|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ผีสุรินทร์ปะทะผีสิงคโปร์ Episode 1
ตอนนี้ผมปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นสจ๊วตของสายการบินนี้ได้ประมาณ 3 4 เดือนแล้วครับ มันเป็นไปด้วยความราบรื่นและแฮปปี้มากๆ ไฟลท์แรกๆก็มีเหนื่อยบ้าง เนื่องจากทำงานไม่ทัน และไม่เคยชิน ทำให้เมื่อต้องนอนค้างอ้างแรมที่ไหน ผมมักจะหลับเป็นตาย เอาช้างมาเหยียบก็ไม่ตื่น เลยขาดการติดต่อกับบรรดาผี ขาประจำไปนานเหมือนกัน
โดยปกติแล้วพวกสจ๊วตและ แอร์ใหม่ยังกระดูกอ่อนอยู่ ร่างกายไม่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงไปมาของเวลาตามประเทศต่างๆได้มากนัก ไหนจะที่นอน ไหนจะอาหารการกิน ที่ต้องเปลี่ยนไปมาบ่อยๆ ตามประเทศที่ไปพัก ทำให้บริษัทฯ จัดให้พวกเราบินอยู่ในแถบภูมิภาคเอเชียก่อนในช่วง 2 ปีแรก ที่หมายที่ฮ็อตสุดๆ ก็ สิงคโปร์ นี่แหละ เพราะอยู่ใกล้กับไทย โดยบางไฟลท์ที่เป็นไฟลท์ที่ออกจากกรุงเทพฯในตอนเย็นได้นอนค้างหนึ่งคืน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บรรดา คุณแอร์ และสจ๊วตสาว ได้ลงไปช็อปปิ้งกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
ผมจำได้ดีว่าเที่ยวบินไปสิงคโปร์วันนั้น ผมโชคดีได้บินไปกับ พอลล่า เพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทกัน และผมกำลังพยายามหาทางจีบเธออยู่ ตอนขาไปนั้น เครื่องออกตอนบ่ายแก่ๆ เพื่อจะได้ไปถึงสิงคโปร์ประมาณ ทุ่มกว่าๆ ทั้งคนและเครื่องบินจะแวะพักที่ประเทศนั้นเป็นเวลา 1 คืน เพื่อรอรับผู้โดยสารขากลับเข้ากรุงเทพฯในตอนเช้ามืด
ในเที่ยวบิน ระหว่างที่ให้บริการเสริฟอาหารร้อนให้แก่ผู้โดยสารอยู่นั้น พอลล่าก็วิ่งหน้าตาตื่นมาที่ผม มีท่าทางตกใจพอสมควร พลางร้องเรียกเสียงดัง
แอนดี้....(เอ้า! ชื่อผมจิง จิ๊ง) มานี่หน่อย ผู้โดยสารเป็นอะไรไม่รู้ อาละวาดอยู่ข้างหน้า
ผมรีบวางถาดอาหาร ขอให้เพื่อนแอร์อีกคนช่วยบริการผู้โดยสารในความรับผิดชอบของผมแทนสักครู่ แล้ววิ่งตามพอลล่าไป ในใจกระหยิ่มยิ้มย่องว่าจะได้มีโอกาสทำคะแนนให้เธอประทับใจแล้ว พอมาถึงก็เห็นบรรดาผู้โดยสารชาวไทย (มีลาวปนด้วยบางส่วน) กำลังตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ไทยมุง อยู่รอบๆ ผู้โดยสารที่มีปัญหา ผมรีบบอกให้ทุกคนหยุดมุงแล้วกลับไปนั่งที่ เพื่อให้ผมได้มีโอกาสเข้าถึงตัวผู้โดยสารคนนั้นมากขึ้น
แต่สิ่งที่ผมเห็นมันกลับเลวร้ายกว่าที่คิด มันเป็นภาพของผู้โดยสารเพศหญิง มีอายุประมาณ 20 ต้นๆที่กำลังดิ้นทุรนทุราย เหมือนกับว่ากำลังอาละวาดเพราะไม่พอใจอะไรอยู่บางอย่าง ผมยาวๆของเธอดูยุ่งเหยิง ตาดำกลอกกลับขึ้นไปข้างบน เห็นแต่ตาขาว กรามของเธอเกร็งมากทำให้ฟันขบกันอย่างแรง ริมฝีปากมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง เธอเปล่งเสียงร้องที่ดังมาก ราวกับได้รับการทรมานจากอะไรสักอย่าง แขนขาเหวี่ยงเปะปะด้วยพละกำลังที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นี้......มิน่า พอลล่าถึงไม่สามารถจัดการกับเธอได้
ใครรู้จักกับผู้โดยสารท่านนี่บ้างครับ สิ่งแรกที่ผมทำตามที่ได้รับการฝึกอบรมมาก็คือ ให้ถามหาญาติหรือเพื่อนร่วมทางของผู้ป่วย เพื่อจะได้ทราบอาการและวิธีการรักษาในเบื้องต้นที่ชัดเจน
หนูค่ะ หนูเป็นน้องสาวของเขาเองค่ะ มีเสียงเครือๆ เจือร้องไห้ ตอบมาจากเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนนึงที่ยืนหน้าซีด ตัวสั่น อยู่ข้างๆผม ดูจากการแต่งกาย พวกเธอน่าจะเดินทางมาสิงคโปร์เพื่อทำงานในหน้าที่แม่บ้านให้กับครอบครัวสิงคโปเรี่ยน ซึ่งเป็นอาชีพที่ฮิตมากสำหรับสาวไทยในยุคนั้นเพราะรายได้ดีเป็นกอบเป็นกำ
คุณพอทราบไหมครับว่า พี่สาวของคุณเป็นอะไร? ผมยิงคำถามแรกทันที เพราะผู้โดยสารคนนั้นดูจะอาละวาดหนักขึ้นเรื่อยๆ และขณะนี้ ผู้โดยสารคนอื่นบนเครื่องก็เริ่มปั่นป่วนเพราะได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอแต่ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรที่ร้ายแรงหรือไม่
ไม่รู้เลยค่ะ พี่ของหนูไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน...น้าขา...ช่วยพี่ของหนูด้วยนะคะ...แหม!!! เรียกซะแก่ เดี๋ยวก็ไม่ช่วยซะหรอก...
แต่แล้วสาวน้อยคนนั้นก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออก
อ้อ! คุณน้าคะ...อาการอย่างนี้ แถวบ้านหนูที่สุรินทร์ เค้าเรียกผีเข้าค่ะ เวลาดวงซวย เรามักจะโดนผีที่พวกหมอผีเค้าปล่อยออกมาเข้าตัว ทำให้เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ
เอ๊า...แล้วไอ้หมอผีมันมาทำบ้าอะไรอยู่บนเครื่องบินลำนี้ล่ะเนี่ย หรือใครใช้ให้ไปทำเสน่ห์ยาแฝดที่สิงคโปร์วะ? ผมก็ไม่ใช่หมอผีซะด้วยจะได้รู้วิธีไล่ผี ...จะทำยังไงดีล่ะทีนี้
โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ จู่ ผู้โดยสารคนนั้นก็เริ่มร้องเสียงดังขึ้นอีก ผมจึงตัดสินใจยื่นมือเข้าไปตบหน้าเธอเบาๆ เผื่อเธอจะรู้สึกตัวมีสติขึ้นมาบ้าง ได้ผลครับ ตาดำของเธอเหลือกกลับลงมาอยู่ในตำแหน่งปกติ แต่กลายเป็นว่าสบตา ปิ๊ง ปั๊งกับสายตาของผมเข้าให้จังเบ้อเร่อ
ฮือ ฮือ...แฮ่...... เธอร้องทักขึ้นเป็นภาษาผี ผมงง ทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ผมจะทันตั้งตัว เธอก็กระโดดงับข้อมือของผมที่อยู่แถวปากเธอเข้าให้อย่างแรง จนผมสะดุ้งสุดตัว
จ๊ากกกก... คราวนี้ผมร้องแทน เสียงดังกว่าเธออีก 15 เท่า
กรี๊ด... พอลล่าร้องเสริมขึ้น ด้วยความตกใจ ...ไม่รู้ตกใจเสียงผม หรือตกใจที่ผู้โดยสารอาละวาดกันแน่
การร้องประสานเสียงของผมและพอลล่า นอกจากจะทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บริเวณนั้นเหลียวมามองพวกเราอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ยังทำให้ เพอร์เซอร์ โชติศักดิ์ รีบวิ่งเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อหายตะลึงจากภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า พี่โชติก็เข้าช่วยเหลือผมทันทีโดยเอาทั้งสองมือง้างปากของผู้โดยสารคนนั้นให้อ้าขึ้น เพื่อให้ผมหลุดออกมา มันได้ผลครับ โชคดีที่ไม่มีแผลเลย นอกจากรอยบุ๋มของฟันที่เธอกัดเท่านั้น คงเป็นเพราะเสื้อแจ๊กเก็ตที่ใส่ตอนเสริฟอาหารช่วยป้องกันข้อมือผมเอาไว้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย แอนดี้ พี่โชติหันมาถามผม หลังจากปล่อยให้ผู้โดยสารคนนั้นลงไปนอนดิ้นกับพื้นต่อไป
ไม่ทราบเหมือนกันครับพี่ เห็นน้องคนนี้บอกว่าผู้โดยสารท่านนี้โดนผีเข้าอ้ะ ผมตอบ ตาก็ยังคงมองไปที่เธอ เพราะหวาดๆว่าเธอจะติดใจในรสชาติของผม แล้วหันมาแว้งกัดผมอีก
ผีเข้า??? พี่โชติหันไปมองที่ผู้โดยสารอีกครั้งอย่างสงสัย ผมได้แต่ภาวนาให้แกรู้จักคาถาอะไรซักอย่างที่สามารถไล่ผีไปให้พ้นๆได้
หลังจากยืนอึ้งอยู่สักครู่ แกก็หันกลับมามองหน้าผม โกรธจนหน้าดำๆของแกกลายเป็นสีแดง ตาที่มองผมแทบถลนออกมานอกเบ้า
ไอ้บ้าเอ๊ย!!!...ผี เผออะไร...นี่เค้าเรียกว่าเป็นลมบ้าหมู มึงรู้จักมั๊ยวะ!!!
ลมบ้าหมู??? ผมและพอลล่า ร้องขึ้นพร้อมๆกัน ราวกับนัดกันไว้
เออสิวะ !!! เวลาที่เครื่องบิน บินสูงๆ อ็อกซิเจนมันมีน้อย ผู้โดยสารบางคนที่สมองขาดอ็อกซิเจน ก็จะชักยังงี้ล่ะโว๊ย...ไอ้ฟาย
เอ๊า ถูกกัดแล้วยังโดนด่าอีกกู ผมเหลียวไปมองพอลล่า เห็นเธอยืนหัวเราะ กิ๊ก...โธ่ หวังจะทำคะแนนซะหน่อย เที่ยวนี้เลยติดลบเลยนิ...
เอ้า...อย่ามัวแต่ยืนงง มาช่วยกูหน่อย เอาผ้ามาพันช้อนเข้า แล้วยัดเข้าไปในปากเธอเดี๋ยวนี้
พี่โชติสั่ง ผมลังเล เพราะ กลัวว่าเธอจะงับมือผมเข้าอีกหน แต่ผมกลัวพี่โชติด่ามากกว่า เลยรีบๆเอาช้อนที่พันผ้าไว้ยัดเข้าไปในปากของเธอที่พี่โชติกำลังจับอ้าขึ้น เสร็จสรรพแล้วพี่โชติก็ปล่อยมือ ปากผู้โดยสารคนนั้นก็งับเข้ากับผ้าที่พันอยู่กับช้อนไม่กัดปากตัวเองจนเลือดไหลอีกต่อไป (หมายเหตุ: อันนี้เป็นวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น สำหรับผู้ป่วยโรคลมชัก สามารถนำไปใช้ได้จริงๆครับ)
ไปเอาถังอ็อกซิเจนมา พี่โชติสั่ง
ผมรีบปฏิบัติตามโดยทันที เพราะกลัวถูกด่าอีกเป็นรอบที่สอง เมื่อได้ถัง อ็อกซิเจน แล้วพี่โชติก็เปิดวาล์วให้มันทำงาน สรวมหน้ากากอ็อกซิเจนให้ครอบจมูกของผู้โดยสารผีสิงคนนั้น เธอหายใจเข้าออกอย่างแรง แล้วค่อยๆผ่อนลงๆ จนเป็นปกติ เนื้อตัวที่เกร็งอยู่เริ่มผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด พี่โชติเอามือตบหน้าเธอเบาๆ (เหมือนผมทำเลย แต่พี่โชติไม่ยักกะโดนกัดแฮะ) สักพักเธอก็ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง
นี่ที่ไหนคะ? หนูเป็นอะไรไปเหรอ? ทำไมพวกคุณถึงมามุงดูหนูกันยังงี้? แหม!! พอฟื้นขึ้นมาก็จะชิงแชมป์ลูกอีช่างถามจากผมเลยหรือไงเนี่ย คุณผู้โดยสาร
คุณไม่เป็นอะไรแล้วครับ แค่เป็นลมไปเท่านั้น พี่โชติตอบ พยายามทำให้เหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอจะได้ไม่อายมาก
ขอบคุณค่ะ...คุณลุง ที่ช่วยหนู ... สม...เป็นไงล่ะ ถูกเรียกลุงเข้ามั่ง...อิ...อิ... ผมแอบมองเห็นพี่โชติทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมก่อนขอตัวไปดูแลผู้โดยสารอื่นต่อ
หลังจากที่ดูอาการกันสักครู่ เห็นว่าเธอเป็นปกติแล้ว พวกเราก็ทยอยแยกย้ายกันกลับไปทำงานตามหน้าที่ เป็นจังหวะเดียวกับที่เครื่องบินโดยสารเริ่มลดระดับลงสู่พื้นดินที่ท่าอากาศยาน ชางฮี ของสิงคโปร์ ผมรีบเก็บเข้าของเครื่องใช้ในครัวให้เข้าที่ เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อการแลนดิ้ง......
เอาล่ะ! ทีนี้ก็ได้เวลาที่ผมจะพาคุณไปพบกับผีตัวจริงที่สิงคโปร์แล้วนะครับ
................................................
 
Create Date : 10 ธันวาคม 2551 |
|
12 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2551 22:13:21 น. |
Counter : 2589 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: ulno 3 มกราคม 2552 1:02:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 4 มกราคม 2552 9:30:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 10 มกราคม 2552 12:07:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 7 กุมภาพันธ์ 2552 12:56:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 23 กุมภาพันธ์ 2552 19:03:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 6 เมษายน 2552 15:23:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
สวัสดีครับ เพิ่งมาใหม่ครับ ชื่อ แมน ครับ บางทีเพื่อนๆก็เรียกว่า "แอนดี้" แต่ชอบเรียกตัวเองว่า "ปีกทองแท้" .... แปลกนะ ปีกทองแท้ไม่ชอบเที่ยวเลยครับทั้งๆที่เคยเป็นสจ๊วตอยู่ตั้ง 5 ปี แต่กลับชอบอยู่บ้านนอนกลิ้งเกลือกไปมา ไม่อย่างนั้นก็ไปเดินเล่นตามร้านขายของเก่า เพราะปีกทองแท้ชอบสะสมของเก่า(ที่มี จุด จุด จุด สิงสถิตย์อยู่)มากครับ...นี่อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ถูกผีมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ...
ยังไงๆ ปีกทองแท้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Loves
|
|
|
|
| |
|
|