Group Blog
 
All Blogs
 

คิดถึงเพื่อน

คิดถึงเพื่อน

คนที่หนึ่ง นายออด ยอดเจรจา
สติปัญญาเป็นเลิศประเสริฐหลาย
คราวคับขันเพื่อนฝ่าฟันอันตราย
แก้เรื่องร้ายให้คลายดีทุกทีไป

คนที่สอง นายสันต์ นั้นใช่ชั่ว
เป็นพ่อครัวฝีมือดีจะมีไหน
^
^
^
ชอบท่องเที่ยวทุกถิ่นแผ่นดินไทย
แต่ปากไว ไม่ว่าง ช่างวิจารณ์

คนที่สาม นายแมว มีแววหล่อ
เด็กติดกรอคนแก่รักชักยุ่งหนักหนา
ทั้งนอบน้อมถ่อมตนทนทุกครา
ใครเรียกหารีบช่วยด้วยจริงใจ

คนที่สี่นายต่อ หล่อเข้าท่า
ลูกทัพฟ้าแต่รักมั่นไม่หวั่นไหว
ยอดใจเย็นไม่เห็นโกรธลงโทษใคร
รินเรื่อยไปแต่ดื่มนิดไม่คิดเมา

คนที่ห้าคือนายชันนั้นเป็นครู
เพื่อสอนอยู่ ส.ก.ดูหล่อเหลา
จากสองศูนย์ได้พบกันมันไม่เบา
โอ้เพื่อนเราคงสบายขายกับข้าว

คนที่หก นาย สิทธิ์ มีฤทธิ์มาก
ทนลำบากอยู่ทีวีไม่มีเหงา
ทั้งถ่ายกล้องเก่งกาจมาดไม่เบา
อยู่นานเข้ากำกับเวทีเพื่อนชื่นชม

ทั้งหกคนดลมาเจอเป็นเกลอแก้ว
คบกันแล้วใกล้ชิดสนิทสนม
แม้ต่างวัยต่างจิตใจไม่ปรารมภ์
ร่วมอุดมคติทำสิ่งสำราญ

ต่างรักกันแน่นเหนียวเป็นเกลียวเชือก
มิได้เลือกยศศักดิ์อัครฐาน
มิตรภาพซาบซึ้งตรึงดวงมาน
ยั่งยืนนานคงมั่นนิรันดร

แม้ต่อไปได้ดีมีความสุข
แม้ทนทุกข์เทวษร้ายสุดถ่ายถอน
แม้ห่างกันแสนไกลไม่อาทร
แม้ม้วยมรณ์ชีพลับดับชีวา

เหลือนายห่อคนเดียวอยู่เดี่ยวโด่
เดินเซโซโรครุมเร้าเอาทุกท่า
ตั้งแต้หัวถึงเท้าแสนระอา
ขอเวลาคิดถึงเพื่อนเตือนจิตเอย.




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2559    
Last Update : 14 สิงหาคม 2559 15:13:32 น.
Counter : 960 Pageviews.  

เรื่องของแมว(ใน) บ้าน

ฉากชีวิต

เรื่องของแมว(ใน)บ้าน

เพทาย


เมื่อวานเป็นวันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ไปร่วมงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษของเพื่อนคนหนึ่ง
ที่ถนนลาดหญ้า แถวคลองสาน

กลับบ้านตอนเย็นกินข้าวต้มปลาแล้ว
ก็แบ่ง เอาไปคลุกกับปลากระป๋อง ให้แมวชื่อนังหน้าดำ กินต่อ
แต่มันเลียกินได้ไม่กี่คำ ก็กินน้ำแล้วกลับไปนอนที่เก่า

นังหน้าดำนี้ เดิมเป็นแมวนอกบ้าน
ชอบมานอนบนหลังคาห้องน้ำบ้านเรา
พร้อม ๆ กับเจ้าลายเสือ

พอเจ้าลายเสือโตเต็มที่ก็เข้ามาเป็นอันธพาลในบ้าน
แย่งข้าวแมวในบ้านกิน และข่มขู่เกะกะระรานแมวตัวเมีย ๓-๔ ตัวในบ้าน
จนต้องไล่ตีกันอยู่เสมอ

นังหน้าดำเป็นแมวด่างขาวดำ
แต่มีสีดำพาดตรงหน้าผากถึงจมูก
จึงเข้ามาอาศัยกินอาหารเม็ดด้วย
และมีความเรียบร้อยรู้จักเจียมตัว
จึงได้อาศัยอยู่ในรั้วบ้านต่อมาอีกหลายปี

จนกระทั่งเจ้าลายแก่ตัวลงและหายไป
มีเพื่อนบ้านรายงานว่าไปนอนตายในบ้านเขา
นังหน้าดำจึงเป็นแมวในบ้านไปโดยปริยาย

แมวที่ไม่ได้เกิดในบ้านในขณะนั้นมีอยู่สามตัวคือ
นังสีอ่อน นังสีเทา และนังด่าง ทั้งสามตัวออกลูกมาหลายครอก
ส่วนมากตายแต่ยังเล็ก
ลูกของพวกมันที่เหลืออยู่
ซึ่งจำไม่ได้ว่าตัวไหนเป็นลูกใคร

คือ นังมอมแมม นังพุงขาว และนังกะดำ
ทั้งสามตัวไม่ชอบขี้หน้ากันและกัน
เวลากินอาหารเม็ด ต้องผลัดเปลี่ยนกันมากินที่ละตัว
แต่เมื่อนางหน้าดำมาอยู่ด้วย ก็ไม่มีตัวไหนรังเกียจ

ต่อมา นังด่างตายไปแล้ว
นังสีอ่อนกับนังสีเทา ก็กลับออกไปกินอาหารเม็ดหน้าบ้าน

เป็นแมวพเนจรตามเดิม
แล้วนังสีอ่อนก็หายไป ไม่ทราบเป็นตายร้านดี
ส่วนนังสีเทาผอมลงมาก
ขนสีน้ำตาลอ่อนเปลี่ยนเป็นค่อนข้างขาว เหมือนคนผมหงอก
แต่ก็มากินอาหารทุกเช้าเย็นที่หน้าบ้าน

ส่วนนังหน้าดำเป็นแมวสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่สุงสิงกับใคร

เวลาหิวก็มาร้องขอด้วยเสียงแหบ ๆ
จนป่วยผอมลงอย่างรวดเร็ว
เราจึงไปหาอาหารของลูกแมวนิ่ม ๆ มาให้กิน
แต่ก็ถูกนังเจ้าของบ้านสามตัวแย่งกินหมด

จึงซื้อปลากระป๋องเล็ก ๆ มีปลาสามชิ้น
มาคลุกกับข้าวต้ม ซึ่งเรากินเป็นประจำทุกมื้อมาสองปีแล้ว ให้นังหน้าดำกินแทนอาหารเม็ด
แรก ๆ มันก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย
ทำให้ดีใจว่ามันอาจจะกลับอ้วนท้วนเหมือนเดิมได้

แต่เวลาผ่านไปเป็นเดือน มันก็กินได้น้อยลง ๆ
และอ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงทุกที จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

พอวันนี้เช้าขึ้นมาก็เห็นนอนตัวแข็งอยู่ใต้เก้าอี้หน้าบ้าน
ดวงตาเบิกโพลง ขาขวาหลังเหยียดเกร็ง หมดลมหายใจเสียแล้ว
นับเป็นแมวตัวที่เท่าไรก็จำไม่ได้ที่มานอนตายให้เห็น
ตั้งแต่เกษียณอายุราชการมาร่วมยี่สิบปี

จากจำนวนแมวที่มากินอาหาร ตั้งแต่เดือนละสี่ถุง จนเพิ่มเป็นแปดถุง

จากแมวสองตัวจนเกือบจะสิบตัวแต่ก็ไม่ถึงสักที

วันนี้คงเหลืออยู่ในบ้านเพียงสามตัว

คือนังมอมแมม ซึ่งรอดมาจากคู่ของมันที่ชื่อ เลอะเทอะ อายุประมาณ ๕ ปี
นังพุงขาว ซึ่งรอดมาจากคู่ของมันที่ชื่อกะดิ่ง อายุอ่อนกว่าประมาณ ๕ เดือน
และนังกะดำที่รอดมาจากคู่ของมันที่ชื่อ กะด่าง อายุประมาณ ๔ ปี

ซึ่งเจ้าสามตัวนี้อาจอยู่ จนกลายเป็นเรา
ที่จะต้องเป็นฝ่ายจากมันไปก็ได้

ใครจะรู้.

#############

จากคุณ : เจียวต้าย Bloggang
เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 08:32:40




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2559 17:12:59 น.
Counter : 413 Pageviews.  

แมววันนี้

บันทึกของผู้เฒ่า

๑.แมววันนี้

วันนี้คือวันที่ได้อุปการะแมวมาเป็นเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว โดยไม่มีขาดตอนเลย ขณะนี้มีแมวที่อยู่ในบ้าน คือ นังพุงขาว และนังกะดำ ส่วนเจ้าสีเหลืองอยู่หลังบ้านคอยแอบมากินข้าว ที่ใส่จานไว้ให้ ถ้าเจอหน้าก็หลบไป

ข้างหน้าบ้านเดิมมี ๘-๙ ตัวเหลืออยู่ ๒ ตัว คือ นังสีส้ม กับ นังสีเทา(ใหม่) แล้วก็มี นังดุ๊กดิ๊ก กับ เจ้าสีน้ำตาล มาเพิ่ม เจ้าสีน้ำตาล เข้ามาฝากเนื้อฝากตัวอยากจะอยู่ด้วย แต่นังกะดำคอยขับไล่ อีกไม่นานมันโตชึ้นนังพวกนี้ก็ต้องถอยเอง

เมื่อเช้าออกไปใส่บาตรกลับมา เพื่อนบ้านตรงข้าม เรียกให้ดูนังดุ๊กดิ๊กออกลูกมาใหม่ ๔ ตัวไม่มีลายเลอะเทอะเลย เป็นสีส้มหมด ไม่รู้เจ้าส้มตัวไหนมาแพร่พันธุ์ ก็เลยถามเธอว่า

“แล้วจะจำได้ยังไงว่าตัวไหนเป็นตั้วไหนครับ”

เธอว่า “ดูที่สีปลอกคอเอาค่ะ”

ก็เลยบอกเธอไปว่า

“ถ้าโตแล้วปล่อยมาวิ่งเล่นหน้าบ้านผมบ้างนะครับ”

ผมจะได้มีเพื่อนต่อไปอีกนาน ๆ ไงครับ.


๒.แมวหน้าบ้าน

เมื่อผมมีแมวในบ้านสามตัว คือ นังมอมแมม นังพุงขาว และ นังกะดำ ก็มีแมวที่มาอาศัยกินอาหารเม็ดหน้าบ้านเกือบสิบตัว ส่วนใหญ่เป็นสีส้ม ต่อมาก็ค่อย ๆ หายไป จนเหลือสองตัว ซึ่งผมเรียกเองว่า นังสีส้ม กับนังสีเทา ต่อมาจึงมีเพิ่มอีกตัวหนึ่ง เรียกว่า นังดุ๊ดดิ๊ก เพราะชอบสะบัดหางไปมาอย่างเร็ว

ทั้งสามตัวมีปลอกคอ แต่สองตัวแรกไม่ยอมนอนในบ้าน ชอบอาศัยนอนบนหลังคารถเก๋งของบ้านอื่นที่เขามาจอดหน้าบ้านผม ส่วนเจ้าดุ๊กดิ๊กเป็นที่รักของเจ้าของ อุ้มชู แบกบ่า เลยไม่ค่อยออกมากินข้างนอก

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเพิ่มมาอีกตัวหนึ่งสีน้ำตาล ตัวเล็กนิดเดียว ตอนแรกมาหมอบอยู่ห่าง ๆ ท่าทางหวาดกลัวเจ้าของถิ่นและกลัวผมด้วย เข้าใกล้ไม่ได้ เมื่อเช้านี้เกิดใจกล้าเข้ามาเคล้าแข็งเคล้าขา คงจะได้กลิ่นความเมตตาของผมแล้ว แต่กินอาหารเม็ดไม่ค่อยได้ จึงเอาอาหารเละ ๆ ในซองที่เขาแถมมาเปิดเทให้กิน ก็กินด้วยความเอร็ดอร่อย น่าชื่นใจ

ผมเอามือลบตัวลูบหลังมัน แล้วก็บอกว่า อยู่เป็นเพื่อนกันไปนาน ๆ นะ

แล้วผมจึงคิดขึ้นมาได้ว่า ในโลกนี้ยังมีคนและสัตว์ ที่ต้องการความเมตตาอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ชีวิตของผมที่จะอยู่ยืนยาวต่อไปแค่ไหนก็ตาม ผมจะอยู่เพื่อช่วยเหลือ สัตว์โลกผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ให้มากที่สุด ด้วยความเมตตา โดยไม่มีข้อแม้ใดใด เท่าที่จะสามารถช่วยได้

และจะไม่เบื่อหน่ายชีวิต ที่เสื่อมโทรมลงตามลำดับ เป็นอันขาด..




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2558 5:23:34 น.
Counter : 826 Pageviews.  

บันทึกถึงแมว

บันทึกถึงแมว

วันนี้ ๓๐มิ.ย.๕๖ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิตของแมวในบ้านเรา เพราะแมวชื่อ นังมอมแมม ได้ตายลงหลังจากที่ได้มาเกิดในบ้านตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๒๕๔๗ หรือ ๒๕๔๘ จำไม่ได้ และค้นหาหลักฐานไม่พบ จึงต้องบันทึกใหม่ ไว้เป็นที่ระลึกถึงแมว ตัวที่อยู่ด้วยกันนานที่สุด และรักมากที่สุดด้วย

ปัจจุบันเหลือแมวในบ้านอยู่สามตัว คือ นังมอมแมมแกกว่าเพื่อน นังพุงขาว เกิดทีหลังจากนางมอมแมมประมาณ ๖ เดือน นางกะดำ เกิดทีหลังนางพุงขาวประมาน ๖ เดือน ทั้งสามตัวไม่ใคร่ถูกกันนัก แต่ก็ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง แม้จะกินอาหารด้วยกันไม่ได้ แต่ก็รู้จักรอคิว ไม่ไล่ตัวที่กินก่อน หรือแย่งกันกิน ทั้งสามตัวจะเข้ามานอนในห้องรับแขกตั้งแต่เช้าเมื่อเปิดประตู แล้วก็จะถูกจับโยนออกไปนอกห้องรับแขก เมื่อจะปิดประตูนอน

แต่บางวันก็จะถูกไล่ออกไป ตามอารมณ์ของเจ้าของบ้าน มีเรากับลูกชายที่ไม่ค่อยจะไล่ เว้นแต่จะแอบเข้าไปในห้องอื่นข้างห้องรับแขก หรือขึ้นบันไดไปชั้นบน เท่านั้น

เราอยู่กันมาตั้งแต่เจ้าตัวอื่น ตายไปหมดแล้ว เมื่อปีใดก็จำไม่ได้อีก ต้องไปเปิดเรื่องที่เกี่ยวกับแมวอ่านทีละเรื่องก่อนแต่ต้องกว่า ๕ ปีแน่

ในสามตัวสุดท้ายนี้ ผมรักนังมอมแมมมากกว่าเพื่อน เพราะมันทึกทักว่า มันเป็นเจ้าของผม เวลาผมนั่งพักผ่อนไม่ว่าในบ้านหรือนอกบ้านให้มันเห็น มันจะต้องกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก นอนเล่นเฉย ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะนอนให้หลับ ถ้าเอานิ้วเกาหัวมัน ก็จะชอบใจมากขึ้น ถ้ามีตัวอื่นมานั่งตักผม มันก็จะโดดขึ้นมาแทรกจนเจ้าตัวนั้นต้องหนีไป ต่อมาก็เลยไม่มีตัวไหนขึ้นมานอนอีก ผมก็เลยต้องเป็นของมันตัวเดียวจริง ๆ

มันเป็นแมวกินจุ และกินอาหารเหลือจากจานของผมแทบทุกอย่าง จนบางครั้งผมต้องเหลือไว้ใหมันโดยเจตนา ก่อนจะหมดเกลี้ยงแม้แต่อาหารที่ผมเคี้ยวแล้ว มีก้างหรือมีกระดูกที่ผมต้องคาย ผมก็คายไปทั้งคำ มันก็ยังกิน ตกลงมันติดผมหรือผมติดมันก็ไม่รู้

นังพุงขาวนั้นเป็นแมวซื่อ(บื้อ) ทำอะไรผิดกติกาเช่นขึ้นบันไดไปชั้นบน ถุกจับได้ก็ยอมให้อุ้มโดยดี ถูกตีก็ไม่ตะเกียกตะกานหนี ยอมรับโทษทัณฑ์ ทำให้น่าสงสาร ตรงข้ามกับ เจ้ากะดำ ซึ่งทำผิดแล้วจับได้จะหนีสุดชีวิต จับตัวได้ก็ดิ้นรน ไม่ยอมรับโทษ แล้วพอเผลอก็ทำอย่างนั้นอีก และหน้าไหว้หลังหลอก ถ้ามีคนอยู่ด้วยจะนอนเงียบ พอคนไม่อยู่ก็ใช้วิชามาร เอาตีนแคะประตูเอง เพื่อทำผิดอย่างเคย

นังมอมแมม ท่าทางหงอย ๆ และไม่ค่อยเห็นหน้ามา ๒-๓ วัน แล้วก็นอนป่วยให้เห็นเมื่อวานตอนเช้านี้เอง มันนอนเงียบอยู่ในมุมมืด ๆ พอเราดูอาการและลูบคลำตัว มันก็จะร้องเสียงแหบ ๆ แต่ลูกขึ้นไม่ไหว เราไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร จึงยังไม่พาไปหาหมอ ได้แต่อุ้มออกมาวางให้นอนในที่สว่างหลังบ้าน เพราะกลัวมดจะเข้าไปกัด เวลามืดค่ำ

ปรากฏว่าคอและเนื้อตัวก็กระดิกไม่ได้เสียแล้ว ได้แต่นอนอ้าปากหอบ

วันนี้ผมไปดูมันครั้งแรกตอนเช้ามืด ก่อนจะออกไปใส่บาตรประจำสัปดาห์ แต่โชคไม่ดีไม่มีพระเหลืออยู่ในสวนอ้อยเลย พอกินอาหารเช้าแล้วก็ไปดูมันครั้ง

สุดท้ายเมื่อเวลาประมาณ แปดโมงเศษ เอามือวางลงบนหน้าอกมัน และสวดมนต์บทที่สวดทุกคืนในใจ พอถึงบทแผ่เมตตาและกราดน้ำ จึงออกเสียงให้ตนเองได้ยิน

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแกกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้ทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกานสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ.

พอถึงเวลาประมาณ ๐๘.๔๕ น. ไปดูอีกที นังมอมแมมก็สิ้นลมหายใจเสียแล้ว

ผมเอามือไปแตะตัวมัน แล้วก็อธิฐานขอให้มัน ไปสู่สุคติ ถ้าไปเกิดใหม่ก็ขอให้อยู่ในสถานภาพที่ดีกว่านี้

ผมคงจะคิดถึงมันไปจนกว่าจะถึงเวลาของผมบ้าง.

##########.




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2558 5:54:25 น.
Counter : 1133 Pageviews.  

รักที่เหลืออยู่

เรื่องสั้น

รักที่เหลืออยู่

ท่ามกลางความอีกทุกครึกโครม จากบรรยากาศรอย ๆ ตัว ทั้งเสียงยานยนต์ชนิดต่าง ๆ บนท้องถนน เสียงจ้อกแจ้กจอแจ ของผู้คนที่เดินสวนกันไปมาอย่างไม่ขาดสาย บนทางเท้า ริมถนนสายสำคัญชองกรุงเทพ อันเป็นย่านที่พำนักอาศัยของคนต่างด้าว ที่เดินทางมาจากแผ่นดินใหญ่ ในอดีต ซึ่งบัดนี้ได้เป็นเจ้าของกิจการร้านค้าเกือบทั้งหมดใน ถนนสายนั้น ในนามของคนไทยเชื้อสายจีน

คงมีแต่เขาผู้เดียว ที่ยืนแนบแอบข้างเสาไฟฟ้าใกล้ป้ายรถเมล์ แห่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกะกีดขวางการสัญจรไปมาของผู้คน ที่หลบหลีกกันไม่ให้ล้ำเข้าไปเหยียบ ผู้ค้าขายที่ตั้งโต๊ะเตี้ย ๆ หรือปูผ้า วางสินค้าจิปาถะขายอยู่ทางด้านหน้าห้องแถว หรือด้านขอบถนนก็ตาม

เขาเฝ้ามองดูฝูงชนรอบ ๆ กาย อย่างตื่น ๆ และงุนงงราวกับว่า ไม่เคยได้ประสบพบเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนเลย หรือไม่ได้พบเห็นมานานแสนนาน ในวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า เป็นเวลาเท่าไรแล้วก็จำไม่ได้

ในกลุ่มคนเหล่านั้น มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุคงยังไม่ถึง ๑๐ ขวบ ในเครื่องแต่งกายขะมุกขะมอมทั้งเสื้อผ้า หน้าตา และเผ้าผม เดินจากทางขวามือของเขา ผ่านเข้ามาใกล้ โดยตลอดระยะทางนั้น เธอก็แบมือขอเงินมาตลอด ผู้ที่สวนทางกับเธอบางคนก็ควักเศษเหรียญให้ อย่างเสียไม่ได้ หรือเพราะซื้อความรำคาญ แต่ส่วนมากของผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ที่แต่งกายสวยงามตามสมัย มักจะเดินหนีอย่างรังเกียจ

เด็กน้อยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตากลมดำที่ดูแสนซื่อนั้น มีแวววิงวอนขอความเห็นใจ ที่กระทบความรู้สึกของเขาอย่างจัง เขาควานมือลงไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเหรียญห้าบาทอันหนึ่ง ออกมาส่งให้อย่างไม่สนใจใยดี ว่าจะมีคำขอบคุณหรืออวยชัยให้พร เหมือนสมัยก่อนหรือไม่

แล้วเด็กหญิงผู้นั้นก็ผละจากเขาไป เมื่อมีหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่ยกมือขึ้นพนมตามความเคยชิน เหรียญอันหนึ่งในจำนวนหลายอัน ก็หล่นจากอุ้งมือลงบนทางเท้า แล้วก็กลิ้งหลุน ๆ ไปตามพื้นกระเบื้องที่ปูเรียงไว้เป็นร่องสี่เหลี่ยม ในขณะที่หญิงสาวกลุ่มนั้นรีบสาวเท้าก้าวเดินต่อไปอย่างโล่งอก

หนูน้อยลงนั่งยอง ๆ กวาดสายตา มองหาเหรียญอันนั้นด้วยความเสียดาย ท่ามกลางรองเท้าหลายสิบคู่ที่ย่ำสวนกันไปมา ระหว่างเงามืดจากร่างของคนเหล่านั้น สลับสับสนไปทั่วบริเวณ

อาจจะเป็นเหรียญ บาทสองบาทที่กำรวม ๆ กันอยู่ในมือ หรือเหรียญห้าบาทที่เขาให้ไปเมื่อกี้ก็ได้ เขานึกอย่างสมเพท มันอาจไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง แต่สำหรับเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ ใครจะรู้ มันอาจหมายถึงส่วนหนึ่งที่จะเป็นอาหารมื้อเช้า สำหรับเธอ หรือแม่ของเธอที่อยู่ทางบ้านก็ได้ เขาอยากจะช่วยเหลือหรือชดใช้ให้ใหม่ ซึ่งเธอคงจะดีใจมาก แต่เขาคงจะทำได้แค่คิดเท่านั้น สำหรับเดี๋ยวนี้ แม้เขาจะสงสารเด็กน้อยนั้น และอยากจะช่วยเหลือสัก
เพียงใด เขาก็ได้แต่ภาวนาให้เธอหาเหรียญอันนั้น พบเสียโดยเร็ว เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวเขา ก็มีเพียงเหรียญอันที่ให้เธอไปแล้วเท่านั้นเอง

เด็กน้อยยังไม่ละความพยายาม เธอขยับตัวลงคลาน สอดส่ายตาไปทั่วบริเวณอย่างไม่มีความรังเกียจ ต่อความสกปรก เปรอะเปื้อนของทางเท้า ที่มีอยู่รอบตัวนั้น

เขาขยับตัวเมื่อนึกว่าได้ยืนตรงนั้นมานานเกินไปแล้ว โดยยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน เมื่อเขาก้าวเท้าจะออกเดิน ก็แลเห็นแสงแวววับของโลหะบนพื้นผิวจรจรข้างตัว มันเป็นเหรียญสิบบาทใหม่เอี่ยม เขารีบร้องบอกเด็กน้อยด้วยเสียอ่อนโยนว่า นี่ไงเหรียญของหนูอยู่นี่เอง เด็กหญิงตัวน้อยรีบหันขวับมาคว้าเหรียญนั้นจากพื้นถนน ด้วยความยินดีทั้งแววตาและกิริยาอาการ เหมือนเด็กบางคนที่ได้รับรางวัลทางโทรทัศน์

เขาเดินทอดน่องอยู่บนทางเท้า ในระหว่างความมืดครึ้มของต้นไม้ริมทางเท้า ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปจนแสงไปจากเสาไฟฟ้าส่องลงมาไม่ถึง เขานึกถึงคำพูดของพ้สดีเรือนจำ เมื่อเช้านี้

“......ลื้อยังไม่แก่ ร่างกายยังแข็งแรง จงตั้งต้นชีวิตเสียใหม่ เมืองไทยยังมีที่ทำมาหากินได้อีกเยอะ และผู้คนก็ยังมี เมตตากรุณาต่อกันอีกไม่ใช่น้อย............”

เขาไม่ได้ใส่ใจจำมาทั้งหมด แต่ก็ทำให้เขามีความหวัง ขึ้นกว่าเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนนั้น เขาคงไม่อดตาย ตราบใดที่เขายังมีกำลังกาย และกำลังใจที่เต็มไปด้วยความรักเพื่อนมนุษย์ อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน

เหมือนขณะนี้.

############

ห้องไร้สังกัด เวปพันทิป
๓ กันยายน ๒๕๕๕




 

Create Date : 02 กันยายน 2555    
Last Update : 4 มกราคม 2558 11:26:36 น.
Counter : 1843 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.