" IT'S TIME FOR HAPPY RETURNS "
Group Blog
 
All blogs
 

เมื่อลมหนาวพัด .. (เ ธ อ) .. มา

‘ลมหนาวมาแล้ว’ สายลมเย็นที่พัดในเช้านี้ทำเอาฉันยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะสูดหายใจเฮือกใหญ่อย่างจะซึมซับกลิ่นฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

ฉันชอบฤดูหนาว ถึงขั้นภาวนาอยู่ทุก ๆ ปีให้ฤดูหนาวอยู่ยาวนานกว่าที่เคยเสมอ เสื้อคอเต่าผ้าขนนุ่มเนื้อบางถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้งสำหรับหนาวแรกของปีนี้

ฉันยืนยิ้มอยู่หน้ากระจกอย่างขันตัวเอง เขาจะว่าฉันออกนอกหน้าไปไหมนะ


..


“ซื้อสีดำอีกล่ะ ไม่เอาสีหวาน ๆ บ้างเหรอ สีชมพูตัวนี้ไหม ลายสวยดีนะ” ฉันหันไปมองเสื้อไหมพรมคอปาดสีชมพู สลับเหลืองอ่อนในมือเพื่อนสาวคนสนิท ก่อนส่ายหน้า ย่นจมูกหน่อย ๆ


“ไม่ล่ะ หวานไป เอาตัวนี้แหละ” ฉันหันมาดูเสื้อคอเต่าสีดำ แขนสั้นประมาณต้นแขนที่กำลังถือทาบตัวอยู่หน้ากระจก อีกครั้ง ทันได้สบสายตากับอีกใครอีกคนในกระจกด้านหลัง เสียงนุ่มทุ้ม ลอยมาให้ได้ยินเบา ๆ


‘ผมว่าสีดำ เข้ากับคุณมากกว่า’ ฉันหันไปมองเสี้ยวหน้าขาว ๆ กับรอยยิ้มอ่อน ๆ บนริมฝีปากบาง


..


“โกโก้ได้แล้วหนู” ฉันเอื้อมมือไปรับก่อนจะส่งแบงค์ร้อยในมือให้
“แบงค์ย่อยมีไหมจ๊ะ ป้าไม่มีตังค์ทอนเลยลูก” ฉันยิ้มแหย ๆ วางแก้วโกโก้ร้อน ก่อนควานหาเศษตังค์ในกระเป๋าทุลักทุเล


“ นี่ครับป้า .. เอาของผมไปก่อนแล้วกันคุณ” เจ้าของเสียงทุ้มคนเดิม มาเมื่อไหร่ไม่รู้ เขาส่งแบงค์ยี่สิบในมือให้ป้าคนขายก่อนยกแก้วโกโก้ขึ้นมาส่งให้ฉันแล้วออกเดิน


“คุณ ..ขอบคุณที่ออกเงินไปให้ก่อนนะคะ แต่ฉันไม่มีแบงค์ย่อยคืนคุณตอนนี้เลย รอแป๊ปนึงได้ไหมคะ ฉันจะไปยืมเพื่อนมาให้ ” ฉันบอก เดินตามเขาที่เดินเรื่อย ๆ


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้เจอกันคราวหน้าคุณค่อยคืนผมก็ได้ .. ผมอยู่ตึก 6 ชั้น 2 .. ข้างล่างคุณชั้นนึง ” เขาบอก หันมามองฉันยิ้ม ๆ ก่อนจะทิ้งประโยคที่ทำให้ฉันหน้าแดง “ผมว่าแล้ว ว่าคุณใส่เสื้อตัวนี้แล้วสวย”


..



สายลมเย็นที่พัดกระทบผิวหน้า ทำเอาฉันอดไม่ได้ที่จะเป่าปากฟู่ ยกมือกอดอกอย่างอัตโนมัติ ก่อนจะรีบเอื้อมมือไปรับถ้วยโกโก้ร้อนควันฉุยจากมือใหญ่ตรงหน้า


“รอนานไหมครับ วันนี้ป้าทำท่าจะขายดีคิวยาวเหยียดแต่เช้าเลย” เจ้าของกาแฟร้อนกลิ่นหอมนั่งลงข้าง ๆ


“ปีนี้น่าจะหนาวกว่าปีที่แล้วนะคะคิม แค่เริ่ม ๆ ลมตอนนี้ก็ทำเอาหน้าชาเลย” ฉันเป่าโกโก้ร้อนในมือก่อนยกขึ้นจิบให้ความอุ่นร้อนวาบลงไปเป็นทาง แล้วแตะปลายนิ้วอุ่นข้างแก้ม


เขามองแล้วหัวเราะ ก่อนปลดผ้าพันคอผืนนุ่มเอามาพันให้ที่รอบคอฉัน “ผมว่าแค่เสื้อไหมพรมบาง ๆ ตัวเดียวไม่พอแล้ว ถ้านึกจะมานั่งรับลมเล่นยามเช้าแบบนี้นะ”


ฉันย่นจมูกให้เขา “มินไม่ได้มานั่งรับลมเล่นเฉย ๆ นะ มินมาขอบคุณลมหนาวต่างหาก ที่พัดคุณมาหามินเมื่อปีก่อน” เขาหัวเราะกับคำตอบ เอื้อมมือมาโยกหัวฉันเบา ๆ

“งั้นผมน่าจะเป็นคนที่ต้องขอบคุณต่างหาก”








 

Create Date : 12 ตุลาคม 2552    
Last Update : 12 ตุลาคม 2552 20:13:33 น.
Counter : 526 Pageviews.  

โลกทั้งใบ :: โลกของผม

ลมพัดแรง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ผู้คนคร่าคร่ำยามเย็น ต่างเร่งฝีเท้ากลับบ้าน ไม่ก็คงเป็นที่นัดหมาย
หรือแย่ที่สุด ก็คงเป็นห้างสรรพสินค้าซักแห่ง ที่จะเป็นที่พักหลบสายฝนเย็นที่กำลังจะมาในอีกไม่ช้า


รองเท้าสวยงามคู่แล้วคู่เล่า ที่เดินผ่านหน้าไม่ได้หยุดชะลอฝีเท้า หากหยุดก็เพื่อเบี่ยง และหลบหลีก‘ของ’ ที่เกะกะ ระหว่างทางที่ใช้เดินสวนกันเท่านั้น

..
..

ผมรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็น ‘ของ’ ชิ้นหนึ่งไปตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้ ทุกวันที่ผมมานั่งที่เชิงสะพานข้ามคลองที่เดิม เพื่อขอน้ำใจจากคนเดินผ่านไปผ่านมา มีเพียงบางช่วงเวลา ที่ผมจะรู้สึกถึงความมีตัวตนของตัวเอง มือที่วาง เหรียญบาท เหรียญห้าบาทนั่นไง ที่ทำให้ผมรู้ว่า ผมยังมีลมหายใจ มีเลือดเนื้อ ไม่ใช่เพียงวิญญาณที่ยังไม่หลุดพ้นบ่วงแห่งความทรมาน




ความโชคดีของผม คงไม่ต้องหวังเรื่องการขึ้นเงินเดือนอย่างพนักงานบริษัทที่แต่งตัวโก้หรู และไม่กล้าหวัง ถูกหวยถูกรางวัลเหมือนพวกแม่ค้าที่คุยกันเสียงดังอยู่ทุกเดือน แค่มีมือที่หยิบยื่นข้าวให้อิ่มท้องซักกล่องอย่างตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว เพราะนั่นหมายถึง ผมไม่ต้องนั่งนับเศษสตางค์ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจะรอให้มันพอกับข้าวซักจาน




กระเพราไก่ ไข่ดาว เมนูอาหารง่าย ๆ ที่คนซื้ออาจจะไม่ได้ใส่ใจที่จะเลือกมากมาย แต่มันก็เต็มไปด้วยความหมายสำหรับผม สองมือสั่นรีบเปิดกล่องตักข้าวเข้าปากด้วยความหิวจากท้องที่ว่างตั้งแต่มื้อเช้า ก่อนจะนึกขึ้นได้.. ผมแบ่งข้าวอีกครึ่งกับไข่ดาวใส่กล่องโฟมอีกข้าง เลือกกินเฉพาะด้านที่เป็นผัดกระเพรา แน่นอนว่าผมไม่มีทางกินเหลือซักเม็ด




ทันทีที่ข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก เปิดขวดน้ำขวดเก่าที่ไปกรอกมาจากก๊อกน้ำประปาขึ้นดื่ม เม็ดฝนเม็ดโตร่วงหล่นกระทบผิวหน้า ผมรีบเก็บข้าวส่วนที่เหลือ และแก้วพลาสติกเก่า ๆ ของร้านดังที่มีอยู่เต็มเมืองเข้าย่ามใบเก่ง เทเหรียญบาทเหรียญห้าบาท สองสามเหรียญกำใส่ชายเสื้อเอาหนังยางรัดแน่น




สองเท้าเล็กๆ ที่มากระทบหลังทำให้ผมต้องหันไป ก่อนจะส่งยิ้มแรกของวันไปให้ เจ้าหมาน้อยตัวมอม ๆ ส่ายหางดุกดิก ร้องงี๊ดง๊าด ผมมองตามันแว้บนึง ก่อนหยิบกล่องข้าวที่เก็บใส่ย่ามออกมาอีกครั้ง เอามือบี้ไข่ดาวคลุกกับข้าวแล้ววางลง เจ้าตัวเล็กก้มหน้าก้มตากินอย่างแทบไม่หยุดหายใจ บางทีมันคงจะอดมาหลายมื้อเหมือนผม จึงหิวโซขนาดนั้น เม็ดฝนเริ่มล่วงหล่นหนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ แต่เจ้าหมาน้อยยังคงก้มหน้าก้มตากิน ไม่สนใจที่ตอนนี้จะหัวหูเปียกลู่ มันกิน เงยหน้าขึ้นสะบัดเนื้อตัวไล่ละอองฝน แล้วก้มหน้ากิน สลับกันไป




ข้าวเม็ดสุดท้ายหายวับ มันเลียถาดโฟมจนเกลี้ยง ผมเก็บกล่องเปล่านั้นเข้ากระเป๋าย่าม ก่อน อุ้มมันขึ้นแนบอก รีบวิ่งเข้าไปหลบใต้เพิงสังกะสีร้านขายของใกล้ ๆ กับทางเข้าห้างใหญ่ เจ้าหมาน้อย ที่ไม่กลัวน้ำฝนเมื่อกี๊ตอนนี้กลับกำลังตัวสั่นด้วยความหนาว ผมกอดมันแน่นขึ้น เอามือถูตัวมันไปมา มันเงยหน้าขึ้นมองแล้วเลียหน้าผม วินาทีนั้นผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว .. ผมอาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยในโลกของคนอื่น แต่ในโลกของผม ผมมีเจ้าหมาน้อยตัวนี้ ผมมีความสำคัญสำหรับมัน และมันก็สำคัญสำหรับคนที่ไม่มีใครเลย ในโลกใหญ่ ๆ ใบนี้ อย่างผม

...
...


ฝนที่ตกเป็นสาย ทำให้การจราจรของเย็นวันศุกร์แย่เสียยิ่งกว่าแย่ รถติดไม่ขยับอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง ทิวทัศน์สองข้างทางไม่มีอะไรที่ชวนให้ดูในลักษณะที่เรียกว่ารื่นรมณ์ รถติด คนเดินพลุกพล่าน มอร์เตอร์ไซค์เบียดซ้ายเลาะขวา แต่ในความรีบเร่ง ฉันเห็นสิ่งหนึ่งที่แปลกไป

‘เขา’ นั่งอยู่ตรงนั้น นิ่งนาน สายตาที่ทอดยาว หม่นหมอง ว่างเปล่า ราวกับไม่เห็นสิ่งวุ่นวายใดๆ ตรงหน้าแม้แต่น้อย








 

Create Date : 28 กันยายน 2552    
Last Update : 28 กันยายน 2552 18:24:54 น.
Counter : 638 Pageviews.  

กาแฟถ้วยนั้น

ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อน ๆ ของวันใหม่

เข้ากับกลิ่นหอมของกาแฟถ้วยเล็ก ๆ ในมือ ที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่น

เข้ากับเสียงกรุ๊งกริ๊งของช้อนที่คนกระทบกับถ้วยกาแฟเบาๆ

กาแฟก็เหมือนความรัก มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจให้อยากลองลิ้ม ดื่มกิน

แม้จะขมบ้าง หวานบ้าง ในบางครั้งก็ตาม

..
..




“อ้าว ทานกาแฟกะเค้าด้วยเหรอเนี่ยเรา” เสียงทักดังขึ้นหลังจากได้ยินเสียงประตูเปิด และฉันเพิ่งหยิบขวดกาแฟลงมาจากตู้


“ค่ะพี่ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย บ่ายนี้เลยสู้ไม่ไหว ตาจะปิดแล้ว” ฉันตอบยิ้ม ๆ เอื้อมมือหยิบขวดน้ำตาล และคอมฟี่เมตลงมาวางข้าง ๆ กัน


“พี่ณัฐล่ะ ง่วงเหมือนกันล่ะสิ” ฉันเลื่อนขวดกาแฟไปตรงหน้าเขาที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ หาถ้วยกาแฟในตู้เก็บด้านล่าง


“อย่างพี่เรียกว่าติดมากกว่า ต้องเช้าแก้ว บ่ายแก้ว” เขาตอบหลังจากเลือกถ้วยลายเรียบ ๆ ได้ใบนึง เปิดฝาขวดตักกาแฟเต็มช้อนพูน ๆ ก่อนหันไปกดน้ำร้อนจากกระติกด้านข้าง


ฉันมองอย่างทึ่ง ๆ กาแฟเขาชงง่ายอะไรขนาดนั้น และเขาคงจะเข้าใจสายตาฉันผิดไป ถึงได้หัวเราะเก้อ ๆ “ ยังไม่ได้ชงอีกเหรอ กลายเป็นพี่ตัดหน้าไปซะนี่”


“เปล่าหรอกค่ะ นาน ๆ กินที เลยกำลังคิดอยู่ว่าจะใส่อะไรเท่าไหร่ดี” คำตอบฉันทำให้เขายิ้ม


“123 .. กาแฟ 1 น้ำตาล 2 ครีม 3 หวานมันกำลังดี” เขาขยายความหลังจากเห็นฉันทำหน้างง ๆ ส่วนฉันได้แต่โคลงหัวหน่อย ๆ ก่อนจะจัดการชงเจ้า 123 ตามที่เขาว่า


“ฮืมม .. อร่อยแหะ สงสัยต้องจำไว้บ้างแล้วค่ะ ปกติชงกาแฟ ..อร่อยวันเว้นวัน” ฉันตอบหน้าตายแบบที่ทำให้เขาหัวเราะออกมา


..
..


10 โมง และ บ่าย 3 .. 3 วันแล้วที่ฉันเพิ่งสังเกตุเวลาที่คนบอกว่า “ติด”กาแฟ เดินเข้าห้องกาแฟ


“พักนี้นอนดึกเหรอเรา เป็นขาประจำห้องกาแฟไปอีกคนล่ะ” เขาหันมาตามเสียงประตูเปิดก่อนทักยิ้ม ๆ


กับ 3 วัน .. ที่ฉันได้มาเจอเขาอย่าง ’บังเอิญ’ ในยามบ่าย


“ค่ะ พักนี้ติดนิยายน่ะค่ะ อ่านแล้ววางไม่ลงข้ามไปวันใหม่ทุกที” ฉันแอบไขว้นิ้ว มือที่เอื้อมเข้าไปหยิบถ้วยกาแฟในตู้ก่อนตอบ


“ดีสิ พี่จะได้มีเพื่อนคุย”


..
..



กาแฟก็เหมือนความรัก มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจให้อยากลองลิ้ม ดื่มกิน
รสชาติขมๆ หวาน ๆ ที่ปลายลิ้น .. ชวนให้ติดใจ



บ่าย 3 .. เวลากาแฟของเขาลดลงเหลือเพียงมื้อบ่ายมื้อเดียว


“ เดี๋ยวนี้พี่ณัฐ ไม่ทานการแฟมื้อเช้าแล้วเหรอคะ” ฉันถามยิ้ม ๆ


“เห็นด้วยเหรอ” เขาคงตีความหมายยิ้มของฉันผิดไปอีกเหมือนเดิม จึงตอบกลับมาด้วยสีหน้าเก้อ ๆ


“เขาเปลี่ยนเวลาน่ะ” ฉันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ


“ ก็น้องวีไง ปกติเขาจะเข้ามาทานกาแฟตอน 10 โมงเป็นประจำ พี่เลือกมาทานเวลานั้นเพราะเขาน่ะ” เขาตอบแบบยิ้มปลง ๆ


“พี่ณัฐสนใจเขา” ฉันถามเบา ๆ เสียงดังกรุ๊งกริ๊งของช้อนที่กระทบกับถ้วยกาแฟหายไป


“เงียบ ๆ ไว้ล่ะ เห็นว่าเป็นเรานะเนี่ยถึงบอก ว่าแล้วก็ปรึกษาหน่อยสิ พี่จะทำไงดี จะเปลี่ยนไปตรงกับเขาอีกก็จะมีพิรุธมากไปไหม” หน้าเขากลุ้มจริงจัง


ส่วนฉัน ... กำลังรู้สึก กาแฟที่ติดปลายลิ้นในวันนั้นขมกว่าทุกวัน


..
..

กาแฟก็เหมือนความรัก มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจให้อยากลองลิ้ม ดื่มกิน
รสชาติขมๆ หวาน ๆ ที่ปลายลิ้น ความอุ่นร้อนวาบลงไปเป็นทาง .. เพียงครู่หนึ่งก่อนจะจางหาย



10 โมง .. หลังจากวันนั้น พี่ณัฐจะถือกาแฟในถ้วยสีหวานติดมือออกมาคู่กับถ้วยกาแฟใบเรียบใบเดิม


เขาหันมายิ้มให้ฉันตอนเดินผ่านโต๊ะ .. ฉันยิ้มตอบ มองเขาเอากาแฟถ้วยนั้นวางที่โต๊ะของผู้หญิงที่ถัดไปด้านหน้า


คงไม่น่าจะเป็นอะไร ถ้าอยู่ๆ ฉันจะเลิกติดนิยาย ..เลิกติดกาแฟ






((ขอบคุณภาพถ้วยกาแฟสวย ๆ จาก blog ป้ากุ๊กไก่ค่ะ))






 

Create Date : 14 กันยายน 2552    
Last Update : 12 ตุลาคม 2552 20:12:49 น.
Counter : 7343 Pageviews.  

:: กอด ::

‘สถานีต่อไป กำแพงเพชร next station ….’



ฉันก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ หลังจากได้ยินเสียงประกาศสถานีที่ต้องการจะลง
อีก 20 นาทีกว่าจะถึงเวลานัด ฉันจึงเดินอย่างไม่รีบร้อน หากก็ระวังไม่ให้เกะกะเพื่อนร่วมทาง
ฉันยังคงเป็นยังงี้เสมอ นัดคุณทีไรฉันก็จะรีบมาให้ทันเวลาที่เรานัดกันไว้
แม้จะรู้ว่าฉันต้องเป็นฝ่าย “รอ” คุณเสมอ ๆ ก็ตาม





แสงแดดในบ่ายวันอาทิตย์ และอากาศที่ร้อนระอุทำให้ฉันต้องหยีตาและเป่าปากฟู่
ฉันเลือกที่จะยืนแอบ ๆ อยู่หน้าสถานีมากกว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยก่อนวนกลับมาอีกครั้ง
อย่างที่คุณรู้ ฉันมันจอมหลงทาง เดินไปเดินมา ดีไม่ดีก็กลับมาที่เก่าไม่ถูก





เรามาที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ ต้นเดือนมกรา ของเมื่อปีหรือ 2 ปีก่อน
คนยังเยอะเหมือนเดิม นักดนตรีที่เล่นเปิดหมวกยังเป็นคนเดิมอีกเหมือนกัน
คุณคงว่าฉันมั่วอีกตามเคย แต่ฉันจำได้จริง ๆ นะ ก็เราหยุดยืนฟังกันตั้งหลายเพลงไม่ใช่หรือ





หนุ่มน้อยสาวน้อยหลายคนที่เดินจูงมือกันหนุงหนิงผ่านหน้า ทำเอาฉันอดอมยิ้มไม่ได้
เมื่อนึกถึงข้ออ้างเล็ก ๆ ในวันนั้นของคุณ ‘จะได้ไม่หลงกัน’





คุณรู้ไหม ฉันยังจำได้ทุก ๆ สัมผัสของคุณ .. มืออุ่นใหญ่ที่กุมมือ มือที่ลูบหัว
ที่ฉันซึมซับได้ว่ามีความรัก ความห่วงใย มากมายเพียงใด
ถูกส่งมาผ่านรอยสัมผัสนั้น ..





เพียงแค่เราแตะกันเพียงปลายนิ้ว หรือรอยจูบแผ่ว ๆ ของคุณที่หน้าผาก
ก็ทำให้เกิดรอยอุ่นย้ำลึกเข้าไปถึงหัวใจ





อ้อมกอดอุ่น ๆ ของคุณ
ทำให้เวลาราวกับถูกหยุดไว้ เสียงใด ๆ รอบตัวไร้ความหมาย
มีเพียงเสียงหัวใจของเราเท่านั้นที่กำลังเต้นสอดประสานกัน


.
.



“รอนานไหมอ่ะ” เสียงที่อยู่ ๆ ดังขึ้นทำเอาฉันหันขวับจนคนทักเองก็ตกใจ

“. . . ทักซะตกใจหมด” ฉันตอบ

“โอเคหรือเปล่าน่ะ ยังไงเราเดินเลือกคนเดียวก็ได้นะ ของชำร่วยอ่ะ” คนมาใหม่ทำสีหน้ากังวล

ฉันมองเธอขำ ๆ เธอเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน วันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตฉัน

เธอก็เป็นคนแรกที่มาอยู่เคียงข้าง .. แล้วในวันที่น่ายินดีที่สุดที่ได้รู้ว่า

เธอและแฟนหนุ่มของเธอ คนที่คบกันมา พร้อม ๆ กับที่ฉันคบกับคุณ จะแต่งงาน

ฉันจะไม่ช่วยเธอได้ยังไงจริงไหม แม้ลึก ๆ ในหัวใจจะอดรู้สึกไม่ได้

ถ้าคุณยังอยู่ .. จะเป็นวันที่น่ายินดีสำหรับเราบ้างไหมนะ ..

“ทำหน้าอะไรยังงั้น เราอาสามาเอง ตัวเองไม่ได้บังคับซะหน่อย ไม่ต้องกังวลน่า

มันผ่านไปนานแล้วล่ะ สถานที่เดียวกันก็จริง แต่ก็คนละวัน คนละเดือน คนละปี”

ฉันพูดทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่า ถ้าฉันเห็นสถานที่ที่เขาคนนั้นของฉันล้มลงจมกองเลือด

ฉันจะเดินผ่านมันไปได้จริง ๆ ไหม


.
.


7 ปีของความรัก และ 2 ปี ของการร้างรา อย่างไม่มีวันจะได้กลับมาเจอกันอีกเลย
ก็ทำให้การต้องกลับมาในสถานที่สุดท้ายแห่งความทรงจำระหว่างเราเจ็บปวดไม่น้อย




เราชอบมาเดินเล่นที่นี่กันในวันหยุด ของเยอะ และคนก็เยอะ
คนร้อยแปดจำพวกที่ทำให้คนเดินอย่างเราๆ ต้องระวังตัวไว้บ้าง




ฉันจำได้ว่าสะดุ้งจากเสียงกรี๊ดจากด้านหลัง ก่อนถูกแรงปะทะจนล้มลง
เสียงตะโกนโหวกเหวกว่าคนกระชากกระเป๋า วินาทีที่ฉันเงยหน้าขึ้น
ฉันเห็นเขาออกวิ่งตาม ..
เห็นมีดยาวสะท้อนแสงพระอาทิตย์ยามบ่าย
และสุดท้าย..เห็นร่างของเขาที่ล้มลง


.
.


“แล้วดูอะไรอยู่น่ะ” คนถามสีหน้าดีขึ้นหน่อยเมื่อได้ฟังคำตอบ

“นางฟ้าตัวน้อยนั่นไง เคยมาไม่เห็นมี” ฉันชี้มือไปที่หน้าร้านขายของฝั่งตรงข้าม

เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ใส่ปีกนางฟ้า ยืนหน้าตายิ้มแย้ม ข้าง ๆ กันมีป้าย FREE HUGS เขียนไว้


“การตลาดอย่างหนึ่งน่ะ มีมาพักนึงแล้ว กลายเป็นเดี๋ยวนี้เอาเด็ก ๆ มาเรียกลูกค้ากันใหญ่ ”

คนที่มาบ่อยกว่าตอบผ่าน ๆ ตามองคนเดินผ่านไปผ่านมา ที่มีทั้งเดินผ่านไปเฉย ๆ และแอบอมยิ้ม

“หืมม เดี๋ยวมานะ” ฉันบอกโดยไม่รอฟังประโยคตอบรับ

หากเดินเข้าไปยิ้มให้นางฟ้าตัวน้อยตรงหน้า ก้มลงกอดเธอเบา ๆ






‘ ถ้าคุณได้ผ่านมาแถวนี้ ฉันฝากอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักและความคิดถึงไว้ตรงนี้นะคะ’







 

Create Date : 31 สิงหาคม 2552    
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 16:45:24 น.
Counter : 701 Pageviews.  

กาลครั้งหนึ่ง ..

“ม่าม๊า ทำไมป่าป๊ามาช้าจัง” เสียงเด็กเล็ก ๆ ดังขึ้นด้านหลังของพนักเก้าอี้ตัวยาวที่นั่งอยู่ ปลุกให้ฉันหลุดจากภวังค์

“สงสัยป่าป๊ายังหาที่จอดรถไม่ได้ลูก หนูหิวล่ะสิ เอ้า..นี่ไงไข่หวานของโปรด หนูกินก่อนเลยลูกไม่ต้องรอป๊าหรอก” เสียงเล็ก ๆ แบบคนใจดีของคนเป็นแม่ตอบ

“แล้วม่าม๊าล่ะ”
“เดี๋ยวม่าม๊ากิน ม่าม๊ารอป๊าก่อน”

“งั้นหนูก็จะรอป่าป๊าเหมือนกัน” เสียงเจื้อยแจ้วของคนเป็นลูกกับเสียงยิ้ม ๆ เย็น ๆ ของคนเป็นแม่ยังคงดังมาเป็นระยะ





“ม่าม๊า หนูอยากฟังนิทาน”
“เอ้า มาอยากฟังอะไรตอนนี้ แน่ะไม่เอา นอนลงมาได้ไงลูก ไม่อายพี่คนมาเสริฟอาหารเหรอ”

น่าแปลกที่ในยามที่อารมณ์กำลังไม่ปกติไม่ได้ถูกทำให้ขุ่นมัวขึ้นด้วยเสียงของสองแม่ลูกด้านหลัง หากทำให้รู้สึกว่าการต้อง “รอ” เพียงคนเดียวก็ไม่โดดเดี่ยวเกินไป

“อ่ะ ๆ ก็ได้ งั้นวันนี้ม่าม๊าจะเล่าเรื่องพิเศษให้ฟังเลยน๊า ” ฉันนั่งกอดอกพิงพนักอมยิ้ม ราวกับถูกหลอกล่อด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ นั่นไปด้วยอีกคน



..
.



กาลครั้งหนึ่ง..นานมาแล้ว ปราสาทอันไกลโพ้นเป็นที่ประทับของพระราชาผู้ใจดีและเจ้าหญิงองค์น้อยที่น่ารัก

วันหนึ่งขณะที่ทั้ง 2 พระองค์กำลังเดินเล่นชมสวน มีทหารคนสนิทอุ้มเด็กทารกหน้าตาน่าเกลียดเข้ามาคนหนึ่ง

เขาบอกพระราชาว่า “เด็กทารกนี้ถูกทิ้งไว้ที่หน้าวังพระเจ้าค่ะ” คนเล่าทำเสียงให้ใหญ่ขึ้นสมกับเรื่องอย่างคนเล่านิทานมืออาชีพ

เด็กทารกที่พระราชาได้เห็นนั้นมีปานสีแดงที่หน้าไปครึ่งหนึ่ง
“ อ๊ะ..เหมือน..” เสียงเล็ก ๆ ขัดขึ้นก่อนจะเงียบลงเนื่องจากคนเล่ายังคงเล่าต่อ


ด้วยความสงสารพระราชาจึงตัดสินใจเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ โดยไม่ฟังคำทัดทานของบรรดาขุนนาง ที่ว่าเด็กคนนี้เป็นแม่มด เป็นตัวกาลกิณี


และก็คงเป็นเช่นนั้นจริง เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากนางแม่มดน้อยถูกเก็บมาเลี้ยง เจ้าหญิงองค์น้อยที่เป็นที่รักยิ่งของพระราชาก็มีอันเป็นไป


หลังจากนั้นแม่มดน้อยถูกเรียกว่าตัวโชคร้าย ไม่มีใครอยากเข้าใกล้นาง ไม่มีใครอยากพูดด้วย มีเพียงพระราชาพระองค์เดียวเท่านั้นที่ไม่โทษว่าเป็นความผิดของนาง


“เด็กคนนี้เป็นลูกของเราอีกคนหนึ่ง อย่าให้เรารู้ว่าใครเรียกนางว่าแม่มด หรือทำร้ายนางด้วยวิธีใด ๆ อีก” ถ้าฟังไม่ผิด คนเล่าไม่ได้ทำเสียงของพระราชาให้ทุ้มห้าวใหญ่เหมือนเสียงนายทหารเมี่อกี๊นี้เลย เพราะมันดูเบา และสั่นเครือในตอนท้าย หากคนเล่าก็ยังคงเล่าต่อ ..




..
..


คำกล่าวของพระราชาไม่ได้ช่วยนางได้เลยในยามลับหลัง ถ้อยคำและการกระทำร้าย ๆ ต่าง ๆ ล้วนยังคงประดังประเดเข้าใส่ ในขณะที่แม่มดน้อยที่เติบโตขึ้นก็เริ่มรู้จักที่จะใช้การตอบโต้อย่างร้ายกาจขึ้นพอกัน บางที..หัวใจนางตอนนั้นก็อยากจะเป็นแม่มดขึ้นมาจริง ๆ


และในบ่ายวันหนึ่ง หลังจากนางกำนัลคนหนึ่งเอาชุดแสนสวยของนางไปทิ้ง “ชุดของเจ้าหญิงแม่มดไม่มีสิทธิใส่” แม่มดน้อยเอาก้อนหินเขวี้ยงเข้าใส่นางกำนัลจนหัวแตกก่อนจะวิ่งหนีมาหลบร้องไห้ทุบตีตัวเอง 'ฮือ ๆ ข้าเป็นแม่มดไปแล้วจริง ๆ '


นางร้องไห้จนไม่รู้ว่า มีใครบางคนยืนดูนางอยู่นานแค่ไหนแล้วถึงได้ยินเสียง “อย่าร้องเลย”


แม่มดน้อยเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะรีบก้มหน้าหลบด้วยความอายหน้าอันอัปลักษณ์ของตนเอง “ท่านเป็นใคร” แม่มดน้อยถามด้วยเสียงสั่น ๆ


“เราเป็นเจ้าชาย ท่านพ่อเรามาเยี่ยมท่านลุง ตามประสาเพื่อนเก่าแก่ เจ้าเป็นเจ้าหญิงที่ท่านลุงให้เราลงมาทำความรู้จักไว้สินะ เราชื่อ ..” เจ้าชายไม่ทันพูดจบประโยคก็ถูกขัดด้วยเสียงเล็ก ๆ


“เราเป็นแม่มด เจ้าหญิงที่ท่านหาที่นี่ไม่มีหรอก”
“เจ้านะหรือเป็นแม่มด ไม่เห็นเหมือนตรงไหน” เสียงตอบอย่างงุนงงออกมาจากใจแท้จริง


แม่มดน้อยเงยหน้าที่อัปลักษณ์ขึ้นช้า ๆ “ท่านดูข้าชัด ๆ แล้วบอกข้าอีกทีว่าข้าไม่เหมือนแม่มดตรงไหน”


“ตรงที่เจ้าร้องไห้ไง เป็นแม่มดชั่วร้ายน่ะ จะโหดเหี้ยม ไร้ความรู้สึกและไร้จิตใจ แต่ที่ข้าเห็น เจ้ายังมีหัวใจ เจ้าไม่มีวันเป็นแม่มดหรอก”


“แต่หน้าข้า ..” คนตัวเล็กเอามือลูบใบหน้าฝั่งที่มีรอยปาน
“นั่นคือสิ่งภายนอก มันไม่อัปลักษณ์เท่าใจคนที่โกรธเกรี้ยว เคียดแค้นและชิงชังหรอก อย่าให้ลมปากของผู้อื่นทำให้เจ้าต้องเป็น


สิ่งที่เจ้ามีมาแต่เกิดคือสิ่งที่เจ้าเลือกไม่ได้ แต่สิ่งที่เจ้าจะเป็นต่อไปยามมีลมหายใจนั่นต่างหากคือสิ่งที่เจ้าต้องกำหนดมันเอง


ถ้าอยากให้คนอื่นรักตัวเรา เราต้องรักตัวเราเองก่อน เรียนรู้ที่จะทำให้คนอื่นใช้ใจมองเรา แล้วเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงเช่นกัน”


เจ้าชายรูปงามพูดช้า ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาก้มลงจูบที่หน้าผาก ..บนปานแดงของแม่มดน้อย






“ ฮ้า แม่มดน้อยก็หายน่าเกลียด กลายเป็นเจ้าหญิงเลยใช่ไหมม่าม๊า” เสียงเล็ก ๆ ถอนหายใจเฮือกก่อนพูดขึ้นมาอย่างด่วนจี๋แบบคนที่ลุ้นอยู่นานแล้ว


ส่วนฉันได้แต่ไม่กล้าเดา ..เรื่องนี้จะจบง่ายๆ อย่างเจ้าชายกบนะหรือ
“ไม่ใช่ลูก จูบของเจ้าชายไม่ได้ผลที่กายของแม่มดน้อยเลย นางก็ยังคงเป็นแม่มดที่อัปลักษณ์เช่นเดิม


หากถ้อยคำของเจ้าชายต่างหากที่มันทะลุลงไปถึงหัวใจนาง แม่มดน้อยเริ่มเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และรักแม้แต่คนที่เกลียดเรา


เรียนรู้ที่จะอภัย เรียนรู้ที่จะพอใจและเข้าใจในสิ่งที่ตนมี เท่านี้เอง ต่อให้นางมีปานแดงครึ่งหน้า หากสิ่งที่เห็นชัดกว่ากลับเป็นดวงตาที่ใสกระจ่างและ รอยยิ้มที่สดใส นางได้เป็นเจ้าหญิงจากหัวใจ”






คนเล่าเงียบไปนาน จนคนแอบฟังอย่างฉันแทบจะแอบถอนหายใจ จบแล้วงั้นเหรอ แค่นี้ ??
เจ้าตัวเล็กด้านหลังคงไม่ยอมเช่นกัน เพราะมีเสียงประท้วง “แล้วเจ้าชายล่ะม่าม๊า”


“เจ้าชายเหรอ ...” คนเล่าทอดเสียง ให้ทั้งคนตัวเล็กและคนตัวโตที่แอบฟังอยู่อีกฝั่งลุ้นตัวโก่ง


“เจ้าชายบอกกับแม่มดน้อยในวันหนึ่ง เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าเจ้าคือเจ้าหญิง ..สุดท้ายทั้งคู่ก็รัก และแต่งงานกัน มีเจ้าหญิงน้อย ๆ ออกมา 1 พระองค์ชื่อว่า เจ้าหญิงน้อยเมนาไงล่ะจ๊ะ”


“วู้ .. ชื่อเจ้าหญิงเหมือนหนูเลยม่าม๊า” คนตัวเล็กกรี๊ดกร๊าดชอบอกชอบใจก่อนจะบอก
“นั่นป่าป๊ามาแล้ว เย้” ด้านหลังเบาะไหวยวบยาบ สะท้อนสะท้านมาให้อีกฝั่งรู้สึก ฉันยกมือดูนาฬิกา อีก 2 นาที จะครบชั่วโมงพอดี


ครึ่งชั่วโมงหลังที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเพลิดเพลิน ทำเอาอารมณ์ที่หงุดหงิดของฉันหายเกลี้ยง ฉันยืดตัวที่เริ่มเมื่อยขบขึ้นตรง ๆ ก่อนจะมองตัวเองในกระจกและเลยไปถึงเงาสะท้อนของผู้ชายอีกคนที่เดินยิ้มกว้างมาแต่ไกล


สองแม่ลูกไม่ต้องรอแล้ว ฉันเอง..ก็เหมือนกัน ฉันวางเงินเป็นค่าเกี๊ยวซ่ากับชาเขียวที่แทบจะไม่พร่องก่อนจะลุกขึ้นหมุนตัวทันเดินสวนกับชายหนุ่มตรงกลางทาง เขาหลบให้อย่างสุภาพ ส่วนฉันได้แต่เอ่ยขึ้นเบาๆ “ ขอบคุณค่ะ เจ้าชาย”


.
.


บ่ายวันนั้นรอยยิ้มจาง ๆ ยังคงติดอยู่บนริมฝีปาก
คงจะดีไม่น้อยที่วันหนึ่ง ฉันจะมีโอกาสได้เล่าเรื่องราว “กาลครั้งหนึ่ง” ของตัวเองให้ใครซักคนได้ฟัง










 

Create Date : 03 สิงหาคม 2552    
Last Update : 3 สิงหาคม 2552 17:46:46 น.
Counter : 634 Pageviews.  

1  2  3  4  

Paulo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เค้าว่ากันว่า " สิ่งดี ๆ นั้นรออยู่และอาจพบเมื่อเราเปลี่ยนแปลง " ข้อความนี้คงจะจริง เพราะไม่ยังงั้น เราจะได้มาเจอกันเหรอ


Blog Update
"Paella ข้าวอบสเปน ที่เจ้านายสอนทำ"


"กุ้ง หอย ปู ปลา @ แดงโภชนา"


"กินลม ชมทะเล @ CHER Resort"


"แม่ปั้นดิน ชวนชิม "ไข่นายก"


"โฮมสเตย์ "แม่ปั้นดิน พ่อทำสวน" @ เชียงใหม่ (ภาค 2 )"

"โฮมสเตย์ "แม่ปั้นดิน พ่อทำสวน" @ เชียงใหม่"

"Anna & Charlie's Cafe"

"เมี้ยววว .. เค้าเรียกป๋มว่า "ลูกลิง"

"กระเป๋าน้องซู (ทรงหอยเชลล์) กับการหัดแอพพลิเคครั้งแรก "

"เงาเสน่หา .. นราเกตต์ "

"หมวกพระ.. บุญในหน้าหนาว "

"ตะลึ่งตึ่งโป๊ะ !!"

"โหมด : รำพัน"

<

Friends' blogs
[Add Paulo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.