Group Blog
 
All blogs
 

รักที่ขอจากคุณหมอที่รัก - เอ่อม คือ ว่า คือ ............



เธอพร้อมแล้วที่จะเป็นแม่คน ทั้งฐานะ อาชีพ ร่างกาย และจิตใจ
เธอพร้อมจะให้ พร้อมจะรัก และพร้อมจะอุ้ม

แต่ปัญหาของเธอแตกต่างจากผู้มีบุตรยากทั่วไปโดยสิ้นเชิง
เพราะเธอมีสุขภาพแข็งแรงดี แค่ไม่มีสเปริ์ม

หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือ... เธอหาสเปริ์มไม่ได้
แต่ถ้าจะพูดให้ตรงไปตรงมากว่านั้น... สาวโสดอย่างเธอยังหาพ่อให้ลูกไม่ได้!
ที่ร้ายที่สุด เธอหาผิดหมอ!

หมอที่เธอขอให้เขาช่วยผลิตลูกให้ ดันเป็นหมอมือมีดผ่าหัวใจเสียนี่
แล้วแบบนี้ ในระหว่างกระบวนการผลิตลูก ต้องใกล้ชิดกันขนาดนั้น
เธอจะรักษาหัวใจตัวเองไว้ ไม่ให้ถูกเขาเฉือดเฉือนทำร้ายได้ไหมหนอ


"เงื่อนไขต่อไป อย่างที่ผมบอกคุณเอกแล้วว่า 
ผมเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด 
ไม่สามารถรักษาภาวะมีบุตรยาก เพราะนั่นเป็นศาสตร์เฉพาะทางอีกด้านหนึ่ง"

หมอหนุ่มเอ่ยอ้างถึงเหตุผลด้วยสำนวนเป็นทางการเสียจน
น้ำเอกคิดตามเงื่อนไขที่เขาพูดต่อไปไม่ทัน   

"ดังนั้น ผมคิดว่าเราควรกลับคืนสู่สามัญ ใช้เทคนิคที่ง่ายที่สุด 
ระหยัดที่สุด ปลอดภัยที่สุด ด้วยการฉีดเชื้อแบบวิธีธรรมชาติ"  

"ฉีดเชื้อแบบวิธีธรรมชาติ? หมายความว่า..เอ่อ ...???"

"ไม่ต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์ แค่ลำพังตัวผม 
ก็สามารถพาเชื้อพันธุ์ของผมเข้าไปผสมกับไข่ของคุณเอกได้ครับ"



"อยากอ่านอะไรขำๆ อ่านรีวิวเค้าว่ามันฮาดี" 

นั่นคือข้อความสนทนาผ่านไลน์ที่ส่งไปหาเพื่อนตามหลังภาพปกหนังสือ "รักที่ขอจากคุณหมอที่รัก" ตามประสาคอนิยายเล่าสู่กันฟัง เพื่อนตอบกลับมาว่า  "อ่านแล้ว "   "ขำดี"  ตอบเพื่อนไปว่า  

"เออ .. อ่านบทนำ ก็ขำหมอแล้วอ่ะ"

อีก ๑๕ นาทีต่อมา  เว้ยย มันโดนใจ สำนวนพลิ้วไหลแถมยังได้อารมณ์สุดแซ่บเว่อออร์ การตั้งชื่อตัวละครก็กิ๊บเก๋ถูกใจ  'นพ.นพ' กับ (เพชร) 'น้ำเอก' สมกับที่เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวจินดารัตนา-เจ้าของกิจการยักษณ์ใหญ่ในวงการค้าขายอัญมณี  พิมพ์ไลน์ย้ำไปอีกที

"ชอบ ฮา"

อ่านอีกประมาณ ๓๐ นาทีต่อจากนั้น แทบจะโดดขึ้นมาตะกุยคุ้ยหาโทรศัพท์อย่างค่อนข้างจะลนลาน  เพื่อขอเปลี่ยนคำให้การของหัวใจ  มันไม่ใช่ละ นี่มันชักไม่ฮา และก็ไม่ฮาอีกเลยจริงๆ ให้ดิ้นตาย

แม้โดยปกติจะเป็นคนที่ชอบพระเอกทะลึ่งทะเล้น รื่นเริงอารมณ์ดี บางพระเอกก็พิเรนทร์ถึงขั้นเรียก "ไอ้บ้า" แต่นั่นก็ยังมีขอบเขตที่คงไว้สำหรับความเป็นพระเอกแมนๆ ที่น่ารัก น่านับถือ  ซึ่งคงจะบอกถึงขอบเขตที่ว่านั้นอย่างแน่ชัดไม่ได้  เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวละครในนิยายแต่ละเรื่องภายใต้สถานการณ์แวดล้อมต่างๆ  

นพ.นพ  (นายแพทย์นพ) เริ่มได้ลบทันทีเมื่อเริ่มทำการ "ตรวจภายใน" ให้กับ "คุณน้ำเอก"  และจากนั้นมาก็ยิ่งติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ จากคำพูดและพฤติกรรมหลายสิ่งอย่าง  เราเองแม้จะอ่านนิยายแปลโรมานซ์  อ่านฉากเลิฟซีนเซ็กซ์ติดเรตได้  แต่เราว่านิยายแปลโรมานซ์ที่เราเลือกอ่านก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกแหยงๆ แบบนี้  แล้วส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มากแทบจะตลอดเวลาอย่างนี้ มันเหมือนเป็นหนังเอ็กซ์ฉบับตัวหนังสือ  

น้ำเอก  สตรีไฮโซผู้เพียบพร้อม สวย รวย เก่ง ทำงานเป็นผู้บริหาร การศึกษาสูง  เป็นเพชรน้ำเอกที่ยังอยู่บนคานเพราะความเลอค่าปานนั้นจึงหาคนเอื้อมมือคว้าได้ถึง  .. แต่อายุผ่านเลขสามแล้วยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงการผิดศีลธรรม?   (คือในเรื่องเธอเข้าใจว่าพระเอกมีภรรยามีลูกสี่และอยู่กันที่ห้องข้างๆ แต่ว่าเธอก็ยัง......)   ใสซื่อจนไม่รู้อะไรเลยสักนิดเดียวเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์  ทำเจรจาการค้ากับคนระดับโลกผ่านพบผู้คนมากมายแต่กลับไม่รู้อะไรเลยกับเล่ห์เหลี่ยมของหมอและการฉีดเชื้อ   ก็นะ .. ไม่เถียงหรอกว่าชีวิตจริงมันก็เป็นไปได้ที่คนเราจะเก่งฉลาดกับเรื่องบางเรื่อง แต่ก็โง่ได้กับเรื่องบางเรื่องด้วยเช่นกัน  .. ทว่าเรื่องนี้มันก็ยังเว่อร์เกินไปอยู่ดี

ตอนที่อ่านพลอต เข้าใจว่ามันน่าสนุก และเธอก็คงมีเหตุผลอะไรที่น่าสนใจสำหรับที่ต้องการมีลูกโดยปราศจากสามี ซึ่งตั้งแต่แรกผู้เขียนได้ปูพื้นไว้ดีจริงๆ  ต่อมาการหักมุม  พลิกล็อคสถานการณ์ต่างๆ ก็แซ่บมาก  มันเป็นอะไรที่ควรจะฮากลิ้งในหลายๆ ฉาก ซึ่งเราเองก็นึกชมในจุดนี้   แต่ที่มันดันไม่หนุกไม่ฮาเพราะมันไปล้นเฟ้อด้วยเรื่องเซ็กซ์กับสำนวนใต้สะดือ  หมอนพในความรู้สึกของเราได้ก้าวผ่านเส้นบางๆ ขีดคั่นระหว่างความ "ทะลึ่ง" ไปโล้ล้ออยู่กับความ "ลามก" แทนเข้าแล้ว ส่วนน้ำเอกก็จงใจให้ใสซื่อซะจนเราอดไม่ได้ต้องนึกถึงคำว่า ' สวยใสไร้สมอง'  

อ่านหนังสือแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเราก็ทำได้นะ แต่เรื่องนี้มันก็เลยขอบเขตนั้นไปแล้วด้วยเช่นกัน .

ยืนยันว่าพลอตมันเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ที่ควรจะมีฮาตกเก้าอี้เป็นระยะ แต่เราดัน "ไม่ขำ" เพราะในรายละเอียดของเรื่องล้นเกินไปสำหรับเรา (ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน)  ในความหมายของคำหนึ่งคำ น้ำหนักของความคิดความรู้สึกที่คนจะเลือกใช้คำก็คงไม่เหมือนกัน คำ "หยาบโลน" คือที่เราเลือกใช้สำหรับนิยายเรื่องนี้  แต่มันอาจจะไม่หยาบและฮาดีสำหรับใครอีกหลายคนก็ได้

บางอย่าง...เหมือนกินในที่ลับแล้วเอาไปไขในที่แจ้ง  ที่ไม่ควรจะกินอย่างโจ้งแจ้งก็หาได้ใส่ใจปกปิดไม่  กับผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ไม่จำเป็นไม่สุดวิสัย ไม่ควรเปิดเผย และพยายามให้เกียรติอย่างถึงที่สุด รึเปล่า? แต่หมอนพเหมือนไม่สนใจและยินดีจะประกาศให้โลกรู้เราสองได้เสียกันแล้ว ตอนแต่งงานยังอุตส่าห์ประกาศให้คนช่วยยินดีว่าเธอกำลังท้อง (ก่อนแต่ง) ไม่ว่าพระ-นางทำอะไรก็ชวนสนุกขำขันไปหมดสำหรับตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง  พ่อแม่  พี่เขย พี่สะใภ้ ที่เห็นดีเห็นงามกับการปล่อยให้ลูกชายใช้แผนล่อลวงหลอกฉีดเชื้อชิงสุกก่อนห่าม   แม่บ้านที่เลี้ยงดูคุณน้ำเอกก็เปิดทางสนับสนุนให้ผู้ชายเข้าบ้านมานอนกกกับเจ้านายสาวคืนแล้วคืนเล่า ขณะที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้านเพราะเดินทางไปปฏิบัติธรรม  เหรอ?     หรือแม้แต่การกระเซ้าเย้าแหย่ของตัวละครที่มีต่อกัน ไม่ว่าใครไม่ว่าประโยคไหนก็ล้วนแต่จะพากันหลั่งไหลไปยังเรื่องใต้สะดือ 

แล้วการเอาวิชาการแพทย์มาเล่นเป็นเรื่องโมเมกับเซ็กซ์เนี่ย  มันทำให้เราอึดอัด   กระอักกระอ่วนใจ การอ่านนิยายเรื่องนี้ จะรู้สึกเหมือนตอนเป็นสาวน้อยวัยใสที่มีโอกาสได้เห็นหนักเอ็กซ์ครั้งแรกแล้วทำหน้าตาเหยเก...อี๋... (คิดถึงเพื่อนๆ ขึ้นมาเลยแฮะ .อนึ่งคิดถึงพอสังเขป.วันนั้นที่มันมีแผ่นหนังโป๊ 555) 

ใครไม่ถือ เราถือ   มันเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติตัวละครสำหรับการเป็นคนที่ควรจะมีความคิด มีอะไรดีๆ ให้น่ารัก น่านับถือในฐานะพระเอกนางเอกบ้าง  แต่ xxx ที่มันเยอะไป   ทำให้ไม่เหลืออะไรเลย  โดยเฉพาะหมอนพที่ความเป็นสุภาพบุรุษสิ้นสลายตั้งแต่ลงมือตรวจภายในบนเตียงตรวจคนไข้โดยไม่เกี่ยวอะไรกับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์แล้วล่ะ  ถึงจะถอดเสื้อกาวน์สีขาวอันทรงเกียรติของนายแพทย์ออกก็เถอะ  เราก็ยังถือสาอยู่ดี

พลอตแปลก แหวกครรลอง เรื่องราวน่าสนุก สำนวนก็แซ่บมาก  จาก 46 หน้าแรก  ถูกใจ ใช่เลย  ... แต่เมื่อน้ำเอกของเราขึ้นเตียงตรวจภายใน ก็ชัก เฮ้ยย  ยังไง    และหลังจากนั้นการฉีดเชื้อก็ได้เริ่มขึ้น  โอ้ว.. แม่เจ้า นี่มันอัลไลกันเนี่ย     

โดยรายละเอียด  xxx  ที่มากมายเกินจำเป็น  สำหรับการก่อกาม  ฟัน  นวด  ตำ  ฉีด  เสียบ แทง  ล่อ  
เอ่อม ..คือว่า  คือ .. เอ่อม  คือ ตัว ฉัน ... เอ่อม.. แบบว่ามัน  ไม่น่าจะใช่แนว 

แต่ถึงอย่างนั้น       นิยายเรื่องนี้ก็ได้จัดพิมพ์ไปแล้วตั้ง ๕  ครั้ง
แสดงว่าขายดีมีคนชอบ  เป็นปกติของลางเนื้อชอบลางยานะคะ 





 

Create Date : 16 กันยายน 2557    
Last Update : 16 กันยายน 2557 7:43:58 น.
Counter : 5276 Pageviews.  

ณ ริมฝั่งโขง ดอกจำปาลาว ตัวแทนแห่งความจริงใจและความสุข

ผู้เขียน เพฑูรย์  สำนักพิมพ์ มายดรีม


“คันแม่นเจ้าคิดฮอดอ้าย ให้เหลียวเบิ่งเดือนดาว 
แสงตาสองคนเฮา สิจอดกันบนฟ้า” 

เสียเพลงดวงจำปา แว่วมาแต่ไกล
"ข้อฮักแม่หญิง หลายๆ เด้อ"


รินคำ หญิงสาวผู้ไม่เคยรู้จักและได้รับความรักกับสัมผัสอันอ่อนโยนจากชายที่ได้ชื่อว่า ‘พ่อ’ และเติบโตขึ้นมาพร้อมกับปมของชาติกำเนิด ตัดสินใจออกตามหาสาเหตุที่ทำให้บุพการีของเธอต้องพลัดพรากจากกันถึงวังเวียง ประเทศลาว อันเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานรักครั้งใหม่ ระหว่างเธอกับ อานน วิศวกรหนุ่ม แห่งลุ่มแม่น้ำโขง ที่มีดอกจำปาลาวและแม่น้ำซองเป็นสะพานแห่งรัก 

ความรัก...โลภ...โกรธ...ชิงชัง และปมในอดีต ทำให้รินคำต้องเผชิญชะตาชีวิตที่ผกผัน เธอจะตัดสินใจกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไร ระหว่างคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่กับความรักที่มั่นคงของผู้ชายคนหนึ่ง ที่หัวใจของเธอร่ำร้องอยากอยู่เคียงข้างเขาและฝากตัวเป็นลูกหลานของแผ่นดินลาวตลอดไป

"...ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน สุดแท้แต่พรหมลิขิต จะชักพาให้ประสบพบรัก ณ ที่ใด มันเหมือนอุบัติเหตุแห่งหัวใจที่ไม่ได้รู้ตัวมาก่อนล่วงหน้า รู้แต่เพียงว่า รักคือรัก รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา มีแต่ดวงใจสองเราเท่านั้นที่พันผูกเป็นรักแท้ .. ตราบนิจนิรันดร์"


" ... เพื่อความเข้าใจในอาเซียน ... คือแนวคิดหลักของนวนิยายซึ่งนักประพันธ์ได้ใช้ความสามารถเชิงวรรณศิลป์เรียงร้อยเนื้อเรื่องให้สนุกสนานไปตามจินตนาการ โดยมี "แก่น" ที่มุ่งหมายจะก่อให้เกิดความเข้าใจและสร้างสายสัมพันธ์ไร้พรมแดนให้เกิดขึ้นในประชาคมอาเซียนของเรา .. ผมขอชื่นชมครับ"  
นายอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร อธิบดีกรมอาเซียน

ก็เพราะท่านอธิบดีนี่แหละที่บอกว่ามี "แก่น"  จึงค่อนข้างคาดหวังกับนิยายเรื่องนี้เอาไว้มากอยู่  แต่อ่านแล้วโดยส่วนตัวยังไม่พบแก่นที่ว่า เพราะจากที่อ่านจะรู้สึกว่าเป็นนิยายรักของต่างพรมแดนที่ถูกทำให้พลัดพราก แม่สามีกีดกันลูกสะใภ้  อิจฉาริษยา ปัญหาการจัดการมรดก และการยื้อแย่งความรักจากผู้ชาย โดยตัวละครส่วนหนึ่งเป็นคนลาว และใช้ฉากในประเทศลาว เพียงเท่านั้น    

เรื่องมีอยู่ว่าในอดีต "เพ็ญพักตร์"  นักศึกษาสาวไทยได้ไปออกค่ายอาสาพัฒนาที่จังหวัดหนองคาย ได้พบกับ "สมาน" หนุ่มลาวที่ข้ามมาเที่่ยวเมืองไทยในงานลอยกระทง  เกิดเป็นรักแรกพบของหนุ่มสาววัยเรียน รักแรกเข้มข้นที่ทำให้คนตาบอด ถึงกับยอมทิ้งอนาคตและครอบครัวโดยตัดสินใจอยู่กินด้วยกันที่ จ.หนองคาย จนมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนคือ "รินคำ"  แต่แล้วสมานก็มีเหตุให้ต้องกลับไปยังวังเวียงที่ลาวโดยลำพัง พร้อมทั้งให้สัญญาว่าจะกลับมาหาลูกเมียในภายหลัง  แต่หลังจากนั้นสมานไม่เคยกลับมา  เพ็ญพักตร์จึงต้องทนบากหน้าหอบลูกสาวกลับมาขออยู่อาศัยกับพ่อแม่ที่กรุงเทพ และกลายเป็นหญิงผู้ตรอมตรมอมทุกข์อยู่กับความผิดหวังเสียใจมาทั้งชีวิต

แต่แล้ววันหนึ่งแม่สามี  หรือ  "คุณย่าคำฝาย" ของรินคำก็ส่งคนมาตามหาลูกสะใภ้และหลานสาวที่เมืองไทย พร้อมทั้งขอร้องให้รินคำไปเยือนแผ่นดินพ่อที่ประเทศลาว แม้เพ็ญพักตร์จะไม่เต็มใจ แต่รินคำก็ดื้อดึงที่จะไปลาวให้ได้เพื่อไปรับรู้เรื่องราวชีวิตของพ่อและค้นหาเหตุผลที่พ่อทิ้งเธอกับแม่ไป 

เธอจึงออกเดินทางไปลาวพร้อมกับเพื่อนสาวทั้งสองคือ "พลอยใส" และนาย "รัตนพล" ที่ตั้งชื่อตัวเองเสียใหม่ให้ฟังเป็นสาวน่ารักว่า "โมโกะ" 

รินคำได้พบกับหนุ่มรูปหล่อชื่อ "อานน" เขาเป็นลูกชายเจ้าของกิจการโรงแรมในเวียงจันทร์ มีบ้านพักอาศัยอยู่ระหว่างเส้นทางเวียงจันทร์และวังเวียง  และมีเหตุให้ทั้งสองได้พบเจอกัน พร้อมทั้งเดินทางไปด้วยกันที่วังเวียง  รินคำจึงเพิ่งรู้ว่า อานาน เป็นสถาปนิกที่ทำงานให้รับรีสอร์ทรินคำ ของคุณย่าคำฝาย ซึ่งปัจจุบันก็กำลังอยู่ระหว่างการดูแลก่อสร้างรีสอร์ทที่พักแห่งใหม่เพิ่มขึ้นด้วย

เรื่องราวต่างๆ จึงตามมา  ความรักความหลังของพ่อผู้เสียชีวิต   คุณย่าผู้สำนึกผิด  แม่เลี้ยงที่ซ่อนในจิตริษยา  น้องสาวต่างมารดาที่แสดงความเป็นปรปักษ์ชัดเจนเพราะทั้งรักทั้งหวงและจับจองไว้แล้วซึ่ง "อ้ายนน"  แล้วยังเรื่องมรดกรีสอร์ทรินคำ .. แผนเจ้าสาวขัดดอก    เล่ห์ปรักปรำ   แผนอุ้มฆ่า ..  และอุปสรรคของรักมีพรมแดน  

แม้พระเอกไม่ใช่คนลาว แต่เป็นคนไทยผู้มีชีวิตอยู่ที่ลาว แต่ยังคงเป็นอุปสรรคเรื่องรักต่างพรมแดนได้อยู่ดี  นี่ถ้าเขียนให้พระเอกเป็นคนลาวไปเลย อุปสรรคข้อนี้น่าจะขลังมากขึ้นนะ

การใช้ฉากในประเทศลาว และคนลาว ทำให้มีการสอดแทรกภาษา ประเพณี วัฒนธรรม นิทานพื้นบ้าน และอื่นๆ ของลาวเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ทำให้เรื่องมีความน่าสนใจมากขึ้น แต่เราก็ยังมองว่าเป็นการบรรยายฉากสถานที่ปกติธรรมดา  ถ้าเทียบกับเรื่องประเทศเวียดนาม "เมืองสเน่หา" ที่กำลังอ่านอยู่เพราะเรื่องนี้จะมีแก่นเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เริ่มจะถูกกลืนกินไปกับสังคมที่เปลี่ยนไป ซึ่งคงได้โอกาสมารีวิวคราวหน้า  

ไม่ได้หมายความว่าจะผิดโจทย์ "นวนิยายรักเพื่อความเข้าใจในประเทศอาเซียน" นะคะ  เพราะส่วนนี้เราคิดว่าผู้เขียนทำได้ดี เพียงแต่ตัวเราคาดหวังอะไรที่ลึกไปอีกนิด หากใครเคยท่องเที่ยวไปตามเส้นทาง เวียงจันทร์ วังเวียง หลวงพระบาง น่าจะจินตนาการภาพฉากสถานที่ได้ชัดมาก  อย่างตัวเราเองก็บอกได้เลยว่ามันคือเกือบจะทุกที่ที่เราได้ไป  มีแต่ ภูท้าวภูนาง เท่านั้นกระมังที่นึกไม่ออก  ภาพหนุ่มสาวเดินขึ้นถ้ำจัง ขึ้นพระธาตุภูสี  เดินบนสะพานข้ามแม่น้ำซอง  แม้แต่รีสอร์ทยังจินตนาการเป็นรีสอร์ทริมแม่น้ำซองที่เราเคยไปพักเลย .. บรรยากาศของบ้านเมือง และฉากสถานที่เหล่านี้แหละค่ะที่ทำให้อ่านนิยายเรื่องนี้จนจบ   เพราะในส่วนของเนื้อเรื่องและสำนวนการเขียนยังไม่ถูกใจนัก  .. ไม่อาจจะบอกเป็นหลักการ  เพียงแต่หลายอย่างมันสะดุด  

ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่ไม่นิยมนิยายรักที่หวานมากนัก โดยเฉพาะหวานด้วยคำพูด  เรื่องนี้เป็นรักแรกพบ (ซึ่งไม่ใช่แนวอีกเช่นกัน)  พระเอกจีบนางเอก ด้วยลักษณะการใช้คำพูดที่คงจะเรียกว่า เกี้ยวพาราสี  ซึ่งบางลีล่าบางคำพูดเราก็มองว่ามันเสี่ยวจัง (ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนเกี่ยวกับสำนวนจีบหญิงของผู้ชาย)  ส่วนนางเอกก็ออกแนวไว้ท่าแม้ว่าจริงๆ แล้วจะชอบ  ก็จะมีสำนวนความคิดแบบ   เชอะ! บ้า!  อีตาบ้า! อยู่ในใจ ซึ่งตัวเองก็ไม่ค่อยนิยมแนวหญิงเชอะ! สะบัดค้อนควั่บสักเท่าไหร่  

แต่ที่ขัดใจมากๆ คงเป็นการใช้เครื่องหมาย ! อัศเจรีย์  เราจะมีความรู้สึกว่ามันไม่ถูกที่ถูกอารมณ์ในน้ำเสียงอยู่บ่อยๆ   การที่ผู้ชายพูดหวานๆ ในอารมณ์ซึ้ง เช่นบอกรัก บอกความในใจ  ทำไมนางเอกจะต้องอุทาน "คุณนน!" อยู่ทุกครั้ง (มันเหมือนตะคอก)  อารมณ์นี้มันจะไม่ออกไปในเชิงเอ่ยคำเสียงแผ่วๆ คล้ายรำพึงซึ้งใจมากกว่าหรอกหรือ ?     ยกตัวอย่างอีกกรณีนึง คือคนที่ไม่เคยเจอย่าของตัวเองมาทั้งชีวิต  เป็นย่าที่ทำให้พ่อแม่ต้องพลัดพรากจากกันด้วย  เจอหน้ากันนี่น่าจะรำพึงเบาๆ ประมาณว่าคนนี้หรือ  "คุณย่า"  มากกว่าจะเสียงดังด้วยการใส่เครื่องหมายคล้ายเปล่งเสียงอุทานดัง "คุณย่า!" 

"คุณย่า!"  รินคำอุทาน  ผู้หญิงคนนี้หรือคือคุณย่าคำฝ่ายของหล่อน  หญิงสาวรำพึงอยู่ในใจ

อุทานดังแล้วมารำพึงในใจ ...  คือ อ่านแล้วมันสะดุดกับอารมณ์ของตัวละครในลักษณะแบบนี้แหละค่ะ  เครื่องหมาย ! เป็นเหตุ

แล้วคุณย่าที่เรียกหลานว่า "ลูกริน" ทุกคำ ก็สะดุดอีกเช่นกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องภาษาของคนลาวหรือเปล่าที่จะเรียกลูกกับหลานด้วยคำเดียวกันว่า "ลูก" อ่านแล้วก็สะดุดอยู่ตลอดกับคำเรียกว่า "ลูกรินๆ" เพราะที่จริงเป็นหลาน  "โอ! ลูกรินมาให้ย่ากอดที"  "โถ! แม่คุณทูนหัวของย่า" "แล้วแม่ของลูกล่ะไม่มาด้วยกันหรือ"   "ลูกคงตกใจสินะ ที่มีทนายจากลาวไปหาถึงเมืองไทย"  ทั้งลูกทั้งอัศเจรีย์ทำให้อ่านไม่ค่อยเพลินนัก เพราะหลายๆ อัศเจรีย์มันเหมือนไม่ใช่จะต้องอยู่ในน้ำเสียงเน้น เข้ม ดัง อุทาน  .. ดูเป็นจุดเล็กน้อยมาก  แต่ก็เป็นปัญหาสำหรับเรานะ  แต่อาจจะไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับทุกคนก็ได้  ถ้าบ่นเรื่องอัศเจรีย์กับเพื่อนนี่ เดาว่าเพื่อนอาจจะบอก  'ฉันว่าแกเยอะไปเองว่ะแน่ๆ เลย' ... 

แต่ชอบใจอยู่อีกหนึ่งประการ คือ "เด็กชายหอยโข่ง" คนสนิทผู้ติดตามอ้ายนน  เพราะช่างเป็นเด็กฉลาดรู้กาละเทศะ จังหวะไหนควรขวาง จังหวะไหนควรชง จังหวะไหนควรแกล้ง  แถมยังเว้าลาวตลอด  น่ารักดี

เป็นนิยายรักโรแมนติก ..ที่จะถูกจริตกับคุณหรือไม่ .. ต้องลองอ่านเองนะคะ




 

Create Date : 07 กันยายน 2557    
Last Update : 14 กันยายน 2557 11:50:25 น.
Counter : 2874 Pageviews.  

มังกรเยาวราช - ภราดร ศักดา ถ่ายทอดช่วงเวลาของแก๊งมังกรเก้ายอด



เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างแก๊งมาเฟียสายพันธุ์มังกรบนแผ่นดินสยาม
 ผู้ร่วมก่อเหตุจลาจลนองเลือดกลางเยาวราช
ในพุทธศักราช ๒๔๘๙ ที่เรียกกันว่า "ศึกเลียะพะ"
ท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิด ท่ามกลางทัศนคติที่แตกต่าง 
ท่ามกลางความรู้สึกบุญคุณต้องทดแทนความแค้นต้องชำระ 
ใคร...เอาบุญคุณ...ใคร...เอาความแค้น...เป็นที่ตั้ง
 ต้องอ่าน เพราะนี่คือสุดยอดนวนิยายอิงเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์
ที่จะทำให้คุณสนุกสนาน ตื่นเต้น ระทึกใจ ไปกับข้อมูลลับเฉพาะที่ต้อง
ดัดแปลงออกมาในรูปนวนิยายในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร...และไม่มีใครเหมือน..

นวนิยายอิงประศาสตร์เหตุถจลาจล "ศึกเลียะพะ" ที่จะทำให้คุณเลือดเดือด!!
อะไรจะเกิดขึ้น ! ! เมื่อแก๊งมังกรเก้ายอดออกไล่ล่า คนไทย-จีน กลางเยาวราช

ได้อ่านนิยายความรักอิ่มเอมใจไปแล้วสองสามเรื่อง จึงหยิบผลงานของนักเขียนอาวุโสนาม "ภราดร ศักดา" ขึ้นมาเคลียร์กองดอง   เรื่องราวในหนังสือเรื่องนี้มีความน่าสนใจตรงที่เป็นเรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์เล็กๆ สั้นๆ  ในช่วงเหตุจลาจลแถบเยาวราช ช่วงปี ๒๔๘๘-๒๔๘๙  ที่คนจีนเกิดความขัดแย้งทางความคิดซึ่งกันและกันจนมีการแบ่งแยกออกเป็นสองฝักสองฝ่ายทางการเมือง คือฝ่ายที่นิยมพรรคก๊กมินตั๋งมีเจียงไคเช็คเป็นผู้นำ กับฝ่ายที่เห็นดีเห็นงามกับลัทธิคอมมิวนิสต์ของเมาเซตุง (เหมาเจ๋อตุง) จะเห็นได้ว่าต้นสายปลายเหตุมิได้อยู่ที่เมืองไทยเลย แต่คนจีนในไทยกลับแตกร้าว

แต่เดิมสมัยที่ญี่ปุ่นเข้าไปรุกรานจีน จนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เจียงไคเช็คกับเมาเซตุงต่างร่วมมือกันต่อต้านญี่ปุ่นเพราะมีศัตรูคนเดียวกัน   พอสงครามจบสิ้นลง ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เจียงไคเช็คกับเมาเซตุงก็กลับมาเป็นศัตรูกัน เพราะนิยมในลัทธิแตกต่างกัน เจียงไคเช็คต้องการให้ปกครองระบอบประชาธิปไตยตามเดิม แต่เมาเซตุงซึ่งลอบเข้าไปศึกษาที่สหภาพโซเวียตต้องการนำลัทธิคอมมิวนิสต์มาปกครองจีน จนต้องมากลายเป็นศัตรูต้องต่อสู้กัน ( มังกรเยาวราช หน้า ๑๖๓ )

แก๊งมังกรแดง  หรือ มังกรเก้ายอด เป็นขบวนการฝ่ายก๊กมินตั๋ง มีผู้ร่วมผู้ร่วมขบวนการอยู่ด้วยกันสองกลุ่ม คือ  กลุ่มนักสู้โพ้นทะเล ที่ลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อรวมตัวกันต่อต้านญี่ปุ่น  ซึ่งเคยร่วมมือกับเสรีไทยเป็นอย่างดี  แต่หลังสงครามยุติ กลุ่มนี้ยังไม่เลิกราและตั้งตัวเป็นขบวนการขึ้นมาใหม่เพื่อสนับสนุนพรรคก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็ค ซึ่งถือเป็นต้นตอของขบวนการที่แท้จริง  ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มคนจีนในเมืองไทย ที่บางคนก็มาจากแผ่นดินใหญ่ สร้างตัวจนมีฐานะแล้ว แต่ด้วยยังมีความผูกพันกับพรรคก๊กมินตั๋งจึงถูงปลุกระดมให้เข้าร่วมขบวนการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่เมาเซตุงกำลังเป็นผู้นำทำสงครามประชาชนอยู่ในประเทศจีน 

สองลัทธิที่ต่อสู้ช่วงชิงกัน เป็นการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนอยู่ในประเทศจีน  แต่จีนนอกประเทศ เช่นที่อยู่ในไทย ก็แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายตามไปด้วย การแตกแยกทางความคิดไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในหมู่คนจีน แต่มันได้ลุกลามมาถึงคนไทยและขยายวงกว้าง

แป๊ะจิว  เป็นชาวจีนอาวุโสที่วางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด นอกจากชักชวนให้คนจีนอาศัยอยู่แผ่นดินใดต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินนั้น ไม่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย  เนื่องจากแป๊ะจิวเป็นที่เคารพนับถือของชาวจีนย่านเยาวราช เขาจึงเป็นความหวังที่จะช่วยปรามคนจีนที่ทำมาหากินโดยสุจริตไม่ให้ไปหลงเชื่อพวกปลุกปั่นยุแหย่  แต่แล้ว  แป๊ะจิวถูกอุ้มหายไปจากเยาวราช ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเป็นหรือตาย

แป๊ะยิ้ม   คนปริศนาที่สวมหน้ากากแป๊ะยิ้มออกมาทำพฤติกรรมประหลาดด้วยการประกาศตัวเองว่าเป็นพวกผดุงคุณธรรม รักษาความถูกต้อง ออกมาเสี่ยงอันตรายคอยช่วยเหลือผู้คนที่ถูกพวกมังกรเก้ายอดข่มเหงรังแก โดยไม่มีใครรู้ว่าผู้สวมหน้ากากแป๊ะยิ้มเป็นใคร

ซิ้มยิ้ม  ปริศนาคนสวมหน้ากากอีกเช่นกัน เพราะหากแป๊ะยิ้มออกมาช่วยเหลือคน ก็จะมีซิ้มยิ้มออกมาร่วมด้วยช่วยกันอยู่เสมอ 
ร.ต.รังสิต เพชรพิพัฒน์ อดีตยุวชนทหารที่เข้าร่วมกับเสรีไทยในการต่อต้านญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็น ร้อยตรีทหาร ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมทำงานเป็นหน่วยปราบปรามพิเศษ ที่มีหลวงสังวรณ์ยุทธกิจเป็นหัวหน้า  หน่วยนี้จะใช้ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือนเข้าร่วม (สห.ตร.ผสม)   ในการดำเนินงานต่อต้านคอมมิวนิสต์ แต่ก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมปราบปรามแก๊งมังกรเก้ายอดที่ก่อเหตุจราจลในย่านเยาวราชด้วย   และเพราะแก๊งนี้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิตส์  การทำงานของหน่วยพิเศษจึงจะออกนอกหน้าไม่ได้ เช่นเดียวกับพวกนิยมฝ่ายคอมมิวนิสต์เมาเซตุง ก็จะต้องหลบๆ ซ่อนๆ  ไม่ปรากฏตัวออกมาแน่ชัดให้ระคายใจรัฐบาลไทย 

ร.ต.ต.นาวิน รักไทย อีกหนึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามพิเศษที่มาจากสายงานของตำรวจ เป็นตัวเดินงานสำคัญที่ส่งคำสั่งเชื่อมโยงกับมือปราบคนอื่นๆ  

พัชรียา หญิงสาวเชื้อสายจีน ที่รู้ภาษาจีนดี เป็นข้าราชการในกรมตำรวจที่ถูกวางตัวไว้เป็นสายสืบอยู่ที่โรงน้ำชา "น่ำแช" 

หลิว อาหมวยลูกสาวคณะเชิดหุ่นกระบอกไหหลำ ที่มีคนระแคะระคายว่าเธอคือผู้สวมหน้ากาก "ซิ้มยิ้ม"

ชิงดวง นางระบำดาวเด่น ในคณะนางระบำของนายหรั่ง เรืองนาง 

เหล่าเจ็ก หัวหน้าแก๊งมังกรเก้ายอด และมือขวาของเขา  ชินชัย
จตุภูมิ  มีแม่บุญธรรมคนเดียวกันกับชินชัย คือ นางกิมเฮียง เขาคนไทยที่ถูกรับมาเลี้ยง จึงไม่ความฝักใฝ่ในการเมืองของจีน ต่างจากชินชัยที่เป็นคนจีนและฝักใฝ่ฝ่ายก๊กมินตั๋ง  จตุภูมิไม่ต้องการให้นางกิมเฮียงอยู่อาศัยกับชินชัยเพราะอาจได้รับอันตรายจากขบวนการทำงานของแก๊งมังกรเก้ายอดที่ชินชัยเป็นรองหัวหน้าแก๊ง  จึงเกิดความขัดแย้งกัน และจตุภูมิยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชินชัยหนักขึ้นเมื่อเขาหันไปเข้าร่วมกับหน่วยปราบปรามพิเศษ ด้วยความรู้สึกอยากช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของบ้านเมือง

หยก  ลูกสาวเจ้าสัวใหญ่ตระกูลคณาเกียรติ คือ เจ้าสัวบุญกิจ ผู้มีเชื้อสายจีนไทยมาจากเจ้าสัวเนียมและสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เป็นตระกูลที่มีความจงรักภักดีต่อแผ่นดินไทยมาแล้วหลายแผ่นดิน  เช่นเดียวกับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ท่านเจ้าสัวกับครอบครัวได้ร่วมมือกับสมาคมไทย-จีนเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่เพื่อประคับประคองสถานการณ์ของบ้านเมือง

"ตึ๊ง เฮียง เต็ก"  แปลเป็นไทยว่า  ความดีตกทอดมาอย่างกว้างไพศาล เป็นป้ายมงคลประจำตระกูลที่เจ้าสัวเนียมได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้องค์หนึ่งของประเทศจีน  ป้ายนี้คือการเตือนใจให้ระลึกถึงคุณความดีของผู้เป็นเจ้าของรับพระราชทานซึ่งเป็นบรรพบุรุษคนสำคัญ เตือนให้ตระหนักถึงการกระทำดีทดแทนคุณแผ่นดิน  ลูกหลานตระกูลคณะเกียรติหวังจะสืบทอดคุณความดีเช่นที่บรรพบุรุษได้เคยกระทำมา

เมื่อ "เลียะพะ" มวยจีนแขนงหนึ่ง ถูกแก๊งมังกรเก้ายอดนำมาใช้ทำร้ายผู้คน
 ก็ต้องมีใครสักคนที่จะออกมาต่อสู้ด้วย เลียะพะ 

เป็นนิยาย ผู้ชายเขียน  ทำให้นึกถึง พี่หนุ่มศรราม เรื่อง "ตี๋ใหญ่"  เฮียพีท ทองเจือ เรื่อง "หักลิ้นช้าง" แล้วก็หนุ่มวีรภาพในมาดบู๊อีกคน .. (ก็นะ แจกบทบาทกันไป)  ไม่ได้ตอบโจทย์ความคาดหวังเรื่องแก๊งอันธพาล แก๊งมาเฟีย ให้ดุเดือดเลือดพล่านเหมือนคำโปรยปกหลังชวนให้รู้สึกมากนัก แต่บรรยากาศของเยาวราชสมัยก่อน และการเปลี่ยนบรรยากาศมาบู๊ ก็ทำให้สนุกไปอีกแบบ
ชอบที่สุดในช่วงท้ายที่เล่าถึงการเสด็จเยือนเยาวราชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๘  คนไทยสมัยเก่าก่อน ผูกพันกับพระมหากษัตริย์  พระมหากรุณาธิคุณเป็นความสูงค่าล้นเกล้าล้นกระหม่อม แม้แค่เพียงธุลีดินใต้ฝ่าละอองพระบาทที่ก้าวย่ำ ชาวบ้านก็กอบเก็บขึ้นหิ้งบูชาด้วยความเทิดทูน  ... ซึ้งอ่ะ Smiley




 

Create Date : 03 กันยายน 2557    
Last Update : 3 กันยายน 2557 20:11:01 น.
Counter : 9118 Pageviews.  

วิวาห์ลวง ห่วงรัก ..หนึ่งน้องกับสอง "เฮีย"

ผู้เขียน มักเน่  สำนักพิมพ์ มายโรส


"วิวาห์ที่ไม่ได้เกิดเพราะรัก แต่เป็นห่วงรักลวงหัวใจ"

เพราะความเมาทำให้ ชนาธิป ล่วงเกิน อรรัมภา น้องสาวของ อาชว์ เพื่อนรักที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้  ชนาธิปจึงจำต้องแต่งงานกับอรรัมภาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป ทั้ง ๆ ที่เขามีคนที่เขารักอยู่แล้วนั่นก็คือ เกดกนก

การแต่งงานที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงแค่การแต่งงานแต่เพียงในนามเท่านั้น แต่เพราะความผูกพันที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้เปลี่ยนความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ จากที่ต่อต้าน เฉยชา กลับกลายเป็นห่วงหา เป็นห่วง ในเมื่อเธอกลายมาเป็นเจ้าของหัวใจ และเป็นเจ้าของความรักที่เขาไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน



พลอตคลุมถุงชน ถูกจับแต่งงานโดยความจำเป็น ถึงจะมีอยู่เกร่อด้วยเหตุผลแต่งงานเพื่อ..ต่างๆ นานา แต่ก็ยังถือเป็นพลอตที่ชอบเสมอ ส่วนที่อ่านแล้วจะชอบมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสำนวนการเขียน และคาแรคเตอร์ของตัวละครเป็นสำคัญ

เรื่องนี้ แม้สำนวนจะทื่ออยู่นิด เพราะการบรรยายความรู้สึกมีน้อย  แถมยังแอบเบื่อเล็กๆ กับการใช้คำบรรยายทางกายภาพซ้ำๆ ย้ำๆ   "คนตัวเล็ก"  "คนตัวโต" "ร่างบาง" "ร่างหนา" วนเวียนอยู่ไม่กี่คำ   เนื้อเรื่องก็เรียบๆ แต่อ่านโดยรวมแล้วชอบ  ตอนอ่านครั้งแรกมันใกล้เวลาเข้านอน แต่ด้วยความอยาก ก็เลยอ่านแบบพลิกๆ ข้ามๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป ยังไง  แล้วจากนั้นพอมีเวลาก็กลับมาอ่านละเอียดอีกรอบ พอจบก็อ่านซ้ำแต่ละช่วงแต่ละตอนที่พระเอกนางเอกเค้าอยู่ด้วยกันอีกรอบ (เยอะนะเรา)

เหตุผลง่ายๆ ที่หยิบนิยายเรื่องนี้ และที่ชอบนิยายเรื่องนี้ เพราะอานุภาพของคำว่า "เฮีย"

"เฮีย" นั้นสำคัญไฉน?    

อย่างแรกมันตรงจริตเป็นความชอบส่วนตน  เราชอบคำเรียกของคนเชื้อสายจีน เจ๊  เฮีย  ป๊า ม๊า อาแปะ อาโก  อาก๋ง อากู่ ฯลฯ นั่นคงเป็นเพราะเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะใช้คำเหล่านั้นได้ พอเห็นคนอื่นใช้ก็รู้สึกว่ามันฟังอบอุ่นน่ารักดี  เหมือนที่ตัวเองเป็นคนเหนือ แต่จะชอบภาษาใต้ ภาษาอิสาน ฟังเพื่อนพูดรัวๆ ทีไร เรารู้สึกว่ามันเป็นภาษาที่เพราะดี   

อย่างที่สอง คำว่า "เฮีย" มันน่าจะให้ความรู้สึกอะไรหลายอย่าง รู้จักมักคุ้นกันระดับนึง มีความต่างวัย อาวุโส ที่ไม่ควรจะเอ็ดอึงหรือก้าวร้าวใส่ น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของพระนางมีอะไรบางอย่างที่น่ารัก มากกว่าการจะเป็น "ฉัน" กับ "คุณ"  และนิยายก็เป็นอย่างที่คาดจริงๆ 

อาชว์ หรือ "เฮียโบ้"  เป็นเพื่อนรักกับ ชนาธิป หรือ "เฮียช้าง" และเป็นพี่ชายของ โบว์ -อรรัมภาถึงจะไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ  แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่พ่อแม่รับเอามาเลี้ยงดูเป็นน้องสาวมาตั้งแต่เล็ก  เฮียโบ้จึงรักน้องสาวดั่งแก้วตา  นอกจากอาชว์แล้วในครอบครัวไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างอรรัมภากับชนาธิป  เธอไม่ต้องการจะแต่งงานกับเขา แต่เมื่อเฮียโบ้บอกว่า..แต่ง ยังไงก็ต้องแต่ง อรรัมภามีหรือจะกล้าขัดใจ ในเมื่อความเป็น "เฮีย" นั่นหมายรวมถึง การเคารพเชื่อฟัง 

อาชว์รักน้องสาวของเขามาก หากชนาธิปไม่คิดจะรับผิดชอบ ความเป็นเพื่อนก็คือจบกัน  นอกจากนี้อาชว์ยังเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอรรัมภา  น้องสาวของเขาเป็นคนสวยและน่ารัก ใครได้อยู่ใกล้ชิดก็ต้องรักและเอ็นดู  ถึงวันนี้ชนาธิปจะไม่ได้รัก  แต่สักวันหนึ่งเขาจะต้องรักเธออย่างแน่นอน   

"แล้ววันหนึ่งแกจะต้องขอบคุณฉัน"

ไม่มีทาง ... ชนาธิป ร้องค้านเพื่อนรักในใจ เพราะเขามี เกดกนก เป็นตัวจริงอยู่ในหัวใจแล้วทั้งคน แต่เพราะความเมามันพาไป ทำให้เขาถูกอาชว์บังคับให้รับผิดชอบอรรัมภา ทั้งที่เขาคิดว่ามันไม่เห็นจำเป็นต้องทำขนาดนั้น  คนไม่ได้รักกัน แต่งงานกันไปก็ต้องเลิกกันอยู่ดี แล้วจะแต่งกันทำไมให้เสียเวลา ไหนจะชื่อเสียงของเธอในอนาคตหากต้องเป็นแม่ม่ายหลังหย่า แต่เอาเถอะถ้าเขาต้องรับผิดชอบ แต่งๆ กันไปให้จบเรื่อง อยู่กันไม่ได้แล้วค่อยเลิกรา ซึ่งมันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน

อรรัมภา จึงได้ เฮียช้าง เพื่อนของเฮียโบ้มาเป็นสามีแบบไม่เต็มใจนัก 

เพราะรู้จักกัน  เขา-เพื่อนพี่ชาย  เธอ-น้องสาวของเพื่อนรัก  จึงไม่มีความเคืองขุ่นในใจ ไม่ได้รัก แต่ก็ไม่ได้เกลียด การแต่งงานของทั้งคู่ไม่มีเงื่อนไขกำหนด ไร้ข้อตกลงใดๆ มันดำเนินไปตามครรลองเงียบๆ แต่งงานกัน อรรัมภาย้ายไปอยู่กับเขา ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างนอน แยกห้อง แยกเตียงกันไปเงียบๆ 

ชอบความเงียบที่ว่านี้ เหมือนเข้าใจได้โดยไม่ต้องเอ่ยคำมันคือวิวาห์ลวงที่ไม่นานก็จะต้องจบลง เป็นความยินยอมพร้อมใจรับสภาพ ไม่ใช่ความผิดของใครไม่ว่าเฮียช้าง หรือ โบว์  จึงไม่มีซะล่ะที่จะมาถกเถียง ประชดประชัน ตะบึงตะบอนใส่กัน เขาและเธอพูดกันดีๆ เท่าที่มีเรื่องให้ต้องพูด นอกนั้นก็จะต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองกันไปเงียบๆ  เงียบผิดวิสัย แต่ก็น่ารักดีเพราะในความเงียบมีการลอบมอง 

มองไปมองมา  เฮียช้างของเรานี่ชักยังไง  ...

คำถามที่ถามกับสาวใช้อยู่เสมอ

"คุณโบว์ล่ะ"
"คุณโบว์ไปไหน"
"คุณโบว์กลับมาหรือยัง"
"แล้วคุณโบว์บอกหรือเปล่าว่าจะไปทำอะไรที่ไหน"

กับภรรเมียโบว์ก็มีแต่คำถาม และคำถาม

"ไปไหนมา"
"ไปกับใคร"
"ไปทำอะไรมา"
"ทำไมต้องปิดโทรศัพท์มือถือ"
"แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์" 
"ทำไมวันนี้กลับดึกนักล่ะโบว์ "
"วันนี้โบว์ไปทานข้าวกับใครมา"
"ทำไมถึงไม่รับสายเฮีย รู้ไหมว่าเฮียเป็นห่วง"
"แล้วทำไมไม่บอกเฮีย"
"ทำอะไร"    ... "เฮียถามว่าทำอะไร"
"ใครอนุญาต"    .." เฮียถามว่าใครอนุญาติ"
                     ฯลฯ 

เอ่อ .. เฮียคะ  นี่เป็นสามี หรือ คุณป๊าผู้ปกครองกันล่ะคะเนี่ย 
เพราะนอกจากจะยิงคำถามแล้วยังตามประกบด้วยคำสั่งอยู่ตลอด

"คราวหน้าคราวหลังก็อย่ากลับให้มันดึกมากนักก็แล้วกัน มันอันตราย"
"เฮียบอกแล้วใช่มั้ย ว่าให้อยู่ให้ห่างๆ มันเข้าไว้ ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้าง.."
"คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ เฮียไม่ชอบ"
"ถ้าจะไปไหนมาไหนก็ต้องบอกเฮียก่อน เข้าใจไหม"
"เข้าใจไหม" (แน่ะ มีย้ำ)

เฮ้อ ... นั่นคืออาการของผู้เป็นภรรยา หลังจาก ให้คำตอบตรงคำถาม หลังจากรับคำกับคำสั่งด้วยคำว่า "ค่ะ" บ้าง ... ไม่รับฟังด้วยการ เงียบ เอาบ้าง ... ก็มีอาการ เฮ้อ  นี่แหละที่เธอทอดถอนใจอยู่กับตัวเอง ไหนจะเฮียโบ้ที่คอยตามเช็คสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไหนจะเฮียช้าง สามีที่มักจะซักถามสั่งความด้วยน้ำเสียงอันเข้ม   เฮ้อ 

และแม้แต่ในยามปกติก็ชอบการพูดคุยกันระหว่างเฮียช้างกับโบว์
(เอาคำบรรยายออก ตัดมาเฉพาะประโยคสนทนานะคะ)

"โบว์ช่วยจัดกระเป๋าให้เฮียหน่อยนะ เฮียจะไปดูงานที่ฮ่องกง"
"เฮียไม่อยู่หลายวันดูแลตัวเองดีๆ นะ"
"สอนเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านล่ะ อย่าเถลไถลไปไหน"
"แล้วเฮียก็ขอสั่งห้ามไม่ให้โบว์ไปไหนกับนายเจนจบโดยเด็ดขาด เข้าใจไหม"

---

"ทำไมไม่บอกเฮียว่าจะมาที่นี่"
"แต่โบว์ก็บอกคุณแม่แล้วนี่คะ"
"รู้ตัวใช่ไหมว่าทำผิด ก็เลยคิดจะหลบหน้าเฮีย"
"เปล่าค่ะ"
"แล้วหนีมานี่ทำไม"
"โบว์ไม่ได้หนีค่ะ"
"แน่ใจนะ"
"แน่ใจค่ะ"
"แล้วทำไมถึงไม่บอกเฮีย"
"ก็เฮียนอนหลับอยู่นี่คะ"
"ปลุกเฮียก็ได้นี่"
"โบว์ไม่อยากรบกวนค่ะ"
"รบกงรวบกวนอะไร เราเป็นสามีภรรยากันนะ"   (อร๊ายยย น่ารัก)



ดั่งเฮียโบ้คาดการณ์ ดั่งโบราณว่าไว้  "อยู่ๆ กันไป ก็รักกันเอง"  ถามไปถามมา สั่งไปสั่งมา จากที่เคยลอบมอง ก็เริ่มจะทอดสายตามอง และเมื่อเป็นเช่นนั้น การแต่งงานที่คิดว่าจะแต่งกันแค่ในนามก็ไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป   เฮียช้างเคยแยกห้องนอนไปเงียบๆ แล้วเฮียช้างก็กลับมาร่วมเรียงเคียงหมอนเงียบๆ  .. 

ไม่อีก  .. นางเอกของเราไม่ได้สะบัดสะบิ้งอะไรนัก ถ้าเฮียอยากนอนกับเมีย เฮียก็ได้นอน  และในกรณีที่เมียนอนไปแล้ว เฮียก็จะปลุก  แค่เขียนให้รู้นิดๆ ไม่ได้มีอะไรนัก แต่ขนาดไม่ใช่บทรักติดเรทก็ยังชวนจิ้นกระจายไปถึงไหนๆ  (อิอิ Smiley

ไม่เลย  ที่จะมาตบจูบๆ ตื่นเช้ามาอารมณ์เสียโกรธเคืองประหนึ่งถูกขืนใจในขณะสมยอมไปแล้ว  นางเอกจะน่ารักแบบเงียบๆ  ซึ่งก็เข้ากันดีกับพื้นฐานว่ามีพี่ชายที่เคารพรัก แต่งงานแล้วก็มีสามีที่รักเลยต้องเคารพไปด้วยมั้งเนี่ย ไม่ชอบเถียง ไม่อยากทะเลาะ แต่ถ้าไม่ชอบใจก็ดื้อใส่เรียบๆ ด้วยการชวนหย่า.. 

อึ้งน่ะสิ เฮียช้าง 

"แต่เฮียไม่อยากหย่าตอนนี้"
"ทำไมล่ะคะ"

ไม่ใช่ตอนนี้ และไม่มีคำตอบ ถึงไม่รัก แต่ก็ไม่หย่า
เถอะ.. เหตุผลจะอะไรไม่รู้  รู้แต่ว่าเฮียไม่อยากหย่า 

และในที่สุดจะผิดคำพูดของเฮียโบ้ซะทีไหน
เมียทั้งคนที่มีอยู่คนเดียว ไม่รักเมีย .. จะรักใคร 
ทั้งรัก ทั้งห่วง  ทั้งเอาใจ อยากได้อะไรขอแค่เมียสั่งมา
เพราะถึงจะได้มาแบบไม่เต็มใจ แต่ก็รักเมียหมดใจเข้าไปแล้ว

"เฮียสัญญาว่าเฮียจะไม่ทำให้โบว์ต้องเสียใจอีก เฮียรักโบว์นะ"

ถูกใจในคาแรคเตอร์และความรักของเฮียช้างกับโบว์  ชอบ..นิยายเรื่องนี้




 

Create Date : 01 กันยายน 2557    
Last Update : 2 กันยายน 2557 12:26:08 น.
Counter : 2485 Pageviews.  

เกมรักแรงปรารถนา รักวุ่นวายของนายโฉดชั่ว (ฮา...)


ผู้เขียน บลู-มะ-ริน  สำนักพิมพ์ บลูเบลล์


"ไอ้บร้า!"  

จำไม่ได้จริงๆ นะคะว่านอกจากสุดที่รัก "คุณเบิ้ม-ประสาทใหญ่" แห่งลอเรนซ์ เรื่อง 'ด้วยรักและคิดถึง' แล้ว เคยสวดส่งเจริญพรคำๆ นี้ให้พระเอกนิยายเรื่องไหนมาบ้างหรือเปล่า คิดว่าไม่น่าจะมีแล้วนะ  จนมาถึงพระเอกเรื่องนี้แหละ 'กังหันแมน' ชายเจ้าชู้ผู้มีรักแท้ พระเอกที่เต็มไปด้วยความลามก ดิบห่าม ถ่อย เถื่อน และบ้าพลังเป็นที่สุด  "แบดบอย" ยังเป็นคำที่ฟังกุ๊กกิ๊กน่ารักเกินไป เพราะสำหรับชายคนนี้ต้องเรียกเขาว่า 'ชายโฉด' หรือไม่ก็ 'ชายชั่ว' ถึงจะสาแก่ใจในความเลว

เอ่อ .. อย่าเพิ่งตกอกตกใจในคาแรคเตอร์ดาร์คสุดติ่งของพระเอกไปนะคะ ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ นี่เป็นการเล่าแบบเอามันส์ พระเอกของเราเขาไม่ได้เลวขนาดนั้น ยัง ..ยังมีหัวใจใสๆ ในปลักโคลน  

ชื่อเกม :  

เกมรักแรงปรารถนา

ผู้เข้าแข่งขัน :   

สลิลา สาวตากลม หน้านิ่ง ที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาบอกผู้ายหน้าเถื่อนออฟฟิศข้างๆ ว่า

 "คุณจะช่วยมีเซ็กซ์กับเรา เอ๊ย หมายถึงฉันหน่อยได้ไหม"
คิมหันต์ ช่างภาพหนุ่มสุดเท่ ที่บ้าดีเดือดตอบรับผู้หญิงที่เพิ่งคุยกันครั้งแรกว่า

 "ผมจะไม่ถามเหตุผลของคุณ แต่ผมจะมีอะไรกับคุณไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาคำตอบได้เอง"

กติกา:

ใครรักใครก่อนคนนั้นแพ้ และคนแพ้จะต้องเดินออกไปจากชีวิตผู้ชนะ

สิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้เข้าแข่งขัน: 

แรงปรารถนาและหัวใจที่เข้มแข็ง

ผลการแข่งขัน:  

ไม่มีใครรู้ ...นอกจากเขาและเธอ!


กังหัน - คิมหันต์  พรวิศนุ  ชายโฉด หื่น ห่าม ลามก ถ่อย เถื่อน ไร้หัวใจ มือไวใจเร็ว ปากมอมระดับมหากาฬ  แถมยังปากสว่างไม่เคยรักษาความลับกับใครในโลก  เจ้าพ่อแห่งความกวนบาทาและราชาแห่งวงการถ่ายภาพไทย เป็นขุนแผนแสนสนิท  เจ้าชู้  มักมากในกาม เป็นเงามรณะที่หญิงใดอยู่ใกล้ต้องพึงระวัง 

ใครๆ ที่ไม่สนิทเรียกเขาว่า "คิม" แต่แท้จริงเขาชื่อ "กังหัน" ชื่อเล่นที่ได้มาเพราะว่าลืมตาเกิดที่ดินแดนแห่งสายลมในฤดูร้อนประเทศสวิสเซอร์แลนด์  พ่อแม่ปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ที่โน่น แต่เขาเองกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย อาศัยอยู่คนเดียวลำพังในบ้านสวนเก่าของตายาย มีอาชีพเป็นช่างถ่ายภาพแฟชั่น-ฟันนางแบบ เอ๊ย .. อย่างหลังนี่ไม่ใช่อาชีพแต่เป็นผลประโยชน์แบบวินวิน เป็นชายที่พลีตัวให้หญิงมานับไม่ถ้วน  (มีดีบ้างมั้ยนาย Smiley )

น้ำตาล - นางสาวสลิลา มงคลไพศาล ผู้หญิงแสนธรรมดาหน้ากลม ตาโต ไม่สวย แต่งตัวบ้านๆ ปกปิดมิดชิด ชอบทำหน้าตาเบื่อโลก  ไม่เคยทักทาย  ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ที่คิมหันต์จำชื่อเธอได้เพราะเคยเก็บบัตรพนักงานที่ถูกทำหล่นไว้ไปส่งให้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์..ก็เท่านั้นเอง 

แต่ในวันฝนพรำเขาจำขึ้นใจ  

"คุณจะช่วยมีเซ็กซ์กับเรา เอ่อ  หมายถึงฉัน หน่อยได้ไหม"

...โอ้แม่เจ้าาา ...

มันคือประโยคเด็ดที่สุดที่คิมหันต์เคยได้ยินมาในรอบสามทศวรรษของชีวิตโสด อึ้งแด๊กไปหลายนาที กับข้อเสนอที่แสนจะตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงปกติราวกับเป็นเรื่องสามัญประจำบ้าน ทั้งที่มันสุดแสนจะแปลกประหลาด ชวนตกตะลึง ตึงโป๊ะ 

อะไรเนี่ย  พูดกันครั้งแรกก็ชวนไปนอนเฉยเลย  ยายนี่ไม่บ้าก็เพี้ยน หรือเป็นนิมโฟมาเนียแน่ๆ 

---

"ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราทำใจไว้แล้ว"

แหงล่ะสิ  ถ้าไม่ได้หน้ามืดตามัวจัดๆ ล่ะก็ จะมีผู้ชายคนไหนบ้าบิ่นกล้ารับคำชวนทื่อๆ นี้

"เดี๋ยวสิ  แม่คุณ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย" 

แต่เอ๊ะ .. หรือหมอนี่จะหน้ามืด

"ก็ได้ๆ เมื่อคุณกล้าขอมาผมก็กล้าจัดให้"

ไอ้เลววววว  

เอ่อม .. ขออธิบายก่อน แม้ว่าที่เมาท์มาหรือที่กำลังจะเมาท์ต่อไป  จะเป็นการหยิบยกบทสนทนาหรือถ้อยคำจากหนังสือมาเขียนถึง  แต่ไม่ได้หมายความว่าในหนังสือมันเป๊ะอย่างนั้นนะคะ มันมีการบรรยายฉากเหตุการณ์ ความรู้สึกนึกคิด สีหน้า อากัปกริยาของตัวละครที่ฮามาก เราเพียงแต่หยิบยกบางประโยค บางถ้อยคำ มาเรียบเรียงบอกเล่าตามอารมณ์สนุกสนานของตัวเอง  อย่างเช่น .. ไอ้เลว   นี่ก็เป็นความคิดที่เกิดขึ้นตอนอ่านขณะนั้นเลย  Smiley  เพราะที่จริงสำนวนการเล่าเรื่องก็รื่นไหล  การพูดจาของคิมหันต์ก็สุภาพชนไม่ได้หยาบอะไร  เพียงแต่จะมีส่วนของคำฟุ้งที่อยู่ในความคิดของตัวเขาเองที่จะใช้ 'กู' กับตัวเอง -เช่น  กูนี่แหละ ท่าจะบ้า  แพ้ใจเลยกู  โอ๊ย..กูจะบ้าตาย ฯลฯ  ซึ่งจุดนี้เราชอบมาก มันฮาดี   ตัวเราเองก็เป็นเหมือนกันด้วยไงคือติดนิสัยใช้คำพูด 'กูๆ' อยู่ในความคิดของตัวเองน่ะค่ะ บางทีก็แบบน้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก หน้าตายิ้มแย้มแต่ภายใน ' แล้วมันเรื่องของกูป่าวเนี่ย'  'ไม่บอกแล้วกูจะรู้กะเมิงเหรอ ดวกส์'  อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ซึ่งมันมักจะไม่เชิงเป็นความโกรธเคืองมากนัก ฉุนแบบขำๆ มากกว่า Smiley

ในเมื่อยายเพี้ยนกล้านำเสนอ ถ้าไม่รับสนองก็เกรงว่าจะเสียเชิงชาย  รับสิ คิมหันต์ต้องรับสนองถึงจะถูกหลักความเป็นลูกผู้ชาย (ชั่วๆ ) แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาเล่นเกมรักแบบเรียลริตี้กันสักหน่อยเป็นไงล่ะนาง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ "เกมรักแรงปรารถนา" ที่นำมาซึ่งความเจ็บปวดปนฮา ตัวละครมีน้ำตาท้้งหัวเราะและร้องไห้    
ชาติเสือคาสโนว่าอย่างนายกังหัน-ผ่านผู้หญิงมาก็มาก เซ็กซ์เสรีไม่มีเงื่อนไข หรือต่อให้ใครจะมีใจ เขาก็ไม่เคยสนใจใยดี  เซ็กซ์คือเซ็กซ์ เลิกคือเลิก  หล่อ เซอร์ หน้าที่การงานดี ฐานะดีมีพอจับจ่ายเอาใจสาวๆ  จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีหญิงมาขึ้นเตียง  ที่ยากกว่าน่าจะเป็นตอนสลัดทิ้ง  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยมีใครจับนายกังหันลิ่วลมคนนี้ได้ติดมือ   

แต่ว่านะ .. นอกจากคิมหันต์จะไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาหาเขาในแบบที่สลิลาทำ เขายังไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงที่ปราศจากเซ็กซ์เอ็กเพลขนาดนี้มาก่อน  กับยายทื่อมะลื่อสลิลาน่ะนะ  เขานึกไม่ออกเลยว่าบทรักระหว่างกันมันจะเป็นแบบไหน  เอ่อม  ท่อนไม้ ก้อนหิน น้ำแข็ง ... ? x x ? เฮ้อออ ไหวป่ะเนี่ย Smiley

จากเกมเดิมพันด้วยความสัมพันธ์ทางกายที่ไร้ใจ กลายเป็นความหวั่นไหว กับอะไรบางอย่างแค่เพียงข้ามคืน จากผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีอะไรให้ต้องสนใจ จืดชืดนอกสายตา เปลี่ยนเป็นผู้หญิงน่าค้นหาแค่เพียงข้ามวัน 






ทว่า  ขุนแผนกังแสนสะท้าน  เพราะผู้หญิงคนนี้ยากแท้หยั่งถึง ยามค่ำคืนเธอนุ่มนวลอ่อนหวานจนอยากจะคลั่ง แต่พอตะวันขึ้นกลางวันเธอกลับเข้าสู่โหมดเย็นชาหน้าตายราวกับเป็นคนไม่รู้จักกัน ขาดความโรแมนติก ไร้ความอ่อนโยน  ปู้ยี้ปู้ยำกันแล้วก็จากไปอย่างไม่ไยดี ผู้หญิงอะไรวะใจร้าย ใจดำ ยายน้ำตาลขมปี๋ ยายน้ำแข็ง ยายทื่อมะลื่อ ดื้อด้าน ทำหน้าตาซื่อใสแต่ใจไม่รู้คิดอะไร ..วัวเคยขาม้าเคยขี่กันแท้ๆ แต่เวลาเดินสวนกันเธอทำตัวเหมือนเดินผ่านสัมภเวสี (เปรตหน้าตาดี) ที่ไม่มีแม้แต่ความเมตตาน้อยนิดจะให้ส่วนบุญ   ยายน้ำตาลอัดก้อนไร้หัวใจ !! แต่ไหงเขายังอยากได้ตัวมานอนกอดเล่นทุกคืน

โอ๊ย อยากจะตาย  ถ้าตายแล้วได้รู้ว่ายายบ้านี่คิดอะไรอยู่  กูจะตายให้ดูวันละสามรอบเลยเอ้า

ปริศนาที่ไขไม่ออก  ทำไมเธอต้องทำแบบนี้  แอบหลงรักเขา  อกหักมา  ประชดชีวิต ขาดความอบอุ่น .. หรือ?  มันคือ อัลไล  ?   แล้วชายอื่นมีมากมาย ทำไมต้องเป็นนายคิมหันต์?   จะมีสักวันไหมที่เขาจะเข้าใจผู้หญิงคนนี้

เคยแต่เฉยเมยกับหญิงอื่น บรรลุแล้วก็แล้วกัน   เมื่อต้องกลับกลายเป็นฝ่ายโดนไม่แยแสบ้างคิมหันต์ย่อมทุรนทุราย ก็ยายน้ำแข็งเล่นทำตัวแบบนี้มันลบลายความเป็นชายเจ้าเสน่ห์กันเลยนะ ถูกเบื่อหน้า ถูกปฏิเสธไร้เยื่อใย มันเซ็งจิตสะกิดตับ เขาทนไม่ได้  ยิ่งเธอปกปิดตัวเอง เขายิ่งต้องการจะเปิดประตูเข้าไป อยากค้นหา อยากชิดใกล้  แต่...เพราะอะไรถึงอยากทำอย่างนั้น ? 

คนที่ตกหลุมรักจะเป็นฝ่ายแพ้  และคนแพ้ก็ต้องออกจากเกม  ออกจากชีวิตของผู้ชนะ เกมโอเวอร์

เพราะเกม นี่มันคือ เกม และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อทลายกำแพงน้ำแข็งออกจากใจของเธอ เพื่อชัยชนะ!

แต่ให้ตายสิ ตั้งแต่เกิดมาคิมหันต์ไม่เคยเจอผู้หญิงทำหน้าเย็นชาได้กวนอารมณ์เขามากขนาดนี้มาก่อนเลย  ยิ่งเย็นชา ยิ่งอยากละลาย เขาต้องงัดลูกไม้ลวดลายจีบหญิงออกมาใช้กับยายน้ำตาลขม หาทางเข้าใกล้ ทำความรู้จัก ถึงโดนโกรธโดนว่าก็หน้าทน เพราะตี๊อเท่านั้นที่ครองโลก  และแล้ว  คนวุ่นวาย และเรื่องวุ่นวายจึงติดตามมา

วัชรพล สิทธิวรคุณ  ไอ้หน้าหล่อใสดงบังชินกิ  ที่ได้ชื่อว่าทรงอิทธิพลเป็นเจ้าชายแห่งวงการออกแบบกราฟฟิกดีไซน์  ชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบอย่างหาที่ติไม่ได้ หล่อ รวย ภูมิฐาน ฉลาด มีอารมณ์ขัน อ่อนโยน โอ้พระเจ้าจ๊อดอำนวยพรให้มันลงมาเกิดจริงๆ  ต่างจากเขาที่ถูกซาตานถีบหัวส่งลงมาเกิดเป็นแน่แท้  มันเป็นเจ้านายยายน้ำแข็งที่ข่าวว่ามันทั้งรักทั้งหวงยิ่งกว่าแม่ไก่กกไข่

ไอ้เสือดำแห่งเทือกเขาตะนาวศรี ผู้ชายในตำนาน ฮีโร่ในสายหมอก ที่ว่ากันว่าเป็นชายในดวงใจของยายน้ำตาลไหม้ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นใคร ถึงคิมหันต์จะไม่รู้จัก แต่เขาเกลียดไอ้เวรนั่นเข้าไส้ โทษฐานที่มันบังอาจซุกซ่อนเป็นเงาอยู่ในหัวใจของยายน้ำตาลขม

นางสาวนุชนารถ  ยายหน้าใสหัวใจซาตาน  ยึดมั่นความเพ้อเจ้ออยู่เหนือความเป็นจริงของชีวิต เพราะนอกจากจะคลั่งนิยายขึ้นสมอง ยังทำตัวเหมือนนางเอกนิยายเกาหลีที่อ่านอยู่มิมีผิดเพี้ยน เพียงแต่ไม่ได้ใสซื่อเหมือนนางเอกในนั้น เบื้องหลังความไร้เดียงสาคือความร้ายกาจ  งานการไม่รู้จักทำให้ดี เอาแต่เพ้อฝันเกินจะกู่กลับ สำหรับคิมหันต์แล้ว ยายนี่คือ "เด็กนรก"

บูรณพล พิเชษฐพล  หรือที่รู้จักกันในวงการออกแบบว่า "อีน้องมือทอง" สตรีในร่างบุรุษที่พางานออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปคว้ารางวัลการออกแบบจากทั่วโลกมาแล้ว เป็นลูกน้องของไอ้หล่อวัชรพล และเป็นหัวหน้าของน้ำตาลน้อยกลอยใจ รู้จักมักจี่ เป็นมิตรกันดีกับคิมหันต์ แต่พึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้ เพราะนางย่อมต้องเลือกฝ่ายเจ้านายและแม่น้ำตาลน้อย

ปีเตอร์  สวัสดิ์สมรักษ์ หรือ ปีเตอร์ เอส หนุ่มไฮโซที่หล่อแต่แม่งมันเลว .นิสัยชั่วช้า..ชอบฟันแล้วทิ้ง ทำอนาจารเด็กไม่บรรลุนิติภาวะ ลวนลามพนักงานบริษัท อื่นๆ อีกจิปาถะ แต่หน้าตามันหล่อ คารมดี มีฐานะสูงส่งทำให้รอดคุกมาได้นับไม่ถ้วน นี่แหละ ชายเลวพันธุ์แท้ที่เด็กสาวๆ ต้องการ

แองเจเลน่า หรือ แองจี้  แฟนเก่าของคิมหันต์ที่กลายมาเป็นเพื่อนเอ๋ย มีไว้คร่ำครวญปรึกษาปัญหาหัวใจ แต่ไม่รู้จะพารักรุ่งหรือรักร่วง

แต่ช่างหัวคนพวกนั้น ... ในเมื่อที่พยายามจะช่วยด้วยน้ำใจ คิมหันต์ก็ได้ทำอย่างเต็มที่  ตัวปัญหาของจริงอยู่ตรงนี้  คือ ยายน้ำตาลขม ที่ชักจะทำกับเขามากเกินไปแล้ว ถึงเขาจะหน้าเถื่อนแต่ก็จิตใจงามนะขอบอก ไม่เคยคิดลวนลามใครเมื่อไม่มีโอกาส เพราะถ้ามีโอกาสมันต้องทำอยู่แล้วเป็นวิสัยปกติของบุรุษ (จริงป่ะล่ะ  หรือใครจะเถียง)  แต่เขาก็ไม่ใช่ไอ้หน้าตัวเมียนะเว้ยเฮ้ย ถึงจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับผู้หญิงที่นอนด้วยอย่างทุ่มเทให้สุดกายน่ะ  ทำไมเธอต้องทำเหมือนเขาเป็นนางบำเรอ  เออ ... ถึงเขาอยากจะปรนเปรอให้เธอจนเผลอใจไปเองแล้วก็เหอะ!   แค่ได้กอดเอาไว้ หัวใจก็สุขล้น 

กูอยากตายตอนนี้เลยเว้ย กูอยากตายในอ้อมอกของยายนี่



เกมรักแรงปรารถนา  มันคือสงคราม ศึกนี้อีกนาน ศึกนี้ไม่ลืม 
แต่ยิ่งสู้ดูเหมือนจะยิ่งชอกช้ำ ยิ่งรบยิ่งส่อแววจะพ่ายแพ้ และเจ็บลึก

ยิ่งนานวัน เกมบ้าบอนี้ยิ่งทำร้ายจิตใจให้ร้าวราน และหาทางจบไม่ลง 

"ผมรักยายน้ำจืดนั่น"

คำสารภาพที่ไม่อาจประกาศออกมาจากใจ  เพราะใครรักใครก่อนคนนั้นแพ้ และต้องออกไปจากชีวิตของผู้ชนะตลอดไป ทั้งหมดที่ทำได้คือ ยึดไว้กับตัว ยื้อไว้ให้ถึงที่สุด  ที่ไม่รู้จะไปสุดที่ตรงไหน   

หึง หวงก้าง ระราน พาล ทำตัวเป็นพระเอกหนังของคุณพิศาล อัครเสนี   ถึงบอกว่ารักไม่ได้ แต่ต่อให้ลงไปดิ้นตายตรงหน้า ก็อย่าหวังเลยว่าใครจะมาแย่งยายน้ำตาลหวานหยดนี่ไปจากเขาได้  เพราะผู้หญิงของกู  กูรักของกู   กูไม่ยอมมมม!

"แล้วผู้ชายเลวจะเป็นที่รักของผู้หญิงบางคนได้หรือเปล่า" 

"ดูก่อนว่าเลวแบบไหน"  

"เลวแบบผม"

"คุณเลวเหรอ"

"คุณมองว่าผมดีเหรอ"

มุมของน้ำตาล หัวใจของน้ำตาล และคำตอบของน้ำตาล อยากเล่าจัง  แต่อย่าดีกว่า เก็บไว้ให้คุณได้ลองค้นหา อย่าเข้าใจว่าเธอจะเย็นชาอย่างที่พระเอกของเราค่อนขอดได้ตลอดไปนะคะ เพราะใครเจอไอ้บ้ากังหัน  ..ที่สุดแสนจะยียวนกวนบาทา  แม้แต่สุภาพบุรุษสุดสุภาพนุ่มนวลใจเย็นอย่าง "พี่วัช" วัชรพล ยังโทสะสะเทือน-ขั้นจิตหลุด "ไอ้ทุเรศ" "ไอ้หน้าหมา"  "ไอ้หมาหัน!"  ระดมสรรพนามมึงกู และมือตีนเข้าคลุกวงใน เพราะคนถ่อยอย่างมันสมควรต้องโดนอัดให้เละคาตีน   ดังนั้น มันก็ย่อมจะแทบไม่รู้ตัวเลยล่ะที่ยายน้ำแข็งอย่างสลิลาไม่ต้องรอวันละลายแต่ระเบิดกระจุย   ทั้งอ่อนไหว ทั้งน้ำตา ทั้งเหวี่ยง วีน และปรี๊ดแตก  ไอ้ลามก ไอ้หื่น ไอ้โรคจิต ไอ้ซาดิสม์ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว สันดานดิบทุกอย่างของผู้ชายต้องมารวมตัวอยู่ที่ไอ้บ้านี่แน่ๆ ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งน้อยใจ อัดอั้นเกินจะกล้ำกลืนความขมขื่นจนต้องระเบิดออกมาเป็นด้านมืด เธอจะตอบแทนไอ้บ้านี่ให้สาแก่ใจเลย..คอยดู

Dearest and Looser    ---  สุดที่รักและคนพ่ายแพ้ 

แต่ .. ความดีซับซ้อนซ่อนลึกอะไรเหรอ (ลองอ่านนะ ถ้าอยากรู้) ที่แม้พยายามจะหลีกหนี ผ่านความเจ็บช้ำ กาลเวลา และระยะทาง ที่สุดแล้ว..สลิลายังคงยินดีและเต็มใจที่จะบอกเขาว่า

"ตาลรักพี่กังที่สุดในโลก"

อุเหม่  โดนใจข้าเสียจริงๆ อีนางเอ๋ย 

โฉด ฉาว คาว ราคี แต่ความมั่นคงของพี่กังที่รักน้ำตาล ก็ทำซึ้งเลยนะกับรักแท้ที่ทนทานผ่านการทดสอบ




เป็นนิยายผู้ชายเขียน มีมุมมองที่แปลกไปจากความคุ้นเคย เป็นบรรยากาศอารมณ์ที่รู้สึกได้เลยว่าเออ.. นี่แหละ พวกผู้ชาย  ปริศนาความสัมพันธ์ของตัวละคร  พออ่านไปสักพักจะพอเดาทางได้  แต่เหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไรนั้นยากจะคาดเดา มีจุดที่ไม่คล้อย ไม่เชื่อตามเหตุผลของตัวละครบ้าง บทรักเปิดเผย มีมุขใต้สะดือสองสามมุขที่ห่ามเกินไปหน่อย  แต่เพราะเรื่องสนุกจึงไม่ขอยกเป็นประเด็น  จบได้ตลก  โรแมนติกแฮปปี้ เท่ และน่ารักมาก  เป็นผลงานที่ทำเค้าทึ่งอ่ะตัวเอง เขียนเรื่องไหนอีกรึเปล่าคะคู้นนน อิฉันจะขอติดตามหามาอ่าน  ชอบ---

เรื่องนี้ถ้าได้ทำเป็นหนังหรือละคร  คิดว่า 'แดน วรเวช' กับ 'น้องแพตตี้' (แฟนของแดน) จะต้องเล่นได้ตลกและเนียนสุดๆ  


ความรัก ไม่ต้องเข้าใจ ไม่ต้องหาเหตุผล ไม่ต้องใช้หลักการใดๆ ทั้งสิ้น 
ไม่ต้องแคร์สายตาของสังคม เพราะเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องการสื่อถึงกัน 
รักคือรัก  รู้ว่ารักเท่านั้นเป็นพอ Smiley





 

Create Date : 31 สิงหาคม 2557    
Last Update : 7 กันยายน 2557 11:26:55 น.
Counter : 5493 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.