Group Blog
 
All Blogs
 
๔.๒ ยอดองครักศ์

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

ยอดองครักษ์

"เล่าเซี่ยงชุน"

ขณะเมื่อโจโฉ ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เมืองกุนจิ๋ว ทางภาคตะวันออกนั้น ได้มีผู้คน ซึ่งมีสติปัญญาความรู้ความสามารถ มาสมัครเป็นพรรคพวกอยู่ด้วยกันเป็นอันมาก จำชื่อแทบจะไม่ไหว โจโฉแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ทั้งหมดก็เข้าไปถึงแปดคน คือ ซุนฮก ซุนสิว เทียหยก กุยแก เล่าหัว บ้วนทง ลิเตียน มอกาย
ส่วนที่เป็นทหารนั้น อิกิ๋ม ชาวเมืองกิเป๋งซึ่งเป็นโจรมีพรรคพวกมาก ก็ชวนเพื่อนเข้ามาเป็นทหารอยู่กับโจโฉ และที่สำคัญก็คือ เตียนอุย ชาวเมืองตันลิว เป็นผู้มีร่างกายใหญ่โตมีพละกำลังแข็งแรงมาก ไม่รู้ว่าโกรธเคืองกับ เตียวเมา เจ้าเมืองคนที่เคยเป็นพวกโจโฉ ด้วยเรื่องอะไร ถึงกับไปฆ่าบ่าวไพร่ของเขาตายไปหลายคน ต้องหนีไปอยู่ในป่า พอดี แฮหัวตุ้น ไปพบเข้ากำลังฟัดกับเสือด้วยมือเปล่า จนเสือตายคามือ จึงพาเข้ามาสมัครเป็นทหารด้วย

โจโฉพอใจในรูปร่างกำยำล่ำสันเป็นอันมาก จึงยินดีรับตัวไว้ และถามว่าถืออาวุธอะไร เตียนอุยก็บอกว่าถือทวนสองเล่มหนักเล่มละแปดสิบชั่งเป็นคู่มืออยู่แล้ว โจโฉจึงให้ขึ้นม้ารำทวนให้ดู ก็เข้มแข็งว่องไวสมที่จะเป็นทหาร พอดีธงใหญ่ประจำกองทัพของโจโฉโดนพายุพัดเอนจะล้มลง ทหารวิ่งเข้าไปช่วยดันไว้ร่วมยี่สิบคน ทำท่าจะไม่ไหว เตียนอุยจึงกระโดดลงจากหลังม้าไล่ทหารออกไป ตนเองผู้เดียวก็สามารถยกขึ้นตั้งอย่างเดิมได้ โจโฉชอบใจว่ามีกำลังมากประดุจคนโบราณ จึงจัดเสื้อเกราะให้ใส่ แล้วตั้งให้ เป็นนายทหารองครักษ์ประจำตัว

เตียนอุยได้แสดงความสัตย์ซื่อในฐานะนายทหารคนสนิทให้ปรากฎเป็นครั้งแรก เมื่อครั้งรบกับ ลิโป้ ที่เมืองปักเอี้ยง ด้วยการพาโจโฉหนีออกจากวงล้อม ของทหารลิโป้ พร้อมด้วยทหารที่ติดตามโจโฉมาเพียงห้าคน โดยให้โจโฉขึ้นม้า แล้วเอาทวนใหญ่โตสองเล่มหนีบรักแร้ไว้ ส่วนมือที่ว่างก็ถือหอกซัดประมาณสิบห้าเล่ม เดินนำหน้าจูงม้าโจโฉ ดุ่มโด่งไป พอศัตรูตามมาใกล้ได้ประมาณห้าวา ทหารที่ตามหลังร้องบอก เตียนอุยก็หันมาซัดเสียด้วยหอกสั้น ข้าศึกที่แหลมเข้ามาใกล้ก็ตกม้าตายทุกคนไป จนหอกซัดที่ถือมาหมดมือลง ก็พอดีได้พบกับแฮหัวตุ้น และเข้าช่วยรบสกัดไว้ทัน โจโฉจึงรอดกลับเข้าค่ายได้ครั้งหนึ่ง

พออีกวันก็ถูกหลอกให้เข้าตีเมืองปักเอี้ยงเมื่อเข้าไปได้แล้วก็ถูกล้อมและข้าศึกก็เผาเมืองหวังจะคลอกโจโฉให้ตายกลางกองไฟ ก็ได้เตียนอุยนี่แหละเที่ยวขี่ม้าวนเวียน ตามหาเป็นหลายตลบ จนเจอแล้วก็พาฝ่ากองเพลิงออกประตูด้านตะวันออก ซึ่งเกือบไม่ทัน เพราะขื่อหอรบติดไฟลุกโชนหักลงมาทับม้าที่โจโฉขี่ถึงตาย แต่ตัวโจโฉแม้จะกระเด็นหลุดออกมาได้ ก็ถูกไฟไหม้เสื้อผ้ากับผมและหนวดหมด เตียนอุยต้องประคองขึ้นม้าไปกับ แฮหัวเอี๋ยน จึงได้รอดตายมาอีกครั้ง

แต่การศึกครั้งนั้นก็ไม่สามารถจะเอาแพ้ชนะกันได้ เพราะเกิดทุพภิกภัย เสบียงอาหารขาดแคลน ทหารต้องอดอยากกันทั้งสองฝ่าย เลยหย่าทัพแยกกันกลับบ้านเมืองของตนไป

ต่อจากนั้นโจโฉก็ยกกองทหารไปปราบโจรโพกผ้าเหลืองอีกก๊กหนึ่ง แถวเมืองเอ๊งจิ๋ว พวกโจรตั้งรับอยู่ที่ตำบลเขาเองสันโจโฉจึงให้เตียนอุย โจหอง และลิเตียนเข้าลุยฆ่าหัวหน้าโจรตายไปสองคน จับเป็นได้หนึ่งคน อีกหนึ่งคนหนีเข้าไปอยู่ในถ้ำ

เตียนอุยคุมพลขับม้าตามไปถึงเชิงเขา เจอเอา เคาทู รูปร่างใหญ่โตสูงประ มาณหกศอก ถือง้าวออกมาสกัดหน้าไว้ เตียนอุยก็ถามว่า ท่านเป็นพวกโจรโพกผ้าเหลืองหรือ เคาทูบอกว่าเราจับพวกโจรขังไว้ในถ้ำนี้เอง เตียนอุยก็เร่งให้ส่งพวกโจรมาเสียโดยดี

เคาทูก็ว่า

"...ท่านเอาศีรษะรับง้าวซึ่งเราถือมานี้ได้ เราจึงจะส่งพวกโจรให้....."

เตียนอุยก็โกรธเป็นกำลัง ขับม้ารำทวนคู่เข้ารบกับเคาทู ตั้งแต่เช้ายันเที่ยง ก็ไม่รู้แพ้ชนะกัน ต่างคนต่างก็หยุดพัก พอหายเหนื่อยแล้วก็ลุกขึ้นชวนกันมารบต่อไปอีก ถึงเย็นม้าที่ขี่หมดกำลังลง เคาทูเองก็หมดแรงข้าวต้ม ต้องกลับเข้าไปในถ้ำ เตียนอุยก็ให้ทหารไปแจ้งข่าวแก่โจโฉ พอรู้เรื่องโจโฉก็รีบมาถึงสนามรบตั้งแต่ตอนกลางคืน

พอรุ่งเช้าเคาทูก็คุมพรรคพวกออกมาจากถ้ำอีก โจโฉเห็นรูปร่างทะมัดทะแมงล่ำสันดี ก็อยากได้เอาไว้เเป็นทหาร จึงให้เตียนอุยเข้ารบแค่สามสิบเพลง แล้วก็ทำเป็นถอยหนี พอเคาทูจะตามก็ให้ทหารระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ เคาทูก็หลบเข้าถ้ำไปอีก

คืนนั้นโจโฉจึงให้ทหารขุดหลุมแล้วเอาบ่วงวางปากหลุม เอาหญ้าเกลี่ยกลบไว้ ถึงตอนเช้าก็ให้เตียนอุยคุมทหารร้อยคน ออกไปด่าท้าทายที่ปากถ้ำ เคาทูก็ออกมารบตามคำท้าได้อีกสิบเพลง เตียนอุยก็ชักม้าหนีไปข้างหลุมที่ขุดดักไว้ เคาทูไม่รู้ตัวก็ตกลงไปในหลุมถูกบ่วงมัดเท้า ทหารก็ชักขึ้นมาจับมัดไว้แล้วพาตัวไปให้โจโฉ

ข้างโจโฉก็ใช้จิตวิทยา คือลุกขึ้นไปแก้มัดแล้วเอาเสื้อผ้าอย่างดีมาให้สวม พลางจูงมือให้ไปนั่งด้วย แล้วถามว่า ท่านนี้ชื่อใดบ้านช่องอยู่ที่ไหน ทำไมมาแอบอยู่ในถ้ำเหมือนโจร เคาทูก็เล่าว่า เดิมเป็นชาวเมืองเจียวก๊ก ชื่อ เคาทู เมื่อเกิดมีโจรโพกผ้าเหลืองรังควาญชาวบ้านนั้น ก็คุมสมัครพรรคพวกประมาณห้าร้อยคน หนีมาซุ่มซ่อนอยู่ในถ้ำนี้ โดยช่วยกันเก็บก้อนศิลามากองไว้ที่ปากถ้ำเป็นอันมาก พอพวกโจรยกมาเล่นงาน ก็ให้พรรคพวกเอาก้อนหินเหล่านั้น ทุ่มหัวพวกโจรตายทุกก้อนเป็นจำนวนมาก พวกโจรที่เหลือก็แตกหนีไป ไม่กล้ามาตอแยด้วย

ต่อมาพวกโจรเอาเสบียงมาขอแลกโคคู่หนึ่งที่เลี้ยงไว้ ก็ยอมให้แลก แต่พอพาไปได้ประมาณห้าเส้น โคก็ตื่นวิ่งหนีเข้าป่าไป เคาทูจึงติดตามไปเอาตัวคืนมาได้ ด้วยวิธีจับหางโคทั้งคู่ลากมาด้วยมือเปล่าทั้งสองข้าง พวกโจรเห็นว่ามีกำลังแข็งแรงผิดมนุษย์ ก็เลยระย่อไปไม่หวนกลับมารบกวนอีกเลย

โจโฉก็สรรเสริญว่า ข้าพเจ้าได้ยินกิติศัพท์เล่าลือกันอยู่แล้ว เมื่อได้มาพบตัวก็นับว่าเป็นบุญ จะเลี้ยงท่านไว้เป็นทหาร ท่านจะยินดีทำการด้วยหรือไม่ เคาทูก็ตอบตกลง แล้วก็พาตัวนายโจรที่จับไว้ได้ กับพรรคพวกอีกสองร้อยคนมามอบให้

โจโฉจึงให้เอาตัวนายโจรทั้งคู่ไปตัดศีรษะเสียบประจานไว้ไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง แล้วก็ตั้งให้เคาทูเป็นนายทหารอีกคนหนึ่ง

และหลังจากที่ได้ยกกองทัพใหญ่มาช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้พ้นภัยจากเงื้อมมือของ ลิฉุย กุยกี สองทรชนเรียบร้อยแล้ว ก็เชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไปตั้งราชธานีใหม่ขึ้นที่เมืองฮูโต๋ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมหาอุปราชว่าราชการแผ่นดิน ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร โจโฉจึงถือโอกาสแต่งตั้งลิ่วล้อคนสนิท ที่เคยร่วมทุกข์ยากด้วยกันมา ให้เป็นขุนนางฝ่ายพลเรือนสี่คน เป็นผู้ว่าการคลังเสบียงอีกสามคน เป็นเจ้าเมืองใหญ่ที่ขึ้นอยู่ด้วยสี่คน

เป็นทหารเอกสี่คน คือ แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน และ โจหอง เป็น ทหารโทห้าคน คือ ลิยอย ลิเตียน งักจิ้น อิกิ๋ม ซิหลง เป็นทหารตรีสองคนคือ เคาทู กับ เตียนอุย และยังมีผู้อื่นที่ไม่ได้ออกชื่ออีกมากจนจำไม่หวาดไหว ล้วนแต่ได้รับตำแหน่งในบ้านเมืองด้วยกันทั้งนั้น ผู้ใดจะมีข้อราชการใดก็จะต้องแจ้งแก่โจโฉก่อน จึงจะกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้

ต่อมาเมื่อโจโฉยกทัพไปตีเมืองอ้วนเสียของ เตียวสิ้ว แล้วเตียวสิ้วยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี เชิญให้โจโฉเข้าไปในบ้านเมือง แต่โจโฉกลับไปชอบใจ นางเจ๋าซือ อา สะใภ้ของเตียวสิ้ว แล้วพาออกไปนอนค้างอ้างแรมที่ในค่ายของโจโฉนอกเมืองเป็นหลายราตรี เตียวสิ้วจึงเจ็บใจฮึดสู้ขึ้นมา โดยวางอุบายเชิญเตียนอุยองครักษ์ของโจโฉ ไปกินเลี้ยงในเมืองจนเมามาย กลับมาก็นอนหลับไม่ได้สติอยู่หน้าที่พักของโจโฉ จนข้าศึกแอบเข้ามาลักเอาทวนคู่มือไปเสีย

เมื่อเตียวสิ้วนำทหารเข้าจู่โจม ตีค่ายของโจโฉในเวลากลางดึก ขณะที่โจโฉกำลังเสพสุราจู๋จี๋อยู่กับนางเจ๋าซือ จนข้าศึกบุกเข้ามาถึงที่พักแล้ว โจโฉก็ตกใจร้องเรียกให้องครักษ์ช่วย เตียนอุยจึงได้ตื่นลุกพรวดพราดขึ้นมา ไม่ทันได้ใส่เกราะข้าศึกก็เข้ามาถึงตัว เมื่อหาทวนคู่มือก็ไม่พบ ก็คว้าดาบของทหารเลวเข้าตลุมบอนฆ่าฟันทหารของเตียวสิ้วที่กลุ้มรุมเข้ามา ตายไปยี่สิบกว่าคน จนต้องแตกถอยไปตั้งหลัก แล้วก็รวบรวมกันเข้ามาอีก ทหารของเตียวสิ้วที่บุกเข้ามาจะจับโจโฉนั้น มีจำนวนมากมายจนฆ่าไม่ทัน

เตียนอุยตัวคนเดียวจึงถูกรุมฟันแทงจนบาดแผลเปรอะไปทั้งตัว ดาบก็หักสบั้นคามือ แต่ก็ยังไม่ยอมจำนน กลับใช้พละกำลังอันมหาศาลของตน ฉวยเอาศพทหารข้าศึกมือละคน ฟาดถูกพวกเดียวกันตายไปอีกร่วมสิบคน ข้าศึกเห็นท่าไม่ดีก็ถอยห่างแล้วระดมยิงเกาทัณฑ์ปักติดเต็มตัวเตียนอุย บ้างก็แอบเข้าข้างหลังแทงด้วยทวนหลายเล่ม จนเตียนอุยกระอักเลือด ยืนพิงประตูค่ายที่พักของโจโฉ สิ้นใจตายอยู่โดยไม่มีใครรู้ เพราะต่างก็ขยาดฝีมือและความบ้าบิ่นเกินคนของเขา จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้

ในการรบคราวนั้น โจโฉได้แหกหนีออกไปทางหลังค่าย จนรอดชีวิตไปได้

แต่สรุปแล้ว แม้โจโฉจะสามารถได้เมืองอ้วนเสียอย่างง่ายดาย ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อไพร่พลแม้แต่น้อยในครั้งแรก กลับต้องแตกกระเจิงออกไปอย่างไม่เป็นขบวน พร้อมกับเสียชีวิตของ โจงั่ง ลูกชายคนโต และ โจอันบิ๋น หลานชาย รวมทั้งทหารเลวอีกนับสิบหมื่น ไว้เป็นเครื่องสังเวยให้กับความลุ่มหลงในกามสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงไม่กี่ราตรี

และที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ ต้องสูญเสีย เตียนอุย องครักษ์ผู้ภักดี ซึ่งเป็นกำลังอันเข้มแข้ง ในการศึกหลายครั้งหลายคราว ไปอย่างน่าเสียดายยิ่งนัก.

##########



Create Date : 09 เมษายน 2560
Last Update : 9 เมษายน 2560 13:18:30 น. 0 comments
Counter : 605 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.