เดิน เดิน เล่น เล่น บนพื้นโลก
 
 

Beginning of the end..





ฟ้าข้างนอกส่งเสียงคำรามระงม ความมืดแผ่คลุมห้องที่คุ้นเคยนั้นให้ดูทึบเทาลงไปอีก
เพราะเสียงคำรามนั่นที่ทำให้ผมตื่นจากความเหนื่อยล้าทั้งวันตอนบ่าย ความรู้สึกช่างพิลึกซะจริงๆ กล้ำกึ่งระหว่างความเหงากับเงียบสงบ ฝนเทจั๊กๆลงแบไม่ลืมหูลืมตา ที่ที่รู้สึกเหงาที่สุดกลับกลายเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้
ทุกคนต่างมีความกลัว ขึ้นอยู่ว่าเราจะซ่อนความกลัวนั้นไว้ในที่มิดชิดได้มากน้อยแค่ไหนในแต่ละคน
ความกลัวบางครั้งก็ทำให้เรามีพลัง แต่บางครั้งก็ทำให้เราท้อ
ผมกลัวอะไรน่ะหรือ..?? อืมมเยอะแยะ
อย่างแรกเลยคงกลัวเบื่อมั้ง ....เบื่อการใช้ชีวิตและการมีลมหายใจโดยไร้ความสุขในแต่ละวัน...
ใครที่เคยเจอและพานพบกับห้วงเวลานั้นคงรับรู้และรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนั้นดี...
เราจะเห็นแต่ท้องฟ้าสีหม่น ผู้คนเหมือนเศษฝุ่นที่ล่องลอย แถมบางครั้งยังเคืองนัยตาเราอีกต่างหาก...
เมื่อวานไปทานกาแฟกับคนรักคนแรก ความรักที่แปลกในชีวิตและเขาคนนั้นเองที่มอบความเบื่อและหน่ายชีวิตให้ในครั้งนั้น...
6 ปีแล้ว สิ ที่เคยรัก 3 ปีแล้วสิที่ไม่เจอ จนวันนึงวันที่หัวใจหยุดร้องไห้ การกลับมาเจอกันอีกครั้ง จึงเหลือแค่ความหลังและความขมขื่นจางๆ
เอาเข้าจริงๆเราก้ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าเรารักเขาเพราะอะไร เขาไม่อ้วนลงพุงแบบนี้ หัวเถิกแบบนี้ ฟันเหลืองเพราะสูบบุหรี่จัดแบบนี้ใช่หรือเปล่า?
......??.....
ฝนข้างนอกยังคงตกต่อเนื่อง ฟ้ามืดจนมองอะไรไม่เห็น ห้องที่รู้สึกปลอดภัยกลับทำให้ตอนนี้รู้สึกเศร้าอย่างน่าประหลาด
คงไม่ใช่เรื่องละอายมากนักใช่ไหม ที่ผมจะนอนร้องไห้ในวันฝนตก เพราะอย่างน้อยการร้องไห้อาจจะทำให้เราเบื่อชีวิตน้อยลงก็ได้




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 22 กรกฎาคม 2550 0:28:59 น.   
Counter : 665 Pageviews.  


หยดน้ำในทะเล





ทะเลสีขาวหม่นถูกปกคลุมด้วยใยฝนบางๆ

ลมอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสมานั่ง

ปล่อยอารมณ์เหงาๆริมทะเลสีขุ่นในวันที่

แสนวุ่นวายเช่นนี้

กระชังเลี้ยงปลาลอยเคว้งถูกแกว่งไกว วาบ

ไหวไปมาตามแรงของลมพัด พอๆกับนกกิน

ปลาที่คอยโฉบเฉี่ยวอาศัยทีเผลอคอยล่าเหยื่อ

ปลาโง่ๆบางตัวในกระชัง

โต๊ะตัวเก่าตัวนั้นที่เคยนั่งเมื่อหลายปีก่อน ถูก

ปล่อยไว้เหงาๆ เดียวดายท่ามกลางความเปียก

แฉะของเม็ดฝน

เวลาที่เปลี่ยนไปไม่ได้ทำให้อะไรที่นี่เปลี่ยนไป

มากนัก

เรือขนสินค้าขนาดใหญ่กำลังแล่นออกจากฝั่ง

เรื่อยๆ เอื่อยๆ เรื่องเล่าขานของนกไร้ขาที่ต้องบิน

ตลอดชีวิต..

คงเหมือนเรือบรรทุกลำใหญ่กระมัง ที่ต้องลอยลำ

อยู่ในทะเลตลอดชีวิต

ฝนเม็ดเล้กๆที่ร่วงหล่นสู่ท้องทะเลคงจะกลายกลืน

เป็นส่วนหนึ่งของน้ำทะเลไปในที่สุด

ครั้งหนึ่งมีคนเคยถามผมว่าถ้ามีน้ำเหลือเพียงหยด

เดียว จะทำยังไงให้หยดน้ำนั่นอยู่กับเราได้นาน

ที่สุด

ผมคงจะกลืนกินหยดน้ำนั้นกระมัง ให้มันหล่อหลอม

เป็นสายเลือด เป็นของเหลว เป็นของเหลือกลั่นทิ้ง

ในร่างกายแทน แทนที่จะปล่อยทิ้งลงทะเลหรือแม่น้ำ

ใหญ่..

บางครั้งคนเราก็เลือกที่จะรักตัวเอง แทนที่จะเผื่อแผ่

สิ่งนั้นให้กับคนอื่น

เหมือนหยดน้ำในทะเลหยดนั้น แทนที่มันจะไปหล่อหลอม

กับสิ่งที่ควรจะเป็น

แต่ท้ายที่สุดแล้ว น้ำหยดนั้นอยู่ที่ไหนมันก็ไม่มีวันจางหาย

หรอก ขบวนการกลั่น การระเหิดระเหยก็จะพามันกลับมา

เป็นหยดน้ำอยู่ดี

เผลอๆบางทีมันอาจจะเพิ่มเป็นหลายหยด เป็นน้ำในโอ่งใหญ๋

หรือกลายเป็นสายน้ำกว้าง...

"นั่นเรือกำลังวิ่งหรือหยุดนิ่งกันแน่?" ผมถามคนหาปลา

แถวนั้น บางครั้งทะเลก็เชี่ยวกรากจนทำให้เรือที่จอดนิ่ง กลาย

เป็นเคลื่อนไหว

ขณะเดียวกัน ทะเลที่เงียบสงบปราศจากคลื่นลม ก็ทำให้เรือที่

กำลังฝ่าคลื่นลมดูนิ่งงันเหมือนไม่มีความเคลื่อนไหว

สายตาที่สามารถมองเห็น สื่อสารได้ บางครั้งยังลวง

นับประสาอะไร กับหัวใจ ก้อนเนื้อข้างในนั้น มันจะลวงเราเล่น

บ้าง ก็อย่าไปถือสาอะไรมันนัก...

..ถ้าเรายังรักที่จะมอง..ว่าไหม??...




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 11 กรกฎาคม 2550 0:11:57 น.   
Counter : 563 Pageviews.  


เขียนถึงคนเพศเดียวกับแม่...





ในโลกนี้ถ้าจะจำแนกกลุ่มคนที่เราเจอะเจอและมีเรื่องที่จะให้มีปฎิสันพันกันด้วย ผมคงแยกได้ 3 จำพวก
1.พวกที่รักและหวังดี
2.พวกที่เฉยๆ ไม่รัก ไม่เกลียด
3.พวกที่คอยแทงข้างหลังและเอาเปรียบอยู่ตลอด
ในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา ผมพัวพันกับคนกลุ่มที่3 แบบไม่รู้ตัวเอง ถ้าเป็นการสู้รบผมคงเพลี่ยงพล้ำตั้งแต่จับอาวุธแล้วหล่ะ เพราะจริงๆแล้วโลกของผมน่าจะมีแค่จำพวกแรกและจำพวกที่สอง..
คนพวกที่ 3 เป็นผู้หญิงเพศเดียวกับแม่ผม และต้องเจอกันแทบทุกวันด้วยหน้าที่การงาน
ผมไม่เข้าใจว่า การอิจฉาริษยาเป็นนิสัยหรือสันดานอย่างหนึ่งของเพศหญิงหรือเปล่า แต่นั่นมันก็ทำให้ผมลาออกจากงานที่กำลังไปด้วยดี
คุณจะเจ็บปวดหรือเจ็บแค้นไหมถ้าวันนึงคุณมารู้ที่หลังว่าคุณถูกใส่ร้ายและใส่ไฟมาตลอด
และคำที่เราใช้เรียกผมมาตลอดคือ "มัน" โดยผู้หญิงขี้อิจฉากลุ่มหนึ่ง
"แค่นี้นะๆ มันมาแล้ว " คำที่ได้ยินเต็มสองหู ขณะผมกำลังก้าวเดินเข้ามาในห้องทำงาน
ผมไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีและสวยงามขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่เคยเอาเวลาว่างหรือเวลางานมานั่งจับผิดหรือนินทาเพื่อนร่วมงานคนอื่นโดยเฉพาะเด็กใหม่
หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย ความรู้สึกแรกคือเสียใจว่าทำไมเขาคิดได้แค่นั้นนะ ก่อนที่จะตัดสินใจลาออก ใช้เวลานั่งทบทวนตัวเองเงียบๆ ก่อนเดินออกจากที่ทำงานไปอ่านหนังสือเงียบๆคนเดียวที่ร้านกาแฟ
ฝนข้างนอกกำลังตกพรำๆ รู้สึกสบายใจยังไงไม่รู้ แต่ในส่วนลึกๆความแค้นก็แว้บๆเข้ามา
" สัพเพ ธรรมมา นาลัง อภินิเวสยา " การไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นสิ่งประเสิรฐสุด
ขอขอบคุณหนังสือธรรม และคติที่ท่องติดตัวเสมอ..
ผู้หญิงเพศเดียวกับแม่อีกคนของผม ตายขณะกลับไปเยี่ยมพ่อที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล ทุกครั้งเธอจะเลือกนานๆกลับบ้าน หรือลาไปอีกจังหวัดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเธอ
แต่วันนึงพวกเลวๆพวกนั้นก็ตามมาปลิดชีพเธอได้สำเร็จหลังจากกลับมาจากเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล
อะไรหนอที่ทำให้ผมร้องไห้นำตาคลอเมื่อเห็นบทสัมภาษณ์เธอ ขณะยังมีชีวิต
" หนูไม่กลัวหรอกที่เลือกอาชีพนี้ แค่อยากทำหน้าที่ของตัวเอง ปกป้องแผ่นดิน ตอบแทนแผ่นดินเกิดและพระเจ้าแผ่นดินที่เป็นที่รักเท่านั้นเอง"
ร่างของเธอถูกฝังตามพิธีทางศาสนา ในบ้านเกิดทางใต้
นั่นคือข่าวคราวของทหารพรานหญิงที่อาสาปกป้องแผ่นดินจากเหตุการณ์ความรุนแรงทาง 3 จังหวัดภาคใต้...
หดหุ่ รันทดกับสิ่งต่างๆเหลือเกิน
ผู้หญิงเพศแม่กลุ่มหนึ่ง วันๆเอาแต่อิจฉาริษยา กลัวแต่คนอื่นจะดีเด่นกว่าตัวของตัวเอง
กับผู้หญิงเพศแม่อีกจำนวนนึงที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเกีรยติและศักศรีย์และบุญคุณของแผ่นดินที่ต้องตอบแทน
วันนี้ผมได้ซึมซับความรู้สึกและรับรู้ข่าวสาร 2 อย่างในเวลาไร่เลี่ยกัน
ผมไม่กังวลหรอกนะว่า ผู้หญิงคนที่ตายไปเขาจะสวรรค์หรือนรก
แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่อีกกลุ่มนี่สิ เขาจะมีความสุขกับชีวิตในแต่ละวันไหมนะ??
หรือแท้ที่จริงๆแล้ว การเหยียบย่ำให้คนอื่นตกต่ำเป็นความสุขในแต่ละวันของเธอๆทั้งหลาย...
...สัพเพ ธรรมมา นาลัง อภินิเวสยา




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 6 กรกฎาคม 2550 1:01:29 น.   
Counter : 585 Pageviews.  


Can u c my love??




จะ 1 ปีแล้ว จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าไวก้ไว อะไรๆผ่านเข้ามาเยอะแยะ พอๆกับความรักที่เติบโตได้จะครบปีแล้วเช่นกัน ตอนแรกกะจะรักเล่นๆไปวันๆ แต่พอนานไปความมีกันและกันก็สร้างความสัมพันธ์ให้หยั่งรากลึกลงไปทุกที..
เราไม่มีเพลงของเรา ไม่มีที่เฉพาะ แต่ทุกคืนก่อนนอนเสียงเพลงที่ไม่เคยขอให้ร้องให้ฟังก็จะถูกขับกล่อมหรือก่อกวนก็ไม่รู้ให้ได้ฟังจนหูชากันไปข้างนึง เหอๆ
ถามว่ารักไหม? อืมมนิดหน่อย เพราะความรักส่วนหนึ่งถูกกันไว้ในห้วงลึกๆของใจ
พรุ่งนี้จะเป็นยังไง ไม่รู้..ยากจะคาดเดา
เสียงโทรศํพท์คืนนี้ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมๆกับเพลงที่ทำให้คิดถึงทะเล ทะเลที่ไม่ค่อยได้ไปซึมซับสักเท่าไหร่..
" เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ..
และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ..."
ผมเชื่อแล้วหล่ะว่า ความรักจะอยู่กับเราทุกที่ ไม่ว่า ท้องฟ้า เมฆฝน หรือทะเลสีครามนั่น..มันอาจจะจับต้องยากไปสักหน่อย แต่ยามใดที่คิดถึง เรารู้ได้ถึงรสชาดของมัน คุณว่าไหม?
...มันจะเป็นเช่นนั้นเสมอ....
แม้บางครั้งจะแอบเผลอ คิดว่ามันไม่มีอยู่จริง





 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 1 กรกฎาคม 2550 23:23:16 น.   
Counter : 535 Pageviews.  


สะพายเป้ ไปเหล่พม่า

แถวๆสุเหร่พญาจะมีตึกสีเหลืองทรงยุโรปนั่นคือ ศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง หรือ city hall บริเวณนั้นเป็นตรอกซอกซอยเยอะแยะหลังจากเดินเข้าออกตามทุกซอกซอยแล้วก็ทำให้รู้ว่าแต่ละซอยจะขายสินค้าไม่เหมือนกัน ซอยแรกที่เราเดินเป็นซอยร้านถ่ายรูปและคอมพิวเติอร์ ซอยถัดมาจะเป็นซอยขายจิวเวอรี่และเครื่องเงิน ตามทางเท้าแทบจะไม่มีทางเดิน พ่อค้าแม่ค้าวางของขายเกลื่อนไปหมด ส่วนมากจะเป็นแว่นตา กระเป๋าและโปสเตอร์ดารา รูปวิวทิวทัศน์ ต่างๆเหมือนตามต่างจังหวัดบ้านเรา
ถามคนแถวนั้นว่าจะไปหาซื้อตั๋วรถทัวร์ไปมัณฑะเลย์ ได้ที่ไหน เขาชี้ไม้ชี้มือให้ข้ามไปตึกทรงยุโรปข้างๆสุเหร่พญาเป็นสำนักงานท่องเที่ยวของพม่า แต่ขอโทษทีเถอะราคาตั๋วต่อ 1 คนตกราวๆ 18500 จั๊ตแพงใช่เล่นจากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์ใช้เวลาเดินทางโดยรถโดยสารประมาณ 8-9 ชั่วโมง ออกจากย่างกุ้ง 5 โมงเย็น ถึงโน่นราวๆ 7 โมงเช้า
ผมแวะแลกเงินนิดหน่อยด้านหลังสำนักงานท่องเที่ยวพม่า 1 เหรียญ ยูเอส ตกราวๆ 12000 จั๊ตถือว่าไม่ต่างจากที่แลกในโรงแรมเท่าไหร่นัก
ผมถามเขาว่าค่ารถไปมัณฑะเลย์เท่าไหร่ เขาบอก 15000 จั๊ต อืมมยังแพงไปสำหรับผม.
ใครๆก็รู้ว่าถูกและดี ไม่มีในโลก แต่ผมไม่อยากไม่ถูกและไม่ดีในเวลาเดียวกัน ค่อยๆเดินหาดีกว่า บางทีถูกและดีอาจจะมีอยู่จริงๆ อิอิ
สุดท้ายเราก็ซื้อได้ในราคา 10000 จั๊ต เราตกลงซื้อที่นี่ ถ้าผมเคี่ยวและใจเย็นกว่านี้ อาจจะมีที่ที่ถูกกว่านี้ แต่ไม่ไหวล่ะครับ เดินกันจนขาจะลากอยู่แล้ว
สาเหตนึงที่รอให้มันเย็นลงก่อนเพราะในเจดีย์สุเหร่พญาเราต้องถอดรองเท้าเดิน เท้าเปล่าๆ แดดร้อนๆบนพื้นกระเบื้องคงจะไม่ไหวกระมังครับผมว่า
เด็กสาวราว11 -12 ขวบชี้ไม้ชี้มือให้เราหยอดเงินลงในกล่องก่อนจะเดินเข้าไป
" Donation donation " เธอบอก ผมชะงักและล้วงกระเป๋าหยิบเงินจั๊ตออกมาราวๆ 300 จั๊ต
" No no 500 jatt "เธอบอก ฟะ! ไหนบอก Donation แล้วแต่จะทำบุญ ไหงมาบอกให้ใส่ 500 จั๊ต ทำไมล่ะ
ผมล้วงๆกำๆได้ราวๆ 350 จั๊ตลงในกล่อง เธอทำหน้าตาพอใจ พลางเชื้อเชิญให้เราเข้าไปข้างใน ตกลงสองคนเราจ่าย 350 จั๊ตเอง ขอเตือนว่าภายในสุเหร่พญาพวกที่ชวนคุย ชวนซื้อตั๋วรถ เครื่องบิน หรือจองโรงแรมมีเยอะแยะมากแม้แต่ขอเงินไทยไว้สะสมก็มี
" สะหวาดดีค้าบบ" ฃายวัยกลางคนทักทายเป็นภาษาไทยและเดินเข้ามาชวนคุย
" ผมชอบประเทศคุณมากโดยเฉพาะเงินของคุณ คุณมีให้ผมสะสมมั่งไหม? " เขาเอ่ยถามพร้อมทั้งโชว์ใบละ 20 บาทของไทยให้ดู
โห หากินง่ายขนาดนี้เชียวรึลุง
สักพักชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาแนะนำตัวเองว่าชื่อ สตีฟ มาจากรัฐฉานที่ทีผมจะไปพอดี เขาบอกว่ามาที่ย่างกุ้งเพื่อเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษเขาค่อนข้างดีทีเดียว ผิดแต่พูดเร็วและรัวไปหน่อย
"คุณต้องจองตั๋วรถ ตั๋วเครื่องบินและโรงแรมก่อนนะ" เขาบอกผม
" I can help you " เขาเสนอตัว ไม่ใช่จะมองโลกในแง่ร้ายหรอกนะ แต่ที่เขาอาสาเพราะคิดว่าเขาใจดีจริงหรือ สำหรับผมเขาก็หารายได้จากธุระกิจเหล่านี้แหละ ผมปฏิเสธเขาไปบอกว่าจองทุกอย่างหมดแล้ว เขาทำหน้าเสียและชวนผมคุยเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่อิงเงินเดือนและรายได้ของผมที่ทำ สตีฟหนุ่มพม่าดูท่าทีสนใจและถามถึงเรื่องการไปหางานทำที่กรุงเทพว่ามีทางไหนพอช่วยแนะนำให้ได้บ้าง
ผมไม่รู้จะบอกยังไง ได้แต่ยิ้มๆและจะช่วยหาลู่ทางดูให้
เฮ้อ เพราะความขัดสนและอยากมีโอกาสที่ดีทั้งนั้นไม่ว่าชนชาติไหน ก็อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเป็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะประเทศด้วยพัฒนาและปกครองด้วยทหารแบบนี้ แต่ทำยังไงได้ล่ะปัญหาแรงงานพม่าที่ทะลักเข้าไทยในทุกวันนี้ก็สร้างความปวดหัวให้กับรัฐบาลและนายจ้างหนักหนาพออยู่แล้ว ผมคงช่วยสตีฟไม่ได้จริงๆ






สุเหร่พญาเจดีย์ สวยงามมากๆ




ความงามอีกด้านของสุเหร่พญา




City hall ของ ย่างกุ้ง



ตึกสวยทรงยุโรปอีกอันนึง



รูปปั้นสิงห์ตอนโดนแดดพระอาทิตย์ยามเย็น




อาหารเช้าสบายๆที่โรงแรม



ลำแสงสุดท้ายที่ย่างกุ้ง พระอาทิตย์กำลังตกดินที่ทะเลสาปอินยา หลังโรงแรม






 

Create Date : 27 มิถุนายน 2550   
Last Update : 27 มิถุนายน 2550 23:25:02 น.   
Counter : 629 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

Bear leader
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ทานตะวัน - ธนิศร์ ศรีกลิ่นดี

เดินๆ เล่นๆ บนผืนโลก

ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง
หลังจากหลับไหลมาแสนนาน
ฟ้ากำลังเปล่งสีส้มอ่อน
เมื่อคืนความฝันได้พาผมไป
หลากที่มากมาย..
คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด..
ผมสงสัยว่า..
ผมมีชีวิตก่อกำเหนิดขึ้นมาเพื่ออะไร??
เช้าที่แสนมหัศจรรย์ของวันนี้
ผมรู้แล้วหล่ะ
ผมเกิดมาเพื่ออะไร...
..เพื่อ...ได้รู้..ได้เห็น

[Add Bear leader's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com