รักเร่ .. อ่านอีกครั้ง ก็ยังปวดใจ
พิมพ์ครั้งที่ ๙ พ.ศ.๒๕๕๕ สำนักพิม์พบูรพาสาส์น "รักเร่" ชื่อเรื่องสั้นๆ พลอตง่ายๆ แต่ทำอินไม่ธรรมดา เพราะเป็นหนึ่งในนวนิยายแนวชอกช้ำ ที่ทำให้เสียน้ำตามิใช่น้อย ทั้งที่เคยอ่านไปแล้ว จำพลอตเรื่องได้ อ่านอีกครั้ง ความอินน่าจะลดน้อยถอยลงไป ...ไม่มีเลย ยังคงน้ำตาซึม เอ่อ แล้วไหลพรากเหมือนกับตอนอ่านครั้งแรกเมื่อนานมาแล้วไม่มีผิด ใช่ว่าจะอยากทำตัวเป็นคนแก่ คิดถึงแต่ผลงานนวนิยายเก่าๆ ของนักเขียนรุ่นเก่าๆ หรอกนะคะ แต่พอเข้าร้านหนังสือ หยิบๆ จับๆ เวียนซ้าย-วนขวา-เวียนหน้า-วนหลัง แล้วก็ยังเลือกไม่ได้สักเรื่องที่อยากจะเสี่ยงว่าน่าจะชอบได้สักที สุดท้ายเลยต้องกลับมาตายรังด้วยการหยิบผลงานของนักเขียนรุ่นเก่า กับผลงานเก่า ๆ (แต่พิมพ์ใหม่) พวกนี้ล่ะค่ะ อ่านรักเร่แล้วก็เพิ่งสังเกตนี่แหละว่า นักเขียนท่านใด ที่เขียนนวนิยายให้เราเสียน้ำตาเป็นวรรคเป็นเวรได้ มักจะกลายมาเป็นนักเขียนในดวงใจนะคะ นวนิยายเรื่องแรกในชีวิตที่อ่านแล้วทำให้ร้องไห้จนตาแดงก่ำ จำได้ว่าเป็นเรื่อง ถนนสายหัวใจ ของทมยันตี (และยังร้องไห้กันต่อมาอีกหลายเรื่อง) ของปิยะพร ศักดิ์เกษม ก็ต้อง รากนครา กับ ใต้ร่มไม้เลื้อย ส่วนโสภาค สุวรรณ ก็เรื่องนี้นี่แหละ ... รักเร่ นวนิยายที่เปิดฉากชีวิตความเป็นอยู่ของนักศึกษาต่างชาติในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างปี ค.ศ. 1964-1968 ปัจจุบันปี 2013 ก็ผ่านมาแล้วราวๆ 45 ปี แต่นวนิยายเรื่องนี้สำหรับเรายังคงเป็น 'รักเราไม่เก่าเลย' นอกจากสรรพนาม 'ดิฉัน' สำนวนนอกเหนือจากนั้นไม่มีอะไรที่ให้ความรู้สึกว่าล้าสมัย วายูน เป็นนักศึกษาวิชาล่ามและแปล ของมหาวิทยาลัยเวียนนา ( Universitat Wien.) ในอดีตเธอเป็นเด็กเหว่ว้าที่พ่อแม่แยกทางกันแล้วไม่หันกลับมาเหลียวแล วายูนจึงถูกอุปการะเลี้ยงดูมาโดยคุณตา อาพร้อมและอาภักดิ์ มีเพื่อนรูมเมทชื่อ ไฮดี้ ที่เพิ่งฟื้นตัวจากการทำแท้ง ไฮดี้ท้องกับแฟนหนุ่มชื่อ คาร์ล ทั้งสองคนรักกัน แต่เพราะต่างคนต่างเรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่ จึงไม่พร้อมจะสร้างครอบครัวด้วยการเก็บเด็กเอาไว้ การทำแท้งจึงเป็นทางออกที่จำต้องเลือกทำ วายูนมีเพื่อนชายคนสนิทชื่อ นิโคไล เขาเป็นหนุ่มรัสเซียนที่ทุ่มเทใจให้ความรักเอาใจใส่ต่อวายูนอย่างเปิดเผยนับตั้งแต่แรกรู้จักกันมาจนสามปีผ่าน แต่วายูนยังคงรักษามิตรภาพกับนิโคไลเอาไว้โดยการวางเขาอยู่ในตำแหน่งของคำว่า "เพื่อน" แค่นั้น ซึ่งนิโคไลก็เข้าใจดี เรื่องของความรัก..บังคับใจกันไม่ได้ แต่เขาก็ยินดีจะรักเธอหมดใจ และเฝ้ารอที่จะได้รับความรักตอบ..อย่าง(โค-ต-ร)อดทน แต่สุดปลายทางที่ความรักสำหรับนิโคไลดูจะยิ่งห่างไกลออกไป และความหวังก็ยิ่งเลื่อนลอยเต็มที เมื่อวายูนได้พบกับข้าราชการหนุ่มคนใหม่ของสถานทูตไทย ที่ทั้งสูงสง่า หน้าตาดี มีมาดเนี๊ยบ ฐานะการเงินการงานล้วนโก้หรู ชนิดที่นักศึกษาหนุ่มจนๆ จากหลังม่านเหล็กในประเทศรัสเซียอย่างเขาไม่มีอะไรจะไปสู้ได้นอกจากความรักความจริงใจ..ที่ไม่เกิดผล แต่ก็ไม่ใช่เพราะข้อเด่นข้อด้อยอะไรเหล่านั้นหรอก ที่ทำให้วายูนไม่เคยรักนิโคไลเกินเพื่อนแต่เธอรักรามิลเกินกว่าจะถอนใจ หลายปีที่เธอรักษาเนื้อรักษาตัวตามแบบฉบับผู้หญิงไทยแท้ ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้ชายหน้าไหนเข้ามาฉกฉวยรุกรานได้ แต่กับเพียงชั่วเวลาสั้นๆ ที่เธอได้พบกับเขา ดอกเตอร์รามิล รณลักษมิ์ วายูนกลับรักเขาหมดใจ เป็นรักแรกที่เธอยินยอม ทุ่มเทให้ทั้งหมด..รวมถึงเนื้อตัวของเธอด้วย แต่ผลตอบแทนที่เธอได้รับ แค่เพียงความบริสุทธิ์ที่ถูกย่ำยีไปพร้อมกับความรักที่แตกสลาย 'ดิฉันทำแท้งแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง ... เกมสนุกๆ ของเราจบแล้ว เราไม่มีพันธะผูกพันกันอย่างที่คุณน้าของคุณกลัว ดิฉันไม่เคยคิดจะจับ ผูกมัด หรือหวังอยากจะเป็นนั่นนี่อย่างผู้หญิงที่คุณเคยผ่านมาหรอก ดิฉันไม่ได้สนใจคุณเพราะความเป็นนักการทูตผู้มีชื่อ หรือตำแหน่ง หรือปริญญาเอกหรูๆ นั่น .. ดิฉันเป็นคน ..ถ้าจะรัก ดิฉันรักคน ไม่ใช่ตำแหน่ง เงินทอง หรือเกียรติยศบ้าบอคอแตก เพราะมันเป็นวัตถุ ... แล้วดิฉันก็ไม่ได้รักคุณอีกแล้ว' เป็นคำพูดจากปากของวายูน แต่ ณ ขณะที่อ่านถ้อยคำเหล่านี้ .. โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "แล้วดิฉันก็ไม่ได้รักคุณอีกแล้ว" ให้ตายเหอะ จี๊ดแปลบแสบทรวงแทนรามิลซะจริงๆ นางเอกของเรา วายูน เธอเป็นฝ่ายถูกกระทำ ถูกทอดทิ้งจากผู้ชายที่เธอรัก ทำให้เธอท้อง แล้วยังบอกให้เธอทำแท้ง หัวใจร้าวรานเจ็บปวดปางตายก็จริง แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่วายูนที่เจ็บอยู่คนเดียว ส่วนตัวเราคิดว่า ผู้ชายทั้งสองคนก็น่าสงสารเหมือนกัน โดยเฉพาะพ่อดอกรักเร่ รักเรื่อยเปื่อย รักลังเลไม่แน่นอนอย่างรามิล ซึ่งถ้าให้จัดลำดับความน่าสงสารก็ยากอยู่สักนิด เพราะความน่าสงสารมันดันเป็นคนละเหตุผลและคนละช่วงเวลา วายูน ทั้งที่เธอเทหน้าตักรักหมดใจ มอบให้หมดทั้งตัว เมื่อตั้งท้องขึ้นมา เขากลับร่วมรับผิดชอบแค่เพียงการเสนอเงินค่าทำแท้ง แต่เพราะเธอทำกับลูกในท้องไม่ลง วายูนจึงต้องอุ้มท้อง 'ลูกไม่มีพ่อ' ทนอับอาย ทนลำบากตรากตรำสารพัด เพื่อจะให้กำเนิดลูกที่จะกลายเป็นลูกของเธอเพียงคนเดียว และเพื่อจะร่ำเรียนให้จบในปีสุดท้าย เพราะไม่อยากให้คุณตาคุณอาต้องผิดหวัง เธอจึงไม่ได้บอกทางบ้านเรื่องที่เธอตั้งท้องทั้งที่ไม่มีสามี วายูนต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองเรื่องการเงิน มีกินบ้าง อดบ้าง ต้องดิ้นรนแทบล้มประดาตาย กว่าจะผ่านวิกฤตของชีวิตช่วงนั้นมาได้ จนเรียนจบ มีงานทำ และหยัดยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ... เธอน่าสงสาร นิโคไล โวดิอาคิน เขาน่าสงสาร เพราะเขาเป็นพ่อพระที่แสนดี และติดจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นนึกศึกษาฐานะจนซอมซ่อไม่ต่างกันเลยกับวายูน แต่อะไรก็ตามที่ "เพื่อวายูน" เขาจะเบียดและเจียดเพื่อเธอได้เสมอ ด้วยความรักสุดซึ้งและความพยายามสุดหัวใจ เขาเคารพในขนบธรรมเนียม 'รักนวลสงวนตัว' ไม่เคยคิดจะฉกฉวยหาโอกาส .. แต่แล้วที่เข้าเฝ้าเพียรทนุถนอมวายูนเอาไว้ให้บริสุทธิ์งดงาม 'คนอื่น' กลับคว้าเธอไปครอบครอง นั่นยังไม่เจ็บปวดเท่ากับที่พอเขาเชยชมสมใจแล้ว ก็โยนเธอทิ้งไปราวกับเป็นเศษดอกไม้ริมทางที่ไร้ค่า แถมยังฝากเลือดเนื้อเชื้อไขเอาไว้ให้เธอต้องได้รับความอับอายและทุกข์ทรมานแสนสาหัส แล้วทำไมผู้ชายคนนี้-นิโคไล จะต้องเป็นคนดีขนาดนั้น เขาต้องเจ็บช้ำขมขื่นแค่ไหนที่วายูนตกไปเป็นของรามิล แต่เขาไม่เคยโกรธเคืองเธอเลย มีแต่ความรักความเข้าใจ และ ความช่วยเหลือ! ทุกสิ่งทุกอย่างที่นิโคไลคอยช่วยคอยอยู่เคียงข้างเป็นที่พึ่งเป็นกำลังใจ เป็นมิตรภาพนความสัมพันธ์ที่ต้องใช้คำว่า 'หากไม่มีเธอวันนั้น ไม่มีฉันวันนี้' ถ้าวันนั้นไม่มีนิโคไล วายูนอาจไม่มีโอกาสยืนหยัดต่อสู้มาได้อย่างที่เป็น สำหรับวายูน นิโคไลคือผู้ชายที่มีค่ามีความสำคัญในชีวิต แต่เธอไม่ได้รักเขา (โอ้.. หัวใจเจ้ากรรม ทำความสงสารดิ่งลงตับ) แล้วพ่อดอกรักเร่ ที่เสเพลเร่รักคนนี้ล่ะ มีอะไรน่าสงสารกับเขาด้วยรึ! รามิล รณลักษมิ์ ก่อนอื่นขอผรุสวาทหนึ่งคำสั้นๆ "เลว!" ... แต่ไม่รู้ทำไมเกลียดพระเอกน้อยจังเลย อย่างแรกอาจเป็นเพราะเรารำคาญคนดีๆ อย่างนิโคไลนิดๆ .. คือ ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตามนะ ถ้าคนเขาไม่รักเราต้องมีศักดิ์ศรี ต้องยืดอกเท่ห์เข้าไว้ แต่หมายถึงสไตล์ที่ชอบในนวนิยายเท่านั้นน่ะนะ เพราะถ้าเป็นชีวิตจริง เรื่องความรักกับความยับยั้งชั่งใจมันไม่เข้าใครออกใคร (ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก) แต่ตานิโคไลเนี่ยแกเป็นตัวแทนของดอกบานไม่รู้โรย รักแล้วรักเลยไม่เคยเลิกรักแม้อกจะหักรักจะคุดความหวังจะเหี่ยวเฉาซ้ำซากก็ตาม อย่างที่สอง .. เพราะเรารู้สึกว่าพระเอกรักนางเอกเหมือนกัน แต่เพราะวิถีการเลี้ยงดู และประสบการณ์เคย 'ผ่าน' ผู้หญิงมามากในชีวิตหนุ่มโสดที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอำนวยความสะดวกให้ได้มาง่ายๆ ฟรีๆ และเพราะเป็นผู้ชายที่ยังฉลาดดีจึงไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเก่งพอจะจับเขาได้ และเขาเองก็ไม่คิดจะยอมให้ใครจับด้วย สำหรับรามิล วายูนจึงเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามา และเขาเองก็ตั้งใจว่าจะแค่ผ่านเธอไป หลังจากได้เชยชมสัก..ระยะหนึ่ง แม้มันจะเป็นระยะที่..'นาน' กว่าที่เคยข้องแวะกับผู้หญิงคนไหน เป็นระยะที่เขาอิ่มเอมมีความสุข ถึงเขาจะผ่านผู้หญิงมามาก แต่วายูนก็เป็นคนแรกและอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจกับการได้เป็นเจ้าของ โดยที่รามิลไม่เคยได้นึกเฉลียวใจในความรู้สึกที่เขามีต่อวายูน ผู้หญิงที่ทำให้ต้องนึกเปรียบเทียบกับประสบการณ์พบผ่านของเขาเสมอ เธอ 'แตกต่าง' จากผู้หญิงคนอื่น แต่ถึงจะต่าง ก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนไป เธอก็จะเป็นแค่อีกหนึ่ง 'ผ่าน' ที่เขาจะผ่านไป แม้จะไม่อาจกำหนดได้ว่าความสัมพันธ์นี้เขาอยากให้มันสิ้นสุดลงเมื่อไร แต่วันนั้นก็ดันมาถึงอย่างกระทันหัน เมื่อวายูนตั้งท้อง เขาบอกให้เธอทำแท้ง และเขาก็เข้าใจว่าเธอทำแท้งไปแล้ว หลังจากนั้น รามิลก็ทำอย่างเคยคิด .. คือ แค่ผ่านไป ตามเส้นทางชีวิตที่แยกไปคนละทาง ถามว่า .. เลวอย่างนี้ น่าสงสารตรงไหน ? น่าสงสารสิคะคุณๆ ก็นายรามิลน่ะมาแนว รักเขาแต่เราไม่รู้ตัว ที่คิดว่าจะผ่านไปได้ก็ไม่ง่ายเอาเสียเลย เพราะไม่เคยลืม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่รู้ตัว ความทระนงตนในรูปสมบัติคุณสมบัติ มันเป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขา ความเชื่อฝังหัวที่ว่าผู้หญิงก็เหมือนๆ กัน ตักตวง ต้องการ เร่งรัด มัดมือ ฉกฉวยโอกาส ทำให้หัวใจไม่ยอมรับฟังเสียงเรียกร่ำร้องในซอกหลืบลึกๆ ว่า ผู้หญิงคนนั้นแตกต่าง ทั้งที่หัวใจไม่ลืม เธอยังอยู่ในฝัน อยู่ในความทรงจำ ในมโนสำนึก ที่ทำให้เขาทรมาน ไม่มีความสุข ... แต่รามิลก็ไม่รู้ว่าความทรมานเหล่านี้คืออะไร เสียงกระแทกหูโทรศัพท์โครมมาเข้าหู รามิลหัวเราะก๊าก คนข้างๆ พลอยยิ้ม เขาบอกหล่อนว่า "น้าผม... คุณนิตยา" "มิน่า" เสียงเปรย "ฉันฟังครั้งแรกเหมือนเสือแม่ลูกอ่อน ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงฉัน ยังกับว่าผู้หญิงทั้งโลก ดูเหมือนจะตามหาตัวคุณนะคะ" "ก็คงมีอยู่คนหนึ่งหรอก ที่ไม่ตามหาตัวผม ... ไม่เคยตาม ติดต่อถามถึง หรือว่า ..." เสียงของเขาหายไป รามิลพลิกตัวหลับตา "ถ้าคุณอยากนอนจริงๆ ฉันจะลงไปที่บาร์ข้างล่างก็ได้ค่ะ เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันให้ลึกซึ้ง แค่คุยกับคุณฉันก็สนุกพอแรง" คนพูดหัวเราะหึๆ "คุณเป็นคนแปลกนะคะ ถ้าฉันทายไม่ผิด คุณกำลังรักใครสักคน" เสียงหัวเราะนั้นแผ่วหายไป พร้อมเสียงประตูห้องเปิดแล้วปิดสนิท รามิลยังหลับตาอยู่ในท่าเดิม .. ทั้งๆ อยากจะหัวเราะให้ลั่นห้อง คนอย่างเขาน่ะรึกำลังรักใครสักคน .. คนอย่างรามิล .. ไม่มีวันเสียล่ะ ... อย่างดีก็แค่รักเรื่อยเปื่อย ไม่เป็นเรื่องเป็นราว ... รักเร่ รักร่อน ไปตามเพลงน่ะซี... มีแอบน้อยใจที่เธอไม่เคยมีเยื่อใย หากว่าเธอจะติดต่อมาสักครั้ง รามิลอาจจะถลากลับไปตามหัวใจที่โหยหาก็เป็นได้ แต่เป็นขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ตัวเองว่าเคยรัก ...ยังรัก ยังคิดถึงและเจ็บปวด ... พระเอกโง่ ๆ อย่างนี้ เราว่าน่าสงสารออกนะคะ ใจยังถวิลหาอาวรณ์อย่างนี้ แล้ววันที่ได้รู้ความจริงว่าเธอไม่ได้ทำแท้งอย่างที่เคยบอกกับเขา วันที่เพิ่งรู้ตัวเองว่าระยำ เป็นผู้ชายหมาๆ เลวยิ่งกว่าหน้าตัวเมีย ....ยิ่งน่าสงสาร (แต่ก็สมน้ำหน้าด้วย) คือ วายูนจะเป็นยังไง เธอก็คือนางเอก คือคนดีที่ยืนอยู่บนฝั่งของคนดีที่ถูกกระทำและเธอเป็นฝ่ายของความถูกต้อง แต่รามิลเป็นฝ่ายของความเลวน่ะค่ะ คนผิดไปแล้ว ต่อให้รู้ตัวสำนึกได้ยังไง บาปก็ยังติดอยู่กับตัว ไม่มีค่าคู่ควรไม่มีอะไรจะเรียกร้องจากนางเอกได้เลยเพราะตัวเองเป็นคนผิด .. เต็มประตู ถึงจะเป็นสามี เป็นพ่อ แต่ความผิดที่เคยทำ เคยทิ้งไปและไม่ได้อยู่ร่วมรับรู้ ก็ต้องอยู่ในฐานะ "คนไม่มีสิทธิ์" ไปโดยปริยาย แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้ รามิล แค่มองวายูน ผิดไป ... แต่ผลแห่งความผิดพลาดที่ตามมาคือ บาดแผลในหัวใจของคนสองคน หนึ่ง..คือคนที่ทรมานกับการถูกทิ้ง สอง..คือคนที่ทิ้งไปและไม่ได้ทำหน้าที่ลูกผู้ชายให้สมบูรณ์ 'มองหน้าลูกทุกครั้ง ก็นึกถึงความผิดของตัวเองอยู่ร่ำไป ที่ขาดความรับผิดชอบครั้งนั้น ' แต่ผู้หญิงทนทุกข์ที่อุ้มท้องโดยไร้สามีอย่างวายูน บาดแผลลึกของเธอมันเป็นเหมือนเป็นประตูปิดตายสำหรับโอกาสที่จะขอ 'แก้ตัว' ถึงจะสงสารนางเอกจับจิต แต่ก็ใช่ว่าจะสงสารพระเอกด้วยไม่ได้นี่นะ คนผิดที่รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ก็ยังไม่เลิกคิดจะไขว่คว้า ยังคงพยายาม ..หอบลูกตามเมีย สารพัด... จะไม่ให้สงสารแล้วเอาใจช่วยได้ยังไง (อยู่ฝ่ายสนับสนุนให้คนรักกันได้ลงเอย) แต่วายูนได้คะแนนสงสารมากที่สุด เพราะเธอแบกไว้สาหัสกว่าใครเพื่อน กับความเจ็บปวดเป็นสองเท่า คือ เจ็บปวดที่รักรามิล และเจ็บปวดที่ไม่รักนิโคไล ..อารมณ์วู่วามของรามิลเหือดหายสิ้น มองหล่อนอย่างพิจารณา ผู้หญิงผอมบางที่นั่งข้างๆ เขาขณะนี้น่ะหรือ คือผู้หญิงคนเดียวกับที่เขาประคองกอดไว้ในอ้อมแขน ตักตวงความสุข ความปรารถนาทางธรรมชาติ โดยไม่ทันคิดถึงหัวใจของหล่อน ..คาดผิดไปว่า หล่อนจะเหมือนผู้หญิงอื่นที่เขาเคยผ่านและพานพบนับไม่ถ้วน หล่อนคงไปรอดและจะไปด้วยดี แม้ปราศจากเขาหรือผู้ชายคนไหนๆ ทั้งสิ้น หล่อนพิสูจน์ตนเองแล้วว่า สามารถยืนหยัดด้วยพลังใจกายทั้งมวล เขาต่างหากที่จะทนไม่ได้ ถ้าต้องสูญเสียหล่อนให้ผู้ชายคนอื่น ยังลูกอีกล่ะ ...รามิลรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะทนทานไม่ได้ หากความจริงในปัจจุบันทำให้ต้องยอมรับ หล่อนกำลังจะจากไปเป็นของคนอื่น.. เป็นการจากชั่วชีวิต ไม่มีอะไรหรือสิ่งใดที่จะดึงอดีตให้กลับมาอีกครั้ง นอกจากจะปล่อยให้เป็นความหลังที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจตลอดกาล .... ชอบนวนิยายเรื่องนี้มากค่ะ เขียนเรื่องราวได้ไหลรื่น ความรักความใคร่ ธรรมชาติของหนุ่มสาวที่มีความรัก เมื่อใกล้ชิดสัมผัสก็ย่อมเป็นการง่ายจะติดไฟ ผู้หญิงอ่อนต่อโลกเมื่อมาตกอยู่ใกล้มือของผู้ชายเจนจัด ต่อให้ถูกอบรมเลี้ยงดูมาดี ระมัดระวังตัวอย่างไร ก็ย่อมมีโอกาสจะพลาดพลั้งไปกับแรงปรารถนา นวนิยายเรื่องนี้จึงค่อนข้างจะสื่อถึง ความรักความต้องการที่แท้จริง กับความเผลอไผลไปตามอารมณ์ สติและความยับยั้งชั่งใจเท่านั้นที่จะช่วยควบคุม ช่วยตัดสินใจในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำซากอีกในชีวิต ทั้งที่จำเนื้อเรื่องได้อยู่แล้ว แต่พออ่านไป ๆ ก็ยังอินจนร้องไห้ รักเร่ ...ของเขาแรงจริงๆ
Create Date : 27 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 29 สิงหาคม 2556 8:12:10 น. |
|
30 comments
|
Counter : 14819 Pageviews. |
|
|
แต่ตั้งเป้าหมาย ว่าเป็นเรื่องที่ต้องหามาอ่านแน่ๆ
ชอบนิยายแนวนี้ค่ะ ...รักดราม่าแบบจี๊ดๆ บีบหัวใจ