same mistake.....again
Commentโดนๆ...คลิ๊กที่นี่ เธอวันนี้ฉันฝันประหลาด ในความฝันฉันได้ยินเสียงสายฝนกระทบหลังคาพร้อมความฉ่ำเย็น กลิ่นดินกลิ่นฝนยังติดจมูก จนกระทั่งบ่ายกว่าๆฉันออกจากห้องไปหาไรกินถึงรู้ว่าขณะฉันหลับใหลในห้องที่ปิดสนิทนั้น ข้างนอกฝนได้ตกลงมาจริงๆ อากาศวันนี้จึงดูแปลกไปเป็นพิเศษ เมื่อวานฉันไปเดินสีลมได้แผ่นเพลงของ jame blunt มาสืบเนื่องมาจากซาวด์แทรกจากหนังเรื่อง p.s i love you หนังยังไม่เข้าฉายบ้านเราหรอก คงเดือนหน้ากระมัง ชื่อเพลง same mistake เพลงและดนตรีมันเศร้าว่ะ ฉันฟังแล้วยังรู้สึกโหวงเหวงเลย ฉันว่านะ คนเราสักครั้งหนึ่งในชีวิต คงต้องมีเรื่องที่เราทำผิด ทำพลาดมั่งแหละว่าไหม? music vdo คล้ายๆกะทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งที่ฉันกะคนรักเคยไปเที่ยวด้วยกัน นานมาแล้วหล่ะ มันเป็นเรื่องที่สวยงามที่สุดอย่างหนึ่งของฉันที่ได้รู้จักคำว่ารักกะคนคนนั้น แต่ก็เป็นความผิดเรื่องที่พลาดอย่างมหาศาลในเวลาต่อมาเหมือนกัน ฉันคงไม่เรียกร้องหาโอกาสแก้ตัวใหม่หรอกนะ แค่เราจากกันด้วยดี มีเหตุผลของการจากลาไม่ใช่การเงียบหายไปเฉยๆ อย่างในเพลงที่บอกว่า give me reseon,but don't give me choices.... ฝนกำลังจะตั้งเค้ามาแล้วล่ะ ชีวิตใหม่ การจากลาของฤดู ความโหดร้ายเกรี้ยวกราดของสายลมอะไรต่ออะไรหลายอย่างยากเกินคาดเดา สำหรับฉันแล้ว ฉันว่าฉันพร้อมแล้วหล่ะกับเรื่องที่เคยทำพลาด และยิ้มรับมันด้วยความเต็มใจ เพราะต่อๆไป ฉันจะได้เข้มแข็งซะที https://www.youtube.com/watch?v=4yi-eJ-vL3M ลิงค์ของยูทูปเพลง same mistake ฉันโง่เรื่องแบบนี้ ทำอะไรไม่ค่อยเป็นหรอก ลองคลิกดูละกัน Same Mistake Lyrics
น 13 และ น 15
บ่ายวันที่แสนวุ่นวาย นี่แก ชั้นว่านะ อะไรกันแน่นะที่เป็นตัวขับเคลื่อนชีวิต คนรอบข้างๆเรา คนที่เรารัก คนที่รักเรา หรือตัวเรากันแน่วะ เฮ้ย มึงดูดิ คนมาจองตั๋วล่วงหน้าหนังเรื่องรักแห่งสยามเกือบสามร้อยคนต่อวัน หนังฉายที่เฮ้าส์ รอบพิเศษแบบ original สามชั่วโมงเต็ม เรากำลังสนใจกันคนละเรื่อง ประโยคคำถามกับประโยคบอกเล่ามันสวนทางกันอีห่า มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ ชั้นชักเริ่มมีอารมณ์ก็ที่มึงพร่ำบ่น อยากให้คนสนใจฟังเรื่องราวของมึงนี่ไง กำลังขับเคลื่อนชีวิตห่วยๆของมึง มันตอบ สัดเอ้ย ทำไมมันยอกย้อนได้ตรงและเจ็บแสบนักนะ แล้วมึงอยากดูอีกไหม หนังเรื่องนี้นี่ เพื่อนตัวดีถามไม่ล่ะ เรื่องบางเรื่องดูครั้งเดียวจบ หรือถ้ามันจะดีขึ้นมาอีกกว่าเดิม ก็ให้มันเป็นความงามแบบใหม่ล่ะกัน ไอ้นี่ กูว่ามึงจริงๆลแล้วนะ ไม่ใช่ตัวขับเคลื่อนให้ใครเลยนอกจากตัวมึงเอง มันด่าผม อีเพื่อนหน้าเหี้ยนั่นอ้าวเวร กูถามจริงๆเถอะว่า ก่อนที่มึงจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้คนอื่น แรงขับของมึงเพียงพอให้กับตัวเองหรือยังวะ ? เพื่อนปากกรรไกรเป็นฝ่ายเงียบบ้างอ้าว ไอ้เหี้ย สูบบุหรี่อีกแระ มันด่าผม นั่นสิ ผมติดบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะนั่นเฮ้ยมึง เฮ้ยมึง คนนั้นแม่งโคตรน่ารักเลยวะ คนน่ารักสัดๆคนนึงกำลังเดินผ่านไป เรื่องจังไร เรื่องไร้สาระ บางครั้งเรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่หรือ ที่ทำให้ชีวิตมีสีสันตะกี้ผมกะมันยังคุยเรื่องดูจะมีสาระอยู่เลยนะนั่นอีเหี้ย คนนั้นมันเป็นเกย์ กูเคยอะไรๆกะมันมาแล้วผมบอกยิ้มๆ แต่เพื่อนสาวแทบจะกรี๊ดใส่หน้าอิอิ สมน้ำหน้า จริงหรือเมิง ไง หวานป้ะ รสชาดเป็นไงเสียงถามมาแว่วๆขณะผมกำลังล่องลอย
คืนอันเป็นนิรันดร์
19 jan'08 ฉันเขียนเรื่องราวต่างๆขณะรถทัวร์กำลังฝ่าแดดและลมร้อนของปลายฤดูหนาวกลับไปสู่ที่จากมา ณ บ่ายวันหนึ่ง การเดินทางมาพักผ่อนเงียบๆที่นี่ของฉันทำให้ฉันได้รู้แล้วแหละว่าฉันได้ก้่าวผ่านวัยหนึ่งมานานแล้ว ชีวิตที่เลยครึ่งชีวิตมาพอสมควร ฉันยังจะวาดฝัน และหวังถึงสิ่งต่างๆที่เหลืออีกได้มากแค่ไหน ไหมนะ? ลมร้อนพัดเอาเศษใบต้นก้ามปูร่วงกราวขณะนั่งทานข้าวเงียบๆคนเดียว มันปลิดปลิวร่วงกราวในยามที่ลมวูบใหญ่พัดมา หัวใจของฉันบางครั้งฉันยังวิตกและกลัวเหมือนกันว่าถ้าวันหนึ่งมีอะไรสะเทือนหรือกระทบแรงๆฉันยังจะมีแรงต้านมันไหวไหม หรือสุดท้ายใจฉันต้องพ่ายกับมรสุมต่างๆที่ถาโถม ในวัยเด้กช่วงรอยต่อระหว่างเด้กกับเด้กหนุ่ม ชีวิตของฉันแคบและถูกโดดเดี่ยวมาก่อน แต่ฉันก็สนุกและมีความสุขกับสิ่งใหม่ๆแปลกๆที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิต ชีวิตที่รอการเจริญและงอกงาม ไม่น่าเชื่อความรู้สึกต่างๆนั้นกฃับหวนกลับเข้ามาอีก ต่างกันเพียงเวลาและสถานที่ ความสนุก ความสุขนั้นมันไม่เคยย้อนกลับมาเป็นเหมือนเช่นเคย ฉันกลายเป็นนักมองโลก เฝ้าดูท่ามกลางความหดหู่และทำใจ และพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าใจและเรียนรู้มัน ดอกโมกข์ ดอกราตรี ดอกไม้หอมต่างๆที่ส่งกลิ่นหอมยามค่ำคืนทักทายฉันเงียบๆขณะเดินเล่นเตร็ดเตร่กลางดึกท่ามกลางความเงียบสงบ และอึกทึกสลับสับเปลี่ยนกันไป จริงๆแล้วฉันว่าเราต่างสามารถเลือกที่จะเพลิดเพลินชั่วคราว หลงใหลชั่วครู่หรือเลือกที่จะอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก แต่ความจริงที่ต้องประจักษืคือ หลังจากนั้นล่ะเราก็ต้องกลับมาเป็นเช่นเดิม เหมือนที่ที่เราเคยเป็น หญิงสาวคนหนึ่งแอบเช็ดน้ำตาเงียบๆขณะฉันบังเอิญสบตา อะไรนะที่ทำให้เธอเศร้าหรือเหงา การจากลา หรือสูญเสียใครบางคนในชีวิตไป โลกน่าอยู่ขึ้นในยามที่เจอคนอ่อนแอหรือแย่กว่าเรา แต่ก้โหดร้ายและทรมานในยามที่เราอ่อนแอ หวั่นไหวง่ายกับทุกเรื่อง ท่ามกลางคนรอบข้าง คนสนิท คนไม่รู้จักมีความสุข มีเสียงหัวเราะเคียงข้างความเหงาเรื้อรังของใครบางคน " คนเราจะไม่มีวันตาย ตราบใดที่ใครคนหนึ่งยังรักเรา" จากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง" ตาผมเป็นต้นเชอร์รี่"ฉันว่าแท้ที่จริงแล้ว มีคนแค่หนึ่งคนที่รักเราไปจนตาย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะตายก่อนหรือตายหลัง แล้วเราอยากให้เป็นใครดีละ คนคนนั้นหรือ เป็นตัวเราเองดี? ฉันคงไม่รักใครไปได้ตลอดชีวิตหรอก แต่ฉันมั่นใจว่าจะจดจำทุกคน ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้จนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เพราะฉนั้นแล้วอย่าว่าฉันใจดำเลยนะ ถ้าฉันเลือกจะไม่รักใครเลย ในวันนั้น การค่อยๆเงียบหายไปจากชีวิตของกันและกันบางทีมันอาจจะโหดร้ายน้อยกว่าการลาจากที่ยังมากด้วยความรักและหอมหวาน ว่ายังงั้นไหม?เธอ?
เราต่างเป็นคนรัก คนเกลียดของกันและกัน
วันที่ท้องฟ้าโปร่งใส สีของฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม พลันเสียงประกาศจากกัปตันเครื่องบินกลับบอกว่า ขณะนี้จราจรทางอากาศหนาแน่น ทำให้ต้องล่าช้าต่อการลงจอด แม้แต่บนฟ้าที่ดูโล่งนั้นบางทีเรายังต้องรอ และเฝ้าคอยจริงไหม? เพื่อนนักจัดรายการคนนึง ถามว่าอยากฟังเพลงอะไรขณะกำลังจัดรายเพลงเพลงออกอากาศ เอาเข้าจริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากฟังเพลงอะไรดี ด้วยความที่เพลงที่อยากฟังมันมีเยอะเหลือเกิน ผมบอกเขาไปว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่เชียงใหม่สักอาทิตย์ เขากลับเข้าใจผิดและคงหวังดี พูดออกอากาศออกไปว่ามีใครบางคนอยากไปค้นหาและอยู่เงียบๆกับตัวเอง ทบทวนเรื่องความรักที่เพิ่งสลายลง ขอบใจแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ สำหรับความห่วงใยนั่น ใครบางคนหัวเราะ เมื่อผมบอกเขาไปว่าเมืองไทยตอนนี้อยู่ในหน้าหนาว ขณะที่กรุงเทพตอนนั้นอุณหภูมิแตะที่สี่สิบองศาของเดือนมกราคม นั่นมันทำให้ผมคิดถึงลมหนาวและฤดูกาลที่แท้จริงของมัน ดั้นด้นฝ่าของร้อนของเมืองใหญ่หาใช่สาเหตุเรื่องรักใคร่อย่างเพื่อนผู้หวังดีแนะนำหรือมันจะใช่ก็คงไม่ทั้งหมดซะทีเดียว พี่เจ้าของห้องพักบอกว่าร้านเปิดนานแล้วแต่ตัวห้องพักเพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือน มีสามห้องเอง อยู่กับแบบสบายๆ แถวๆถนนนิมานเหมิน ถนนอาร์ตๆของเมืองเชียงใหม่ ชั้นล่างที่พักเป็นร้านหนังสือดีดีหายาก อุตส่าดีใจนึกว่าให้หยิบอ่านฟรี ที่ไหนได้ต้องใช้เงินซื้อ เซ็งเลย พี่คนสวยหยิบแผ่นพับการจัดแสดงงานศิลป์ที่ชั้นสองให้ดูพร้อมรายละเอียด เฮ้อนี่พีเขาจะไม่ให้ผมก้าวย่างออกไปไหนเลยหรอกรึไงนะไฟตามร้านรวงเริ่มรอมแวม สายลมหนาวพัดมาทักทายให้รู้สึก เป็นเมื่อก่อนคงเหงา เป็นเมื่อก่อนคงอยากมีใครบางคน ร้านกาแฟร้านนั้นยังเปิดอยู่ พลันที่เปิดประตูกำลังจะก้าวเข้าไป สายตานับสิบคู่ก็เพิ่งมองผู้มาใหญ่อย่างใคร่รู้ เราต่างต้องการพื้นที่ของตัวเอง คาวมเป็นส่วนตัวแต่บางขณะเราก็ใคร่รู้ความเป็นไปของคนอื่นกลัวที่จะอยู่แบบเหงาๆ เก้าอี้ตรงข้ามยังว่าง แน่ล่ะเราคงอึดอัดที่จะมีใครบางนั่งแชร์ด้วย แต่เราเองในใจที่ภาวนาให้คนมาใหม่นั้น อย่านั่งไกลเกินไปนัก เรารักอิสระ ท่ามกลางคนแปลกหน้า ว่าไหม ???
รัก...บนสายรุ้ง ตอนจบ
ในบ่ายของฤดูหนาววันหนึ่ง ผมก็พาตัวเองมาเหยียบผืนแผ่นดินหลวงพระบางอีกครั้งหนึ่ง โรงแรมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวังของเจ้ามหาชีวิตที่นี่ตกแต่งหรูสไตล์ฝรั่งเศสและพรุ่งนี้ตอนเย็นแล้วสินะคือวันที่ผมกับเรย์นัดกันไว้ที่ดูโอโม่ของผมกับเขา " aware kotoshi no aki mo in u meri" น่าเศร้าเหลือเกิน ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ล่วงเลยไปแล้ว กลอนสั้นโบราณ ในหนังสือเรื่องบลู รอสโซ่ ที่เขาท่องให้ฟังคราวนั้นยังจำได้ไม่ลืม ค่ำคืนแรกที่หลวงพระบางเย็นสบาย ผมพาตัวเองมานั่งเล่นริมสระน้ำด้านหลังโรงแรม ฟ้าคืนนี้ดาวกรัจ่างฟ้าดูพราวระยิบพร้อมกับความสงบเงียบ มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนขับกล่อมเบาๆ แทรกมาให้ได้ยินเป็นระยะผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง ดาวดวงไหนนะที่คนรักที่จากไปได้ไปอยู่บนฟ้าโน่น เขาจะมองเห็นผมตอนนี้ไหมนะ เขาจะโกรธผมไหม ที่ผมมาที่นี่เพื่อเจอใครบางคน แต่อย่างที่เก่งบอกแหละ ความรักมันไม่ถ่ายโอนจากคนโน้นมาคนนี้ได้หรอก ความรักของผมกับกระรอกก็ยังคงจะอยู่ในใจผใเสมอไป รอพี่ก่อนนะคนดี อีกไม่นานเราคงได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน และขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาเป็นคนรักกันอีกครั้ง ภาพชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม สูงโปร่งอีกคนก็ผ่านเข้ามาในความทรงจำ เรย์คุณจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนนะ ยังจะดูอบอุ่นและใจดีเหมือนที่เราได้เจอกันเมื่อ สาม ปีที่แล้วไหมนะ ถ้าเจอกันจริงๆผมจะเอ่ยทักทายเขายังไงดีล่ะ เขายังจะจำผมได้อีกไหม ความคิดต่างๆดูฟุ้งซ่าน กว่าผมจะข่มตาหลับลงได้สนิทจริงๆ เสียงไก่ขัดชุดแรกก็ดังมาเจื้อแจ้ว ไกลๆ ท่ามกลางความเงียบสงัดและมืดมิดของรัตติกาลแรกในหลวงพระบาง ผมตื่นมาอีกทีตอนสายๆของวัน รีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปหาอะไรรองท้องกินมื้อเช้า ก่อนจะพาตัวเองไปเดินเล่นดูตลาดเช้าริมแม่น้ำโขง วิถีชีวิตผู้คนที่นี่ดูยังจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ภาพผู้หญิงนุ่งผ้าสิ้น เกล้าผมยาว พระเณรเดินบิณฑบาตรเป็นแถวยาว ดูเหมือนจะเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพากันมาที่นี่ แวะไหว้พระที่วัดเชียงทองวัดสวยแห่งหนึ่งของหลวงพระบาง ผมพยายามสอดส่ายสายตาหาเรย์ที่นี่เผื่อเจะเจอแต่ก็ไร้วี่แววท้องไส้เริ่มร้องเพราะหิว เลยเที่ยงวันมานานแล้ว แวะกินเฝ๋อร้านข้างๆทางขึ้นยอดพูสี เอาแรงไว้ก่อนปีนป่าย ยิ่งเย็นอากาศยิ่งสบาย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันอึมครึมและดูอึดอัด เหงื่อซึมทั้งตัว ความกลัว และวิตกต่างๆกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง อีกไม่กี่ชั้นก็จะถึงยอดพูสีแล้ว เสียงกระดิ่งบนยอดเจอดีย์ดังกรุ๋งกริ๋งพร้อมกลิ่นของดอกจำปาลอยมาให้ได้กลิ่นหอมเป็นระยะ ในที่สุดผมก็พาตัวเองมายืนอยู่บนยอดพูสี บนยอดเขาไม่เห็นใครเลยนอกจากแม่ค้าขายดอกไม้ธูปเทียน และหมาสีน้ำตาลแก่ๆอีกหนึ่งตัว ผมแวะเข้าไปไหว้พระพุทธรูปข้างในก่อนจะออกมายืนดูวิวข้างล่างของเมืองหลวงพระบางและแม่น้ำโขงที่ทอดตัวยาวเหมือนงูเลื้อยสีขุ่นโคลนไม่ไกล ลมเริ่มพัดแรง ฝนหลงฤดูกำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ ผมพยายามสอดส่ิองสายตาหาใครบางคนแต่ก็ว่างเปล่าไม่มีใครสักคนขณะฝนเริ่มโปรยปรายช้าๆเบาๆ เอาเถอะอย่าไปเสียใจอะไรกับมันเลยอย่างน้อยผมก็ได้มา ผมไม่ได้ลืมสัญญาถึงมันจะเป็นแค่สัญญาลมๆแล้งๆก็ตามที แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ความดดดเดี่ยวอ้างว้างนี่ใช่ไหมที่ผมต้องทำความรู้จักกับมันไปจนวันตาย เรย์คุณลืมสัญญาทีคุณสร้างมันขึ้นมาจริงๆหรือ ? ผมปล่อยให้ตัวเองเปียกฝนไปอย่างนั้น ภาพเบื้องหน้าดูเลือนลางด้วยสายฝนโปรย หนาวจนเผลอกอดตัวเองไว้แน่น "ตากฝนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก " เสียงทุ้มๆดังมาจากข้างหลังผม ไม่ไกล ถึงจะมองไม่ถนัดแต่ร่างสูงใหญ่นั่นผมจำได้ดี "เรย์" ผมเอ่ยออกไปอย่างลืมตัว พลางจ้องดูหน้าเขาชัดๆ "คุณมาจริงๆด้วย" เขายิ้มพลางดึงตัวผมเข้าไปกอดอย่างดีใจ ร่างใหญ่ที่อบอุ่นนั่น กลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นเคยหอมเจือจางมาจากตัวเขา "คุณร้องไห้นี่" เขาจ้องหน้าผมอีกครั้ง และสังเกตุเห็นคราบน้ำตาและรอยช้ำแดงของตาสองข้างของผมโดยบังเอิญ "ผมดีใจเหลือเกินที่เห็นคุณที่นี่" เขาพูด "ผมไม่เคยลืมคุณเลยนะ คิดถึงตลอดและรอวันเวลาที่จะเจอคุณที่่นี่อีกครั้ง " "แต่คุณก็มาช้า" ผมแกล้งแหย่เขา "เปล่านะ ผมแอบคุณต้งแต่ตอนที่คุณขึ้นมาแล้ว อยากแอบดูคุณก่อนสักพัก รู้ไหมผมน่ะลุ้นแทบตาย" เขาหัวเราะพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผม "หือ เอาเปรียบกันนี่" ผมตอบแบบฉุนๆ "เปล่าหรอก แค่ผมอยากพิสูจน์ว่าคุณยังคิดถึงผมอยู่ไหม และผมก็รู้แล้วหล่ะว่าคุณน่ะคิดถึงผมอยู่เสมอ " เขาหัวเราะเสียงดังพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้จนเกือบชิด " เฮ้ย ที่นี่ไม่เหมาะ" "ผมปรามเขา "แสดงว่ามีที่ที่เหมาะ?" เขาย้อนถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "คุณสบายดีนะ" ผมตัดบท "สบายมากเลยแหละ คุณล่ะ" เขาถาม ฝนหยุดโปรยแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังลับแม่น้ำโขงช้าๆ แดดส่องประกายอ่อนๆทำให้เกิดรุ้งกินน้ำสีสวยพาดโค้งขอบฟ้า นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีโอกาสได้เห็นรุ้งกินน้ำชัดๆแบบนี้เรย์กุมมือผมไว้แน่น เราสองคนเลือกที่จะเงียบและจ้องมองภาพข้างหน้าโดยปราศจากการพูดคุย แต่ถึงกระนนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนนั่นที่ถ่ายโอนมาจากเรย์ที่ยืนอยู่ข้างๆผมตอนนี้ "ขอบคุณนะครับ ต้นน้ำที่คุณรักษาสัญญาของเรา" เขาพูดเบาๆ" ความรักก็เหมือนสีของรุ้งนะคุณว่าไหม มีหลากหลายสีสันรวมกัน เหมือนสุขและทุกข์คละกันไป แต่พอรวมกันแล้ว ก็สวยงามอย่างที่เห็น"ผมบอกเขา "อืมมใช่ครับเหมือนกับสายรุ้งจริงๆ ดูสิใครจะคิดว่าฝนจะตกตอนหน้าหนาวแบบนี้ บางครั้งเราก็ต้องรอเวลาและโอกาสจังหวะที่เหมาะสม กว่าจะได้เห็นรุ้ง" "คุณจะรักผมได้หรือยัง" เรย์ถาม "กลับกันได้หรือยังค่ำแล้ว " ผมตัดบทยิ้มๆพลางก้าวเดินลงจากยอดพูสีช้าๆ "คุณยังติดค้างผมอยู่สองอย่างนะ" เรย์บอกกับผมพร้อมสีหน้างอนๆ "อะไรหรือ" "อย่างแรกผมยังไม่ได้จูบคุณ สองคุณยังไม่ได้บอกรักผม" "เฮ้ย ใครบอกว่าผมจะรักกับคุณ" ผมถามเขา "งั้นสสงสัยคุณต้องติดค้างผมอีกข้อหนึ่งแล้วหล่ะ"เขาบอก"อะไรอีกล่ะ" ผมย้อนถามเขา "คืนนี้คุณต้องเป็นของผมถ้าคุณไม่บอกรักผม " เขาหัวเราะเสียงดังที่ได้โอกาสแกล้งผมคืน "ก้ได้ ก้ได้ รักก็รักวะ" ผมตอบเขากวนๆ "อย่าวะ สิวะ " เขาพูดพลางทำหน้างอใส่ผม "อือออ รัก" "รักใคร?".... "รักเรย์ " "พูดให้ชื่นใจหน่อยสิ นะ นะ " เขาอ้อน ผมเงียบ เสียงดังมาได้ยินข้างหูเบาๆ " และสองข้อที่เหลิอด้วยนะ ..คนดี" ........จบ..........