Group Blog
 
All blogs
 
หอมกลิ่นวิมาลา The Princess Story @ Mirininthemoon


เปิดหนังสือมาเขาไม่มีพูดพล่ามทำเพลง เกริ่นเรื่อง ย้อนความอะไรทั้งนั้น ต่อเรื่องโดยทันที
งั้นเราคงต้องทำอย่างนี้ ..

นิยายเรื่อง The Princess Story  เรื่องเล่าของเจ้าหญิง แบ่งออกเป็นสองภาค (สองเล่ม)

เล่ม ๑ ลิลิตบุษบา (คลิกอ่านรีวิวมีแนะนำตัวละครสำคัญ)

เล่ม ๒ หอมกลิ่นวิมาลา


เค้าโครงเรื่อง โดย:  ที่มา: goodreads.com

นักศึกษาอาสาสมัครทำความสะอาดหอศิลป์แห่งชาติค้นพบน้ำหมึกขวดเก่าแก่ลวดลายโบราณ สลักอักษรคำว่า "ภู่" อยู่ขวดหนึ่งในห้องเก็บของเก่า พวกเขาทำมันแตก  น้ำหมึกราดรดใส่หนังสือวรรณคดีไทยโบราณ สมบัติของศิลปินเอกแห่งชาติที่ทางหอศิลป์เพิ่งยึดมาได้ ก่อให้เกิดลำแสงแปลกประหลาดขึ้นในคืนนั้น

ระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด นางในวรรณคดีที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ตัวละครเอกเรื่องอิเหนาหลุดจากหนังสือมาในโลกแห่งความเป็นจริง และโดนจับโดยตำรวจสายสืบ ร้อยเอกมนตรี มาร์ค ไรส์สายลับเอฟบีไอไฟแรงสัญชาติอเมริกัน- อินเดีย ที่เข้ามาเมืองไทยเพื่อบุกจับหัวหน้าแกงค์มนุษย์ข้ามชาติ

เขา  นึกว่าเธอเป็นนางนกต่อ ที่สายส่งมาล่อเขาให้ติดกับเธอ  คิดว่าหนุ่มมาดเหี้ยมคนนี้คือ "ระเด่นมนตรี" คู่หมั้นคู่หมายแต่เล็กแต่น้อย ที่ตามมาง้อตน

บุญพาวาสนาถีบ ให้ทั้งคู่ต้องระหกระเหิน ร่วมหัวจมท้าย  จนต้องย้ายเข้าไปอาศัยในแฟลตตำรวจด้วยกัน จะเป็นยังไง ถ้าตัวละครพื้นบ้านของไทยอีกหลายตัว โดนฤทธิ์ของน้ำหมึกจนหลุดเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงตามบุษบามาด้วย ไม่ว่าจะเป็น เถรขวาด (ตัวร้ายในเรื่องขุนช้างขุนแผน) สินสมุทร-สุดสาคร สองพี่น้องจากเรื่องพระอภัยมณี จินตะหรา  นางร้ายในเรื่องอิเหนาที่ตามมาหึงหวงระเด่นมนตรี และอีกมากมาย   มาร์คต้องรวบรวมขบวนคนไม่เต็มบาทเหล่านี้ให้กลับเข้าไปในที่ที่พวกเขามา แม้การทำอย่างที่ว่าจะเหมารวมถึงบุษบาที่เขาตกหลุมรักไปด้วยก็ตาม


เป็นเรื่องยากนะ ถ้าจะบอกเล่าเรื่องย่อของนิยายเรื่องนี้ เพราะแม้แต่ที่คัดลอกมาดังกล่าวข้างต้นก็ยังเป็นเพียง เค้าโครงเริ่มต้นของเรื่องราวโกลาหลวุ่นวายที่มาพร้อมกับจินตนาการสุดเหวี่ยงแหวกแนวที่สุดแสนจะลำบากในการพรรณาว่ามันเป็นเช่นไร    

ความรู้สึกที่มีต่อ เล่ม ๒ หอมกลิ่นวิมาลา  ยังเหมือนเดิมกับตอนอ่าน เล่ม ๑ ลิลิตบุษบา ไม่มีผิดเพี้ยน คือ กึ่งชอบกึ่งไม่ชอบ แบบสับสนในตัวเอง Smiley

ความไม่ชอบ   ประเด็นเหมือนเดิมตามที่รีวิวไว้ในเล่ม ๑  ซึ่งมันคงเริ่มต้นมาจากความคาดหวังอะไรบางอย่างจากชื่อเรื่อง The Princess Story  ลิลิตบุษบา หอมกลิ่นวิมาลา ที่น่าจะมี ความรักโรแมนติก อ่อนหวาน ละเมียดละไม ชวนให้ซาบซึ้งตรึงใจ   แต่การณ์กลับกลายเป็นความตรงกันข้าม คือ  โหด ดิบ เถื่อน ปนเปื้อน ( โลกโสมม ) กับตัวละครหลากหลายที่แห่ออกมาโลดแล่นพร้อมความเกรียน 

แล้วเรื่องมันก็เยอะแยะมากมายมาก สมเป็นนิยายเล่มหนาเตอะ  แต่ในความมากมายมันเหมือนไม่เป็นเรื่องชอบกล เป็นอะไรที่ต้องอ่านด้วยความอดทนกับความเยอะที่ว่า  เล่ม ๑ ชอบชาละวันกับยอดรักวิมาลามาก  เล่ม ๒  เบื่อมากกับเรื่องของชาละวันและวิมาลา (อีกคน)  แทบจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกเมื่อขุนแผนโผล่มามีบทบาทคั่นซะที

เรื่องที่ว่า ตัวละครในวรรณคดีออกจากหนังสือมาเพ่นพ่านในโลกแห่งความเป็นจริง และด้วยเหตุที่ไม่ได้มีแค่เพียงพระเอกนางเอกแสนดี แต่ดันมีตัวร้ายทั้งหลายหลุดออกมาด้วย และหนึ่งในนั้นคือ ทศกัณฐ์ ที่เป็นเหมือนยักษ์จอมมารผู้บงการแผนการณ์ใหญ่ (แต่แผนอะไร อย่างไรแน่ไม่ปรากฏแน่ชัด)    ก่อนที่โลกจะชิบ..หายวายป่วง  พวกเขาจะต้องร่วมมือกันตามหา พระราม เพื่อมาปราบทศกัณฐ์ ปัดเป่าภัยอันตรายให้โลกใบนี้  เล่ม ๑ เหมือนจะปูมาเช่นนั้น  เล่ม ๒ แม้จะไม่ถึงกับเป็นหนังคนละม้วน แต่ก็ยังรู้สึกอยู่นั่นเองว่ามันไม่ได้ประสานกันเท่าที่ควร  ตกลงทศกัณฐ์จะทำอะไรแน่หรือจะแค่ไปพัวพันอิรุงตุงนังกับแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ  แล้วจะยังไงกันดีกับ พระราม  ด้วยที่ตั้งต้นกับที่จบลงไปมันไม่เข้าขาเป็นต้นสายปลายเหตุที่สอดคล้องกัน  จึงไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรที่ชัดเจน ..ขอยอมรับว่ามึน  กึ่งหนึ่งจึงอึดอัดกับการรวบรัดเหมือนยัดเยียดจบ แต่อีกกึ่งก็โล่งใจที่จบได้ซะที  เฮ้อ ...  

ถาม .. แล้วอ่านทำไมเนี่ย?

ตอบ ... เพราะมีความชอบอีกกึ่งหนึ่งไง

ความชอบ   ประเด็นเหมือนเดิมตามที่รีวิวไว้ในเล่ม ๑ เช่นกัน  ที่ได้นำมาซึ่งความรู้สึกชื่นชมนับถือ ทั้งในไอเดียยำมั่วซั่วตัวละครจากวรรณคดี  (ขอยืนยันว่านี่คือคำชมนะคะ)  จินตนาการสุดเพริศเตลิดล้ำ (นี่ก็เป็นคำชมเช่นกัน)   ยิ่งได้ฟังเพื่อนเล่าให้ฟังถึงนิยายเรื่อง "รักเอย" ยิ่งตอกย้ำว่านักเขียนท่านนี้เป็นผู้มีไอเดียบรรเจิด  และฝีมือการเขียนนิยายนั้นไม่ธรรมดา  The Princess Story  เป็นหลักฐานรูปธรรมที่จับต้องได้   ศิลป์ภาษา  ความรอบรู้ในวรรณคดี  ความเท่าทัน "สังคม" และ "คน" ในยุคปัจจุบัน    ความคิดที่ถ่ายทอดสู่ผู้อ่านผ่านบทกลอน เรื่องราว หรือตัวละคร มีความคมคายชวนคิด  และหลายสิ่งหลายอย่างก็โดนใจมาก ทั้งในแง่ของการวิพากษ์วิจารณ์และการปลุกจิตสำนึกที่พึงจะมี โดยเฉพาะเรื่องของศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจในรากเหง้าไทยๆ ของเราเอง    

ในเล่ม ๒ นี้ ตอนที่มีเรื่องราวของ พระแสงดาบคาบค่าย ของสมเด็จพระนเรศวร  ทำน้ำตาซึมได้เหมือนกันนะ  อีกฉากที่รู้สึกว่ามันกินใจมากคือตอนชาละวันปิดทองหลังพระ ประทับใจในการนำศิลปะมวยไทยมาสอดแทรก พร้อมด้วยรูปการ์ตูนน่ารักแสดงทวงท่าการต่อสู้ที่ทำให้เห็นภาพเท่ๆ ชัดเจนขึ้น   ทำไมมวยไทยต้องร่ายรำ (ไหว้ครู) ก่อนชก  ทั้งชีวิตไม่เคยรู้เหตุผลมาก่อน  เพิ่งมารู้ก็จากนิยายเรื่องนี้แหละ   และก็ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น เพราะยังมีอะไรอีกมากที่เพิ่ง...อ๋อ เหรอ อย่างนี้นี่เอง 

องค์ประกอบต่างๆ ทั้งพลอต คาแรคเตอร์ตัวละคร ความรู้ และจินตนาการที่อยากจะใช้คำว่าสุดหรูหราบ้าเว่อร์  ทำได้ดีมากจริงๆ แต่การกระจายบทบาทให้ตัวละครกับการเรียงร้อยดำเนินเรื่องราวยังไม่ถูกใจนัก  บทจะอยู่ก็อยู่นานจนเบื่อ บทจะหายก็หายไปจนคิดถึง ..โอ้ ชาละวัน แทบไม่ถูกกล่าวถึงเลยกับการโรมรันพันตูในช่วงท้าย บางเหตุการณ์ที่เป็นไปทำให้เรารู้สึกว่าผู้เขียนไม่ถนอมตัวละครเลย เครียดกับฉากจินตะหราทำมารยาหลอกแสนตรีเพชรกล้า หดหู่กับเหตุที่เกิดกับวิมาลา เซ็งกับความอาวรณ์อันน้อยนักของชาละวันไม่กี่วันก็พลันสะบัดหางคว้ารักใหม่  คนอ่านโลกสวยก็ทำใจลำบากเอาเรื่องอยู่นะ   สรุปเลยละกันว่าเรื่องนี้คงจะไม่ใช่แนวของเราจริงๆ  Smiley

แต่ในความเบื่อบ้าง สนุกบ้าง ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง .. มันก็เป็นเสน่ห์แบบแปลกๆ ที่อ่านได้จนจบนะคะ ยังชอบขุนแผนเหมือนเดิม  ถูกใจเพิ่มกับวายุบุตรหนุมาน  รักจุงเบยกุมารทองเพชรปราบ ส่วนชาละวันรักบ้างเกลียดบ้างเป็นบางเวลา เอาแน่เอานอนกับความรู้สึกไม่ได้ Smiley

กราบเบญจางค์วางหัวใจไหว้ไตรรัตน์        น้อมนมัส แฟน mirin ทั้งใหม่เก่า
  ที่ร่วมสุขทุกข์เข็ญเป็นเพื่อนเรา                 ทักกันบ้างบางครั้งคราวคลายเหงาใจ
ออกตำราเล่าขานผ่านลิลิต              วอนสะกิดจิตสำนึกคนรุ่นใหม่
ญี่ปุ่นดีเกาหลีเด่นไม่เป็นไร             วัฒนธรรมของไทยควรดำรง
ทุกสรรพสิ่งอันสลอน on the earth    ได้โปรดเถิดพี่น้องอย่าลุ่มหลง
Everything เป็นสิ่งไม่ยืนยง            มันก็คงพังภินท์ in one day

อยากบอกเป็นกำลังใจว่าอย่างน้อยคุณ mirin ก็สะกิดได้กับนักอ่านคนนึงนะคะ  นี่ไงหลักฐานถึงสิ่งที่มีในครอบครอง อันเป็นผลจากการอ่าน ลิลิตบุษบา  ตั้งใจว่าจะอ่านรามเกียรติ์ให้จบก่อนไปดูการแสดงโขนของปีนี้  อ่านเล่ม ๒ แล้วอินกับ "วายุบุตร-หนุมานชาญสมร"   หวังว่าคงจะทำได้สำเร็จดั่งตั้งใจ



บอกเพื่อนว่า ที่อ่านนิยายเรื่องนี้จบลงจนได้  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีบทกลอนคอยช่วยประคับประคองยามเบื่อ  ส่วนยามสนุกบทกลอนก็ทำให้สนุกยิ่งขึ้น กับการที่ผู้เขียนได้เลือกหยิบยกบทกลอนจากวรรณคดีมาบรรยายเหตุการณ์อีกฉากในเรื่องราวที่ผู้เขียนสร้างขึ้นเองได้อย่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งที่ยกเอามาตามอ้างอิง ทั้งที่คุณ mirin แต่งเอง..อย่างสามารถ  

 แต่เพื่อน (ที่ชอบนิยายเรื่องนี้มาก) กลับบอกว่า นางไม่สนใจบทกลอนเลย อ่านแต่เรื่อง เจอบทกลอนปุ๊บข้ามไปตลอด 

อ้าว .. เงิบ!   เป็นงั้นไป

นี่แหละที่เขาว่า ลางเนื้อชอบลางยา  

ถ้าคุณมีโอกาส อยากแนะให้ลอง ^^




Create Date : 13 สิงหาคม 2557
Last Update : 13 สิงหาคม 2557 1:31:29 น. 5 comments
Counter : 2145 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านเพลินๆ นึกถึงหนังเรื่องinkheartค่ะ ที่ตัวละครออกมาจากหนังสือ


โดย: kunaom วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:12:18:55 น.  

 
อ่านงานเขียนของนักเขียนท่านนี้ (หรือกลุ่มนี้) มาสัก...สองเรื่องได้
ถามว่าเขียนดีมั้ย...ก็ตอบไม่ได้เพราะมันแหวกแนวบ้างก็จริงแต่มันเหมือนจับฉ่ายไปสักหน่อย (คือข้อมูลหามาดีจริงแต่มันไม่ค่อยไปทางเดียวกัน) ตัวละครแปลกดี ฉากรักหวือหวา

แต่อ่านจบแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากกับตัวเรื่อง แต่ก็ยอมรับว่าเขียนได้ดีในแบบของเค้า

สรุปเราไม่ได้ติดตามต่อค่ะ เพราะไม่ใช่แนว



โดย: dal IP: 61.19.41.154 วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:13:50:45 น.  

 
ถ้ามีโอกาสก็อยากลองเหมือนกันค่ะ
ได้ยินมาหลายเสียง หลายความเห็น


โดย: polyj วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:14:28:14 น.  

 
ยังอ่านไม่จบเลยค่ะเรื่องนี้
เพิ่งอ่านถึงตอนที่บุษบาขึ้นเรือไปกับตำรวจหนุ่มน่ะ


โดย: มโนตัวแม่ วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:20:30:11 น.  

 
ดองไว้ ยังไม่ได้แกะกล่องเลย
แบบหน้าเกิ้นนนนน
เห็นครั้งแรกนึกว่าประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา

รอทำใจแป้บบบบ


โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 14 สิงหาคม 2557 เวลา:10:39:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.