Group Blog
 
All blogs
 

ขีดเส้นใต้_ไม่ใช่แค่รัก เรื่องพันองศา ..จากหนึ่งลิปดา

ผู้เขียน หนึ่งลิปดา  สำนักพิมพ์คาริดา


วนัสสา...มาที่บ้านปางสน ด้วยความมุ่งมั่นว่า
เธอจะต้องได้สัมภาษณ์และต้นฉบับจาก 'พันองศา'
นักเขียนชื่อดังที่ร้างวงการไปเพราะถูกกล่าวหาว่าลอกงานคนอื่น
เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า หากเธอต้องการ...เธอต้องทำได้
ผลักดันให้เธอยอม แม้แต่การเป็น...แฟนของเขา

แม้จะถูกคนรักสวมเขา ก็ยังไม่ร้ายเท่า ถูกกล่าวหาว่าลอกงานคนอื่น
พยศ...จึงปักหลักรอวันที่จะได้รับการพิสูจน์ อยู่ที่รีสอร์ตของตัวเองเงียบๆ
แต่เขาก็ไม่คิดว่า จะเป็นเธอ...ลูกสาว บ.ก. สำนักพิมพ์
ที่เขาเคยประกาศก้องว่า จะไม่มีวันร่วมงานด้วยเป็นอันขาด
จะเป็นผู้ที่ก้าวเข้ามา

"เป้าหมายมันไม่ใช่แค่อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ
แต่มันคืออากาศที่คุณขาดไม่ได้"
แล้ว.. พยศจะทำอย่างไร เมื่ออากาศที่เขาขาดไม่ได้
คือหัวใจของวนัสสา





สนุกจัง!! นิยายเรื่องนี้    หุหุ  ขออุทานหน่อยนะคะ เพราะการพบเจอนิยายถูกใจจากนักเขียนที่ไม่คุ้นเคยและเพิ่งได้เคยอ่านผลงานเป็นเรื่องแรกนั้น ต้องเรียกว่า ณ จังงัง  .. ถ้ารู้อย่างนี้ก็อ่านเสียนานแล้ว

"หนึ่งลิปดา" หรือ "ฟิลิปดา" นามปากก๋ากิ๊บเก๋ที่เพียงเห็นครั้งแรกก็จดจำได้ ..แต่ก็เพียงจดจำ เพราะการจะอ่านนิยายของนักเขียนที่ไม่เคยอ่านย่อมจะต้องจดๆ จ้องๆ อยู่ที่พลอตเรื่องเป็นหลัก ซึ่งดูแล้วก็ไม่มีพลอตไหนที่เรานึกอยากอ่าน พลอตเรื่อง ขีดเส้นใต้ ไม่ใช่แค่รัก นี้ก็ด้วยเช่นกัน ที่เลือกซื้อมาเป็นเพราะคำวิจารณ์ จากคนอื่นๆ ว่าสนุก สำนวนดี บวกกับความอยากลองอ่านผลงานของนักเขียนที่ติดใจนามปากกาเก๋ๆ นี้ดูบ้าง 

อ่านแล้วก็ต้องรีบสั่งซื้อมาเพิ่มอย่างด่วน พรรักจากพระจันทร์  และ รักเธอไอยรา  .. 
ไม่ได้มั่นใจกับพลอตเรื่องสักนิดหรอกนะคะ แต่มั่นใจกับนักเขียน ..ว่าต้องสนุกแน่ๆ 
สองเรื่องนี้ ต้องรอพิสูจน์ .. ว่าความมั่นใจนี้จะคือคำตอบที่ใช่หรือไม่ 

"พันองศา" คือ นามปากกาของ "พยศ" นักเขียนที่ถูกกล่าวหาว่าลอกงานของคนอื่น  เขาจึงประกาศเลิกเขียน แล้วหันไปใช้ชีวิตเงียบๆ อยู่ที่รีสอร์ท "บ้านปางสน" บางสิ่งบางอย่างอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อรอการพิสูจน์  และเขา..ก็ปักหลักรออยู่ที่นั่น  ที่ๆ มันมีคำตอบของความบริสุทธิ์  บางทีมันอาจจะไม่จำเป็นสำหรับพยศอีกแล้ว จนกระทั่ง   "วนัสสา" เพื่อนเก่าร่วมมหาวิทยาลัยได้ก้าวเข้ามา  แม้จะ 'ไม่สนิท' แต่เขาก็จำเธอได้ทันที พร้อมที่ก็จับได้อย่างรวดเร็วถึงจุดประสงค์ซ่อนเร้นที่เธอต้องการจากเขา แย่ยิ่งกว่านั้น  เธอยังเป็นลูกสาวของ บ.ก สำนักพิมพ์รุ่งอัจฉริยะ ดอกเตอร์สาริศา ปัทมวงศ์ คนที่ทำให้ชีวิตนักเขียนของเขาเสียศูนย์ และการเขียนต้องหยุดชะงักลง 


เธอจะเข้ามาหาเขาด้วยเหตุผลกลใด ไม่เป็นไร ในเมื่อพยศต้องการใช้เธอเป็นโล่ห์เพื่อป้องกันเขาจาก "ดาวประกาย" ผู้หญิงที่เป็นความยุ่งยากของชีวิต  เธอจะทำงานกับสำนักพิมพ์รุ่งอัจฉริยะที่เขาประกาศตัดขาดไม่ร่วมงานด้วย ก็ยังพอถูไถ อะไรที่คิดว่ายอมไม่ได้ ทำให้ไม่ได้ พยศ ก็ยังพอขยับคิดหาเหตุผลที่พอจะบิดเบือนไปได้ว่าเขาไม่ได้ทำผิดคำพูด ผิดความตั้งใจแน่วแน่ของตัวเอง  แต่การที่เธอเป็นลูกสาวของ บก. คนนั้น มันทำให้เขาหัวหมุนผิดคาด มึนเหลือทน และมันเกินกว่าจะยอมรับได้ ..

แต่  วนัสสา .. เธอเป็นเหมือนคนที่เขาเฝ้ารอ  .. ชีวิตนักเขียนที่เคยเสียศูนย์  ชีวิตรักที่เคยเสียหลักมาจากดาวประกายและเธอยังตามมาวุ่นวายกับเขาอยู่  เพียงระยะเวลาสั้นๆ ที่วนัสสาเข้ามาอยู่ใกล้ในสายตา จิตใจของเขาก็เริ่มฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง  และนั่นทำให้การตัดสินใจของเขาชักจะไม่เด็ดขาด เดี๋ยวโน่นเดี๋ยวนี่สารพัดที่จะหาเหตุผล หาข้ออ้างมาคิดกลับไปกลับมา  ใจหนึ่งเขาอยากให้เธออยู่ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้เธอไป เพราะบางอย่างมันเริ่มบีบรัดหัวใจ มันทำให้เขาหายใจไม่ออก และเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายเกินไปแล้ว

อร๊ายย  น่ารัก  ชอบสุดๆ  พระเอกนางเอกมีนิสัยเท่ๆ ที่เท่าเทียม และเท่าทัน! 
ฉลาดทันกัน   ทั้งความคิด ทันความรู้สึก รู้จักเล่น รู้จักลาม รู้จักเลี่ยงหลบ 
เขาและเธอ ทีเล่นทีจริงใส่กัน  แต่ก็ดูจะต่างคนต่างรู้ ทีไหนเล่น ทีไหนจริง
ไม่ต้องมีคำถามย้ำ ไม่ต้องซ้ำคำตอบให้มากนัก ไม่ได้โง่นี่นะ จะได้ไม่รู้ว่ารักกัน

"ผมไม่ขอคุณแต่งงานนะ ถ้าคุณหาข้อพิสูจน์ว่าผมไม่ได้ลอกงานคนอื่นไม่ได้"

เขามีเงื่อนไข ทว่าหัวใจไม่เปลี่ยน

"แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะไม่หลอกล่อให้คุณหลงรักผมนะ
 แต่มาคิดอีกที ... เราก็โตๆ กันแล้ว น่าจะอยู่ก่อนแต่งได้นะ"

เธอรู้ว่าเขารักเธอ  เธอเชื่อเขา ต่อให้ไม่มีข้อพิสูจน์ 
เหมือนที่เขาคงรู้ว่าเธอรักเขา และเขาจะรอให้เธอจะค้นหาความจริง 

"ฉันรู้แล้วว่าคุณไม่ได้ลอกงานใคร   มาขอฉันแต่งงานได้แล้ว"

ชอบนางเอกมาก เป็นตัวของตัวเอง มีเหตุผล มีความมั่นใจ  และก็เป็นคนที่มีนิสัยรื่นรมย์ มีอารมณ์ขัน เป็นคนตรงไปตรงมาดี  เวลาโดนพระเอกหยอด เล่นมาก็เล่นด้วย รุกมาก็รับไป แต่เมื่อไหร่ชักจะลงลึกเข้าตัว เธอก็เลี้ยวลดหลบฉากไปได้ พระเอกก็เลยอดได้กำไรตลอด ...Smiley




เป็นนิยายรักที่ทำให้นึกถึงบทเพลงนี้

เคยขีดคำว่ารักออกจากชีวิตฉัน
และจะไม่มีวันให้กลับมาหลอมใจ
เคยทุ่มเทเพื่อรักทั้งหมด หมดเลยทั้งหัวใจ
สุดท้ายทำไมกลับมาแค่เพียงน้ำตา

แต่ลมมันก็พัดพาเธอจากฟากฟ้า
แค่เพียงได้มองตาก็พอจะเข้าใจ
เธอเปลี่ยนคืนที่เหงาเหลือเกิน ให้มันมีความหมาย
ไม่รู้ทำไมไม่รู้จริงๆว่าเพราะอะไร

เพราะเธอใช่ไหมที่ทำให้ใจฉันเปลี่ยน
เธอมาขีดเขียนคำว่ารักขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่เคยจะคิดรักใคร จนมาเจอเธอวันนั้น
ชีวิตฉันกลับมีความหมายเพราะเธอ


เขาจึงเริ่มต้นการเป็นนักเขียนอีกครั้ง  และ ..

นวนิยายรักเรื่องแรก เขียนเพื่อมอบให้กับวนัสสา ภรรยายอดรัก 
ขีดเส้นใต้ไม่ใช่แค่รัก โดย พยศ  ....

ตัวละครโดนใจ เนื้อเรื่องโรแมนติกน่ารัก  ถูกใจ ใช่เลย .. หนึ่งลิปดา


ความรักไม่ได้มีเพียงอารมณ์เดียว
 แต่มันประกอบด้วยอารมณ์หลากหลายที่ซ่อนเร้นซ้ำซ้อนกันอยู่ภายใน
ขีดเส้นใต้ ไม่ใช่แค่รัก





 

Create Date : 30 สิงหาคม 2557    
Last Update : 30 สิงหาคม 2557 15:35:47 น.
Counter : 1996 Pageviews.  

ทานตะวันสีทอง .. รักคุณเข้าอีกแล้ว คุณช้าง กับ คุณเบิ้ม



มีหนังสือนิยายของสำนักพิมพ์หรรษา  เก่าแล้วค่ะ  พิมพ์ปี ๒๕๔๙
แต่ขอใช้เรื่องย่อจากปกหลัง ของเล่มนิยายเมื่อครั้งได้พิมพ์กับ สำนักพิมพ์อรุณ





www.goodreads.com

หัวใจของหมอติโรธเบิกบาน ดุจดอกทานตะวันยามเช้า เพราะดวงอาทิตย์สาดแสงแห่งความรักมาให้ เขาพบแสงสว่างในดวงใจ ณ แคนซัส รัฐดอกทานตะวันแห่งนี้ ...

“ต่อให้หิมะตกมาทับผมในฤดูหนาว ลมโกรกเย็นเฉียบในฤดูใบไม้ร่วง 
เจ้าทานตะวันทุ่งเหล่านี้ ก็จะกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาชูช่อดอกพราวในฤดูร้อนทุกปี 
เหมือนหัวใจผมที่ตัดเยื่อใยจากคุณได้ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ”


ในที่สุด ก็ได้อ่านกับเค้าสักที "ทานตะวันสีทอง"  ค้างคาใจมานาน กว่าจะหาได้ พอหาได้ก็ดองมานานแสนนาน ด้วยเหตุผลเพียงเพราะพระเอก  ไม่หล่อ--ไม่สูง---ผมบาง--ร่างเล็ก และ -- ขี้ใจน้อย (ถ้าใครเอ่ยถึงปมด้อยเรื่องปอยผม)   เขาคือ "คุณหมอติโรธ"  ที่ความจริงแล้วก็คุ้นเคยกันดีเพราะมีบทบาทอยู่ในนิยายภาคต่อจากเรื่องนี้  "ด้วยรักและคิดถึง"  เรื่องราวความรักของชายหนุ่มรูปงามนามไพเราะว่า "คุณพฤช"แต่นอกจากเพื่อนฝรั่งที่ pronunciation เต็มที่ได้แค่ "พรึ่ด" แล้ว ในหมู่เพื่อนนักเรียนไทย ใครย่อมคล่องปากมากกว่ากับนิคเนมแบบไทยๆ "คุณเบิ้ม" 

คุณหมอติโรธ  หรือ ชื่อเล่นบ่งบอกลักษณะกระหม่อมบาง (ผมก็บาง) ตามคุณย่าเผลอตั้ง "ขุนช้าง"  --จนในที่สุดต้องกลายเป็นชื่อเล่นของคนกันเองว่า "คุณช้าง"  เขาเป็นคุณหมอด้านจิตเวช หรือที่จะเรียกกันว่าหมอโรคประสาท ได้รับทุนไปศึกษาต่อที่รัฐแคนซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา  ซึ่งมี "คุณเบิ้ม" ลูกชายของพี่สาวอาศัยอยู่ก่อนแล้วในเมืองลอเรนซ์ใกล้ๆ กัน เพราะคุณเบิ้มเป็นนักเรียนเตรียมแพทย์อยู่ที่นั่น 

แม้จะเป็นน้าชาย กับ หลานชาย แต่อายุอานามนั้นไม่ได้ห่างกันสักเท่าไร  เพราะคุณช้างเป็นลูกหลงเกิดมาแม่ก็ตายจาก ไม่นานพ่อก็ตายไปอีกคน  คุณช้างจึงถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณย่า พี่สาว และ พี่เขย "พี่ชัย" กับ "พี่พนิน"  ซึ่งก็คือพ่อแม่ของ "เจ้าเบิ้ม" ที่เกิดตามหลังคุณช้างมาเพียง ๓ ปี เท่านั้น


น้ากับหลาน จึงเติบโตมาด้วยกัน  มีย่าคนเดียวกัน (แต่ที่จริงเป็นทวดของเจ้าเบิ้ม) และพ่อแม่ของเจ้าเบิ้ม ก็ไม่ต่างจากเป็นพ่อแม่ของคุณช้าง  เป็นครอบครัวเดียวกัน  ที่รักใคร่กลมเกลียว สนิทสนมชิดเชื้อ ลุกล้ำลามปามปราศจากการกำราบกันมาแต่เล็ก จึงขาดไร้ซึ่งช่องว่างระหว่างวัยและสเปซสำหรับการมีไว้ซึ่งสถานะน้า-หลาน  เจ้าเบิ้มจึงล้อเลียน ล่อเล่นอยู่กับขุนช้างมิได้ขาด  .. แต่กรณีนี้คนมีปมด้อย .. สุดเสียเปรียบ  เพราะถ้าคุณช้างคือ ขุนช้าง เจ้าเบิ้มก็คือขุนแผนคู่ปรับ ที่ทั้งหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ แต่อะไรก็ไม่เจ็บหัวใจเท่าที่เจ้าเบิ้มดันมีผมดกดำ เห็นแล้วมันตอกย้ำให้ช้ำใจ 

แต่ถึงจะมิค่อยมีความเคารพนบนอบต่อกันเท่าที่ควร (ที่จริงก็เพียงทางวาจาเท่านั้นแหละนะ)  มันก็ไม่ทำให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์  เพราะพวกเขาผูกพันกันด้วยสิ่งที่มีค่าเหนือกว่านั้น นั่นก็คือความรัก

อ่านไปอ่านมา  มัวแต่เพลิดเพลินการใช้ชีวิตคู่หูน้าหลานในต่างแดน ของ "เจ้าเบิ้ม" กับ "คุณช้าง" จนเกือบจะลืมความสำคัญของนางเอกที่คุณช้างเกิดไปต้องตาต้องใจเข้าจั๋งหนับ  น.ส.ดอกแก้ว  หรือ"คุณแก้ว" เพื่อนรุ่นพี่ของเจ้าเบิ้มที่ลอเรนซ์  แต่คุณแก้วเป็นคนหยิ่ง ถือตัว มั่นใจในตัวเองสูง โลกส่วนตัวก็สูง ..ซึ่งก็พอเข้าใจความเป็นมา เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านเศรษฐีแก้ว พ่อแม่รักดั่งแก้วตาดวงใจ ทนุถนอมเอาใจใส่ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ตามอกตามใจกันมาแต่เล็กแต่น้อย เธอจึงเข้ากับใครถึงขั้นสนิทไม่ได้มากนัก  .. เว้นแต่เจ้าเบิ้มไว้คน .. เพราะรายนี้ .ไม่ค่อยถือสาใคร เจ้าเบิ้มของเราใจกว้างรู้เรื่องไหนสำคัญ เรื่องไหนเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่ไม่จำเป็นต้องให้ความใส่ใจมากนัก คุณแก้วก็เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป มีข้อดี มีข้อเสีย .. มีความแปลกเป็นของตัวเอง ..เป็นปกติธรรมดา 



"คุณแก้ว"  กำลังอกหักรักคุด  เป็นโอกาสอันดีที่คุณช้างจะได้มีโอกาสทาบทามหวังดามหัวใจให้

แต่ปัญหาคือ ผู้ชายอย่างคุณช้าง  ถึงจะเรียนเก่ง ได้ทุนหลวงมาเรียนต่อเพราะสติปัญญาความสามารถ อนาคตจะมีหน้าที่การงานที่ดีเพราะเป็นหมอนักเรียนทุน   แต่หากรูปร่างหน้าตาภายนอกใครพบเห็นแล้วสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "ไม่หล่อ"  มันก็เท่านั้นแหละ  สาวคนไหนเล่าจะหันมาแล .. ในเมื่อคนหล่อๆ คุณสมบัติดีๆ ก็พร้อมจะมีมาให้เลือก 

ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าเรื่องนี้ เจ้าเบิ้ม คงจะเป็นพ่อสื่อพ่อชักคอยชักนำความรักเจ้าขามาให้ขุนช้าง เอ๊ย คุณช้าง แบบสุดติ่ง  แต่อ่านแล้วไม่ใช่นะ   ความรักที่เบิ้มมีต่อคุณช้างช่างเต็มไปด้วยความห่วงใยหวังดี ช่วยก็จริง แต่ก็คอยบอกคอยเตือนด้วยความหวังดีเสมอ  เพราะดูๆ แล้วยังไงกับคุณแก้วคนนี้ก็เป็นไปได้ยาก  เบิ้มไม่อยากเห็นคุณช้างต้องช้ำชอกเสียใจ  แต่ถึงอย่างนั้นเบิ้มก็ไม่ได้คอยขัดแข้งขัดขา หากว่าคุณช้างคิดจะสู้หรือต้องการจะทำอะไร เบิ้มก็คอยเคลียร์ทางสร้างโอกาสให้คุณช้างของเขาเสมอ 



"กับผม ก็ไม่มีอะไรเพราะเป็นเพื่อนกันดี แต่คนอื่นเขาหาว่าคุณแก้วคบยาก คงเพราะเป็นลูกคนเดียว เรียนเก่งแล้วก็เลยไม่รู้จักจะเอาใจคนอื่นบ้าง ถูกคนอื่นเอาใจจนเคยตัว ผมไม่ได้บอกเขาหรอกฮะ เห็นเป็นเรื่องแต่ละบุคคล เวลาไม่ชอบใครขึ้นมา เขาก็เดินขึ้นห้องเสียเฉยๆ คุณช้างจะสู้ไหวหรือฮะ คนบ้านเรา.. พ่อแม่ คุณย่า ยายตาบ ใครต่อใคร ล้วนเอาใจเขามาใส่ใจเราทั้งนั้น ผมว่าจะลำบากอยู่นะ"

"เลิกสนดีกว่าฮะ ผมบอกแล้ว ผู้หญิงคนนี้พิลึกๆ อย่างนี้เอง คุณช้างไม่รู้ก็รู้ซะ เรียนเก่ง หน้าตาดี แต่เขามีทฤษฎีประหลาดๆ คนจะจีบตั้งหลายคน ท้ายที่สุดก็สู้ไม่ไหว กับผมน่ะไม่มีอะไร เพราะพูดกันรู้เรื่องแค่เป็นเพื่อน แต่ถ้าจะเป็นคนรักผมก็ถอยเหมือนกัน คุณช้างจะสู้ไหวหรือฮะ... หาคนอื่นดีกว่า ตอนนี้อาจารย์ใหม่มาอีกคน น่ารักดีนะฮะ ยังโสดด้วย แก่กว่าคุณแก้วสองสามปี อาจจะอายุเท่าๆ กับคุณช้าง ผมแนะนำให้เอาไหมฮะ" 

"คุณช้างเป็นอะไรไปอีกคนหรือฮะ อารมณ์ไม่เคยบูด ก็เราล้อกันเล่นบ่อยไป"

"คุณช้างฮะ ... ทำไมทำงานมากนักล่ะฮะ ผมนึกว่าจะหยุดพักร้อนไปเที่ยวกันอีก แดรกคิวล่าเขาบอกว่า คุณช้างไปทำมูนไลน์ที่เรนโบว์เสียอีก"

"จะเก็บเงินไปถึงไหนฮะ คลีนิคของพ่อก็มีอยู่แล้ว กลับไปคุณช้างก็ไปโคอ้อปอีกคน ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย ยังหนุ่มโสดแท้ๆ ทำงานหามรุ่งหามค่ำให้แก่เร็วไปทำไมฮะ"

"คุณช้างผอมไปนะฮะ กินข้าวไม่ค่อยได้กระมัง"

"แต่ผมว่าคุณช้างซูบไปจริงๆ นะฮะ"   ...

"แค่สองอาทิตย์ความจริงแล้วผมยังไม่อยากมาแคนซัสซิติี้หรอกฮะ แต่อดห่วงไม่ได้" 

"ผมกลัวจะเหงาน่ะฮะ เลยเอาไอ้นี่มาฝาก" 

"คุณช้างซึมจัง"  .. "ไปเที่ยวกันดีกว่าฮะคุณช้าง" 


ในความหน้าเป็น ทะเล้น ทะลึ่ง เล่นหัวน้าชาย  ลึกลงไปคือความเป็นเพื่อนแท้ที่ห่วงใยเอื้ออาทร  รักเจ้าเบิ้มที่สุด  เคยรักเจ้าเบิ้มในเรื่อง ด้วยรักและคิดถึง อย่างไร ก็ยังรักอยู่อย่างนั้นเหมือนเดิม ที่จริงติดจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะได้รู้จักเบิ้มที่ในแง่มุมที่เป็นเหมือนน้อง เหมือนเพื่อน (แม้ที่จริงจะเป็นหลาน) คอยใส่ใจห่วงใยคุณช้างที่เพิ่งจากเมืองไทยมาคนเดียว  ขณะที่เบิ้มอยู่มาก่อนรู้เหนือรู้ใต้มีประสบการณ์มากกว่า ...แม้จะปนเล่นปนบ้าจนดูเหมือนคนไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ที่จริงแล้วเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ..พึ่งพาได้ 



 ทานตะวันสีทอง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน เบิ้มยังคึกคะนองเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่ลองผิดลองถูกมาโชกโชน  บ้าบอเหมือนเหมือนที่เป็นอยู่ในเรื่อง ด้วยรักและคิดถึง  แต่ยังเรียนไม่หนักเท่า อาการประสาทใหญ่ ประสาทเล็ก และประสาทแด๊ก ของเบิ้ม จึงยังไม่รุนแรงเท่าไรนัก ความเป็นนักอักษรศาสตร์ใต้ถุนวัด ผู้ช่ำชองการประดิษฐ์ภาษาแสลง แสลงใจ ก็ยังไม่โคม่า ความเป็นนักพฤกษาศาสตร์ลูกศิษย์พระฤาษีก็ยังไม่ปรากฏอาการลงตับมากนัก แม้จะพูดมากปากใหญ่ (คุณช้างว่านะ) ก็ยังไม่ฟุ้งพล่ามขนาดหนักเหมือนในเรื่องด้วยรักและคิดถึง   แต่ถึงอย่างนั้น ตัวตนของเบิ้มจากทั้งสองเรื่องมิได้มีความแตกต่างกัน  เขาเป็นพระเอกนิยายที่มี "ความลึก" อยู่ในความทรงจำดีๆ ของเรา

ลึกอย่างไร ?

ภายนอกเหมือนคนประสาทบวม ชอบพูดจาบ้าๆ บ๊องๆ  ความประพฤติคึกคะนอง อยากรู้อยากลอง  เที่ยวเตร่ ทำเรื่องแผลงๆ เสพยาเสพติด เที่ยวผู้หญิงกลางคืน  เสรีมีเซ็กส์กับเพื่อนสาวๆ   เบิ้มเคยผ่านเคยลองมาแล้วทั้งนั้น แต่ความรักสนุกเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เบิ้มเสียคน  ยังมีสำนึกอยู่ในหัวใจเสมอว่าพ่อแม่ต้องทำงานหนักส่งเสียมาไกลให้เล่าเรียน มีหนทางใดที่พอจะช่วยประหยัดได้เบิ้มพยายามจะทำ  แม้แต่นิสัยโรคประสาทซื้อของแลกเปลี่ยนที่มักทำให้ใช้เงินเปลืองเป็นเบี้ย เบิ้มก็ทำงานหาเงินใช้จ่ายด้วยตัวเอง ไม่ได้รบกวนขอเพิ่มให้กระทบกระเทือนทางบ้านมากนัก และยังตั้งใจเรียนได้เกรดเฉลี่ยสูงดีไม่มีตก

กับคุณช้าง   ในการเย้าแหย่ ล้อเล่น (เรื่องผมบาง) หนุกหนานบานอารมณ์   ให้คุณช้างหมั่นไส้ ให้คุณช้างเคืองขุ่นดุว่า (ในกรณีที่ไม่ขำ-แต่ก็ไม่ถือสา)  มันคือความสนิทสนมกลมเกลียว  ที่ผู้อ่านจะรู้สึกได้ถึงความรักที่น้าหลานมีต่อกัน  และถึงจะว่าเจ้าเบิ้มเป็นประสาทอย่างไร .. ลึกๆ แล้วคุณช้างก็รู้สึกภูมิใจและสุขใจแทนพี่สาวกับพี่เขยที่มีลูกชายรู้จักคิดรู้จักคุณพ่อแม่อย่างเจ้าเบิ้ม 

หนุ่มนักเรียนเตรียมแพทย์รักการล้อเล่นเย้าแหย่น้าชายของเขามากจริงๆ  (โดยเฉพาะเรื่องผมบาง-ร่างเตี้ย)  มีนิสัยน่ารักจับใจต่อเนื่องไปยัง "ด้วยรักและคิดถึง" ที่ก็ได้หยิบขึ้นมาอ่านซ้ำอีกครั้ง เพราะชอบเสมอกับสิ่งที่เบิ้มทำ สิ่งที่เบิ้มเป็น  และกับผู้หญิงที่เจ้าเบิ้มรัก -- "คุณนับดาว"

แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะพูดมากจริงๆ  แต่เขาเป็นคนดีที่มีหัวใจอบอุ่นน่ารัก

นี่อาจเป็นการทำให้คุณสับสนว่าพระเอกเรื่องนี้เป็นใครกันแน่ .. เห็นเพ้อแต่คุณเบิ้ม

ยืนยัน พระเอกเรื่องนี้คือ "คุณช้าง"  นางเอกคือ "คุณแก้ว"

คนไม่หล่อ อาจไม่ดึงดูดความสนใจสักเท่าไร  
แต่ความรักของคนไม่หล่อ ...มันน่าสนใจจะตายไป

ผู้ชายธรรมดาอย่างคุณช้าง มีอะไรดี .. ผู้หญิงอย่างคุณแก้วถึงได้รัก
หรือว่าเธอจะมองเห็น  "หล่อนี้ ที่หัวใจ"  .... 

แต่...เป็นไปไม่ได้เลย... ที่ผู้ชายจากครอบครัวฐานะธรรมดา 
จะได้รับการยอมรับจากเศรษฐีพ่อค้าอย่างครอบครัวของเธอ

รักนี้ ..เห็นทีลำพังสุภาพบุรุษอย่างคุณช้างสู้คนเดียว ... คงจะลำบาก

เพื่อการมีกันและกัน  .. คุณแก้วต้องช่วยออกโรง......


คงจะเป็นนิยายเรื่องเดียวในชีวิตที่พระเอก "ไม่หล่อ"  แบบที่ไม่หล่อจริงๆ 
ดีใจที่ไม่ได้พลาดไป ... อ่านแล้วรื่นรมย์ด้วยอารมณ์ขันหรรษา บ้าๆ บอๆ 

น่ารัก ... ชอบ ...












 

Create Date : 27 สิงหาคม 2557    
Last Update : 29 สิงหาคม 2557 20:43:35 น.
Counter : 2532 Pageviews.  

รักพิทักษ์ใจ โคตรอ่อย โคตรเก๊ก โคตรกั๊ก แต่รักนะจ๊ะ "หมอเท็ด"



"รักพิทักษ์ใจ" - ผลงานของคุณ ศรัณญ์ชล เรื่องนี้  นำมาซึ่งความเวิ่นเว้อ 
และความเวิ่นเว้อจะนำมาซึ่งการสปอยล์แบบไม่ตั้งใจนะคะ .. ขอเตือน Smiley

แต่ก่อนอื่นมันมีสาเหตุของความเวิ่นเว้อ

คือความรู้สึกดีๆ จากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Wild Life สัตวแพทย์มือใหม่หัวใจเมโลดี้ ความรู้สึกสุดปลื้มปริ่มเมื่อการ์ตูนเรื่องนี้ถูกสร้างเป็นมินิซีรีส์ โดยมี อิชิฮาระ ฮายาโตะ พระเอกญี่ปุ่นในดวงใจอันดับหนึ่งได้รับบทพระเอก  นายสัตวแพทย์-อิวาชิโร เท็ตโซ

ยัง ... เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีซีรีส์เรื่องยาว Juui Dolittle สัตวแพทย์ดูลิตเติล ที่สร้างมาจากการ์ตูนเช่นกัน เนื่องจากเนื้อเรื่องจะสนุกแล้ว บทพระเอก นายสัตวแพทย์-ทตโตริ เคนจิ ยังได้พระเอกคนโปรดอีกคนมารับบทให้  โอกุริ ชุน ที่แสนจะโหดหน้าเลือด ดุด่า เย็นชากับคน แต่โคตรจะอ่อนโยนกับสัตว์ทั้งหลาย (กรี๊ด)

ดังนั้น จึงมีมากมายอยู่แล้วความรู้สึกดีๆ ต่ออาชีพที่เรียกว่า "สัตวแพทย์"  มีอยู่ในใจก่อนแล้วภาพเท่ๆ ของคุณหมอจิตใจดีที่เปี่ยมด้วยความกรุณาต่อสัตว์นานา  เมื่อได้อ่าน รักพิทักษ์ใจ  จึงเป็นเหตุให้เกิดอาการซุปเปอร์เวิ่นเว้อ  รักหมอเคนจิ รักหมอเท็ตโซ ฉบับการ์ตูน-ซีรีส์ญี่ปุ่นแล้ว จะไม่รักหมอเท็ดดี้ ฉบับนิยายไทยไปได้อย่างไร  

สุดจะปลื้มเปรมปรีย์กับนิยายไทยที่มีพระเอกเป็นสัตวแพทย์  

ในสายตาของ ‘แทนธารา ’นั้น ’หมอเท็ด(ดี้)’ สัตวแพทย์สัตว์ป่าคนแรกและคนเดียวของประเทศไทยมีเสน่ห์อันเหลือล้น...เปล่า! เขาไม่ได้หล่อ รวย หรือแสนดีเหมือนผู้ชายเฟอร์เฟ็กต์คนอื่นๆ ทว่าจิตใจและความทุ่มเทที่หมอมีต่องานของตัวเองต่างหากที่เธอสนใจ งานที่แม้จะต้องแหย่เท้าเข้าไปในดงของผู้มีอิทธิพลซึ่งมากด้วยอันตรายเขาก็ไม่เคยหวั่น แถมยังทำงานสุดกำลังจนใครๆ ต่างก็ชื่นชมรวมถึงตัวเธอ ดังนั้น แม้เขาจะดึงเธอเข้าไปพัวพันกับอันตรายสารพัด ไม่ว่าจะจาก ‘มนุษย์’ หรือจาก ‘สัตว์’ เธอก็เต็มใจและพร้อมจะฝ่าฟัน

อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะดีไปหมด แต่กลับมีข้อเสียอยู่อย่าง... เมื่อถึงคราวที่เธอตัดสินใจจะเปิดรับเขาเข้ามานั่งในหัวใจ หมอกลับทั้งกั๊กและเก๊กจนแทนธาราสุดจะเอือม แต่นั่นก็ไม่หนักหนาเท่ากับการที่เขาบอกกว่า “ระหว่างคุณและผม เราไม่สนิทกัน!” เหอะ ! ไม่สนิทกัน ! ? แล้วที่รายงานตัวเป็นระยะ คุยกันทุกวัน แถมยังทั้งแซวทั้งหยอดนั่น...ถ้าไม่เรียกว่าสนิทกันแล้วมันเรียกว่าอะไร ได้โปรดตอบเธอที!


นายสัตวแพทย์รัฐนันท์ พนาพิทักษ์  หรือ หมอเท็ด(ดี้) หนุ่มโสด แต่ไม่ยอมประกาศ(ว่าโสด)  ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรและสัตว์ป่า ตัวสูงใหญ่ คมเข้ม เกือบจะหล่อ-ละม้ายคล้ายว่าจะหล่อ ดูไม่เข้ากันเลยกับชุดสูทที่ควรจะทำให้ผู้ชายทั่วไปดูดีกว่าปกติสักยี่สิบเปอร์เซ็นต์  แต่ไหงกลับดูเท่ที่สุดในชุดพราง ผ้าโพกหัว และสวมแว่นกันแดด

คนมันเท่ ทำงานเป็นสัตวแพทย์สัตว์ป่ายิ่งดูดีมีภูมิ ยิ่งทำสารคดีได้ออกรายการทีวียิ่งเด่นดัง มีเแฟนคลับสาวๆ ติดตามเป็นแฟนเพจตรึม!

"สัตวแพทย์สัตว์ป่า" (มีคำอธิบายในนิยายว่าทำไมจึงเป็นคนแรกและคนเดียวในประเทศไทยอาจจะดูเท่อยู่ในรายการสารคดีหรือหน้านิตยสาร แต่นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่นำเสนอเท่านั้น  ความเป็นจริงของอาชีพสัตวแพย์ไม่มีอะไรหรูหราน่าพิศมัย  งานหนักหนา เหนื่อยสาหัส ชีวิตเสี่ยงอันตราย และเป็นข้าราชการผู้ยากจน  

ถึงจะมั่นใจในตัวเองอยู่ลึกๆ ว่า "มีดี" แต่ดีเหล่านั้นก็ไม่ใช่โพรไฟล์หรูที่คู่ควรกับหญิงสาวผู้เลิศเลอ  หมอเท็ด จึงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเรียกร้องอะไรจากผู้หญิงมากมายนัก ขอแค่เป็นคนน่ารัก น่าทะนุถนอม สดใส ผ่อนคลาย อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นคนที่อยากกอดไว้ในอ้อมแขนในวันที่เหนื่อยล้า สามารถระบายความในใจให้ฟังได้ เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่จะร่วมทางกันไปตลอดชีวิต .. แค่นั้น 

แต่ในท่ามกลางผู้หญิงมากมาย กลับไม่มีใครที่มีคุณสมบัติครบถ้วน  หรือคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ก็ไม่แลผู้ชายอย่างเขา    จะต่างไปได้หรือสำหรับผู้หญิงอย่าง แทนธารา ที่มีคุณสมบัติยิ่งกว่า..ครบถ้วน หากชีวิตของเธอถูกล้อมรอบด้วยผู้ชายที่โพรไฟล์หรูไฮกันซะขนาดนั้น นายสัตวแพทย์โลโซอย่างหมอเท็ด จะมีอะไรดีที่เธอต้องสนใจ 

ถ้าหากหมอเท็ดเคยไม่หวังสูง 
กับแทนธารา ผู้หญิงน่ารัก ใจดี นิสัยดี การศึกษาดี ครอบครัวดี และรวยมากกก
คงจะกลายเป็นหวังที่สูงมากเกินไป  สูงเกินไปจริงๆ 
อยากรักแต่ไม่กล้ารัก   อยากถอยแต่ก็ไม่กล้าถอย
อยากจีบก็ไม่มั่นใจ  แต่จะให้ปล่อยไปก็เสียดายยยย
อดไม่ได้ที่จะมีความหวัง จึง ทั้งยั่ว ทั้งหยอด ทั้งหยั่งเชิง
แต่ทั้งหมดที่ได้คือความนิ่ง ..ไม่มีอะไรให้มั่นใจ

หมอเท็ดหารู้ไม่   แทนธารา ก็ไม่ต่างกัน  

อยากรักแต่ไม่กล้ารัก  อยากถอย..แต่ก็ทำใจลำบาก 
เมื่อไหร่เหนื่อยใจ ท้อจนถอย  เขาก็ดึงรั้งกลับมาใกล้ 
เมื่อไหร่มีแรงใจขยับเข้าหา  เขากลับถอยห่างออกไป
เธอพยายามจะเข้าใจ..แต่ไม่เข้าใจ  ไม่มั่นใจที่จะมโนเข้าข้างตัวเอง 
จะเอาอย่างไรกันแน่ ถ้าไม่รักไม่ชอบ แล้วทำไมไม่ยอมปล่อยมือ
โคตรอ่อย  โคตรเก๊ก  โคตรกั๊ก  เอือมบ่อยๆ เข้า เธอก็เหนื่อยใจ
แต่เพราะรักใช่ไหมจึงยากจะลงมือตัดเชือกให้ขาดด้วยตนเอง

นั่นแหละๆ ความสัมพันธ์ของหมอเท็ดกับแทนธารา  จึงเป็นแบบยึกๆ ยักๆ เก๊กๆ กั๊กๆ  ไม่คืบหน้าแต่ว่าก็ไม่ถอยหลัง    บางครั้งเหมือนจะเดินหน้าไปช้าๆ  แต่ว่าก็ไม่ได้ตัดสินใจ บางคราเหมือนอยากจะถอยหลังกรูด แต่ก็ยังตัดใจไม่ลง ขยึกขยักบ้าง แต่แล้วก็  นิ่งๆ  ทรงๆ  ไม่ชิดใกล้ไปกว่าที่เคย  ไม่ห่างเหินไปกว่าที่เป็น

อ่านแล้วเหนื่อยใจ  อย่างเพลียยยยย  .... 

แต่เหนื่อยเพลียที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่าเบื่อหน่อายหรอกนะ ตรงกันข้ามคือความหนุกหนานของการมีอารมณ์ร่วม เอือมอก เพลียใจ อึดอัดแทนกับความอึมครึม   ส่วนตัวแล้วคิดว่าความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดเป็นความรัก ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดของทั้งสองฝ่ายที่ก่อให้เกิดอาการยึกๆ ยักๆ มีความเป็นธรรมชาติที่แนบเนียน  เข้าใจผู้ชายนะ แต่ก็น่าสงสารผู้หญิง  ลองอ่านดูสิคะ คิดว่าผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจแทนธาราได้ดี และหลายๆ คนน่าจะเข้าใจหมอเท็ดด้วยเช่นกัน  อ่านแล้วอิน  ฟิน ถึงกับน้ำตาไหลตอนเค้าลงเอยกันได้ซะที  เฮ้ออออ



ส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรจะตำหนิหมอเท็ด คิดว่าเข้าใจสิ่งที่หมอรู้สึกนึกคิด เป็นผู้ชายที่มีอาชีพไม่เหมือนใครทั่วไปมากนัก  มีมุมมองความคิด และการดำเนินชีวิตที่ภาคภูมิใจในตัวเองได้สุดติ่ง  การจะรักผู้หญิงดีๆ สักคน เขาพร้อมยิ่งกว่าพร้อม  แต่กับผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อมอย่างแทนธารา เขากลับไม่มั่นใจว่าจะพร้อมสำหรับเธอ พื้นฐานชีวิตแตกต่าง รูปแบบการใช้ชีวิตที่เรียกกันว่า "ไลฟ์สไตล์" ก็แตกต่างกันมาก หมอเท็ดเป็นผู้ชายคิดให้มากไม่รีบร้อนผลีผลามก็น่าจะเป็นการรอบคอบดี  แต่ถ้าเป็นในชีวิตจริง..ถ้าใจเย็นกว่านี้อีกหน่อยคงจะได้แคล้วคลาด  (นี่ก็เกือบละ Smiley

พระเอกแนวปากแข็ง รักนะแต่ไม่แสดงออกมาก ตอดเล็กตอดน้อย หยอดนิดหยอดหน่อย กำกวม คลุมเครือแบบนี้นะ  น่าจะเจอนางเอกต่างขั้วออกแนวรุกแบบเปิดเผย จู่โจมแบบมิทันให้ตั้งตัวตั้งใจ เพราะ  ... นี่มันสมัยไหนแล้ว ผู้หญิงจะจีบ จะรุกเร้า เปิดเผยความรู้สึกจะเป็นไรไป 

แต่ไม่ ..  นางเอกผู้น่ารักของเราเธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น  การเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวนักธุรกิจผู้ร่ำรวย มีพี่ชายดีๆ ถึงสี่คน ไม่ได้ทำให้เธอเป็นคุณหนูขาวีนเอาแต่ใจที่อยากได้อะไรก็ต้องคว้าแบบไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น  หรือจะแนวคุณหนูก๊องแก๊งงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งน่ารำคาญเธอก็ไม่ได้เป็น  ที่เธอเป็นคือผู้หญิงเก่ง ผู้หญิงทำงาน มีอุมการณ์ความคิด มีสติปัญญาดี รู้จักใช้เหตุผลควบคุมอารมณ์ อดทนใจเย็น เป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่รักในความเป็นอิสระและมั่นใจในตัวเอง  แม้ไม่มั่นขนาดจะรุกคืบ  แต่ก็ไม่ได้ฝ่อจนต้องปกปิดความรู้สึก เธอไม่โจ่งแจ้ง  แต่ก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน  จะบอกว่าไงดีหนอสำหรับนางเอกคนนี้  น่ารัก นิสัยดี และเป็นหญิงผู้ดี  รักเธอจุงเบยยยย

หมอเท็ด   ทำงานอาจริงเอาจัง อุทิศทุ่มเท  มีงานเข้าแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น ภาพเท่ๆ ของสัตวแพทย์ในขณะรักษาพยาบาลสัตว์จากซีรีส์ที่เคยดู ส่งเสริมภาพจินตนาการยามหมอเท็ดกำลังทำงานได้แจ่มจิต ชอบมว๊ากกกก!!!  แม้หากจะมองกันที่ฐานะ ธารากับหมอเท็ด อาจจะเรียกว่าเป็น 'ดอกฟ้ากับหมาวัด' ก็ยังได้  แต่อ่านแล้วก็ไม่นะ เพราะผู้ชายคนนี้ "มีดี" เกินกว่าที่ความรวยจะมาข่มให้ด้อยลง 

คุณอยากรู้มั้ยล่ะ  ว่าสัตวแพทย์สัตว์ป่าที่หมกตัวอยู่กับป่าเขาลำเนาไพรเป็นส่วนใหญ่ มาพบเจอกันก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ได้อย่างไร กับสาวชาวกรุงที่ทำงานบริหารธุรกิจมีฐานะอยู่ในแวดวงไฮโซ  ... ในความแตกต่าง  เขาและเธอคลิกกันเข้าใจได้อย่างไร  ปัญหาอย่างเดียวที่ต้องแก้ไขคือความลงตัวของหัวใจ ...นั่นแหละประเด็นที่เล่นคนอ่านซะเหนื่อย  ถ้าอยากรู้...ต้องอ่าน  

การขมวดเรื่องตอนท้ายเท่านั้น ที่ยังรู้สึกไม่โอเคเต็มร้อย 
เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องของพวกกลุ่มผู้มีอิทธิพลค้าสัตว์ป่า  
มีความลงเอยที่ไม่แน่ชัดนัก

แต่ในแง่ของความรัก ทำดีแล้วค่ะ   แม้ฉากจบจะน้ำเน่าอย่างนางเอกว่า
ก็นะ..ให้โอกาสหมอเท็ดผู้หายใจเข้าออกเจอแต่งาน งาน และงาน
ได้มีโอกาสทำตัวน้ำเน่า (น่ารัก) กับเค้ามั่งเหอะ Smiley


เป็นเรื่องที่มีเนื้อหาสาระการทำงาน และความดีงาม  ตามคอนเซ็ปต์เลย  "หล่อนี้ ที่หัวใจ"  ชอบนิยายแบบนี้ค่ะ เหมือนมีแก่นที่จะนำเสนอตั้งไว้ก่อน แล้วจึงใส่เรื่องราวความรักเข้าไปให้เคล้าคลอ โรแมนติกแบบเบาๆ น่ารักน่าสนใจ ทำให้เรื่องราวสนุก แม้ไม่ถึงกับชวนให้ติดตามอย่างระทึก แต่ก็ทำให้อยากอ่านไปเรื่อยๆ จนจบ

คุณ ศรัณญ์ชล สนใจจะเขียนนิยายที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้างไหมคะ  ฮาฮาฮ่า พยายามจะยุพลอตนี้อีกละ  อ่าน ลมไพรผูกรัก ของคุณ อุธิยา  ที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ก็เคยเขียนถามแบบนี้แหละค่ะ  อยากให้มีคนเขียนจริงๆ นะคะ นิยายที่มีพระเอกในเครื่องแบบทำงานอุทิศทุ่มเทในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้น่ะ ... มันคือความฝันของนักอ่าน (คนนี้) ที่รอนักเขียนสักคนตอบสนอง   ^^

รอ ...ด้วยหวังว่าจะมีสักเรื่องจากใครสักคนในสักวัน  รอจริงๆ นะคะ ^^ 








 

Create Date : 25 สิงหาคม 2557    
Last Update : 26 สิงหาคม 2557 7:51:26 น.
Counter : 2286 Pageviews.  

พิมานเพลิง ฝันตระการกลางม่านไฟ


เรื่องย่อจาก dbooksgroup.com และ คำนำสำนักพิมพ์ดวงตะวัน

หนูอ้น หรือ สายสิญจน์ (น้องชายของ หนูพุก หรือ บายศรี จากนิยายเรื่อง “รักแผลงฤทธิ์” ) เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว  คืนหนึ่ง เขาไปดูคอนเสิร์ตแต่กลับต้องเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวขี้เหล้าซึ่งกำลังถูกลวนลาม  ความช่วยเหลือควรจะจบสิ้นลงแค่คืนนั้น 

แต่อีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อไปสมัครงานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง สายสิญจน์กลับพบว่า หญิงสาวที่ชื่อ เดหลี คนนั้น เป็นเจ้านายของเขา หญิงสาวไร้สาระ ลูกสาวเจ้าของบริษัทผู้ร่ำรวย และใช้ชีวิตราวกับอยู่ในวิมานน่ะหรือ จะมาร่วมทำโครงการเพื่อสังคมกับชายหนุ่มที่เติบโตมาในชุมชนยากไร้อย่างสายสิญจน์ได้ 

ทว่า..ยิ่งวันที่ได้ใกล้ชิดเดหลี ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่า เธอมิได้มีชีวิตที่สวยงามน่าอิจฉาเลย บ้านของเดหลีเป็นยิ่งกว่าวิมานในสายตาใครๆ ก็จริง  แต่เป็นวิมานไฟที่พร้อมจะลุกร้อน ทำให้ทุกคนในครอบครัวไม่มีความสุข หัวใจแห้งผากและไม่เคยอิ่มเต็ม  

กระนั้นเดหลีก็มิได้สำเหนียกถึงมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองโหยหา "บ้าน" ที่แท้จริงเพียงไร  จนกระทั่งได้พบเจอกับสายสิญจ์ซึ่งไม่มีแม้บ้านสักหลังเป็นของตัวเอง  ชายหนุ่มจากชุมชนวัดมะยมหวาน ชุมชนที่ชาวบ้านส่วนใหญ่อย่าว่าแต่จะเฉียดใกล้วิมาน  เพียงบ้านที่ไม่ใช่เพิงพักโกโรโกโสก็แทบเป็นสิ่งเกินเอื้อม

เขาก้าวเข้ามาในชีวิต สะกิดให้คนที่ถูกเลี้ยงมาด้วยเงินอย่างเดหลี หวนนึกถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่าบ้าน .. ซึ่งไม่ได้ก่อร่างสร้างขึ้นด้วยเพียงอิฐหินปูนทราย ทว่ายึดโยงไว้ด้วยรัก

แต่จะเป็นการรู้ในวันที่สายเกินไปหรือไม่ เมื่อไฟที่สุมรุมอยู่นานวันในครอบครัว--สมรภูมิรบที่เดหลีเติบโตขึ้นมาลุกโพลงขึ้นกลางวิมานหลังงาม  จะเป็นไปได้ไหมที่ลำพังสองมือของเธอจะกอบกู้บ้านซึ่งเสาเอกล้มโค่นหักราน ให้กลับคืนมาเป็น "บ้าน" อีกครั้ง  




"มาตรฐานของดวงตะวัน"  ไม่แน่ใจว่าไปจำคำนี้มาจากไหนนะคะ  อยากจะขอใช้บ้างเพราะยามที่อ่านงานของคุณดวงตะวันความรู้สึกมันค่อนข้างเป็นมาตรฐาน  คือ   เนื้อหาดี  มีความสนุก อ่านได้เพลิน ความรักไม่หวือหวา  มีความอบอุ่น โรแมนติก  มีบทเลิฟๆ ไม่จัดจ้านร้อนแรง แต่ก็กุ๊กกิ๊กน่ารักพอหวาน ไม่มีอะไรให้รู้สึกติดขัดมากพอจะติติง  แต่ก็ยังไม่ถึงความสุดใจแบบเป็นประเด็นให้พร่ำเพ้อ เป็นนิยายที่อ่านได้เพลิน  แต่สำหรับเพื่อนอีกสองคนที่เป็นคอนิยายเช่นกัน  ทั้งสองนางชอบเรื่องนี้มากแบบเวิ่นเว้อโดนใจ !!

"บ้านคือวิมานของเรา"  ใครๆ ก็อยากมีบ้าน  แต่จะเป็นบ้านในแบบไหน? 
ค้นหาความหมายที่มาพร้อมความรู้สึกดีๆ ได้ในวิมานเพลิงนะคะ 




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2557    
Last Update : 17 สิงหาคม 2557 8:19:49 น.
Counter : 3156 Pageviews.  

หอมกลิ่นวิมาลา The Princess Story @ Mirininthemoon


เปิดหนังสือมาเขาไม่มีพูดพล่ามทำเพลง เกริ่นเรื่อง ย้อนความอะไรทั้งนั้น ต่อเรื่องโดยทันที
งั้นเราคงต้องทำอย่างนี้ ..

นิยายเรื่อง The Princess Story  เรื่องเล่าของเจ้าหญิง แบ่งออกเป็นสองภาค (สองเล่ม)

เล่ม ๑ ลิลิตบุษบา (คลิกอ่านรีวิวมีแนะนำตัวละครสำคัญ)

เล่ม ๒ หอมกลิ่นวิมาลา


เค้าโครงเรื่อง โดย:  ที่มา: goodreads.com

นักศึกษาอาสาสมัครทำความสะอาดหอศิลป์แห่งชาติค้นพบน้ำหมึกขวดเก่าแก่ลวดลายโบราณ สลักอักษรคำว่า "ภู่" อยู่ขวดหนึ่งในห้องเก็บของเก่า พวกเขาทำมันแตก  น้ำหมึกราดรดใส่หนังสือวรรณคดีไทยโบราณ สมบัติของศิลปินเอกแห่งชาติที่ทางหอศิลป์เพิ่งยึดมาได้ ก่อให้เกิดลำแสงแปลกประหลาดขึ้นในคืนนั้น

ระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด นางในวรรณคดีที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ตัวละครเอกเรื่องอิเหนาหลุดจากหนังสือมาในโลกแห่งความเป็นจริง และโดนจับโดยตำรวจสายสืบ ร้อยเอกมนตรี มาร์ค ไรส์สายลับเอฟบีไอไฟแรงสัญชาติอเมริกัน- อินเดีย ที่เข้ามาเมืองไทยเพื่อบุกจับหัวหน้าแกงค์มนุษย์ข้ามชาติ

เขา  นึกว่าเธอเป็นนางนกต่อ ที่สายส่งมาล่อเขาให้ติดกับเธอ  คิดว่าหนุ่มมาดเหี้ยมคนนี้คือ "ระเด่นมนตรี" คู่หมั้นคู่หมายแต่เล็กแต่น้อย ที่ตามมาง้อตน

บุญพาวาสนาถีบ ให้ทั้งคู่ต้องระหกระเหิน ร่วมหัวจมท้าย  จนต้องย้ายเข้าไปอาศัยในแฟลตตำรวจด้วยกัน จะเป็นยังไง ถ้าตัวละครพื้นบ้านของไทยอีกหลายตัว โดนฤทธิ์ของน้ำหมึกจนหลุดเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงตามบุษบามาด้วย ไม่ว่าจะเป็น เถรขวาด (ตัวร้ายในเรื่องขุนช้างขุนแผน) สินสมุทร-สุดสาคร สองพี่น้องจากเรื่องพระอภัยมณี จินตะหรา  นางร้ายในเรื่องอิเหนาที่ตามมาหึงหวงระเด่นมนตรี และอีกมากมาย   มาร์คต้องรวบรวมขบวนคนไม่เต็มบาทเหล่านี้ให้กลับเข้าไปในที่ที่พวกเขามา แม้การทำอย่างที่ว่าจะเหมารวมถึงบุษบาที่เขาตกหลุมรักไปด้วยก็ตาม


เป็นเรื่องยากนะ ถ้าจะบอกเล่าเรื่องย่อของนิยายเรื่องนี้ เพราะแม้แต่ที่คัดลอกมาดังกล่าวข้างต้นก็ยังเป็นเพียง เค้าโครงเริ่มต้นของเรื่องราวโกลาหลวุ่นวายที่มาพร้อมกับจินตนาการสุดเหวี่ยงแหวกแนวที่สุดแสนจะลำบากในการพรรณาว่ามันเป็นเช่นไร    

ความรู้สึกที่มีต่อ เล่ม ๒ หอมกลิ่นวิมาลา  ยังเหมือนเดิมกับตอนอ่าน เล่ม ๑ ลิลิตบุษบา ไม่มีผิดเพี้ยน คือ กึ่งชอบกึ่งไม่ชอบ แบบสับสนในตัวเอง Smiley

ความไม่ชอบ   ประเด็นเหมือนเดิมตามที่รีวิวไว้ในเล่ม ๑  ซึ่งมันคงเริ่มต้นมาจากความคาดหวังอะไรบางอย่างจากชื่อเรื่อง The Princess Story  ลิลิตบุษบา หอมกลิ่นวิมาลา ที่น่าจะมี ความรักโรแมนติก อ่อนหวาน ละเมียดละไม ชวนให้ซาบซึ้งตรึงใจ   แต่การณ์กลับกลายเป็นความตรงกันข้าม คือ  โหด ดิบ เถื่อน ปนเปื้อน ( โลกโสมม ) กับตัวละครหลากหลายที่แห่ออกมาโลดแล่นพร้อมความเกรียน 

แล้วเรื่องมันก็เยอะแยะมากมายมาก สมเป็นนิยายเล่มหนาเตอะ  แต่ในความมากมายมันเหมือนไม่เป็นเรื่องชอบกล เป็นอะไรที่ต้องอ่านด้วยความอดทนกับความเยอะที่ว่า  เล่ม ๑ ชอบชาละวันกับยอดรักวิมาลามาก  เล่ม ๒  เบื่อมากกับเรื่องของชาละวันและวิมาลา (อีกคน)  แทบจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกเมื่อขุนแผนโผล่มามีบทบาทคั่นซะที

เรื่องที่ว่า ตัวละครในวรรณคดีออกจากหนังสือมาเพ่นพ่านในโลกแห่งความเป็นจริง และด้วยเหตุที่ไม่ได้มีแค่เพียงพระเอกนางเอกแสนดี แต่ดันมีตัวร้ายทั้งหลายหลุดออกมาด้วย และหนึ่งในนั้นคือ ทศกัณฐ์ ที่เป็นเหมือนยักษ์จอมมารผู้บงการแผนการณ์ใหญ่ (แต่แผนอะไร อย่างไรแน่ไม่ปรากฏแน่ชัด)    ก่อนที่โลกจะชิบ..หายวายป่วง  พวกเขาจะต้องร่วมมือกันตามหา พระราม เพื่อมาปราบทศกัณฐ์ ปัดเป่าภัยอันตรายให้โลกใบนี้  เล่ม ๑ เหมือนจะปูมาเช่นนั้น  เล่ม ๒ แม้จะไม่ถึงกับเป็นหนังคนละม้วน แต่ก็ยังรู้สึกอยู่นั่นเองว่ามันไม่ได้ประสานกันเท่าที่ควร  ตกลงทศกัณฐ์จะทำอะไรแน่หรือจะแค่ไปพัวพันอิรุงตุงนังกับแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ  แล้วจะยังไงกันดีกับ พระราม  ด้วยที่ตั้งต้นกับที่จบลงไปมันไม่เข้าขาเป็นต้นสายปลายเหตุที่สอดคล้องกัน  จึงไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรที่ชัดเจน ..ขอยอมรับว่ามึน  กึ่งหนึ่งจึงอึดอัดกับการรวบรัดเหมือนยัดเยียดจบ แต่อีกกึ่งก็โล่งใจที่จบได้ซะที  เฮ้อ ...  

ถาม .. แล้วอ่านทำไมเนี่ย?

ตอบ ... เพราะมีความชอบอีกกึ่งหนึ่งไง

ความชอบ   ประเด็นเหมือนเดิมตามที่รีวิวไว้ในเล่ม ๑ เช่นกัน  ที่ได้นำมาซึ่งความรู้สึกชื่นชมนับถือ ทั้งในไอเดียยำมั่วซั่วตัวละครจากวรรณคดี  (ขอยืนยันว่านี่คือคำชมนะคะ)  จินตนาการสุดเพริศเตลิดล้ำ (นี่ก็เป็นคำชมเช่นกัน)   ยิ่งได้ฟังเพื่อนเล่าให้ฟังถึงนิยายเรื่อง "รักเอย" ยิ่งตอกย้ำว่านักเขียนท่านนี้เป็นผู้มีไอเดียบรรเจิด  และฝีมือการเขียนนิยายนั้นไม่ธรรมดา  The Princess Story  เป็นหลักฐานรูปธรรมที่จับต้องได้   ศิลป์ภาษา  ความรอบรู้ในวรรณคดี  ความเท่าทัน "สังคม" และ "คน" ในยุคปัจจุบัน    ความคิดที่ถ่ายทอดสู่ผู้อ่านผ่านบทกลอน เรื่องราว หรือตัวละคร มีความคมคายชวนคิด  และหลายสิ่งหลายอย่างก็โดนใจมาก ทั้งในแง่ของการวิพากษ์วิจารณ์และการปลุกจิตสำนึกที่พึงจะมี โดยเฉพาะเรื่องของศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจในรากเหง้าไทยๆ ของเราเอง    

ในเล่ม ๒ นี้ ตอนที่มีเรื่องราวของ พระแสงดาบคาบค่าย ของสมเด็จพระนเรศวร  ทำน้ำตาซึมได้เหมือนกันนะ  อีกฉากที่รู้สึกว่ามันกินใจมากคือตอนชาละวันปิดทองหลังพระ ประทับใจในการนำศิลปะมวยไทยมาสอดแทรก พร้อมด้วยรูปการ์ตูนน่ารักแสดงทวงท่าการต่อสู้ที่ทำให้เห็นภาพเท่ๆ ชัดเจนขึ้น   ทำไมมวยไทยต้องร่ายรำ (ไหว้ครู) ก่อนชก  ทั้งชีวิตไม่เคยรู้เหตุผลมาก่อน  เพิ่งมารู้ก็จากนิยายเรื่องนี้แหละ   และก็ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น เพราะยังมีอะไรอีกมากที่เพิ่ง...อ๋อ เหรอ อย่างนี้นี่เอง 

องค์ประกอบต่างๆ ทั้งพลอต คาแรคเตอร์ตัวละคร ความรู้ และจินตนาการที่อยากจะใช้คำว่าสุดหรูหราบ้าเว่อร์  ทำได้ดีมากจริงๆ แต่การกระจายบทบาทให้ตัวละครกับการเรียงร้อยดำเนินเรื่องราวยังไม่ถูกใจนัก  บทจะอยู่ก็อยู่นานจนเบื่อ บทจะหายก็หายไปจนคิดถึง ..โอ้ ชาละวัน แทบไม่ถูกกล่าวถึงเลยกับการโรมรันพันตูในช่วงท้าย บางเหตุการณ์ที่เป็นไปทำให้เรารู้สึกว่าผู้เขียนไม่ถนอมตัวละครเลย เครียดกับฉากจินตะหราทำมารยาหลอกแสนตรีเพชรกล้า หดหู่กับเหตุที่เกิดกับวิมาลา เซ็งกับความอาวรณ์อันน้อยนักของชาละวันไม่กี่วันก็พลันสะบัดหางคว้ารักใหม่  คนอ่านโลกสวยก็ทำใจลำบากเอาเรื่องอยู่นะ   สรุปเลยละกันว่าเรื่องนี้คงจะไม่ใช่แนวของเราจริงๆ  Smiley

แต่ในความเบื่อบ้าง สนุกบ้าง ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง .. มันก็เป็นเสน่ห์แบบแปลกๆ ที่อ่านได้จนจบนะคะ ยังชอบขุนแผนเหมือนเดิม  ถูกใจเพิ่มกับวายุบุตรหนุมาน  รักจุงเบยกุมารทองเพชรปราบ ส่วนชาละวันรักบ้างเกลียดบ้างเป็นบางเวลา เอาแน่เอานอนกับความรู้สึกไม่ได้ Smiley

กราบเบญจางค์วางหัวใจไหว้ไตรรัตน์        น้อมนมัส แฟน mirin ทั้งใหม่เก่า
  ที่ร่วมสุขทุกข์เข็ญเป็นเพื่อนเรา                 ทักกันบ้างบางครั้งคราวคลายเหงาใจ
ออกตำราเล่าขานผ่านลิลิต              วอนสะกิดจิตสำนึกคนรุ่นใหม่
ญี่ปุ่นดีเกาหลีเด่นไม่เป็นไร             วัฒนธรรมของไทยควรดำรง
ทุกสรรพสิ่งอันสลอน on the earth    ได้โปรดเถิดพี่น้องอย่าลุ่มหลง
Everything เป็นสิ่งไม่ยืนยง            มันก็คงพังภินท์ in one day

อยากบอกเป็นกำลังใจว่าอย่างน้อยคุณ mirin ก็สะกิดได้กับนักอ่านคนนึงนะคะ  นี่ไงหลักฐานถึงสิ่งที่มีในครอบครอง อันเป็นผลจากการอ่าน ลิลิตบุษบา  ตั้งใจว่าจะอ่านรามเกียรติ์ให้จบก่อนไปดูการแสดงโขนของปีนี้  อ่านเล่ม ๒ แล้วอินกับ "วายุบุตร-หนุมานชาญสมร"   หวังว่าคงจะทำได้สำเร็จดั่งตั้งใจ



บอกเพื่อนว่า ที่อ่านนิยายเรื่องนี้จบลงจนได้  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีบทกลอนคอยช่วยประคับประคองยามเบื่อ  ส่วนยามสนุกบทกลอนก็ทำให้สนุกยิ่งขึ้น กับการที่ผู้เขียนได้เลือกหยิบยกบทกลอนจากวรรณคดีมาบรรยายเหตุการณ์อีกฉากในเรื่องราวที่ผู้เขียนสร้างขึ้นเองได้อย่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งที่ยกเอามาตามอ้างอิง ทั้งที่คุณ mirin แต่งเอง..อย่างสามารถ  

 แต่เพื่อน (ที่ชอบนิยายเรื่องนี้มาก) กลับบอกว่า นางไม่สนใจบทกลอนเลย อ่านแต่เรื่อง เจอบทกลอนปุ๊บข้ามไปตลอด 

อ้าว .. เงิบ!   เป็นงั้นไป

นี่แหละที่เขาว่า ลางเนื้อชอบลางยา  

ถ้าคุณมีโอกาส อยากแนะให้ลอง ^^




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2557    
Last Update : 13 สิงหาคม 2557 1:31:29 น.
Counter : 2145 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.