Group Blog
 
All blogs
 

รู้บ้างไหมว่าหัวใจมีรัก - กว่าจะรู้ตัว หัวใจก็ตกหลุมรักเสียแล้ว....



สำนักพิมพ์อรุณ   พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม ๒๕๕๘
มะลิ สไตล์ลิสต์สาวสุดซึนแห่งทริปเปิลเอฟกัมปานีต้องเผชิญหน้ากับความซวยแบบสุดๆ เมื่อพี่ชายแท้ๆ ทิ้งหนี้ร่วมสองล้านบาทไว้ให้แล้วชิ่งหนี

แต่เคราะห์ร้ายของมะลิยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อเธอต้องตกกระไดพลอยโจนรับหน้าที่เป็นผู้จัดการดาราจำเป็นให้กับ เอเชีย พระเอกหนุ่มฮอตแห่งยุค และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอต้องเจอกับปวดหัวไม่หยุด จนต้องหนีเตลิดไปหลบนักข่าวถึง 'ไร่กานดาหวานใจ' กับเขาสองต่อสอง
ทว่าท่ามกลางข่าวร้ายชุลมุน การได้ใกล้ชิดกับดาราหนุ่มก็ทำให้มะลิพบว่า แม้เอเชียจะเรื่องมาก ปากร้าย และเอาแต่ใจสุดๆ แต่เขาก็มีมุมอ่อนโยนที่ทำให้เธอเผลอใจบ่อยๆ 

ทว่ากว่าจะรู้ตัว...มะลิก็กู่หัวใจตัวเองไม่กลับเสียแล้ว




เป็นครั้งแรกที่เลือกหยิบผลงานของคุณ "เมเปิ้ลสีขาว" เพราะปกนิยายเรื่องนี้สีหวานจนต้องหยิบขึ้นมาพลิกอ่านปกหลัง  สะดุดใจนางเอกชื่อมะลิ  เพราะเป็นหนึ่งในชื่อที่คิดเล่นๆ ว่าหากมีลูกสาวตั้งชื่อนี้คงจะน่ารักมาก  ด้วยเป็นคนที่ชอบดอกมะลิ  สีขาวบริสุทธิ์  เป็นดอกไม้มงคล  เพราะเป็นดอกไม้วันแม่ ใช้ลอยน้ำยามรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ อีกทั้งยังเป็นดอกไม้ร้อยมาลัยใช้กราบไว้บูชาพระ พ่อแม่ ครูอารจารย์  ตอนเด็กๆ เคยอิจฉาเพื่อนที่มีชื่อเพราะๆ ว่า "มะลิวัลย์" ด้วยนะ (สมัยนี้คงกลายเป็นเชยเนาะ )  อีกทั้งชื่อพระเอกก็เป็นตัวแทนภูมิภาคโลก "เอเชีย"  เป็นชื่อที่เท่มาก

พลอตเรื่องความรักของซุปตาร์  ปกติไม่ค่อยจะสนใจไยดีสักเท่าไร  แต่เรื่องนี้ ชื่อพระ-นาง เป็นแรงดึงดูด  ก็เลยจัดมาลองดูสักที ผลงานของเมเปิ้ลสีขาว -- ที่แสนจะคุ้นเคย แต่ไม่รู้ทำไมไม่เคยอ่านผลงานสักเล่ม

รู้บ้างไหมว่าหัวใจมีรัก สนุกด้วยการรวมพลตัวละครในแวดวงเกี่ยวข้องกัน 

กะรัต  บอสใหญ่แอ๊บแมนแห่งทริปเปิ้ลเอฟ  ซึ่งเป็นบริษัทเอเจนซี่ของดารานักแสดงในวงการบันเทิง โดยเฉพาะขุมทรัพย์ทำเงินทำทองอย่าง "เอเชีย" นักแสดงหนุ่มหล่อมากความสามารถที่จัดอยู่ในแถวหน้าอันดับหนึ่งของวงการบันเทิง

อินทิรา หัวหน้าแผนกเสื้อผ้าหน้าผมของบริษัททริปเปิ้ลเอฟ หรือกล่าวง่ายๆ ว่าเป็นหัวหน้าสไตล์ลิส  (คือหัวหน้าของมะลิ) และเป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วนธุรกิจกันกับกะรัต ที่ในยุคสมัยหนึ่งเคยได้รับการกล่าวขานจากนิตยาสารว่าเป็นแอนนา วินทัวร์ของเมืองไทย สาวใหญ่หน้าอ่อนที่คลั่งเอเชียมากและพยายามทำทุกอย่างที่จะทำให้เอเชียโด่งดังขึ้นเรื่อยตามประสาแม่ยกที่ดี แต่เมื่อแม่ยกต้องเสียหน้า...จากที่รัก ... ก็กลายเป็นเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษเอเชียได้ .... ...

อรทัย  ผู้ช่วยของอินทิรา นอกจากจะเป็นจอมเลียแข้งเลียขาอันดับหนึ่งของบริษัทแล้ว เธอยังเป็นนกหลายหัวที่กอบโกยผลประโยชน์จากการคาบข่าวส่งทุกฝ่ายทั้งฝ่ายนอกฝ่ายใน ฝ่ายบน ฝ่ายล่าง สืบเสาะ และคัดสรร ข่าวลับวงในตามที่แต่ละคนต้องการและไม่ทำให้เธอถูกจับได้ และมีแต่ได้กับได้กับรางวัลแลกข่าว 

นิ้งโหน่ง-นพเก้า  ผู้ช่วยคนสนิทของกะรัต  ที่รังเกียจพฤติกรรมเลียแข้งเลียขาของอรทัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเมื่อเธอแสดงออกพฤติกรรมนั้นกับกะรัต เพราะนั่นหมายถึงการพยายามเลื่อยขาเก้าอี้ของเขาชัดๆ 

พี่ต้อม-ตระการตา  อดีตผู้จัดการส่วนตัวของเอเชีย ที่เกิดมีปัญหากัน และเอเชียตัดสินใจไม่ร่วมงานด้วย การแยกทางกันกับผู้จัดการส่วนตัวฝีมือดีกับนักแสดงหนุ่มแถวหน้าของวงการ ทำให้ตระการตาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และทำให้ เขาที่อยากเป็นเธอ (ไม่ใช่แมน) แค้นเอเชียฝังหุ่นและหาทางจะใส่ร้ายป้ายสีทำลายชื่อเสียงให้เสื่อมลงให้จงได้  

เสี่ยสมหมาย  บอสใหญ่ของอาร์ยูเรดี้  บริษัทเอเจนซี่คู่แข่งของทริปเปิ้ลเอฟกัมปานี ที่มีความหลังฝังดวงจิตกันมาเนิ่นนานกับกะรัต 

ตังเม   นักสืบเฉพาะกิจส่วนตัวของใครบางคน ที่จะมาเกาะติดสถานการณ์เพื่อรอจังหวะภาพฉาวสร้างข่าวเสื่อมเสีย 

ส่วนพระเอกของเรา - เอเชีย  ฉากหน้ามักจะดูเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ขี้เล่นและเป็นกันเอง แต่ตัวจริงของเขาค่อนข้างที่จะสุขุม ใจดี ใจเย็น มีความเป็นผู้นำสูง และเฉียบขาดมาก อีกทั้งยังรักและหวงแหนความเป็นส่วนตัวสุดๆ เล่าลือกันว่าเขาเป็นสุดยอดเรื่องมาก ถ้าวัดจากการเข้าวงการมาสี่ปีเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวไปแปดคน

ทางด้านนางเอกสาวซึน - มะลิ (มีคนให้ความหมายไว้ว่า เป็นคนที่มีบุคลิกภาพสวนทางกับความรู้สึก หรือ "ปากไม่ตรงกับใจ" หรือถ้าเป็นเรื่องรักก็จะ "รักนะไม่แสดงออก")  ถ้าซึนคือความหมายแบบนั้น ก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก เพราะคิดว่ามะลิเป็นคนทื่อๆ คำพูดจาและความคิดคล้ายจะแปลกๆ แต่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองสูง คงจะแบบที่เอเชียชอบคือไม่ได้หน้าตาสะสวยอะไร แต่ดึงดูดใจด้วยความ "เป็นธรรมชาติ"  เธอมีความเป็นธรรมชาติของตัวเองที่ทำให้คาแรคเตอร์นิ่งมาก  ไม่ใช่หมายถึงเป็นคนนิ่งนะคะ แต่หมายถึงไม่ว่าในอารมณ์ไหน พฤติกรรมใด ก็ทำให้เราเชื่อว่าแบบนี้แหละ คือ "มะลิ"  ..ไม่มีคาแรคเตอร์ขัดกันในความรู้สึก  อย่างบางทีเราอ่านนิยายนางเอกถูกบรรยายเป็นคนฉลาดมาก แต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเรากลับรู้สึกว่าไร้สาระ ไร้เหตุผล  อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ 

โดยรวมของเนื้อเรื่องและบทบาทตัวละครสนุกดี น่าเสียดายที่ความรักเป็นความคืบหน้าระยะเริ่มต้นความสัมพันธ์ ..มารักกันเถอะ   จึงหวานน้อยไปหน่อย  แต่ สำนวนเคล้าคอมเมดี้นิดๆ  การเปรียบเทียบเปรียบเปรย น่ารัก   ถ้าออกผลงานนิยายเล่มไหนมีพลอตน่าสนใจอีก .. คงจะไม่เมินอีกแล้ว "เมเปิ้ลสีขาว"  พอใจกับผลงานเรื่องนี้ที่ได้อ่านเป็นเรื่องแรกค่ะ 


หมายเหตุ : อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงอยู่อย่างหนึ่งว่า โลกได้เปลี่ยนไปมากจริงๆ  
                  แม้แต่ในนิยาย เรื่องนี้มีตัวละครชายอยู่ ๖ คน 
                  แต่เกินครึ่ง .. พวกเขาไม่ใช่ผู้ชาย Smiley





 

Create Date : 20 สิงหาคม 2558    
Last Update : 21 สิงหาคม 2558 14:09:36 น.
Counter : 1874 Pageviews.  

ยอดรักราวิน - เมื่อเด็กนรก ปราบมนุษย์พ่อ .. น่ารักมั่ก!


ยอดรักราวิน    ผู้แต่ง  ลินอลิน

 พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน ๒๕๕๘ สำนักพิมพ์ ทำมือ


ราวิน   ไม่เคยเจอเด็กที่ไหนน่าตีเท่านี้มาก่อน
ตัวยุ่ง   ยายเด็กแสบที่ยุ่งสมชื่อ ทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งมารยา
แถมยังหัวหมอจนเหลือเชื่อว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กสิบแปดธรรมดา...


"คุณกับหนูเราเกี่ยวดองกันแค่ปีสองปีก็ได้ค่ะ
แต่เราต้องทำสัญญากันนะคะ ว่าหย่าปุ๊บคุณต้องโอนให้หนูสิบล้าน
กับบ้านพร้อมที่ดิน... และคุณต้องส่งเสียหนูเรียนจน
ถึงปริญญาเอกด้วย สำหรับหนูถ้าไม่ได้สามีรวย ก็ต้องมีการศึกษาดีค่ะ
ช่วยไม่ได้ หนูไม่อยากใช้ชีวิตอย่างอดๆ อยากๆ นี่นา"


ชายหนุ่มกลอกตาเป็นรูปตัวเอ็ม
นับหนึ่งถึงสิบไว้ในใจ
นี่ผู้เป็นย่าส่งตัวอะไรมาแต่งกับเขากัน!!




ปกสวยน่ารัก ดึงดูดสายตา  อ่านปกหลังแล้วดึงดูดใจ   เพราะนางเอกเรื่องนี้จะอายุน้อยมากสำหรับการแต่งงาน   ทำให้นึกถึงซีรีย์เกาหลีเรื่อง  "เจ้าสาวสิบแปด" (Sweet 18) ขึ้นมาทันที  ซึ่งก็เป็นซีรีย์น่ารักโรแมนติกเรื่องหนึ่งที่สนุกมาก  มันมีช่องว่างระหว่างวัยที่ทำให้พระเอกจะเห็นนางเอกเป็นเด็ก ถึงภายหลังอยากจะกินเด็กให้อายุยืน ก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจว่าคงยังเด็ก คงยังไม่พร้อม ทำให้ต้องข่มอกข่มใจ   จำไม่ได้แล้วว่าตัวละครผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับพระเอกนั้นจะเป็นคนรักเก่าเหมือนพระเอกเรื่องนี้หรือเปล่า  เรื่องราวความสนุกก็ดำเนินเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น คือ เริ่มต้น จากการแอนตี้เด็ก  แล้วก็ค่อยๆ ผูกพัน หึงหวง รักเด็ก และกินเด็กไปตามระเบียบ 

ยอดรักราวิน  ก็จะเป็นสเต็ปไปตามนั้น ซึ่งถือเป็นนิยายที่น่ารักมาก

แอนตี้เด็ก ! :  

ราวินที่หนั่งหันหลังหันหน้ามาสบตากับ 'ว่าที่ภรรยา' และเมื่อใบหน้าว่าที่เจ้าสาวได้ประจักษ์แก่สายตา  ตาเรียวคมดุจอินทรีหนุ่มก็เบิกค้างนิ่ง 

แต่ที่ค้างไม่ใช่ว่าเพราะเธอสวยหยาดเหมือนนางฟ้าตกสวรรค์ ..
'นี่เราไม่ได้กำลังพรากผู้เยาว์ใช่ไหมวะ!'

ถ้าตอนราวินอายุ ๑๕ เขาไวไฟอย่างไม่รู้จักป้องกัน  อายุขนาด ตัวยุ่ง หรือ เกวลิน ก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกับลูกของเขานั่นแหละ  เพราะราวินตอนนี้อายุปาเข้าไป ๓๓ ปีแล้ว ผู้เป็นปู่ย่าจึงแสนเหนื่อยใจกลัวว่าถ้าพวกท่านจากไปแล้ว ราวินจะยังขึ้นคานอย่างโดดเดี่ยว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยขาดข่าวคาวกับผู้หญิง แต่จะหาหญิงที่เป็นรักแท้มาใส่ใจรักใคร่ดูแล ถ้าปล่อยให้หาเอง คิดว่าคงจะไม่มีทางหาได้ดี 

จึงส่งสาวน้อยหน้าตาสะสวยน่ารักมาเป็นเจ้าสาว    ใครๆ ก็ว่าโชคดีจะตายไปที่ได้  'เมียเด็ก' แต่ ..เด็กเกินไปไหมเล่า ตัวเตี้ยอย่างกับเด็กแคระ  อายุยังแค่สิบแปด เพิ่งจบมัธยมมาหมาดๆ 

ราวินลุกขึ้นยืนเต็มตัว ยิ่งฉายให้เห็นชัดถึงความต่างไซซ์ของคนทั้งคู่ คนหนึ่งสูงราวร้อยแปดสิบหกเซ็นติเมตร ส่วนอีกคนสูงเพียงร้อยห้าสิบแปดเซ็นติเมตร คนหนึ่งกล้ามเป็นมัดๆ ตัวล่ำสันสมมาตรฐานชายชาตรี ส่วนอีกคนก็ ... อกนมสะโพกก็ไม่มีอย่างที่ผู้หญิงควรมีกัน ตัวบางอ้อนแอ้นอย่างกับเด็กมัธยมต้น  แล้วยิ่งเด็กคนนี้ถักเปียสองข้างอีก ...ให้ตายเถอะ รู้สึกเหมือนจะไอเป็นคำว่า 'คุก ... คุก '

ก็อาจจะดีก็ได้ ...มั้ง ที่มี  "เมียเด็ก" ถ้าไม่ติดที่เด็กคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา แต่ว่าเป็น...เด็กนรก

"นี่เธออกไปข้างนอกด้วยเหรอ แล้วเอาเงินที่ไหนใช้  ฉันไม่ได้ทิ้งไว้ให้นี่"
"แหม คุณนี่เข้าประเด็นได้ถูกจังหวะพอดีเลย "  เด็กสาวยิ้มแป้น ก่อนจะยื่นกระดาษสีขาวแผ่นยาวไปตรงหน้า 
 "อันนี้คือบิลใบเสร็จที่หนูซื้อจากร้านสะดวกซื้อ หนูไม่ได้ซื้อะไรมากเพราะงบมีจำกัด มีพวกผัก ของสด ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน แล้วก็น้ำยาถูพื้น ส่วนอันนี้บิลค่าจ้างซัก ท้้งหมดนี้หนูใช้เงินตัวเองออก เพราะฉะนั้นคืนหนูมาด้วยนะคะ แล้วก็ค่ารถแท็กซีด้วยอีกสองร้อยบาท ค่าวินมอเตอร์ไซค์อีกยี่สิบบาท"  เกวลินยิ้มซื่อ 
ส่วนคนตัวโตได้แต่มองนิ่ง อยู่กับยายเด็กนี่กลัวจะเป็นโรคไตเข้าสักวัน  เค็มจริง!


"เธอประสาทหรือเปล่าถึงยอมแต่งกับฉันที่อายุเยอะกว่าเธอตั้งรอบครึ่ง หึ ทั้งหมดนี่เพราะเงินใช่ไหม"
"ค่ะ หนูอาจจะดูประสาท และใช่ มันเป็นเพราะเงิน"
"ฮะ!"
ยอมรับง่ายไปไหมแม่คุณ!?


"คุณกับหนูเราเกี่ยวดองกันแค่สองสามปีก็ได้ค่ะ แต่เราต้องทำสัญญากันนะคะ ว่าหย่าปุ๊บคุณต้องโอนให้หนูสิบล้าน กับบ้านพร้อมที่ดินให้หนูทำมาหากินต่อ น้องๆ ของหนูสิบคนต้องได้เรียนหนังสือจนจบมหาลัย คุณต้องส่งหนูเรียนจนถึงปริญญาเอกด้วย เอ่อ หนูไม่เอารถก็ได้นะคะ หนูชอบโดยสารรถสาธารณะ"
เด็กบ้าอะไรวะเนี่ยเห็นแก่เงินโคตร


"ระหว่างนี้หนูจะคอยเป็นไม้กันหมาให้คุณก็ได้ พวกสาวๆ ของคุณก็ดูร้ายๆ ทั้งนั้น แต่ไม่เป็นไรค่ะหนูมีวิธีจัดการที่ดีและไม่ต้องออกแรงมาก"
ราวินถึงกับพูดไม่ออก


"อีกอย่าง เรื่องบนเตียง หนูยอมให้คุณมีอะไรกับหนูได้นะ ยังไงเราก็เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คุณไม่ต้องกลัวเรื่องพรากผู้เยาว์นะคะ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องออกไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน หนูอาจจะไม่มีประสบการณ์นัก แต่หนูฝึกได้ค่ะ สมัยนี้มีอินเตอเน็ท เว็บอนาจารก็เยอะ ก็ดูๆ จำๆ ลองๆ ทำกันดู"
"..."
"เป็นไงคะ ขอเสนอของหนูดีไหมคะคุณสามี"
ดีกับผีน่ะสิ!
"เธอไม่มีศักดิ์ศรีเลยเหรอ"
"มีค่ะ แต่มีนิดเดียว และกินไม่ได้ด้วย"


"นี่มันอะไร" คิ้วเรียวหนาทั้งสองข้างเคลื่อนเข้าหากันเมื่ออ่านเจออีกข้อ "บัตรเครดิตวงเงินหนึ่งแสนบาท? "
"แหม .. เผื่อห้าพันต่ออาทิตย์มันไม่พอยังไงล่ะคะ" เธอยิ้ม
กรามคมสันกัดฟันกรอดอย่างเจ็บแค้น  ก่อนจะเลื่อนกระดาษมาเซ็นให้มันจบๆ ไป เวรเถอะ  เสียรู้ให้เด็กอายุน้อยกว่ารอบครึ่ง นี่เขาอยู่มาจนป่านนี้โดยไม่ถูกซุ่มตีหัวได้อย่างไรกัน




ชอบนางเอก-เกวลิน  แม้จะขัดใจอยู่หน่อยกับชื่อเล่น  "ตัวยุ่ง" มันแบบให้ความรู้สึกอาโนเนะไปนิด  นอกจากเธอจะเก่งงานบ้านงานเรือน ยังเรียนเก่ง ภาษาก็เก่ง และที่สำคัญคือฉลาดเป็นกรด ซึ่งหมายรวมถึความฉลาดทางอารมณ์ด้วย   นี่จึงไม่ใช่เด็กแสบ จอมเฮ้ว จอมซน ปากจัด พูดมาก แบบที่จะเป็นคาแรคเตอร์ "ตัวยุ่ง" ที่คุ้นเคยโดยทั่วไป (ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่ไม่ชอบ)  เพราะตัวยุ่งคนนี้ไม่เคยชวนทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เคยตะบึงตะบอนโวยวาย ไม่แง่งอนไร้สาระ  หรือเอาแต่ใจตัวเอง  แต่เธอก็ได้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ ด้วยการตะล่อม และเจรจาต่อรอง ..อย่างใจเย็น!


ชอบพระเอก - ราวิน  แม้จะเป็นถึงผู้บริหารแถวหน้าในวงการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม แต่เจอฤทธิ์เมียเด็กเข้าไป ก็ถึงกับจอดสนิท ไปไหนไม่รอด ยิ่งนานวันยิ่งละสายตาไปไม่ได้ แต่ความเป็นผู้ใหญ่แอนตี้การคลุมถุงชน แอนตี้อายุเด็กน้อย แอนตี้นิสัยเด็กงกเห็นแก่เงิน เอาตัวเข้าแลก เขาก็เลยท่ามาก  ปากอย่างใจอย่าง  เอ่ยว่าไม่รักไม่ชอบแต่สายตาเฝ้ามอง ว่าจะหย่าๆ แต่สุดหวง ว่าจะไม่มีอะไรกันเกินเลยเพราะเห็นแก่อนาคตเด็กในวันข้างหน้า แต่ว่าในห้วงคำนึงก็คิดถึงเรื่องหื่นๆ แม้จะพยายามทำตัวเป็นมนุษย์พ่อ คอยดุว่า (แต่เมียเด็กหาได้สะทกสะท้านไม่) แต่ก็ไม่อาจะฝืนไปได้สักกี่น้ำ ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งรัก ยิ่งรักยิ่งปรารถนา! 

ราวินยอมรับอย่างหมดท่าว่าภรรยาของของ 'น่ากิน' มาก...ถึงมากที่สุด แล้วเขาก็ 'หิว' มาก...ยิ่งกว่ามากที่สุด  

ร่างแบบบางแถมยังหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา ถ้าไม่นับนิสัยแสบๆ ของเธอถือว่าน่าเอามานอนกอดจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ไม่ปฏิเสธว่าเขาที่เป็นผู้ชายก็เคยเผลอแอบคิดแอบจินตนาการถึงผิวผ่องใต้สาบเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่บ้าง  อันที่จริงก็ ...บ่อยเลยแหละ

"ถ้ากำลังอดทนก็ไม่ต้องทนหรอกค่ะ หนูอนุญาต" เกวลินหมายความตามที่พูดทุกประการ

ราวินขบกรามแน่นจนนูนเด่น  ข้างในที่พยายามดันไว้ใกล้ปะทุเต็มที   ไม่ไหวแล้ว...ยายเด็กคนนี้ต้องโดนอะไรบ้าง 

บุคลิกของ 'เมียเด็ก' ที่ในสายตา 'สามีผู้ใหญ่' จะสะสวยน่ารักแล้ว 'ยายเด็กขี้อ่อย' คนนี้ (อ่อยได้น่ารักจริงๆ) ยังเซ็กส์ซี่และขยันยั่วอารมณ์ของเขาให้กระเจิงอย่างร้ายกาจ  ภาพของน้องเก้า-สุภัสสรา จึงผุดขึ้นมาในมโนนึก ตอนที่ได้ดูฮอร์โมนครั้งแรกก็ปิ๊งเลย เพราะคนนี้แหละที่ในสายตาเราเห็นว่าครบ ทั้งสวย น่ารัก และเซ็กส์ซี่ บางทีก็ดูเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา แต่บางทีก็ดูเป็นเด็กยั่วยวนขึ้นอยู่กับว่าเธอสวมท่าทีแบบไหน  





ยิ่งนานวันยิ่งรู้ว่า .. เธอไม่ได้เป็นเด็กแย่ๆ อย่างที่เขาคิดเลย  ภายใต้รอยยิ้มซื่อๆ อยู่เป็นนิจ ไม่เคยสะทกสะท้านต่อคำดูถูก ไม่เคยมีอาการโกรธเคืองต่อคำดุว่าใด .. เธอถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาอย่างไร ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

"ฉันแม่ง ... ไม่รู้ห่าอะไรเลย"  

เธอแบกรับความเจ็บปวดมากมาย ทั้งที่เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบแปด
แต่เธอก็มีความอดทนเข้มแข็ง และมีอุปนิสัยใจคอที่ ....เหลือจะเชื่อ
แกร่งซะจน ราวินต้องกลัวใจ ...

เกวลินเป็นคน พูดคำไหนคำนั้น  หากเขาทำอะไรผิดพลาดจนเธอคิดจากไป
เธอจะต้องจากเขาไป อย่างแน่นอน   และราวินจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น



นอกจากคู่พระ-นาง จะน่ารักน่าขำแล้ว  องค์ประกอบอื่นๆ ในการดำเนินเรื่องยังไม่ขาดตกบกพร่อง การเป็นนักธุรกิจของราวิน ไม่ใช่สักแต่ว่าเป็นอยู่ลอยๆ  ผู้เขียนมีความจริงจังที่จะใส่เนื้อหาเกี่ยวกับธุรกิจและศรัตรูคู่แข่งของพระเอก ที่มาที่ไป มีเหตุมีผล เรื่องไม่ยากจะคาดเดา แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อเลย เป็นนิยาย feel good มากค่ะ  ถ้าจะมีอะไรติดใจก็มีอยู่เพียงเล็กน้อยคือ  ช่วงท้ายๆ ที่นางเอกได้สำแดงความเก่งในการแก้ปัญหาใหญ่โตระดับนั้น บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า จะเก่งเว่อร์วังอลังการไปหรือเปล่า  แต่ก็ต้องขอชมอย่างมากเลยเกี่ยวกับปมปัญหาและการบริหารจัดการที่ผู้เขียนได้สร้างบทบาทให้ตัวละคร  จากเด็กนรก จึงกลายเป็น เด็กอัจฉริยะ ที่ผู้เป็นสามีหลงรักแทบคลั่ง

กับอีกประการคือ นิยายเรื่องนี้ควรติดเรท +18 นะคะ  โดยส่วนตัวคิดว่าบทเลิฟซีนโจ๋งครึ่มไปสักหน่อย  โดยปกติจะชอบแบบน้อยกว่านี้ เบากว่านี้น่ะค่ะ  

สำหรับคอนิยายรัก   เรื่องนี้แนะนำค่ะ 

ราวิน   -  กินเด็ก  อายุยืน
เกวลิน -  กินคนแก่ เป็นนิรันดร์ 


www.matichon.com




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2558    
Last Update : 16 สิงหาคม 2558 13:47:07 น.
Counter : 3939 Pageviews.  

แสงเทียน - เพียงหนึ่งแสงเทียน กลางความมืดมิดในหัวใจ



แสงเทียน   ผู้แต่ง  แพรณัฐ 
พิมพ์ครั้งแรก  กันยายน ๒๕๕๗  สำนักพิมพ์มายดรีม

ในวรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์   พญายักษ์ร้ายกาจอย่างทศกัณฐ์
จำต้องสยบรักต่อนางสีดา นำไปสู่การสูญสิ้นทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิต

สิบทิศ ก็รู้สึกไม่แตกต่างจากทศกัณฐ์ซึ่งเขาสวมบทบาทในการแสดงโขนพระราชทาน
 ตั้งแต่ได้รู้จักนางสีดาที่รับบทโดย เพลงพิณ สิบทิศก็หลงรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น 
ทว่านางสีดาหรือจะคู่กับทศกัณฐ์ โดยเฉพาะเมื่อเขาคือ ....
ผู้ชายหน้าโหด ดุดัน และเป็นฝันร้ายที่ทำให้เธอหวาดกลัวมาตั้งแต่เด็ก
ชายหนุ่มจะทำเช่นไรเพื่อลบความเจ็บปวดของหญิงสาว
และแทนที่ด้วยความรักเท่าที่ผู้ชายซึ่งมีเพียงหนึ่งหน้า สองมือ และหนึ่งหัวใจรักจะทำได้ 
หรือเขาจะต้องสูญสิ้นทุกสิ่ งเช่นทศกัณฐ์ถูกโยนให้กลับเข้าสู่วังวนแห่งความมืดซึ่งไร้แสงนำทาง



แสงเทียน  เป็นหนึ่งในนิยายชุด "แม่ของแผ่นดิน" ที่มีด้วยกันอยู่ ๓ เล่ม เล่มนี้ถูกหยิบขึ้นมาจ่ายเงินซื้อโดยไม่ต้องคิดอะไรอื่นทั้งสิ้น เช่น  นักเขียนท่านนี้เขียนดีไหม  เรื่องสนุกหรือเปล่า มีคนเคยอ่านแล้วรีวิวว่าดีไม่ดียังไง    เพราะทันทีที่เดาได้จากปกหลังว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "โขนพระราชทาน"  ก็ไม่ต้องมีเงื่อนไขอื่นใดในการเลือกอีกแล้ว


สิบทิศ ที่พอคลอดออกมาแม่ก็ตาย  ทั้งยังประจวบเหมาะกับเรื่องซวยที่เกิดขึ้นกับชีวิตของพ่อ  เขาจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุทำให้แม่ตาย เป็นตัวซวยที่ถูกละเลย ไม่ได้รับการเอาใจใส่  ( เหมือนกับ ล่องจุ๊น ในเรื่อง ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน )  ตรงกันข้ามกันสุดขั้วกับพี่ชาย ศิวา ลูกรัก ที่พ่อทั้งรักและทุ่มเทให้  สิบทิศ จึงเป็นเด็กมีปัญหาที่ผันตัวไปเป็นนักเลงเกเรและหาทางออกด้วยยาเสพติด  

แต่นั่นก็เป็นเพียงอดีตของเด็กเสียที่ดีแล้ว  เมื่อสิบทิศได้รับความเมตตาจาก "ครูรัตนา" ที่ช่วยเหลือให้เขารอดคุกรอดตะรางมาได้  และยังทำให้สิบทิศกลับตัวกลับใจหันมาเป็นเด็กใฝ่ดี  และได้กลายมาเป็นหนึ่งในนักแสดงโขนพระราชทานซึ่งรับบทเป็น ทศกัณฐ์  สมกับรูปร่างสูงใหญ่และชื่อเล่นของเขาที่มีชื่อว่า "ยักษ์" 

เพลงพิณ   ปัญหาความเจ้าชู้ของพ่อ ทำให้พ่อกับแม่ต้องแยกทางกันไปมีชีวิตของแต่ละคน  เธอกับน้องชาย  ปี่พาทย์  (ชอบชื่อตัวละครเรื่องนี้จัง) จึงถูกทิ้งไว้ให้อยู่อาศัยและเลี้ยงดูมาโดยตากับยาย  เพลงพิณนั้นเป็นเด็กรักดี แต่ก็มีแผลในหัวใจเกี่ยวกับผู้ชายอย่างพ่อที่ได้สร้างความเจ็บปวดชอกช้ำให้กับแม่ กลายเป็นปมที่ทำให้เธอไม่ค่อยเชื่อใจในผู้ชายและความรัก ส่วนปี่พาทย์นั้นก็กลายเป็นเด็กมีปัญหา คบเพื่อนเด็กแวนซ์ และลักโขมย

นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นๆ  ที่มีปัญหา เช่น บัวคลี่  ลูกไม่มีพ่อ และแม่ขี้เมาไม่เคยเอาใจใส่อย่างแม่ทั่วไปที่ควรจะรักลูก  ศิวา  พี่ชายของสิบทิศ คนที่หลงลืมตนและเลือกหนทางเดินที่ผิด  อุดม คนที่อยากหันหลังให้เส้นทางที่ผิดแต่ไม่อาจจะได้โอกาสนั้นมาง่ายๆ 

พวกเขาและเธอถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาในชุมชนสลัม
แต่แม้ไม่ได้สุขสบาย หรือ อยู่อาศัยในสภาพแววล้อมที่ดี
แต่คนเราก็สามารถเลือกได้  

จะใฝ่ดี หรือ ใฝ่เลว  ย่อมสุดแต่ใจจะไขว่คว้า .. 

ซึ่งนิยายเรื่องนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับนิยายเรื่อง สุดแต่ใจจะไขว่คว้า อยู่เหมือนกัน นั่นคือประเด็นที่ว่า  "ลูกรัก" ที่ไม่รักดี  กับ "ลูกชัง" ที่ได้ดีด้วยตัวเองแม้จะไม่ได้รับความรัก หรือความสนใจไยดีจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ 

ดำเนินเรื่องด้วยชีวิตของตัวละครหลายคน ทำให้เรื่องของโขนไม่ถูกขับให้โดดเด่น  ความรักของ สิบทิศ กับ เพลงพิณ โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่าสนใจ ทำให้รเบื่ออยู่นิดๆ ในช่วงแรก แต่พอเริ่มเข้าสู่ครึ่งหลังก็เริ่มอ่านได้รื่นไหลไปเรื่อยๆ  เมื่อพระปณิธาณ เกี่ยวกับโขนพระราชทาน พระราชกรณียกิจ เกี่ยวกับศูนย์ศิลปาชีพ ได้เริ่มถูกกล่าวถึงขึ้นมาเป็นระยะ นิยายเรื่องนี้ก็มีค่ามีความหมายขึ้นมา  แม้จะยังคิดว่าควรจะให้น้ำหนักกับเรื่องของโขนพระราชทานให้มากกว่านี้ แต่โดยรวมแล้ว แสงเทียน ก็เป็นนิยายที่ดีและสร้างความรู้สึกซึ้งๆ จนถึงขั้นทำร้องไห้ได้เหมือนกัน

ผู้เขียน แพรณัฐ ได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดสิ่งที่เราต้องการจะได้จากนิยายเรื่องนี้ออกมาค่อนข้างถูกใจ ทั้งที่เกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงฟื้นฟูศิลปะแห่งชาตินี้ขึ้นมา จนได้ชื่อว่าเป็น "โขนพระราชทาน" และที่โดนใจมากๆ คือ การแสดงโขนรามเกียรติ์ของตัวละครในเรื่องนี้ เป็นรามเกียรติ์ชุด "นางลอย" ตอนเดียวกับที่เราได้ไปชมการแสดงโขนพระราชทานที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรก 

การแสดงโขนพระราชทานตอนแรกสุด ชื่อว่าชุด "พรหมมาศ"    ส่วน  "นางลอย" เป็นการแสดงในปีถัดมา  หลังจากได้ไปชมและเกิดความประทับใจจนน้ำตาซึมด้วยความภาคภูมิใจในศิลปะแห่งชาติที่เรียกว่าโขนนี้  นับจากนั้นมาในทุกๆ ปี ก็จะรีบจองตั๋วตั้งแต่กลางปี เพื่อจะช่วงชิงที่นั่งดีๆ ให้ได้รับชมอย่างเต็มตาเต็มใจ (การแสดงจะอยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี) 

เริ่มจากปี ๒๕๕๓ กับการแสดงชุด  นางลอย -  ศึกมัยราพณ์  -  จองถนน -  โมกขศักดิ์   และ ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ  ปีนี้ ๒๕๕๘   ศึกอินทรชิต ตอน พรหมมาศ  จะนับเป็นปีที่ ๖ แล้ว  ที่เราได้ติดตามชมการแสดงโขนพระราชทานเรื่อยมา    สืบเนื่องมาจาก ความสนุกสนาน ความสวยงามตรึงตราประทับใจ ที่ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มจนอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์โขนของชาติเอาไว้  ซึ่งการซื้อตั๋วไปชมการแสดงปีละครั้งก็คงเป็นสิ่งเดียวที่เราพอจะทำได้ และเป็นการทำอย่างมีความสุขด้วย  


credit picture : /7-themes.com/

เมื่อก่อนเราคิดว่าตัวเองคงจะรู้สึกชอบไปเองอยู่คนเดียว  เพราะทุกปีจะต้องคอยถามพี่ที่ไปดูด้วยกันอยู่ทุกครั้งว่า "จะจองตั๋วโขนแล้วนะ  ปีนี้ พี่จะไปดูด้วยกันอีกหรือเปล่าคะ ? "  ด้วยเกรงว่าพี่เธอจะเกรงใจเรา ว่าถ้าเคยไปดูด้วย แล้วไม่ไป เราก็ต้องไปคนเดียว  (เพราะการหาเพื่อนไปดูโขน ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ) เราจึงมักจะสำทับประโยคต่อมาทุกครั้งว่า  "เอาที่สบายใจนะ อยากดูหรือไม่อยากดู ไม่ต้องเกรงใจ "  เพราะถึงพี่เธอไม่ไป เราก็ต้องไปอยู่แล้ว ดูหนังคนเดียวเป็นเรื่องปกติ ดูโขนคนเดียวก็ย่อมเป็นเรื่องปกติเช่นกันน่ะนะ 

แต่คุณพี่เธอก็ไม่เคยไม่ไปสักปี  ไม่เคยถามความรู้สึก  แต่เชื่อเอาเองว่า เธอคงจะรักโขนไม่น้อยไปกว่ากัน  นอกจากจะไม่เคยไม่ไปแล้ว  ยังไม่เคยเกี่ยงราคาบัตรด้วย หลังจาก โขน นางลอย ที่ซื้อบัตรราคารอง ในทุกปีต่อมา เราจะซื้อบัตรราคาสูงสุดเสมอ  (เอาให้อิ่มเอมอย่างเต็มที่กับการรับชม)

ดังนั้น การบรรยายถึงการแสดงโขนชุด นางลอย ในเรื่องนี้  จึงทำให้นึกภาพได้  ความสวยงามตระการตาของฉากเหล่านั้นเป็นแบบไหน  รวมถึงหลังจบการแสดงที่เสียงปรบมือดังระรัวกึกก้องและไม่หยุดลงง่ายๆ ในวันนั้นที่เราได้อยู่ในบรรยากาศมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  .. ปรบมือจนเจ็บมือ 

การอ่านนิยายเรื่องนี้ แม้โขนพระราชทานอาจจะไม่ได้ถูกนำเสนอด้วยเนื้อหาความรู้ความเข้าใจเข้มข้น  ทั้งสำนวนผู้เขียนยังไม่ได้ใจเท่าไร เพียงอ่านได้เรื่อยๆ และไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับภาษาของตัวละคร ไอ้  อี  มึง  กู  (เฉพาะในนิยายนะ  ไม่ได้หมายถึงไม่ชินในชีวิตจริง 55) หรือแม้แต่ชื่อที่เรียกแล้วไม่ค่อยจะเพราะเสนาะหูอย่าง " อีเขียด"  (ชื่อเล่นของบัวคลี่) แต่เพราะเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ  เด็กมีปัญหา ดราม่าปัญหาครอบครัวมันเป็นเรื่องที่ชวนซึ้ง   แม้บทสรุปของแต่ละคนจะคาดเดาได้ (ง่ายมาก)  มันก็ยังอดซึ้งไม่ได้อยู่ดี ประกอบกับโขนเป็นเรื่องที่เรา "รักที่จะให้ความสนใจ" เป็นทุนอยู่แล้ว   การได้รู้อะไรมากขึ้นจากที่ผู้เขียนค้นคว้ามาประกอบ จึงรู้สึกว่าเนื้อเรื่องดีมีสาระ โดยรวมแล้วจึงรู้สึกดีกับนิยายมาก


อ่านจบแล้วถึงเข้าใจความหมายของชื่อเรื่อง "แสงเทียน"  ก็ถึงกับซึ้งกันไปไม่น้อย 


นิยายชุดนี้ถูกนำไปสร้างเป็นละคร และเปิดกล้องกันไปแล้ว  ...
สำหรับคนรักโขนอย่างเรา  ยังไงก็ต้องเฝ้าจอรอชมแน่นอนค่ะ 





 

Create Date : 15 สิงหาคม 2558    
Last Update : 16 สิงหาคม 2558 13:40:43 น.
Counter : 1721 Pageviews.  

มนตร์รักโอลิมปิก - พรหมลิขิตหรือจะสู้มาลีลิขิต

  --
นตร์รักโอลิมปิก  ผู้แต่ง  นิบบา
พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม ๒๕๕๘  สำนักพิมพ์อรุณ


"แต่พวกเขาที่เราทุกคนเคยแอบมองในสถานที่เรียนพิเศษ
และ #พป  ไม่ว่าวันนี้คุณจะอยู่ที่ไหน"

เขาและเธอเดินสวนกันทุกสี่ปีราวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

ตั้งแต่ชั้นเรียนภาษาฝรั่งเศสทุกเช้าวันเสาร์ งานกีฬาประเพณีเตรียมอุดม  - เตรียมทหาร

หน้าร้านหนังสือใจกลางสยามสแควร์  และที่สนามบิน  

แม้จะยังไม่เคยพูดสักคำ  ได้แต่เดินเฉียดไปเฉียดมาทุกๆ สี่ปีอย่างนั้น

แต่คนเชื่อเรื่องพรหมลิขิตและบุพเพสันนิวาสอย่าง มาลี  มีหรือที่จะไม่มโนไปว่า

ชายหนุ่มสูงหล่อโหงวเฮ้งดีที่ชื่อ  เปรมปรีดา ช. คนนั้น  

คือคนที่ฟ้าส่งมาให้เป็นเนื้อคู่ของเธอ  

และเมื่อพรหมลิขิตดันดีเลย์อย่างนี้  เธอยังจะมีทางเลือกไหนอีกเล่า

นอกเสียจากลงมือลิขิตความรักครั้งนี้ด้วยตัวเอง

มาดูกันว่า ระหว่าง "พรหมลิขิต" กับ "มาลีลิขิต" ฝ่ายไหนจะแผลงฤทธิ์มากกว่ากัน


ตามหน้าปกเลยค่ะ   นวนิยายรักอารมณ์ดีจากเว็บไซต์ Dek-D

เห็นหนังสือครั้งแรกในร้านนายอินทร์เกิดมีความหวังเล็กๆ  ว่าเป็นพลอตในใจที่ดันเกิดมีคนเอามาเขียนเป็นนิยายหรือเปล่า  "โอลิมปิก" ที่ทำให้นึกถึงแวดวงนักกีฬา พระเอกนางเอกพบกันจากการเป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติ ?

  ...ขอนอกเรื่องสักหน่อยว่าที่เกิดมีพลอตอย่างนี้ขึ้นในใจ สืบเนื่องมาจากรายการวาไรตี้เกาหลี Running Man EP 109-110 ที่นักกีฬาว่ายน้ำ ปาร์คแทฮวาน และนักกีฬายิมนาสติก ซนยอนแจ ได้รับเชิญมาร่วมรายการ  นักกีฬาทีมชาติทั้งสองรู้จักกันในกีฬาเอเชี่ยนเกม ทั้งยังต่างเป็นตัวแทนไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ  แต่เพิ่งมาได้พบหน้าพูดคุยกันเป็นครั้งแรกในรันนิ่งแมน  ความที่ต่างคนต่างก็เป็นนักกีฬาหนุ่มสาวหน้าตาดี ซนยอนแจเป็นสาวน้อยน่ารัก ส่วนแทฮวานเป็นนักกีฬาว่ายน้ำตัวโตสูงใหญ่ที่ในสายตาคนเกาหลีเห็นว่าทั้งรูปหล่อและเซ็กส์ซี่  เทียบอายุแล้วเขาเป็นรุ่นพี่ เวลามองหรือเอ่ยปากพูดกับยอนแจแล้วทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาก็คงจะมีความรู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของยอนแจอยู่เหมือนกัน  แม้จะเป็นโมเมนท์เล็กๆ แต่ก็เป็นภาพที่น่ารักมากเลย  ว่าแล้วก็คงจะต้องไปหาดูรันนิ่งแมนสองตอนนี้อีกสักรอบ  

ทั้งคู่ยังอายุไม่มาก  ตอนนั้นเราจึงเกิดมโนไปว่าอีกสีปีต่อมา  แทฮวานกับยอนแจที่รู้จักกันมากขึ้นในรายการรันนิ่งแมน ได้ไปเจอกันอีกในทัวร์นาเมนท์โอลิมปิก  จากคนรู้จักทักทาย ได้พูดคุยกันมากขึ้น มีโมเมนต์ไปเชียร์กัน มีอุปสรรคปัญหาในการแข่งขัน ต่างเป็นกำลังใจให้กัน บลา บลา บลา จึงก่อเกิดเป็นความรักในสนามกีฬาโอลิมปิก  ถ้าเป็นเรื่องอะไรทำนองนั้นคงจะโรแมนติกดี   ... แต่ .. ทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็เป็นแค่เพียง "มโน" นะคะ  ..ซึ่งก็มโนไปได้ไกลมาก   (อ่านนิยายเยอะเกินไปก็อย่างงี้แหละ) เพิ่งเสิร์ชกูเกิลดู เห็นมีถ่ายโฆษณาด้วยกัน จึงเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่คิดเห็นว่าสองคนนี้น่าจะเดทกันจริงๆ   เป็นทูตประชาสัมพันธ์โปรโมทเอเชี่ยนเกมส์ที่อินชอน -เกาหลี ปี 2014 ด้วยกัน  แทฮวานไปดูการแข่งขันของยอนแจด้วย ทั้งยังมีข่าวลือว่าเดทกัน (แต่สาวน้อยปฏิเสธ) อืม ... มโนของเรานี่ใช้ได้เลยนะ  เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้มีเคมีเหมาะแก่การมโนจริงๆ 



ภาพจาก kpop.youzab.com/22506



วกกลับมาเข้าเรื่อง  มนตร์รักโอลิมปิก ของ นิบบา  ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนักกีฬาหรือกีฬาโอลิมปิกหรอกนะคะ  เป็นการเปรียบเทียบการพบกันสี่ปีครั้งที่ทำให้นางเอกของเรื่อง  มาลี  เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าความบังเอิญนั้นจะต้องเป็นพรหมลิขิตอย่างแน่นอน 

เหมือนเด็กสาวทั่วไปที่ชื่นชอบคนหล่อเหลาหน้าตาดี ตั้งแต่พบกันครั้งแรกเธอก็เริ่มแอบชอบเขา เพื่อนร่วมชั้นเรียนพิเศษที่โรงเรียนสอนภาษาของสมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ เขาเป็นหนุ่มนักเรียนเตรียมทหารวัยรุ่นพี่ที่บนอกเสื้อของเครื่องแบบสีขาวได้ปักชื่อไว้ว่า เปรมปรีดา ช.  (นามสกุล โชติกตีรณะ)

แต่ถึงจะร่วมชั้นเรียนพิเศษ-ภาษาฝรั่งเศส ก็ไม่เคยได้พูดคุยกัน  จากนั้นก็สี่ปีครั้ง สีปีครั้ง และสี่ปีครั้ง เธอจะได้พบเขา ซึ่งก็เหมือนเดิมคือเป็นการพบหน้าแต่ว่าไม่เคยพูดจาทักทายกัน  แต่สี่ปีครั้งมันช่างพอดิบพอดีอย่างกับว่าการพบกันนี้เป็นบุพเพสันนิสวาส เขาคงจะเป็นเนื้อคู่ตามพรหมลิขิตของเธอแน่ๆ   แต่ถ้าพรหมลิขิตจะช้ายืดยาดถึงเพียงนี้ ถ้าจะต้องยืดเยื้อรอไปอีกสี่ปีข้างหน้า มาลีคนนี้ขอไม่รอ   ปฏิบัติการคว้ารัก ด้วย มาลีลิขิต จึงแผลงฤทธิ์ขึ้น 


แก๊งชะนี 

มาลี  : ลูกสาวคนเล็ก คนดีของป๊ากับม๊า  ที่รู้อยู่เต็มอกว่าป๊าของเธอไม่ชอบอาชีพตำรวจเอามากๆ  แต่เธอดันไปหลงรักชายหนุ่มที่จากนักเรียนเตรียมทหารเหมือนสิบกว่าปีก่อนเขาได้ผันตัวเองมาเป็นตำรวจ   ความรักของเธอในอนาคตจะมีปัญหาพ่อไม่ปลื้มอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหัวใจเธอยืนยันมั่นใจว่าต้องเป็นคนนี้ คนที่มีไฝอนันดา กับดวงตารูปสระอิ   เปรมปรีดา ช. ที่เธอมักจะเวิ่นเว้อถึงเขาผ่านเฟซบุ้คด้วยตัวย่อว่า พป  (พี่เปรม)

พลอย-วรรณภัสสร : ตำรวจสาวที่เคยชอบพอกันกับตำรวจรุ่นพี่ร่วมสถานี  แต่โชคไม่ดีเขาทำผู้หญิงท้องและต้องแต่งงานกัน  ทว่าหัวใจเจ้ากรรมไม่ยอมตัดใจจึงเฝ้าแต่แอบรักคนมีเจ้าของ เมื่อผู้หญิงคนนั้นทิ้งสามีและลูกไป ถ่านไฟเก่าจึงทำท่าจะติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง 

ดาว- ชัญญานุช : สาวโสดอยากมีคู่ และผู้สาวขอนแก่นคนนี้แอบปิ๊งหนุ่มหล่อหน้าตาดี ธนิพัฒน์ ที่ตามคุณสมบัติรูปสมบัติแล้วท่าทางจะเป็นของดีเมืองอุดร เขาเป็นเพื่อนตำรวจของหมวดพลอยที่ได้ช่วยเหลือเป็นแม่สื่อแม่ชัก  แต่ไม่ว่าจะทำเนียนรุกคืบยังไง ก็ไม่มีทีท่าว่าผู้หมวดหนุ่มจะตอบสนอง

หมอมิว : ทันตแพทย์สาวที่ดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดในแก๊งชะนี  เป็นคนเดียวที่ไม่มีปัญหาเรื่องหัวใจ เพราะหมอมีแฟนแล้ว รอแต่ว่าเมื่อไหร่หนอจะมาขอให้แต่งงาน

ก๊วนหนุ่มโสด

เปรม- เปรมปรีดา : นายตำรวจหนุ่มหล่อที่เชื่อว่าการได้พบกันกับมาลีเป็นบุพเพสันนิวาสแหงแซะ เธอทั้ง สวย น่ารัก และมีเสน่ห์ มีหรือที่เขาจะไม่ถูกตาต้องใจ แต่แค่ต้องสืบให้แน่ว่าสาวเจ้ามีแฟนหรือยัง  ถ้ายังจะได้ขายขนมจีบ  ความเป็นคนสวยย่อมจะเนื้อหอม ไม่ขาดหนุ่มห้อมล้อม แต่ถ้าเธอยังโสด ก็ต้องลองลองดูสักตั้ง แล้วนอกจากจะพบว่าเขามีความหวัง เปรมยังเริ่มจับทางได้ว่ามาลีคนนี้เป็นสาวฟอร์มจัดที่ไม่ค่อยจะอยากยอมรับว่าเธอมีใจให้เขาอยู่นานแล้ว  เห็นทีว่าคงต้องจับให้ได้ไล่ให้ทัน ด้วยหลักฐานมัดตัวให้แน่น ประกอบคำสารภาพ  ใครกันหรือคือ พป

เอ๋-เหมราช : ในอดีตก่อนมาลีจะปักใจในพรหมลิขิตสี่ปีครั้งกับ พป   เธอเคยชอบๆ "พี่เอ๋" อยู่ แต่ไม่ทันได้คบหากันจริงจัง ซึ่งในช่วงเวลาสนิทสนมแบบคน คุยๆ กันอยู่นั้น  เธอก็เพ้อให้เขาฟังถึง พป เอาไว้ไม่น้อย  ก็ใครจะไปรู้ล่วงหน้าได้ล่ะว่า  เขาจะกลายมาเป็นเพื่อนก๊วนเดียวกันกับพี่เปรมของเธอ พอมาลีลิขิตมีแววว่าจะได้ผล   พี่เอ๋ ก็ดันมาทำขวางลำทำท่าอยากจะรีเทิร์นมาหามาลีซะงั้น 

แตมป์-นินนาท  :  เพื่อนสนิทสนมสมัยวัยว้าวุ่นของมาลีที่เคยเรียนพิเศษด้วยกัน  โลกมันจะแสนกลมอะไรขนาดนั้น  พบกันอีกทีเขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของพี่เปรมไปเสียแล้ว แน่นอนว่า เรื่องของ พป นางสาวมาลีก็ได้เวิ่นเว้อเอาไว้ซะมาก เช้าวันเสาร์เรียนพิเศษภาษาฝรั่งเศสกับ พป แล้วทุกบ่ายวันเดียวกันที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เธอจะเพ้อถึงเขากับนินนาท หนุ่มนักเรียนเตรียมทหาร คนที่มาลีปลื้มสุดๆ นั้น ไม่ได้ยากเลยที่นินนาทจะเดาได้ว่าเขาเป็นใคร 

ความเอ๋ไม่ทันหาย  ความแตมป์ก็เข้ามาแทรกอย่างนี้ จะปิดความลับในหัวใจยังไงให้อยู่ เกิดความแตกขึ้นมาที่ฟอร์มไว้ตั้งมากจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถึงจะริอ่านวางแผนจีบผู้ชาย แต่ก็ยังมียางอายของผู้หญิงอยู่นะ  มาลีอยากจะบ้าตาย

แขก-ไชยันต์ : เพื่อนสนิทอีกคนของเปรมปรีดา เป็น "คนมีเจ้าของ" ที่หมวดพลอยเพื่อนของมาลีเคยรักและรักอยู่  สถานะปัจจุบันของเขาคือโสด  แต่ไม่สนิท เพราะยังไม่ได้หย่าขาดจากภรรยาที่ทิ้งสามีและลูกหนีหายไป  

ก๊วนหนุ่มยังมีเพื่อนร่วมก๊วนร่วมก๊งอีกคน คือ หมู-วิริยะ

มดแดงแฝงพวงมะม่วง

อ้น-อภิชาติ : พี่รหัส - คนสนิทของมาลีตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเขายังเป็นเพื่อนสนิทของ มานิต  พี่ชายของมาลีด้วย  รู้จักและสนิทสนมกับเพื่อนๆ ของมาลีดีทุกคน เว้นก็แต่ กับหมวดพลอย-วรรณภัสสรที่ศรศิลป์ไม่กินกัน พูดกันไม่กี่คำก็เริ่มจะไม่ลงเลย     

มาลีไม่เคยจะสังเกตรับรู้เลยว่าพี่อ้นที่เธอไว้ใจ ออดอ้อนคลุกคลีมาตลอด พูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่การพร่ำเพ้อถึง พป  เขากลับเป็นพี่สนิทคิดไม่ซื่อมาตั้งนมนานแล้ว แต่ด้วยไม่กล้าจะบอกเสียที หวังว่า พป เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ของหญิงสาว หวังว่าความดี ความรักของเขา จะซึมซับเข้าไปในหัวใจเธอสักวันหนึ่ง .. 

แอน-อัญญา : เพื่อนเคยสนิทของ ปริม  น้องสาวของเปรม  เหตุผลที่แค่ ..เคยสนิท เพราะในอดีตนอกจากจะเคยให้ความหวังแล้วดันหักอกพี่ชายของเธอแล้ว อัญญายังเคยแอบยั่วใส่คนรักที่กว่าจะข่มความหวาดระแวงและเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับเขาได้ ปริม ก็เสียน้ำตาและความรู้สึกไปไม่น้อย  อัญญาเคยแต่งงานไปแล้วกับคนอื่น ทำให้พี่ชายของเธออกหักรักคุด แต่พอเลิกรากับสามีก็หวนกลับมาหวังจะใช้ปริมเป็นสะพานเข้าหาเปรมเพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกครั้ง  



เป็นเรื่องรักใสๆ หัวใจหนุ่มสาว   โดยมี ความรักของ มาลี กับ เปรม เป็นคู่หลัก ทั้งสองต่างก็มีแก๊ง มีก๊วนเพื่อนๆ ที่จะมาพบปะ พูดคุย ปรึกษาปัญหาหัวใจ   แก๊งผู้สาวนั้นค่อนข้างจะเป็นการวางแผนล่าผู้ชาย ส่วนแก๊งผู้บ่าวก็จะออกแนววิเคราะห์ท่าที จะอะไร ยังไงดี 

ผู้หญิงวางแผนจีบผู้ชาย  มันทะแม่งๆ ในความรู้สึก เหมือนจะก่อให้เกิดความไม่ชอบได้โดยง่าย แต่เรื่องนี้เขียนได้ดี เพราะไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าบ้า น่าเกลียด เป็นผู้หญิงนะ   การจีบผู้ชาย เป็นเรื่องพูดคุยกันในหมู่สาวๆ ในขณะที่แผนรุกในทางปฏิบัตินั้น ไม่ได้มีอะไรก๋ากั่นจนเกินงาม "ฟอร์มจัด" ของมาลี ก็คือการทำมาลีลิขิตให้เนียนเป็นพรหมลิขิต ไม่ให้พี่เปรมเขาจับได้เด็ดขาดว่าเธอชอบเขามาก และจงใจเข้าหาเขานั่นแหละค่ะ   การพยายามปกปิดความสุขความดีใจที่กรี๊ดกร๊าดอยู่ในอกยามที่รู้สึกว่าพี่เปรมเริ่มมีใจให้    หรือแม้แต่เรื่องของดาว-ชัญญานุช  เธออาจจะรุก แต่เมื่อผู้ชายเฉย เธอก็ยอมถอย การจีบที่ว่านี้เป็นการหาโอกาสที่จะพบปะพูดคุย ไม่ใช่เป็นการจีบแบบออกนอกหน้าอะไรยังไงก็ได้ขอแค่ให้ได้มา เรื่องจึงค่อนมาทางน่ารักมากกว่าน่าหมั่นไส้ 

มีความทันสมัยทั้งในบทพูดและพฤติกรรมของตัวละคร เป็นสำนวนพูดจาที่เราจะพูดๆ กันอยู่ในปัจจุบัน การสื่อความคิดความรู้สึก โต้ตอบ ระบายอารมณ์ ของตัวละครผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่างการกดไลค์ การโพสต์คอมเมนท์ การตั้งสเตตัสบนเฟซบุ้ค การส่งข้อความผ่านไลน์ ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เราคุ้นเคยในชีวิตจริง ทำให้เนื้อเรื่องแรกเริ่มรู้จัก จีบกัน ชอบกัน รักกัน เป็นแฟนกัน มันเป็นสเต็บความรักแบบธรรมดาสามัญ ที่ทำให้รู้สึกเบื่ออยู่เหมือนกันในช่วงครึ่งแรก  แต่พอเข้าสู่ช่วงหลังเรื่องก็ชวนติดตามขึ้นมา ในยามที่ พี่เปรม เริ่มจะจับไต๋มาลีได้ แล้วความรักของตัวละครอื่นๆ ก็ชักจะวุ่นวายสับสนในแต่ละคนแต่ละแบบช่วยทำให้เรื่องน่ารัก สนุกขึ้น  อ่านได้เรื่อยๆ เพลินๆ ค่ะ





 

Create Date : 08 สิงหาคม 2558    
Last Update : 9 สิงหาคม 2558 20:37:45 น.
Counter : 3085 Pageviews.  

พรมแดน - อัสสะลามุอะลัยกุม ขอสันติจงมีแก่ท่าน_ วสิษฐ เดชกุญชร

พรมแดน : วิสิษฐ เดชกุญชร
พิมพ์ครั้งที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗    สำนักพิมพ์มติชน


เส้นแบ่งทุกสิ่งในโลกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
และเราไม่เคยมองเห็นมัน คืออคติในหัวใจ

“เราอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า พรมแดน เป็นอาณาเขตที่มนุษย์สมมติขึ้นเพื่อความสะดวกในการปกครอง  สมมตินี้แบ่งเราออกเป็นประเทศไทย เป็นมาเลเซีย เป็นอินโดนีเซีย และอื่นๆ  ถ้าเราหลงสมมติ เราก็อาจจะลืมว่าแท้จริงเราเป็นมนุษย์ที่รู้จักรัก รู้จักเมตตาและกรุณา แล้วเราก็อาจจะรังแกกัน ทำร้ายกัน ฆ่ากันเหมือนสัตว์เดรัจฉาน แต่ถ้าเราไม่หลงสมมติ เราก็จะไม่ตกเป็นทาสของพรมแดน และจะสามารถคงความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้ ‘ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญในธรรม’ คือคำสอนของรอซูล หรือศาสนาทูต และคำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนของทั้งสองท่านนั้น สอดคล้อง ไม่ขัดแย้งกันและจะทำให้ท่านสามารถข้ามสมมติคือพรมแดนไปได้ ไม่ถูกพรมแดนแบ่งเราออกจากกัน”



อิสลาม พุทธ  ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ความรักของพุทธกับมุสลิม

นี่คือ "พลอตในฝัน" ที่รอมานาน

หลายปีผ่านมาที่เหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้น  ในขณะที่เราใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุขและรับรู้เรื่องเหล่านั้นจากเพียงข่าวทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ มันเหมือนเป็นเพียงเศษเสี้ยวของการรับรู้ที่ไม่ได้ช่วยทำให้เข้าใจอะไรมากนัก ความต่างศาสนา ความต้องการแบ่งแยกดินแดน มีประวัติศาตร์ รากเหง้าความเป็นมาอย่างไร  ทำไมต้องเข่นฆ่ากันถึงขั้นนั้น ไม่เลือกว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้เป็นคนศาสนาเดียวกัน  ความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรมและความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ท่ามกลางความไม่สงบ ณ ปลายด้ามขวาน   เจ้าหน้าที่ต้องทำงานแบบไหน ประชาชนในพื้นที่เขาใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร ด้วยความรู้สึกแบบไหน  เราอยากจะรู้มากจริงๆ  และคิดว่าคงจะดี ถ้าจะมีใครจะหยิบยกเรื่องราวเหล่านี้มาเขียนในรูปแบบนิยาย 



รอพลอตในฝัน  รออย่างอดสงสัยไม่ได้ว่า ใครกันหนอ จะหาญกล้านำปัญหาความรุนแรงของจังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็นฉากในการเขียนนิยายเรื่องยาว ที่ไม่เคยเจอ ไม่เคยมีมาให้อ่าน  เพราะมันยากเกินไปหรือเปล่า คงต้องเป็นฝีมือระดับชั้นครู แล้วชั้นครูคนไหนกันล่ะที่จะสนใจเขียนเรื่องเปราะบางอันสุ่มเสี่ยงกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์นี้ขึ้นมา 

จึงไม่ได้คาดหวังอะไรนักกับสิ่งที่เรียกว่า "พลอตในฝัน"  เพราะการจะเขียนถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องพาดพิง "ศาสนา" ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน..มีความอ่อนไหวสูงต่อความรู้สึกของผู้คน   เหล่านี้คือศรัทธา หลักธรรมคำสอนแบบพุทธ  เหล่านี้คือศรัทธา คือบทบัญญัติ หลักคำสอนของอิสลาม  มันคงเป็นเรื่องยากจะเขียนจริงๆ แต่ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร นอกจากจะเขียนเรื่องศาสนาได้อย่างดีงามแล้ว ยังได้แสดงความคิดเห็นต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล  การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ  บทบาทการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน  การเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา ที่ได้ถ่ายทอดผ่านมุมมองความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร   จากที่เคยแค่หวังว่าจะมีนิยายรักที่มีพระเอกเป็นเจ้าหน้าที่มีอุดมการณ์ เสียสละอุทิศตนอย่างกล้าหาญเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาของประเทศ  ก็คงจะเพียงพอ ไม่ขอโลภมาก  แต่พรมแดนกลับให้มากกว่าที่หวังมากนัก 

เคยคิดว่าเมื่อเป็นพลอตในฝันย่อมยากจะเป็นความจริง ...

ดังนั้น พอได้เห็นหนังสือเล่มหนาปึ๊กสะดุดตา  "พรมแดน-วสิษฐ เดชกุญชร" 

พลิกอ่านหลังปกเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นเรื่องความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

เท่านั้นแหละค่ะ แทบจะมือไม้สั่นควักหนังสือออกมาจากชั้นวางขายด้วยความตื่นเต้น

พลอตในฝัน จากนามผู้แต่ง วสิษฐ เดชกุญชร  

ไม่จำเป็นต้องมีความลังเลแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเรื่องของความหนา ๘๖๓ หน้า หรือราคา ๔๗๐ บาท เพราะในวินาทีนั้นรู้สึกเลยว่ากำลังหยิบงานวรรณกรรมมีค่ามาไว้ในมือ 

ว่าแต่นิยายเรื่องนี้พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ แล้วเราไปอยู่ที่ไหนมาไม่เคยเห็นเลยล่ะหนอ ..Smiley




แนะนำตัวละครคร่าวๆ 

ร้อยตำรวจเอก (ร.ต.อ.) ตารณ ยังชีพชอบ  หรือ "โทน" บุตรชายเพียงคนเดียวของพ่อแม่ พลเอกตามพ์ ยังชีพชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก  กับ พ.อ. (พิเศษ) แพทย์หญิง รมณีย์ ยังชีพชอบ  เรียกว่าพระเอกมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีมาก การศึกษาก็ดีเพราะเป็นนักเรียนโควต้าของกรมตำรวจ จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยปริญญารัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) รับราชการและได้รับทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จบปริญญาโทด้าน Criminal justice ก่อนกลับมารับราชการต่อ   การเป็นลูกคนใหญ่คนโตนั้นมีทั้งคุณและโทษ สำหรับตารณที่ไม่เคยปรารถนาจะใช้ประโยชน์ใดจากยศตำแหน่งของผู้เป็นพ่อมาส่งเสริมความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของตน   แต่ถึงจะไม่ใช้ หากทำความดีความชอบอะไรแล้วได้รับความก้าวหน้า ก็คงจะหนีไม่พ้นคำครหา

พลเอกตามพ์ พ่อของตารณ ได้ชื่อว่า "แข็งยิ่งกว่าเหล็ก ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด  " และมักจะมีส่วนแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์การเมืองที่เกี่ยวข้องกับการทหารให้สำเร็จด้วยดีเสมอ  พลเอกตามพ์เป็นที่ยกย่องนับถืออย่างสูงและกว้างขวางในวงการทหารนานาชาติ  แต่ไม่อาจจะขึ้นไปสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. เพราะความแข็ง ความตรงที่ว่านี่แหละที่ทำให้เขา เป็นหมาหัวเน่าของรุ่น หรือจะว่าเป็นหมาหัวเน่าของ ท.บ. ก็ว่าได้  แม้แต่การขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ  ก็ไม่ได้เป็นที่ปรารถนาของผู้บังคับบัญชา มิได้เป็นที่คาดหมายของสื่อ แต่เป็นความต้องการโดยเฉพาะของนายกรัฐมนตรี  

พ.อ.พ.ญ. รมณีย์  หัวอกคนเป็นแม่ ย่อมรักและห่วงใยลูก คอยตักเตือนให้สติแต่ก็ไม่ก้าวก่าย ให้อิสระ และเคารพในการตัดสินใจของลูก  ไม่มีแม่คนไหนอยากเห็นลูกของตนต้องไปใช้ชีวิตปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย แต่แม่ที่รักและเข้าใจ ก็ไม่อาจบังคับห้ามปรามได้ หากเป็นความต้องการของลูก  ได้แต่เฝ้าห่วงใยและรอคอยอยู่เบื้องหลัง

การสูญเสียคนรัก "วิมพ์วิภา"  จากเหตุการณ์สึนามิถล่มที่พังงา ทำให้ตารณทุกข์ระทมด้วยความเสียใจ ดื่มหนักด้วยหวังจะถ่วงทุกข์ลงในแก้วเหล้า ตกอยู่ในสภาวะหมดอาลัยตายอยากในชีวิตและงานราชการ    ซ้ำเติมด้วยข่าวการเสียชีวิตของ นาบดาบตำรวจประหาณ หริป้อง จากการปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองครูและนักเรียนที่ภาคใต้  นายดาบคนนี้เคยเป็นครูฝึกพลร่มของตารณ  และยังรู้จักมักคุ้นกันดีกับครอบครัว การเสียชีวิตของคนที่มีความรู้สึกผูกพันแน่นแฟ้น เป็นความเศร้าสลดที่แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นลึกและรุนแรง

"สมเด็จจิตรลดา" พระที่ในหลวงพระราชทสยให้นายดาบตำรวจประหาณ ได้ถูกส่งมอบให้กับตารณตามคำสั่งเสียของเขา  ราวกับเป็นการส่งมอบปณิธาน "ทำงานเพื่อชาติ"   เพราะหลังจากนั้นไม่นานตารณที่เคยเห็นสถานการณ์ภาคใต้เป็นเรื่องไกลตัวไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก กลับกลายเป็นเห็นความสำคัญขึ้นมา และเกิดความรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ 



ตารณ ทำเรื่องขอย้ายตัวเองไปยังนราธิวาส เพื่อสังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๔๖   ตำแหน่งที่เพิ่งว่างลงเมื่อ ผู้บังคับการกองร้อย  ร.ต.อ. นายหนึ่งพึ่งได้ย้ายออก ทั้งที่ไม่มีเหตุอันสมควรให้ย้าย  แต่การอนุโลมให้ย้ายอย่างไม่งามนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยเส้นสายของอิทธิพล 

กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๔๖ เป็นกองร้อยต้นสังกัดของนายดาบตำรวจประหาณ หริป้อง ครูฝึกผู้มอบสมบัติล้ำค่าในชีวิตให้กับเขา  "สมเด็จจิตรลดา" ที่ได้รับพระราชทานมาจากในหลวง

การมีคนอาสาย้ายไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสมัครใจนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผู้บังคับบัญชาจะอยากปฏิเสธ  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะผลีผลามอนุมัติให้  เพราะตารณคนนี้เป็นลูกชายคนเดียวของ ผู้ช่วยผบ.ทบ. เชียวนะ  พ่อของเขาจะว่าอย่างไร ถ้าส่งลูกชายคนเดียวถูกส่งไปยังพื้นที่เสี่ยงตาย



แต่สุดท้ายตารณก็ได้ไปรายงานตัวต่อผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๔ จังหวัดสงขลา และรายงานต่อไปยังผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๔ จังหวัดยะลา ที่ๆ เขาได้พบกับ "รองผู้กำกับการฯ" คนนั้นเป็นครั้งแรก  

ผิวดำเหมือนมีเชื้อนิโกร ร่างสูง แต่ผอมเหมือนคนอมโรค ริมฝีปากซีด ได้กลิ่นทั้งบุหรี่และเหล้า กับดวงตาคู่นั้นที่สะดุดตาและสะดุดใจ มันอาจมีสีแดงเนื่องมาจากฤทธิ์สุราเมมัย แต่มันคมและมีประกายกล้าเหมือนตาเหยี่ยว 

"เหตุผลของคุณที่สมัครใจมาเป็นผู้บังคับการกองร้อยที่ ๔๔๖ จะเป็นยังไงผมไม่รู้ แต่ผมจะบอกให้ว่าถ้าคุณตั้งใจมาทำงาน ถ้าคุณตั้งใจจะโชว์ฝีมือ  คุณจะเจองานที่หนักที่สุดในชีวิตของคุณ หนักจนคุณอาจจะเอาชีวิตไม่รอด"

"แต่ถ้าคุณไม่คิดจะอวดฝีมือ ไม่คิดว่าราชการเป็นเรื่องสลักสำคัญแก่ชีวิตคุ หรือชีวิตคนอื่น ถ้าคุณคิดว่าความสุขส่วนตัวของคุณสำคัญที่สุด เหนือความสุขของสัตว์อื่น แล้วคุณใช้ฝีตีนแทนฝีมือ ผมจะบอกให้ว่างานของคุณจะเบาอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากคุณจะปลอดภัยและเอาชีวิตรอดได้แล้ว คุณยังอาจจะก้าวหน้าในราชการ และร่ำรวยกลับไปในระดับเศรษฐีเสียด้วย"

"ผมไม่ได้มาเพื่อความสุขส่วนตัว" ตารณรู้ว่าเสียของเขากระด้างโดยไม่ได้ตั้งใจ "และผมไม่เคยคิดจะเป็นเศรษฐี" 

"ถ้ายังงั้นคุณมาทำไม?"  ตาเหยี่ยวคู่นั้นจับจ้องตาของตารณ เหมือนมองดูเหยื่อ 




พันตำรวจตรี (พ.ต.ท.)  เลอมาน ไตรพิทย์พิชาน รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนค่ายพญาลิไท กองกำกับการที่ 44  จังหวัดยะลา   เป็นบุตรของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่เกิดในเมืองไทยแต่ไปโตเมืองนอก ตอนเรียนอยู่ในระดับไฮสกูล พ่อของเขาเสียชีวิตลง เลอมานจึงไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย และไม่ได้ตามแม่ของเขากลับมาเมืองไทย แต่เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษ เป็นกุ๊ยอยู่ระยะนึง ก่อนที่จะได้พบกับแรงบันดาลใจบางอย่างที่ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาเมืองไทย สมัครเป็นตำรวจ ได้บรรจุยศเป็นตำรวจในตำแหน่งลูกแถวอัที่ต่ำที่สุดในทำเนียบราชการตำรวจ  กว่าตำรวจไร้ปริญญาคนนี้จะขยับมาอยู่ในยศ พ.ต.ท. และตำแหน่งรองกำกับการฯ นั้น เขาต้องผ่านความทุกข์ใจขมขื่น และเต็มไปด้วยความผิดหวัง (ดราม่าเลยล่ะ)

อย่างไรก็ตาม  ดูเหมือนว่าเลอมานจะไม่ขยับในหน้าที่ราชการมากไปกว่านั้น  ด้วยเขาเป็นคนลึกลับ มีภาพลักษณ์เหมือนเพลบอยที่ตำรวจด้วยกันไม่ค่อยเลื่อมใส ถูกใครๆ  เหยียดหยามว่าเป็นตำรวจขี้เมาหยำเป   จะมีใครสักคนที่รู้จักเลอมานจริงๆ ว่าเนื้อในของคนตัวดำคนนี้ดั่งพระสังฆ์รูปทอง ความเจนจัด รอบรู้ ฉลาดแหลมคม ควรจะมีค่าสุดประเมินต่อกรมตำรวจ แต่กลับไม่มีใครมองเห็น และแม้จะดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด แต่เลอมานคนนี้ฟังเพลงคลาสสิค พกหนังสือ "คู่มือมนุษย์" ของท่านพุทธทาสติดตัว ใช้ธรรมะปฏิบัติให้มีสติและเยือกเย็นอยู่เสมอ 

ด้วยลักษณะความขัดแย้งดังกล่าวในตัวของเลอมาน เขาจึงเป็นตัวละครที่ ชอบมากที่สุด 



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ราชิดา มาลิกมูล อาจารย์สอนด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี  ดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบอร์กลีย์ เติบโตมาจากครอบครัวมุสลิมที่เคร่งครัด มีความรู้เรื่องศาสนาอิสลามเป็นอย่างดี และเคยไปเรียนที่ซาอุดิอาราเบีย การศึกษาคัมภีร์กุรอาน ศึกษาด้านศาสนาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้อาจารย์ราชิดามีความเข้าใจในปัญหาที่กำลังเกิดกับมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอยู่ในกลุ่มที่อยากจะเห็นความสงบกลับคืนมา   ราชิดาเป็นอาจารย์ที่มีความสามารถ ความรู้และความเข้าใจในด้านศาสนาของเธอ มีประโยชน์อย่างมากในการเผยแพร่อิสลามอันแตกต่างไปจากแนวคิดของกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบ







"ไม่ว่างานของคุณจะมากหรือหนักแค่ไหนก็ตาม ผมอยากให้คุณศึกษาเรื่องศาสนาอิสลามอย่างจริงจัง ......"

"อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากให้คุณทำ และทำทันทีเหมือนกัน คือเรียนภาษามลายู......."

"คุณต้องเรียนศาสนาอิสลาม และเรียนภาษามลายู ไม่ใช่แต่คุณเท่านั้น กองร้อยของคุณ โดยเฉพาะหมวดที่มาจากภาคอีสานก็ต้องเรียนด้วย ถ้ามิฉะนั้นคุณจะรบกับสงครามครั้งนี้อย่างคนตาบอด มองไม่เห็นข้าศึก หรือเห็นก็นึกว่าไม่ใช่ข้าศึก ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ คุณจะเห็นมิตรที่เป็นมุสลิมเป็นศัตรูไปหมดด้วย" 

จากที่เคยพบกันครั้งแรก ท่าทีของราชิดาเป็นปฏิปักษ์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตารณก็ตัดสินใจที่จะเชิญเธอมาเป็นอาจารย์ในโครงการอบรมให้ความรู้เรื่องศาสนาอิสลามแก่ตำรวจในกองร้อยของเขา   

สำหรับกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบ การแสดงความมิตรกับเจ้าหน้าที่และเผยแพร่ศาสนาอิสลามที่ขัดต่อความเชื่อของกลุ่มขบวนการฯ ถือเป็นการฝืนพระบัญชาของอัลลอฮ. และสนับสนุนการรุกรานของศัตรูนอกศาสนาที่เธอจะต้องได้รับการลงโทษ 



การข่มขู่คุกคามทำให้ ราชิดาไม่มีทางเลือกมากนัก การเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีความรู้ความสามารถ เป็นได้ทั้งแนวร่วมสำคัญและศัตรูสำคัญ   ขึ้นอยู่กับการเลือกว่าจะสนับสนุนเข้าร่วมเป็นสมาชิก  หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อต้าน ทางหนึ่งคือการให้ความร่วมมือต่อขบวนการที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คน  อีกทางหนึ่งนั้นคืออันตรายถึงชีวิตของตัวเธอเอง ครอบครัวและคนรอบข้าง  และเธอต้องการทางออก

พระภวัต    พระสงฆ์หนุ่มจาก กทม. ท่านผู้สมัครใจย้ายไปจำวัดอยู่ที่สำนักสงฆ์สันติวนาราม อ.จะแนะ จ. นราธิวาส หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดป่าจะแนะ  วัดนี้เคยมีพระอยู่สองรูป แต่เพิ่งกลายเป็นวัดเปล่าไร้เงาผ้าเหลืองพระ  เพราะพระรูปหนึ่งถูกยิงถึงมรณภาพ พระอีกรูปก็ทิ้งวัดหนีไปอยู่ที่อื่น (จะอยู่ต่อไปไย) 

"แล้วท่านจะไปทำไมล่ะครับ มันอันตรายไม่ใช่หรือ"

"เพราะเมื่อเป็นวัด ก็ควรจะมีพระอยู่"

คำตอบสั้นๆ แต่กินความหมายลึกล้ำ กว้างขวาง ทำไมวัดจึงควรจะมีพระอยู่ ?  
บทบาทของพระภวัตที่มีทั้งหมดในนวนิยายเรื่องนี้  คือ คำตอบ 

โต๊ะครูยาซิม ศาสนาอิสลามไม่มีพระ แต่มี "โต๊ะครู" ผู้รอบรู้คัมภีร์กุรอานและสอนศาสนาอิสลาม มิตรภาพความสัมพันธ์ของโต๊ะครูยาซิม และพระภวัต เป็นเรื่องน่าประทับใจอย่างหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ 




ร้อยตำรวจตรี ( ร.ต.) อมาตย์ ปิณฑ์หัตถสรรค์ มุสลิมหนุ่มจากจังหวัดอ่างทอง จบนิติศาสตร์ แต่สมัครมาเป็นตำรวจ และยังสมัครใจย้ายมาเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  เขาเป็นมุสลิมที่ศรัทธาและเคร่งครัดต่อการปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม  แต่เขาเป็นตำรวจที่ต้องทำหน้าที่จับกุมและปราบปราม ซึ่งคนที่เขาและพวกตำรวจจับกุมและปราบปรามส่วนใหญ่เป็นมุสลิม เขาจึงถูกหมายหัว ...ในฐานะศัตรูของมุสลิม 

นายพลตำรวจโทอังกศ อาโลกฤทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๙  ทั้งยังเป็นรองผู้อำนวยการ ของ กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( กอ.สสส.จชต ) และเป็นผู้บังคับศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า (ผบ.ศปก.ตร.สน.)  โดยตำแหน่งหน้าที่นี้ เขาจึงเป็นบุคคลสำคัญที่สุดของฝ่ายตำรวจในการ "เสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้"   บทบาทในนิยายมีไม่มาก แต่เท่าที่มีก็แสดงถึงอุปนิสัยใจคอของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ 




พรมแดน เป็นนิยายสะท้อนปัญหาบ้านเมืองที่มีสาระจริงจัง  อ่านเพียงไม่กี่หน้าก็รู้เลยว่าไม่จำเป็นจะต้องคาดหวังเรื่องของความรักหนุ่มสาวเอาสนุกดราม่าโรแมนติกก็ได้  แต่เรื่องของความรัก ... ก็มี   และมีเกินกว่าจะคาดหวังเสียด้วยซ้ำ อาจจะรู้สึกว่าน้อย เพราะด้วยหน้าที่การงานที่ทำให้พระเอกนางเอกไม่ค่อยได้พบกัน แต่อุปสรรคที่เป็นประเด็นความรักของคนต่างศาสนา พุทธ กับ มุสลิม ก็มีน้ำหนักมากพอจนไม่อาจกล่าวได้เต็มปากว่าเป็นนิยายที่ความรักไม่เน้น  เพราะความรักของราชิดากับตารณ ถือเป็นส่วนที่สำคัญของนิยายเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

"ราชิดา เวลานี้ผมรู้อย่างเดียว คือรู้ว่าผมรักราชิดา รักอย่างที่ผู้ชายรักผู้หญิง ในความรักแบบนี้ เราต้องแต่งงานกัน อยู่ร่วมกัน ร่วมชีวิต ร่วมสุขและร่วมทุกข์ ผมพร้อมที่จะประกาศหรือแสดงตัวเป็นมุสลิม เพื่อให้เราได้แต่งงานและอยู่ด้วยกัน ผมไม่สนใจว่าใครๆ แม้แต่คุณพ่อและคุณแม่ของผมจะนึกว่ายังไง และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพราะการแต่งงานของเรา หรือเพราะการเปลี่ยนศาสนาของผม ผมพร้อมที่จะปฏิบัติตามข้อบัญญัติหรือหลักของศาสนาอิสลาม ไม่ว่ามันจะเข้มงวดดุเดือด และจะทำให้พฤติกรรมของผมเปลี่ยนแปลงไปยังไง ผมจะเลิกกินหมู ผมจะลุกขึ้นทำละหมาดกับคุณวันละห้าครั้ง ผมยินดีจะอดข้าวอดน้ำตลอดเดือนรอมฎอน และผมเต็มใจแม้แต่ที่จะไปทำฮัจญ์ที่เมือมักกะฮ. ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้เรา  ขอให้ราชิดากับผม ได้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน เป็นคู่ผัวตัวกันโดยถูกต้อง"

"ตารณคะ คุณกำลังหล่อยอารมณ์ครอบงำคุณ ราชิดาคิดว่า คุณยังไม่ได้คิดหรือพิจารณาเหตุผลตามที่ราชิดาบอกเลยว่าถ้าเราแต่งงานกัน จะโดยตารณเปลี่ยนศาสนามาเป็นอิสลม หรือโดยราชิดาทิ้งอิสลามก็ตาม ปัญหาที่จะตามมาจะร้ายแรงและสลับซับซ้อนเพียงแค่ไหน ตารณอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรในขณะนี้ได้ไหมคะ"



ปัญหาที่จะตามมานั้น ได้ถูกทำให้เห็นภาพเลย .. การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะเปลี่ยนศาสนาของตน ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย  โดยเฉพาะถ้าเรากำลังพูดถึงการเปลี่ยนความเชื่อความศรัทธาในหัวใจที่จะมีผลต่อวิถีปฏิบัติและการดำเนินชีวิต ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนที่สักแต่ว่าเปลี่ยน 

เพิ่งสร้างว่านิยายเรื่องนี้ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ ใช้ชื่อว่า  ปิตุภูมิ (Fatherland) เห็นการแคสติ้งนักแสดงแล้วปลื้มใจมาก  เวียร์ -ศุกลวัฒน์ ดูดีมากในชุดตำรวจตระเวนชายแดน ใหม่-ดาวิกา ก็เหมาะมาก สวยมากภายใต้ผ้าคลุมศรีษะแบบสาวมุสลิม และที่ปลื้มใจสุดๆ คือ อนันดา เอเวอริ่งแฮม ในบทบาทของตัวละครที่เราชอบมากที่สุดในเรื่อง เสียดายแต่ว่า ไม่มีโอกาสได้ดู เพราะหนังเรื่องนี้จะไม่ได้ฉายในประเทศไทย ผู้กำกับต้อมยุทธเลิศ ประกาศการไม่ฉายไปตั้งแต่ปี ๑๕๕๖ แล้วค่ะ แต่เราเพิ่งรู้เรื่องกับเขานี่แหละ ดังนั้นจึงพยายามหาภาพที่หาได้จาก google มาเก็บไว้เป็นที่ระลึก




พล.ต.อ. วสิษฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการคิดหว่างบรรทัด  ๑๘ มกราคม ๒๕๕๘

..........การที่เราจะเขียนหนังสือสักเล่มหนึ่งนั้น  สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกในการเขียนคือวินัย การรับผิดชอบต่องานของตนที่ได้รับมอบหมายและทำมันออกมาให้ดีที่สุด การจะเขียนหนังสือได้จะต้องมีความรู้ในด้านการใช้ภาษาอย่างสมบูรณ์ที่สุด การหาข้อมูลที่ละเอียดถูกต้องชัดเจน  ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำให้นวนิยายเล่มนั้นให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น  ข้อมูลที่จะนำมาเขียนนั้นหากไม่ตรวจเช็คให้ดีซะก่อน ก็อาจเป็นภัยต่อตนเองได้เช่นกัน เพราะผลเสียที่ตามมานอกจากข้อมูลนั้นจะผิดพลาดแล้ว  ตัวผู้เขียนเองก็จะเสียภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือไปด้วย  


 สำหรับนวนิยายเรื่องพรมแดน พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร บอกว่า เมื่อเขียนจบแล้วจะต้องทบทวนใหม่ทุกครั้ง เพื่อหาข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้  โดยนวนิยายพรมแดนนี้อจะสื่อ เรื่องราวสะท้อนของปัญหาชายแดนภาคใต้ที่มีการขัดแย้งกัน การสมมติตัวละครขึ้นมาเพื่อจะบ่งบอกให้เห็นถึงพรมแดนความแตกต่างกัน  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธหรือว่าอิสลามก็สามารถเข้าใจและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้

เมื่อถามถึงเสียงตอบรับจากผู้อ่าน มีการโต้แย้งกลับมาหรือไม่ พล.ต.อ.วสิษฐ ตอบด้วยเสียงหนักแน่นว่า ไม่มีใครโต้แย้งว่ามีข้อมูลใดที่ผิดพลาด มีคำชื่นชม ความพอใจ และยังบอกว่า บางข้อมูลที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ในเล่มนี้ มุสลิมเองยังไม่รู้ก็มี ซึ่งขณะเขียนเรื่องนี้ ยอมรับว่า ต้องหาข้อมูลโดยละเอียด ต้องอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่าน และพูดคุยกับเพื่อนๆ มุสลิม

 “หลายคนจะถามมาว่า ตัวละคร ทั้ง อ.ราชิดา และ นายตำรวจในเรื่องมีตัวจริงหรือไม่ ผมก็บอกว่าไม่มีหรอก แต่ก็มีบ้างที่นำเอานิสัยใจคอมาจากคนโน้นคนนี้ มา” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าว พลางหัวเราะ

นอกจากนี้ นวนิยาย พรมแดน ยังได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ กำกับโดย คุณต้อม-ยุทธเลิศ สร้างจนเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ออกฉาย เพราะเจ้าของภาพยนตร์เกรงจะกระทบกระเทือน แต่ พล.ต.อ.วสิษฐ ยืนยันว่า ในฐานะที่เป็นคนเขียนนวนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่า จะไม่กระทบกระเทือน แต่จะเป็นคุณกับทุกฝ่าย สร้างความเข้าใจได้ ..........

และ พล.ต.อ.วสิษฐ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดตามว่า อยากให้ทำความเข้าใจในปัญหาชายแดนภาคใต้ ว่าพฤติการณ์ของผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุทุกวันนั้นไม่ใช่มุสลิม เป็นพฤติการณ์ของคนนอกศาสนา หรือคนที่อาศัยชื่อศาสนามาเฉยๆ เพราะหาใครศึกษาจริงๆ จะรู้ว่า ศาสนาอิสลามไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่เป็นประโยชน์เช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ หากเราไม่เข้าใจก็จะเกิดการปรักปรำแบบเหมา ส่วนตัวหวังว่าเรื่อง พรมแดน จะทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น ... (ที่มา: บทความ พรมแดน นวนิยายจากปลายปากกา พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร โดยจักรพันธุ์ พุ่มศรี mcot-web.mcot.net )


"พรมแดน"  อ่านแล้วเกิดความเชื่อเลยว่า คนที่ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ ส่วนใหญ่น่าจะรู้สึกยอมรับต่อหนทางการข้ามผ่านพรมแดนความขัดแย้ง  รู้สึกว่ายังมีความหวังว่าสันติสุขจะคืนกลับมาในสักวันหนึ่ง เรื่องจริงๆ เป็นอย่างไร เป็นเรื่องการเมือง อิทธิพลผลประโยชน์อื่นใดของใคร แอบแฝงอยู่ในเบื้องลึกอันสลับซับซ้อนเราคงไม่อาจจะรู้ได้  แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะรู้ คือ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นมุสลิม 

นอกจากจะทำให้รู้เกี่ยวกับอิสลามขึ้นมากแล้ว ยังทำให้ตัวเราตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของศาสนาของเราเอง ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจคือ เราเข้าใจศาสนาพุทธ และเราเป็นชาวพุทธจริงๆ แล้วหรือยัง

ส่วนตัวแล้วคิดว่า ควรอย่างยิ่งที่นิยายเรื่องนี้จะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับเยาวชน  เราไม่ได้มองว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องของปัญหาภาคใต้เท่านั้น  แต่มองว่าเป็นเรื่องของการเคารพในความแตกต่าง ในที่นี้คือความต่างศาสนา  แต่หากจะประยุกต์ "ความรักความเมตตา" ไปถึงความแตกต่างอื่นๆ ก็คงจะคล้ายคลึงกัน ทำความเข้าใจคนอื่นที่ต่างจากเรา ยอมรับและเคารพในความเป็นเขา แล้วในท่ามกลางความแตกต่าง คนเราก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข  

"อัลลอฮุอักบัรฺ อัลลอฮุอักบัรฺ (อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่ ) 

 ลาอิลาฮะอิลัลลอฮฺ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ) "

"อรหังสัมมาสัมพุทโธภควา (พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง)

พุทธังภควันตังอภิวาเทมิ (ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"

สิ่งที่เห็น-การแต่งกาย สิ่งที่ได้ยิน-ภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง สิ่งที่ศรัทธาพระเจ้าคนละองค์ ล้วนเป็นสิ่งสมมติที่เราสร้างขึ้นในหัวใจด้วยกันทั้งสิ้น  และสิ่งเหล่านั้นก็ถูกนำมากล่าวอ้างเป็นเหตุชนวนแห่งความขัดแย้ง และการปลิดชีวิตกันไม่เว้นแต่ละวัน 

หารู้ไม่ว่าตรงกลางฮิญาบ หากมองให้ดีจะเห็นดวงตาใสบริสุทธิ์ไม่ต่างกัน พื้นที่กลมๆ เล็กๆ นั้นอยู่นอกเหนืออาภรณ์ ภาษา หรือศาสดาองค์ใด เป็นพื้นที่แห่งเดียวของมนุษย์ที่ไม่เคยปิดบัง  ขอเพียงเราเปิดใจให้กัน เข้าใจกัน เคารพกัน ให้เกียรติในความแตกต่าง สันติสุขย่อมเบ่งบานขึ้นมาได้  (ที่มา : คำนำสำนักพิมพ์มติชน) 

พรมแดน  ... คือนิยายดีงามที่ยกขึ้นหิ้งไปแล้วเรียบร้อย  Smiley

ขอขอบพระคุณ  พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร ที่ได้เขียนนิยายดีๆ เรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสังคม

















 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 22 กันยายน 2558 20:24:51 น.
Counter : 7308 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.