เดิน เดิน เล่น เล่น บนพื้นโลก
 
รัก...บนสายรุ้ง ตอนจบ





ในบ่ายของฤดูหนาววันหนึ่ง ผมก็พาตัวเองมาเหยียบผืนแผ่นดินหลวงพระบางอีกครั้งหนึ่ง

โรงแรมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวังของเจ้ามหาชีวิตที่นี่ตกแต่งหรูสไตล์ฝรั่งเศสและพรุ่งนี้ตอนเย็นแล้วสินะ

คือวันที่ผมกับเรย์นัดกันไว้ที่ดูโอโม่ของผมกับเขา

" aware kotoshi no aki mo in u meri" น่าเศร้าเหลือเกิน ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ล่วงเลยไปแล้ว

กลอนสั้นโบราณ ในหนังสือเรื่องบลู รอสโซ่ ที่เขาท่องให้ฟังคราวนั้นยังจำได้ไม่ลืม

ค่ำคืนแรกที่หลวงพระบางเย็นสบาย ผมพาตัวเองมานั่งเล่นริมสระน้ำด้านหลังโรงแรม ฟ้าคืนนี้ดาว

กรัจ่างฟ้าดูพราวระยิบพร้อมกับความสงบเงียบ มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนขับกล่อมเบาๆ แทรกมาให้ได้

ยินเป็นระยะผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง ดาวดวงไหนนะที่คนรักที่จากไปได้ไปอยู่บนฟ้าโน่น เขาจะ

มองเห็นผมตอนนี้ไหมนะ

เขาจะโกรธผมไหม ที่ผมมาที่นี่เพื่อเจอใครบางคน

แต่อย่างที่เก่งบอกแหละ ความรักมันไม่ถ่ายโอนจากคนโน้นมาคนนี้ได้หรอก

ความรักของผมกับกระรอกก็ยังคงจะอยู่ในใจผใเสมอไป รอพี่ก่อนนะคนดี อีกไม่นานเราคงได้เจอกันอีกครั้ง

แน่นอน และขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาเป็นคนรักกันอีกครั้ง

ภาพชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม สูงโปร่งอีกคนก็ผ่านเข้ามาในความทรงจำ เรย์คุณจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนนะ ยัง

จะดูอบอุ่นและใจดีเหมือนที่เราได้เจอกันเมื่อ สาม ปีที่แล้วไหมนะ

ถ้าเจอกันจริงๆผมจะเอ่ยทักทายเขายังไงดีล่ะ เขายังจะจำผมได้อีกไหม

ความคิดต่างๆดูฟุ้งซ่าน กว่าผมจะข่มตาหลับลงได้สนิทจริงๆ เสียงไก่ขัดชุดแรกก็ดังมาเจื้อแจ้ว ไกลๆ ท่ามกลาง

ความเงียบสงัดและมืดมิดของรัตติกาลแรกในหลวงพระบาง

ผมตื่นมาอีกทีตอนสายๆของวัน รีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปหาอะไรรองท้องกินมื้อเช้า ก่อนจะพาตัวเองไปเดินเล่นดูตลาด

เช้าริมแม่น้ำโขง วิถีชีวิตผู้คนที่นี่ดูยังจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ภาพผู้หญิงนุ่งผ้าสิ้น เกล้าผมยาว พระเณรเดินบิณฑบาตร

เป็นแถวยาว ดูเหมือนจะเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพากันมาที่นี่

แวะไหว้พระที่วัดเชียงทองวัดสวยแห่งหนึ่งของหลวงพระบาง ผมพยายามสอดส่ายสายตาหาเรย์ที่นี่เผื่อเจะเจอแต่ก็ไร้วี่แวว

ท้องไส้เริ่มร้องเพราะหิว เลยเที่ยงวันมานานแล้ว แวะกินเฝ๋อร้านข้างๆทางขึ้นยอดพูสี เอาแรงไว้ก่อนปีนป่าย

ยิ่งเย็นอากาศยิ่งสบาย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันอึมครึมและดูอึดอัด เหงื่อซึมทั้งตัว ความกลัว และวิตกต่างๆกลับเข้ามาในความ

คิดอีกครั้ง

อีกไม่กี่ชั้นก็จะถึงยอดพูสีแล้ว เสียงกระดิ่งบนยอดเจอดีย์ดังกรุ๋งกริ๋งพร้อมกลิ่นของดอกจำปาลอยมาให้ได้กลิ่นหอมเป็นระยะ

ในที่สุดผมก็พาตัวเองมายืนอยู่บนยอดพูสี บนยอดเขาไม่เห็นใครเลยนอกจากแม่ค้าขายดอกไม้ธูปเทียน และหมาสีน้ำตาลแก่ๆ

อีกหนึ่งตัว ผมแวะเข้าไปไหว้พระพุทธรูปข้างในก่อนจะออกมายืนดูวิวข้างล่างของเมืองหลวงพระบางและแม่น้ำโขงที่ทอดตัวยาว

เหมือนงูเลื้อยสีขุ่นโคลนไม่ไกล ลมเริ่มพัดแรง ฝนหลงฤดูกำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ

ผมพยายามสอดส่ิองสายตาหาใครบางคนแต่ก็ว่างเปล่าไม่มีใครสักคนขณะฝนเริ่มโปรยปรายช้าๆเบาๆ

เอาเถอะอย่าไปเสียใจอะไรกับมันเลยอย่างน้อยผมก็ได้มา ผมไม่ได้ลืมสัญญาถึงมันจะเป็นแค่สัญญาลมๆแล้งๆก็ตามที

แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ความดดดเดี่ยวอ้างว้างนี่ใช่ไหมที่ผมต้องทำความรู้จักกับมันไปจนวันตาย

เรย์คุณลืมสัญญาทีคุณสร้างมันขึ้นมาจริงๆหรือ ?

ผมปล่อยให้ตัวเองเปียกฝนไปอย่างนั้น ภาพเบื้องหน้าดูเลือนลางด้วยสายฝนโปรย หนาวจนเผลอกอดตัวเองไว้แน่น

"ตากฝนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก " เสียงทุ้มๆดังมาจากข้างหลังผม ไม่ไกล ถึงจะมองไม่ถนัดแต่ร่างสูงใหญ่นั่นผมจำได้ดี

"เรย์" ผมเอ่ยออกไปอย่างลืมตัว พลางจ้องดูหน้าเขาชัดๆ

"คุณมาจริงๆด้วย" เขายิ้มพลางดึงตัวผมเข้าไปกอดอย่างดีใจ ร่างใหญ่ที่อบอุ่นนั่น กลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นเคยหอมเจือจางมาจาก

ตัวเขา

"คุณร้องไห้นี่" เขาจ้องหน้าผมอีกครั้ง และสังเกตุเห็นคราบน้ำตาและรอยช้ำแดงของตาสองข้างของผมโดยบังเอิญ

"ผมดีใจเหลือเกินที่เห็นคุณที่นี่" เขาพูด

"ผมไม่เคยลืมคุณเลยนะ คิดถึงตลอดและรอวันเวลาที่จะเจอคุณที่่นี่อีกครั้ง "

"แต่คุณก็มาช้า" ผมแกล้งแหย่เขา

"เปล่านะ ผมแอบคุณต้งแต่ตอนที่คุณขึ้นมาแล้ว อยากแอบดูคุณก่อนสักพัก รู้ไหมผมน่ะลุ้นแทบตาย" เขาหัวเราะพลางทำหน้า

เจ้าเล่ห์ใส่ผม

"หือ เอาเปรียบกันนี่" ผมตอบแบบฉุนๆ

"เปล่าหรอก แค่ผมอยากพิสูจน์ว่าคุณยังคิดถึงผมอยู่ไหม และผมก็รู้แล้วหล่ะว่าคุณน่ะคิดถึงผมอยู่เสมอ " เขาหัวเราะเสียงดังพลาง

โน้มตัวเข้ามาใกล้จนเกือบชิด

" เฮ้ย ที่นี่ไม่เหมาะ" "ผมปรามเขา

"แสดงว่ามีที่ที่เหมาะ?" เขาย้อนถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

"คุณสบายดีนะ" ผมตัดบท

"สบายมากเลยแหละ คุณล่ะ" เขาถาม

ฝนหยุดโปรยแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังลับแม่น้ำโขงช้าๆ แดดส่องประกายอ่อนๆทำให้เกิดรุ้งกินน้ำสีสวยพาดโค้งขอบฟ้า

นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีโอกาสได้เห็นรุ้งกินน้ำชัดๆแบบนี้เรย์กุมมือผมไว้แน่น เราสองคนเลือกที่จะเงียบและจ้องมองภาพข้างหน้าโดย

ปราศจากการพูดคุย

แต่ถึงกระนนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนนั่นที่ถ่ายโอนมาจากเรย์ที่ยืนอยู่ข้างๆผมตอนนี้

"ขอบคุณนะครับ ต้นน้ำที่คุณรักษาสัญญาของเรา" เขาพูดเบาๆ

" ความรักก็เหมือนสีของรุ้งนะคุณว่าไหม มีหลากหลายสีสันรวมกัน เหมือนสุขและทุกข์คละกันไป แต่พอรวมกันแล้ว ก็สวยงามอย่างที่เห็น"

ผมบอกเขา

"อืมมใช่ครับเหมือนกับสายรุ้งจริงๆ ดูสิใครจะคิดว่าฝนจะตกตอนหน้าหนาวแบบนี้ บางครั้งเราก็ต้องรอเวลาและโอกาสจังหวะที่เหมาะสม

กว่าจะได้เห็นรุ้ง"

"คุณจะรักผมได้หรือยัง" เรย์ถาม

"กลับกันได้หรือยังค่ำแล้ว " ผมตัดบทยิ้มๆพลางก้าวเดินลงจากยอดพูสีช้าๆ

"คุณยังติดค้างผมอยู่สองอย่างนะ" เรย์บอกกับผมพร้อมสีหน้างอนๆ

"อะไรหรือ"

"อย่างแรกผมยังไม่ได้จูบคุณ สองคุณยังไม่ได้บอกรักผม"

"เฮ้ย ใครบอกว่าผมจะรักกับคุณ" ผมถามเขา

"งั้นสสงสัยคุณต้องติดค้างผมอีกข้อหนึ่งแล้วหล่ะ"เขาบอก

"อะไรอีกล่ะ" ผมย้อนถามเขา

"คืนนี้คุณต้องเป็นของผมถ้าคุณไม่บอกรักผม " เขาหัวเราะเสียงดังที่ได้โอกาสแกล้งผมคืน

"ก้ได้ ก้ได้ รักก็รักวะ" ผมตอบเขากวนๆ

"อย่าวะ สิวะ " เขาพูดพลางทำหน้างอใส่ผม

"อือออ รัก"

"รักใคร?"....

"รักเรย์ "

"พูดให้ชื่นใจหน่อยสิ นะ นะ " เขาอ้อน

ผมเงียบ เสียงดังมาได้ยินข้างหูเบาๆ

" และสองข้อที่เหลิอด้วยนะ ..คนดี"

........จบ..........







Create Date : 07 มกราคม 2551
Last Update : 7 มกราคม 2551 18:11:48 น. 0 comments
Counter : 569 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Bear leader
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ทานตะวัน - ธนิศร์ ศรีกลิ่นดี

เดินๆ เล่นๆ บนผืนโลก

ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง
หลังจากหลับไหลมาแสนนาน
ฟ้ากำลังเปล่งสีส้มอ่อน
เมื่อคืนความฝันได้พาผมไป
หลากที่มากมาย..
คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด..
ผมสงสัยว่า..
ผมมีชีวิตก่อกำเหนิดขึ้นมาเพื่ออะไร??
เช้าที่แสนมหัศจรรย์ของวันนี้
ผมรู้แล้วหล่ะ
ผมเกิดมาเพื่ออะไร...
..เพื่อ...ได้รู้..ได้เห็น

[Add Bear leader's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com