เดิน เดิน เล่น เล่น บนพื้นโลก
 
 

รักบนสายรุ้งตอนที่ ๘



เสียงโทรศัพย์มือถือดังถี่และนานปลุกให้ผมสะดุ้งตื่น อากาศรอบๆตัวมืดสนิท ผมคงหลับไปนานจนค่ำเลยหรือ
พี่โชคนั่นเองโทรมา เสียงของเขาร้อนรนจนสังเกตุได้

"หายไปไหนมาต้นน้ำ พี่ติดต่อไม่ได้เลย" พี่โชคบ่นผม

"อ้อ ไปตรวจงานที่ต่างจังหวัดมาครับ " ผมโกหกพี่เขาไป

"พี่อยากเจอนาย อยากคุยเรื่องของกระรอก นายออกมาหาพี่ที่...ได้ไหม? " พี่โชคบอกร้านกาแฟเจ้าประจำแถวทองหล่อ



"กระรอกเป็นอะไรหรือพี่" ผมถามพี่เขา

"เออน่า นายรีบอาบน้ำแต่งตัวและรีบมาล่ะกัน" เขาพูดก่อนจะวางหูปล่อยให้ผมคาดเดาไปต่างๆนานา กระรอกรู้เรื่องผมไปเที่ยวกับเรย์ หรือ รุจน์บอกทุกอย่างระหว่างเขากับผมให้เขาฟังหมดแล้ว

"กระรอกเขาขอร้องให้พี่โทรหานายและช่วยพูดกับนาย " สีหน้าพี่โชคดูเนือยๆเหมือนคนอดนอนมาหลายวัน ขณะนั่งอยู่ตรงหน้าผม

"ตอนนี้เขานอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล เดี่ยวเราจะไปเยี่ยมกัน" พี่โชคบอกกับผม

"กระรอกเป็นอะไรกันแน่ครับ " ผมถามพี่เขา


" ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษนายด้วยนะที่ต้องปิดบังนาย ไม่บอกตั้งแต่ตอนแรกเพราะพวกเราคิดว่าจะสามารถช่วยกระรอกได้ แต่ในที่สุดแล้ว..." พี่โชคหยุดพูดพร้อมเอามือปิดเหน้าตัวเองขณะที่ผมใจเต้นแรง ไม่กล้าแม้จะหายใจแรงหรือเอ่ยถามอยากรู้ว่าคำพูดต่อไปจะเป็นยังไง ภาพความขี้เล่นทะลึ่ง และรอยยิ้มนั้นผุดเข้ามาในความคิดเป็นระยะๆ คงไม่จริงหรอกพี่โชคกับกระรอกคงแค่อยากล้อผมเล่นเฉยๆ

"กระรอกคงอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน " พี่โชคบอกผม


ผมอึ้ง ความรู้สึกเหมือนกำลังตกลงมาจากที่สูง และค่อยๆล่องลอยไปในอวกาศ อันเวิ้งว้างเงียบสงบ นี่กระมังที่เขาเรียกว่า อาการใจหาย

"ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราทุกคนทั้งพี่และพ่อแม่ของเขาพยายามทุกทุกวิถีทางช่วยเหลือเขา แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น "



กระรอกเอง เขาคงไม่อยากให้ต้นน้ำไม่สบายใจ เลยพยายามไม่ติดต่อหรือโทรหานาย นายคงรู้ใช่ไหม ว่าเขารักนายแค่ไหน"

"กระรอกเป็นอะไรหรือครับพี่" ผมถามคำถามเดิมกับพี่เขาอีกครั้ง

" เป็นโรคทางกรรมพันธ์น่ะครับ ต้นน้ำคงเคยได้ยินคำว่า ลูคีเมีย โรคที่เม็ดเลือดขาวเป็นพิษมาบ้างใช่ไหม?"

"ครับ"....

"ตลอดสองปีที่ผ่านมาพวกเรารักษาเขาทุกวิธีไม่ว่าการเปลี่ยนถ่ายเม็ดเลือดหรือแม้กระทั่งไขสันหลัง จนกระทั่งหมอทาง รพ.แจ้งว่าอย่าทำร้ายคนปว่ยมากไปกว่านี้เลย ยิ่งจะทำให้เขาเจ็บปวดทรมานเปล่าๆ ช่วยทำเวลาที่เหลืออีก 6 เดือนให้เขามีความสุขมากๆดีกว่า"


ผมนิ่งอึ้ง ได้แต่เหม่อมองออกไปนอกร้าน ขอบน้ำตามันรื้นออกมาจนปวดตาสองข้าง แค่ 6 เดือนเองหรือที่เขาจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้..

"พี่โชคครับ ผมอยากเจอกระรอก" ผมบอกพี่เขา

"กระรอกเขารู้ตัวเองดีเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วหล่ะ แต่ 6 เดือนที่เหลือเราช่วยทำให้เขามีความสุขมากๆได้ไหมต้น" พี่โชคบอกผมก่อนจะผลักประตูเข้าไปยังเตียงนอนของโรงพยาบาล โดยมีร่างซีดขาวของกระรอกนอนหลับอยู่

" พี่ต้นน้ำ"

ทันทีที่ก้าวมาในห้อง ร่างผอมบางนั้นเผยอยิ้มและเอ่ยชื่อผมออกมาเบาๆ

"กระรอก"

เสียงของผมสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมต้องเสียน้ำตาให้กับคนที่รัก มันต่างกันตรงที่ว่าครั้งโน้นกับครั้งนี้ ความรู้สึกมันช่างแตกต่างกัน

ผมโผเข้ากอดร่างนั้นพร้อมทั้งปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย พอๆกับกระรอกเองที่กลั้นความรู้สึกไว้ไม่อยู่เช่นกัน

"พี่ต้นน้ำ กระรอกขอโทษนะที่ปิดบังพี่" เขาบอกผมพลางสะอื้น



"ไอ้เด้กโง่ ทำไมไม่ยอมบอกพี่สักคำหา" ผมถามเขาด้วยความน้อยใจพร้อมเสียงที่สั่นเครือ



พี่โชคแอบไปหลบร้องไห้ที่ริมหน้าต่างคนเดียวเงียบๆ



"แล้วพี่จะอยู่ยังไงล่ะครับ " ผมสะอื้นถามเขาเบาๆ

กระรอกชายหนุ่มที่เคยร่าเริงคราวโน้นดูผิดไปจากตอนนี้เหลือเกิน ร่างผอมบางของเขายิ่งดูผอมเข้าไปใหญ่ ร่างเขายวบไหวตามแรงหายใจหอบเหนื่อยเข้า-ออก ถี่ๆ



"ผมรักพี่ต้นน้ำที่สุดในโลกเลยรู้ไหม" เขาบอกผมพลางเอื้อมมือผมไปซุกไว้ข้างๆแก้มที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของตัวเอง



รอยยิ้มจางๆของเขามันช่างดูเศร้าที่สุดในโลกเลยจริงๆ



"พี่ก็รักกระรอกเหมือนกันครับ "ผมบอกเขาเบาๆพร้อมก้มลงจูบเบาๆที่เปลือกตาสองข้างของเขา...







 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2550 1:08:09 น.   
Counter : 494 Pageviews.  


รัก....บนสายรุ้ง ตอนที่ 7





หรืออาจจะเป็นเพราะเรย์ชายหนุ่มหน้าตาดีเขาแค่อยากจะมีอะไรด้วย หน้าตาอย่างเขาคงยากที่ใครจะปฏิเสธ ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าผมก็คงเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
มีคนเคยบอกว่าความใสบริสุทธิ์ของเราจะหมดไปเมื่อวัยและประสบการณ์ของเราเพิ่มขึ้น มันคงจะจริง ความรักของผมมันไม่ใสและบริสุทธิ์เหมือนครั้งแรกเลย ถามว่าผมรักกะรอกไหม?
ผมรักนะ แต่ผมก็กันส่วงนหนึ่งไว้รักตัวเองด้วยเช่นกัน
เรย์จัดการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมหรูที่หลวงพระบางไว้เสร็จสรรพ ผมมีหน้าที่เพียงแพคกระเป๋าและออกเดินทางเท่านั้น ดูเขาระริกระรี้เป็นพิเศษ ผิดกับผมที่วิตกและครุ่มคิดหลายอย่างทั้งหน้าที่การงานที่ทำและกระรอกที่เงียบหายติดต่อไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้ออกจาก รพ.หรือยัง
แต่เอาเถอะแค่การไปเที่ยว2-3 วันคงไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง

เอาไว้กลับมาจากทริปนี้ค่อยไปเที่ยวสองต่อสองกับกระรอกที่ทะเลที่เราเคยตกลงกันไว้ ส่วนรุจน์เองก็ชื่นมื่นกับริวที่สิงค์โปร์ยังไม่กลับมา เอาเข้าจริงๆระหว่างรุจน์กับริวก็คบกันได้นานกว่าที่ผมคาดไว้การยอมรับข้อผิดพลาดและการให้อภัยและความใจเย็นของริว นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่คบกันได้ยืดยาวขนาดนี้...
โรงแรมหรูที่หลวงพระบางอดีตเคยเป็นวังของพระเจ้าแผ่นดินมาก่อนมันดูขลังและมีเสน่ห์น่าหลงใหลทันทีที่เปิดประตูห้องพักผมก็พบเตียงนอนขนาดใหญ่กลางห้อง เรย์มองหน้าผมแล้วยิ้มๆแบบมีเลศนัยนี่แสดงว่าตลอดสองคืนที่นี่ผมกับเขาต้องนอนเตียงเดียวกันหรอกหรือ ...คิดแล้วก็ว้าวุ่นใจ

บรรยากาศยามเย็นของหลวงพระบางดูสบายๆผู้คนที่นี่เป็นมิตรและยิ้มแย้ม ผมกับเรย์ยืนอยู่บนยอดเขาภูสี ชื่นชมกับวิวของบ้านเมืองเบื้องล่าง แม่น้ำคานกับแม่น้ำโขงไหลเอื่อยๆคนละฟากฝั่ง แต่มันก็ไหลมาบรรจบกันได้อยู่ดี...
ดวงตาของเรย์ฉายแววนิ่ง สายตาที่ทอดมองไปไกลเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่นะ ลมเย็นพัดโชยมาทำให้ผมยาวสลวยนั้นสยายตามแรงของลม เผยให้เห็นสันจมูกด้านข้างที่โด่งได้รูป ของเขาอย่างชัดเจนกลิ่นหอมอ่อนๆจากโรลออนในตัวเขาผ่านเข้ามาตามลมเป็นระยะ

"ต้นน้ำ คุณเชื่อเรื่องโชคชะตาไหม?" เขาถามผม

"ทำไมหรือครับ " ผมถามเขา

"เพราะโชคชะตาหรือเปล่าที่ทำให้ผมได้รู้จักคุณและได้มายืนอยู่ที่นี่ด้วยกัน" เขาบอกผม

" คงอีกนาน กว่าผมจะได้กลับเมืองไทย"

"คุณจะคิดถึงผมไหม?" เขาถาม....

มีเพียงความเงียบและแววตาที่ครุ่นคิดเท่านั้นที่ผมให้กับเรย์ได้ในเมื่อคนที่ผมรักและผูกพันธ์ในขณะนี้คือคนอีกคนนึงไม่ใช่เรย์

"ต้นน้ำ คุณเคยอ่านหนังสือแปลของญี่ปุ่นไหม?"

"เรื่องอะไรครับ "ผมถามเขา

" Blu Rosso " เขาตอบ

"เคยสิ เป็นหนึ่งในหนังสือที่ผมชอบเลยหล่ะ " ไม่นึกว่าชายหนุ่มจะชอบและอ่านหนังสือรักโรแมนติกแบบนั้นด้วยเหมือนกันกับผม

" aware kotoshi no aki mo inumeri"
*น่าเศร้าเหลือเกิน ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ล่วงเลยไปแล้ว *

กลอนสั้นโบราณของญี่ปุ่น เขาท่องบทกลอนนั้นเบาๆใน บลู รอสโซ่ ให้ผมฟัง ผมยิ้มให้กับความช่างจดจำและละเอียดอ่อนของเขา

"ผมคิดถึงยอดโบถส์ดูโอโม่ในเมืองฟลอเรนซ์จัง ที่จุนเซกับอาโออิ สัญญาว่าจะมาเจอกันภายใน 7 ปีข้างหน้า" เขาบอกกับผม

"ต้นน้ำครับ อีก 3 ปีข้างหน้าเรามาเจอกันที่นี่ ตอนนี้ เวลานี้กันอีกดีไหม?" เขาถามผมพลางเอื้อมมือมาโอบไหล่ผมเอาไว้

"ผมไม่อยากเชื่อเรื่องอนาคตและคำสัญญาเท่าไหร่ครับ " ผมบอกเขา

"แต่ผมจะมาจริงๆนะครับ เหมือนที่ จุนเซทำกับ อาโออิ " เขาพูดพร้อมทั้งเกี่ยวนิ้วก้อยผมเบาๆ

เย็นมากแล้ว แม่น้ำสีขุ่นไหลเอื่อยๆ ไฟตามบ้านวอวแวมพร้อมควันอ้อยอิ่ง ดอกลีลาวดีหอมอบอวลไปทั่วภูเขาของยอดภูสี
ผมทำผิดกับกระรอกไหมนะ ที่มากับเรย์แบบนี้แต่ผมก็สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่า ยังไงผมก็จะไม่เผลอใจไปมีอะไรกับเรย์เกินเพื่อนอย่างแน่นอน

"กลับลงไปกันเถอะครับ เย็นแล้ว" ผมบอกเขา

เราเลือกร้านอาหารง่ายๆติดริมแม่น้ำโขง อากาศค่อนข้างหนาวแต่เขยลาว หรือเบียร์ลาวที่สั่งมาก็ช่วยให้อบอุ่นได้ดีทีเดียว....

......

" เรย์ครับ ผมมีเรื่องจะบอกคุณ" ผมตัดสินใจบอกเขาเรื่องกระรอก

"อะไรหรือครับ " เขาถามผมขณะกำลังอร่อยกับอาหารลาวข้างหน้า

"ผมมีคนรักแล้วครับ " เขาชะงักนิดนึงและมองหน้าผมนิ่งๆ



"ผมเจอคุณช้าไปจริงๆ" เขาพึมพำ

"เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นี่ครับ" ผมบอกเขา

"เพื่อนแอบรักเพื่อนได้ป่ะ" เขาถามผมพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน

แต่อย่างน้อยแล้วมันก็ทำให้ผมไม่รู้สึกผิดกับกระรอกมากไปกว่านี้ และสบายใจที่จะไปไหนมาไหนกับเรย์ในฐานะเพื่อน ถ้าไม่มีใครในตอนนี้ผมอาจจะรักเขาไปแล้วก้ได้ตลอดสามวันสองคืนที่หลวงพระบาง เรย์ไม่ได้ทำอะไรก้าวก่ายหรือล่วงเกินกับผมเลยนอกจากการกอดจูบเท่านั้น แม้จะมีบางครั้งเกือบเลยเถิดถึงขั้นจะถอดเสื้อผ้าก็ตามที
ความรักมันออกแบบไม่ได้จริงๆแหละ ดูอย่างเรย์ ชายหนุ่มที่เพรียบพร้อมไปทุกอย่างสิ เขาจะเลือกใครก้ได้แต่ทำไมต้องมาติดกับใครก้ไม่รู้ อย่างผมที่ไม่มีอะไรดีเด่ไปกว่าคนอื่นเลยแถมหัวใจยังไม่ว่างอีกต่างหาก
..คงได้แต่เฝ้าฝัน สักวันคงได้รักกัน ..รักกัน สักวัน


..........



............
"เฮ้ยมาทำไรที่สนามบิน" เสียงคุ้นหูดังแว่วมาจากเบื้องหลัง ขณะผมยืนรอเรย์เข้าห้องน้ำอยู่ด้านนอก รุจน์น่ะเอง แล้วเขามาทำอะไรที่นี่นี่?

"เราไปเที่ยวมาว่ะ" ผมบอกมันขณะที่เรย์เดินมาข้างๆพร้อมสายตามองแบบงงๆ

"กลับมาจากสิงค์โปร์แล้วหรือ" ผมถาม

"อืมมก็งั้นๆแหละคงสนุกสู้นายไม่ได้" รุจน์พูดพร้อมเสียงกระแทกนิดๆ

"เออ เรย์ครับ นี่เพื่อนผมรุจน์ " ผมแนะนำให้คนทั้งสองได้รู้จักกันก่อนที่บรรยากาศจะอึมครึมไปมากกว่านี้

รุจน์ผมผมค้อนๆก่อนจะยื่นมือให้เรย์สัมผัส สีหน้าของเขาซึมจนเห็นได้ชัดพร้อมทั้งขอตัวไปทำธุระต่อ เขาคงจะมาหาลูกค้าและตรวจสอบการก่อสร้างแถวๆนี้ข้อความจากมือถือดังขึ้น จากรุจน์น่ะเองเขาจะแวะมาหาผมที่ห้องคืนนี้
ดูจากสีหน้าและแววตาแล้วเขาคงมีเรื่องข้องใจมากมายที่จะถามผมโดยเฉพาะเรื่องของเรย์เพื่อนใหม่ของผม
หลังๆมานี้ผมพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับรุจน์หรือเจอให้น้อยลงและคิดกับเขาแค่เพื่อนจริงๆผมสงสารริวและไม่อยากทำผิดกับกระรอกให้มากไปกว่านี้


"ดีเนอะ หาได้เร็วดี" เขาพูดประชดขณะอยู่ในห้องกับผม

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย"ผมย้อนถาม

" นายชอบมันใช่ไหม?" รุจน์ถามพลางจ้องหน้าผม

"ชอบหรือไม่ชอบมันเกี่ยวอะไรกับนายวะ" ผมชักโมโห

"แล้วเราล่ะ" เขาถามผม

"นายก็มีริวแล้วนี่ แถมยังไปเที่ยวด้วยกันที่สิงค์โปร์อีก แล้วจะเอาอะไรอีก" ผมถาม...

"ดีเนอะ แฟนตัวเองไม่สบายยังแอบหนีเที่ยวกับคนอื่นอีก" เขาประชดผม

"หยุดเลยนะรุจน์ มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว" ผมปรามเขา

"มันจริงไหมล่ะ มั่วไม่เลือก" เขาด่าผม

"รุจน์นายไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ทางที่ดีนายกลับไปก่อนดีกว่า" ผมไล่เขาเพราะเริ่มเดือดทีละนิดแล้ว พร้อมอาการไมเกรนที่เป็นประจำเวลาเครียด
ผมยืนหันหลังให้เขาพร้อมเลือกที่จะเงียบดีกว่าไปต่อปากต่อคำให้มันรุนแรงขึ้นกว่านี้

"ต้นน้ำนายไม่รู้อะไรหรือรู้สึกอะไรกับเราเลยหรือที่ผ่านมา" เขาถามผม

ทำไมจะไม่รู้ล่ะ แต่ในเมื่อเราต่างคนต่างมีคนที่เรียกว่าคนรัก เราก็ควรจะหักห้ามใจตัวเองและขีดเส้นเอาไว้แค่ในฐานะเพื่อน สิ่งที่เคยเกิดขึ้นเราย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ นอกซะจากจะทำวันพรุ่งนี้ให้ดีที่สุด

"เราเข้าใจนายผิดไปจริงๆ" เขาตะโกนไล่ผมก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความฉุนเฉียว
รุจน์นายเองที่ล้ำเส้น เส้นที่เราสองคนขีดมันขึ้นมาพร้อมกติกาของหัวใจ
อาการไมเกรนเริ่มรุนแรงขึ้นทีละนิดๆจนต้องกินยาระงับก่อนที่จะล้มตัวลงนอนด้วยความเพลีย..




 

Create Date : 24 กันยายน 2550   
Last Update : 24 กันยายน 2550 22:46:20 น.   
Counter : 541 Pageviews.  


รักบนสายรุ้ง ตอนที่ 6




ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับกระรอกหรือแม้แต่รุจน์เอง เพราะผมเองก็ไม่รู้เลยว่างานจะออกมา หน้าตายังไง แบบไหน
การแต่งตัวเซ็กซี่เปลือยแผ่นอกต่อหน้าคนเยอะแยะเป็นงานที่ท้าทายและแปลกใหม่สำหรับผมเช่นกัน แต่มันก้เป็น
จุดพลิกผันทำให้ผมเจอคนเยอะแยะโลกของผมก็กว้างขึ้นตามตัว


พี่โจดูเหมือนจะพอใจผมอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็หวั่นใจลึกๆเพราะเป็นครั้งแรกของผม
"มันอยู่ที่เราวางตัวหรอกนะต้นน้ำ ว่าเราจะวางตัวยังไง" พี่เขาบอกผมตอนที่ผมถามแกไปว่า คนในงานจะมองเรา
แบบไหน ไม่ใช่มาลวนลามหรือแทะโลมเห็นเราเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งทุกคนต้องมาซ้อมกันก่อน 5 โมงเย็นพร้อมแต่ง
หน้าทำผม นายแบบ 5-6 คนหุ่นดีจนผมแอบวาบหวามไม่ไหว ดูต่างคนต่างไม่สนใจใคร ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับมุม
ของแต่ละคน ขณะที่ผมเก้ๆกังๆ ผมปิดมือถือเพราะกลัวกระรอกหรือรุจน์จะโทรหาแล้วผมไม่รับสาย ไม่อยากหาคำ
มาแก้ตัว..
"ทำงานครั้งแรกหรือครับ" ชายหนุ่มหน้าตาสะอาด จมูกโด่ง ตาโตทักทายผมอย่างเป็นกันเอง

"ผมชื่อเรย์ " เขายื่นมือมาทักทายผมแบบสากลทั่วไป

"ผมต้นน้ำครับ ยินดีที่รู้จักครับ " ผมทักตอบ

"เลิกงานแล้วเจอกันครับ " เขายิ้มและหันไปสนใจเล่นเกมส์ต่อไม่สนใจผมสักนิดเดียว

งานเริ่มตอนทุ่มเศษๆด้วยการปรากฏกายของพวกพริตตี้หนุ่ม 6 คน ตามเนื้อตัวถูกเพนท์ด้วยสีและชื่อของยี่ห้อเหล้า
กางเกงเลตัวโปร่งบางนั้นถูกดึงลงไปต่ำจนเห็นขนรำไร เสียงเพลงพร้อมแสงแฟลชกระพริบแว้บวับจนลายตา พร้อมๆ
กับเสียงกรี๊ดกร๊าดของชายหญิงกลุ่มใหญ่ข้างเวที
เรย์คงสังเกตเห็นอาการประหม่าและตื่นเวทีของผมจึงขยับเข้ามาใกล้ๆพร้อมทั้งยิ้มให้กำลังใจลีลาการเดิน การยิ้มและ
การวางตัวของเรย์ดูเป็นธรรมชาติแต่แฝงด้วยความโดดเด่น ถ้าเขาได้คนสนับสนุนดีดี เขาคงโด่งดังได้ไม่ยาก
งานเลี้ยงเลิกราเอาตอนเกือบ 5 ทุ่ม พี่โจพาทุกคนไปเลี้ยงข้าวและจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับงานนี้แถวทองหล่อ..

"ต้นน้ำนี่ก็ไม่เบานะ เห็นข้างนอกก็งั้นๆ ที่ไหนได้พอถอดเสื้อออกแล้ว อึ๋มบึ้มไม่เบาเชียวนะ" เสียงแหลนๆของพี่โจดังทั่วโต๊ะ
ทำผมอายแทบมุดลงใต้โต๊ะ เรย์นั่งตรงข้ามกับผมยิ้มพลางกวาดสายตามองผมอย่างพินิจพิเคราะห์
ผมไม่อยากคิดไปเอง แต่จากแววตาที่เขามองมาที่ผมแล้ว ผมพอดูออกว่าเขาพอใจผมแค่ไหน...

"นายกลับยังไงต้นน้ำ" เรย์น่ะเองเอ่ยถามผมขณะทุกคนกำลังแยกย้ายกลับบ้าน

"คงแท็กซี่มั้งครับ "ผมตอบ

" งั้นกลับรถผมดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปส่ง" เขาอาสาพร้อมเดินนำหน้าไปยังลานจอดรถ...

รถ บีเอ็มดับบิวคันหรูของเขาจอดเด่น นี่แสดงว่าฐานะที่บ้านเขาก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ...
"ผมมาทำเอาประสบการณ์น่ะครับ เพิ่งจบเอง รอเวลาไปเรียนต่อโทที่เมืองนอก" เขาบอกผม ขณะเห็นผมอึ้ง

"นายชอบงานด้านนี้หรือ" เรย์ถามผม

"เปล่าครับ แค่อยากลองดู" ผมตอบเขา

"อย่าหลงแสงสีและสิ่งยั่วยวนล่ะกันครับ " เขาบอกยิ้มๆหรือเขากำลังบอกให้ผมระวังใจตัวเองที่กำลังเจอะเจออยู่ตอนนี้...

"ส่งผมแค่นี้พอครับ " ผมบอกเขาขณะรถมาถึงปากซอยแถวบ้าน

"คงได้เจอกันอีกนะ"




"อืมม..ครับ บาย"




..............




............

ผมติดต่อกระรอกไม่ได้จะสองเดือนแล้ว จนอดรนทนไม่ไหวแวะมาหาเขาที่บริษัทที่พี่โชคเพื่อนรุ่นพี่ของเขาทำงานอยู่

"กระรอกไม่สบายครับ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล" พี่โชคตอบผม

"พี่ครับ กระรอกเป็นอะไรกันแน่ครับ " ผมถามพี่เขา ทุกครั้งผมจะรู้แค่เพียงว่ากระรอกไม่สบาย แต่เขาไม่เคยบอกสาเหตุ
หรืออาการของโรคที่เขาเป็นให้ฟังเลย

"เขาขอร้องไม่ให้พี่บอกนายครับ " พี่โชคตอบ

"สักวันหนึ่ง นายก็จะรู้ครับ"...

ผมเริ่มสังหรณ์ใใจและคิดถึงคำพูดของกระรอกคราวโน้นไม่ได้แล้วสิ

"พี่ต้นน้ำ ถ้ากระรอกเป็นอะไรไป พี่ต้องอยู่ให้ได้นะ" คำพูดของเขายังแว่วมาให้ได้ยิน

ลมหนาวของเดือนมกราคมพัดโชยมา ดอกและใบของต้นไม้สองข้างทางเดินในสวนสาธารณะที่คุ้นเคยหล่นเกลื่อน
ชวนให้ใจหาย

"หายไวไวนะ คนดีของพี่" ผมได้แต่ภาวนาในใจ.....

ผมไม่ได้ไปช่วยงานของพี่โจอีกเลยหลังจากนั้นถึงแม้ว่าแกจะโทรมาชวนหลายครั้งแล้วก็ตาม ผมกลัว กลัวสิ่งยั่วยวน
และใจตัวเองเหมือนที่เคยพลาดพลั้งไปแล้วกับรุจน์
เสียงโทรศัพย์มือถือดังขึ้นด้วยเบอร์ไม่คุ้นตา

"หวัดดีครับ ต้นน้ำ" เสียงของเรย์นั่นเองเขารู้เบอร์ผมได้ยังไงกัน



"ขอโทษนะ พอดีเราขอเบอร์นายจากพี่โจน่ะ" เขาตอบ



"มีอะไรหรือครับ " ผมถามเขา



"นายพอจะว่างช่วงเย็นๆนี้ไหม พอดีผมจะแวะไปแถวๆที่ทำงานต้นน้ำ อยากเจอครับ " เขาบอกผม

"ว่างครับ " ผมตอบเขาและนัดแนะสถานที่เจอกัน ก็ดีช่วงนี้ผมกำลังเครียด กระรอกก็เงียบหายไปหลังจากไม่สบาย
รุจน์เองก็ไปเที่ยวสิงค์โปร์กับริวหลายวันแล้ว ปล่อยให้ผมเหงาคนเดียว
เรย์พาผมขึ้นรถหลังจากเจอกันแล้ว เขาขับรถออกนอกเมืองโดยไม่บอกอะไรกับผม...

เรย์พาผมขึ้นรถหลังจากเจอกันแล้ว เขาขับรถออกนอกเมืองโดยไม่บอกอะไรกับผม...



"จะพาผมไปไหนครับ " ผมถามเขาเพราะเราออกนอกเมืองมาไกลแล้ว



"อยากทานอาหารทะเลแถวๆบางปูครับ " เขาบอกผม



"โหมาซะไกลเปลืองน้ำมัน" ผมแซวเขา



เขาหัวเราะหึๆในลำคอโดยไม่พูดอะไรออกมา..



ทะเลบางปูยามเย็นอากาศพัดเย็นสบาย พระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าพื้นผิวน้ำเป็นสีทองระยับ

หมู่นกนางนวลบินว่อนพร้อมเสียงร้องโหวกเหวก
เห็นทะเลแล้วก็อดคิดถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับกระรอกไม่ได้ ว่าจะไปทะเลด้วยกันสองคน

"กำลังคิดอะไรอยู่หรือฮะ" เรย์ถามผม



"เปล่าครับ กำลังดูวิว" ผมตอบเขา



"ไม่ใช่คิดถึงแฟนหรอกหรือ" เขาถามผมยิ้มๆ



ชายหนุ่มตรงหน้าผมเพรียบพร้อมด้วยหน้าตาและวงศ์ตระกูล ชื่อเสียง เขากำลังต้องการอะไรจากผมกันแน่นะ
ในเมื่อโอกาสที่เขาจะไขว่คว้าเอาอะไรมาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร



"ต้นน้ำครับ เดือนหน้าผมจะไปเรียนต่อเมืองนอก" เขาบอกผม



"ดีใจด้วยนะครับ "ผมตอบเขาอย่างจริงใจ



"แต่ก่อนไป ผมอยากจะเอ่อ..." เขาอ้ำอึ้งและหลบหน้าผม



"เฮ้ย อย่าทำหน้าตลกแบบนั้นสิ" ผมแหย่เขา



"ไปเที่ยวหลวงพระบางกับผมสองคนได้ไหมครับ "



.......



....



"ในฐานะเพื่อนก็ได้ครับ "เขาบอกเบาๆ



"เอาไว้ให้ผมกลับไปคืดดูก่อนนะครับ "ผมบอกเขา

เขายิ้มเหมือนเด้กได้ของเล่นถูกใจ รูปร่างสูงใหญ่ของเขาสง่างาม จนสาวโต๊ะข้างๆแอบชำเลืองมองมา แต่ยามเฉย ใบหน้าเขาก็เรียบ
นิ่งจนน่าเกรงขาม
ดึกแล้ว เรย์มาส่งผมที่หน้าคอนโด เขาขออนุญาติขึ้นห้องผมเพื่อขอเข้าห้องน้ำ โดยที่ผมไม่คิดสงสัยอะไร
ร่างสูงใหญ่เดินตามผมเข้ามาในห้องและจับมือผมไว้ไม่ให้เปิดไฟ พร้อมทั้งโอบกอดมาจากข้างหลัง

"ผมชอบคุณ ต้นน้ำ" เขากระซิบบอกผมเบาๆ

ผมปล่อยให้เขากอดเนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะคลายวงแขนออกและก้าวเดินออกจากห้องผมช้าๆ ปล่อยให้ผมยืนงงไปชั่วขณะ ความคิดความ
สับสนแผ่ซ่านเข้ามาในหัวสมอง

เออหนอความรัก...เวลามันจะเข้ามาก็เข้ามาเยอะจนเลือกไม่ถูกเหมือนกัน




 

Create Date : 06 กันยายน 2550   
Last Update : 6 กันยายน 2550 12:15:48 น.   
Counter : 556 Pageviews.  


รัก..บนสายรุ้ง ตอนที่ 5



"เฮ้ยเมื่อวานได้ข่าวเด็กคณะแพทย์น๊อคคารถ เป็นไรมากหรือเปล่าไม่รู้" เสียงนักศึกษาผู้ชาย3-4 คนที่นั่งจับกลุ่มคุยกันบนโต๊ะหน้าคณะของกระรอกแว่วมาให้ได้ยิน
"พี่ต้นน้ำมารอผมนานหรือยัง?" กระรอกน่ะเอง หน้าเขาดูซีดๆแต่แววตาขี้เล่นนั้นดูดีใจจนนอกหน้า
"มีเรียนไหม"ผมถามเขา

"ไม่มีครับ "
"งั้นไปหาไรกินกะดูหนังกันไหม?" ผมเสนอ
"ไปสิครับ โคตรคิดถึงพี่ต้นน้ำเลยรู้ไหม?" กระรอกออเซาะผม
"ไอ้ขี้โม้" ผมตบหัวเขาเบาๆและเดินออกจากคณะไปยังศูนย์การค้าไม่ไกล
"เออ พี่ต้นน้ำ กระรอกจะได้ไปดูงานที่ฝีรั่งเศส 3เดือนแหละกลางปีหน้า"เขาบอกผมหลังจากดูหนังจบที่ร้านไอสครีม
"หือ ได้ไงกระรอกแค่ไปฝึกงานเองนี่นา"ผมถาม
"แต่เกรดผมสูงนี่นา อีกอย่างพี่โชคเขาช่วยเชียร์ผมด้วย"
"หยี เด็กเส้น" ผมล้อเขา
"แล้วรักไหมล่ะ" กระรอกถามยิ้มๆ
"รักสิ มากด้วย " ผมตอบ
"งั้นก่อนไป เมืองนอกเราไปเที่ยวทะเลกันนะ" ผมชวนเขา
โห ตั้งสามเดือน ถ้าเขาไปจริงๆผมจะอดคิดถึงเขาได้ไหมนี่?
งานของผมยุ่งจนไม่มีเวลาได้เจอกับกระรอกบ่อยๆเหมือนที่เคยแถมไม่รับโทรศัพย์ผมด้วย จนผมอดรนทนไม่ไหวโทรไปหาเขาที่ที่เขาฝึกงานอยู่
"พี่โชคหรือครับขอสายกระรอกหน่อยครับ " รุ่นพีมหาลัยและเป็นหัวหน้าที่เขาฝึกงานอยู่เป็นคนรับสาย
"กระรอกไม่สบายมา 4-5 วันแล้วครับนอนอยู่ที่บ้านแน่ะ"ทางโน้นตอบมา
กระรอกมักไม่ค่อยสบายบ่อยแต่ผมก็ไม่เคยเอะใจอะไรเท่าไหร่ คิดว่าเพราะเขาเรียนหนักพักผ่อนน้อยซะมากกว่า แต่ถเาเจอกันผมต้องถามเอาความจริงให้ได้
"พี่ต้นน้ำไม่ต้องห่วงหรอกครับ ยังไงพี่โชคก็คอยดูแลอยู่"เขามักจะบอกผมอย่างนี้เสมอ
กระรอกเอ๊ย เป็นอะไรใจคอไม่เคยคิดจะบอกกล่าวกันให้รู้เรื่องเลยใช่ไหม?
เอาไว้ให้หายดีเมื่อิไหร่เถอะ จะลงโทษให้สาสม

.............................

"เฮ้ยไอ้ต้น วันวาเลนท์ไทน์นายจะซื้ออะไรให้กระรอกดีวะ?" รุจน์ถามผมขณะที่ผมนัดเจอมันที่ร้านกาแฟแถวๆสยาม
"ไม่บอกโว้ย "ผมแกล้งมัน

"เออ นายนั่งอยู่นิ่งๆนะ " รุจน์บอกกับผม

"ทำไมวะ" ผมถาม
รุจน์ไม่ตอบพน้อมยกมือถือมาถ่ายรูปผมอย่างรวดเร็ว...

"ก็นี่ไงของขวัญวันวาเลนไทน์ที่เราอยากได้จากนาย" มันตอบ แต่หน้าผมกลับแดงด้วยคาดไม่ถึงว่ามันจะพูดแบบนี้
เหมือนหลงผิดไปแล้ว เมื่อมีครั้งแรกก็มีครั้งต่อๆไปผมกับรุจน์ยังแอบมีอะไรกันเรื่อยๆโดยที่ริวและกระรอกไม่รู้...

"ไม่รู้ ก็คือไม่ผิด" รุจน์ตอบแบบหน้าตาเฉยแต่ผมสิรูสึกผิดกับกระรอกยังไงไม่รู้
แต่ยังไงก็ตาม ความรักที่ผ่านมามันสอนให้ผมอย่าไปทุ่มเทให้กับรักแบบนี้นมากนัก รักของชายกับชาย

แต่ความรักก็ทำให้โลกของผมสดใส อยากมีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน...


ผมเจอกับกระรอกหลังจากที่เขาหายป่วยแล้ว แต่หน้าตายังดูโรยๆอยู่ผมยื่นถุงเสื้อสีชมพูไซส์ M ยี่ห้อดังให้เขามันเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ค่อนข้างจะผ่านมาหลายวันแล้ว กระรอกให้กระเป๋าสตังค์ผมเป็นของแลกเปลี่ยน
"พรุ่งนี้หยุดไม่ใช่หรือ"ผมถามเขา

"ครับใช่" เขาตอบ

"งั้นคืนนี้ไปค้างห้องพี่นะ" ผมถามยิ้มๆแบบกรุ้มกริ่ม เวลาเขาอายดูน่ารักดี หน้าตาดุเป็นสีชมพูออกแดงๆ
ผมหลงรักกะรอกเข้าให้แล้วแหละ แล้วกับรุจน์ล่ะผมรู้สึกยังไงกับเขากันแน่นะ หรือว่าเราสามารถรักใครสองคนได้ในเวลาเดียวกัน
"ต้นน้ำ ชนแดนเขาอยากขอโทษนาย" พี่สองพี่ที่นับถือโทรมาหาผมในบ่ายวันหนึ่ง ชนแดนคนรักแรกของผมและทำความเจ็บปวดให้ผมมากมายจะครึ่งปีแล้วที่ผมทำใจได้ แล้ววันนี้ตอนนี้เขาอยากจะมาขอโทษผมเพื่ออะไร
"ฝากบอกเขาให้มาขอโทษด้วยตัวเองนะครับพี่ ไม่ใช่ฝากคนอื่นมาบอกอย่างนี้" ผมตอบพี่เขาไปยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความดีความผูกพันธ์ของเขายิ่งน้อยลงทุกทีๆ ผมมาสืบรู้ทีหลังว่าเพราะตอนนี้พี่บีแฟนของเขาต้องไปประจำงานที่สาขาต่างประเทศสิงค์โปร์ถึง 3 ปี เขาคงจะเหงา
แหงล่ะที่ผ่านมาจะมีใครยอมเขาได้ทุกอย่างเท่ากับผมล่ะ
แต่นั่นแหละเพราะผมรักเขาหรอกนะถึงยอมได้ขนาดนั้น
แต่ตอนนี้มุมมองความรักของผมเปลี่ยนไปแล้ว ความรักของผมมันไม่ใสบริสุทธิ์เหมือนครั้งแรกๆอีกแล้ว ที่สำคัญผมมีคนที่ต้องแคร์อยู่ก็คือกระรอกนั่นเอง...

"ผมสละสิทธิ์ไม่ไปดูงานที่ฝรั่งเศสแล้วครับพี่ และคงไม่ได้ไปฝึกงานที่บริาทของพี่เอกอีกแล้วหล่ะ" กระรอกบอกกับผมในวันหนึ่ง

"ผมจะสอบชิงทุนไปเรียนต่ออังกฤษปีหน้าแทน" เขาบอกผม
นั่นมันไม่นานกว่าไปดูงานแค่3-4 เดือนหรอกหรือได้ยินแล้วก็ใจหาย
"อย่าทำหน้างออย่างนั้นสิพี่ต้นน้ำ ผมอาจจะไม่ได้ไปก้ได้ถ้า...." เขาหยุดพูดอยู่แค่นั้นพร้อมทั้งสีหน้าฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"ถ้าอะไรหรือกระรอก" ผมถามเขา

"เปล่า ครับ เปล่า แต่ทริปทะเลเรายังจะได้ไปด้วยกันใช่ไหมครับ" เขากอดผมแน่นพร้อมถอนหายใจแรงๆ
นี่กระรอกกำลังมีเรื่องปิดบังอะไรผมอยู่หรือเปล่านะ ผมต้องสืบรู้ให้ได้สักวัน
จะครบสองปีแล้วที่ผมกับเขาคบกันแต่โอกาสเจอกันแทบนับครั้งได้ถ้าเขาไม่ติดเรียนก้ไปฝึกงาน ถ้าไม่ฝึกงานหรือเรียนเขาก็มักจะไม่สบายนอนซมอยู่ที่บ้านเสมอ
"พี่ต้นน้ำ ถ้ากรรรอกเป็นอะไรไป พี่ต้องอยู่ให้ได้นะ" เขาเปรยกับผมครั้งหนึ่งเมื่อไม่นาน แต่ผมก็ไม่เคยฉุกคิดว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น

ช่วงหลังๆงานของผมเยอะขึ้น เพราะจะสิ้นปีแล้ว ประกอบกับกระรอกเองก็อ่านหนังสือเตรียมสอบชิงทุนไปอังกฤษ ทำให้ผมกับเขาไม่ได้เจอกันเลย แต่ผมก็มีความหวังว่าหลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว การไปทะเลคราวนี้ด้วยกันจะทำใมให้ผมกับเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ก่อนที่เราสองคนจะห่างกันเกือบ 3 ปีเต็มๆหากเขาสอบชิงทุนได้

..... .................

"เฮ้ย ไอ้น้ำ ศุกร์นั้ว่างเปล่าวะ" บอมพ์เพื่อนสนิทอีกคนของผมโทรมาถามตอนเย็นวันหนึ่ง

"มีอะไรหรือ" ผมถาม

"พี่โจ เจ้าของโมเดลลิ่งเขาหาคนไม่ทันงานเปิดตัวสินค้าคืนวันศุกร์นี้ว่ะ เขาอยากได้มึงไปช่วยงานเขาหน่อย" มันบอกผม

"ต้องทำอะไรมั่งวะ" ผมถามมัน

"ไปเป็นพริตตี้ บอย 555" .. มันเป็นงานเปิดเหล้าตัวใหม่ สไตล์งานเป็นแบบชาวเกาะ มึงต้องแต่งชุดแบบชาวเล เปลือยอก หุ่นมึงดีแบบนี้ขายดีแน่ๆ" มันหัวเราะ

"ได้เท่าไหร่วะ"

"3000 บาท ทำ 1 ทุ่ม ถึง 4 ทุ่ม โอเคไหม" มันถามผม

"อืมมน่าสนใจ โอเคตกลง" ผมบอกมันและนัดเจอพี่โจวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายเกี่ยวกับรายละเอียดงาน



























 

Create Date : 29 สิงหาคม 2550   
Last Update : 29 สิงหาคม 2550 1:05:17 น.   
Counter : 552 Pageviews.  


รัก....บนสายรุ้ง ตอนที่ 4



โทรศัพย์ดังนานมากกว่าปลายสายเสียงจะรับสาย คนที่อึกอักอ้ำอึ้งกลับกลายเป็นผม ทุกอย่างมันจุกอยู่ที่ลำคอยากจะเปล่งเสียงออกมาได้
"สบายดีนะ" คำถามเชยๆพื้นๆหลุดออกมา
"ก็ดี" ทางโน้นตอบมา
"มีคนใหม่เข้ามาในชีวิตหรือยัง" ผมถาม
"เอาเวลาไหนมาเจอใครล่ะ วันๆทำแต่งาน" เขาตอบเหมือนทองไม่รู้ร้อนจนผมเองอดรนทนไม่ไหว
"แล้วพี่บีล่ะเป็นใคร?"
เขาเงียบเสียงไปชั่วขณะคงคิดไม่ถึงว่าผมจะแอบไปรู้เรื่องระหว่างเขากับพี่คนนั้นได้...
"พี่รู้จักเขาหรือ แล้วได้เสียกันหรือยัง?" เขาถามเสียงรัวเหมือนว่าผมได้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนของเขา
ผมอยากจบบทสนทนาหรือวางหูไปเฉยๆ เขาแคร์คนคนนั้นจนลืมไปว่าก่อนหน้านี้ ผมกับเขาเคยรู้สึกดีดีต่อกัน
"รู้จักกันนานแค่ไหน" ผมถาม
"ก็ 8 เดือนมั้ง "
"ชน รักเขาไหม?" ผมกลั้นใจถามคำถามนั้นออกไป

.......


"ก็..รักอ่ะ"

...

" แล้วระหว่างเราล่ะ"
"ไม่อ่ะ" เขาตอบสั้นๆแต่ช่างบาดลึกไปถึงข้างในเสียจริงๆ

"แล้วที่มีอะไรกัน ผมบอกพี่ล่ะกันว่าผมไม่คิดอยากจะมีอะไรกับพี่แม้แต่ครั้งเดียวเลย พี่เองที่เป็นฝ่ายร้องขอถ้าพี่คิดว่านั่นคือความรักล่ะก็ คิดผิดแล้วหล่ะ" ...

เสียงของเขายังคงเจื้อยแจ้วเหน็บแนมผมไปไม่หยุด แต่ผมหูอื้อตาลาย น้ำตามันปริ่มออกมาเกือบเต็มตาแล้วนี่ผมเป็นฝ่ายร้องขอหรอกหรือ ในเมื่อเขาเองที่มาหาผมถึงที่ห้อง และผมก็ไม่เคยขัดขืนหรือปลุกปล้ำเขาแม้แต่ครั้งเดียว....
"น้ำลายตัวเองน่ะ ขากถุยลงพิ้นแล้วอย่าเก็บมากินอีก พูดอะไรออกไปขอให้เป็นคำพูดด้วย" เขายังเหน็บแนมผมไม่หยุด
"พี่ขอโทษ" สาบานจริงๆว่าผมพูดได้แค่คำนี้คำเดียวทั้งๆที่โกรธแสนโกรธ เกลียดแสนเกลียด แต่ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนออกมามันตื้อไปหมด
ก่อนจะวางหู คำพูดสุดท้ายที่ทำให้ผมเจ็บปวดและเสียใจที่สุดคือ
"สำหรับเซ็กส์ที่ผ่านมา ผมถือซะว่าให้หมามันกิน"
ผมปล่อยโฮสุดเสียงหลังจากวางหูพร้อมกับความอัดอั้นที่เก็บมานาน
ไอ้เหี้ย มีงหลอกกู" ....
ผมฟูมฟายเหมือนคนบ้า เสียใจไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจนี่สิ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากคนที่รักมากที่สุดได้ก็ดี ที่มันจะทำให้ผมตัดใจได้ง่ายและเร็วขึ้น
เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น....ใครๆก็พูดอย่างนั้นแต่จะมีใครรู้บ้างว่ากว่าจะผ่านเวลานั้นไปได้เราต้องเยียวยาแผลใจสักเท่าไหร่ล่ะกว่าหัวใจถึงจะดีดังเดิม


"ไอ้น้ำ เฮ้ย ต้นน้ำ เหม่ออะไรวะ" รุจน์น่ะเองโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ขณะผมกำลังเพลินกับความคิดต่างๆนานา ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของฟิตเนสที่เป็นสมาชิกอยู่ผมอดที่จะแอบชำเลืองมองหุ่นกำยำของรุจน์ไม่ได้ เออ..นี่ผมจะมัวมาเล่นตัวเป็นสาวไทยโบราณไปทำไมนักหนานะ ในเมื่อรุจน์เองก็ต้องการจะมีอะไรกับผมได้ทุกเมื่อที่ผมต้องการ

"มองไรวะ ต้นน้ำ" นั่นไงผมหลบสายตาของมันไม่พ้นจริงๆ...

"เปล่า..เปล่า"
"เออ ต้นน้ำเล่นฟิตเนสเสร็จไปเที่ยวต่อกับเรานะ" รุจน์บอกชื่อผับที่คุ้นหู
คึกอะไรอยากเที่ยววันนี้วะ" ผมถามมัน
"เฮ้ย วันนี้วันเกิดเรา" มันบอกยิ้มๆก่อนจะแยกย้ายกันไปออกกำลังกายและนัดเจอกันราวๆ3 ทุ่ม..
ตอนแรกกะรอกกะจะมาด้วยแต่ช่วงนี้ใกล้สอบและสุขภาพไม่ค่อยดีด้วยผมเลยบอกเขาไม่ให้มา นอนพักผ่อน อ่านหนังสือสอบอยู่บ้านดีกว่า
...แต่ก็ดี..เหอๆ ผมจะได้อสระสักวัน....
รุจน์แต่งตัวซะหล่อ เนื้อตัวหอมฟุ้ง ริวแฟนของเขาและเพื่อนสองสามคนไปรอที่ร้านแล้วเวลาที่สองคนระหว่างรุจน์กับ ริวยืนข้างๆกันแล้วผมอดแอบอิจฉานิดๆไม่ได้ สองคนนั่นเหมาะสมกันเหลือเกิน สำหรับผมสิ ถ้ากระรอกมาด้วยคืนนี้ผมคงไม่เหงาไปมากกว่านี้...

รุจน์พยายามดึงผมไปยืนข้างๆ แต่ผมกลัวริวจะอึดอัดและเข้าใจผิดจึงพยายามเลี่ยงๆไปยืนเต้นกับกลุ่มเพื่อนๆของเขามากกว่า...

เป็นเพราะผมไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่หรือรุจน์เองที่พยายามชนแก้วผมบ่อยๆทำให้ผมรู้สึกมึนๆและตาลายนิดๆ
"นายกับรุจน์เป็นเพื่อนกันจริงๆหรือครับ " เป้เพื่อนของริวถามผมยิ้มๆเหมือินมีเลศนัย
"ผมว่ามันต้องมากกว่านี้นะ" เขาหัวเราะพร้อมทั้งเต้นอย่างเมามันส์ไม่สนใจจะรู้คำตอบจากผมเท่าไหร่นัก...
สาธุขออย่าให้ไอ้รุจน์เมาและทำตัวเหมือนในรถคืนนั้นเลย...
ผับเลิกตอนตี 1กว่าๆ ริวดูเหมือนจะเมาน้อยกว่าคนอื่น รุจน์หน้าแดงก่ำ แต่ยังพอคุยกันรู้เรื่องอยู่ แต่ผมสิหัวหมุนติ้วๆ จะอ้วกอยู่รอมร่อแล้ว...
" ต้นน้ำ นายรอรเราอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งริวกับเพื่อนๆที่รถก่อน" นานเท่าไหร่ไม่รู้แต่อากาศเย็นสบายข้างนอกก็ทำให้ผมรูสึกดีขึ้นมาหน่อย
รุจน์ขับรถช้าๆเหมือนรู้ตัวเองดี มืออีกข้างหนึ่งดึงมือผมไปกุมไว้
"เฮ้ย เราไม่ใช่ริวนะโว้ย" ผมแหย่มัน
แต่สีหน้ามันดูเครียดและจริงจังจนผมตกใจ
"นายเลิกพูดถึงริวได้ไหม เวลาอยู่กับเรา" มันพูดพร้อมทั้งหยุดรถทันที
"เราชอบนาย ..เราชอบนายต้นน้ำ" มันพูดพร้อมทั้งโน้มตัวตัวมาจูบปากผมอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเสียงร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาย เป็นครั้งแรกที่ผมกอดรุจน์อย่างตั้งใจและเต็มใจ
"รุจน์ วันใดที่เราต่างไม่มีใคร นายไม่มีริว เราเลิกรักกับกระรอก เราค่อยมารักกันดีไหม?" ผมบอกมัน
"อืมมได้สิ แต่เราคงขับรถไปส่งนายไม่ไหว นายนอนค้างที่ห้องกับเรานะ " รุจน์บอกกับผมพร้อมทั้งออกรถไปอย่างรวดเร็ว
ผมหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นอนอยู่บนเตียงนอนในห้องที่ไม่คุ้นเคย ในร่างกายเหลือแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวโดยมีรุจน์ในสภาพที่ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ กำลังกอดก่ายและระดมจูบผมไปทั่งตัว
อารมณ์ผมกระเจิงจนเกือบจะหยุดไม่อยู่ แต่เรี่ยวแรงก็หดหายไปไหนไม่รู้ ความเมาทำให้รุจน์ไม่ฟังเสียงของผม ขณะผมเองก็แพ้ความปราถนาความใคร่ของตัวเองเช่นกัน
เสียงโครมครามหล่นกระจายของโต๊ะเครื่องแป้ง และที่นอน กว่าพายุสวาทจะจบลงได้ห้องทั้งห้องก็รกไปด้วยเสื้อผ้าของใช้เกลื่อนห้อง
รุจน์หลับสนิทด้วยความเมาและเพลีย ผมแต่งตัวและออกจากห้องมาอย่างเงียบๆระยะทางจากบ้านของรุจน์มาบ้านผมไม่ไกลนัก พอเดินหากันได้
พระจันทร์ตอนดึกส่องสว่างนวลตามทางเดิน ในที่สุดผมก็แพ้ แพ้ใจตัวเอง
"พี่ขอโทษนะครับ กระรอก" ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะหลับลงไปในห้องนอนที่คุ้นเคยของตัวเอง

................



















 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 2:24:24 น.   
Counter : 574 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

Bear leader
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ทานตะวัน - ธนิศร์ ศรีกลิ่นดี

เดินๆ เล่นๆ บนผืนโลก

ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง
หลังจากหลับไหลมาแสนนาน
ฟ้ากำลังเปล่งสีส้มอ่อน
เมื่อคืนความฝันได้พาผมไป
หลากที่มากมาย..
คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด..
ผมสงสัยว่า..
ผมมีชีวิตก่อกำเหนิดขึ้นมาเพื่ออะไร??
เช้าที่แสนมหัศจรรย์ของวันนี้
ผมรู้แล้วหล่ะ
ผมเกิดมาเพื่ออะไร...
..เพื่อ...ได้รู้..ได้เห็น

[Add Bear leader's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com