ฤดูที่แตกต่าง..
กลุ่มเมฆตั้งเค้าเป็นก้อนหนาดำพร้อมเทกระหน่ำ ขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ร้านกาแฟของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพื่อรอใครบางคน ฝนตกและก็หยุดและกระหน่ำอยู่อย่างนี้สลับกันไป ถ้าไม่คิดว่าใครบางคนมาสายปล่อยให้รอนาน เรื่องธรรมดาของสายฝนแบบนี้ก็ทำให้เป็นเรื่องน่าสนุกได้ดีเหมือนกัน คุณเชื่อเรื่องบังเอิญหรือพรมลิขิตไหมครับ ? ผมว่าใครบางคนเกิดมาวนเวียนให้เราได้รู้จักและเจอะเจออยู่เสมอๆ เหมือนผมตอนนี้ที่รอใครบางคนที่เคยเจอเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผมกับเขารักๆเลิกๆกันมาเรื่อยๆ และผมเองที่เป็นฝ่ายไม่ยอมติดต่อเขาเองและก็มีเรื่องบังเอิญอยู่เรื่อยๆ ที่เราจะต้องเจอกันโดยบังเอิญ เช่นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่สอนให้ผมรู้จักความรักและมิตรภาพแบบนี้ก็คือ ไม่มีอะไรยั่งยืนไปกว่าการที่เราจะคบและมีความสัมพันธ์กันแบบเพื่อน เพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ไปไหนด้วยกันได้ทุกที่ กินนอนด้วยกัน ยกเว้นหลับนอนด้วยกัน สายฝนพรำๆใครคนนั้นเดินดุ่มๆเข้ามาในร้านกาแฟ พร้อมทั้งสายตาคนนับสิบในร้านที่จับจ้อง คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่เพราะคนคนนั้นหน้าตาดีกว่าดาราบางคนซะอีก นี่ผมหลงรักความหน้าตาดี สะอาด สุภาพหรือความเจ้าชู้เจ้าเสน่ห์ หรือความมีน้ำใจห่วงหาของเขากันแน่นะ ในวูบหนึ่งผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของการกอดรัดในร่างเปลื่อยเปล่าของกันและกัน รสชาดของการจูบที่ร้อนแรงนั่น และพลันคิดถึงประโยคคำถามนึงในหนังเรื่อง"พลอย " " ความรักมันมีวันหมดอายุด้วยหรือ" .... ผมว่ามันไม่มีวันหมดอายุหรอกนะ ถ้าเรารู้จักความรักจริงๆฝนข้างนอกยังโปรยปราย รู้สึกคนหน้าตาดีของผมจะยุ่งกับการรับสายโทรศัพย์จนแทบไม่มีเวลากินข้าว ดีแล้วหล่ะ ถ้าเป็นคนที่รักกันผมคงวิตกและกลุ้มในทุกๆคืนแน่นอน มีดาราดีเจของคลื่นดังคนนึงมาชอบและชวนออกเดทเขาอยู่ตอนนี้ มันคงไม่แปลกหรอกในเมื่อทุกวันนี้ มีแค่คนสองกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเลือกสรรอะไรด้ดั่งใจ คนหน้าตาดี กับคนดังเท่านั้นกระมัง.... ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลังทานข้าวกันเสร็จเรามักจะอ้อยอิ่งและมีอะไรกันก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านทุกครั้ง เซ็กส์ บางครั้งก็เป็นตัวช่วยและกระชับให้ความสัมพันธ์เราแน่นแฟ้นและชัดเจนขึ้น แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้และต่อๆไป ผมก้าวลงจากรถของเขา เรื่องบังเอิญอีกอย่างคือ บ้านเราอยู่ใกล้กัน ข้อความของผมถูกส่งไปและถูกส่งเข้ามาในไม่นาน นั่นมันทำให้ผมยิ้มและมีความสุขใจอย่างประหลาด อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ใช่ผมที่คิดไปฝ่ายเดียว " Sure...Alway alway" ...นี่คือข้อความที่ผมได้กลับกลับมาจากเขาคนนั้น ปล..เรื่องพม่าว่างๆจะเอามาลงให้อ่านนะพี่น้อง..
สะพายเป้...ไปเหล่พม่า
Dusit inya lake เป็นโรงแรมค่อนข้างหรู ที่นี่ด้านหลังโรงแรมเป็นทะเลสาปอินยา กว้างสุดสายตาด้านตรงข้ามโรงแรมเป้นหมู่บ้าน สงสัยวันนี้มีงานบุญที่วัด เสียงพูดประกาศใส่ลำโพงดังแว่วมาได้ยินชัดเจน ทำให้คิดถึงบรรยากาศของงานบุญตามต่างจังหวัดของบ้านเรา หลังจากนอนพักเอาแรงได้สักสองงีบผมก็จัดแจงแต่งตัวออกไปสำรวจบ้านเมืองในย่างกุ้งกันสักหน่อยแล้ว ผมเลือกจะเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางซึ่งพนักงานของโรงแรมบอกให้เราเดินออกไปรอรถที่หน้าถนนใหญ่ซึ่งห่างจากโรงแรมประมาณ 400 เมตรค่ารถตกคนละ 100 จั๊ตคิดเป็นเงินไทยราวๆ 3 บาท เท่ากับราคาค่ารถของ ขสมกบ้านเราเมือ 6-7 ปีที่แล้ว "what you look?" ชายพม่าในชุดทหารสีเขียวถามผมหน้าตาดุดันขณะผมใช้สายตาสอสดส่องเข้าไปข้างในนั้น ขณะเดินจะไปขึ้นรถโดยสารประจำทางผมรู้ที่นี่ทหารปกครองประเทศกะอีแค่ผมใช้สายตาสอดส่องด้วยความสงสัยใคร่รู้แค่นี้ทำไมต้องเสียงดุใส่กันขนาดนี้ด้วยหว่า รถโดยสารเก่าๆที่โล๊ะมาจากญี่ปุ่นควบปุเลงปุเลงพาผมและผู้โดยสารแน่นรถมาถึงตัวเมืองในเวลาไม่นาน รถผ่าน people park และเจดีย์ชเวดากองที่มองเห็นได้จากไกลๆด้วยความโดดเด่นสีเหลืองทองอร่าม แต่ผมเลือกท ี่จะไปลงแถวๆสุเหร่พญา เจดีย์สวยอีกที่นึงที่ข้างในก่อนเพื่อจะหาซื้อตั๋วรถโดยสารไปมัณฑะเลย์พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ผมสะกิดชายฟนุ่มที่ยืนข้างๆพร้อมชี้มือไปยังเจดีย์สีทองข้างหน้าว่าใช่เจดีย์สุเหร่พญาหรือเปล่า เขาพยักหน้าและบอกให้เราลงรถที่ป้ายนี้ แค่เที่ยงกว่าๆทำให้ผมไม่ต้องรีบอะไรมากมาย ใช้เวลาตอนนี้เดินเล่นรอบๆเมืองก่อนดีกว่า พ่อค้าแม่ค้าร้องตะโกนโหวกเหวกเรียกร้องเชิญชวนให้เข้าไปดูไปซื้อสินค้าของตัวเอง เท่าที่สังเกตที่นี่ร้านตั้งโต๊ะเล็กๆแบบโต๊ะญี่ปุ่นตามข้างทางจะเยอะมากขายพวกชากาแฟและของทานเล่นและแทบทุกร้านคนจะเยอะซะด้วยซิเดี๋ยวต้องลองนั่งดูบ้างซะแล้ว แวะผ่านร้านข้าวเล็กๆในซอยคนนั่งกันแน่น เหมือนท้องไส้จะรู้ใจรีบร้องโกร้กกร้ากบอกว่านายจ๋าหิวข้าวแล้วนะ ทำให้ต้องตัดสินใจแวะเข้าไปเมียงมองดูว่าพอจะกินไหวหรือเปล่า ลักษณะคล้ายร้านข้าวขาหมูข้าวหมูแดงเหมือนบ้านเรา แต่น้ำซอสที่ราดนั่นสิชุ่มโชกแทบจะเป็นราดหน้า แต่เอาเถอะไหนๆก็มาแล้วลองดูหน่อยละกัน ลองเชคราคาดู จานนุงตกราวๆ 20 บาทเอง แต่พระเจ้าจอร์จ ทั้งเขียงและมือคนทำชุ่มเลอะไปด้วยเศษเนื้อและผัก ทุกอย่างหยิบจับด้วยมือก่อนที่จะเทราดด้วยซอสสีแดงบนจานข้าว ลูกมือของแกตักน้ำซุปสีคล้ำๆแถมมาให้ 1 ถ้วยใหญ่ แกยิ้มเห็นฟันสีดำและน้ำหมากสีแดงเต็มปาก แล้วนี่แกเผลอทำเศษน้ำหมากหยดลงไปในน้ำแกงด้วยหรือเปล่านะ....อึ๋ยแค่คิดก็เสียวแล้ว เพื่อนที่มาด้วยทำหน้าเหมือนจะอ้วกขณะตักข้าวคำสองคำลงในลำคอ ส่วนผมกินไปแบบพยายามลืมรสชาดของมัน จริงๆแล้วมันก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก แต่เรื่องความสะอาดแล้วมันห่างไกลกันมากผมสั่งมาอีกจาน คราวนี้เอาข้าวเปล่าๆ และไก่ทอดสับเป้นชิ้นๆ ไม่ต้องราดน้ำซอสนั่น คราวนี้พอกินได้สะดวกใจหน่อย รอดตายไปอีกหนึ่งมื้อ เชคบิลมาราคาทั้งหมด 2100 จั๊ต ผมว่ามันแพงไปนะสำหรับมื้อนี้ เพราะหลังจากนั้นผมก้ได้ลองกินอะไรที่ถูกและดีกว่า เช่นบางมื้อกับ 2-3 อย่างข้าวเปล่า2 จานผมจ่ายไปแค่ 1000 จั๊ตหรือราวๆ 30 กว่าบาทเท่านั้นเอง.. ดอกไม้สำหรับไหว้พระที่เจดีย์ชเวดากอง มุมสบายที่ทะเลสาปอินยาเลค หัวลำโพงของพม่า จอแจและอับมากๆ สุเหร่พญาเจดีย์ แถวศาลาว่าการย่างกุ้ง โปสเตอร์หนังคล้ายๆเรื่อง saving private ryan..
ทริปไปพม่าครั้งนี้ของผมถูกกำหนดและเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง บางเหตุผลเพราะเพื่อน ลางานไม่ได้ บางเหตุผลใครบางคนหายไปโดยลืมคำมั่นสัญญา จนมาลงตัวและคอนเฟิร์มแน่นอนตอนปลายเดือนแห่งความรักที่เพิ่งผ่านพ้นไปและยัง หอมหวลอบอวลรักลอยกรุ่นให้ได้กลิ่นบ้างเจืองจาง ไฟลท์ FD 3770 ออกจากกรุงเทพราวๆ 7 โมงกว่าๆอาการงัวเงียง่วงนอนกำลังเริ่ม เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลยเพราะสาละวนกับการจัดกระเป๋าเดินทาง อาการกลัวโน่นกลัวนี่ ไม่มีนั่นไม่มีนี่ เอยะแยะไปหมด สำหรับการเดินทางมาพม่าครั้งแรกของผม ลองมาย้อนอดีตสัก 50-60 ปีของเราเหมือนที่พม่าเป็นอยู่ตอนนี้ดีไหมครับ พม่าเป็นประเทศที่ใหญ่มีพื้นที่มากที่สุดใน South east asia มีพื้นที่ราวๆ หกแสนตารางกิโลเมตร สินค้าส่งออกที่สำคัญคือไม้และอัญมณีพวกพลอยและไพลินรวมทั้งหยกต่างๆ ชายแดนมีทั้งติดไทย ลาว จีน อินเดีย ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ หลายภาษา แต่ สำหรับผมแล้วผมว่าคนพม่ามีเค้าโครงหน้าและวัฒธรมมาจากอินเดียเยอะพอสมควรมากกว่าไทยเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงคู่รักคู่แค้นกันมาในอดีตก่อนๆ เครื่องบินใช้เวลาเดินทางราวๆ 1.30 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบินของย่างกุ้งชื่อ มินกะลาดง อาคาร สูงสองชั้นข้างในตกแต่งแบบเรียบๆแต่ดูสะอาดตาดี เจ้าหน้าที่ไม่ซักถามอะไรมากนักนอกจากเปิด ดูพาสปอร์ตและประทับตราลงไป ไม่ยักกะเคร่งครัดเหมือนที่คิดไว้แฮะ ไกด์บุ้คเล่มหนึ่งบอกเอาไว้ว่าจากสนามบินไปในตัวเมืองเขาจ่ายค่าแท็กซี่แค่ 3 เหรียญเองแต่คราวนี้ผมกลับต้องจ่ายถึงเท่าตัว "โอ้ย ยูนั่นมัน 2-3 ปีที่แล้วนะ" คนขับแท๊กซี่บอกขณะต่อรองราคาหรือเป็นเพราะเขาเห็นผมพักโรงแรมหรู 5 ดาวก็เป็นได้ทริปนี้ของผมดีหน่อย โรงแรมที่พักในย่างกุ้งคือ ดุสิต อินยาเลค ใช้เวลาเดินทางราวๆ 15 นาทีเองเป็นโรงแรมในเครือของดุสิตธานีที่กรุงเทพ หรูหราไม่เบาทีเดียวแหละแต่สำหรับ มัณฑะเลย์ พุกามและทะเลสาปอินเลแล้ว ผมคงต้องพักเกสเฮาท์ถูกๆแล้วหล่ะ งบมีไม่มากมายพอหรูได้ตลอดทริป คนขับแท็กซี่มาพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่พูดอังกฤษเก่งกว่าเพื่อที่จะขายอะไรต่อมิอะไรให้ผม สองข้างทางที่ผ่านจะเห็นคนพม่าชายหญิงหิ้วปิ่นโตไปทำงานหรือไปโรงเรียนด้วย เวลาที่นี่ช้ากว่าเมืองไทย30 นาที อากาศปลายเดือนกุมภาพันธ์ร้อนนิดหหน่อยแต่ไม่ชื้นเหมือนบ้านเรา ทำให้ไม่ค่อยเหนอะหนะตัวเท่าไหร่นัก ผมขอเบอร์โทรติดต่อกับคนขับแท็กซี่นั้นแต่เขาอ้างว่าจะไปธุระตอนบ่ายคงไม่สะดวกในออฟฟิศเท่าไหร่ ราคาที่ตกลงกันไว้พรุ่งนี้สำหรับไป-กลับ ย้างกุ้ง-บาโกที่มีพรนอนองค์ใหญ่ 40เหรียญมันค่อนข้างเยอะ บางทีผมอาจจะจะได้ราคาถูกกว่านี้ก็เป็นได้ ราคาแลกเปลี่ยนเงินตราที่ได้วันนี้คือ 1 ยูเอสเท่ากับ 1200 จั๊ตและอาจจะถูกลงมาบ้างถ้าเป็นธนบัตร ใบเล็กๆอย่าง1,5,10,20 เหรียญยูเอส รถญี่ปุ่นสภาพกลางเก่ากลางใหม่โละมาจากญี่ปุ่นเพื่อใช้เป็นรถโดยสารสาธารณะที่ย่างกุ้ง ซิตี้ฮอลล์ แถวๆสุเหร่พญา สถาปัติยกรรมแบบไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ แม่ค้าขายมะละกอแถวๆศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง ทะเลสาป อินยาเลคด้านหลังโรงแรมที่พัก สระว่ายน้ำโรงแรม หรูดี
สวัสดีห้วงเวลาดีดีของชีวิต
... `สวัสดีห้วงเวลาดีดีของชีวิต" ฉันควรจะกล่าวอย่างนี้เวลารู้สึกดีดีกับตัวเองใช่ไหม? ทั้งๆที่ในความเป็นจริง มันกลับเป็นช่วงว้าวุ่นและอ่อนล้าในใจตัวเองมากมายต่างหาก แต่ห้วงเวลาดีๆแบบนี้แหละที่รู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งและพร้อมจะอยู่คนเดียวได้.. ห้องที่คุ้นเคยและอบอุ่นของฉันนั่นล่ะเป็นไงมั่ง ? แกจะคิดถึงอย่างที่ฉันคิดถึงแกไหมนะ? ในความเป็ฯจริงแล้ว ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันจะหยุดรอนแรมและกลับไปเอนกายอย่างสบายตัวกับแกได้อีกเมื่อไหร่... วันนี้ฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันลอยตัวอยู่กลางท้องทะเลสีคราม กับทรายหาดบางตาผู้คน มันอาจจะสนุกกว่านี้ถ้าไม่ใช่เป็นการมาทำงานแทนที่จะเป็นการพักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น... ห้วงเวลาดีดีของชีวิต ฉันอยากจะเรียกและใช้คำนี้บ่อยๆกับตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แกก็ไม่ต่างจากตัวฉันสักเท่าไหร่หรอกที่รอนแรมไปเรื่อย เอาแน่นอนอะไรมากไม่ได้นัก.. อากาศยามเย็นของวันฉันหลบความวุ่นวายมาแหวกวว่ายเล่นน้ำทะเลพร้อมขีดเขียนเรื่องราวต่างๆ เฮ้อ ฉันมีเวลาเป็นตัวของตัวเองสักที และแกก็แว้บเข้ามาทักทายฉันเบาๆแกหอบเอาความเหงามาด้วยทำไมนะ? ฉันเข้าใจและรู้สึกนั่นอย่างมั่นใจ ฉันได้ถามคนรักเก่าคนนึงของฉัน ในวันที่เขาพยายามชวนฉันไปเจอและนั่งดื่มกาแฟกันกี่ปีแล้วนะ จะ 2 ปีแล้วกระมัง กว่าฉันจะผ่านห้วงเวลาเลวร้ายของขีวิตผ่านไปได้แต่จู่ๆคนที่ทำให้เรื่องต่างๆเลวร้ายก็กลับเข้ามา ฉันอดถามกลับไปไม่ได้ว่าการกลับเข้ามาในชีวิตของกันและกันอีกครั้ง มันจะเป็นการสร้างเรื่องดีดีและหรือเลวร้ายอีกครั้งหนึ่ง ถ้าการกินกาแฟเฉยๆ อาจเพราะไม่มีใครให้นั่งด้วย ความเหงาและคิดถึงวันเก่าๆหรืออะไรช่วยบอกที ฉันจะได้ปรับสถานะของตัวเองได้ "ก็แค่นั่งกินกาแฟ" ......เขาบอกฉันคิดมากเกินไปหรือเขาเองที่ทำทุกอย่างให้มันง่ายจนเหมือนไม่มีความหมายของชีวิตกันแน่นะ ..แต่เธอจ๊ะ การรอคอยห้วงเวลาดีดีของชีวิตกว่ามันจะผ่านเข้ามาแต่ละทีช่างแสนนานและยากเย็นเต็มที ฉันรู้ซึ้งและเพีบงพอแล้วกับความเสียใจที่เคยเกิดขึ้น ถ้าคำถามง่ายๆกลับได้คำตอบที่เป็นเพียงฝุ่นอากาศจับต้องและรู้สึกอะไรไม่ได้อย่างนี้ บางทีฉันว่า แค่น้ำเปล่าเย็นๆก็ทำให้ฉันชื่นฉ่ำหัวใจแล้วล่ะ ..เธอว่าไหม คนดี......
หมดเวลาให้หัวใจไปรักใคร
ผมใช้เวลาตอนสายๆของวันจมเจ่าอยู่ที่สนามบิน การเดินทางตลอดทำให้ผมแทบจะไม่มีเวลาที่จะใช้ร่วมกับใคร ไม่ว่าการเดินช้อปปิ้ง กินข้าว หรือดูหนัง แต่สิ่งที่ได้มาคือการได้อยู่กับตัวเองและมีเวลาตอบคำถามตัวเองว่าเรามีความสุขหรือพอใจกับตัวเองตอนนี้ แค่ไหน ฝนโปรยปรายมาอีกแล้ว อุตส่าดีใจกับแดดลมตอนเช้าได้ไม่นาน เครื่องบินโดยสารใกล้ออกเดินทางแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงผมคงไปยืนเคว้งอยู่ในที่แปลกตา แปลกถิ่นอีกครั้งนึง ตั้งแต่คราวโน้นจบลง ผมก็เลือกที่จะใช้วิธีเดินทางบำบัดความเหงาและความทรงจำเลวร้ายนั่นให้กับตัวเอง จนเพื่อนฝูงสังเกตเห็นความผิดปกตินั่น แต่ไม่ใช่เพราะใครคนนั้นอย่างเดียวหรอกนะที่ผมเลือกจะจากไกล แต่เพราะความห่างไกลนั้นสอนให้ผมรู้จักความคิดถึงและห่วงหามากขึ้นต่างหาก.. ใครอีกคนเข้ามาในชีวิตสอนและบอกให้ผมเรียนรู้ที่จะรักใครอีกคน อีกครั้ง นอกจากรักตัวเองเหมือนที่เคยเป็นมา แปลกนะที่ผมไม่เคยคาดหวังอะไรกับรักครั้งนี้ แตารักครั้งนี้ก็ยืนยาวและไปได้ดีกว่าทุกครั้ง เราเจอกันไม่บ่อย บอกรักหรือคำหวานๆไม่กี่ครั้งในรอบปี แต่ผมก็เชื่อว่าเราต่างรักกันและกัน ข้อความจาก เอสเอ็มเอส ดังขึ้นจากเบอร์ที่คุ้นเคย "ทางที่แสนไกลมันคงทำให้เราคิดถึงกัน แต่ทางที่แสนไกล ไม่อาจปิดกั้นใจของฉันที่มีให้เธอคนนี้ตลอดไป "ล อากาศหนาวจริงๆหรือเพราะอารมณ์มันหนาวไปกับสายฝนที่พรั่งพรูภายนอกจนขาวโพลนหรือเปล่าไม่แน่ใจ ผมเลือกที่ไม่โทรบอกใครคนนั้น เจ้าหน้าที่ประกาศให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ขณะเครื่องบินลำใหญ่กำลังทยานขึ้นเหนือพื้นรันเวย์ บนฟ้าสูงสุดกลับแดดจ้าสดใส ขอบคุณอะไรดีนะ ความเหงา ความห่างไกล หรือความสัมพันธ์บางๆแต่อบอุ่นนั่นที่ทำให้เราคิดถึงกันและอุ่นใจทุกครั้งกับคำหวานๆซึ้งๆ มันอาจไม่ใช่ความรักยืนยาวอะไร หรือิอาจจะเป็นแค่ความเหงาหรือไม่มีใครในตอนนี้ ที่ทำให้เรารู้สึกดีต่อกัน แต่การได้คิดถึงกันและกันในวันที่เหงาๆก็ทำให้ผมยิ้มได้...