก ความฝัน ความอดทนรอคอย  ความสำเร็จ  เซอร์ไพรส์ ความสุขสมบูรณ์ในชีวิต เรียกได้ว่าแฮปปี้เอนดิ้งสุดๆ ค่ะ

แม้จะรู้สึกสะดุดในอารมณ์กับการเคลียร์เรื่องราวในช่วงท้ายอย่างนั้น แต่จากสำนวนการเขียนที่ทำให้เรามีอารมณ์อินร่วมขนาดนี้ ชอบคาแรคเตอร์พระเอกทั้งทีไม่ใช่ลักษณนิสัยที่ชอบอย่างนี้ จะถือว่าเรื่องนี้แย่ไม่ได้เลย ยิ่งเนื้อหาส่วนอื่นทำได้ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของใกล้รุ่ง แม่ผู้หัวใจเด็ดเดี่ยวและปากแข็ง ความรักความเศร้าโศกของแม่ที่ยากจะแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ  น้องชายวัยรุ่นวัยของความใจร้อนและต่อต้านที่เป็นปัญหาความขัดแย้งกัน พี่สาวผู้ต้องทำหน้าที่เป็นกาวใจคอยประสานความสัมพันธ์ของแม่กับน้อง  โดยมีคำสอนสั่งจากหัวใจเปี่ยมรักของพ่อที่ตายจากไปเป็นหลักคอยยึดมั่น ผูกพันร่วมกันด้วยความรักในบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่พ่อโปรดปรานและสืบทอดหัวใจรักดนตรีมายังลูกๆ   เรื่องเหล่านี้สามารถเรียกน้ำตาออกมาได้ ความสัมพันธ์ของสิงขรกับมิ้มแฟนสาวก็ทำได้ดี  แล้วยังมีอีกหนึ่งความรักของ สร้อยแสงแข น้องสาวหูหนวกของพระเอก กับครูสอนเปียนโนจนๆ ที่ทำได้เด่นเป็นเครื่องชูโรงมิใช่น้อยเลย แม้จะสไตล์ลูกทุ่งเพื่อรักด้วยศักดิ์ศรีอยู่สักนิด   จากทั้งหมดที่กล่าวมา รวมถึงการคัดสรรบทเพลงพระราชนิพนธ์มาใช้อย่างสอดคล้องกับอารมณ์ของเรื่องราวในแต่ละช่วงละตอน ถือว่าฝีมือเลยล่ะค่ะ  คะแนนเต็มสิบสำหรับเรา หัก จุดพีคที่ไปไม่ถึง 1  หักจุดเคลียร์ที่ไม่คลีน 0.5  กับจุดหวานอันขัดใจเล็กน้อยอีก 0.5 ยังเหลือตั้ง 8  คะแนน




 

Create Date : 26 มกราคม 2557    
Last Update : 30 มกราคม 2557 12:47:50 น.
Counter : 2343 Pageviews.  

ในม่านเมฆ จากนิยายดี สู่ละครดี .. ก้อนเมฆสีหม่น จะมีฝนให้ชื่นใจ

-: บทประพันธ์ โดย ร่มแก้ว  สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ : -

ความผิดใหญ่หลวงที่เคยก่อไว้ ทำให้ รวงข้าว ต้องจากบ้านเกิด
และตาสุดที่รักไปนานนับสิบปี

ถึงวันนี้เธอตัดสินใจกลับไปที่บ้านไอดิน เพื่อพิสูจน์ตัวเองและแก้ไขความผิด

เรื่องคงจะง่ายกว่านี้ ถ้าหากไม่ได้เจอกับทิวเมฆ
ผู้ร่วมก่อวีรกรรมครั้งก่อนที่ยังมาวนเวียน ทำให้ใจสั่นหวั่นไหว

ที่สำคัญ เขากลายเป็นนักบินฝนหลวงที่เธอปลาบปลื้ม
รวงข้าวต้องร่วมมือกับเขากอบกู้บ้านไอดินอันแห้งแล้ง

ขณะเดียวกันก็ต้องห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้ตกหลุมรักเขาอีกครั้ง
ภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่...

พบกับเรื่องราวความรักผ่านโครงการฝนหลวงและฝายชะลอน้ำ
ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งจะสร้างความชุ่มชื้นให้แผ่นดินที่แห้งแล้ง
และเติมความชุ่มฉ่ำให้แก่หัวใจทุกดวง

เฮ้อ ...  ถอนหายใจดังๆ  เพราะเกิดอาการเพ้อ 'พระเอก' ของ ร่มแก้ว อีกครั้งแล้วสินะ

"นักบินฝนหลวง"  คำๆ นี้มีอิทธิพลชะงัดนัก ต่อการเพ่งเล็ง "ในม่านเมฆ" หนึ่งในนวนิยายชุด "ลูกไม้ของพ่อ"  แต่ตอนที่นวนิยายชุดนี้ออกมาใหม่ๆ ถือเป็นช่วงที่ห่างหายจากการอ่านนวนิยายไปนาน และรู้สึกว่าไม่คุ้นชื่อนักเขียนทั้งห้าผู้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้สักคน กว่าจะได้อ่านจึงผ่านมาป่านฉะนี้

ไม่ใช่แต่นักเขียน ร่มแก้ว หรือ รวงข้าว นางเอกในนวนิยายหรอกนะคะ ที่เห็นว่านักบินฝนหลวงนั้นเท่ห์ น่าปลาบปลื้มสุดๆ ในฐานะที่เป็นฮีโร่ผู้ปฏิบัติบนท้องฟ้ากับภารกิจนำสายฝนสู่ผืนดินเพื่อประชาชน  เพราะส่วนตนก็มีความคิดเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ในตอนนั้น เมื่ออ่านจากพลอตกลับเลือกที่จะหยิบ "แสงดาวกลางใจ" ที่มีนางเอกเป็นเจ้าของไร่สตอร์เบอร์รี่ กับพระเอก หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่ามาอ่านก่อน  แหม.. ก็อาชีพทั้งสอง ช่างเหมาะแก่การจินตนาการเรื่องรักโรแมนติกท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ซะเหลือเกิน (เจ้าหน้าที่ป่าไม้ _ ก็เป็นอาชีพเท่ห์มากมายในความคิดด้วยเหมือนกัน)  

ใครจะไปคิดล่ะว่า เรื่องที่ปลื้มสุดๆ  กลับเป็นเรื่องนี้   ในม่านเมฆ กับพระเอกนักบินฝนหลวง .. ร้อยโททิวเมฆ  (แต่ในชุดนี้ยังไม่ได้อ่าน ใต้ร่มใจภักดิ์ กับ หัวใจใกล้รุ่งนะคะ)

อ่านสนุกมากค่ะ  การวางพลอตเรื่อง  และการดำเนินเรื่อง ดึงดูดความสนใจได้ตลอด

วีรกรรมอะไรที่ รวงข้าว กับทิวเมฆ ก่อไว้ร่วมกันในอดีต จนเป็นเหตุให้ชีวิตของเธอต้องหักเหจากไปจากบ้านไอดินจนยากจะหวนกลับ  อินกับการความรู้สึกของรวงข้าวตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อเธอคิดถึง "ตาช้าง" คุณตาของเธอที่บ้านไอดิน ที่แม้ไม่ใช่บ้านเกิดแต่ก็เป็นบ้านที่เธอเคยได้รับการเลี้ยงดูและเติบโตขึ้นมา  ความผิดอะไรที่เธอก่อไว้ให้ตาช้างเสียใจ จนไม่อาจแบกหน้ากลับไปพบเจอเป็นเวลากว่าสิบปี 

ปมของเรื่องราวเกี่ยวกับความมุ่งมั่นตั้งใจของรวงข้าว ที่จะกลับมาบ้านไอดินเพื่อพิสูจน์ตัวเองและแก้ไขความผิดที่เคยก่อขึ้นในอดีตนั้น  .. คำถามคือ เธอเคยก่อเรื่องอะไรไว้  จุดนี้  นักเขียนฉลาดที่ค่อยๆ แง้มเรื่องราวรายรอบ  ให้คืบคลานเข้าสู่ประเด็น ไม่เปิดเผยหมดเปลือกซะทีเดียว จึงสนุกกับการสงสัยใคร่รู้ และคาดเดาไปต่างๆ เพื่อลุ้นว่า เราคิดถูกหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าละครจะทำในสิ่งตรงกันข้าม คือเอาสิ่งที่ในหนังสือค่อยๆ เปรย มาเปิดเผยทั้งหมดในคราเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น ฮาฮาฮ่า

 

นางสาวรวงข้าว  เปิดตัวแรก ๆ รู้สึกจะไม่ถูกโฉลกสักเล็กน้อยกับคาแรคเตอร์คุณหนูง้องแง้ง แถมยังเกิดอาการแอนตี้อย่างแรงกับความคิดดูถูกคน  แทบรับไม่ได้ขึ้นมาทันทีกับความคิดในหัวของเธอเกี่ยวกับ ทิวเมฆเป็นแค่ชาวนาจนๆ แค่คนเลี้ยงวัวดักดาน ไม่ชอบอีกตรงจุดนี้ของนิยายเล็กน้อย  เมื่อรวงข้าวเปลี่ยนท่าทีทันทีที่รู้ว่าทิวเมฆไม่ได้เป็นแค่ชาวนา  มันเป็นประเด็นอ่อนไหวเหมือนกันนะ  ราวกับว่าเธอมองคุณค่าของคนที่จะทำให้ตัดสินว่าจะวางตนต่อคนอื่นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับใครที่เขาเป็นอาชีพอะไรที่เขาทำงั้นหรือ  มันไม่เป็นไรถ้าตัวละครจะมีนิสัยอย่างนี้ แต่ไม่ชอบใจนักที่ตัวละครนั้นคือนางเอก  จึงพยายามคิดซะว่านั่นเป็นเพราะเธอเพียรตั้งแง่ไม่ให้เผลอใจไปรักพระเอกเข้าอีก ก็พอจะถูไถทนไป แต่ในบทละครถูกปรับปรุงเป็นว่า รวงข้าวเริ่มยอมรับทิวเมฆก่อนที่จะรู้ว่าเขามีอาชีพสุดเท่ห์เป็นนักบินฝนหลวง ชอบที่เขาปรับให้เป็นแบบนั้นนะ แต่หลังจากมาอยู่กับตาที่บ้านไอดินไม่นานรวงข้าวก็ปรับตัวได้เร็ว จากสิ่งแปลกปลอมก็ดูเข้ากับสภาพแวดล้อมมากขึ้น ค่อยรู้สึกชอบนางเอกในความหัวดื้อและเป็นคนไม่ยอมแพ้ของเธอ รวมถึงความตั้งใจ และความรู้สึกที่เธอมีต่อบ้านไอดินด้วย

นายทิวเมฆ  กรี๊ดดดดดด    ต้องขอกรี๊ดก่อน อะไรจะคาแรคเตอร์โดนใจขนาดนี้  ดาร์ค ทอล แอนด์แฮนซัม ยียวน กวนประสาทเล็กๆ มีเสน่ห์ เท่ห์ น่ารัก แถมยังหนักแน่นมั่นคงอยู่กับรักแรกรักเดียว  อีกทั้งทำตัวติดดิน เป็นนักบินบนฟ้า แต่ว่าชอบ ปลูกข้าว เลี้ยงวัว  ขับรถอีแต๋น อย่างนี้สิแมน อบอุ่น น่ารักเว่อร์

ชอบแนวความรักเรื่องนี้มากด้วยค่ะ รักแรกที่มาราธอนเป็นรักเดียว ผ่านอารมณ์หวือหวาอยากรู้อยากลองในช่วงวัยรุ่น ผ่านการจากลา ลับหาย  ความผิดหวัง คำสัญญา  ยังมีภาพความทรงจำ ยังมีเยื่อใยความรู้สึกที่ฝังแน่นเป็นความผูกพันมาแต่อดีต กับการกลับมาพบกันในปัจจุบันที่ต่างคนต่างเรียนรู้ความผิดพลาดและเติบโตขึ้น   

ยามเมื่อลมพัดหวนรวงข้าวกลับคืนสู่บ้านไอดินอันแห้งแล้ง

ที่ที่มีทิวเมฆรอคอยอยู่กับคำสัญญาหน้าฝน  

สัญญาในคืนฝนพรำ ที่จำขึ้นใจ ยังคงคิดถึง ยังคงไม่ลืม ..

ความฝัน ความหวัง ความมุ่งมั่นจากแรงบันดาลใจเดียวกัน 

จะนำเขาและเธอกลับมาร่วมทางเดินแห่งรัก ฟันฝ่าอุปสรรค

และพลิกฟื้นผืนดินแห้งแล้งของบ้านไอดินคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ขึ้นอีกครั้ง 

 

ฉีกยิ้มกว้าง มุมปากแทบถึงใบหู ณ ที่แห่งนี้ ที่เป็นความลับของเรา

 "เนินหลบภัย" ที่ทิวเมฆสรุปง่ายๆ ด้วยประโยคนี้กับรวงข้าว

"ฉันว่า .. เรารักกันนั่นแหละ"

เช่นเดียวกัน กับคำ  "แต่งงานกันนะ" ในยามที่รวงข้าวคิดว่าสุดแสนจะไม่ถูกที่ถูกเวลา ..

แต่คิดว่าคงจะถูกใจ คำตอบของเธอ ... น่ารักสุดๆ ไปเลย  

ทำให้คนอ่านอิ่มเอมที่สุด กับเรื่องราวของความรัก Smiley ที่รวมไปถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว รอยแผลระหว่างตาช้างกับลูกสาวในอดีตก่อนหน้า และอดีตต่อมากับหลานสาวรวงข้าวที่ยังคงตอกย้ำกับรอยแผลเดิม แต่ในที่สุด เวลาและความรัก จะช่วยเยียวยาและนำพาความสุขกลับคืนมาสู่ครอบครัวอีกครั้ง    

แต่ในความรักยังมีความสนุกและถูกใจมากกว่านั้น คือ การผูกเรื่องราวเพื่อถ่ายทอดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านโครงการในพระราชดำริ "ฝนหลวง" และ "ฝายชะลอน้ำ" การเก็บกักชะลอน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผืนดินและฟื้นฟูความเสื่อมโทรมของสภาพป่า ซึ่งได้รวมถึงการเห็นคุณค่า ร่วมมือร่วมใจอนุรักษ์รักษา ไปพร้อมกับแนวความคิดสำนึกรักบ้านเกิดด้วย เราชอบการสอดแทรกเนื้อหาอย่างนี้มากเลย มีสาระ จรรโลงใจดี และยังน่าชื่นใจอีกด้วยที่ยังคงความเป็นละครรักโรแมนติกไว้ได้อีกด้วย อ่านแล้วยิ้มแก้มปริ มีความสุขจริงๆ 

ความสุขนี้จะยกเป็นความดีความชอบของใคร ถ้าไม่ใช่ ร่มแก้ว 

ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายดีๆ ที่ช่วยทำให้มั่นใจในการตอบคำถามของใครคนหนึ่งว่า นวนิชายชุด ลูกไม้ของพ่อ  ถ้าจะซื้อให้ลูกสาววัยกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นอ่านจะเหมาะจะควรหรือไม่ มีเลิฟซีนหรือเปล่า ... ในเมื่อนวนิยายทุกเรื่องมีพระเอก นางเอก มีความรัก เป็นธรรมดาที่ย่อมจะมีฉากกุ๊กกิ๊กน่ารัก รักกัน แต่ในเมื่อนั่นไม่ใช่เลิฟซีนถึงเนื้อถึงตัวโจ๋งครึ่ม  ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรไม่ดีตรงไหนที่เด็กจะอ่านไม่ได้ วัดเอาจากตัวเองที่อ่านเลิฟซีนนิยายแปลแต่เล็กแต่น้อย ถือว่าน้องยังอยู่ในโซนปลอดภัยอยู่มาก อิอิ  อ่านมาสามเรื่องแล้วไม่เห็นมีอะไรต้องเป็นห่วงนี่ ย่อมมั่นใจว่าสองเรื่องที่เหลือก็ไม่ต้องห่วงเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ซื้อยกชุดเลยค่ะพี่  ก็ในเมื่อนวนิยายชุดนี้ มีจุดประสงค์เพื่อถ่ายทอดแนวพระราชดำริและบทเพลงพระราชนิพนธิ์ ย่อมผ่านการไตร่ตรองของนักเขียน และการกลั่นกรองจากสำนักพิมพ์มาแล้วล่ะน่า

 

ส่วนตัวคิดว่า นวนิยายชุด ลูกไม้ของพ่อ ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ดีๆ ในวงการนวนิยายไทยเหมือนกันนะ ทั้งยังกลายเป็นเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่อาจจะช่วยสร้างสรรค์แนวละครดีๆ ในวลการละครไทยต่อไปในอนาคต รู้สึกอย่างนี้เมื่อได้ดูละคร ลูกหนี้ที่รัก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก ส่วนในม่านเมฆ เรื่องราวของฝนหลวงและฝายชะลอน้ำ อาจยังดูไกลตัวกว่า ถ้าเทียบกัน  แต่สิ่งที่นวนิยายหรือละครได้ถ่ายทอดก็ช่วยให้ตระหนักและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทยได้เป็นอย่างดี ( ตัวละครพูดถึงโครงการในพระราชดำริ และเพลงลูกไม้ของพ่อเปิดคลอขึ้นมาทีไร น้ำตาพาลจะไหลทุกที)

ถ้าเรามีนักเขียนดีๆ ที่เขียนเรื่องราวดีๆ เราก็จะมีนวนิยายดีๆ และละครดีๆ ที่ให้ความสุข ความสนุกกับเรื่องราวของละครไปพร้อมกับการสอดแทรกสาระดีๆ ทีละเล็กละน้อยช่วยปลูกฝังจิตสำนึกด้านดีๆ เป็นทุนทรัพย์ดีๆ สะสมในจิตใจ มันจะส่งผลถึงทัศนติ และการใช้ชีวิตแบบคนดีๆ มีความรับผิดชอบ ดังนั้น นวนิยายเล็กๆ เล่มหนึ่ง ละครเล็กๆ เรื่องหนึ่ง ก็เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมสร้างสังคมดีๆ ได้ เราเชื่อมั่นอย่างนั้น ในยามที่ได้อ่านนิยายดีๆ จึงรู้สึกดีมากจริงๆ  ขอเป็นกำลังใจให้ร่มแก้วและนักเขียนทุกท่านมีแรงพลังและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานเรื่องต่อๆ ไป นะคะ

ขอพูดถึงละครสักเล็กน้อย 

 

เว้นเสียแต่ว่า ตอนอ่านนิยายจะมีนักแสดงคนใดคนหนึ่งเข้ามาสวมรอยจินตนาการโดยบังเอิญ  เพราะนอกเหนือจากนั้น จะไม่มีหรอก นักแสดงที่จะเข้ากับความรู้สึกของเราในตอนอ่านนิยายอย่างสมบูรณ์แบบ  ไม้ - วฤษฏิ์ ศิริสันธนะ อาจไม่ได้ให้ความรู้ ดาร์ค ทอล แอนด์แฮนซัมมากมาย แต่เราก็ชอบเขามากนะ ตั้งแต่ตอนเป็นนายอำเภอเจต เรื่องผู้ดีอีสาน เรื่องนี้เปลี่ยนมาเป็นบทยิ้มแย้มยียวน การแสดงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และชวนมองยิ่งนักกับเสน่ห์ของดวงตาคู่สวยและรอยยิ้มสดใส คาแรคเตอร์เหมือนในในหนังสือเลย สรุปว่าพอใจมากค่ะ  

ทางด้านนางเอก น้ำชา - ชีรณัฐ ยูสานนท์  รู้สึกว่า ผู้กำกับและคนเขียนบทละครจะมีปัญหากับการตีความคาแรคเตอร์นางเอกนิยายของร่มแก้วจริงๆ นะ  ตอนเรื่องต้นรักริมรั้วก็รู้สึกอย่างงี้ทีนึงละ  ดูละครตอนแรกๆ รับไม่ได้เลยทีเดียว  ในนิยายมีอยู่คำเดียวที่เอ่ยถึงแฟชั่น รวงข้าวอยากแต่งตัวให้ดูดีให้ชาวบ้านเชื่อถือ  แต่การแต่งตัวของเธอในละครแรกๆ ที่เป็นสาวกรุงมาบ้านนอกนั้น แถวบ้านเรียกว่าไม่รู้กาลเทศะ ปากแดงแจ๊ดดด ใส่กางเกงสั้นจู๋ รองเท้าส้นสูงปรี๊ดขี่จักรยานเนี่ยนะ  คอสตูมก็คิดได้เนอะ  นางเอกในละครช่วงแรกๆ  จึงทำให้เพลียกับความเว่อร์ของนาง ในหนังสือรวงข้าวเป็นแค่คนหัวดื้อ ไม่ยอมแพ้ และอาจจะใจร้อนอยู่สักนิด  แต่ที่ตีความออกมาเป็นฮึดฮัด โวยวายเป็นคุณหนูวีน แล้วก็อวดฉลาดอย่างที่เห็นในละครนะ  ไม่ค่อยจะชอบเอาซะเลย มันเยอะไปนิด แต่เหมือนในหนังสือค่ะ หลังๆ เกิดการปรับตัว ลดมาดคุณหนูวีน สไตล์การแต่งตัวก็ลดความหวือหวาลง (ปากซีดลงด้วย)  รวงข้าวที่เล่นโดยน้ำชาก็น่ารักขึ้นมากเลย สรุปว่า ค่อนข้างพอใจค่ะ   

 

ส่วนของการดำเนินเรื่องและบทบาทของตัวละครก็มีปรับเปลี่ยนไปเยอะอยู่เหมือนกัน ต่างจากเรื่องลูกหนี้ที่รัก ที่เดินรอยตามหนังสือแทบจะเรียกว่าเป๊ะแม้กระทั่งบทพูด  เราคิดอย่างนั้นนะ  แต่ละครก็ดูได้เรื่อยๆ เพลินดีค่ะ เพราะอย่างน้อยๆ เลย ก็ชอบฟังเสียงเพราะๆ ของน้ำชา และชอบหนุ่มไม้มากอยู่  อาการเพ้อพระเอกละครไทยอย่างนี้ นานๆ ถึงจะเกิดขึ้นที นี่มันก็เว้นช่วงไปนานพอควร จาก ณ เดช กับบท ไฟขา ในดวงใจอัคนี  หมากปริญ  ในบทของกบ-ต้นรักริมรั้ว แล้วก็เพิ่งมาเรื่องนี้แหละ ไม้ กับบทของร้อยโททิวเมฆ นักบินแห่งสำนักฝนหลวง เพราะฉะนั้นช่วงนี้ ต้องรีบทำงานต้องรีบกลับบ้านทุกวัน เพราะอยากกลับมาให้ทันดูละครตอนเย็น (อิอิ ก็ถือว่าเป็นเอามากอยู่นะเนี่ย )  

  

 

ชอบเพลงประกอบละคร  ทั้งน้ำเสียงของนักร้อง และเนื้อหาของบทเพลง เข้ากับทิวเมฆ และความรักของเขามากเลย Smiley

กบ Taxi - ฝนพรำ จำขึ้นใจ (เพลงประกอบละคร ลูกไม้ของพ่อ ตอน ในม่านเมฆ)

คำร้อง มณฑวรรณ ศรีวิเชียร
ทำนอง เรืองกิจ ยงปิยะกุล
เรียบเรียง บุรินทร์ สุภัครพงษ์กุล


ในวันที่ฝนพรำ จำได้ขึ้นใจ
ไม่เคยจะลบไป อะไรที่ดีดี
มันยังไม่เคยลืม และคิดถึงทุกที
ทุกทุกคำที่ เธอได้พูดมา

ก็อาจจะเลื่อนลอย คอยเธอเรื่อยมา
ยังทำตามสัญญา ว่าจะได้พบเจอ
เธอลืมคิดถึงใคร ที่เขาคิดถึงเธอ
ทิ้งให้รอเก้อ ให้น้ำฝนปนน้ำตา

ใจคนที่รอ จะนานแค่ไหนก็รอได้
เชื่อสุดหัวใจทุกคำสัญญา
เธออยู่ที่หนใด ส่งใจให้เสมอมา
บอกกับฟ้า อยากให้เธอกลับมา..มาหากัน

ก็อาจจะเลื่อนลอย คอยเธอเรื่อยมา
ยังทำตามสัญญา ว่าจะได้พบเจอ
เธอลืมคิดถึงใคร ที่เขาคิดถึงเธอ
ทิ้งให้รอเก้อ ให้น้ำฝนปนน้ำตา

ใจคนที่รอ จะนานแค่ไหนก็รอได้
เชื่อสุดหัวใจทุกคำสัญญา
เธออยู่ที่หนใด ส่งใจให้เสมอมา
บอกกับฟ้า อยากให้เธอกลับมา..มาหากัน

ใจคนที่รอ จะนานแค่ไหนก็รอได้
เชื่อสุดหัวใจทุกคำสัญญา
เธออยู่ที่หนใด ส่งใจให้เสมอมา
อยากให้เธอ ช่วยกลับมาได้ไหม ใจฉันรอ
มาหากัน ใจฉันรอ

แต่ที่ชอบจริงๆ คือเพลงหลักสำหรับละครทั้งห้าเรื่อง " ลูกไม้ของพ่อ "

ไม่ว่าเสียงนักร้องหญิง หรือชาย ทุกเวอร์ชั่น เพราะทั้งหมด ชอบเนื้อเพลงมากด้วย




 

Create Date : 25 มกราคม 2557    
Last Update : 29 มกราคม 2557 21:17:27 น.
Counter : 5400 Pageviews.  

นายไม้เอกกับรักหลุมที่สิบแปด _ รหัสนัย

 ฉันเคยกลัวความเปลี่ยนแปลงเสมอมา

เพราะฉันสร้างชีวิตขึ้นมา...รอบๆ ตัวเธอ

แต่เวลา... ก็ทำให้เรากล้าหาญขึ้น

เด็กๆ ยังต้องเติบโต .. ฉันเองก็เช่นกัน

ทุกชีวิตมักกลัวการเปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่ 'เวลาและการเปลี่ยนแปลง' เป็นสิ่งที่จะต้องเคลื่อนไป เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรคงที่ ไม่มีใครได้มาโดยไม่เสีย จากชีวิตที่เพียบพร้อม รอเวลาแห่งความสุข หากพริบตานั้น ทุกสิ่งฉับพลันหาย ... คุณจะทำอย่างไร   จากบทแรกแห่งความเปลี่ยนแปลงรุนแรง หญิงสาวคนหนึ่งก็คิดเช่นนั้น

 สูญสิ้น สูญเสียเช่นนี้จะดำรงอยู่เช่นไร

เธอลืมไป..ไม่มีใครเสียทั้งหมด

เธอลืมไป..เวลาจะทำให้เรากล้าหาญขึ้น

'ผู้ที่เรารัก' อยู่ในหัวใจและความทรงจำ ยังอยู่กับเราเช่นนี้เสมอ .. ตราบจนเราจะลับลาโลก เมื่อเข้าใจเช่นนี้ และ 'เวลา' เรียกความกล้าหาญกลับมา การเลือกรักษา 'ของรัก' ของคนที่เรารักก็เป็นหนทางของ 'เวณิกา' หนทางผกผันที่่นำพาชีวิตไปพบกับ 'นายไม้เอก' ซุปเปอร์สตาร์ท่าทางยโสคนนั้น 

นายไม้เอก ผู้ชายที่ไล่ล่าความฝันแห่งชีวิต ไขว่คว้าหาจุดสุดยอด ทะเยอทะยานอยากเป็นสิ่งที่ตัวเองรัก

ใช่ .. มันต้องไปถึงตรงนั้นด้วย 'ความรัก' เท่านั้น ความสำเร็จแห่งฝันที่ไล่ล่าจึงจะเป็นความสุข และทรงคุณค่า ด้วยความรักนั้นเจือจานด้วยอิสระ และอิสระนั่นแหละ คือพลังบันดาลใจ ไม่ใช่ขับเคลื่อนไปเพียงลำพังกับความเคยชินและหน้าที่!

จริงหรือ ... ที่ ณ เนินเขาแห่งโน้น ใช่มีเพียงนักกอล์ฟหนุ่มผู้ยโส และแคดดี้สาวผู้สวยสง่า

แต่ยังมีใจสองดวงที่ออกวิ่งไปบนกรีน พร้อมที่จะตกหลุมความรักทั้งสิบแปดหลุมด้วยกัน

 

 

อ่านคำนำสำนักพิมพ์ข้างต้น จากบรรณาธิการคนโปรด รักษ์ชนก นามทอน  แน่นอนว่าเกิดอาการเหมือนเดิมคือหลงคารม  เหมือนเป็นการร่ายมนต์ว่าหนังสือเล่มนี้น่าอ่าน เป็นการโน้น้าวทางจิตวิทยาได้ดีเลยล่ะ ส่วนเนื้อหาในหนังสือนั้นจะสื่อถึงสิ่งที่บรรณาธิการเก็บเกี่ยวเอาสาระใจความมาบอกได้ถึงใจหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 

ซึ่งจากประสบการณ์ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังนะ คือ .. อาจจะไม่ใช่ผลงานที่ถึงคาดหวังไปซะทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่ไปซะทีเดียว และนั่นคือ ทัศนคติที่มีต่อนิยายจากนักเขียนสังกัด ณ บ้านวรรณกรรม

ส่วนจะมีปัญหาอื่นใดที่ทำให้ ณ บ้านวรรณกรรม เสื่อมเสียไปจากความรู้สึกของใครหลายคน จากที่เคยอ่านพบความคิดเห็นมา อันนี้ก็ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด   แต่ถ้าจะมีสักสาเหตุที่ทราบซึ้งถึงใจด้วยตนเอง คือปัญหาของการพิสูจน์อักษร  ดูแต่เรื่องนี้สิ  กระทั่งคำนำสำนักพิมพ์ ยังพิมพ์ออกมาได้ "ไคว่ขว้า"  "ทะเยอะทะยาน"  อ่านผ่านแล้วต้องสลัดหัวหนึ่งที กระพริบตาอีกหนึ่งที แล้วอ่านอีกครั้ง เผื่อว่าจะตาฝาดไป ก็มันจะผิดอะไรได้น่าเกลียดอย่างนี้ ผิดที่คำง่ายๆ ผิดตรงคำนำที่กำลังเพลินกับสำนวนงามๆ ของบรรณาธิการรัชนกนี่น่ะนะ! โดยส่วนตัวมีความชังภาษาอังกฤษที่มันดันจำเป็นต่อชีวิตการทำงานเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงส่งผลให้รักภาษาไทยเป็นพิเศษ และจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษด้วยถ้าพบคำผิดในสิ่งที่เรียกว่า "หนังสือ"  

มาว่ากันถึงเนื้อเรื่อง "นายไม้เอกกับรักหลุมที่สิบแปด" 

อย่างแรกเลย คือ ชื่อเรื่องมันโดน  อย่างที่สองตามมาคือ พลอตเรื่องมันใช่

 "รหัสนัย" เป็นนักเขียนที่่ตั้งชื่อเรื่องนิยายได้น่าสนใจ  เรื่องแรกที่อ่านเป็นผลงานเรื่องที่สองเธอ คือ "ใต้หลังคาดาว เรารักกัน" ถึงไม่รู้จักนักเขียนตอนนั้น แต่ก็ซื้อเพราะพลอตที่น่าสนใจและชื่อเรื่องที่แสนจะดึงดูด  อ่านแล้ว  อาจจะยังไม่สุดที่คาดหวัง แต่ก็ใช่ว่ามันจะแย่ มาถึงเรื่องนี้ ก็เช่นกันคือรู้สึกว่า พลอตมันโดน มันใช่ มันมีอะไรหลายอย่างในแบบที่เราชอบ และบ่อยครั้งก็รู้สึกว่ามันยากจะหา ที่แน่ๆ คือ ยังไม่เคยเจอนิยายที่พระเอกเป็นโปรกอล์ฟนะคะ ^^ เรื่องนี้ก็มีเนื้อหาอย่างที่บรรณาธิการรักษ์ชนกเขียนไว้ ความรัก ความฝัน ความมุ่งมั่น ทะเยอทะยาน การให้ความสำคัญกับคุณค่าของชีวิตบางอย่างและหนทางที่เลือกเดิน

ไม้เอก โปรกอล์ฟอาชีพ แชมป์เอเชี่ยนไรเดอร์คัพ นักกีฬาหนุ่มรูปหล่อที่ความเด่นดังทำให้ชีวิตถูกล้อมกรอบ เป็นจุดสนใจของสื่อ สาธารณชน ต้องใช้ชีวิตไม่ต่างจากดารานักแสดงคนดัง มีบอร์ดี้การ์ดคอยกีดกันนักข่าวและดูแลความปลอดภัย มีผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลจัดการตารางซ้อม ตารางนัดหมายออกสื่อ และดูแลเรื่องภาพลักษณ์คนดัง

แม้ชื่อเสียง จะนำเงินทองไหลมาเทมา ทั้งจากการเป็นพิธีกรรายการกอล์ฟ ทั้งการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาสินค้า การถ่ายปกนิตยาสาร และแผนธุรกิจที่กำลังจะผลิตอุปกรณ์ตีกอล์ฟแบรนด์ "ไม้เอก" รวมถึงแฟนสาวคนสวยที่เป็นดารานางแบบผู้อยู่ในระดับ "นางเอกชื่อดัง" 

ดูเหมือนจะสมบูรณ์พูนสุขสุดๆ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีสักอย่างที่เป็นความใฝ่ฝันอันแท้จริงของไม้เอก

ทั้งหมดมันไม่ใช่ความฝันของเขา  แต่เป็นความฝันของใครอีกคน  

แรมโบ้  ผู้จัดการส่วนตัวของไม้เอก ที่ทำหน้าที่เป็น "ผู้จัดการ" มากกว่าการเป็นพี่ชายแท้ๆ เพราะมันยากสำหรับแรมโบ้ 'ผู้ชายอีกประเภทหนึ่ง' ที่เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเป็น "โบโบ้" หัวอกของคนเป็นเกย์ ที่พยายามทำให้ทุกคนยอมรับ ดิ้นรนให้ตัวเองมีตัวตนอยู่ในสังคม และแรมโบ้ก็รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามีความสำคัญขึ้นมาจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของไม้เอก  นางจึงคอยบงการทุกๆ เรื่องในชีวิตของน้องชาย และเพราะมีกันอยู่สองคนพี่น้อง เพราะความเชื่อใจว่าเรื่องต่างๆ เป็นไปเพราะความรักความปรารถนาดีที่ไม่มีอะไรแอบแฝง ไม้เอกจึงยอมดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางที่แรมโบ้คอยขีดเส้นให้  แม้จะไม่ลืมความฝันของตัวเอง แต่ก็ไม่อาจจะดิ้นรนหนีออกไป

เวณิกา  เธอไม่ต้องการจะสูญเสีย "กรีนซิตี้" สนามกอล์ฟที่ยังสร้างไม่เสร็จแห่งนั้น เพราะมันคือสิ่งที่พ่อสร้างไว้เพื่อเธอและเหลือไว้ให้ดูต่างหน้าก่อนจะด่วนจากไปพร้อมกันกับแม่เพราะประสบอุบัติเหตุ หนี้สินก้อนใหญ่ของพ่อที่เธอได้รับรู้และต้องรับภาระ เป็นอุปสรรคใหญ่ของกรีนซิตี้ที่ยากจะสานต่อโครงการให้แล้วเสร็จ เวณิกาอยากจะรักษาความตั้งใจของพ่อเอาไว้ และทางออกเดียวที่เธอพอจะมองเห็นความเป็นไปได้ คือ นายไม้เอก โปรกอล์ฟคนดัง ที่ไปทางไหนก็ถูกล้อมหน้าล้อมหลังอย่างกะเป็นดารานักแสดง น่าหมั่นไส้

แต่มีคำกล่าวว่า คนที่กำลังจะจมน้ำ ต่อให้เป็นกอสวะลอยมาก็ยังต้องคว้าเอาไว้  ถึงจะหมั่นไส้ไม่ชอบใจความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของนายไม้เอก เวณิกา ก็ต้องจำใจ จำยอมบากบั่นฝึกฝนตนเองให้เป็น "แคดดี้" จากหลักสูตรเร่งรัดระยะสั้น ก่อนถึงวันชี้ชะตา ที่เธอสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นแคดดี้ประจำตัวของนายไม้เอก อีกหนึ่งแผนการของแรมโบ้ที่จะส่งเสริมบารมีโปรกอล์ฟคนดังด้วยการเพิ่มแคดดี้ประจำตัวร่วมอยู่ในขบวนผู้ติดตามขึ้นอีกหนึ่งคน

มันเริ่มต้นจากความไม่จริงใจ เวณิกา หรือชื่อที่ตั้งใหม่ "กาหลง" หวังจะใช้ทางนี้ (การเป็นแคดดี้) เพื่อตีซี้กับ "นาย"  (ที่ปกติจะเข้าถึงยาก)  แล้วลากเขามาเป็นเครื่องมือในการกอบกู้วิกฤตกรีนซิตี้ที่มีกำหนดเส้นตายจากทางธนาคารให้ทำการบังคับขายทอดตลาด แต่ถึงจะฟลุ้คถูกเลือกมาเป็นแคดดี้ของนายคนนี้ได้ ก็ใช่ว่าการตีซี้จะง่ายอย่างที่คิด ไหนจะแฟนสาวขี้หึงที่เป็นนางเอกแต่เพียงในจอ ไหนจะคุณพี่แรมโบ้ที่ทั้งรักทั้งทั้งหวงน้อยชายยิ่งกว่าจองอางหวงไข่ เพราะแรมโบ้สุดแสนจะหวงแหนชื่อเสียง และเงินทองที่จะหดหายไป หากไม้เอกมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีจากเรื่องอื้อฉาว 

ความรัก ความฝัน ของทั้งสามคน จะลงเอยเป็น คุณค่าของชีวิต อย่างไร  นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าพลอตโดนใจ  พลอตที่ทำให้รู้สึกว่า นิยายเล่มบางๆ แค่ 306 หน้า มันบางไป เรื่องมันสั้น มันเร็วไป ความสัมพันธ์ของตัวละครก็ผันแปรไปเร็วตามเนื้อเรื่อง แค่ตรงนี้ล่ะที่เสียดาย เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบนิยายยาวๆ ความสัมพันธ์ค่อยเป็นค่อยไปแบบเนียนๆ ละเอียดลออ ละเมียดละไม แต่ถ้าว่ากันตามจริงอาจเป็นเพราะวัยที่มากขึ้น นิยายเล่มนี้ถ้าอ่านตอนอายุสิบห้าสิบหกขวบ ก็คงจะพึงพอใจที่มันสั้นอย่างนี้ สำนวนภาษายังให้คะแนนกลางๆ คือไม่ได้รู้สึกว่าถูกใจอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรจะติ และคงจะต้องชมด้วยซ้ำ สำหรับแง่มุมในการมองชีวิตที่ดีๆ   

การได้หย่อนขาเข้ามาในเกมข้างหนึ่งแล้ว จะชักกลับโดยไม่ได้ประโยชน์โภชน์ผลอะไรขึ้นมาเลย ก็จะยิ่งเป็นการเดินหมากที่ไร้ค่า สู้กระโดดลงไปทั้งตัว แม้จะเจ็บถึงเจ็บหนัก หากอย่างน้อยก็ยังพอมีความหวัง มีโอกาสจะได้ชัยชนะติดมือออกจากเกมไป ย่อมจะดีกว่า

---

ในชีวิตนั้น บางสิ่งบางอย่างก็เกินความสามารถในการควบคุม เกินกว่าจะยื้อยุดฉุดไว้ในมือเรา สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงยอมรับความสูญเสียนั้นอย่างเข้าใจ ว่าเราได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วที่จะรักษามันไว้

---

ความหวังดี ถ้าให้โดยผู้รับเขาไม่ต้องการ มันก็ไม่ต่างอะไรกับความประสงค์ร้าย

---

ชื่อเสียง เงินทอง และความสุข  ไม่ใช่ของที่ต้องมาคู่กัน

ในหลายๆ ครั้งของชีวิต มันออกจะเดินสวนทางกันด้วยซ้ำ

ความฝันและหัวใจ ที่มุ่งมั่นจะทำฝันนั้นให้เป็นจริงขึ้นมาต่างหาก ที่จับต้องได้

ความสุขที่ได้ลงมือทำสิ่งที่รักเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ฝัน มันช่างยิ่งใหญ่

และลึกซึ้งกว่าหลายเท่านัก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความฝัน

และหลายคนถึงจะมีฝัน แต่ก็ไม่พร้อมจะไล่ตามทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา

---

นิยายเรื่องนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๗ ผ่านมา ๙ ปี ให้นึกสงสัยว่า รหัสนัย มีผลงานเรื่องอื่นๆ ออกมาอีกหรือไม่ นอกเหนือจากเรื่อง "ดั่งดวงตาคลับคล้ายคนคุ้นเคย" ที่ตั้งใจจะซื้อเพราะชื่อเรื่องและพลอตอีกครั้ง แต่จากที่ลงมือค้นหา เหมือนว่าจะไม่มีเพิ่มนะคะ อาจจะไม่ได้สังกัด ณ บ้านวรรณกรรม อาจจะไปสังกัดสำนักพิมพ์อื่นด้วยนามปากกาอื่น หรือ อาจจะไม่ได้เขียนแล้ว ก็ไม่อาจทราบได้ แต่หวังว่าคงไม่ใช่อย่างหลัง เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น บอกตรงๆ ว่าเสียดายฝีมือ  

สุดท้ายคือชอบประโยคถามตอบนี้ที่สุดเลย

"คุณมาที่นี่ทำไม"

"ผมมาไล่ตามความฝันของผมไงล่ะ"

โห .. ค่าของคำ "ความฝันของผม" นี่มันซึ้งกว่าคำว่ารักอีกนะ 

กดไปเลย  1000 likes!

 




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2556 12:44:00 น.
Counter : 1866 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.