Group Blog
 
All Blogs
 
๒.หนูผูัท้าราชสีห์ (๑)

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

บังเต๊ก.....หนูผู้ท้าราชสีห์

ตอนที่ ๑ ที่ปรึกษากล้าตาย

" เล่าเซี่ยงชุน "

ในวรรณคดีเรื่องสามก๊ก ที่มีความยาวถึง ๙๕ สมุดไทยนั้น ตัวเอกที่มี ชื่อเสียงโด่งดังจนคุ้นหูคุ้นตาผู้อ่านมีอยู่เพียงไม่กี่คน และในจำนวนนั้นมีอยู่เพียงคนเดียวที่มีฝีมือเยี่ยมยอดในการรบ ด้วยง้าวอันทรงพลัง หนักถึง ๘๒ ชั่ง ซึ่งไม่มีใครทาบติดมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ และเมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็ยังมีผู้เคารพบูชาเส้นสรวงเช่นเดียวกับเทพเจ้า มาจนถึงทุกวันนี้ เขาผู้นั้นก็คือ กวนอู แต่ทั้ง ๆ ที่เขามีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ กระฉ่อนอยู่ในสมรภูมิ ของทั้งสามแคว้นนั้น เป็นเวลาช้านานมาตั้งสามสิบกว่าปี ก็ยังมีผู้บังอาจอาสาเข้าต่อกรกับเขา โดยไม่หวั่นกลัว เขาผู้นั้นไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรในสามก๊กเลย เอ่ยชื่อ บังเต๊ก ขึ้นมา ก็คงจะไม่มีใครรู้จักเสียด้วยซ้ำ

บังเต๊กเป็นที่ปรึกษาคู่ใจของ ม้าเฉียว ลูกชายคนโตของ ม้าเท้ง เจ้าเมืองเสเหลียง ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ โจโฉ มหาอุปราชนิสัยไม่ค่อยจะดีของ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ในครั้งกระนั้น โจโฉจะยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งเป็นครั้งที่สอง หลังจากจิวยี่ถึงแก่ความตายไปแล้ว แต่ยังแค้นเจ้าเมืองเสเหลียงคู่อาฆาตเก่า จึงอ้างรับสั่งฮ่องเต้ให้ เรียกตัวเข้าไปหลอกฆ่าเสียที่เมือง ฮูโต๋ แล้วจะได้ยกทัพไปโดยสะดวก ในคราวนั้นนอกจากตัวม้าเท้งแล้ว ม้าฮิว ม้าเทียด ลูกชายคนรองก็พลอยตายไปด้วยคงเหลือแต่ ม้าต้าย หลานชายซึ่งต้องปลอมตัวเป็นพ่อค้าเร่ จึงหนีเอาชีวิตรอดกลับมาถึงเมืองเสเหลียงได้

ม้าเฉียวจึงมีความเคียดแค้นอาฆาตโจโฉเป็นอย่างยิ่ง พอดีกับ เล่าปี่ มีหนังสือมายุยงส่งเสริมเข้าด้วย ก็เลยคุมทหารยี่สิบหมื่นพร้อมด้วยนายทหารเอกแปดนายยกไปจะเหยียบเมืองฮูโต๋ให้ราบเป็นหน้ากลอง พอไปได้แค่ด่านเมืองเตียงฮัน กองหน้าก็เริ่มปะทะกับกองรักษาด่านของโจโฉ แต่ตัวนายเห็นท่าจะสู้ไม่ได้ ก็เลยถอยเข้าไปตั้งมั่นอยู่ในเมือง จัดแจงแต่งค่ายคูประตูหอรบแข็งแรง ไม่ให้ทหารเมืองเสเหลียงตีหักเข้าไปได้ ม้าเฉียวล้อมเมืองไว้ถึงสิบวันก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงหารือกับบังเต๊ก กุนซือคนสำคัญ ท่านที่ปรึกษาก็คงจะรอให้มีใครมาปรึกษาอยู่นานแล้ว พอท่านแม่ทัพหารือก็รีบวางแผนทันที บอกง่ายมากเรื่องที่จะเข้าตีเมืองเตียงฮันนี้ ขั้นแรกขอให้ทำทีถอยทัพออกไป ให้ห่างไกลเสียก่อน ผู้คนในเมืองที่อัตคัดขาดแคลนข้าวปลาอาหาร เพราะเป็นเมืองดอนแห้งแล้ง ก็จะพากันออกมาหาเสบียงนอกกำแพงเมือง ตอนนั้นแหละที่ตนจะปลอมปนไปกับระชาชนกลับเข้าไปในเมือง เมื่อได้โอกาสก็จะจุดเพลิงเป็นสัญญาณ ให้ม้าเฉียวนำทหารเข้าโจมตีทางด้านนั้น ตนจะเปิดประตูเมืองคอยรับ

ม้าเฉียวได้ฟังดังนั้นก็ดีใจหายมึนหัว รีบดำเนินการตามแผนของที่ปรึกษา คู่ใจทันที การก็เป็นผลดังที่คิดไว้ทุกประการ ราษฎรในเมืองนึกว่ากองทัพที่ล้อมอยู่ภายนอกถอยไปแล้ว ก็พากันออกมาหาเสบียงอาหาร บังเต๊กกับทหารคนสนิทจึงปลอมเป็นคนหาฟืนแอบเข้าไปในเมืองเตียงฮันได้เรียบร้อย ในเวลาเพียงห้าวันต่อมา ม้าเฉียวก็ยกทหารมาล้อมเมืองไว้ดังเก่า กองทัพฝ่ายตั้งรับก็ปิดประตูเมืองเตรียมสู้เต็มที่ แต่ในคืนต่อมาบังเต๊กก็จัดการวางเพลิงขึ้นในเมือง แถบทิศตะวันออก นายทหารที่รักษาประตูเมืองด้านนั้นจึงรีบควบม้ามาจะอำนวยการดับเพลิง ก็โดนบังเต๊กฟันฉับเดียวตกม้าตาย โดยไม่ทันได้รบเลยสักเพลงเดียว เหล่าทหารเลวก็แตกหนีไปคนละทิศละทาง ปล่อยให้บังเต๊กฟันกุญแจเปิดประตูรับม้าเฉียวเข้ามายึดเมืองได้อย่างง่ายดาย นับว่าเป็นความสำเร็จในผลงานชิ้นแรกของบังเต๊ก ที่ตนเองเป็นทั้งผู้วางแผน และลงมือ ปฎิบัติอย่างเสี่ยงอันตรายเองเสียอีกด้วย

ฝ่ายโจโฉพอรู้ว่าม้าเฉียวยกมาถึงเมืองเตียงฮัน กำลังจะจัดแจงแต่งทัพ ไปช่วย ม้าเร็วก็มาบอกว่าเตียงฮันเมืองหน้าด่านแตกแล้ว จึงสั่งให้ โจหอง ลูกพี่ลูกน้อง คุมพลหมื่นหนึ่งไปตั้งยันไว้ที่ด่านตงก๋วน โดยมี ซิหลง ซึ่งเป็นนายทหารผู้ใหญ่สุขุมกว่า ตามไปดูแลด้วย โดยสั่งเป็นคำขาดไว้ว่า ให้ยันอยู่ให้ได้อย่างน้อยสิบวันเพื่อจะได้ยกทัพใหญ่ไปสมทบ ทั้งสองนายเมื่อยกไปตั้งหลักที่ด่านได้แล้ว ก็โดนกองทัพของม้าเฉียวล้อมไว้อีก และมิหนำซ้ำมีทหารเลวออกมาคอยร้องด่าท้าทายทั้งกลางวันกลางคืน ให้ออกไปรบด้วย แถมลำเลิกเบิกประจานขึ้นไปถึงสามชั่วโคตร โจหองคนแซ่เดียวกันหรือจะทนไหว ขยับจะออกไปรบให้รู้ฝีมือกันไว้สักตั้งเป็นไร แต่ซิหลงก็คอยห้ามอยู่เรื่อย ทนมาได้ถึงวันที่เก้า ซิหลงมัวแต่สาละวันแจกข้าวต้มกลางวันให้แก่พลพรรค โจหองแลจากเชิงเทินลงไป เห็นทหารของม้าเฉียว ซึ่งตายใจว่าไม่มีใครเปิดประตูออกมาต่อกรด้วยแล้ว ต่างก็นอนผึ่งพุงกันระเกะระกะไม่เป็นกระบวนทัพ ก็รีบคุมทหารสามพันออกไปลุยทันที เจ้าพวกสันหลังยาวก็ลุกขึ้นวิ่งหนีกันอลหม่าน ซิหลงยังแว่วถึงคำสั่งของ โจโฉอยู่จึงชวน จงฮิว ยกทหารไปตามโจหองกลับเข้าค่าย แต่ไม่ทันการโดนม้าเฉียวดักหน้า บังเต๊กดักหลัง รุมล้อมเข้ามาจนจวนตัว ก็เลยพากันทิ้งค่ายตงก๋วน นำทหารฝ่าวงล้อมหนีไป บังเต๊กกำลังมันก็ควบม้ากวดติดไปอย่างกระชั้นชิด จนเจอเอา โจหยิน ที่ โจโฉสั่งให้ตามมาช่วย กลายเป็นสี่นั้งพะเจ้กนั้ง จึงชะงักหันม้ากลับ ทั้งสามหน่อก็พากันรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

ข้างโจโฉซึ่งยกทัพหลวงตามมา เห็นทหารเอกทั้งสี่นายแตกหนีหน้าเริด มาก็ตกใจ พอซักไซ้ได้ความเป็นสัตย์ ก็ให้เอาโจหองซึ่งขัดคำสั่งโดยเจตนาไปฆ่าเสีย แม่ทัพนายกองทั้งหลายก็พากันขออภัยโทษไว้ เพราะยังจะต้องรบกันไปอีกนาน มาฆ่าญาติเสียก่อน เห็นจะไม่ได้เรื่องแน่ โจโฉจึงเพียงแต่ภาคทัณฑ์ไว้ครั้งหนึ่ง พอยกทหารมาตั้งค่ายใกล้ด่านตงก๋วนที่ม้าเฉียวยึดครองไว้ ก็โดนลูกไม้เดิมอีก คราวนี้ม้าเฉียวแสดงเอง โดยการควบม้าออกมายืนท้าทายหน้าแถวทหาร พร้อมด้วยบังเต๊กเคียงขวา ม้าต้ายข้างซ้าย ให้โจโฉออกมาประฝีมือกันดูสักตั้งเป็นไร โจโฉชอบใจในรูปทรงที่มีความสง่างามสมชายชาตรีของนายทัพ ซึ่งห่มเกราะเงิน ใส่หมวกขาว รูปร่างคมสัน ไหล่ผายเอวกลม หน้าขาวปากแดง จึงถามไปอย่างสุภาพว่า ท่านเป็นเชื้อสายขุนนางเก่า ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินอยู่ เหตุใดจึงคิดขบถยกทัพมาตีเมืองหน้าด่านแตกถึงสองแห่งอย่างนี้ ซึ่งเป็นคำถามในฐานะของมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ผู้มีอำนาจปกครองประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ม้าเฉียวไม่ยอมฟังอะไรอีกแล้ว ความโกรธที่ โจโฉ ฆ่าพ่อและน้องชายสองคนกำเริบกล้า ถึงกับร้อยกรองคำด่าว่า

".......อ้ายโจโฉศัตรูราชสมบัติ มึงทำการหยาบช้า ดูหมิ่นพระเจ้าเหี้ยนเต้ โทษมึงผิดเป็นอันมาก ควรจะสับให้ละเอียด เหมือนสับสุกรทำบะอ๋วนจึ่งจะชอบ แล้วมึงฆ่าบิดากับน้องกูเสีย กูก็มีความแค้นนัก จะจับตัวมึงเคี้ยวเนื้อ สูบเลือดกินเสียทั้งเป็นให้จงได้....."

ว่าดังนั้นแล้ว ไม่ทันที่โจโฉจะอ้าปากหัวเราะคำด่าอันยอกย้อนทิ่มแทงถึง กึ๋นนั้น ม้าเฉียวก็ควบอาชาจะเข้าไปจับตัวโจโฉอย่างที่ว่าไว้ ทหารเอกที่อยู่ใกล้ก็เข้า ปะทะไว้ก่อน คนที่ชื่อ อิกิ๋ม รบกับม้าเฉียวได้ยี่สิบเพลงก็หมดแรงควบม้าหนี ลิกองเข้ามาแก้ได้เพียงเก้าเพลง ก็ถูกแทงตกม้าตายตามระเบียบ ทหารก็แตกกระจัดกระจายไปเป็นแถบ ม้าเฉียวร้องบอกให้ทหารช่วยจับตัวโจโฉซึ่งใส่เกราะแดง โจโฉก็ถอดเกราะทิ้งควบม้าปนไปกับทหารเลว แต่ก็ยังมีคนรู้จักร้องว่าไอ้หนวดยาวนั่นแหละจับให้ได้ โจโฉก็เอากระบี่ตัดหนวดทิ้งอีก ทหารตาดีอีกคนของม้าเฉียวก็ตะโกนว่าไอ้หนวดสั้นตัดใหม่นั่นแหละตัวดี โจโฉก็เอาแพรชายธงห่อคางควบม้าหนีต่อไปเป็นที่น่าทุเรศยิ่งนัก ยังไม่มีใครตาแหลมตะโกนต่อ ก็พอดีมาเจอม้าเฉียวเข้าเอง ต้องชักม้าวนรอบต้นไม้ ม้าเฉียวเอาทวนแทงก็ปักติดกับต้นไม้แน่น โจโฉจึงได้หนทางรอดไปอีกตา ม้าเฉียวชักหัวเสียเต็มทีเลยตามไปคนเดียวโด่เด่ ไม่มีทหารคนใดตามทัน พอดีโจหองคนที่ถูกคาดโทษ รีบถลาเข้ามารบกันเอาไว้ได้อีกห้าสิบเพลง ก็มีทหารเอกของโจโฉเข้ามาร่วมวงอีกคน ม้าเฉียวเห็นท่าไม่สูัดีชักว่อกแว่กในใจ ก็เลยเลิกรบ ควบม้ากลับเข้าค่ายตงก๋วนดีกว่า

ก็ขึ้นต้นจั่วหัวไว้ว่าจะเล่าเรื่อง บังเต๊ก แต่อ่านมาถึงแค่นี้แล้ว ก็เห็นมีแต่ เรื่องของคนอื่น ท่านผู้อ่านคงจะนึกกังขาอยู่ในใจ ก็จะมีมากกว่านี้ได้อย่างไรในเมื่อเป็นเพียงลิ่วล้อ ตัวประกอบของเรื่องเท่านั้น ต้องติดตามตัวเอกไปเที่ยวรบพุ่งกับใครต่อใครเสียยืดยาว เป็นการปูพื้นนิสัยใจคอของเขาดูก่อน นึกเสียว่าได้มีโอกาสติดตามกองทัพของ ม้าเฉียว ไปรบกับ โจโฉ พลาง ๆ ก็แล้วกัน ไม่ถึงกับเสียเวลาเปล่าเพราะการรบ ช่วงนี้ก็มีความมันไม่แพ้ตอนอื่นเหมือนกัน อีกไม่ช้าก็คงถึงตาที่บังเต๊ก จะต้องแบกโลงไปรบด้วยตนเองจนได้หรอก

แต่ก็น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งที่ม้าเฉียวก็รบกับโจโฉ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ก็รบกับโจโฉ ไฉนบังเต๊กซึ่งเป็นที่ปรึกษาของม้าเฉียว จึงจะดันไปรบกับกวนอูได้ นี่ซิมันน่าสงสัยอยู่มิใช่น้อย ขอได้โปรดรอสักนิด ผู้เล่าจะไปขุดคุ้ยออกมาให้อ่านกันในไม่ช้านี้.

##########



Create Date : 09 เมษายน 2560
Last Update : 9 เมษายน 2560 5:22:41 น. 0 comments
Counter : 509 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.