Group Blog
 
All blogs
 
ลว. สุดท้าย - เชื้อไฟแห่งความหวัง คนดียังมีอยู่ ไม่สิ้นสูญ_วสิษฐ เดชกุญชร

ลว.สุดท้าย  ผู้เขียน_ วสิษฐ เดชกุญชร
สำนักพิมพ์มติชน  พิมพ์ครั้งที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๓


ตำรวจคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ 


ลว. = ลาดตระเวน ภารกิจมันส์เหนือบรรยายที่ใครก็ไม่ควรพลาด 

นี่คือเรื่องราวของนายตำรวจในอุดมการณ์อีกคนหนึ่งที่ วสิษฐ เดชกุญชร เสกสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์ตรงในชีวิต ผู้รับผิดชอบภารกิจ "ลาดตระเวน" ไปทุกถิ่นทุรกันดาร ทุกบ้านช่อง ทุกแดนดิน ที่ขาดความสงบสุข และมีผู้รุกราน เขาและเหล่าตำรวจตระเวนชายแดนทุกคน พร้อมออกปฏิบัติการเสี่ยงภัยทุกรูปแบบ ไม่เคยค้อมหัวให้กับความไม่ชอบธรรมใดๆ ทั้งที่มาจากภายในและภายนอกประเทศ

Smiley Smiley Smiley

ปกหลัง มีอยู่แค่นั้นน่ะนะ สั้นจนรู้สึกยากขึ้นมาเลยกับการจะเขียนรีวิวนิยายดีๆ มีสาระเรื่องนี้  Smiley

งั้น.. หยิบฉวยมาจาก คำนำสำนักพิมพ์ ก็แล้วกัน

'ภารกิจสุดมันส์ การต่อสู้กับทรชนคนไม่รักชาติ ภัยแดงที่แผ่ขยายเข้ามาตามร่องระแหงแห่งความไม่สงบ ตามซอกหลืบแห่งความเหลื่อมล้ำในสังคม เขาปฏิบัติกับมันอย่างไม่เกรงกลัว ..ยอมพลีชีพแม้รกระทั่งชีวิตของเขาเอง'

เขา คือ พระเอกของเรื่อง จากผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ที่เคยปฏิบัติหน้าที่สกัดกั้นและจับกุมนักค้ายาเสพติด ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ในยุคที่ภัยคอมมิวนิสต์ได้คืบคลานเข้ามาคุกคามกัดกินประเทศไทย  

กรมตำรวจจึงได้คิดจัดตั้ง "ตำรวจตระเวนชายแดน" ขึ้นมาเพื่อป้องกันการรุกรานของคอมมิวนิสต์และรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวตะเข็บชายแดนของประเทศ

เขา ... นายร้อยตำรวจเอกวีร์ บุญแต่ง เป็นหนึ่งในนายตำรวจที่ได้รับเลือกเข้ามาเพื่อริเริ่มโครงการนี้ ถูกส่งไปฝึกทั้งในและนอกประเทศ และกลับมาเป็นครูฝึกอบรมตำรวจตระเวนชายแดน ต่อมายังได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนในภาคเหนือ  "ค่ายกิ่วกวาว"  คือที่ทำการแห่งแรก ก่อนที่อิทธิพลมรสุมต่างๆ จะพัดพาชีวิตการเป็นตำรวจของเขาให้ต้องระหกระเหินทางตำแหน่งหน้าที่การงานไปตามที่ทำการต่างๆ ตามคำสั่งโยกย้ายสังกัดของกรมตำรวจ   มีทั้งย้ายเพื่อมอบหมายหน้าที่สำคัญให้รับผิดชอบ และมีทั้งย้ายแบบไม่ให้ตำแหน่ง เป็นการแบนแบบไม่ให้ทำอะไรเลย  แต่โดยส่วนใหญ่เขายังคงพัวพันอยู่กับภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดน  

"ความอยู่รอดของชาติและความผาสุขของประชาชน
 อยู่เหนือชีวิตและความเหนื่อยยากของตำรวจตระเวนชายแดน"


Smiley Smiley
สังคมต้องการคนแบบนี้ คือ คนดีๆ แบบนายร้อยตำรวจเอกวีร์ บุญแต่ง (ภายหลังยศตำแหน่งก็ได้เลื่อนขึ้นไปถึงพันตำรวจเอกก่อนที่นิยายจะจบลง)  คนที่ซึ่อสัตย์ต่อตนเอง ซื่อตรงต่อผู้อื่น คนดีที่จะสู้ยิบตาเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง  ยอมหักไม่ยอมงอ  เป็นตำรวจในอุดมคดิที่ชวนให้สงสัยเหลือเกินว่า ในโลกของความเป็นจริง ยังจะมีคนแบบนี้อยู่มากมั้ย 

เขา.. เป็นแบบอย่างของคนดีในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่รักชาติบ้านเมือง มุ่งมั่นจะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด   เป็นแบบอย่างของตำรวจดีๆ ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ 'พิทักษ์สันติราษฎร์' และเป็นแบบอย่างของข้าราชการที่ปกป้องผลประโยชน์ดูแลทุกข์สุขของประชาชน  ซึ่งคนแบบเขาคนนี้แหละที่ประเทศชาติมีความต้องการ 

ทั้งที่เขาเป็นสุภาพบุรุษคนดี นอกจากจะเป็นตำรวจใจซื่อ มือสะอาด ที่ตงฉินสุดๆ ยังเปี่ยมไปด้วยความรู้สติปัญญา ความกล้าหาญ เสียสละ อุทิศทุ่มเทเพื่อทำหน้าที่ของตนอย่างคนที่รักชาติบ้านเมือง   แต่กลับไม่ได้รู้สึกรักตัวละครนี้เท่าที่ควร คิดว่าเป็นเพราะอารมณ์ตึงๆ ขึ้งโกรธของเขาที่มีต่อสารพัดสถานการณ์ที่มันไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้เราค่อนข้างรู้สึกอึดอัด

วีร์เป็นตำรวจหนุ่มที่มีความคิดแบบคนหัวก้าวหน้ากว่าตำรวจทั่วไป ทั้งยังได้รับโอกาสที่ดีในการศึกษา การฝึกอบรมต่างๆ  เขาจึงมีความรู้ความเข้าใจในปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยยุคนั้น (ที่หลายอย่างก็คงไม่ได้เปลี่ยนไปนักในยุคนี้) ประกอบกับการมีลักษณะของผู้นำที่ดีและเป็นคนดีอย่างที่กล่าวมาแล้ว กรมตำรวจสมควรจะได้ใช้งานเขาอย่างทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่ายิ่ง แต่ปัญหาการช่วงชิงอำนาจและใช้อำนาจแสวงผลประโยชน์โดยมิชอบ อิทธิพลเส้นสายในวงการตำรวจ ข้าราชการ และเรื่องการเมือง กลับทำให้วีร์กลายเป็นไม้ซีกที่แม้ไม่มีกำลังจะงัดไม้ซุงที่มีอำนาจเหนือกว่าให้ล้มได้ แต่ก็ย่อมเป็นที่ขวางหูขวางตา

เมื่อได้ชื่อว่ามีอำนาจเหนือกว่า ย่อมหมายความว่า วีร์ทำอะไรได้ไม่มากนัก และบางอย่างก็ทำอะไรไม่ได้เลย อารมณ์เคร่งเครียดของเขาที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ว่านั้น จึงทำให้เรารู้สึกเครียดไปด้วย เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาสามัญ แต่เป็นเรื่องของการสูญเสียเลือดเนื้อ และความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง

ความรู้สึกอึดอัดนี้ เป็นเช่นไร ช่างยากจะอธิบายเหตุผลออกมาเป็นคำพูด จนกระทั่งได้มีตัวละครหนึ่งโผล่ออกมา แล้วก็พ่นคำพูดออกมาเป็นชุด

"วีร์ นายเป็นคนที่ยึดถือหลักการ ถือระเบียบแบบแผนมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันยังจำได้ดี  สมัยที่เราเป็นยุวชนทหารกันน่ะ นายได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับหน่วยและครูว่าเป็นคนที่อยู่ในระเบียบวินัยดีเยี่ยม เวลาเรียนก็เหมือนกัน คนอื่นเขามีเล่นมีหัวกัน แต่นายน่ะไม่เอาเลย นายเคร่งเสียยิ่งกว่าพระ ..."

"ใครๆ ในหมู่พวกเราเข้าใจนายดีว่านายเป็นคนยังไง พวกเรารู้ด้วยว่าตั้งแต่ไปเป็นตำรวจ นายก็พยายามตลอดเวลาที่จะรักษาระเบียบแบบแผนที่จะทำให้สังคมตำรวจของนายให้มันเป็นสังคมสมบูรณ์"

"แต่ว่าจนบัดนี้นายก็น่าจะรู้แล้วว่านายอยู่ในสังคมซึ่งไม่มีวันที่จะสมบูรณ์ สังคมที่จะต้องขาดตกบกพร่องไปตลอดกาล เพราะอะไร? เพราะคน เพราะมนุษย์ที่ประกันขึ้นเป็นสังคมนั้นมันไม่มีวันจะสมบูรณ์ มันขาดตกบกพร่อง และจะขาดตกบกพร่องต่อไปตราบเท่าที่โลกยังมีมนุษย์อยู่"

"แต่นายก็ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ นายดื้อ นายพยายามจะขืนโลก นายพยายามที่จะเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ นายพยายามรักษาระเบียบแบบแผน ศีลธรรมประเพณี และกฏหมายโดยเคร่งครัด ในขณะที่มีคนอีกมากมายที่จะละเมิดหรือทำลายมัน เมื่อเป็นยังงั้น การปะทะกันก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ถึงแม้นายจะไม่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่คนอื่นเขาก็ถือ นายพยายามรักษาอะไร ผู้ที่พยายามทำลายสิ่งนั้นก็ย่อมถือว่านายเป็นศัตรูเป็นธรรมดา"

"แล้วฉันผิดหรือเปล่าล่ะ" วีร์ถามห้วนๆ

"นายเป็นฝ่ายถูกน่นอน แต่ความถูกให้อะไรนายบ้างล่ะ? "

" ดูซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายบ้าง ทั้งๆ ที่นายเป็นฝ่ายถูก นายถูกตั้งกรรมการสอบสวน ไม่ได้เงินเดือน ไม่มีตำแหน่ง ถูกย้ายไปโน่นมานี่สารพัด"

"เพราะฉะนั้นฉันควรยอมมัน เมื่อสู้ไม่ได้ งั้นรึ? "

"ฉันยังไม่ได้ว่าอย่างนั้นสักคำ  ... ไม่จำเป็นที่จะต้องยอมใครหรอก แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับใคร หรือทำอะไรให้ใครเห็นเป็นศัตรู นายหัดวางเฉยถืออุเบกขาเสียบ้างซีวะ อะไรที่ทำได้ก็ทำไป อะไรที่ทำไม่ได้ก็เฉยเสีย"

ขุ่นพระ! Smileyอย่างกับเป็นตัวแทนมาเคลียร์ความในใจ  เออ ... นั่นแหละ! ความอึดอัดคับข้องใจที่มีต่อตัวพระเอก   ในเมื่อได้ทุ่มเททำมันอย่างถึงที่สุด จนไม่อาจจะทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว จะโกรธกรุ่น จะเจ็บปวดไปเพื่ออะไร โดยปกติจะชอบตัวละครที่มีอารมณ์ขันเป็นคนสบายๆ ยืดหยุ่น ปล่อยวางกว่านี้ค่ะ  หรือถ้าจะเป็นพวกพระเอกเย็นชาหัวใจชาดำเย็น พวกนั้นก็จะออกแนวไม่แยแสอะไรมากมายอยู่แล้ว  

แต่พระเอกของเราเรื่องนี้ แกใส่ใจกับทุกเรื่องทุกระเบียบนิ้วต้องถูกต้องสมควรตรงเผง และพอผลไม่ได้เป็นอย่างที่หวังจะให้เป็นก็ขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา.. ทำเค้าเครียดนะ   Smiley

นี่คงจะเรียกได้ว่าอิน! Smiley

ทว่า แม้จะรู้สึกอึดอัด รู้สึกไม่ค่อยชอบความตึงเปรี๊ยะ อยากได้พระเอกที่ผ่อนคลายกว่านี้ ประเภทที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น .. ยังหัวเราะ ยังยิ้มได้  แต่คุณเชื่อไหมในใจเรากลับยอมรับเป็นอย่างดีว่าคนดีเข้มข้นและมีความดันทุรังสูงแบบพระเอกนี่แหละ ที่สังคมควรจะมีให้เยอะๆ  

"เมืองไทยยังต้องการคนดื้อ-ดื้อที่จะทำความดีอยู่อีกเป็นอันมาก เวลานี้เราก็มีคนอย่างนั้นน้อย เรามีแต่คนที่ยอมพ่ายแพ้แก่ความชั่วอยู่เต็มเมือง  นายพันตำรวจวีร์ บุญแต่ง ได้เคยแสดงให้ผมเห็นมาแล้วหลายครั้งว่าเป็นคนหนึ่งที่ดื้อจะทำความดี เพราะฉะนั้นในโอกาสที่จะจากไปรับตำแหน่งใหม่ครั้งนี้ ผมจึงขออวยพรให้มีกำลังใจกล้าแข็ง สามารถรักษาความดื้อที่จะทำต่อไปได้อีกนานๆ เพื่อจะได้เป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่น เพื่อว่าเมืองไทยจะได้ได้มีคนอีกจำพวกหนึ่งน้อยลงและมีที่สำหรับให้ประชาชนหายใจสะดวกๆ มากขึ้น" 

คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้  เป็นสำนวนที่คงใช้ไม่ได้เสมอไป  แต่ ..
คน..ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ท่าทางจะเป็นไปได้อยู่บ่อยๆ 

คนดีมีน้อยก็เหมือนดั่งหยดน้ำน้อยที่ราดรดลงไปในทะเลทราย  ไม่อาจสร้างความชุ่มชื้นเปลี่ยนแปลงอะไรได้  บางครั้งคนดีจึงโดดเดี่ยว ท้อแท้และถอดใจ 

"บ้านเมืองไม่ใช่ของกูคนเดียวนี่โว้ย!" 

ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้น ได้สะท้อนความรู้สึกของคนดีที่พ่ายแพ้ออกมาอย่างชัดเจน  

วีร์เอง .. ก็มีช่วงเวลาที่รู้สึกแบบนั้น  พอกันที  ประเทศนี้ไม่ใช่ของเขาคนเดียว

เราเองก็แอบอิน ช่างหัวบ้านเมือง .. แม่งเถอะ  Smiley

วีร์มีทางเลือกดีๆ ที่จะแสวงหาความสุขสบายให้ตัวเองได้  ทำไมต้องทนเสียสละตัวเอง และผจญความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจที่ไม่ได้เกิดผลดีอะไรกับเขานัก  กรมตำรวจที่จะเป็นหน่วยงานของผู้มีอาชีพพิทักษ์สุจริตชนโดยแท้จริง ไม่มุ่งหวังผลประโยชน์อื่นใดนอกจากค่าจ้างจากประชาชนน่ะเหรอ .. เป็นแค่ความฝันแค่นั้นแหละ  

อุปสรรคน้อยใหญ่ร้อยแปดพันเก้าประการจะยังไม่มีวันลดน้อยถอยลง ความอวดฉลาดของคนโง่ ความอิจฉาริษยา ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมทะเยอทะยานและความเห็นแก่ตัวของคนจะไม่วันหมดสิ้นไป

แต่ .. ถ้าคนดีพากันยอมแพ้คนชั่วไปเสียหมด  แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมนี้ ?

คำตอบนั้น .. เราก็รู้ดี  

ชอบช่วงท้ายของเรื่องที่ทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวมาก  อารมณ์นึกคิดประมาณ อย่าท้อสิ..คนดี
คนดีมันเป็นยาก มันก็เหนื่อยสักหน่อยน่ะแหละ  ( Smiley.. อันที่จริงอย่างที่พระเอกเหนื่อยก็ไม่หน่อยน่ะนะ )

แต่แล้วก็ได้ปรากฏเหตุการณ์ 'ไม่สิ้นคนดี' ที่น่าชื่นใจ  ทำให้นึกถึงเนื้อเพลงที่ว่า   ท่ามกลางฟ้าหม่น ตะวันประกาศศํกดิ์ศรี ลบเลือนเมฆหนาดำกาลี สาดสีส่องทางผู้คน"  ความหมายมันอย่างโดนใจเลยนะ

คนดีอาจมีน้อย แต่ตราบใดที่คนดียังมีอยู่ ความหวังก็ยังอยู่ 

และตราบใดที่ความหวังยังอยู่ กำลังใจก็ยังมี คนดีจะยังยืนหยัดต่อสู้ต่อไปได้
คนดีที่เคยท้ออย่าง นายพันตำรวจเอก วีร์ บุญแต่ง จะฮึดกลับมาตั้งหลักและต่อสู้อีกครั้ง

นอกจากคนเหล่านั้นที่ทำให้วีร์รู้ว่าเขาไม่ได้ต่อสู้อยู่ลำพังโดดเดี่ยวแล้ว

ยังมีคนดีอีกคนหนึ่งที่เป็นแบบอย่างของการไม่ท้อถอย ไม่ทอดทิ้งประชาชน 
เอาใจใส่ห่วงใยทุกข์สุข และทำในสิ่งที่ทำได้ให้ดีที่สุด 
คนดีคนนั้นคือ  .. "พระเจ้าอยู่หัว"





เป็นอีกหนังสือดีงามที่อ่านแล้วอยากจะเป็นคนดี จะได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมดีที่น่าอยู่ 

" เราจะต้องทำบ้านเมืองของเราให้เป็นบ้านเมืองของความดีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ปราศจากความทุจริตและการกดขี่ข่มเหงรังแกกันและกัน เราจึงจะเอาชนะคอมมิวนิสต์ได้"

" ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอก ... บ้านเมืองอย่างที่คุณว่ามีอยู่ในฝันเท่านั้นแหละ แต่ผมหมายความว่าเราจะต้องแสดงให้เห็นว่าความทุจริต กดขี่ข่มเหงกัน ตลอดจนความชั่วร้ายต่างๆ นั้น แม้จะมีอยู่ในสังคม แต่ก็มิได้เป็นทางไปสู่ความล่มจมฉิ่บหายของสังคมนั้นเสมอไป  ถ้าหากว่ายังมีผู้ที่พยายามยืนหยัดต่อสู้กับความชั่วร้ายเหล่านั้น ถ้าผู้กดขี่ข่มเหงรังแกผู้อื่นถูกจับกุมลงโทษ คนคอร์รัปชั่นถูกเอาตัวขึ้นศาล ความทุจริตกดขี่ข่มเหงรังแกก็ไม่มีทางที่จะนำไปสู่อวสานของสังคมได้  พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราจะต้องช่วยกันฟื้นฟูและธำรงศรัทธาที่คนไทยมีต่อสถาบันต่างๆ โดยเฉพาะกฏหมาย ศีลธรรรม ผู้รักษากฏหมาย ผู้รักษาศีลธรรม ตำรวจ พนักงานอัยการ ข้าราชการฝ่ายปกครอง ศาลและสงฆ์ ถ้าคนไทยยังมีศรัทธาแน่นแฟ้นในสถานบันต่างๆ เหล่านี้อยู่ คอมมิวนิสต์จะทำอะไรเมืองไทยไม่ได้เลย"


คำ 'คอมมิวนิสต์' ช่างฟังเป็นคำโบราณตกสมัย แต่ถ้าใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะรู้ว่ามีอะไรมากมายที่ไม่ได้ตกสมัยตามไปด้วย  การแแก่งแย่งอำนาจ การใช้อำนาจอิทธิพลแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ข้าราชการที่วางเขื่องเป็นเจ้านายกดขี่ขูดรีดประชาชน ความแตกแยกทางการเมือง  ผู้นำที่ไม่ค่อยมีความสามารถในการเป็นผู้นำ ระบบเส้นสายที่กีดกันคนมีความรู้ความสามารถให้ไม่อาจเข้ามาอยู่ในตำแหน่งแห่งที่สมควรจะใช้ความรู้ความสามารถนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมืองได้ บางที .. สังคมในยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักจากยุค ๒๕๐๔

แม้ปัญหา คอมมิวนิสต์ จะกลายเป็นอดีตไปแล้ว  แต่ก็ใช่ว่าปัญหาจะไม่มีอีกต่อไป  ลองหันไปมองปัญหาที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราสิ ถึงจะคนละเรื่อง .. แต่บางอย่างมันก็คล้ายกันเสียจริง

และสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่แตกต่างกัน ตำรวจตระเวนชายแดนยังคงปฏิบัติหน้าที่กันอยู่

วันนี้ยังอยู่ พรุ่งนี้จะอยู่หรือตาย ยังไม่อาจรู้ .. เพราะนั่นคือชีวิตโลดเต้นบนเส้นด้าย


Smiley Smiley Smiley

สิ่งที่นิยายเรื่องนี้มีความโดดเด่นมาก คือ อ่านแล้วเกิดความรู้สึกนึกคิดว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่กลั่นออกมาจากชีวิตจิตใจของการเป็นตำรวจที่ผู้เขียนได้เคยพบเห็นมีประสบการณ์ผ่านรู้ และรวมถึงที่เคยได้เผชิญมากับตัวเองด้วย หรือเปล่า ? 

เพราะในส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวละครวีร์ บุญแต่ง ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนเอง  หากใครได้เคยอ่าน รอยพระยุคลบาท  ก็จะทราบ

และถึงเราจะไม่อาจรู้ว่าตัวละครนี้มีใครบางคน หรือ หลายคน เป็นตัวจริงที่เป็นต้นแบบคาแรคเตอร์บ้างไหม  เราก็เชื่อเหลือเกินว่ามีแน่ๆ  

นั่นหมายความว่า บ้านเมืองนี้ยังมีคนดีๆ ให้พึ่งพา 

อุ่นใจที่มีพวกเขาอยู่ .. 






Create Date : 24 กันยายน 2558
Last Update : 24 กันยายน 2558 10:50:59 น. 5 comments
Counter : 2774 Pageviews.

 
อ่านแล้วสะท้อนใจค่ะ นึกถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงเลยค่ะ "มิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อคววามเดือดร้อนวุ่นวาย" คือไม่ว่าองค์กรหรือที่ใดมีผู้นำชั่วๆนะคะ ผู้น้อยที่ประพฤติดีก็มักจะอยู่ไม่ได้


โดย: Sab Zab' วันที่: 24 กันยายน 2558 เวลา:9:07:38 น.  

 
ตามมาช่วยเชียร์ค่ะ
เราเองก็เป็นอีกคนที่ชอบอ่านงานเขียนของคุณ วสิษฐ์
เพราะมันช่วยสร้าง "สำนึก"ที่ดีให้เราทุกครั้งที่ได้อ่าน

แต่...บางทีด็เกิดคำถามตลอด...ตำรวจแบบนี้ยังเหลืออยู่สักกี่คน


โดย: Serverlus วันที่: 24 กันยายน 2558 เวลา:22:59:52 น.  

 
ปัจจุบันผู้แต่งคงเศร้าใจที่เหล่าทหาร-ตำรวจผู้สละชีพเพื่อป้องกันคอมมิวนิสต์ในตอนนั้นต้องเสียไปอย่างสูญเปล่า...

เพราะรัฐบาลกลับยอมไปเป็นลูกน้องไอ้คอมมิวนิสต์จีนเสียนี่


โดย: รักชาติ IP: 119.76.66.181 วันที่: 26 กันยายน 2558 เวลา:23:10:02 น.  

 
เรื่องนี้ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ แต่เท่าที่อ่านผลงานของนักเขียนท่านนี้ ชื่นชมเรื่องอุดมการณ์จริงๆ
ทุกครั้งที่อ่านเรื่องราวของตำรวจซื่อตรงมุ่งมั่นแบบนี้แล้วมีกำลังใจบอกไม่ถูก ความหวังที่ประเทศของเราจะก้าวหน้าไปด้วยคนดีมันยังมีอยู่


โดย: Moonshiner วันที่: 3 ตุลาคม 2558 เวลา:11:30:13 น.  

 
เป็นความจริงหลายอย่าง ที่บิดา พ.ต.ท. ประดิษฐ์ โลหะปิยะพรรณ เป็นหนึ่งในตัวละคร ที่ปฎิบัติงานอย่างทุ่มเท และมีความจงรักภักดี


โดย: นิศากร รัตนชีวกร IP: 182.232.210.17 วันที่: 14 สิงหาคม 2562 เวลา:8:27:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.