|
โลกทั้งใบ :: โลกของผม
ลมพัดแรง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ผู้คนคร่าคร่ำยามเย็น ต่างเร่งฝีเท้ากลับบ้าน ไม่ก็คงเป็นที่นัดหมาย หรือแย่ที่สุด ก็คงเป็นห้างสรรพสินค้าซักแห่ง ที่จะเป็นที่พักหลบสายฝนเย็นที่กำลังจะมาในอีกไม่ช้า
รองเท้าสวยงามคู่แล้วคู่เล่า ที่เดินผ่านหน้าไม่ได้หยุดชะลอฝีเท้า หากหยุดก็เพื่อเบี่ยง และหลบหลีกของ ที่เกะกะ ระหว่างทางที่ใช้เดินสวนกันเท่านั้น
.. ..
ผมรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็น ของ ชิ้นหนึ่งไปตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้ ทุกวันที่ผมมานั่งที่เชิงสะพานข้ามคลองที่เดิม เพื่อขอน้ำใจจากคนเดินผ่านไปผ่านมา มีเพียงบางช่วงเวลา ที่ผมจะรู้สึกถึงความมีตัวตนของตัวเอง มือที่วาง เหรียญบาท เหรียญห้าบาทนั่นไง ที่ทำให้ผมรู้ว่า ผมยังมีลมหายใจ มีเลือดเนื้อ ไม่ใช่เพียงวิญญาณที่ยังไม่หลุดพ้นบ่วงแห่งความทรมาน
ความโชคดีของผม คงไม่ต้องหวังเรื่องการขึ้นเงินเดือนอย่างพนักงานบริษัทที่แต่งตัวโก้หรู และไม่กล้าหวัง ถูกหวยถูกรางวัลเหมือนพวกแม่ค้าที่คุยกันเสียงดังอยู่ทุกเดือน แค่มีมือที่หยิบยื่นข้าวให้อิ่มท้องซักกล่องอย่างตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว เพราะนั่นหมายถึง ผมไม่ต้องนั่งนับเศษสตางค์ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจะรอให้มันพอกับข้าวซักจาน
กระเพราไก่ ไข่ดาว เมนูอาหารง่าย ๆ ที่คนซื้ออาจจะไม่ได้ใส่ใจที่จะเลือกมากมาย แต่มันก็เต็มไปด้วยความหมายสำหรับผม สองมือสั่นรีบเปิดกล่องตักข้าวเข้าปากด้วยความหิวจากท้องที่ว่างตั้งแต่มื้อเช้า ก่อนจะนึกขึ้นได้.. ผมแบ่งข้าวอีกครึ่งกับไข่ดาวใส่กล่องโฟมอีกข้าง เลือกกินเฉพาะด้านที่เป็นผัดกระเพรา แน่นอนว่าผมไม่มีทางกินเหลือซักเม็ด
ทันทีที่ข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก เปิดขวดน้ำขวดเก่าที่ไปกรอกมาจากก๊อกน้ำประปาขึ้นดื่ม เม็ดฝนเม็ดโตร่วงหล่นกระทบผิวหน้า ผมรีบเก็บข้าวส่วนที่เหลือ และแก้วพลาสติกเก่า ๆ ของร้านดังที่มีอยู่เต็มเมืองเข้าย่ามใบเก่ง เทเหรียญบาทเหรียญห้าบาท สองสามเหรียญกำใส่ชายเสื้อเอาหนังยางรัดแน่น
สองเท้าเล็กๆ ที่มากระทบหลังทำให้ผมต้องหันไป ก่อนจะส่งยิ้มแรกของวันไปให้ เจ้าหมาน้อยตัวมอม ๆ ส่ายหางดุกดิก ร้องงี๊ดง๊าด ผมมองตามันแว้บนึง ก่อนหยิบกล่องข้าวที่เก็บใส่ย่ามออกมาอีกครั้ง เอามือบี้ไข่ดาวคลุกกับข้าวแล้ววางลง เจ้าตัวเล็กก้มหน้าก้มตากินอย่างแทบไม่หยุดหายใจ บางทีมันคงจะอดมาหลายมื้อเหมือนผม จึงหิวโซขนาดนั้น เม็ดฝนเริ่มล่วงหล่นหนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ แต่เจ้าหมาน้อยยังคงก้มหน้าก้มตากิน ไม่สนใจที่ตอนนี้จะหัวหูเปียกลู่ มันกิน เงยหน้าขึ้นสะบัดเนื้อตัวไล่ละอองฝน แล้วก้มหน้ากิน สลับกันไป
ข้าวเม็ดสุดท้ายหายวับ มันเลียถาดโฟมจนเกลี้ยง ผมเก็บกล่องเปล่านั้นเข้ากระเป๋าย่าม ก่อน อุ้มมันขึ้นแนบอก รีบวิ่งเข้าไปหลบใต้เพิงสังกะสีร้านขายของใกล้ ๆ กับทางเข้าห้างใหญ่ เจ้าหมาน้อย ที่ไม่กลัวน้ำฝนเมื่อกี๊ตอนนี้กลับกำลังตัวสั่นด้วยความหนาว ผมกอดมันแน่นขึ้น เอามือถูตัวมันไปมา มันเงยหน้าขึ้นมองแล้วเลียหน้าผม วินาทีนั้นผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว .. ผมอาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยในโลกของคนอื่น แต่ในโลกของผม ผมมีเจ้าหมาน้อยตัวนี้ ผมมีความสำคัญสำหรับมัน และมันก็สำคัญสำหรับคนที่ไม่มีใครเลย ในโลกใหญ่ ๆ ใบนี้ อย่างผม ... ...
ฝนที่ตกเป็นสาย ทำให้การจราจรของเย็นวันศุกร์แย่เสียยิ่งกว่าแย่ รถติดไม่ขยับอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง ทิวทัศน์สองข้างทางไม่มีอะไรที่ชวนให้ดูในลักษณะที่เรียกว่ารื่นรมณ์ รถติด คนเดินพลุกพล่าน มอร์เตอร์ไซค์เบียดซ้ายเลาะขวา แต่ในความรีบเร่ง ฉันเห็นสิ่งหนึ่งที่แปลกไป
เขา นั่งอยู่ตรงนั้น นิ่งนาน สายตาที่ทอดยาว หม่นหมอง ว่างเปล่า ราวกับไม่เห็นสิ่งวุ่นวายใดๆ ตรงหน้าแม้แต่น้อย

Create Date : 28 กันยายน 2552 |
Last Update : 28 กันยายน 2552 18:24:54 น. |
|
33 comments
|
Counter : 706 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:17:45:14 น. |
|
|
|
โดย: บุยบุย วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:19:28:05 น. |
|
|
|
โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:20:15:17 น. |
|
|
|
โดย: oanotai วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:20:37:23 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:20:48:33 น. |
|
|
|
โดย: นายกสมาคมพ่อค้าจิ้งเหลนเพื่อการส่งออก..แห่งประเทศไทย.. (อสัญแดหวา ) วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:21:36:31 น. |
|
|
|
โดย: walayalai วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:8:02:54 น. |
|
|
|
โดย: แซลลี่ (lazypiggy ) วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:9:46:05 น. |
|
|
|
โดย: ชายผู้หล่อเหลา..กว่าแย้นิดนึง.. (อสัญแดหวา ) วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:10:54:28 น. |
|
|
|
โดย: inmemoir วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:17:09:35 น. |
|
|
|
โดย: nikanda วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:19:48:19 น. |
|
|
|
โดย: Unravel วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:21:01:03 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งลีลาวดี วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:22:22:18 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:7:59:13 น. |
|
|
|
โดย: I_sabai วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:9:16:53 น. |
|
|
|
โดย: แซลลี่ (lazypiggy ) วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:13:44:06 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:13:46:28 น. |
|
|
|
โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:18:30:13 น. |
|
|
|
โดย: oanotai วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:19:53:51 น. |
|
|
|
โดย: Roseshadow วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:0:00:25 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:7:35:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:8:26:28 น. |
|
|
|
โดย: ชินโจมายุ วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:16:30:58 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:21:12:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:50:50 น. |
|
|
|
โดย: BeCoffee วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:22:15:34 น. |
|
|
|
โดย: amme IP: 125.27.233.241 วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:18:00:27 น. |
|
|
|
| |
|
|
ประโยคนี้ใช่เลยค่ะ เวลาเร่งรีบ หรือแม้วันที่ไม่เร่งรีบ คนส่วนมากก็จะเดินผ่านไปโดยไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ตรงสะพานแบบนั้นหรอกค่ะ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเค้าโดนบังคับมาหรือว่าเค้าตั้งใจมาเอง แต่เราว่าส่วนมากก็น่าสงสารนะคะ คนที่ไม่มีอะไร ไม่รู้จะไปทำอะไร ยิ่งโดนหลอกมายิ่งแย่ใหญ่เลย คิดๆ ไปชีวิตเรายังดีกว่าคนเหล่านี้มากมายเลยที่มีอาชีพ มีที่พักพิง
เขียนบรรยายเก่งนะคะ ซัมเมอร์ไม่ค่อยถนัดเขียนบรรยายอะ นึกไม่ออกแต่ถ้ามีบทสนทนาด้วยก็ยังพอไหวค่ะ