ความรัก...โลภ...โกรธ...ชิงชัง และปมในอดีต ทำให้รินคำต้องเผชิญชะตาชีวิตที่ผกผัน เธอจะตัดสินใจกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไร ระหว่างคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่กับความรักที่มั่นคงของผู้ชายคนหนึ่ง ที่หัวใจของเธอร่ำร้องอยากอยู่เคียงข้างเขาและฝากตัวเป็นลูกหลานของแผ่นดินลาวตลอดไป
"...ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน สุดแท้แต่พรหมลิขิต จะชักพาให้ประสบพบรัก ณ ที่ใด มันเหมือนอุบัติเหตุแห่งหัวใจที่ไม่ได้รู้ตัวมาก่อนล่วงหน้า รู้แต่เพียงว่า รักคือรัก รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา มีแต่ดวงใจสองเราเท่านั้นที่พันผูกเป็นรักแท้ .. ตราบนิจนิรันดร์"
" ... เพื่อความเข้าใจในอาเซียน ... คือแนวคิดหลักของนวนิยายซึ่งนักประพันธ์ได้ใช้ความสามารถเชิงวรรณศิลป์เรียงร้อยเนื้อเรื่องให้สนุกสนานไปตามจินตนาการ โดยมี "แก่น" ที่มุ่งหมายจะก่อให้เกิดความเข้าใจและสร้างสายสัมพันธ์ไร้พรมแดนให้เกิดขึ้นในประชาคมอาเซียนของเรา .. ผมขอชื่นชมครับ"
นายอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร อธิบดีกรมอาเซียน
ก็เพราะท่านอธิบดีนี่แหละที่บอกว่ามี "แก่น" จึงค่อนข้างคาดหวังกับนิยายเรื่องนี้เอาไว้มากอยู่ แต่อ่านแล้วโดยส่วนตัวยังไม่พบแก่นที่ว่า เพราะจากที่อ่านจะรู้สึกว่าเป็นนิยายรักของต่างพรมแดนที่ถูกทำให้พลัดพราก แม่สามีกีดกันลูกสะใภ้ อิจฉาริษยา ปัญหาการจัดการมรดก และการยื้อแย่งความรักจากผู้ชาย โดยตัวละครส่วนหนึ่งเป็นคนลาว และใช้ฉากในประเทศลาว เพียงเท่านั้น
เรื่องมีอยู่ว่าในอดีต "เพ็ญพักตร์" นักศึกษาสาวไทยได้ไปออกค่ายอาสาพัฒนาที่จังหวัดหนองคาย ได้พบกับ "สมาน" หนุ่มลาวที่ข้ามมาเที่่ยวเมืองไทยในงานลอยกระทง เกิดเป็นรักแรกพบของหนุ่มสาววัยเรียน รักแรกเข้มข้นที่ทำให้คนตาบอด ถึงกับยอมทิ้งอนาคตและครอบครัวโดยตัดสินใจอยู่กินด้วยกันที่ จ.หนองคาย จนมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนคือ "รินคำ" แต่แล้วสมานก็มีเหตุให้ต้องกลับไปยังวังเวียงที่ลาวโดยลำพัง พร้อมทั้งให้สัญญาว่าจะกลับมาหาลูกเมียในภายหลัง แต่หลังจากนั้นสมานไม่เคยกลับมา เพ็ญพักตร์จึงต้องทนบากหน้าหอบลูกสาวกลับมาขออยู่อาศัยกับพ่อแม่ที่กรุงเทพ และกลายเป็นหญิงผู้ตรอมตรมอมทุกข์อยู่กับความผิดหวังเสียใจมาทั้งชีวิต
แต่แล้ววันหนึ่งแม่สามี หรือ "คุณย่าคำฝาย" ของรินคำก็ส่งคนมาตามหาลูกสะใภ้และหลานสาวที่เมืองไทย พร้อมทั้งขอร้องให้รินคำไปเยือนแผ่นดินพ่อที่ประเทศลาว แม้เพ็ญพักตร์จะไม่เต็มใจ แต่รินคำก็ดื้อดึงที่จะไปลาวให้ได้เพื่อไปรับรู้เรื่องราวชีวิตของพ่อและค้นหาเหตุผลที่พ่อทิ้งเธอกับแม่ไป
เธอจึงออกเดินทางไปลาวพร้อมกับเพื่อนสาวทั้งสองคือ "พลอยใส" และนาย "รัตนพล" ที่ตั้งชื่อตัวเองเสียใหม่ให้ฟังเป็นสาวน่ารักว่า "โมโกะ"
รินคำได้พบกับหนุ่มรูปหล่อชื่อ "อานน" เขาเป็นลูกชายเจ้าของกิจการโรงแรมในเวียงจันทร์ มีบ้านพักอาศัยอยู่ระหว่างเส้นทางเวียงจันทร์และวังเวียง และมีเหตุให้ทั้งสองได้พบเจอกัน พร้อมทั้งเดินทางไปด้วยกันที่วังเวียง รินคำจึงเพิ่งรู้ว่า อานาน เป็นสถาปนิกที่ทำงานให้รับรีสอร์ทรินคำ ของคุณย่าคำฝาย ซึ่งปัจจุบันก็กำลังอยู่ระหว่างการดูแลก่อสร้างรีสอร์ทที่พักแห่งใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
เรื่องราวต่างๆ จึงตามมา ความรักความหลังของพ่อผู้เสียชีวิต คุณย่าผู้สำนึกผิด แม่เลี้ยงที่ซ่อนในจิตริษยา น้องสาวต่างมารดาที่แสดงความเป็นปรปักษ์ชัดเจนเพราะทั้งรักทั้งหวงและจับจองไว้แล้วซึ่ง "อ้ายนน" แล้วยังเรื่องมรดกรีสอร์ทรินคำ .. แผนเจ้าสาวขัดดอก เล่ห์ปรักปรำ แผนอุ้มฆ่า .. และอุปสรรคของรักมีพรมแดน
แม้พระเอกไม่ใช่คนลาว แต่เป็นคนไทยผู้มีชีวิตอยู่ที่ลาว แต่ยังคงเป็นอุปสรรคเรื่องรักต่างพรมแดนได้อยู่ดี นี่ถ้าเขียนให้พระเอกเป็นคนลาวไปเลย อุปสรรคข้อนี้น่าจะขลังมากขึ้นนะ
การใช้ฉากในประเทศลาว และคนลาว ทำให้มีการสอดแทรกภาษา ประเพณี วัฒนธรรม นิทานพื้นบ้าน และอื่นๆ ของลาวเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ทำให้เรื่องมีความน่าสนใจมากขึ้น แต่เราก็ยังมองว่าเป็นการบรรยายฉากสถานที่ปกติธรรมดา ถ้าเทียบกับเรื่องประเทศเวียดนาม "เมืองสเน่หา" ที่กำลังอ่านอยู่เพราะเรื่องนี้จะมีแก่นเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เริ่มจะถูกกลืนกินไปกับสังคมที่เปลี่ยนไป ซึ่งคงได้โอกาสมารีวิวคราวหน้า
ไม่ได้หมายความว่าจะผิดโจทย์ "นวนิยายรักเพื่อความเข้าใจในประเทศอาเซียน" นะคะ เพราะส่วนนี้เราคิดว่าผู้เขียนทำได้ดี เพียงแต่ตัวเราคาดหวังอะไรที่ลึกไปอีกนิด หากใครเคยท่องเที่ยวไปตามเส้นทาง เวียงจันทร์ วังเวียง หลวงพระบาง น่าจะจินตนาการภาพฉากสถานที่ได้ชัดมาก อย่างตัวเราเองก็บอกได้เลยว่ามันคือเกือบจะทุกที่ที่เราได้ไป มีแต่ ภูท้าวภูนาง เท่านั้นกระมังที่นึกไม่ออก ภาพหนุ่มสาวเดินขึ้นถ้ำจัง ขึ้นพระธาตุภูสี เดินบนสะพานข้ามแม่น้ำซอง แม้แต่รีสอร์ทยังจินตนาการเป็นรีสอร์ทริมแม่น้ำซองที่เราเคยไปพักเลย .. บรรยากาศของบ้านเมือง และฉากสถานที่เหล่านี้แหละค่ะที่ทำให้อ่านนิยายเรื่องนี้จนจบ เพราะในส่วนของเนื้อเรื่องและสำนวนการเขียนยังไม่ถูกใจนัก .. ไม่อาจจะบอกเป็นหลักการ เพียงแต่หลายอย่างมันสะดุด
ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่ไม่นิยมนิยายรักที่หวานมากนัก โดยเฉพาะหวานด้วยคำพูด เรื่องนี้เป็นรักแรกพบ (ซึ่งไม่ใช่แนวอีกเช่นกัน) พระเอกจีบนางเอก ด้วยลักษณะการใช้คำพูดที่คงจะเรียกว่า เกี้ยวพาราสี ซึ่งบางลีล่าบางคำพูดเราก็มองว่ามันเสี่ยวจัง (ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนเกี่ยวกับสำนวนจีบหญิงของผู้ชาย) ส่วนนางเอกก็ออกแนวไว้ท่าแม้ว่าจริงๆ แล้วจะชอบ ก็จะมีสำนวนความคิดแบบ เชอะ! บ้า! อีตาบ้า! อยู่ในใจ ซึ่งตัวเองก็ไม่ค่อยนิยมแนวหญิงเชอะ! สะบัดค้อนควั่บสักเท่าไหร่
แต่ที่ขัดใจมากๆ คงเป็นการใช้เครื่องหมาย ! อัศเจรีย์ เราจะมีความรู้สึกว่ามันไม่ถูกที่ถูกอารมณ์ในน้ำเสียงอยู่บ่อยๆ การที่ผู้ชายพูดหวานๆ ในอารมณ์ซึ้ง เช่นบอกรัก บอกความในใจ ทำไมนางเอกจะต้องอุทาน "คุณนน!" อยู่ทุกครั้ง (มันเหมือนตะคอก) อารมณ์นี้มันจะไม่ออกไปในเชิงเอ่ยคำเสียงแผ่วๆ คล้ายรำพึงซึ้งใจมากกว่าหรอกหรือ ? ยกตัวอย่างอีกกรณีนึง คือคนที่ไม่เคยเจอย่าของตัวเองมาทั้งชีวิต เป็นย่าที่ทำให้พ่อแม่ต้องพลัดพรากจากกันด้วย เจอหน้ากันนี่น่าจะรำพึงเบาๆ ประมาณว่าคนนี้หรือ "คุณย่า" มากกว่าจะเสียงดังด้วยการใส่เครื่องหมายคล้ายเปล่งเสียงอุทานดัง "คุณย่า!"
"คุณย่า!" รินคำอุทาน ผู้หญิงคนนี้หรือคือคุณย่าคำฝ่ายของหล่อน หญิงสาวรำพึงอยู่ในใจ
อุทานดังแล้วมารำพึงในใจ ... คือ อ่านแล้วมันสะดุดกับอารมณ์ของตัวละครในลักษณะแบบนี้แหละค่ะ เครื่องหมาย ! เป็นเหตุ
แล้วคุณย่าที่เรียกหลานว่า "ลูกริน" ทุกคำ ก็สะดุดอีกเช่นกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องภาษาของคนลาวหรือเปล่าที่จะเรียกลูกกับหลานด้วยคำเดียวกันว่า "ลูก" อ่านแล้วก็สะดุดอยู่ตลอดกับคำเรียกว่า "ลูกรินๆ" เพราะที่จริงเป็นหลาน "โอ! ลูกรินมาให้ย่ากอดที" "โถ! แม่คุณทูนหัวของย่า" "แล้วแม่ของลูกล่ะไม่มาด้วยกันหรือ" "ลูกคงตกใจสินะ ที่มีทนายจากลาวไปหาถึงเมืองไทย" ทั้งลูกทั้งอัศเจรีย์ทำให้อ่านไม่ค่อยเพลินนัก เพราะหลายๆ อัศเจรีย์มันเหมือนไม่ใช่จะต้องอยู่ในน้ำเสียงเน้น เข้ม ดัง อุทาน .. ดูเป็นจุดเล็กน้อยมาก แต่ก็เป็นปัญหาสำหรับเรานะ แต่อาจจะไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับทุกคนก็ได้ ถ้าบ่นเรื่องอัศเจรีย์กับเพื่อนนี่ เดาว่าเพื่อนอาจจะบอก 'ฉันว่าแกเยอะไปเองว่ะแน่ๆ เลย' ...
แต่ชอบใจอยู่อีกหนึ่งประการ คือ "เด็กชายหอยโข่ง" คนสนิทผู้ติดตามอ้ายนน เพราะช่างเป็นเด็กฉลาดรู้กาละเทศะ จังหวะไหนควรขวาง จังหวะไหนควรชง จังหวะไหนควรแกล้ง แถมยังเว้าลาวตลอด น่ารักดี
เป็นนิยายรักโรแมนติก ..ที่จะถูกจริตกับคุณหรือไม่ .. ต้องลองอ่านเองนะคะ
แหะๆ คือบางครั้งตัวเองก็๋ชอบใช้อัศเจรีย์ พร่ำเพรื่อ 55555