Group Blog
 
All blogs
 
เล่ห์รักริมเล_ภูมิแพ้ชายเจ้าชู้

 

ความจริงแล้ว มีนิยายเรื่องหนึ่งที่อ่านก่อนหน้าและอยากเขียนถึง  แต่พอได้อ่าน "เล่ห์รักริมเล" ก็มีความครั่นไม้ครั่นมือเหลือเกินที่อยากจะเขียนถึงผู้ชายคนนี้มากกว่าอะไรอื่น เขาคือ "นายเข้" พระเอก เล่ห์รักริมเล  ของ "อุธิยา" ที่ได้อ่านเป็นเรื่องที่สามและยังไม่ทำให้ผิดหวัง

เรื่องรักชวนลุ้น เมื่อสาว ‘ปูนิ่ม’ กระดองอ่อน

ต้องโครจรมาเจอ 'นายฟาร์มปูนิ่ม' จอมกะล่อน

สารพัดสารพันในตัวเขาไม่มีสักสิ่งที่เธอชอบ

หน้าเข้ม ตัวดำ ปากดี ยียวน ทะเล้นทะลึ่งลามกก็ปานนั้น!

จะหนีก็ไม่ได้ จะต้านก็ไม่แกร่งพอ

ทั้งโชคชะตายังเป็นใจให้เขามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ หัวใจเสียอีก

ปูนิ่มตัวกระจ้อยจะรอดพ้นอุ้งมือมาร หรือถูกต้อนนิ่มๆ เข้าฟาร์มกันล่ะหนอ? 

Credit Picture ://seafood-service.circlecamp.com


เมืองชายทะเลแห่งนี้มีแต่สิ่งที่ ปุริมา ไม่พิสมัย

แพปลา ฟาร์มปู คุณครู นายเข้!

อุตส่าห์หนีจากแม่ที่ตีกรอบดับฝัน เก็บกระเป๋าย้ายมาอยู่กับพ่อที่เมืองชายทะเล

ใครจะคิดว่าความรั้นที่จะทำตามใจตัวเอง กลับพาให้ชีวิตวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

อะไรที่ไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องทำ...ก็ต้องทำ

อะไรที่ไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องเจอ...ก็ได้เจอ

โดยเฉพาะนายหัวหน้าเข้มคนนั้น นายเข้ พ่อม่ายหนุ่มเนื้อหอมจอมเจ้าชู้

ที่แท็กทีมมากับ เจ้าโขง ลูกติดวัยกระทงที่แสบเซี้ยวไม่แพ้กัน

ปูสาวเพิ่งลอกคราบอย่างเธอ...จะต่อกรกับนายฟาร์มเขี้ยวลากไหวไหมนะ!!

 

 

เมื่อสัปดาห์ก่อน มีโอกาสได้ไปเที่ยว ม่อนอิงดาว ม่อนแจ่ม ดอยอ่างขาง กับบรรดา 'พ่อไก่แจ้' อันได้แก่สามีของเพื่อน และเหล่าเพื่อนของสามีเพื่อน ที่บางคนพกเมียมาด้วย แต่บางคนก็แอบหนีภรรเมียบังเกิดเกล้ามาด้วยเหตุผลโกหกพกลมว่า  "พี่มางานบวชรุ่นน้อง" เงินก็กดใช้ไม่ได้ เดี๋ยวเมียจับได้ ต้องอาศัยเพื่อนออกให้ไปก่อน เดี๋ยวค่อยแอบตอดเล็กตอดน้อยค่อยทยอยจ่ายคืนทีหลัง  

เหตุที่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ เพราะอ่านเล่ห์รักริมเลแล้วนึกถึงพวกพี่ๆ เหล่านี้ขึ้นมาติดหมัดน่ะสิ ทั้งภาพตั้งวงกินเหล้าสรวลเสเฮฮา แล้วก็สำนวนหลีหญิง คำแซวสองแง่สามง่าม  และตัวละครพระเอก "นายเข้" ก็ให้บังเอิญนึกถึง 'หัวโจก' ของแก๊งพ่อไก่แจ้แก๊งนี้ ที่ถูกเพื่อนๆ เรียกว่า 'ป๋า' แถมยังยกตำแหน่ง 'อาจารย์' มอบให้อย่างซูฮกในศิลปะความเป็นพ่อปลาไหล แล้วปฏิบัติการเพื่อนเราเผาเรือน  เอาเรื่องจริงมาพูดเล่น เอาเรื่องเล่นมาพูดจริงเนี่ย แม้ว่ามันจะฮามาก แต่เชื่อว่าคุณภรรยาคนสวยน่าจะแยกแยะได้ไม่ยาก เรื่องไหนเล่น เรื่องไหนจริง ต่อหน้าเพื่อนฝูงนิ่งๆ ไม่เป็นไร แต่ลับหลังไปอาจมีหลายประเด็นที่คุณสามีต้องมีเคลียร์ 

เจอนิยายคล้ายความเป็นจริงอย่างนี้  บอกตง.. แทบ "ไม่ขำ"  ที่เล่ห์รักริมเลได้ชื่อลือผ่านรีวิวให้เห็นผ่านตามาบ้างว่าเป็นแนวตลก  ดูเหมือนว่าเราจะเส้นลึกนะคะ ไม่รู้สึกว่ามันขำสักเท่าไหร่เลย แค่พอยิ้มได้ในหลายมุก  ชอบใจในความสนุกของเรื่องราวมากกว่า (แต่เพื่อนที่ยืมหนังสือไปเพิ่งไลน์มายืนยันเหมือนกันนะว่ามันฮา) 

คาแรคเตอร์ของ "นายเข้" หรือนามอันเพราะพริ้งฟังดูมีสกุลรุนชาติ "เขมรัฐ" ถ้าใครเคยมีรอยแผลจากชายเจ้าชู้หรือมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์คือเกลียดเอามากๆ  อาจปิดใจไม่ยอมให้คะแนนนายเข้ในแง่อื่นๆ ไปเลยก็ได้นะเนี่ย  เพราะถึงจะเป็นพระเอก แต่ก็ไม่ได้ถูกเขียนแบบเปลือกนอกเจ้าชู้ปกปิดเนื้อในใสกระจ่าง เจ้าชู้ไม่จริงอิงพื้นฐานพระเอกนิยายหรอกนะจ๊ะ  และก็ไม่ได้เขียนออกแนว พระเอกหล่อล่ำ ร่ำรวย ล้นเสน่ห์ เป็นเหตุให้หญิงไล่ล่าติดตรึมโดยไม่ได้ตั้งใจจะชู้ ไม่ใช่ความผิดของพระเอกอะไรทำนองนั้นอย่างแน่นอน เพราะคุณอุธิยาเธอเขียนจริง เจ้าชู้จริง

เป็นเจ้าชู้ตัวพ่อ ขอให้สวย ให้สมยอมเหอะ นายเข้ฟันดะ!

เราไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้นะ  แต่ไหงเรื่องนี้เราชอบ นายเข้ นายหัวจอมเจ้าชู้แห่งฟาร์มปูนิ่ม

 

ด้วยความจำเป็นในการที่ต่างฝ่ายต่างต้องสานต่อธุรกิจของครอบครัว พ่อแม่ของนายเข้ จึงแยกกันอยู่  เข้โตมากับแม่ที่ทำธุรกิจแพปลา แต่เขาไม่อยากสืบทอดกิจการต่อจากแม่ เข้มีสิ่งที่อยากทำเป็นความฝันของตัวเอง เมื่อโตขึ้นจึงไปอยู่กับพ่อเพื่อเล่าเรียนหนังสือในกรุงเทพ  แต่แล้ววันหนึ่ง ไม่รู้ไปพลาดท่าเสียเชิงชายเจ้าชู้อิท่าไหน เข้ในวัยสิบแปดปีจึงหอบลูกน้อยกลับมาอยู่กับแม่  และเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองนับจากนั้น เป็นพ่อที่ดีของลูก  เป็นลูกชายที่ดีของแม่  เลี้ยงลูก เล่าเรียน ช่วยงานแพปลาของแม่จนขยายกิจการไปสู่การทำฟาร์มปูนิ่มครองทั้งตลาดในและการส่งออก เมื่อมีเข้รับช่วงดูแลกิจการได้อย่างดี แม่ของเขา "เจ๊หงส์" จึงวางงานส่วนใหญ่ให้ลูกชายแล้วหันไปทำร้านอาหาร "ครัวริมเล" งานอดิเรกทำเพลินๆ  เพิ่มรายได้ขยายฐานะอันมีจะกินจนได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐินีของจังหวัดรายหนึ่ง

"เจ้าโขง"  หรือ "ขัตติยะ" คือลูกชายของ "เจ้าเข้"  ที่เติบโตมาแบบลูกไม้ใต้ต้น ทั้งรูปร่าง หน้าตา คารม และนิสัย ไม่ผิดจากต้นแบบ เพียงแต่เป็นเวอร์ชั่นที่อ่อนเยาว์น้อยประสบการณ์กว่า   ซึ่งหากโตขึ้นเป็นหนุ่มอีกหน่อย  'สันดาน' (เจ้าชู้)  ก็คงจะไม่เพี้ยนไปจากผู้เป็นพ่อแม้สักเสี้ยว

"คุณหนูปูนิ่ม"  หรือ ปุริมา  ในวัยเด็กพ่อแม่แยกทางกัน เธอเติบโตมากับแม่อย่างชาวกรุง แต่ก็ผูกพันกับพ่อที่ยังติดต่อพบปะกันเสมอ  พ่อของเธอเป็นทั้งผู้อำนวยการและเจ้าของโรงเรียนชลพิทักษ์ในอำเภอแห่งนั้น   เมื่อขัดใจที่ถูกแม่ดับฝันไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะมีอาชีพเป็นนางแบบ ปูนิ่มจึงทิ้งเมืองกรุงมาอยู่กับพ่อที่เมืองบ้านนอก  จำใจมาช่วยงานโรงเรียนในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ และยืนยันเด็ดขาดว่าเธอไม่ชอบไม่ต้องการจะเป็นครู   แต่จับพลัดจับผลูเธอก็ต้องได้เป็นในสักวัน 

 เหมือนนายเข้ที่ไม่ชอบกิจการของแม่ไม่ชอบแพปลา

แต่สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นนายฟาร์มทั้งเลี้ยงปูดูแพปลา

ด้วยเหตุผลบางประการ ปูนิ่ม กับ พ่อ จึงตกลงใจไม่เปิดเผยความสัมพันธ์พ่อลูก  ในสังคมต่างจังหวัดที่ค่อนข้างให้ความสนใจเรื่องของคนอื่นเพื่อเมาท์มอยเป็นงานอดิเรกประเภทซุบซิบนินทา เธอจึงได้รับตำแหน่ง "เด็ก ผอ." ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้  ยิ่งเมื่อได้เจอลีลาเจ้าชู้ประตูดินทั้งรุ่นใหญ่แก่ประสบการณ์ และรุ่นเล็กแก่แดดอย่าง นายเข้-นายโขง เข้าไป  ปูนิ่มยิ่งเต็มใจจะครองตำแหน่ง เด็ก ผอ. และยึดมันเป็นเกราะป้องกันตัว ป้องกันใจเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

คนอย่างนายเข้ ไม่เคยพลาดสาวสวยที่หมายปอง 

แต่สำหรับคนมีเจ้าของ นายเข้ ก็มีกฏเกณฑ์ของตนเองว่าเป็นของต้องห้าม

แม้เจ้าโขงจะจิกแซวพ่อบังเกิดเกล้าว่า 'ต้นงิ้วของพ่อ' หนามมันลู่จนไม่เหลือคมไว้ทิ่มแทงอีกแล้ว แต่ที่จริงแล้วนายเข้ ก็ไม่เคยคิดจะก่อกามผิดกับลูกเขาเมียใคร  แม้ประสาผู้ชายเจ้าชู้ปากเปราะ จะทำให้อดปากอดใจไม่ค่อยได้ คอยแต่จะขายขนมจีบคุณครูปูนิ่มอยู่ร่ำไป และในบางครั้ง คุณครูก็ดันมีปฏิกิริยาที่คนอย่างนายเข้ผู้ผ่านหญิงมามากมายมีหรือจะดูไม่ออก ทำให้อดหวั่นอกหวั่นใจไม่ได้ว่า ..'นี่คิดจะปีนต้นงิ้วกับกูจริงๆ หรือไงหว่า'  

ถึงอย่างนั้นนายเข้ก็ยังให้เกียรติปูนิ่ม และรู้ขอบเขตดีว่าแค่ไหนไม่ล้ำเส้น

'ชื่อเสีย' ของนายเข้แห่งฟาร์มปูนิ่ม เป็นที่กระฉ่อนเล่าลือ มีหลักฐานพยานรับรองอย่างแน่ชัด ทั้งจากการมีลูกชายวัยรุ่นกระทงที่ถอดแบบพ่อออกมาเป็น "สำเนาถูกต้อง"  ทั้งจากความสัมพันธ์อันสนิดชิดเชื้อ ถึงเนื้อถึงตัวกันกับคุณครูคนใหม่ที่ทั้งสาวทั้งสวยและเคยเป็นผู้หญิงกลางคืนทำงานเป็นนักร้องตามผับตามบาร์มาก่อนอย่าง "ครูผักบุ้ง" หรือ "บัณฑิตา" ที่ใครๆ รู้ดีว่าเป็นผู้หญิงคนสำคัญของ "ป๋าเข้" คอยเลี้ยงดูส่งเสียเล่าเรียนกันมาจนสำเร็จการศึกษา ทั้งยังเอ่ยปากฝาก ผอ.มาให้พิจารณาถึงตำแหน่งคุณครูผู้สอนในโรงเรียนด้วย  เขาเปลี่ยนชีวิตผู้หญิงกลางคืนให้เป็นกลางวัน ปฏิบัติต่อเธอเป็นคนสำคัญที่เข้านอกออกฟาร์ม-ไปมาหาสู่ ควงแขนจ๊ะจ๋านายเข้เป็นว่าเล่น  แล้วไหนจะพฤติกรรมที่นายเข้เองก็ไม่เคยปกปิดความเจ้าชู้ของตัวเอง ไม่เคยแก้ตัว แก้ไขข้อข้องใจใดๆ ของใครทั้งสิ้น   ทุกสิ่งทุกประการบ่งชี้อย่างถูกต้องว่านายเข้เป็น 'จอมเจ้าชู้' อย่างแน่นอน

แต่เหตุไฉนหัวใจของปูนิ่มก็มิยอมฟัง 'สัญญาณเตือนภัย'  มีแต่จะดื้อรั้นเปิดใจอยากรู้อยากลองทำความรู้จัก อ่านดูผู้ชายหน้าเข้มตัวดำภาพลักษณ์เสื่อมเสียเปรียบเสมือนเป็นหนังสือ 'ปกไม่สวย' เล่มนั้นอยู่ร่ำไป

รายละเอียดของหนังสือปกไม่สวยที่ชื่อเรื่องว่า "นายเข้" คงต้องท้าทายให้คุณไปลองหามาอ่านกันเอาเองแล้วกระมัง

ส่วนตน..ชอบนายเข้มาก  ถึงจะไม่ชอบความเจ้าชู้  แต่คงเป็นเพราะมันเป็นข้อเสียข้อเดียวท่ามกลางข้อดีหลายอย่าง   และเรื่องความเจ้าชู้เนี่ย มันก็มีประเภท มีขอบเขตของมัน  ตัวเราเองสมัยเรียนจบทำงานใหม่ๆ  เราไปอยู่ในสังคมต่างจังหวัดเช่นกัน ด้วยประเภทของธุรกิจที่ส่วนใหญ่คนทำงานเป็นผู้ชาย เราเป็น 'สาวน้อย' (สมัยนั้นน่ะนะ) เพียงคนเดียว ในท่ามกลางๆ พี่ๆ ลุงๆ 8 คน ในออฟฟิศเล็กๆ ที่ไม่นับรวมถึงคนงานผู้ชายเกือบทั้งหมดยกเว้นแม่บ้าน ในออฟฟิศมีพี่ผู้หญิงอีกสามคนซึ่งมีครอบครัวแล้วและเป็นคนในพื้นที่แถวนั้น  การเดินทางไปกลับจากที่พักในตัวเมืองไปยังสถานที่ทำงาน และการออกไปกินข้าวกลางวันส่วนใหญ่ จึงมีเราเพียงคนเดียวที่ต้องไป-กลับกับพี่ๆ  ต้องอยู่กับผู้ชายพวกนี้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตก็ว่าได้  บ่อยครั้งที่หลังเลิกงาน ต้องไปนั่งแกร่วอยู่ตามร้านอาหาร สั่งกับกิน (จนอ้วน) ส่วนพี่ๆ ที่ทั้งโสดและไม่โสด ก็หย่อนใจนั่งดื่มกินหลีเด็กเสิร์ฟชงเหล้าสาวเชียร์เบียร์ทั้งหลาย หาได้เกรงใจน้องนุ่งคนนี้จะง่วงหงาวหาวนอนอยากกลับที่พักไม่   ก็เลยพอจะเคยเห็นบางแง่มุมของพวกผู้ชายอยู่บ้างกระมัง  ต่อให้เป็นคนดีสุภาพก็เหอะ ลองได้เข้าก๊กเข้ากลุ่ม ไม่มีหรอกที่จะเป็นพระอิฐพระปูน ไม่ร่วมสรวลเสเฮฮา เพราะว่าผมไม่เจ้าชู้น่ะนะ   มีเหล่าสามีรวมแก๊งที่ไหน มีขบวนการนินทาเมียและครึ้มอกครึ้มใจกับสาวสวยนอกบ้านที่นั่น  และกรณีที่ยอมลงทุนมอบหมายให้ใครสักคนเอารถมาส่งเรากลับที่พักก่อน .. ก็แอบเดาว่าการนัดแนะกันออกลายจะเป็นระดับแรง อาจมีพฤติกรรมความซับซ้อนอยู่เบื้องหลังความเมาลึก บางทีอาจเป็นเพียงความคึกคะนองสรวญเสเฮครืนของผู้ชาย  แต่บางทีก็คงบางลวดลายที่เป็น 'เรื่องจริง' ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ยังมีเหลืออีกเงื่อนไขหนึ่งคือ  โสดอิสระ หรือ มีแฟนคบหา มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว   ถ้าโสดอิสระก็เอาเหอะ จะไปหัวหกก้นขวิดกับใครเราไม่ขอตัดสิน  แต่กรณีไม่โสดเนี่ย ถือว่า ชั่ว (เต็มปากเต็มคำ)

กรณี นายเข้ ในนิยายเรื่องนี้  เพราะเขาโสด  เราจึงไม่มีความรู้สึกด้านลบอะไรกับพระเอก แต่ยังไงก็ตาม ก่อนจะเปลืองเนื้อเปลืองตัว คุณปูนิ่มก็ควรไปตรวจเลือดนะ เพราะนายเข้สำส่อนจนน่ากลัวเชื้อโรคจะถูกป้องกันไม่หมด   นอกจากเรื่องนี้ก็มีที่น่าเป็นห่วงอยู่อีกอย่างคือ การที่นายเข้มีลูกชายกำลังเป็นวัยรุ่น คนเป็นพ่อควรเป็นแบบอย่างที่ดีหรือไม่ เที่ยวเป็นป๋าเจ้าสำราญกลับบ้านเช้าตลอดอย่างนี้  ข้อดีข้อเสียมันก็ก้ำกึ่งอยู่นะ ระหว่างเรื่องของการเป็นแบบอย่างที่ดี โสดอย่างเหี่ยวเฉาเพื่อเป็นพ่อแบบไร้ที่ติ กับการเป็นพ่อที่มีข้อบกพร่องอย่างเปิดเผยจริงใจ  ตัดสินไม่ได้ว่าอยากให้นายเข้เป็นพ่อแบบไหนดี เพราะถ้าจะให้นายเข้เป็นพระอิฐพระปูนเป็นพ่ออย่างเดียวไม่ยุ่งเกี่ยวหญิงใดนั่นก็ท่าทางจะยาก ตราบใดที่ยังไม่เสื่อมสมรรถภาพ  หรือหากจะนึกไปอีกกรณีคือเจ้าชู้ก็เจ้าชู้ไปแต่ต้องคอยสร้างภาพปกปิดไม่ให้ลูกรู้เห็น หรือถ้าเห็นก็ให้น้อยที่สุด อืม ถ้าแบบนี้ขอกาหัวพระเอกทิ้งเลยดีกว่า เพราะถือว่าเป็นพ่อสนิทคิดไม่ซื่อ   เข้เป็นอย่างที่เข้เป็น เป็นพ่อใกล้ชิด เป็นเพื่อนสนิทชิดใกล้ ไม่มีซอกหลืบซ่อนตัวตนเป็นความลับ   แม้จะไม่รู้สึกชื่นชมแต่ก็ไม่ถึงกับใส่คะแนนติดลบลงไป

เพราะนอกเหนือจากเรื่องความเจ้าชู้  เข้ถือเป็น ลูกผู้ชายตัวจริง  ทั้งความรับผิดชอบในการกระทำ ทำท้องแล้วรับ ไม่ทอดทิ้งลูก เอาจริงเอาจังกับชีวิต ทั้งเล่าเรียนหาความรู้ และช่วยแม่ทำมาหากินจนประสบความสำเร็จ  เป็นอย่างไรเป็นอย่างนั้น  ไม่เคยสร้างภาพ  เรื่องผู้หญิงสำหรับเข้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้ผิดลูกเขาเมียใคร จึงไม่ละอายในสิ่งที่เขาเป็น   

ความจริงแล้วผู้ชายเจ้าชู้มันดีที่ไหนกันละคะคุณ  แต่นายเข้เนี่ยเหนือกว่าชายเจ้าชู้ทั่วไปคือ เจ้าชู้อย่างมั่นใจไม่มีคำปฏิเสธหรือข้อแก้ตัวใดๆ ให้ใคร     และแม้จะได้ชื่อว่าเป็นวิศวกรรางรถไฟ แต่ที่จริงนายเข้ถือหลักการไม่จำเป็นต้องสับรางให้เมื่อยตุ้ม คันไหนเหลือรอดก็คันนั้นแหละ  หรือถ้าชนกันแหลกทุกคัน นายสถานีก็ชิ่งไปอย่างรอดตัวอยู่ดี เราอาจจะมัวอึ้งในความมั่นใจใสซื่อว่าผมเป็นคนเจ้าชู้อย่างนี้แหละของพระเอกอยู่ เลยลืมเกลียดเขาเลยน่ะสิ

 

ส่วนนางเอก ปูนิ่ม  แม้จะผิดคาดไปเล็กน้อย คิดว่าถ้าพระเอกเจ้าชู้ นางเอกจะมาแนวเรียบร้อย น้ำนิ่งไหลเย็น ตั้งป้อมปฏิเสธ ไม่ชอบ ไม่สน ไม่เอา! แต่ที่จริงเป็นตรงกันข้าม  นางเอกปูนิ่มของเราไม่ได้นุ่มนิ่มสนิมสร้อยแบบใช้ความสงบสยบความเจ้าชู้ แต่เธอเป็นแนวสาวมั่นฉันเชื่อตัวเองเช่นกัน  ใครจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับนายเข้ ใครจะว่าไม่มีหรอกคนที่จะเอานายเข้อยู่   แทนที่จะหวาดจกลัวจะหลีกหนี  นางเอกของเรากลับพร้อมตั้งรับและถ้าแน่ใจก็พร้อมใส่เกียร์เดินหน้าเข้าพุ่งชน หมายมั่นปั้นมืออยากลองดูสักตั้งว่าถ้าเป็นปูนิ่มคนนี้จะเอานายฟาร์มปูได้อยู่หรือไม่ ของอย่างนี้ถ้าอยากรู้มันต้องลอง

ผิดหลักการ 'ทั่วไป' กันเห็นๆ  เหมือนเรื่อง 'เหลี่ยมเสน่หา' นั่นแหละค่ะ  นางเอกทั่วไปเสียตัวก็โกรธเคือง เจ็บช้ำ และลงท้ายด้วยอาการหยิ่ง เสียไปแล้วก็เสียไป ฉันอยู่ได้  ไม่แคร์ไม่ง้อหรอกจ้า   นางเอกของอุธิยามาแนวแปลก ไหนๆ ก็เสียแล้ว จะเป็นไรไปถ้าต้องเสียอีกเพื่อทุ่มเททุกอย่างลงไปแลก เสียตัวแล้วต้องได้ใจ ปลื้มซะจนคิดว่าจะต้องซื้อหามาเก็บเพราะเป็นเรื่องที่ต้องนึกอยากอ่านอีกแน่นอน

เมื่อปูนิ่มก็ชอบนายเข้ อยากรู้อยากลองอ่านทางผู้ชายเจ้าชู้ ทดลองจับปลาไหลดูสักที   'ความรัก' ของสองคนนี้จึงค่อนข้างเป็นความเรียบง่ายไปหน่อยสำหรับเรานะ  แต่เพราะมีคู่ของ 'พี่กบ'  กับ 'น้องผักบุ้ง' จึงถือเป็นการชดเชยที่ลงตัวมากๆ พี่กบเป็นมือขวาคนสนิทของนายเข้ที่คาแรคเตอร์ต่างจากเจ้านายลิบลับคือ นิ่ง สงบ เงียบเป็นเป่าสาก  รักผักบุ้งนะแต่เจียมตัวเพราะเธอเป็นเด็กของนายเข้จึงไม่อาจเอื้อมคิดแสดงออก

ส่วนสาวผักบุ้ง เธอเคยเป็นผู้หญิงกลางคืนที่คุ้นเคยกับผู้ชายหน้าหม้อมามาก เมื่อเป็นสาวมั่น จึงมาพร้อมกับการนุ่งสั้น บุคลิกก๋ากั่น ปากคอรอบรู้มุกเกี้ยวพา สองแง่สามง่าม ทันเชิงชาย  แต่ว่าเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงพี่กบจะอืดอาดยืดยาด เจียมเนื้อเจียมตัว  ทึ่มเรื่องผู้หญิงเป็นกบในกะลาครอบ น่าหมั่นไส้ขนาดไหน  แต่ครั้นเธอจะลงมือทุบกะลาเปรี้ยงเดียว โดดรวบหัวรวบหางพี่กบซะโจ่งแจ้ง มันก็กระไรๆอยู่  ถึงจะมั่นขนาดไหน ก็ยังพอมียางอายอยู่นะจะบอกให้  จึงทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากอ่อยแล้วอ่อยอีก อีตาพี่กบบ้าๆๆๆ ก็ไม่ยอมกินเบ็ดของผักบุ้งซะที  วุ้ย! ไม่ได้ดั่งใจ รมณ์เสีย 

ผักบุ้งน่ารักมากค่ะ  เป็นตัวละครที่ชอบมากๆ  ไม่รู้จะสงสารใครดี ระหว่างความเจียมตัวเป็นฤาษีจำศีลของพี่กบ กับ ความเพียรพยายามอ่อยเบ็ดของน้องผักบุ้ง 555

เขียนคาแรคอเตอร์ของตัวละคนได้ชัดดีค่ะ  ชัดจนบางตัวละครมีหน้านักแสดงโผล่มาในหัวเลยทีเดียว " เจ้าโขง" วัยสิบสี่สิบห้าปี  มีหน้าตาน่ารักแบบกวนๆ  กับ รอยยิ้มยียวน ลีลาแพรวพราวของน้องเก้า-จิรายุ ลอยมาเลย แม้ในเรื่อง พ่อเข้ของโขงจะตัวดำ และโขงก็ควรจะสีผิวไม่ต่างกันนักก็เถอะ  "ผอ.คเชนทร์"  พ่อของปูนิ่ม เป็นใบหน้าในบุคลิกสุภาพนุ่มนวล และรอยยิ้มละไมใจดีของ คุณทูน หิรัญทรัพย์  ส่วนตัวละครที่ชอบมากๆ คือ "เจ๊หงส์"  อ่านเจอปุ๊บเป็นหน้าคนนี้โผล่มาปั๊บเลย  ป้าตุ๊ก ดวงตาตุงฯ เท่านั้น

ชอบที่สุดคือความสัมพันธ์ของครอบครัวนาวามาศ  คือ เจ๊หงส์ เจ๊แกร่งผู้เป็นเจ้าแม่สะพานปลา  ลูกชาย-นายเข้แห่งฟาร์มปูนิ่ม และหลานชาย-นายโขง ที่เป็นนายเข้เวอร์ชั่นตัวลูก ประสบการณ์เสือผู้หญิงตัวน้อยยังอ่อนนิ่มและจะพัฒนาความกร้านของลวดลายไปเป็น "ตัวพ่อ" ในอนาคต

ชอบความสัมพันธ์ของ "ป๋าเข้"  กับเด็กป๋า "น้องผักบุ้ง"  นอกจากมันจะเป็นน้ำใสใจจริงที่อบอุ่นและน่ารักมากๆ แล้ว  ป๋าเข้ กับ น้องผักบุ้ง ยังได้ใจไปเต็มๆ กับคาแรคเตอร์มั่นใจ แบบที่เป็นตัวของตัวเอง รู้ดีว่าความจริงเป็นเช่นไร จึงไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาหรือความคิดของใครคนอื่น ถ้าจะมีใครสักคนที่ผักบุ้งแคร์ ก็มีแต่คนที่เธอรักอย่างพี่กบเท่านั้น   ส่วนป๋าเข้ ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยมีสักคำที่เขาจะแก้ตัวเรื่องผู้หญิง (ในเมื่อมันก็จริง) ถึงจะชอบคุณครูปูนิ่มคนสวย แต่เมื่อเธอเป็นเด็กผอ. และตราบใดที่ไม่ได้ลงเอยคบหากัน เขาไม่ได้ทำผิดอะไรต่อเธอ (อันนี้คิดแทนแบบเข้าข้างพระเอกมาก)

แล้วยังชอบฝุดๆ เลยนะ เวลาป๋าเข้ เรียกน้องผักบุ้งว่า "หนอน"

ส่วนประเด็นที่ถูกพูดถึง กรณีที่นายเข้ ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นอีก ทั้งที่เพิ่งเลิกรากับนางเอก  ส่วนตัวไม่รู้สึกว่าไม่พอใจพระเอกแต่อย่างใด ไม่ใช่เพราะเหตุผล เลิกกันแล้ว เป็นโสดแล้วนี่เท่านั้นหรอกนะ แต่เป็นเพราะเราไม่ค่อยอินกับความรักของคนคู่นี้  ไม่รู้สึกถึงความพิเศษที่ทำให้ปูนิ่มเป็น 'รักแท้' ของนายเข้  เหมือนเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่นายเข้ชอบ ต่อมานายเข้ก็รัก แล้วก็อยากผูกพันด้วย รู้สึกแค่นั้นเอง แล้วปูนิ่มก็มีท่าทีพึงพอใจนายเข้ในแบบที่เขาเป็น  มันไม่มีความยากที่ว่านางเอกเซย์โนไม่เอาเด็ดขาดผู้ชายเจ้าชู้  ให้นายเข้ต้องลำบากกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะก็ไม่อาจแก้ประวัติไม่ดีของตัวเองได้  ไม่มีเรื่องโกรธเคืองเข้าใจผิดในช่วงคบกันมาซ้ำเติมให้เรื่องมันยากว่า  นี่ไงล่ะ สันดานผู้ชายเจ้าชู้ ถ้ารักแล้วต้องเจ็บต้องช้ำ ยังจะเอานายเข้อีกหรือ มันจึงเรียบง่ายกว่ามากเมื่อต่างคนต่างไม่มีพันธะและมีหัวใจตรงกัน

ก็ไม่เห็นเธอจะโกรธที่นายเข้ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นนี่นะ คงจะเข้าใจว่า.. นั่นคือชีวิตของเขา และเราก็เลิกกันแล้ว  เมื่อไม่ได้ใส่ความยากลำบากให้กลายไปเป็นรักดราม่าของชายเจ้าชู้ กับธรรมชาติของหญิงทุกคนที่ต้องการจะเป็นรักแท้เพียงรักเดียวของผู้ชายคนหนึ่ง  เนื้อเรื่องจึงค่อนข้างเบาสมองดี

แม้ว่าความรักของนายเข้ กับ ปูนิ่ม จะราบรื่นไปสักหน่อยในความรู้สึก  แต่หากมองกันที่การร้อยเรียงเรื่องราว ถือเป็นนิยายอ่านสนุกเรื่องหนึ่ง  มี 'จุดเกิดเหตุ'  เป็นระยะๆ ให้เรื่องราวมีความน่าสนใจอยู่เสมอ  ทั้งเรื่อง ความสัมพันธ์พ่อลูกของปูนิ่มกับ ผอ.คเชนทร์ ที่ถูกเข้าใจผิดเป็นเรื่องซุบซิบฉาวโฉ่  และเป็นเส้นบางๆ ขีดคั่นอยู่ในหัวใจของนายเข้ ..ปีนดีมั้ยหว่า  หรือ ไม่ปีนดีกว่ามั้ง (ต้นงิ้วน่ะต้นงิ้ว)  ทั้งปัญหาความขัดแย้งในโรงเรียนชลพิทักษ์ และความยุ่งยากที่มีเข้ามา เมื่อ แม่ของโขง โผล่หน้ากลับมาหา และทำท่าว่าต้องการจะเป็นลมรักที่พัดหวน

ถ้าหากชายเจ้าชู้อย่างนายเข้จะเคยเท่อย่างไรที่เป็นมา แต่ฉากที่นายเข้เปิดอกคุยกับลูกชายเรื่องแม่ของลูก เหตุผล และ การตัดสินใจ .. เป็นความเท่อันดับหนึ่งเหนือการกระทำอื่นๆ แม้ความเท่ตอนบอกกล่าวการตัดสินใจกับปูนิ่มอย่างจริงใจยังต้องชิดซ้ายไปเลย

ลูกผู้ชายในความคิดของเรามีลักษณะอย่างนี้  รัก คือ ความสำคัญ  แต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างก็สำคัญ รักย่อมไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เรามักจะชอบแนวคิดแบบนี้ มากกว่าแนวเกิดมาเพื่อรักเธอเท่านั้นจนเสียสละได้ทุกสิ่งเพื่อเธอ   ต่อให้เหตุที่ต้องวางความรัก  ไม่ใช่ ลูก แต่เป็นเรื่องอื่น เช่น ความฝัน  ความมุ่งมั่นตั้งใจ หรืออะไรก็ตามที่มีน้ำหนักความสำคัญก็ตามเถอะ

แต่.. ก็ไม่ได้หมายความว่าการเสียสละอะไรบางอย่างที่สำคัญเพื่อความรักมันไม่เท่นะคะ  ขึ้นอยู่กับเหตุผลและเรื่องราวแต่ละเรื่องมากกว่าที่จะบอกได้ว่า  เลือกความรัก หรือ ทิ้งความรัก อย่างไหนมันเท่มากกว่ากัน

อีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้งานเขียนในนามของ "อุธิยา" เข้ามาอยู่ในใจตอนนี้ คือเรื่องของการสร้างบรรยากาศแวดล้อม  อย่างเรื่อง "ลมไพรผูกรัก" ก็ชอบเรื่องในแวดวงงานป่าไม้และแนวคิดเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ  มาเรื่องนี้ การเขียนบรรยายสภาพแวดล้อม ก็ให้ภาพสังคมต่างจังหวัด สังคมคนทำงาน ในแง่มุมที่รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติที่ใกล้เคียงความเป็นจริง  การสนใจเรื่องของชาวบ้าน เรื่อง ซุบซิบนินทา ลักษณะของคนหลายแบบ  หรือการสอดแทรกวิธีการเลี้ยงปูนิ่ม วิถีของธุรกิจทำฟาร์มปู ทำให้พอเข้าใจมองเห็นเป็นภาพคร่าวๆ  และพลอยได้ความรู้ไปด้วย   อีกทั้ง กรณี หนุ่มๆ โฉด โสด และไม่โสด นัดแนะตั้งวงกินเหล้าหลีนารี  ภาษาพูดจาระหว่างกัน  สำนวนจีบหญิง คำแซวสองแง่สามง่าม อารมณ์ครึ้มอึกครึ้มใจของชายครื้นเครง  ขอบอกว่ามันเนียนเป็นธรรมชาติมากนะนั่น  ไม่งั้นเราไม่นึกถึงพี่ๆ พวกนั้นขึ้นมาหรอก  มุกหลีต่างๆ มันได้มาก  มั่นใช่มาก

เขียนเก่งค่ะ ทั้งสามเรื่องที่อ่าน แม้ไม่ได้ถูกใจทุกจุด แต่ชอบจุงเบย จะติดตามผลงานต่อไป

 

 

หมายเหตุ : นิยายไม่ค่อยได้บรรยายอะไรถึงทะเลหรอกนะคะ เพียงแต่ชื่อเรื่องทำให้นึกถึง ภาพ 'ริมเล' ทั้งหมดเป็นภาพถ่ายของเราเองจากทริปเกาะหลีเป๊ะ ปี 2553 ค่ะ แม้จะไม่ได้ไปทะเลบ่อยนัก แต่ในบรรดาทะเลที่เคยไปมา ทะเลหลีเป๊ะเป็นความงดงามของธรรมชาติที่ประทับใจมาก จำได้ว่าการถ่ายภาพกลางทะเลขณะล่องเรือเป็นเรื่องยากมาก เพราะกล้องแทบโฟกัสไม่ได้ เส้นขอบฟ้าก็เจือจางแทบมองไม่เห็น มันเหมือนเป็นภาพผืนเดียวที่ไม่มีความแตกต่างระหว่างน้ำกับฟ้า   เราไม่รู้หรอกว่าทะเลขึ้นชื่อที่อื่นๆ จะสวยงามไม่แพ้กันหรือเปล่า แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังยกให้หลีเป๊ะเป็นทะเลแห่งความภาคภูมิใจของชาติอยู่เลยนะ ...   ไว้อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวกันบ้างนะคะ

 

 

 

 




Create Date : 02 มีนาคม 2557
Last Update : 6 มีนาคม 2557 0:51:15 น. 13 comments
Counter : 2730 Pageviews.

 
เป็นรีวิวที่ยาวแต่อ่่านเพลินมากเลยครับ...เรื่องนี้ยังอยู่ในกองดอง


โดย: อุ้มสม วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:15:09:56 น.  

 
ชอบจังค่ะ อ่านเพลินเลย บรรยายน่ารักจัง
ชอบนิยายแนวนี้ จะไปหาอ่านมั้ง อุธิยา..
ออกจากสิ่งเดิมๆ เพื่อพบสิ่งใหม่ๆ..ขอบคุณค่ะ


โดย: ัyosita IP: 223.205.220.136 วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:16:35:06 น.  

 
เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านค่ะ แต่เคยอ่านเรื่องอื่นของผู้เขียน ก็สนุกดีค่ะ...แอบชอบประกอบ สวยค่ะ


โดย: Aneem วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:19:17:50 น.  

 
ยังไม่มีโอกาสได้อ่านสักทีเลยค่ะ ขอบคุณที่รีวิวนะคะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:20:06:42 น.  

 
เป็นรีวิวที่ยาวแต่อ่านเพลินมากเลยครับ ชอบภาพประกอบด้วยครับ


โดย: สามปอยหลวง วันที่: 3 มีนาคม 2557 เวลา:8:11:29 น.  

 
น่าลองอ่านเพราะบอกว่าตลก
แต่เนื้อหาแบบนี้ถ้าทำละครไม่ดูแน่ๆ


โดย: รินบุญญา วันที่: 3 มีนาคม 2557 เวลา:9:35:44 น.  

 
'ต้นงิ้วของพ่อ' หนามมันลู่จนไม่เหลือคมไว้ทิ่มแทง

มันฮาตรงนี้ล่ะ ....


โดย: Prophetdoll Oui (Pdจิงกุเบล ) วันที่: 3 มีนาคม 2557 เวลา:10:34:56 น.  

 
ยาวมาก.. เรื่องนี้ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ

อ่านแล้วอยากหาหนังสือมาครอบครองมั่งจัง


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 3 มีนาคม 2557 เวลา:13:58:14 น.  

 
@ อุ้มสม พี่ก็สันนิษฐานตัวเองได้ว่าบล็อกนี้มันน่าจะว่ากันยาวกับประเด็น 'เจ้าชู้' ที่น่าจะทำให้สนุกกับการเขียนบล็อกตั้งแต่ยังอ่านหนังสือไม่จบแล้วล่ะค่ะ

@ คุณ Yosita ขอบคุณค่ะ เราชอบผลงานของ อุธิยา ค่ะ

@ คุณ Aneem อ่านเรื่องอะไรหนอ อยากรู้จัง

@ คุณ หวานเย็นผสมโซดา ได้ลองเมื่อไหร่ รีวิวแบ่งกันอ่านบ้างเน้อ

@ คุณ สามปอยหลวง ขอบคุณที่เพลินได้ แม้ว่ามันจะยาวไปหน่อย

@ คุณรินบุญญา ใครๆ ก็ว่าเรื่องนี้ตลกค่ะ

@ คุณ Pdจิงกุเบล พ่อเข้โดนลูกโขงจิกไปหลายดอกมากเลยค่ะเรื่องนี้

@ คุณ nonnoiGiwGiw มันยาวไปตามอารมณ์ค่ะ ..แต่บล็อกหน้าจะพยายามเขียนให้สั้นๆ ...


โดย: prysang วันที่: 3 มีนาคม 2557 เวลา:19:33:25 น.  

 
เรื่องนี้อ่านแล้วค่ะ
ส่วนตัวไม่โดน เพราะคิดแบบเดียวกันกับคุณprysang เรื่องความรักของ นายเข้ กับปูนิ่มนั่นแหละค่ะ.....คืออ่านแล้วไม่เชื่อว่ารักกันจริง ๆ จัง ๆ

ส่วนมุกขำ ๆ ในเรื่อง หลายมุกเลยค่ะที่เราไม่ขำ ( เก็ทนะ แต่มันไม่ขำน่ะ ....คือการปล่อยมุก มันต้องมีการบิ้วรอ..แล้วตบมุก แต่เรื่องนี้ เค้าใส่มุกมาดุ่ย ๆ เลย มันก็เลยไม่ค่อยชวนให้ขำ )


โดย: Serverlus วันที่: 3 มีนาคม 2557 เวลา:22:47:12 น.  

 
มายกมือว่าอ่านแล้วค่ะเรื่องนี้ .. แล้วคงประเด็น
เดียวกันเลยคือ ความรักของนายเข้กับปูนิ่มนั้น
เราไม่อินเลยค่ะ อีกอย่างเรื่องนายเข้จะเจ้าชู้หรือเปล่า
ในขณะโสดเราก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ว่าเรามองถึง
เค้าเป็นคนที่ทีเล่นทีจริง หยอกเย้า เป็นลักษณะนิสัย
ที่เราไม่ค่อยชอบใจเลยค่ะ แต่ว่าเราก็อ่านหนังสือจบนะค่ะ
อาจจะตรงนี้เล่มนี้เลยอ่านได้เรื่อยๆ แต่ว่า
ไม่ได้ชอบมากๆ ค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 6 มีนาคม 2557 เวลา:15:03:22 น.  

 
@ คุณ Serverlus เราไม่ขำเพราะปกติก็ไม่ชอบการหยอกล้อแซวเล่นอะไรทำนองนี้อยู่แล้วค่ะ ยิ่งถ้าเป็นคนถูกแซวด้วยล่ะก็ขอยืนยันว่ามันไม่ขำแน่นอน แต่เราก็นิยมในความเนียน เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย.. ผู้ชายนิสัยนี้ เป็นกันอย่างนี้จริงๆ 55

@ คุณ JewNid การชอบหรือไม่ชอบอะไร จะเป็นไปตามมุมมอง ความคิด ประสบการณ์ของเราแต่ละคนเลยค่ะ เราจึงเขียนบล็อกนี้ได้ยาว เพราะสนุกกับการเล่าประสบการณ์ด้วยนั่นเอง


โดย: prysang วันที่: 6 มีนาคม 2557 เวลา:19:21:07 น.  

 
รีบอ่านเลยค่ะ ไม่ผิดหวังเล๊ยยยยย


โดย: Loveleklek IP: 171.98.46.92 วันที่: 11 มีนาคม 2557 เวลา:19:24:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.