Group Blog
 
All blogs
 

เพียงใจที่ผูกพัน - "พี่เสือ - น้องมุก" รักแท้ในความผูกพันตลอดไป


สำหรับพยัคฆ์แล้ว ชีวิตเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์
แม้เมื่อแรกเริ่มจะมีแต่ความยากลำบาก ขวากหนาม
และความเจ็บปวดเหนื่อยยากแสนสาหัส
แต่ชีวิตก็มอบความงดงามของมุกพิศุทธ์ น้ำใจและความผูกพัน
ที่เป็นแรงกระตุ้นให้เขาก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหลายมาได้
ในอนาคต .. ชายหนุ่มไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะราบรื่น
โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ  หรือมีอุปสรรคอื่นใดมากีดขวาง
แต่พยัคฆ์ก็พร้อมจะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หวั่นไหว
เพราะรู้ว่ามุกเม็ดงามในอ้อมแขน จะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอด
ไม่ว่าทุกข์หรือสุข หล่อนจะเป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้า
เป็นแรงยันเมื่อเขาซวนเซ เป็นลมหายใจที่ทำให้เขามีชีวิตต่อไปได้

จากลูกฝรั่งไข่ทิ้งที่แม่ไม่เคยอุ้มชู.. 
มาสู่เด็กที่ปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ยังไม่สิบขวบเต็ม

จากพ่อค้าปลาในตลาดนัด...
ก้าวไปสู้เจ้าของร้านอาหารและเจ้าของโรงแรมที่ใหญ่และหรูหราที่สุดในจังหวัด

ที่สำคัญ.. จากเด็กชายที่ไม่เคยมีเพื่อน ไม่มีใครรัก
เขาได้อยู่เคียงข้างกับเพื่อนสนิทคนแรกและคนเดียวของเขา
ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เขารักและรักเขา

ทุกวันนี้พยัคฆ์มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้แต่ฝันถึง

และมีมากกว่าที่จะฝันถึง

ชีวิตและความรักเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์จริงๆ



แม้จะอ่านนิยายไปหลายเล่มในช่วงนี้ แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ "ความรัก" ในแบบที่ต้องการ นั่นคือ อ่านอิน อิ่มเอม เต็มตื้นใจด้วยความชอบ ชอบ ชอบ 

การอ่านนิยายแต่ละเล่มก็เหมือนกับการค้นหา และครั้งนี้ก็ยังคงหนีไม่พ้นนักเขียนคนโปรดเจ้าเดิมๆ ที่ห่างเหินการอ่านผลงานไปมากในระยะหลัง  แต่ความรู้สึกที่ได้เมื่อกลับมาอ่านนิยายของ "กิ่งฉัตร" อีกครั้ง คือการกลับมา 'ตายรัง' อย่างจริงแท้ 

ความรักความผูกพันของ "พี่เสือ" กับ "น้องมุก" ที่เริ่มต้นจากความเหมือนในความแตกต่าง ก่อนจะค่อยๆ พัฒนามาเป็นความผูกพัน มีมุกซีกเล็กๆ สองเม็ดเป็นตัวแทนแห่งใจ แม้ยามอยู่ไกลกัน สายใยความผูกพันนั้นไม่เคยคลอนแคลน มีแต่จะเป็นเครื่องเกื้อกูลให้ความรักของทั้งคู่เติบโต เจริญงอกงาม หยั่งรากลึกลงกลางใจอย่างมั่นคง 

ถึงจะห่างกัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี และเป็น 'สิบห้าปี' ที่ไม่เคยพบกัน

ความรู้สึกของพี่เสือ ความรู้สึกของน้องมุก ไม่แปลกนักถ้าคนเคยผูกพันจะยังมีใจคอยใฝ่หา

แต่ที่อัศจรรย์ คือ ความเข้าใจ และความเชื่อมั่นในความรู้สึกของอีกฝ่าย

'เชื่อ' โดยปราศจากความลังเลสงสัยว่าความรู้สึกจะไม่เปลี่ยนไป และคำสัญญาจะยังคงเหมือนเดิม

แต่ของอย่างนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้เขียนว่าจะทำให้เรา 'เชื่อ' ในความหนักแน่นมั่นคงนั้นของตัวละครได้ด้วยหรือไม่  และชื่อ 'กิ่งฉัตร' ก็นับได้ว่าเป็ยอดฝีมือระดับหนึ่งในตองอูเหมือนกัน ..คงเป็นไปได้ยากที่อ่านแล้วจะไม่เชื่อ

น้องมุก จากไปตั้งแต่ตอนอายุเพียงสิบขวบ   พี่เสือ ในยามนั้นอายุสิบหกปี  กว่าจะได้พบกันอีกครั้งคืออีกสิบห้าปีต่อมา ไม่เคยโทรศัพท์หากัน มีแต่เพียงการรติดต่อทางจดหมายที่ก็ไม่ได้ใส่เนื้อความอะไรมากมาย เพียงฉบับเต็มคนละฉบับ และเนื้อความสั้นๆ จากจดหมายน้องมุกอีกไม่กี่ฉบับเท่านั้น  (ยิ่งไม่ต้องถามหาจดหมายสั้นๆ ของพี่เสือ) แต่สายใยแบบไหนกันล่ะ ที่ร้อยรัดความรู้สึกเราให้เชื่อในความผูกพันของทั้งสอง  .. ต้องลองอ่านเอง Smiley

สิบห้าปีที่พี่เสือที่มุ่งมั่นทำมาหาเลี้ยงชีพ ส่งเสียตัวเองร่ำเรียนและดูแลครอบครัวที่มีน้ารงค์ขาพิการเพราะโรคโปลิโอตั้งแต่เมื่อตอนเป็นเด็ก เมื่อเสือเกิดแม่ทิ้ง ไม่มีคนดูแล น้ารงค์จึงออกจากโรงเรียนมาเลี้ยงดู มียายผู้แก่ชราคอยหาเลี้ยงลูกพิการและหลานทารก  ส่วนแม่ของเสือ เป็นแต่เพียงผู้หญิงเสเพล หยำเป ที่คอยวนเวียนกลับมาล้างผลาญครอบครัว ยามเมื่อเสือเริ่มทำงานหาเงินได้ก็คอยแต่จะก่อปัญหาและสูบเลือดสูบเนื้อลูกชายไม่ต่างจากปลิงดูดเลือด  เรียกได้ว่าถ้าเจอ "มินตรา" แม่ของเสือในเรื่องนี้ อีลำยอง จาก ทองเนื้อเก้า อาจจะต้องยอมชิดซ้าย   ทว่าในสภาพรันทดเช่นนั้น เสือก็ยังสามารถเติบโตขึ้นมา ความโชกโชนในชีวิตยากลำบากทำให้เขาแข็งแกร่ง อดทนพากเพียรสร้างเนื้อสร้างตัวจนกลายมาเป็นเศรษฐีใหญ่ประจำจังหวัด   

แม้รู้ดีว่าน้องมุกเป็นดอกฟ้าที่จะโน้มกิ่งลงหา "พี่เสือที่รักมากมากมากของน้องมุก" อย่างยินดีและเต็มใจ  แต่มันย่อมดีกว่า ถ้าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อสร้างฐานะให้ทัดเทียม มากพอจะเผชิญหน้ากับเธอในฐานะผู้ชายที่คู่ควร

ไม่เคยพบกันนานถึงสิบห้าปี  ยังไม่มีคำบอกรักอย่างเป็นทางการ  แต่บ้านหลังใหม่ของ เสี่ยพยัคฆ์ ก็สร้างขึ้นใหญ่โตให้ไม่แพ้ "บ้านหลังนั้น" ที่เขาสาบานไว้กับตัวเองว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันเข้าไปเหยียบอีกเป็นครั้งที่สอง บ้านที่วันหนึ่งน้องมุกจะต้องจากมา..เพื่ออยู่กับเขา  บ้านใหม่หลังนี้จึงไม่ควรด้อยไปกว่า และห้องหับก็จัดเตรียมไว้พร้อม เพื่อรอ..น้องมุก

ความรักที่มีความมั่นใจขนาดนั้น มีความ "รู้กัน" ว่าเรารักกัน ชีวิตนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ จะไม่มีใครอีกแล้ว นอกจาก "เรามีเรา" ไม่ต้องมีคำถาม ไม่ต้องมีคำตอบ มีแต่ความไว้เนื้อเชื่อใจ พี่เสือเตรียมทุกอย่างไว้ให้ แค่ถึงเวลา น้องมุกกลับมา และรับเอาไป แลกกับสิ่งที่จะให้มา หัวใจของน้องมุก  หัวใจของพี่เสือ ที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน..ตลอดไป

เวลาสิบห้าปีดูหดสั้นเหลือเพียงชั่วลมหายใจเข้าออก 
มันราวกับว่าถ้าพี่เสือยื่นมือออกไปในตอนนี้ 
น้องมุกก็จะยื่นส่งมือมารับประสานด้วยความยินดี

ถือเป็นความรักที่ยากนะ  ยากจะเชื่อ..ในความรักที่ไร้หลักประกันแต่ก็เฝ้ารออย่างไร้ความกังวลแบบนั้นน่ะ  แต่เราก็เชื่อหมดใจ  บริสุทธิ์ อบอุ่น อ่อนหวาน ละมุน ประทับใจจนไม่นึกอยากจะอ่านนิยายรักไปพักใหญ่เลยเชียวล่ะ คงมีเวลาหันไปเคลียร์แนวอื่นในกองดองได้อีกหลายเล่ม 


ทั้งที่ชื่อเรื่อง บ่งบอกแนว "ความผูกพัน" แบบที่ชอบอย่างชัดเจน  และความหนาก็ส่อแววจะได้ "ความผูกพัน" สมใจอยากแน่นอน  แต่หนาขนาด ๘๘๙ หน้า ก็ชวนขยาดมิใช่น้อยๆ หนังสือออกมาครั้งแรกตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ แต่ก็ยังลังเลไม่กล้าหามาอ่านสักที เพราะถ้าไม่สนุกล่ะก็ งานเข้าแน่ๆ .. เพราะการจะอดทนอ่านหนังสือที่ไม่ชอบให้จบมันต้องใช้พลังกายพลังใจเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ แต่ในที่สุด .. ก็ถึงเวลาได้พบกัน -- เพียงใจที่ผูกพัน--

ความสนใจหนึ่งในการรีวิวพุ่งไปที่ คำนำผู้เขียน

นักเขียนผู้มากประสบการณ์คงเป็นเช่นนี้ มีแก่นของเรื่องที่ต้องการนำเสนอ และใส่ตัวละครเข้าไป เราจึงมักได้กำไร เพราะนอกจากได้ความสนุกของเรื่องราว ยังได้สาระข้อคิดไว้เตือนใจ หรือหากไม่ได้ความสนุกอย่างที่หวัง แค่ได้สาระตอบแทนเวลาอ่านที่เสียไป ก็ยังถือว่าคุ้มค่าการลงทุน แต่ "เพียงใจที่ผูกพัน" ได้ทั้งความสนุก ได้ทั้งสาระ ได้ทั้งความซึ้งอิ่มเอมใจ   ที่สำคัญที่สุด  ได้รักตัวละครเสือยิ้มยากอย่าง "เสี่ยพยัคฆ์"  หรือ "พี่เสือของน้องมุก"  Smiley สรุปว่ามีแต่ได้กับได้


' คนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้ เมื่อลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว จะขอเปลี่ยนบุพการีไม่ได้ ขอเปลี่ยนฐานะและชาติกำเนิดในตอนนั้นก็ไม่ได้ แต่คนเราเลือกที่จะเป็น เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตในภายหลังได้

จากดินสู่ดาว ... ทำได้ถ้ามีความเพียร ความอดทน และความขยันเป็นที่ตั้ง

จากดาวสู่ดิน ... เป็นไปได้ถ้าปราศจากซึ่งความเพียร รู้จักแต่การใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า ต้องการเพียงแค่ชัยชนะ และแสวงหาความสุขไปวันๆ 

"เพียงใจที่ผูกพัน" เป็นเรื่องราวของคนที่เลือกเกิดไม่ได้สองคน  คนหนึ่งเกิดมาราวกับเกิดในโคลนตม ขาดไร้ไปเสียทุกสิ่ง อีกคนเกิดมาท่ามกลางชื่อเสียง เงินทอง และการนับหน้าถือตา ชะตาชีวิตเหนี่ยวนำทั้งคู่ให้พบเจอกันและผูกพันกัน จากความรู้สึกว่าในความต่างที่ราวฟ้ากับเหว "เราเหมือนกัน" แม้ช่วงหนึ่งต้องแยกย้ายกันไป แต่ความผูกพันกลับแน่นหนา กระทั่งได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

แรงบันดาลใจของเรื่องนี้มาจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือการบ้าเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดจิ๋วของผู้เขียน ทำให้ไปเดินจตุจักรบ่อยครั้งและรับรู้ถึงสถานการณ์การค้าขายสัตว์น้ำในบ้านเรา  ปลาจากต่างประเทศตัวหนึ่งราคาหลายสิบหลายร้อยกระทั่งเป็นเรือนพันก็มี แต่ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาบอลลูน ราคาช่างน้อยนิด บางตัวที่ไม่สวยไม่งามซื้อเหมาๆ ตัวละสองบาทก็ซื้อได้ ช่างเป็นเงินเล็กเงินน้อยเสียจริงๆ 

แต่บรรณาธิการประจำตัวกลับเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ได้พบเห็นแถวบ้าน น้องคนนี้เลี้ยงปลาราคาถูกเหล่านี้ ขยายเพาะ และปรับปรุงพันธุ์เพื่อขาย กระทั่งส่งเสียตัวเองเรียนและเลี้ยงครอบครัวได้ ทำให้ได้คิดว่า เออเหนอ ... เงินเล็กเงินน้อยของคนบางคนกลับเป็นอนาคตที่มั่นคงของคนอีกคน

ประจวบกับได้ยินเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชีวิตแสวงหาแต่ความสุขสบายของตน ไขว่คว้าหาความงามความสาวสดอยู่ตลอดเวลา เธอทุ่มได้ทุกอย่างไม่ห่วงอนาคตเพราะมีลูกชายไว้เลี้ยงดูตอนแก่เฒ่า แต่เธอไม่เคยเลี้ยงลูก คลอดแล้วก็เอาไปให้ยายของเด็กเลี้ยง เธอ ... หวังจะให้ลูกเลี้ยง โดยไม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน

ชีวิตที่มีความคิดและอุดมคติในการดำเนินชีวิตต่างกันสุดขั้วจริงๆ 

ผู้เขียนจึงนำสองขั้วมารวมกันไว้ในที่เดียว แวดล้อมด้วยผู้คนมากมายที่เป็นทั้งดินสู่ดาวและดาวสู่ดิน  คนที่ต้องสู้เพื่อชีวิตมาตลอดและคนที่ไม่เคยสู้เพื่อชีวิตใคร แม้แต่ชีวิตของตัวเอง

"เพียงใจที่ผูกพัน" เป็นเรื่องยาว  แต่ผู้เขียนก็เขียนด้วยความสนุกทุกตอน และหวังว่าผู้อ่านคงจะสนุกสนานไปกับชีวิตของ "พี่เสือ" และ "น้องมุก" เช่นกัน

ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ '

กิ่งฉัตร


จากดินสู่ดาว  จากดาวสู่ดิน และ จากดินที่ไม่เคยคิดจะเป็นอะไรให้ดีไปกว่าดิน  เหล่านี้ล่ะค่ะคือชีวิตของตัวละครและความมีชีวิตชีวาของนิยายเรื่องนี้ ที่อยากบอกผู้เขียนว่า (ไม่ช้าไปนะคะ) สนุกจริงจังและจรรโลงใจดี ไม่ใช่สนุกแค่กับชีวิตของ "พี่เสือ" และ "น้องมุก" เท่านั้น  แต่สนุกกับครอบครัวของเขา  ครอบครัวของเธอ  และทุกตัวละครที่เกี่ยวข้อง ล้วนมีแง่มุมที่ให้ชวนคิด ชอบตัวละครหลายคนโดยเฉพาะแม่ของเสือ-มินตรา ที่มีความเป็นแม่สุดหยาบอย่างหาใครเปรียบไม่ได้ (อีลำยองก็อาจลังเลที่จะตีเสมอ Smiley)  พี่ชายน้องมุก- เพชรพิศุทธ์ ที่กว่าจะพบตัวเองและหยัดยืนได้อย่างภาคภูมิในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง  พี่สาวน้องมุก- พลอยพิศุทธ์   อินกับนาง! เข้าใจนะ สงสาร สมเพชเวทนาในความขมขื่น แต่ก็สมน้ำหน้าสะใจด้วย  น้าของเสือ-ณรงค์  ยายของเสือ-ต้องตา  ครูของเสือ-วิไล นักการเมืองอย่าง เพ็ญพิศุทธ์ ศุภฤกษ์  เศรษฐ์ เสน่ห์  คนมั่งมีที่จมไม่ลง โยธิต  โยถิกา และตัวละครอื่นๆ ที่ประกอบกันเป็นสังคมเน่าเสีย ให้ความสำคัญต่อผู้คนด้วยการวัดค่าจากฐานะและความมีหน้ามีตา  (เขียนดีมาก)

"ยายมุกมันโง่  โง่มาตั้งแต่เด็กแล้วที่ไปคบหาไอ้งูพิษ"

"ผิดแล้ว น้องมุกฉลาดต่างหากที่เห็นเพชรตั้งแต่มันยังเป็นหิน 
ไม่เหมือนบางคนที่ขว้างหินเพชรทิ้ง เพราะติว่ามันเปื้อนดินเปื้อนทราย 
พอมารู้ว่าเป็นเพชรก็สายไปเสียแล้ว"

"เสือมันรักใคร รักจริง ลงว่ารักแล้ว สายตามันไม่แลผู้หญิงอื่นอีก  
เชื่อผมเถอะ.. ไม่มีใครรักน้องมุกเท่าเสืออีกแล้ว..."


รักแรก รักเดียว รักสุดท้ายคือเธอตลอดไป    แม้ความรักของพี่เสือกับน้องมุกจะมั่นคงเช่นนั้น  แต่ใช่ว่าหนทางชีวิตร่วมกันจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะรักแท้ต้องผ่านการทดสอบ คลื่นปัญหาและมรสุมที่รุมเร้าหนักหน่วงนั้น ขอบอกว่าความปั่นป่วนวุ่นวายจากผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในระดับเฉียดความ -ิบหาย-วายป่วง การค่อยๆ ขมวดปมเข้าหากัน และคลี่คลายแยกออกไปตามเส้นทางชีวิตของแต่ละคนที่ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า ไปสู่อนาคตที่จะพุ่งสู่ดาวหรือร่วงสู่ดินก็ขึ้นอยู่กับว่าได้เรียนรู้แค่ไหนกับบทเรียนที่เคยเกิดขึ้น     ทำให้เรื่องราวสนุกเหนือความคาดหมายไปมากจริงๆ

"มุกเกลียดพี่เสือแล้ว เกลียดพี่เสือที่สุด  ไหนเคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้มุกร้องไห้อีก  แต่ทุกวันนี้ มุกไม่เคยไม่ร้องไห้เลย  พี่เสือผิดสัญญา  ผิดสัญญา  ทั้งๆ ที่บอกมุกไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้มุกเสียใจ รู้ไหม ไม่ว่าใครก็ทำให้มุกเสียใจไม่เท่าพี่เสืออีกแล้ว ไม่มีใครทำร้ายมุกได้เท่าพี่เสืออีกแล้ว  คนผิดสัญญา มุกเกลียดพี่เสือที่สุด" 


Smiley ก็ไม่รู้สินะ .. ถ้าคุณจะพลาดนิยายรักน้ำดีเรื่องนี้ 




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2557    
Last Update : 3 มิถุนายน 2557 0:29:25 น.
Counter : 2832 Pageviews.  

สิเน่หาส่าหรี - เสน่ห์ผีผ้า ผืนส่าหรี และดอกแมกโนเลีย


ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว  "ผีผ้า" ของนักเขียนนาม "พงศกร"  ..  
อีกทั้งผลงานนิยายไม่ว่าจะเรื่องผีผ้าหรือแนวอื่น 
ยังถูกนำมาสร้างเป็นละครหลายต่อหลายเรื่อง  
มีทั้งที่ออนแอร์ไปแล้วและยังไม่ได้ออนแอร์ 
สร้อยแสงจันทร์ รอยไหม สาปภูษา  กี่เพ้า มาดามดัน 
มณีแดนสรวง บุรำปรัมปรา และ กลกิโมโน (ขายดิบขายดีจริงๆ  Smiley )

สิเน่หาส่าหรี ทราบว่ามีผู้จัดละครได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปเตรียมสร้างเป็นละครแล้วเช่นกัน  ซึ่งน่าจะเป็นละครฟอร์มยักษ์กันเลยทีเดียวนะคะเรื่องนี้ เพราะฉากบ้านเมืองเวียงวังของรัฐสมมุติ "มันตราปุระ"ในประเทศอินเดีย ที่มีสามตำหนักงามนามไพเราะอย่าง บุระสุริยา  บุระจันทรา และ บุระดารา  คงจะต้องมีความวิจิตรตระการตาน่าดูชม  ไหนจะมีฉาก รัฐสิกขิม ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครในเรื่องราว ไหนจะมีความมหัศจรรย์พันลึกของสถานที่และสิ่งเร้นลับพิเศษเฉพาะจินตนาการของผู้เขียน เช่น เขาวงกฏ มณฑลป่า แมงมุมแสงจันทร์ แมวมันตรา ดาราแห่งมรกต (Star of emerald) โดนใจที่สุดต้องเป็น เส้นไหมสีอะเมซิ่ง ที่่นำมาใช้ปักลายส่าหรี "ผืนนั้น" ให้ความรู้สึกว่างดงามเลอค่าเหนือกาลเวลาและเป็นประวัติศาสตร์ค่าควรเมืองจริงๆ .. แต่ก็น่ากลัวด้วย Smiley




ส่าหรีสีขาวนวลที่งดงามอ่อนหวานยิ่งกว่าส่าหรีผืนใดที่ นวลเนื้อแก้ว เคยเห็นมา  ส่าหรีที่ปักลวดลายดอกแมกโนเลียที่ตกทอดกันมานานนับร้อยปี สมบัติล้ำค่าของ ราชมาตาสริตา 

ส่าหรีผืนงามที่เจ้าหญิงแห่งมันตราปุระจะต้องสวมใส่ในวันสยุมพร  นั่นหมายถึงว่า นิลปัทม์ จะต้องสวมส่าหรีโบราณผืนนี้ เข้าพิธีสยุมพรกับเจ้าชายหนุ่มรูปงาม ชัยทัศน์

ถ้าเพียงแต่สาวิตรี คู่หมายของเจ้าชายจะไม่ก้าวเข้ามาขวางเส้นทางรักครั้งนี้เสียก่อน 

แต่ นวลเนื้อแก้ว จะไม่ยอมให่้ใครหน้าไหนมาทำลายงานวิวาห์อันยิ่งใหญ่แห่งปีอย่างแน่นอน

เพราะ นิลปัทม์ เป็นน้องสาวที่เธอรักและจะต้องปกป้องดูแลให้มีความสุขอยู่เสมอ

ซึ่งนั่นรวมถึง การปกป้องงานวิวาห์ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามในครั้งนี้ด้วย!

โปรยปกหลังดูเมือนจะลืมพระเอก เจ้าชายกีริช ผู้เป็นพี่ชายของเจ้าชายชัยทัศน์ไป  คงเหมือนกับในเนื้อเรื่องที่นอกจากโผล่มาพูดคุยและคอยช่วยเหลือนวลเนื้อแก้วจนเกิดเป็นความรัก(ที่เราไม่อิน)แล้ว ก็ไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญอะไรต่อปมหลักของเรื่องมากนัก 

ตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่มีเชื้อสายเจ้า สืบราชวงศ์ในอดีตที่เคยเป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐ "มันตราปุระ"   คือ มหาราชาชัยนเรนทร์ มหารานีศศิประไพ เจ้าหญิงลักษมี เจ้าชายศากุน เจ้าชายทัศระ เจ้าหญิงวีณาจันทร์ เจ้าหญิงศวรี  เจ้าหญิงตุลยา (รัฐสิกขิม)  แม้ราชวงศ์จะสิ้นอำนาจในการปกครองไปตั้งแต่ยุคสมัยที่ตกเป็นอณานิคมของอังกฤษ แต่พระเกียรติพระยศของลูกหลานสืบราชวงศ์ต่อมาก็ยังมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ต่อประชาชน  ยังคงได้รับความเคารพรักและมีความสูงส่งเหนือประชาชนทั่วไปเสมอ  อ่านช่วงแรกจะรู้สึกไม่รื่นเล็กน้อยกับสำนวนบรรยายและบทสนทนาพูดคุยของตัวละครที่ใช้ราชาศัพท์แบบลุ่มๆ ดอนๆ เข้าใจว่าตัวละครเป็นเจ้าแค่เพียงการสืบสายเลือด เมื่อไม่ได้เป็นเจ้าปกครองบ้านเมือง ก็ถือเป็นสามัญชนด้วยเหมือนกัน ภาษาที่ใช้จึงค่อนข้างปะปนพูดแบบเจ้าแบบคนธรรมดา แต่คนที่ไม่ชอบราชาศัพท์เยอะอยู่แล้วน่าจะไม่รู้สึกอะไร เพราะเพื่อนเราก็อ่านแล้วสนุกและชอบ  แม้แต่เราเองที่รู้สึก..บ้าง  อ่านไปสักพักก็คุ้นและความไม่รื่นที่ว่าก็เลือนหายไป  



เหตุผลการกระทำของตัวละครยังไม่ค่อยถูกใจ ยิ่งช่วงแรกๆ จะรู้สึกขัดหลายอย่างเริ่มตั้งแต่ตอนนางเอกออกเดินทางไปถึงสนามบินประเทศอินเดียเป็นต้นไป  การที่นิลปัทม์น้องสาวไม่ได้บอกนวลเนื้อแก้วว่าใครจะมารับที่สนามบิน และตัวนวลเนื้อแก้วก็ลืมถามหมายเลขโทรศัพท์ของน้องสาว  .. เอ่อม ณ จุดนี้  ไปต่างประเทศ  ไม่รู้ว่าใครจะมารับ และไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ?? มุกพระนางเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่าเชยจัง  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ ไหวป่ะเนี่ยเรา .. หนังสือหนามากนะ  และเราก็เปิดมันแล้วด้วย  นั่นหมายความว่า งานเข้า!  เพราะเป็นคนที่เปิดอ่านหนังสือแล้วจะไม่ยอมทิ้งกลางคัน ต่อให้เลิกอ่านไปสักพักก็ต้องกลับมาพยายามต่อให้จบ (นี่อาจเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง)  แล้วยังมาเกิดอคติค่อนข้างหนักหนาสำหรับ "ความประพฤติ" ของบรรดาตัวร้ายในนิยายเรื่องนี้

เข้าใจนะคะว่าเป็นคนธรรมดาเหมือนกันย่อมมีรักโลภโกรธหลงไม่แตกต่างจากคนทั่วไป  แต่เพราะมีเชื้อสายเจ้าล่ะมัง เราจึงค่อนข้างคาดหวังเรื่อง "ชั้นเชิง" ในความคิด การกระทำ และการแสดงออก ของผู้อยู่ในชนชั้นสูง ถูกเกียรติยศค้ำคอเอาไว้ให้เชิดหน้าสง่างามในทุกอริยาบท ถ้าจะ "หลุด" ย่อมไม่ใช่ออกนอกหน้าในที่สาธารณะ เจ้าในความคิดติดภาพของเราคือการ born to be ไม่ใช่จับพลัดจับผลูมาเป็นนี่นา ถ้าจะร้ายน่าจะลึก  แต่ตัวละครและบทบาทพฤติกรรมทั้งกาย วาจา ใจ ในเรื่องนี้ค่อนข้างโผงผางชัดเจน มีการกลั่นแกล้ง ด่าว่า (นังหน้าด้าน! Smiley ) ทะเลาะเบาะแว้ง (แทงเลือดสาด Smiley )  ขอบอกว่าถ้าเอานิยายเรื่องนี้ไปทำละคร ไม่ต้องเขียนบทเพิ่มเติมมากมาย เพราะนางอิจฉาตัวร้ายกับนางเอกสู้คน แม่ผัวรังเกียจลูกสะใภ้  อยากได้สะใภ้รวยมั่งคั่งชนชั้นส่งเสริมกัน  น้องสามีเป็นคู่แสบกับคนรักเก่า พร้อมรวมหัวประจัญบานระรานฝ่ายนางเอก  ด้วยมีฝ่ายแม่ผู้ชายถือหางเข้าแย่งชิง  อะไรเทือกนี้ก็คุ้นเป็นสามัญละครหลังข่าวกันอยู่แล้ว



ส่วนตัวคิดว่าการดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า  เรื่องขัดแย้งของสาวๆ ค่อนข้างเยอะ จนทำให้รู้สึกว่าผีสาวในชุดส่าหรีมีบทบาทน้อย  ประกอบกับตัวละครขาดเสน่ห์มัดใจตามที่กล่าวมา ช่วงครึ่งแรกจึงรู้สึกว่าค่อนข้างอึดอัดและต้องอ่านอย่างใช้ความอดทนอยู่เหมือนกัน

แต่เมื่อมีสิ่งที่ชอบเป็นสิ่งใหญ่สำคัญ นั่นคือ "เนื้อเรื่อง" นิยายเรื่องนี้จึงยังผูกใจเอาไว้ได้  ยังทำให้อ่านทุกตัวอักษรเพราะเกรงว่าถ้าอ่านข้ามจะพลาดอะไรไป นั่นคือเรื่องปริศนาผีผ้า ดาราแห่งมรกต  (Star of emerald)  เขาวงกต แมวมันตรา ส่าหรีสยุมพร และการฆาตกรรม สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเป็นความโดดเด่นที่น่าทึ่ง  หลังจากผ่านมาครึ่งเล่มที่ทำใจยอมรับพฤติกรรมตัวละครทั้งหลายได้แล้ว (โดยเฉพาะมหารานีศศิประไพ น้องหญิงลักษมี และ สาวีตรี เหลือจะทนจริงๆ นะ สามนางนี้) ช่วงหลังจึงอ่านได้สนุก กล่าวได้ว่า ชอบปมเรื่อง "ผ้า" เอามากๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นไหมที่ใช้ปักลายดอกแมกโนเลีย  การปรากฏตัวของหญิงสาวในชุดส่าหรีสีนวล  บุคคลสาปสูญ และประวัติศาสตร์ที่ไร้รอยจารึกของราชวงศ์มันตรา  นี่หากว่าดำเนินเรื่องให้เร็วสักหน่อย มีตัวละครที่ถูกใจบ้าง และการคลี่คลายปมแต่ละเปลาะถึงใจอีกนิด  สิเน่หาส่าหรี  คงจะจัดเป็นนิยายเรื่องโปรดได้

คำนำสำนักพิมพ์กล่าวไว้ว่า  'เป็นหนึ่งในนิยายของซีรีย์ผีผ้า ต่อจาก สาปภูษา รอยไหม และ กี่เพ้าที่ได้ชื่อว่าเข้มข้นและสนุกที่สุดในบรรดาสี่เรื่องนี้'  แม้จะไม่เคยอ่านสามเรื่องนั้น  แต่ก็ค่อนข้างเชื่อว่าคงจะจริง  เพราะมนต์เสน่ห์ของอินเดีย  ดอกแมกโนเลีย  และความพลิ้วไหวของผืนผ้าส่าหรีที่มีปริศนาอันเร้นลับในเรื่องนี้ ขอชมเชยว่าของเขาสนุกจริง

นมัสเต


ภาพดอกแมกโนเลียจาก google 








 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 2 มิถุนายน 2557 7:07:48 น.
Counter : 11864 Pageviews.  

ลิลิตบุษบา The Princess Story @ Mirininthemoon




เสียงลือเสียงเล่าอ้าง       อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร            ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล           ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า                อย่าได้ ถามเผือ


ในที่สุดนะ ก็ได้อ่านกับเค้าเสียที ผลงานของ mirininthemoon
ที่เคยได้ยินแต่ 'เสียงลือเสียงเล่าอ้าง' 

เคยถูกเพื่อนปรามาสเอาไว้ว่า "ไม่ใช่แนว"  รอบก่อนหน้าที่คุณเพื่อนมันขนหนังสือมา มันจึงไม่ยอมหยิบมาให้ยืมให้หนักมือเปล่าๆ ทำมาเป็นรู้ใจว่า "ไม่ชอบแน่ๆ"    เอ่อม .. เพื่อนเหวย   รู้ใช่ไหมหนังสือเล่มนี้ราคาเท่าไหร่  หกร้อยเชียวนะ! ช่วยเหอะ ช่วยหยิบมาให้ลอง  

จึงได้ลอง

ตอนเจอกันอีกครั้งเมื่อเพื่อนเอาหนังสือมาให้ นางก็ยังอุตส่าห์ย้ำอีกว่า 

"เค้าว่าอ่านแล้วต้องไม่ชอบ"  คุณคิดว่าเพื่อนของเราจะทายถูกไหม ?? 

แนะนำตัวละคร

ร้อยเอกมนตรี มาร์ค ไรส์ หนุ่มเชื้อสายอเมริกัน-อินเดีย เอฟบีไอระดับสี่ผู้รับผิดชอบสายการก่อการร้ายข้ามชาติ เขาเกิดมาก็ไม่ได้อยากจะชื่อมนตรี แต่มีแม่เป็นนางงามวัฒนธรรมอินเดียที่คลั่งไคล้นิยายม้ากมาก... มาร์คคือตำรวจหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งประสบความสำเร็จในการจับนายหน้าค้ายาเสพติด ที่แบกแดด มาร์คได้รับมอบหมายงานชิ้นใหม่ในเอเชีย โดยการเปิดโปงและถล่มจับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายใหญ่อยู่ในพัทยา... พี่มนตรีอ่านไทยไม่ออก เกลียดวรรณคดีและเรื่องเพ้อเจ้อเหนือจินตนาการ แต่ดันต้องมาร่วมหอลงโลงกับผู้หญิงสวยสติแตก ที่จะทำอะไรทีก็ต้องเสี่ยงเทียนทำนาย แถมเธอยังเชื่อหนักหนาว่าเทพเทวา (วงค์กระสันอะไรซะอย่าง) ส่งเธอมาให้ "แต่งงานกับเขา" เรื่องแบบนี้ควรจะเถียงฉีกหรือสมยอมดี?

ระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด  "ชื่อระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด ลออเอี่ยมเทียมทัดนางสวรรค์ นางในธรณีไม่มีทัน ผิวพรรณผุดผ่องดังทองทา" <<< กลอนนี้บนรับประกันดีกรีความสวยแบบใครเห็นก็ต้องสลบ เธอคือบุษบา-- องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เป็นถึงหลานสาวคนโตของวงศ์อสัญแดหวา ที่มีบรรบุรุพสืบเชื้อสายมาจากโคตรของโคตรเทพ เธอถูกจับให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับระเด่นมนตรีตั้งแต่เกิด... วันหนึ่ง... เธอถูกบอกปัดงานแต่งงานจากคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้า ระเด่นมนตรีประกาศรับจินตะหรา ลูกสาวของกษัตริย์แห่งเมืองหมันหยาขึ้นเป็นเมีย บุษบาอับอายขายหน้า เธอเก็บตัวอยู่แต่ใน "หอพระพุทธ" ตั้งแต่นั้นมา... และไม่เคยมีใครเห็นเธอเดินออกมาอีกเลย


ระเด่นจินตะหราวาตี "งามงอนอ่อนระทวยนวยแน่ง ดำแดงนวลเนื้อสองสี ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี นางในธานีไม่เทียมทัน" <<< ใช่แล้ว ชีคนนี้เป็นคู่อาฆาตของชีคนข้างบน เรื่องของเรื่องคือกำลังแย่งผัวกัน จินตะหราเป็นลูกสาวของกษัตริย์แห่งเมืองหมันหยา เป็นผู้หญิงคนแรกของระเด่นมนตรี (อิเหนา) เธอทำให้อิเหนาหลงรักจนเป็นเหตุให้บอกปัดงานแต่งงานของบุษบา จินตราเป็นผู้หญิงฉลาดมากกว่าสวย เธอมีพี่เลี้ยงชาวหมันหยาที่มีฝีมือในการทำคุณไสยจนขึ้นชื่อ

ขุนแผนแสนสะท้าน หรือ พระสุรินทรฤาไชยเจ้าเมืองกาญจนบุรี เขาเคยคิดว่าตัวเองหล่อระดับแรร์ ไอเท็ม (RARE ITEM) แต่พอเจอคนข้างล่าง เขาก็เลยกลายเป็น ‘หล่อบ้านๆ’ ไป โอเคถ้าเราไม่พูดเรื่องหล่อ ขุนแผนก็จัดว่าหน้าตาคมคายดี เจ้าคารม ที่สำคัญ ‘ของเล่นเยอะ’ ก็เขาเป็นนักเล่นไสยเวทย์ที่แก่กล้ามาก มีทั้งดาบฟ้าฟื้น เลี้ยงกุมารทองและมีพาหนะคู่ใจคือม้าสีหมอก... เจ้าพระยากาญจนบุรีคนนี้อาสาองค์เหนือหัวไปทำศึกกับเมืองเชียงใหม่ เขาตั้งหน้าตั้งตาเดินทางไปรบอย่างมุ่งมั่น แต่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าหัวเมืองเชียงใหม่ จะมีชื่อเต็มๆว่า ‘เชียงใหม่ ไนท์ บาร์ซ่า’ แล้วอันไหนคือหัวเมืองท้ายเมือง? เขาต้องรบกับใคร ตีกะใคร กินอยู่ยังไง… กุมารทองอยู่ไหนช่วยกูที!!!

พระอภัยมณี   คนที่ทำให้คนข้างบนหล่อไม่เสร็จคือคนนี้นั่นเอง... คนนี้มาสูงกว่าใคร--- พระอภัยเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทแห่งเมืองรัตนาปุระนคร แต่โชคร้าย... ดันใฝ่ต่ำกว่าใครเพราะเลือกเรียนดนตรีเป็นอาชีพหลัก เป็นเหตุให้ที่บ้านไม่ปลื้มแม่ไม่รัก พระอภัยมีนิสัยสุภาพและฉลาดกว่าทุกคนข้างบนที่เอ่ยชื่อมาแล้ว เขากำลังเดินทางตามหาน้องชายที่จากกันไปนาน เพราะเขากับน้องมี ‘เรื่องบางอย่างจำเป็นต้องเคลียร์’

นานาโกะ สหเสถียร (ผู้กองนวล)  ผู้กองสาวเปรี้ยวจี๊ดจากกรุงโตเกียว ที่ได้รับมอบหมายให้มาร่วมโปรเจคระดับชาติกับมาร์คด้วย เพราะเหตุผลที่ว่า ‘เธอเป็นคนไทยโดยกำเนิด น่าจะรู้จักเมืองไทยดี’ แต่ใครเลยจะรู้ว่าผู้กองนีน่าโคตรจะเกลียดประเทศนี้ เพราะเคยมีความหลังที่ไม่น่าประทับใจ ผู้กองนวลเป็นลูกสาวคนเดียวของศิลปินเพลงแห่งชาติ อาจารย์แสง สหเสถียร เธอมีนิสัยตรงไปตรงมา มุทะลุดุดัน ไม่คิดจะลงหลักปักฐานกับใคร แม้อายุตัวจะเฉียดเลขสามแล้วก็ตาม

เจ้าพญาชาละวัน สมัยนี้จะเป็นพระเอกได้... ต้องลูกครึ่ง เขาก็ครึ่ง—[ครึ่งคนครึ่งสัตว์] พี่ชาร์ลของเราคือจระเข้ตัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในถ้ำทอง แน่ล่ะ...ใหญ่ที่สุดในใต้บาดาลก็เขาล่ะ ชาร์ลมีเขี้ยวแก้วที่ทรงอานุภาพมาก ไม่มีอาวุธใดสามารถระคายผิวเขาได้เลย ชาร์ลเป็นจระเข้ที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เขาดันเจอไอ้เข้ที่เจ้าเล่ห์กว่า เลยโดนแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ ต้องมาโผล่เกยตื้นพะงาบๆรอความช่วยเหลือที่ท่าน้ำ แล้วใครจะช่วยหมอนี่ล่ะ ถ้าไม่ใช่แม่สาวคนข้างล่าง

ยอดรักวิมาลา   ใช่แล้ว ฉันช่วยเขาเองแหละ... วิมาลา นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยที่จับพลัดจับผลู ลากหนุ่มประหลาดคนหนึ่งขึ้นมาจากท่าน้ำ จะสลัดยังไงก็สลัดไม่ขาด มิหนำซ้ำเขายังโมเมว่าเธอหน้าเหมือนเมียเก่าเขาอีกแน่ะ วิมาลาเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวแพทย์ตำรวจ เธอมีนิสัยนุ่มนวล เงียบๆ และที่สำคัญ ‘เธอมีคู่หมั้นแล้วย่ะ!!!’


ตอนที่เพื่อนทายด้วยอาการมั่นอกมั่นใจว่าเราจะไม่ชอบหนังสือเล่มนี้  พี่อีกคนที่เป็นคอนิยายเหมือนกันถามว่า  "ทำไมล่ะ มันเป็นนิยายแบบไหนเหรอ?"  เพื่อนก็อธิบายให้ฟังว่ามันเป็นการนำตัวละครและเรื่องราวในวรรณคดีมายำใหญ่ใส่รสชาด บลา บลา บลา ซึ่งไม่น่าจะใช่แนวนของเรา พี่เค้าบอกว่าก็ท่าทางน่าสนุกดีนี่  เพื่อนรีบตอบรับว่า ใช่ๆ มันสนุกและเค้าก็ชอบมาก   

จึงมีอีกหนึ่งคำถามตามมา  แล้วเราชอบอ่านแนวไหนเหรอ .. นางก็ชิงตอบแทนรวดเร็วทันใจ  "แนวสมเหตุสมผล"  แถมยังยกตัวอย่างเป็นฉากๆ ด้วยว่า อย่างเรื่อง สิเหน่หาส่าหรี ของ พงศกร  เค้าอ่านสนุกดีออก  แต่พอเราอ่านกลับมีปัญหา..เพียงเพราะว่าราชาศัพท์ผิด! ในขณะที่เค้าไม่ได้สังเกตหรือรู้สึกอะไรเกี่ยวกับการใช้ภาษาเลย   (ที่จริงไม่ได้บอกว่าผิดซะหน่อย ก็แค่บ่นว่าเดี๋ยวก็ใช้ราชาศัพท์ เดี๋ยวก็ไม่ใช้-ใช้คำธรรมดา จะเอาอย่างไรกันแน่ เดี๋ยว "หน้า" เดี๋ยว "พักตร์" เดี๋ยว "ทรง" เดี๋ยวไม่ทรง มันไม่รื่นอ้ะ) แต่ก็เอาล่ะ..คร้านจะแย้ง  ถ้าหนังสือที่ทำให้มีความสุข-เศร้าซึ้ง-หัวเราะ-ร้องไห้ จะหมายถึง "แนวสมเหตุสมผล" ที่ทำให้อ่านรื่นไหลจนก่อให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครน่ะนะ  ก็คงจะใช่แนวเราจริงๆ  

แต่ ณ จุดนี้ ขอบอกว่าหมั่นไส้นางมาก  ที่ทำมาเป็นรู้ดี ...( ว่าเราเรื่องเยอะ  Smiley )

ด้วยเหตุที่ถูกวิเคราะห์อย่างนั้นจึงพยายามเปิด ลิลิตบุษบา เรื่องนี้ขึ้นมาอ่านด้วยอาการเปิดใจเต็มที่  เพราะแม่เพื่อนผู้รู้ดี ย้ำอีกแล้วเป็นรอบที่สาม ในกลุ่มสนทนาไลน์ที่คุยเรื่องหนังสือและแลกหนังสือกันอ่าน  "บอกไปแล้วล่ะ  ว่าถ้าจะอ่านให้สนุกต้องไม่คิดถึงความสมเหตุสมผล"   แหม.. ตอกย้ำซะจริง  ที่จริงเราก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นสักหน่อยน่า  ความรู้สึกต่อหนังสือที่ได้อ่านแต่ละเรื่อง มันขึ้นอยู่กับทัศนคติ รสนิยม ประสบการณ์ พื้นฐานการรับรู้ในเรื่องต่างๆ ของคนแต่ละคน  ขึ้นอยู่กับความอิน (โว้ย) 

แล้วก็เกลียดจริงๆ  ที่จะต้องยอมรับว่า เพื่อนมันปรามาสไว้ .. ถูก!  Smiley แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกนะ 

เพราะถึง "ไม่ชอบ" บางอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ด้วยเหตุผลอย่างที่เพื่อนคิด (ด้วยความสัตย์ซื่อ)

และก็มีอีกหลายอย่างที่ "ชอบ"  (ด้วยความจริงใจ)

จึงตัดใจยังไม่ขาดกับเล่มต่อไป "หอมกลิ่นวิมาลา" เอาไงดี? 


ความไม่ชอบ

ภาษากายนำภาษาใจ  ไม่ทราบนะ ถ้าในมุมมองของใครจะมองว่าฉากเลิฟซีนมากมายในเรื่องนี้เป็น "ความหวาน" เพราะส่วนตัวเห็นเป็น "ความหื่น"  และมันก็เยอะมากซะจนกลายเป็นว่าความใคร่ของแต่ละคนแต่ละคู่เด่นอยู่เหนืออารมณ์ของความรัก ทำให้รักไม่ซึ้ง  คงเป็นเพราะตัวเราเองชอบความรักแบบละเมียดละไมในความรู้สึกมากกว่า  เลิฟซีนอีโรติกของเรื่องนี้จึงไม่ใช่แนว  แม้จะเป็นคนอ่านนิยายโรมานซ์อยู่แล้วแต่มันก็ต้องมีความพอดีในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกด้วย แต่เรื่องนี้ไฟสวาทคุโชนติดพรึ่บพรั่บตลอด เอะอะอะไรก็ .. xoxo...xxx 

ดำเนินเรื่องอืด  เข้าใจในจุดเริ่มต้นของเรื่อง เมื่อตัวละครในหนังสือวรรณคดีหลุดออกมาสู่โลกของมนุษย์ในความเป็นจริง  หลายตัวละคร สะเปะสะปะคนละทิศละทาง มีบางโอกาสที่ได้มาพัวพันกันอย่างยุ่งเหยิงวายป่วง แล้วก็แยกกันไปมีเรื่องมีราวของแต่ละคน  ผ่านไปห้าร้อยกว่าหน้า เหมือนจะจบภาค ลิลิตบุษบา แล้ว  แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีกระชับเข้ามาหากันสักเท่าไหร่เลย ไม่ว่าจะแก๊งค้าผู้หญิง  ร่องรอยของพระราม  ทศกัณฑ์ 

Special Gift from Writers  1 น่าจะเป็นส่วนที่มีปัญหาด้วยมากที่สุด เพราะเป็นปฐมบทความสัมพันธ์ของ นานาโกะ กับ พระอภัยมณี แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเราอคติเพราะหวงพระอภัยมณีไว้ในฐานะว่าที่สามีของนางเงือก Smiley ความยาวเกือบสองร้อยหน้า ไม่ได้ส่งผลอันใดต่อโครงเรื่องหลักที่ตัวละครในวรรณคดีหลุดออกมาจากหนังสือ  จึงเหมือนกับว่าเราต้องอ่านนิยายภาคพิเศษ นานาโกะ -พระอภัยฯ  เพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง  ที่พลอตเป็นคนละขั้วกัน  โครงเรื่องหลักคือตัวละครในวรรณคดีหลุดมาสู่โลกความเป็นจริง  ส่วนตอนพิเศษนี้  มนุษย์ในความเป็นจริง-นานาโกะ หลุดเข้าไปยังมิติโลกวรรณคดี แล้วพระอภัยมณีเมื่อตอนยังเป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่น เอ่อ..ใช่คนเดียวกันเหรอ นิสัยคนละเรื่องกันเลยกับตอนโต   Special Gift from Writers 2  เราชอบขุนแผน  แต่กลับไม่ชอบเรื่องราวในตอนพิเศษอีกกว่าแปดสิบหน้า  เมื่อขุนแผนแสนสะท้าน กลายเป็นขุนแผนแสนเย็นชา นายหัวแห่งดงพญาไฟ - ทำไร่เกษตร 

ก่อนหน้านั้นเราก็สนุกกับเค้าโครงเรื่องดี ที่แม้จะไม่สมจริงถึงขั้นหลุดโลก (หรืออาจจะเรียกอย่างเพื่อนว่า (ไม่) "สมเหตุสมผล") แต่มันคือจินตนิยายที่เราเข้าใจและยอมรับได้อย่างหนุกหนาน ทว่าพอมีอีกสองตอนพิเศษเพิ่มเข้ามา  มันเหมือนกับเราได้รับหลายอย่างเกินไป  ... จึงหลุดล้น   นานาโกะ กับ พระอภัย กลายเป็นทวิภพ และ และเมื่อเสือสมิงออกล่า ขุนแผนแห่งดงพญาไฟ จึงมีกลิ่นระพิน ไพรวัลย์ แห่งเพชรพระอุมา-รู้สึกไปโน่นเลยง่ะ  กำลังลุ้นจินตะหรากับแผนเอาตัวรอด เหี้ยป่า ดอกทอง และ  ของแสลงปราบอาคม อยู่ดีๆ พอเปลี่ยนอารมณ์กระทันหัน  และ เปลี่ยนไปเลยโดยสิ้นเชิง ยอมรับว่าปรับใจไม่ทัน ก็เลยกลายเป็นความเบื่อ อ่านแบบกวาดตาข้ามๆ เยอะมาก ซึ่งไม่ใช่นิสัยปกติของการอ่านหนังสือเลย แต่นั่นอาจจะเป็นเรื่องหนุกหนานสำหรับคุณก็ได้นะคะ .. ใครจะไปรู้ Smiley

ความชอบ 

Smiley จินตนาการสร้างสรรค์อันบรรเจิด  สะกิดต่อมวรรณคดีในความทรงจำเก่าลืมให้ฟุ้งกระจาย บางที อาจจะมีหลายอย่างในวัยเยาว์ที่เรามีความรู้สึกบางมุมต่อตัวละครในวรรณคดีคล้ายกันผู้เขียนก็ได้นะ    ขุนแผนแสนสะท้านจึงตีบทแตกด้วยคาแรคเตอร์ที่เท่ระเบิด  และพระเอกในตำนานน่านน้ำคุ้งเศรษฐีสำหรับเราหาใช่ไกรทองผู้แหวกคุ้งน้ำลงไปยังถ้ำบาดาลแล้วใช้หอกสัตตโลหะทิ่มแทงชาละวัน     แต่เป็นชาละวัน พญาจรเข้นายใหญ่แห่งถ้ำบาดาลนี่แหละที่เราชอบ เสน่ห์ของเรื่องรักก็ไม่ใช่รักข้ามสปีชีร์ที่คาบมนุษย์สาวสวยตะเภาทองมาทำเมีย  แต่เป็นรักนี้คือเธอ ยอดรักวิมาลา   บังเอิญว่านางในวรรณคดีอื่นๆ ไม่เข้าตากรรมการ   เจ้าหญิงบุษบาดีแต่สวย  เจ้าหญิงจินตะหราก็ท่ามากเกิน ทั้งหยิ่งและเล่นตัวเกินงาม  ผู้กองนวล-นานาโกะ นอกจากส่วนตัวจะไม่นิยมนางเอกคาแรคเตอร์สาวห้าว ยังเป็นตัวละครที่ค่อนข้างรู้สึกกระเทือนต่อตำนานรักโรแมนติกในวรรณคดีระหว่าง นางเงือก-พระอภัยมณี ผู้ให้กำเนิดเด็กน้อยสุดเท่อย่างสุดสาครขี่ม้านิลมังกร  (..Smiley เหตุผลส่วนตัวล้วนๆ)     

Smiley คาแรคเตอร์ตัวละคร  ชอบที่สุดคือขุนแผนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตามอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เนื่องจากอินเลิฟง่าย โมโหก็ง่าย พูดผิดหูนิดหน่อยเป็นไม่ได้ แต่ก็ตลกและน่ารัก เท่มากมายกับการมีวิชาอาคม   ส่วนคู่พระ-นางที่ชอบ คือ พี่ชาร์ล-ชาละวัน  กับ น้องน้อย-ยอดรักวิมาลา   ขอบคุณที่ไกรทองเดี้ยงไปแล้ว  เนื่องจากจำได้ว่า  วิมาลาเป็นยอดรักของไกรทองด้วยเช่นกัน  นางกากีของท้าวพรหมทัตก็มี  นางสโน-นางกุลา แห่งสโนน้อยเรือนงามก็มา  เรียกได้ว่าอารมณ์คิดถึงคุกรุ่น อยากอ่านเรื่องตามวรรณคดีจริงๆ ขึ้นมาซะอย่างนั้น  แต่จะไปหามาอ่านได้จากที่ไหน ? การตีความคาแรคเตอร์ตัวละครจากวรรณคดี และบิดพลิ้วเรื่องราวของพวกเขาและเธอขึ้นมาใหม่ทำได้สุดยอดจินตนาการ

Smiley ไสยเวท มนต์ดี มนต์ดำ อภินิหารความศักดิ์สิทธิ์  สนุกมากกับเรื่องเหล่านี้แหละ การต่อสู้กันด้วยคาถาอาคมของคนเล่นของ   ชอบที่สุดคือ  "ขุนแผน" กับกุมารทองลูกรัก  "เพชรปราบ"  หรือเรียกว่า  เพชรภูติงาน ที่แยกร่่างตามงานถนัดเป็น เพชรมั่น เพชรดับ เพชรคง เพชรสูญ  และเรื่องที่ขุนแผนผู้มีอาคมแก่กล้าจะสิ้นเวทไร้มนต์ในวันพระ วันดีสำหรับคนทั่วไปแต่สำหรับขุนแผนมันคือว่าแห่งการจองเวร (โดยศัตรูคู่อาฆาตและเจ้ากรรมนายเวรที่ออกล่า) เป็นวันที่ทำให้เกิดเรื่องราวหนุกหนาน 

Smiley ศิลป์ภาษาไทย ที่ทำให้คิดว่าหนังสือราคาแพงเล่มนี้มีความคุ้มค่า (แต่ถ้ามีให้ยืม เราก็ยืม ) ยิ่งรวมเข้ากับการเข้ารูปเล่มสวยงามแลดูไฮโซก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อนะคะ   ชอบ โคลง กลอน ฉันท์ และ บทเพลง ที่บางบทตอนนั้นยังอยู่ในความทรงจำพร้อมท่วงทำนองเสนาะราวกับว่ามันเป็นอมตะไม่ว่าถ้อยคำหรือความหมาย

พฤษภกาสร        อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง   สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย    มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี   ประดับไว้ในโลกา
...
รักกันอยู่ขอบฟ้า         เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว    ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว         ตาต่อกันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง      ขอบไม้มาบัง
...

พระสมุทรสุดลึกล้น         คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดมา             หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา             กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร์        ยากแท้หยั่งถึง


 และแม้แต่บทที่แต่งเองโดย mirin แต่ละบท ก็คมคายชวนจดจำไม่น้อย  ชอบบทนี้เป็นพิเศษ  

ผู้ไม่เคยซึ้งใคร ในชีวิต   อาจจะคิดซึ้งเราเข้าก็ได้
สำหรับเราผู้ซึ่งไม่ซึ้งใคร     อาจซึ้งใจคนซึ่งไม่ซึ้งเรา

Smiley อนุรักษ์ความเป็นไทย ชอบการแฝงความหมายกินนัยที่คอยย้ำเตือนถึงเรื่องนี้ แม้ไม่ปรากฏเจตนารมย์ของ mirin เป็นคำนำผู้เขียนหรือคำนำสำนักพิมพ์ไว้แจ่มแจ้งในหน้าใดของหนังสือ แต่จากที่โปรยปกหลังน่าจะบอกได้ชัดแล้ว 

กราบเบญจางค์วางหัวใจไหว้ไตรรัตน์    น้อมนมัส แฟน mirin ทั้งใหม่เก่า
ที่ร่วมสุขทุกข์เข็ญเป็นเพื่อนเรา                ทักกันบ้างบางครั้งคราวคลายเหงาใจ
ออกตำราเล่าขานผ่านลิลิต            วอนสะกิดจิตสำนึกคนรุ่นใหม่
ญี่ปุ่นดีเกาหลีเด่นไม่เป็นไร            วัฒนธรรมของไทยควรดำรง
ทุกสรรพสิ่งอันสลอน on the earth   ได้โปรดเถิดพี่น้องอย่าลุ่มหลง
Everything เป็นสิ่งไม่ยืนยง           มันก็คงพังภินท์ in one day


ชอบที่สุดจากการอ่านนิยายเรื่องนี้  คือทำให้เรารู้สึกเห็นถึง Smiley คุณค่าของวรรณคดีไทย ซึ่งในวัยเด็กเราก็ชอบเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้ว เป็นคนชอบดูละครจักรๆ วงศ์ๆ ของช่อง 7 แม้จะต้องแย่งชิงหน้าจอทีวีกันสักเล็กน้อยกับเด็กผู้ชายที่ชอบช่อง 9 การ์ตูนมากกว่า  ทว่าเมื่อเราโตขึ้น ก็หลงลืมมันไปหมดแล้ว เมื่อมีเรื่องนี้มาสะกิดต่อมให้พอระลึกได้คลับคล้ายคลับคล้าว่าเรื่องราวในวรรณคดีส่วนนี้ส่วนนั้นเป็นยังไงนะ  ทำให้นึกอยากรู้อยากอ่านขึ้นมาอีกครั้ง  โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบเป็นพิเศษคือ รามเกียรติ์  เสียดาย ทศกัณฐ์ กับพระรามในเล่มนี้ ยังไม่แสดงตัว

ว่าแล้วปีนี้ใกล้ถึงช่วงเวลาจับจองซื้อตั๋วชมการแสดง โขนรามเกียรติ์ อีกแล้วนะคะ  อยากให้ช่วยกันสนับสนุน ช่วยซื้อตั๋วไปดูกัน  อยากให้ไปได้ยินเสียงปรบมือกึกก้องชื่นชมและให้กำลังใจเมื่อนักแสดงได้ถอดหัวโขนโค้งคำนับอำลาเวที คนรุ่นใหม่เหล่านี้จะอนุรักษ์ศิลปะการแสดงของไทยต่อไปได้ยังไง  หากคนไทยไม่สนใจเพราะเห็นว่ามันคร่ำครึ ทั้งที่จริงแล้วมันอลังการตระการตาสนุกสนานน่าประทับใจทุกปี   สมเด็จพระนเรศวรตอนยุทธหัตถี ก็กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนต์ ไปดูกันนะคะ  สนุกรึเปล่าไม่รู้  แต่นี่คือหนังที่สร้างขึ้นจากตำนานในประวัติศาสตร์และลงทุนสูง เราคนไทยจึงควรให้การสนับสนุนเป็นกำลังใจ ต่อไปภายภาคหน้าคนจะได้มีกำลังใจสร้างอีกๆ (เหมือนมาขายของนะเนี่ย Smiley ) 

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ     ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อ มิใช่เบา      หน้าที่เรารักษาสืบไป
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า       จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย    มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย 

ดูแล้วความชอบมีมากกว่า จากที่่ลังเลจึงตัดสินใจล่ะว่า ยังคงรักขุนแผนอยู่มากโข และพี่ชาละวันก็ยังไม่ทันได้รักกันดีๆ เลยกับน้องน้อยวิมาลา  แม้ว่าเล่มมันจะหนา ต้องอ่านยาวกันหนักหน่วง แต่ยังอยากจะรู้คุณ mirin เธอจะดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไร  ขุนแผนยังมีของดีอะไรมาเล่นอีก จะมีใครในวรรณคดีโผล่มาอีกไหม  ยังมีความงามของ กาพย์ ฉันท์ โคลง กลอน อะไรอีกที่จะถูกบรรจุจัดเต็มไว้ในเรื่อง "หอมกลิ่นวิมาลา" ต่อไปนั้น ...ต้องติดตาม! 


ปล.  ครั้งแรกที่ได้เห็นปกหนังสือ  ทำให้นึกถึงหนังฝรั่งเศสสยองอารมณ์เรื่องนี้เลย Smiley





 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 12 สิงหาคม 2557 23:37:17 น.
Counter : 4444 Pageviews.  

ต้องรอด (Survived-Tiger) ด้วยรัก สัจจะ และคำพยากรณ์


เล่มที่สี่ Tiger  เขียนโดย ละอองหมอก


ดอกไม้อันหอมหวานคือพี่สาวน้องสาวของเรา
กวาง ม้า และนกอินทรีย์ที่ยิ่งใหญ่นั้นเล่า คือพี่ชายน้องชายของเรา
ผาสูง ชายฝั่ง สายธารในทุ่งกว้าง ไออุ่นจากลูกม้าและคน ต่างคือญาติของครอบครัว
เมื่อหัวหน้าใหญ่แห่งวอชิงตันให้คนมาบอกว่า ต้องการซื้อแผ่นดินของเรา
เขาเรียกร้องเกินกำลังเรานัก


นิยายชุด "ต้องรอด" มีทั้งหมด ๗ เล่ม โดยฝีมือนักเขียนไทย ๗ คน

1. Bengal    - ป.ศิลา
2. Jaguar    - ชญาน์พิมพ์
3. Leopard  - ปินปินัทธ์
4. Tiger     - ละอองหมอก
5. Cheetah  - mirininthemoon
6. Wolf       - ออสมา
7. Panthers - มณีจันทร์

ธีมเรื่อง  : ซีรีย์เกี่ยวกับการต่อสู้ของชาวเผ่าอินเดียนแดงในอเมริกายุค คศ. 1844-1878 เพื่อหนีการตามล่าอาณานิคมของอังกฤษ จะเล่าถึงอินเดียนแดงเผ่าหลักๆ ที่ลุกขึ้นร่วมมือกันต่อสู้เพื่อรักษาบ้านเกิด และ หนังสือเล่มนี้ “ไม่ใช่” พารานอมอลนะคะ เราเอาเสือมาเป็นชื่อเรื่อง แทนสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของนักสู้แต่ละเผ่าเท่านั้น อินเดียนแดงในอเมริกานั้นจริงๆแล้วมีนับร้อยเผ่า เราจะพูดถึงแค่เผ่าหลักๆ ที่ลุกฮือขึ้นมาปกป้องบ้านเกิดร่วมกัน


เกริ่นก่อนเข้าเรื่องเหตุการณ์ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากที่ โคลัมบัส ค้นพบอเมริกาใน คศ. 1492 ทำให้ชาวยุโรปเริ่มจะแสวงหาผลประโยชน์จากดินแดนใหม่ที่เพิ่งพบเพื่อหาสินค้าที่มีค่ากลับไปขายในยุโรป จนนำไปสู่การตั้งรกรากของชาวยุโรปในที่ผืนดินนี้ โดยชาวสหรัฐอเมริกากลุ่มแรกนั้นดั้งเดิมมาจากอาณานิคมสิบสามรัฐของบริเตน หรือเป็นคนอังกฤษนั่นเอง ชาวอังกฤษกลุ่มนี้เดินทางมาปล้นสะดม ครอบครองและขับไล่อินเดียนแดงเจ้าของถิ่น จากนั้นก็ประกาศตนเป็นเอกราชรวมเป็นประเทศอเมริกาในปีคศ. 1776 และแผ่ขยายดินแดนไปทางตะวันตกเรื่อยๆจนมีอาณาเขตจรดมหาสมุทรแปซิฟิคใน คศ.1878  (ข้อมูลจาก //writer.dek-d.com/porsila)


มีโอกาสได้อ่านเล่มที่ ๔ - Tiger  โดย ละอองหมอก  รู้สึกดีใจที่เล่มนี้เป็นของนักเขียนที่ยังไม่เคยอ่านผลงานมาก่อน เป็นการทำความรู้จัก ละอองหมอก  เรื่องแรก .. ใหม่ๆ เพียวๆ ไร้อคติชอบไม่ชอบจากเรื่องอื่นใดมาเจือปนหรือเปรียบเทียบ

การเปิดเรื่องด้วยจำนวนหลายหน้าของ "บันทึกขณะสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ" ของ พลเรือเอกคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ตามด้วย Chapter 1 : พันธสัญญาแห่งครี  ที่เปิดตอนด้วยคำทำนายของอินเดียนแดงเผ่าครี

"้เมื่อใดที่ต้นไม้ต้นสุดท้ายถูกโค่นลง
เมื่อใดที่แม่น้ำสายสุดท้ายปนเปื้อนสารพิษ
เมื่อใดที่ปลาตัวสุดท้ายโดนจับขึ้นมา
เมื่อนั้นคุณจะรู้ว่า เงินไม่สามารถทำให้ท้องอิ่มได้เลย"

เรียกร้องความสนใจขนาดหนัก รู้สึกเหมือนกำลังอ่านหนังสือแปล  มีท่านลอร์ดชั่วผู้นำเรือจักรวรรดิที่กำลังหาทางรุกรานดินแดนแถบนี้ ด้วยเชื่อกันว่ามีสายแร่ทองคำ แต่ด้วยเวทมนต์ อาคม ความขลัง ไม่เคยมีใครหาทางเข้าดินแดนเผ่าครีได้พบ  และวิธีที่จะได้มันมา เป้าหมายคือ การได้ตัว "ทาโอยา" อินเดียนแดงหัวหน้านักรบ ลูกชายของ ทัช เดอะ คลาวนด์ หัวหน้าเผ่าครี และยังเป็น "ว่าที่" หัวหน้าเผ่าคนต่อไป  แต่การจะสยบเขาได้ไม่ใช่เรื่องจะทำได้ง่าย "แหอาคม" จึงถูกสร้างขึ้นจากมนต์ดำอันประกอบการร่ายคาถาจากพิธีกรรมสังเวยอันน่าสะอิดสะเอียน

"ทาโอยา" สิ้นท่าเสียแล้ว และถูกจับตัวไปยังเรือจักรวรรดิ เพื่อทรมานให้เปิดเผยเส้นทางเข้าสู่ดินแดนเผ่าครี

น่าตื่นเต้นดีค่ะ กับการเปิดเรื่องราวในช่วงแรก  ที่ทำให้เกิดความคาดหวัง เรื่องการต่อสู้ระหว่าง อินเดียนแดง ผู้ปกป้องดินแดนและชนเผ่า กับ "คนขาว" ผู้ละโมบโลภมากในดินแดนของผู้อื่นและพยายามทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงเอาอย่างโหดร้าย


มดีวาคานทันวาน .. ต้อนรับสู่ทะเลสาบแห่งวิญญาณ
สิ่งที่ทาโอยา เทดูต้า หัวหน้านักรบแห่งครี ยึดมั่นอย่างที่สุดมีสองอย่าง
"สัจจะ" กับ "คำพยากรณ์"
อย่างแรกทำให้เขาเฉียดตายมาหลายครั้ง  อย่างหลังทำให้เขาพบกับรักแท้
และทั้งสองอย่างมาในรูปแบบของแม่สาวผมทองตัวคลุกฝุ่น 
ที่ไม่มีคุณสบบัติทั่วไปของสตรีเลยสักกระเบียด


หลอกหลอน.. ขู่ฆ่า
สองคำนี้ผูกมัดโอลิเวีย โจรสาวแห่งเรือไซเรนด้วยคำสัญญาเยอะแยะไปหมด
ชีวิตปกติสุขของเธออยู่ดีๆ ก็มีผีมาคอยทวงหนี้ยิกๆ
ให้เอาหนุ่มเซ็กซี่เลือดสาด (สาดจริงๆ) ไปส่งเผ่า
ทางจักรวรรดิก็ขู่เอาๆ ให้เธอขโมยแผนที่ทางเข้าบ้านเขามาด้วยนะ  
ไม่อย่างนั้นพวกพ้องเธอต้องตาย

พ่อคนนั้นจะเอาอย่างนี้ .. พี่คนนี้จะเอาอย่างโน้น...
ใครจะสนบ้างไหมว่าเป็นเหตุให้เธอต้องติดแหง็กกับหนุ่มหมอผีไปตลอดทั้งทริปล่ะเนี่ย?


ทว่าอารมณ์ของเรื่องมันจะออกมาเบาๆ เหมือนอย่างที่โปรยไว้ปกหลังข้างต้นค่ะ เป็นความรักโทนโรแมนติก (รักนิรันดร์) สำนวนคำพูดตัวละครยังเหมือนอ่านนิยายไทย ไม่รู้สึกแตกต่างอย่างตอนแรกที่เหมือนอ่านนิยายแปลมากกว่า  คงเป็นเพราะนางเอกมีความง้องแง้งเล็กๆ และอารมณ์ก็ค่อนข้างเซนซิทีฟ ขัดคาแรคเตอร์จอมโจรสาวผมทองผู้เป็นมือขวาของหัวหน้ากลุ่มโจรไซเรน  ซึ่งก็ไม่ต่างจากการเป็นหัวหน้าผู้ปกครองโจรด้วย  โอลิเวีย คาบอท เป็นนางโจรผู้มีเชื้อสายและอดีตความเป็นมาไม่ธรรมดา และด้วย "สัจจะ" อันเป็นข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างกับใครบางคน เธอต้องช่วย ทาโอยา เดกูต้า  ออกจากเรือจักรววรดิ นำเขาไปส่งคืนเผ่า และกลับมาพร้อมกับเส้นทางเข้าสู่เผ่าครี   

ส่วนพระเอกของเราก็่อยู่ในอารมณ์รักนางเอกค่อนข้างมากกว่าอารมณ์นักรบผู้มีพันธะหน้าที่ต้องปกปักรักษาดินแดนและผู้คนในเผ่าของตนเองให้อยู่รอดปลอดภัย   จึงไม่ค่อยรู้สึกถึงสง่าราศีของการเป็นนักรบและ "ผู้นำ" ที่มีแผนที่เผ่าครีเป็นรอยสักอาคมอยู่บนแผ่นหลัง  แผนที่ผืนเดียวที่จะต้องอยู่กับผู้ปกปักรักษาตามคำพยากรณ์ (แต่ก็แอบอินกับเรื่องแผนที่ เพราะทำให้นึกถึงเรื่องเมืองทรอยกับประโยคที่ว่า "ตราบใดที่ 'ดาบแห่งทรอย' อยู่ในมือชาวทรอย ชาวทรอยก็ยังมีอนาคต' )  การเป็นนางโจรผู้เก่งกาจของนางเอกก็เช่นกัน  อุปนิสัยที่ทำให้ทาโอยาหลงรัก และสามารถเอาชนะใจผู้เฒ่าในเผ่าว่าเหมาะสมจะเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งเคียงคู่ทาโอยานั้น มาจากถ้อยคำบรรยายของผู้เขียน โดยที่เราไม่รู้สึกว่า ความคิดหรือการกระทำต่างๆ ของนางเอก คือ ความเก่ง ความเฉลียวฉลาด หรือน่ารัก

แต่ขอชมมากเลยในความคิด จินตนาการ การผสมผสานเรื่องราวของชนเผ่า วัฒนธรรมประเพณี และเรื่อง เวทมนต์คาถา  สิ่งเหล่านี้เองที่ยังช่วยดึงดูดให้อ่านหนังสือจนจบเล่มแม้จะไม่ได้ปลื้มทั้งพระเอกนางเอก และเนื้อหาการต่อสู้ปกป้องดินแดนก็ไม่ได้เข้มข้นดังคาด (อันเป็นความคาดหวังไปเองของตัวเรา ) ถือว่าเป็นการสร้างพลอตได้น่าสนใจ  โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่จบได้ดีกับการเปลี่ยนแปลงยุคสมัย การสืบต่อพันธสัญญา สัจจะ คำพยากรณ์ และความรัก 





 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2557 14:24:35 น.
Counter : 3962 Pageviews.  

หัวใจซ่อนกล การรักใครสักคนต้องใช้เวลา




เมื่อวันหนึ่งความรู้สึกจาก'เพื่อนรัก' เป็น 'รักเพื่อน
แล้วต้องทำอย่างไรให้ 'คนใกล้กาย' กลายเป็น 'คนใกล้ใจ

"ฉันว่า .. เราห่างๆ กันสักพักน่าจะดีกว่านะ"

"คนที่รู้สึกต่อกันแค่เพื่อน เขาไม่พูดกันแบบนี้หรอกนะ"

ความสัมพันธ์แบบเพื่อนของ "ริษา" กับ "ทะเล" ที่มีต่อกันมาเนิ่นนานมีอันต้องสั่นคลอนเมื่อ "หยาดรุ้ง" ก้าวเข้ามาคั่นกลางระหว่างคนทั้งคู่ ในการที่ทะเลจะมีแฟน ริษาคงไม่คิดอะไรสักนิด ก็เขาและเธอเป็นเพื่อนกันนี่นา แต่แล้วแม่ของเขากลับยื่นข้อเสนอขอซื้อ 'มิตรภาพ' บีบให้เธอเลิกคบกัน ด้วยไม่ไว้ใจความสัมพันธ์ของพวกเขา แม้ไม่ร่ำรวย แต่หญิงสาวก็มีศักดิ์ศรี และไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเหยียบย่ำความรู้สึกได้ง่ายๆ

รอยร้าวเริ่มปรากฏขึ้นบนเส้นทางสายมิตรภาพ เมื่อทะเลกับริษาต่างยึดถือทิฐิจากเรื่องเล็กๆ จึงบานปลายจนกลายเป็นความบาดหมางที่มองหน้ากันไม่ติด ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกลับไปสะกิดหัวใจของคนเป็นเพื่อนให้รับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ต่างไม่เคยสังเกต...จนเป็นเหตุให้เกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้งในค่ำคืนหนึ่ง และเปลี่ยนสถานะความเป็นเพื่อนให้กลายเป็นอื่น ริษากับทะเลจะจัดการกับความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างไร คนต้องตามไปลุ้นกันในหัวใจซ่อนกล


เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ .. พลอตเรื่องแนวนี้ เจอเรื่องไหน เป็นต้องอยากอ่านเรื่องนั้น ยิ่งบอกว่าเป็นผลงานของ "ติญญา" เชื่อว่าน่าจะคาดหวังได้ซึ่งความปวดใจ และก็เป็นเช่นนั้น คงรสชาด 'ความปวด' ได้ดีเช่นเดิม (เสพแนวนี้อยู่บ่อยก็จริงๆ แต่เค้าเปล่าซาดิสต์นะ)

ค่อนข้างจะแหวกไปจากแนวเพื่อนรักเพื่อนที่คุ้นเคย คือ 

 'รักซ่อนอยู่ในความเคยชิน' ก็เป็นเพื่อนกัน คบกันมาอย่างนี้ อย่างที่คนอื่นก็เห็นว่าเป็นเพื่อนกัน ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง  ไม่ได้ห่วงหาใส่ใจกันมากมาย เพราะเป็นเพื่อนกันนี่นะ แต่เมื่อไหร่หันกลับมาหาก็จะรู้ว่ามีเพื่อนอยู่ตรงนั้น  จะเริ่มรู้ตัวก็ต่อเมื่อมีสัญญาณบางอย่างที่บอกว่า เพื่อนอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป  ความกลัวว่าจะ "ขาด" จะทำให้รู้สึกหวั่นไหว เริ่มรู้ตัวว่าเป็นคนสำคัญอย่างไร ...รู้ใจว่ารัก    

หรือ 

ใครคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งสองคน 'รู้ว่ารัก'  แต่.. มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักกัน และเพราะฉะนั้นการจะเปลี่ยนเป็นคนรักมันเป็นไปไม่ได้ คำว่ารักก็ไม่กล้าจะเอ่ยออกไป เพราะเกรงจะเสียมิตรภาพ  ประเด็นนี้เป็นปมปัญหา เป็นกำแพงแห่งรักชัดเจนในเรื่อง "หัวใจใกล้รุ่ง" ของคุณ อิสย่าห์  "เกมหน้าโง่"  ที่ผลัดกันเล่น และเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รักคลุมเคลือเจือสงสัยแต่ไม่กล้าเคลียร์หัวใจกันมานับสิบปี  กลัวความผิดหวัง และกลัวความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิม

กรณีของ  หัวใจซ่อนกล ต่างออกไป ... รักไม่ได้ซ่อนอยู่ในความเคยชินแบบเป็นเพื่อน และต่างฝ่ายต่างไม่รู้หัวใจว่ารัก  พฤติกรรมของตัวละครไม่เหมือนเป็นเพื่อน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนุ่มสาวที่รักกันดี ตอกย้ำยิ่งกว่านั้นด้วยการที่เพื่อนฝูงคนรอบข้างต่างก็เห็น ต่างก็คิดไปทำนองเดียวกันว่าสองคนนี้ รักกัน- เกินเพื่อน มีแค่พระเอกนางเอกที่ไม่รู้และไม่เคยเอะใจสงสัยในตัวเอง

ถ้าหากว่าตัวละครอยู่ในวัยคบหาช่วงศึกษาเล่าเรียนก็พอจะโอเคนะคะ  บางทีมันอาจจะปริ่มๆ อยู่ตรงเส้นบางๆ ขีดคั่นว่านี่คือความรู้สึกของเพื่อนหรือคนรักกันแบบหนุ่มสาว  แต่พระนางในเรื่องอายุยี่สิบแปดไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนๆ นึง คบกันมาเป็นสิบปีโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมมีใคร ..มีแค่กันและกัน ค่อนข้างจะไม่น่าเชื่อ 

ยิ่งช่วงร้าวฉาน เริ่มทะเลาะกัน เจ็บปวดในคำพูด หรือ การกระทำที่ถ้าเป็นเพื่อนกันจะไม่จำเป็นต้องเจ็บปวด ก็น่าจะเริ่มรู้ใจตัวเอง รู้ความหมายแล้วว่านั่นคือรัก แต่เขาและเธอก็ไม่รู้ไม่สงสัย อารมณ์ของเรื่องก็เลยไม่ค่อยขยับ เพราะความรู้สึกจะถูกยืนกรานย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่ในความเป็นเพื่อนกัน .. ที่เจ็บปวด  (แต่ก็แค่สงสัยว่าทำไม  ไม่ยักตอบได้สักทีว่าคือ รัก) หลายเรื่องเกิดเหตุ เกิดความรู้สึก ตัวละครน่าจะเริ่มรู้ และแน่ใจได้แล้ว แต่ก็ยัง ..

"ความไม่รู้" จึงเป็นปัญหาทำให้ไม่เชื่อในพลอตอย่างสนิทใจ  จังหวะที่รู้ตัวว่ารัก  ก็เกิดขึ้นช้าไปสักนิด 

"ความเชื่อใจ" เป็นเรื่องที่ชวนเจ็บปวดจริงๆ คบกันมา โดยใช้คำว่า "จิตวิญญาณ" เป็นความลึกซึ้งของความรักฉันท์เพื่อนอันบริสุทธิ์นี้  แต่กลับไม่เชื่อในนิสัยใจคอ ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะหลักฐานมันชวนเข้าใจผิดนี่  แต่ควรจะลังเลสงสัยบ้างหรือไม่  ...ซึ่งกว่าที่ตัวละครจะเกิดความลังเลไม่แน่ใจ ก็มาช้าไปมั้ย... (หลังจากที่เข้าใจผิดไปมากมายอยู่ตั้งนาน)

แล้วริษา หรือ เร็น นางเอกของเราก็ดันดีกับเขาซะเฉยๆ ง่ายๆ แฮปปี้เอนดิ้ง ยังไม่ทันจะได้รู้สึกสมน้ำหน้าพระเอกเลย (อารมณ์ค้าง ณ จุดๆ นี้) ในมุมมองของเรา เรื่องความเชื่อใจเนี่ย ดูเป็นปัญหาใหญ่กว่าเรื่องความรักหรือไม่รักซะอีกนะ .. เพื่อนสนิทไม่เชื่อใจกัน   มันเทียบได้กับการถูกหักหลังเลยล่ะ   เพราะแม้แต่ทะเลเองยังคิดว่าเร็น ''ทรยศ" เค้าเลย   

อีกเรื่องคือ  คุณพ่อของนางเอก ไม่รู้จักเพื่อนสนิทของลูกที่คบหากันมาเป็นสิบปี .. เอาล่ะ ต่อให้ไม่รู้จักหน้าตาเพื่อนของลูก เพราะอยู่ไกลกัน แต่การที่ลูกจะไม่พูดถึงเพื่อนสนิท ให้คุณพ่อได้คุ้นเคยบางเลยว่าลูกสาวของตนมีเพื่อนชื่อทะเล นั่นก็ค่อนข้างแปลก


แต่ชอบมากเป็นพิเศษคือ พระรอง ช่างภาพหนุ่มผู้มาดมั่น มั่นใจ แมน.. ลูกผู้ชายตัวจริงมันต้องอย่างนี้ ! เวย์-เวียงภพ 


.. ตราบใดเท่าที่ผู้ชายคนนั้นยังไม่ชัดเจนกับเธอ เขาก็ยังมีสิทธิ์ ในเมื่อเธอยังโสดและประกาศว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เพื่อน เขาก็ยังมีโอกาสเสมอ  และตราบใดที่โอกาสยังอยู่ในมือ เขาก็จะสู้จนสุดความสามารถ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เป็นอันขาด! 

"เร็น..มายืนข้างผมนี่"  ( พระรองมาเห็นพระเอกรังแกนางเอก ... แล้วพูดคำเฉียบขาดนี้ ...เท่ม๊าก) 

"ก็ถ้าผมกับเร็นจะคบกัน แล้วมันเรื่องอะไรของคุณด้วยไม่ทราบครับ" (โห.. นายโพดเท่!)

"อย่าร้องไห้ ผมเข้าใจทุกอย่าง ความรู้สึกของผม ผมรับผิดชอบเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรกลับมา แค่รับความรักจากผมไปก็พอแล้ว"

"ผมพอจะเข้าใจว่าคุณคงอยากรู้ว่า .. ผมคิดอย่างไรกับ 'เพื่อน' ของคุณกันแน่ ถ้าคุณสงสัย ผมบอกตรงนี้เลยว่า 'ผมชอบเร็น' อยากคบกับเธอ ผมจริงจังและมั่นใจในความรักครั้งนี้"

" ...เท่าที่ผมรู้ เร็นบอกผมว่าคุณกับเธอเป็นแค่ 'เพื่อนกัน' ด้วยสถานะแบบนั้น คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้เธอคบกับผม นอกเสียจากคุณจะยอมรับว่าคุณเองก็รักเธอ เหมือนที่ผมรัก!"  (กรี๊ดดด ท้าทายสุดๆ) 

โดยรวมแล้ว เรื่องยังคงสนุกตามลักษณะนิยายปวดใจของคุณติญญา  และผลก็ออกมาเช่นเดียวกับตอนอ่านเรื่อง หัวใจใกล้รุ่ง ของคุณอิสย่าส์  ที่ชอบในพลอต ชอบในอารมณ์เศร้าๆ ของคนรักเพื่อน  แต่การตอบโจทย์ 'เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ' ของเราเอง ยังไม่ถึงกับเป็นคำตอบที่ "ถูกทุกข้อเลย" 

แต่พระรองอ่ะนะคะ  .. ยืนยันเค้าเท่จริงไรจริง Smiley




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 12 สิงหาคม 2557 15:19:14 น.
Counter : 1857 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.