Group Blog
 
All Blogs
 
๓.๒ ผู้ทำคุณบูชาโทษ (๒)

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

ตันก๋ง….ผู้ทำคุณบูชาโทษ

ตอนที่ ๒ แม่ทัพปัญญาอ่อน

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อหนีมาจากโจโฉแล้ว ตันก๋งก็หลบไปอยู่เมืองตองกุ๋น ปล่อยให้โจโฉไปรวบรวมผู้คนตั้งขบวนการกู้ชาติ ที่บ้านของโจโก๋ผู้เป็นบิดาที่เมืองตันลิว จนมีกองทัพมาเป็นพันธมิตรด้วยถึงสิบหกหัวเมือง รวมกำลังได้หลายสิบหมื่น แล้วยกไปทำสงครามปลดแอกกับตั๋งโต๊ะ ได้ชัยชนะหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จเด็ดขาด เพราะตั๋งโต๊ะมีทหารเอกฝีมือดีคือลิโป้ คอยตอบโต้ต้านทานไว้ได้ คราวที่รบกันที่ด่านเฮาโลก๋วน ฝ่ายโจโฉให้ทหารเอกออกรบทีเดียวแปดคน ลิโป้ขี่ม้าเซ็กเธาว์มีทวนเป็นอาวุธคู่มือ ออกรบแต่ผู้เดียว ฆ่าทหารรองที่ออกมาต่อสู้ด้วยตายไปหลายคน อีกคราวหนึ่งเคยเข้ารบกับสามพี่น้อง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ซึ่งรุมล้อมเป็นสามเส้า ก็ยังเอาตัวรอดไปได้

ต่อมาโจโฉเสียทีฝ่ายตั๋งโต๊ะถูกเกาทัณฑ์บาดเจ็บ ก็ไม่มีกองทัพหัวเมืองใดช่วยเหลือ และยังแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น อิจฉาริษยากันเอง จนเกิดรบราฆ่าฟันกันเป็นหลายฝ่าย ขบวนการกู้แผ่นดิน ก็เลยแตกกระจัดกระจายแยกย้ายกันกลับไปบ้านเมืองของตน ส่วนโจโฉก็ถอยไปตั้งหลักอยู่อีกทางหนึ่ง

จนกระทั่งตั๋งโต๊ะซึ่งพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ย้ายเมืองหลวงจากลกเอี๋ยงไปสร้างเมืองใหม่อยู่ที่เมืองเตียงฮัน ต้องตายลงด้วยฝีมือของลิโป้ เพราะนางเตียวเสียนเป็นเหตุ เมืองหลวงก็เลยวุ่นวายกันต่อไปอีกพักหนึ่ง ต่อมาลิฉุย กับกุยกี คนสนิทของตั๋งโต๊ะกลับมาแย่งอำนาจคืนไปได้ เกิดอ้างรับสั่งฮ่องเต้ให้โจโฉยกทัพไปปราบปรามพวกโจรโพกผ้าเหลืองที่เหลืออยู่ จนได้ชัยชนะก็เลยฟื้นตัวขึ้นมาอีก มีทหารยี่สิบหมื่นเศษ และมีความชอบได้รับตราตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการใหญ่ภาคตะวันออก จึงเข้าครองเมืองกุนจิ๋ว ซึ่งเป็นเมืองเอกมีผู้คนเข้ามาเป็นบริวารมากมาย

ฝ่ายลิโป้ต้องหนีลิฉุยกุยกีออกจากเมืองเตียงฮัน ไปอยู่เมืองลำหยง แต่อ้วนสุดเจ้าเมือง เห็นว่าเป็นคนอกตัญญู เคยฆ่าเต๊งหงวนพ่อเลี้ยงคนแรก เพื่อมาอยู่กับตั๋งโต๊ะ และฆ่าตั๋งโต๊ะเพื่อแย่งเอานางเตียวเสียนภรรยามาเป็นของตน จึงไม่ยอมรับไว้ ต้องย้ายไปอาศัยอ้วนเสี้ยว พี่ชายของอ้วนสุดที่เมืองกิจิ๋ว อยู่ได้ไม่นานก็เกิดเรื่องขึ้นอีก ต้องหลบไปอยู่กับเตียวเอี๋ยน เจ้าเมือง เซียงต๋ง ซึ่งเป็นพวกของลิฉุยกุยกี จะถูกจับตัวไปฆ่า พอดีรู้ตัวก่อนเลยต้องซัดเซพเนจรมาอยู่กับเตียวเมา เจ้าเมืองตันลิว

ทางด้านโจโฉนั้น พอได้เป็นใหญ่เป็นโตอยู่ทางภาคตะวันออกแล้ว ก็คิดถึงบิดาที่ยังอยู่เมืองตันลิว จึงมีหนังสือบอกให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน โจโก๋ก็จัดแจงเก็บทรัพย์สินและพาพี่น้องครอบครัว กับบริวารทั้งหลายประมาณสองร้อยเศษ ขึ้นเกวียนเป็นขบวนยาว เดินทางผ่านเมือง ชีจิ๋วซึ่งโตเกี๋ยมเจ้าเมืองนี้เคยเข้าร่วมขบวนการปลดปล่อยกับโจโฉเมื่อครั้งก่อน และนับถือกันมา จึงเชิญให้โจโก๋แวะเข้าไปพักในเมืองก่อน จัดการเลี้ยงดูอย่างดีอยู่สองวัน แล้วจึงให้ลูกน้องชื่อ เตียวคี ซึ่งเดิมเคยเป็นโจรโพกผ้าเหลือง คุมทหารห้าร้อยคนไปส่งโจโก๋ที่เมืองกุนจิ๋ว

เตียวคีคุมขบวนคาราวานเกวียนของบิดาโจโฉ มาจนถึงตำบลวัดแฮหุยเป็นเวลาจวนค่ำ ฝนก็ตกต้องหยุดพักค้างคืน พอถึงกลางดึกสันดานโจรแต่ดั้งเดิมกำเริบ เกิดความโลภ จึงยกพวกเข้าฆ่าฟันโจโก๋และครอบครัว ตายเรียบไป แล้วชิงเอาทรัพย์สมบัติหลายร้อยเล่มเกวียน หนีไปหลบซ่อนอยู่ในป่า

ความผิดก็มาตกอยู่กับโตเกี๋ยม เพราะโจโฉทราบข่าวแล้วโกรธจนลมจับตกเก้าอี้ อาฆาตว่าจะยกทหารไปเหยียบเมืองชีจิ๋วให้ราบ และจะฆ่าผู้คนพลเมืองให้เกลี้ยง เหลือแต่แผ่นดิน ว่าแล้วก็ยกกองทัพมาล้อมเมืองชีจิ๋วไว้

ฝ่ายตันก๋งซึ่งอยู่ที่เมืองตองกุ๋น ก็เป็นมิตรสหายกับโตเกี๋ยม รู้ดีว่าเพื่อนไม่มีความผิด แต่เคราะห์ร้ายที่ใช้คนผิด ด้วยความสงสารเพื่อนและคิดว่า ตนเองเคยมีคุณกับโจโฉมาก่อน จึงขึ้นม้าแต่ผู้เดียวมาหาโจโฉที่ค่าย โจโฉยังจำบุญคุญของตันก๋งได้ จึงยอมให้เข้าพบ ตันก๋งก็ชี้แจงความจริงว่า โตเกี๋ยมเป็นคนสัตย์ซื่อมีความอารี จึงใช้ให้เตียวคีคุมทหารไปส่งบิดาโจโฉ แต่เตียวคีเป็นคนเลวจึงก่อเหตุขึ้น โดยที่โตเกี๋ยมไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแต่ประการใด ซึ่งโจโฉจะฆ่าชาวเมืองชีจิ๋วผู้ไม่มีความผิดให้สิ้น เป็นการแก้แค้นนั้น ไม่ชอบด้วยเหตุผลขอให้ดำริตริตรองเสียใหม่

โจโฉก็มีแต่ความโกรธแค้น และถือว่าโตเกี๋ยมเป็นผู้รับผิดชอบ จึงย้อนว่าตันก๋งเคยเป็นพวกตนหนีตั๋งโต๊ะมาด้วยกัน กลับทิ้งไปเสียกลางทาง แล้วจะกลับมาหาอีกทำไม โตเกี๋ยมนั้นทำอุบายฆ่าบิดาและญาติพี่น้องของตน ตายไปเป็นอันมาก จะต้องแก้แค้นให้ได้อย่ามาห้ามตนเลย ตันก๋งก็ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมคนใจเหี้ยมอย่างโจโฉได้อย่างไร จึงต้องหันหลังกลับ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหาโตเกี๋ยม และไม่กลับไปเมืองตองกุ๋น เลยไปอยู่กับเตียวเจี๋ยวน้องชายเตียวเมา เจ้าเมืองตันลิว บ้านเก่าของโจโก๋นั่นเอง จึงได้พบกับลิโป้ที่นั่น ตันก๋งก็เสนอให้เตียวเมายกทหารไปตีเมืองกุนจิ๋วของโจโฉ ในขณะที่โจโฉมัวไปล้อมเมืองชีจิ๋วอยู่ เตียวเมาก็เห็นด้วยจึงให้ลิโป้เป็นแม่ทัพ และให้ ตันก๋งเป็นที่ปรึกษา ยกไปตีเมืองกุนจิ๋วได้อย่างง่ายดาย

และโจโฉก็ตีเมืองชีจิ๋วไม่ได้อย่าที่คิด เพราะมีหัวเมืองอื่น ๆ รวมทั้งเล่าปี่ เกิดเห็นใจโตเกี๋ยมยกมาช่วยกันใหญ่ พอโจหยินผู้รักษาเมืองกุนจิ๋ว มารายงานว่าเสียเมืองแก่ลิโป้แล้ว โจโฉก็เลยต้องถอนทัพกลับ ปล่อยให้บิดาและพี่น้องวงศ์ญาติตายใช้หนี้กรรม ดังที่เคยทำไว้กับครอบครัวของแปะเฉีย เมื่อครั้งก่อนนั้น โดยไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวอีกเลย

ลิโป้รู้ว่าโจโฉกลับมาแล้ว ก็ยกออกไปตั้งท่าสู้ที่เมืองปักเอี๋ยง โดยให้นายทหารรองสองคน กับทหารหมื่นหนึ่งอยู่รักษาเมืองกุนจิ๋ว ตันก๋งก็แนะนำว่าโจโฉคงจะยกมาทางซอกเขา ไทสัน ทางทิศใต้ของเมืองกุนจิ๋วซึ่งเป็นทางลัด ถ้าลิโป้ไปดักทางนั้นก็จะเอาชนะได้ไม่ยาก ถ้าขืนไปตั้งที่เมืองปักเอี๋ยงจะเสียทีแก่โจโฉ แต่ลิโป้ไม่เชื่อคงยกไปตามที่ตั้งใจ โจโฉก็ยกมาทางเขาไทสัน จริง ๆ และเข้าล้อมเมืองปักเอี๋ยงไว้ ตันก๋งก็เสนออีกว่า ให้รีบเข้าตีทันทีที่โจโฉเพิ่งมาถึงทหาร กำลังอิดโรย ลิโป้ก็ตอบอย่างทรนงว่า

“……เดิมเราตั้งตัวมา ก็แต่ตัวผู้เดียวกับม้า คิดทำการรบพุ่งมาจนได้ทหารมากขึ้นถึงเพียงนี้แล้ว เราจะคิดย่อท้อโจโฉนั้นหามิได้ ให้โจโฉตั้งค่ายมั่นลงแล้ว เราจะหักเอาให้ได้…..”

พอรุ่งเช้าต่างฝ่ายต่างก็ยกทหารไปประจันหน้ากัน โจโฉชี้หน้าลิโป้ว่า เราไม่เคยผิดใจกันเลย ทำไมยกมาตีเอาเมืองของเรา ลิโป้ก็เถียงไปว่า

“……..บ้านเมืองเหล่านี้เป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็เหมือนหนึ่งของคนทั้งปวงซึ่งอยู่ในแผ่นดิน ถ้าผู้ใดมีบุญและเข้มแข็ง ก็จะครอบครองเมืองได้เหมือนกัน เหตุใดท่านจึงว่าบ้านเมืองนี้เป็นของท่าน……”

โจโฉไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของลิโป้ จึงต้องรบกันเป็นการใหญ่ ฝ่ายลิโป้มีทหารเอกถึงแปดคน ข้างโจโฉมีเพียงสองคน ล่อกันอุตลุดอยู่พักหนึ่ง ฝ่ายโจโฉก็แตกเข้าค่ายไป

ลิโป้ก็กลับมาเลี้ยงดูทหาร ฉลองชัยชนะกันเอิกเกริก ตันก๋งก็เตือนว่าอย่าประมาท โจโฉอาจย้อนมาปล้นค่ายตอนกลางคืนก็ได้ เพราะโจโฉนั้นมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดในการสงครามมาก คราวนี้ลิโป้เห็นด้วยจึงให้นายทหารรองสามนาย ยกกำลังไปช่วยดูแลรักษาค่ายตะวันตก ที่ล่อแหลมต่อการถูกโจมตี แต่ยกไปยังไม่ทันจะถึง ก็ถูกโจโฉปล้นค่ายได้แล้วตั้งแต่สองยาม จึงเข้าตีเพื่อแย่งค่ายคืน สู้รบกันอื้ออึงจนถึงรุ่งเช้า

ลิโป้รู้ข่าวก็รีบยกทหารไปช่วย โจโฉเห็นท่าไม่ดีก็สั่งถอยไปทางทิศเหนือ เจอทหารของลิโป้ดักไว้ ก็หนีไปทางทิศใต้ก็ยังเจอเข้าอีกกองจนได้ จนชักจะจวนตัว โจโฉกกับทหารห้าคนก็หนีซอกซอนไปทางเชิงเขา ก็ได้ยินเสียงประทัด และโดนเกาทัณฑ์ถล่มเข้าให้อีก ชักกลัวตายร้องเรียกทหารให้ช่วยชีวิต เตียนอุยผู้จงรักภักดีจึงลงจากหลังม้า หนีบหอกสั้นประมาณสิบห้าเล่ม เดินนำหน้าโจโฉฝ่าเกาทัณฑ์ไป ทหารที่เหลือตามมาข้างหลัง เมื่อเห็นทหารของลิโป้เข้ามาใกล้ถึงห้าวา ก็ร้องบอก เตียนอุยก็หันมาซัดเสียด้วยหอกสั้น ตายไปทีละคน จนหอกที่หนีบมาหมดลง จึงพากันขึ้นม้าจะกลับมาเข้าค่าย แต่มาได้กลางทางเป็นเวลาเย็นก็เจอกับตัวลิโป้เข้าอีก ทหารที่ตามมาก็หนีไปหมด เหลือแต่เตียนอุยอยู่ผู้เดียว ก็ตั้งหลักจะฟาดกับอัศวินลิโป้สักตั้ง พอดีแฮหัวตุ้นทหารเอกของโจโฉ คุมทหารมาสกัดไว้ได้ทัน จนพลบค่ำฝนก็ตกใหญ่ลิโป้ก็จำเป็นต้องถอย ฝ่ายโจโฉจึงหลบเข้าค่ายไปได้อย่างหวุดหวิด

เช้าวันรุ่งขึ้นตันก๋งก็ออกอุบาย ให้ลิโป้เกลี้ยกล่อมเตียนซี เศรษฐีใหญ่ของเมือง ปักเอี้ยง ให้มีหนังสือไปถึงโจโฉ บอกว่าลิโป้จะยกออกไปจากเมืองปักเอี้ยง ให้โจโฉยกทหารเข้าปล้นเมือง ตนจะเป็นไส้ศึกคุมชาวเมืองช่วยรบกระหนาบ โจโฉก็หลงเชื่อแต่ก็ระวังตัวด้วยการแบ่งทหารออกเป็นสามกอง คอยช่วยเหลือกัน พอเวลาค่ำโจโฉยกทหารไปทางประตูด้านตะวันตก เห็นธงขาวเป็นสัญญาณตามที่นัดหมาย ก็คอยเวลาอยู่

พอตกกลางดึกเดือนมืด มีเสียงสัญญาณม้าล่อ ประตูเมืองก็เปิด โจโฉจึงรีบนำหน้ายกทหารเข้าไปในเมือง แต่พอขี่ม้าไปถึงกลางเมืองไม่เห็นผู้คนก็สะดุ้ง กลัวจะต้องอุบาย จึงคิดจะถอยแต่ไม่ทันการ ได้ยินเสียงประทัดและทหารโห่ร้องอื้ออึงเป็นอันมาก แสงเพลิงก็ลุกโพลงขึ้นที่ประตูทั้งสี่ทิศ หันไปทางทิศตะวันออกก็เจอทหารเอกของลิโป้ ทางตะวันตกก็กระหนาบเข้ามา จะวกไปทางใต้ก็เจอข้าศึกอีก ต้องกลับม้าหนีไปทางทิศเหนือ ก็เจอลิโป้เข้าอย่างจวนตัว แต่เผอิญเป็นที่มืดมากลิโป้จำไม่ได้ นึกว่าเป็นทหารของตน จึงเอาทวนเคาะศรีษะถามว่าเห็นโจโฉบ้างไหม โจโฉเอามือบังหน้าหันข้างให้แล้วชี้มือไปอีกทาง ลิโป้ก็ชักม้าหันกลับไปทางที่ชี้ โจโฉจึงหลบไปทางประตูด้านตะวันออก

ฝ่ายเตียนอุยพลัดกับโจโฉ ตีฝ่าออกไปนอกเมืองสำเร็จแล้ว แต่ไม่เห็นเจ้านายตามมา ต้องย้อนกลับเข้าไปหาในเมืองอีก วนไปวนมาก็เจอเข้าที่ประตูซึ่งไฟกำลังลุกโชนอยู่ เตียนอุยพาโจโฉฝ่าเพลิงจะออก ก็พอดีขื่อหอรบพังลงมาถูกท้ายม้าโจโฉล้มตึง ถึงแก่ความตาย ตัวโจโฉเองนั้นกระเด็นหลุดออกมาจากกองเพลิงได้ แต่เสื้อผ้าตลอดจนหนวดและผมก็โดนไฟไหม้ ต้องฉีกเสื้อผ้า เอามือลูบหนวดและผมจนไฟดับ แล้วเตียนอุยก็ประคองขึ้นม้าออกจากเมือง กลับไปเข้าค่ายจนได้

พอรุ่งเช้าใครต่อใครมาเยี่ยม นึกว่าโจโฉคงป่วยหนัก แต่โจโฉกลับนั่งหัวเราะ บอกว่าเสียรู้คราวนี้สิ้นทหารไปมาก ต้องแก้ตัวให้ทันท่วงที จึงสั่งให้ทหารทั้งกองทัพนุ่งขาวห่มขาว ทำ เป็นไว้ทุกข์ให้โจโฉ ซึ่งหนีไฟลำบากมาตายในค่าย แล้วให้ทหารเอกยกพลไปซุ่มทางช่องเขา พอ ลิโป้รู้ข่าวว่าโจโฉตาย ก็ยกพลผ่านช่องเขาจะตีค่ายโจโฉให้สำเร็จเด็ดขาด โดยไม่ระวังตัว จึงถูกทหารของโจโฉล้อมฆ่าฟันตายเสียเป็นอันมาก แม้ตัวลิโป้จะรบต้านทานได้ แต่ก็สะบักสบอมเต็มทน ต้องถอยเข้าเมืองปักเอี้ยง รักษาเชิงเทินไว้ให้มั่นคงต่อไป

การศึกครั้งนี้ ต่างก็ผลัดกันเพลี่ยงพล้ำร่อแร่ด้วยกันทั้งคู่ ก็ยังไม่รู้ว่าจะลงเอยในรูปไหน ระหว่างแม่ทัพที่มีสติปัญญาพอฟัดพอเหวี่ยงกันคู่นี้.

###########



Create Date : 09 เมษายน 2560
Last Update : 9 เมษายน 2560 12:03:43 น. 0 comments
Counter : 216 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.