|
เที่ยวพม่า ก่อน นากีสน์
รถโดยสารที่โละทิ้งมาจากญี่ปุ่นกำลังควบปุเลงๆพาผมกะคนที่แน่นยังกะปลากระป๋องเข้าตัวเมืองอย่างกระวีดกระวาด มลพิษของที่นี่สูงค่า
พอๆกับเมืองไทยเลยทีเดียว สาเหตุคงเป็นเพราะรถเก่า ควันดำเกือบทุกคัน รถใหม่ๆรถยุโรปแทบจะไม่มีให้ได้ยลโฉม
เจดีย์ชวาเดกองโดดเด่นมองเห็นแต่ไกล พี่ๆชาวหม่องส่วนใหญ่จะลงที่นี่เยอะเพราะนอกจากจะมาไหว้องค์พระเจดีย์แล้ว ข้างๆยังมีสวนสา
ธารณะขนาดใหญ่ไว้ให้เดินเล่นด้วย แต่พระเจ้าช่วยกล้อยทอด รถต้องจอดกลางถนนและให้คนที่ลงผจญกับการข้ามถนนที่อันตรายนั่นอีกต่อ
นึง กว่าจะถึงริมฟุตบาท เพราะรถที่นี่ขับเลนส์ขวา พวงมาลัยซ้าย
จากหนังสือโลกโดดเดี่ยว เขาบอกเอาไว้ว่านั่งต่อไปอีกนิดจะมีตลาดขายของขนาดใหญ่ แถวๆสุเหร่พญา ขอให้อดใจหน่อยขากลับพวกเจ้าค่อย
วกกลับมา โดยผมเป็นผู้เชื่อฟังทีดี
อ้อ ลืมไปสวนสาธารณะนั่นมีชื่อว่า สวนสาธารณะของประชาชน หรือ People park
รถมาสุดสาย สังเกตจากผู้คนที่กระชับสะโหร่งให้แน่นหนาและพร้อมจะก้าวลงจากรถหมดทุกคน ชายหนุ่มคนหนึ่งพุ่งน้ำหมากปี้ดเฉียดกางเกง
ผมไปนิดเดียว เขายิ้มแหะๆทำนองขอโทษและเดินหายลับท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่านจอแจ
ตลาดดูวุ่นวาย ของไม่มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไหร่ ปกติผมก็ช้อปปิ้งตามห้างดังๆอยู่แล้ว ไม่ใช่กระแดะหรือดูถูกของพวกนี้นะ ชอบด้วยซ้ำที่ได้เห็น
วิถีชีวิตที่หลากหลาย แต่ของใช้ขอหรูๆมีแบรนด์ๆเอาไว้ก่อนเสมอๆ
ตามข้างทางนอกจากจะมีของขายแล้ว ยังมีโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆวางเรียงรายขายของกินเล็กๆน้อยๆเยอะแยะเพิ่งสังเกตุตอนนี้เองว่าคนพม่าชอบกิน
และกินได้ทุกเวลาไม่ว่าเช้าสายบ่ายเย็น เป็นของกินจุกจิกพอให้ไม่เหงาปากซะมากกว่า
หม่องพม่าจะรวบสะโหร่งให้เข้าที่ก่อนจะนั่งยองๆคายน้ำหมากแดงๆข้างๆต้นไม้หรือเสาไฟก่อนจะลงมือจัดการอาหารตรงหน้า
เลยเที่ยงมากว่าแล้ว ชักเริ่มหิวมองเห็นร้านในซอยคนเยอะท่าจะอร่อยแน่ๆเลยยืนเมียงๆมองๆชั่งใจว่าจะกินดีไหม เหมือนจะคล้ายข้าวขาหมูหรือ
ข้าวหมูแดงบ้านเรา เอาวะลองดูหลังจากพยายามสอดส่ายสายตาหาแมคโดนัลด์หรือเคเอฟซีไม่เจอ
คนขายเคี้ยวหมากปากแดงจั๊บๆขณะสับไก่และราดน้ำซอสเละๆลงบนจานข้าว เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุปออกเผ้ดเปรี้ยวยื่นจากข้าวมาให้ด้วยมือที่เลอะ
ชุ่มน้ำมันและคราบเนื้อติดมือ แหวะ จะอ้วก
สารภาพตรงๆว่ากินไม่ลง เลยสั่งใหม่ขอข้าวเปล่าและไก่ทอดอีกชิ้นนึง พี่หม่องพยายามจะราดน้ำซอสนั่นอีก ดีที่ห้ามไว้ทัน ไม่งั้น เหอ เหอๆไม่อยากจะ
นึกภาพ
แกยิ้มเห็นฟันดำพร้อมน้ำหมากนั่น ย้มแบบจริงใจและบริสุทธ์ที่ผมเห็นแล้วได้แต่ยิ้นรับแบบแหยๆ มื้อนั้นผมจ่ายไป 2100 จั๊ต ตกราวๆ หกสิบกว่าบาท
ถือว่าแพงนะ ถ้าเทียบกับมื้อต่อๆมาของผม
ดึกสีแดงสีหมากสุกทรงยุโรปที่ดดดเด่นเป็นสง่าแถวสุเหร่พญานั่นคือ ศาลาว่าการจังหวัด หรือ city hall รอบๆเป็นที่ขายของมากมายตามตรอกซอกซอย
และถ้าสังเกตดีดี แต่ละซอยจะแบ่งและแยกสินค้าที่ขายออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เช่นซอยที่หลงเข้าไปซอยแรกจะขายแผ่นซีดีและโปสเตอร์หนังพม่ามากมาย
เยอะแยะ จนสุดซอย หรืออีกซอยจะขายแต่ของพวกคอมพิวเตอร์และร้านถ่ายรูป ซอยถัดไปก็จะขายเฉพาะเครื่องเงินและจิวเวอรี่ดูน่าสนใจดี
ผมไม่ได้ซื้ออะไรเพราะไม่มีของที่อยากได้ แม้แต่ชิ้นเดียว
ผมกำลังเดินหาที่ซื้อตั๋วรถทัวร์ไปมัณฑะเลย์พรุ่งนี้ หนังสือโลกโดดเดี่ยว(อีกล่ะ) บอกว่าหาซื้อที่นี่จะได้ราคาดีไม่แพง เออ กรูเชื่อมึงทุกอย่างเลยนะนี่
ที่แรกที่ไปติดต่อเป็นคล้ายๆสำนักงานท่องเที่ยวของพม่า อยู่ตรงข้ามศาลาว่าการ ราคาที่ได้คือ 1850 จั๊ตแพงใช่เล่นๆ หาต่อๆ ผมลองเดินอ้อมไปด้านหลัง
เป็นร้านรับแลกเงินแต่รับจองตั๋วรถทัวร์ รถไฟด้วย ที่นี่พี่หม่องเสนอราคามาที่ 1500 จั๊ต อืมม ยังแพงไป หาต่อๆ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดผมก็ได้ราคาที่ 1000 จั๊ต รู้สึกภูิมใจยังไงไม่รู้ เหอๆ รถออกจากย่างกุ้งราวๆ 5 โมงเย็นถึงมัณฑะเลย์เกือบๆ 7 โมงเช้า โหดใช่เล่น
เหมือนกันคิดซะว่าไปเที่ยวเชียงใหม่ละกันจะได้ไม่รู้สึกเซ็งกับระยะทาง
สาเหตุหนึ่งที่ผมรอให้อากาศมันเย็นลงก่อนเพราะในเจดีย์สุเหร่พญาและชวาเดกองต้องถอดรองเท้าเดิน เท้าเปล่าๆแดดร้อนๆบนพื้นปูกระเบื้องแบบนี้คุณ
คิดว่าเท้าเราจะทนรับความร้อนได้หรือครับ
" Donation donation " เด้กหญิงราว เก้าถึงสิบขวบ ชี้ไม้ชี้มือให้เราหยอดเงินลงในกล่ิองก่อนจะเดินเข้าไป ผมชะงักและล้วงกระเป๋าหยิบเงินจั๊ตออกมา
ราวๆ 300 จั๊ต
" No no five hundres " เธอบอก อ้าวไหนบอกแล้วแต่ศรัทธาจะทำบุญทำไมมาบอกให้ใส่ 500 เป็นอย่างต่ำ เอากับเธอสิ ผมล้วงๆกำๆได้ราวๆ 350 จั๊ต
ลงในกล่อง เธอทำหน้าตาพอใจ พลางเชื้อเชิญให้เราเข้าไปข้างใน โดยหารู้ไม่ อิอิ
ข้างในสุเหร่พญา ขอเตือนว่าให้ระวังกับพวกหน้าม้าที่คอยเสนอนั่นเสนอนี่ให้ดี เยอะพอดู อย่างลุงคนหนึ่งทักทายผมด้วยภาษาไทยไม่ชัดเท่าไหร่แต่พูดอังกฤษ
ได้ดีทีเดียวเขาเอ่ยกับพวกเราว่า
" ผมชอบประเทศคุณมากโดยเฉพาะเงินของประเทศคุณ คุณมีให้ผมสะสมมั่งไหม ?" เขาเอ่ยถามพร้อมทั้งโชว์ใบละ 20 บาทของไทยให้ดู
โห หากินง่ายขนาดนี้เลยหรือลุง
และชายหนุ่มอีกคนที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ สตีฟ เออ จริงๆแล้ว หม่องพวกนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษด้วยหรือ เขาบอกว่าตัวเขามาจากรัฐฉาน ที่ที่ผมจะไปพอดี
เขามาย่างกุ้งก็เพื่อมาเรียนภาษาอังกฤษ เขาพูดได้ค่อนข้างดีที่เดียวติดตรงที่ว่าพูดเร็วและรัวไปหน่อย
หม่องสตีฟเตือนผมว่าควรจะจองที่พัก รถโดยสาร เรือ แม้แต่เครื่องบินภายในประเทศ โดยเขาอาสาจะจัดการให้หมดทุกอย่าง ผมบอกไม่เป็นไร ผมเที่ยวแบบ
พเนจร ค่ำไหนนอนนั่น ดูเขาทำหน้าเสียใจเล็กๆ แต่ก็ชักสีหน้ากลับมาเป็นปกติได้ในเวลาไม่นาน และชวนคุยเรื่องเมืองไทยงานที่ผมทำ อาชีพและรายได้ ดู
เหมือนเขาจะสนใจทีเดียว และให้ผมช่วยหางานที่เมืองไทยให้ทำหน่อย
สตีฟเอ้ย ทุกวันนี้พวกเราชาวสยามก็ไม่รู้จะจัดการกับพวกลื้อยังไงที่ทะลักทะล้นเข้ามา ข่าวสลดๆที่เพิ่งเกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจและหาความสุขเล็กๆ
น้อยๆประดามีที่บ้านตัวเองไม่ดีกว่าหรือ สุขใดจะเทียบเท่าสุขในบ้านเรา

ลุงหม่องขายน้ำมะนาว คนพม่ามักล้างปากจากน้ำหมากด้วยน้ำมะนาว

ตะวันลับฟ้าเมื่อยามเย็นๆ เป็นเวลาที่ใจหาย เห้อ คงจะจริง พระอาทิตย์กำลังตกดินที่ ทะเลสาปอินยา ที่พัก รร 

หนุ่มพม่านัยตาแขกเป็นแบบนี้แหละครับ 
เด็กหญิงหัวเหม่ง มองเหม่อ

ดูกันชัดๆ อุปกรณ์ของลุงหม่องที่ขายน้ำมะนาว

สมควรหลับหรอก ข้าวโพดดำปี๋ขนาดนั้น
Create Date : 04 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 4 มิถุนายน 2551 23:45:05 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1660 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: จอมมารขาวดำ วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:22:28:24 น. |
|
โดย: ช (HHG ) วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:21:44:55 น. |
|
โดย: ช่อชบา (HHG ) วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:21:55:27 น. |
|
โดย: วลัยทิพย์ จันทร์สว่าง IP: 203.144.144.165 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:18:59:33 น. |
|
|
|
|
Bear leader |
 |
|
 |
|
มื้อต่อๆไป กินที่ไหนคะ