บทที่ 20 มนุษย์จำแลง
บทที่ 20

มนุษย์จำแลง

วลาร์ดยืนมองนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังเขี่ยเชื้อที่ได้มาจากเศษสมองของวัยรุ่นที่พวกเขาเก็บตัวอย่างมาในจานเพาะด้วยความหงุดหงิด เขามีความรู้สึกว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่วิจัยเหล่านั้นเชื่องช้าไม่ทันใจจนอยากจะเข้าไปทำด้วยตัวเองอยู่หลายครั้งแต่เพราะคำสั่งของเทแลอร์ที่ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพิสูจน์หลักฐานทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์ต้องยั้งใจไว้ เขาถอนใจออกมาค่อนข้างแรง
“ถ้ามันหงุดหงิดนักทำไมไม่เข้าไปทำเอง”
เสียงวูล์ฟถามขึ้น วลาร์ดนิ่วหน้า
“นายมาที่นี่ทำไม”
“เหตุผลเดียวกับนาย” หนุ่มหมาป่าตอบพลางเลื่อนสายตามองเข้าไปในห้อง “ได้เรื่องอะไรหรือยัง”
“ยัง” ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด วูล์ฟเลิกคิ้ว
“ทำไมมันนานนักล่ะ”
“การเพาะเชื้อต้องทำหลายขั้นตอนและต้องใช้เวลา ทุกอย่างต้องทำอย่างรอบคอบไม่อย่างนั้นเชื้อที่ได้จะปนเปื้อนจนแยกไม่ออกว่ามันเป็นชนิดไหน”
หนุ่มหมาป่ายกมือขึ้นกอดอกและมองหน้าเพื่อน
“ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วจะมาเฝ้าดูอยู่ทำไม ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า”
“คุณเทเลอร์ไม่ให้ฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหลักฐานที่ได้มาในคราวนี้” ลูกครึ่งแวมไพร์พูดพลางเหลือบตามองเพื่อน “แล้วนายจะให้ฉันทำอะไร”
“เยอะแยะอย่างเช่นไปหาข้อมูล เข้าห้องฝึกหรือหมกตัวอยู่ในห้องสมุดอย่างที่นายชอบทำ”
“ฉันยังไม่รู้ว่าจะต้องค้นหาอะไรและห้องฝึกก็ไม่ว่าง”
คำพูดของเพื่อนทำให้วูล์ฟยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
“มันไม่ได้มีแค่ห้องเดียวไม่ใช่เหรอ แบ่งให้เธอคนนั้นใช้บ้างก็ได้”
“แต่ฉันใช้ห้องนั้นเป็นประจำ” วลาร์ดพูดเสียงขุ่น หนุ่มหมาป่าหัวเราะออกมา
“เปลี่ยนที่ฝึกบ้างจะเป็นไรไป” เขาขยี้ผมเพื่อนจนหัวยุ่ง “อย่าทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจไปหน่อยเลยน่าเจ้าผีดิบ”
“ฉันไม่ใช่เด็ก” ลูกครึ่งแวมไพร์พูดพลางปัดมือวูล์ฟออก “พอได้แล้วเจ้าหมาบ้า”
“ไม่ ถ้านายยังยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่แบบนี้” หนุ่มหมาป่าพูดพลางเลื่อนมือไปหาเพื่อนอีกครั้ง วลาร์ดปัดออกและจ้องหน้าเขาด้วยความโมโห
“ฉันบอกว่าพอ ไม่ได้ยินหรือไง”
“ได้ยิน” วูล์ฟตอบอย่างไม่สนใจนักและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในบริเวณนั้น หนุ่มหมาป่ายิ้มกว้างพร้อมกับตะโกนทักเสียงดังลั่น “สวัสดีครับคุณสมิธ”
“สวัสดีวูล์ฟ” ชายหนุ่มตอบพลางเหลือบตาไปทางลูกครึ่งแวมไพร์ “ไงวลาร์ด พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่”
“ผมอยากรู้ผลการตรวจ” วลาร์ดตอบเสียงเรียบ วูล์ฟจึงรีบพูด
“ส่วนผมมาชวนหมอนี่ไปห้องสมุดครับ”
สมิธเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เขามองหนุ่มหมาป่าคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“แน่ใจเหรอวูล์ฟ”
“ครับ” วูล์ฟตอบด้วยท่าทางมั่นใจ สมิธส่ายหน้าด้วยความระอาก่อนจะหันไปทางลูกครึ่งแวมไพร์
“คุณเทเลอร์สั่งห้ามคุณเข้ามาในบริเวณนี้ไม่ใช่หรือครับ”
“ผมแค่มารอดูผลเท่านั้น”
“ยังไงก็ไม่ได้ คุณต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้าหน่วยนะวลาร์ด” สมิธเตือนด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ลูกครึ่งแวมไพร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบเบาๆ
“ครับ”
พูดจบเขาก็เดินออกไปทันที วูล์ฟทำท่าจะก้าวตามแต่สมิธกลับเรียกให้หยุด หนุ่มหมาป่าหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรหรือครับ”
“ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณหน่อย” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับเบนสายตาไปยังลูกครึ่งแวมไพร์ วูล์ฟมองตามและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“หมอนั่นแค่หงุดหงิดที่ถูกสั่งไม่ให้ยุ่งกับหลักฐานเท่านั้นเองครับ”
“เรื่องนั้นผมเข้าใจ” สมิธตอบและหันไปกล่าวทักทายเจ้าหน้าที่ที่เดินออกมาจากห้องปฏิบัติการ เขาหันกลับไปหาหนุ่มหมาป่าอีกครั้งพร้อมกับกล่าวเสียงเรียบ “เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
ทั้งคู่เดินออกจากอาคารที่ทำการโดยสมิธแวะหยุดที่ตู้กาแฟอัตโนมัติเพื่อกดโกโก้ร้อนให้กับวูล์ฟและกาแฟรสเข้มสำหรับตัวเขาเอง หลังจากเดินไปได้สักครู่หนุ่มหมาป่าจึงถามขึ้น
“ทางองค์กรมีคำสั่งอะไรอีกหรือครับ”
“ทำไมถึงถามแบบนั้น” สมิธย้อนถามด้วยความแปลกใจ วูล์ฟหมุนถ้วยโกโก้ในมือ
“ผมรู้ว่าคุณตามเราสองคนไปที่นั่น” เขานิ่วหน้าเล็กน้อย “วลาร์ดโดนทำโทษอะไรอีกหรือครับ”
หนุ่มหมาป่าถามด้วยความกังวล สีหน้าแสดงความเป็นห่วงเพื่อนออกมาอย่างไม่ปิดบัง สมิธยิ้มพร้อมกับตบไหล่ของเขา
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกครับ”
“หมายความว่าต่อไปอาจจะมี” วูล์ฟพูดพร้อมกับหยุดเดิน “เขาทำอะไรผิดอีกหรือครับ”
“จะว่าทำผิดก็ไม่เชิง เพียงแต่คุณเทเลอร์กำลังวิตกถึงท่าทางที่ผิดไปจากปรกติของเขา” สมิธยืนนิ่งคล้ายพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมก่อนจะถาม “สังเกตหรือเปล่าว่าวลาร์ดดูแปลกไป”
“ครับ” หนุ่มหมาป่าตอบ “แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายแรง”
“ตอนนี้น่ะใช่แต่ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่” สมิธพูดพลางถอนใจ “พอจะรู้ไหมว่าเขาเป็นอะไร”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เท่าที่เห็นดูเหมือนหมอนั่นจะมีปัญหาเฉพาะตอนที่อยู่กับวิคตอเรีย”
“หมายความว่ายังไง”
“วันที่พวกเราผ่าพิสูจน์เด็กวัยรุ่น วลาร์ดใช้คำพูดที่ดูไม่สมกับเป็นตัวเขา ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันรู้แต่ว่าคนอย่างหมอนั่นไม่น่าจะมีอารมณ์หงุดหงิดหรือพูดจาอวดความรู้ได้ถึงขนาดนั้น และจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่ใกล้วิคตอเรีย”
“สองคนนั่นไม่ถูกกัน” สมิธเสริมเบาๆแต่วูล์ฟกลับส่ายหน้า
“ถ้าไม่ชอบหมอนั่นจะนิ่งหรือไม่ก็เดินหนี” หนุ่มหมาป่าขมวดคิ้ว “แต่ระยะหลังนี่
วลาร์ดใช้อารมณ์มากเกินไป พอผมถามเขาก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น”
“ฟังเหมือนวลาร์ดเองก็ไม่รู้ตัว”
“ก็ทำนองนั้นแหละครับ ผมเองยังบอกให้มาปรึกษาคุณแต่หมอนั่นไม่ยอม” วูล์ฟบ่นพลางถอนใจ “เจ้าผีดิบหัวดื้อ”
“เขาคงอายมากกว่า” สมิธพูดยิ้มๆ หนุ่มหมาป่ามองหน้าเขา
“คุณรู้หรือครับว่าวลาร์ดเป็นอะไร”
“คิดว่ารู้แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก คงต้องรอดูอีกสักระยะ”
“แล้วหมอนั่นจะเป็นอะไรไหมครับ” วูล์ฟถามด้วยความวิตก อีกฝ่ายจึงส่งยิ้มให้พร้อมกับตบไหล่เขาเบาๆ
“เขาไม่เป็นอะไรหรอก อย่าห่วงไปเลย”
สมิธปลอบพร้อมกับยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ต้องชะงัก เขารีบดึงมันออกมาจากกระเป๋าและเปิดดูเลขหมายของผู้ติดต่อมา สมิธขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณเทเลอร์” เขาเปรยเป็นเชิงบอกวูล์ฟก่อนจะรับ “สมิธครับ”
เสียงปลายสายทำให้สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดขึ้น
“ครับ ผมจะรีบบอกพวกเขาให้รีบไปทันที”
สมิธเก็บมือถือลงไปในกระเป๋าและหย่อนถ้วยกาแฟที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งลงถังขยะ วูล์ฟมองท่าทางร้อนรนของเขาด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
“สายตรวจของเราแจ้งมาว่าพบมนุษย์หมาป่าสองตัวที่นอกเมือง”
“มนุษย์หมาป่า” วูล์ฟทวนคำขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ค่อนข้างมืด “จะเป็นไปได้ยังไงกันครับ”
“ผมเองก็ไม่รู้แต่เราคงต้องรีบไปดูเพื่อความแน่ใจ” สมิธพูดพลางเดินไปยังโทรศัพท์ติดต่อภายใน เขากดปุ่มและพูดอย่างเร็ว
“มีเรื่องด่วน ให้นักล่าไปพบคุณเทเลอร์ที่ห้องเดี๋ยวนี้” สมิธหันไปทางวูล์ฟ “ไปกันเถอะ”
เขาเดินนำไปทันที เมื่อไปถึงห้องทำงานของเทเลอร์สมิธจึงพบว่าทั้งวลาร์ดและวิคตอเรียกำลังนั่งอ่านรายละเอียดอย่างตั้งอกตั้งใจ ชายหนุ่มจึงก้มศีรษะให้หัวหน้าหน่วยก่อนจะกล่าวทักทายในขณะที่วูล์ฟเอ่ยถามเสียงค่อนข้างดัง
“พบมนุษย์หมาป่าหรือครับ”
“ใช่ น่าแปลกใช่ไหมเพราะวันนี้ไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวง” เทเลอร์ตอบเสียงเรียบ สมิธขมวดคิ้ว
“บางทีสายของเราอาจมองพลาด” หนุ่มหมาป่าพูดแต่เทเลอร์ส่ายหน้า
“เขาสะกดรอยจนพวกมันกลายร่าง ตัวหนึ่งยังอยู่ในเขตโรงงานส่วนอีกตัวกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแถบชานเมือง”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบแล้ว” วลาร์ดพูด เทเลอร์ผงกศีรษะ
“พวกเธอต้องแยกกันทำงาน สมิธพาวลาร์ดกับวูล์ฟไปจัดการตัวที่กำลังเข้าเมือง ส่วนวิคตอเรียให้ไปจัดการกับตัวที่อยู่ในโรงงานตอนนี้แฮมเมอร์รออยู่ที่รถแล้ว” หัวหน้าหน่วยสั่งเสียงเข้ม “ขอให้ปฏิบัติงานอย่างระมัดระวังอย่าให้ชาวบ้านถูกลูกหลงหรือโดนทำร้ายเป็นอันขาด”
เทเลอร์มองหน้านักล่าทั้งสามคนเป็นเชิงกำชับก่อนออกคำสั่ง
“ไปได้”
ทั้งหมดลุกขึ้นและก้าวออกจากห้องทันที เทเลอร์มองตามด้วยสีหน้ากังวลก่อนจะเอ่ยเรียกผู้ที่อยู่รั้งท้าย
“สมิธ”
ชายหนุ่มชะงักและหันหน้ากลับไปมอง เทเลอร์รอจนกระทั่งคนทั้งสามก้าวพ้นไปจากห้องแล้วจึงกล่าวเสียงเรียบ
“สังเกตการทำงานของวลาร์ดด้วย”
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำและก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกจากห้อง เทเลอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดปุ่มเลขหมาย เสียงปลายสายตอบรับอย่างสุภาพ
“แฮมเมอร์ครับ”
“ผมอยากให้คุณคอยระวังและสังเกตการทำงานของวิคตอเรียอย่าให้คลาดสายตา รายงานผมทันทีเมื่อกลับมาถึง”
“รับทราบ”
หัวหน้าหน่วยนักล่าวางโทรศัพท์เอนตัวพิงเก้าอี้พร้อมกับระบายลมหายใจออกมาค่อนข้างยาวด้วยความหนักใจ เขาเลื่อนสายตามองแฟ้มคดีฆาตกรรมตรงหน้าและขมวดคิ้วด้วยความวิตกก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบมาเปิดอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง เทเลอร์ขมวดคิ้วและพลิกดูวันที่เกิดเหตุของทุกคดี
“คนร้ายลงมือทุกสิบสามวันยกเว้นสองรายสุดท้ายที่ทิ้งช่วงห่างกันแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น” เขามองปฏิทินที่วางอยู่บนโต๊ะ “นี่ก็ผ่านมายี่สิบวันแล้วทำไมคนร้ายถึงยังไม่ก่อคดีเพิ่ม”
เทเลอร์นิ่วหน้าอย่างครุ่นคิด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
*/*/*/*/*
รถเอสยูวีสีดำวิ่งไปบนถนนด้วยความเร็วค่อนข้างสูง วูล์ฟนั่งมองเสาไฟที่กำลังเคลื่อนผ่านไปด้วยสีหน้ากังวลก่อนจะหันไปมองสมิธที่วางวิทยุสื่อสารลงและชะลอความเร็วของรถพร้อมกับหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวเข้าไปในถนนขนาดเล็กซึ่งนำไปสู่หมู่บ้านแถบชานเมือง
“ตอนนี้มนุษย์หมาป่านั่นอยู่ที่ไหนครับ”
“สายรายงานมาว่าเห็นมันกำลังกระโดดเข้าไปในโรงเรียนเด็กเล็กก่อนจะคลาดสายตาไป”
“คลาดสายตา หมายความว่าเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนในตอนนี้” หนุ่มหมาป่าพูดเสียงดัง วลาร์ดชำเลืองตามองเขาและพูดเสียงเรียบ
“นายมีจมูกไว้ทำไม”
สมิธเลิกคิ้วในขณะที่วูล์ฟทำตาโตและพูดเสียงห้วน
“ถึงจมูกจะไวแต่ฉันไม่ใช่สุนัขตำรวจ”
“ไม่ใช่ก็คล้ายกัน” ลูกครึ่งแวมไพร์ย้อนด้วยน้ำเสียงที่ทำให้หนุ่มหมาป่าอยากจะใช้กำปั้นทุบกระโหลกให้ยุบด้วยความโมโห
“พอเขาไม่ได้มาด้วยก็ทำเป็นปากดี” วูล์ฟบ่น “เจ้าซีดผีดิบ”
“อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวได้ไหม” วลาร์ดโพล่งออกมาทันควัน สมิธจึงรีบพูดขึ้น
“ไว้กลับไปทะเลาะต่อที่หน่วยได้ไหมครับ” เขาลดความเร็วของรถและจอดริมทางข้างรถอีกคัน เจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีเข้มรีบก้าวออกมาพร้อมกับเอ่ยทัก
“คุณสมิธ”
“มนุษย์หมาป่าที่ว่าหายไปทางไหน” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายหันหน้าไปทางชุมชนขนาดเล็กซึ่งอยู่ห่างไปจากจุดที่พวกเขายืนไม่มากนัก
“มันหายเข้าไปในโรงเรียนเด็กเล็กที่ตั้งอยู่ตรงนั้นครับ เราใช้กล้องตรวจจับความร้อนส่องดูแล้วพบว่ามันยังคงอยู่ที่นั่น และดูเหมือนว่าจะทำร้ายคนไปแล้วด้วย”
“เด็กหรือ” วูล์ฟถาม สายตรวจของหน่วยส่ายหน้า
“เป็นผู้ใหญ่ครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นยามรักษาความปลอดภัยประจำโรงเรียน”
“ป่านนี้แล้วพวกเราคงช่วยเขาไม่ทัน หรือนายว่ายังไงวูล์ฟ” วลาร์ดพูดและหันหน้าไปหาเพื่อน หนุ่มหมาป่าสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดและนิ่วหน้า
“กลิ่นเลือดแรงมาก คนที่อยู่ในนั้นคงถูกจัดการไปแล้ว”
“นอกจากยามแล้วยังมีคนอื่นอีกไหม” สมิธถาม สายตรวจสั่นศีรษะ
“เราตรวจไม่พบใครอีกเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าไปจัดการกับมันเดี๋ยวนี้”
วูล์ฟพูดและวิ่งออกไปในทันทีโดยไม่สนใจฟังเสียงของสมิธที่ร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ
“วูล์ฟ!” ชายหนุ่มนิ่วหน้าพร้อมกับบ่น“ให้ตายเถอะไม่ฟังอะไรกันบ้างเลย”
“ผมจะรีบตามเจ้าบ้านั่นไป” วลาร์ดพูดแต่สายตรวจของหน่วยซึ่งยังคงมองกล้องตรวจจับความร้อนอยู่ตลอดเวลารีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ดูเหมือนเป้าหมายของเรากำลังจะเคลื่อนที่แล้วครับ”
“ว่าไงนะ” สมิธมองเงาสีแดงซึ่งกำลังเคลื่อนที่ออกจากบริเวณโรงเรียนอย่างรวดเร็ว “มันกำลังเข้าไปในเขตชุมชน วลาร์ด”
คำพูดสุดท้ายเขาหันไปมองลูกครึ่งแวมไพร์ อีกฝ่ายจึงพูดสั้นๆ
“ทราบแล้ว”
ร่างในเครื่องแบบสีดำพุ่งปราดออกไปอย่างรวดเร็ว สมิธมองตามนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงดึงโทรศัพท์ขึ้นมาและกรอกคำพูดลงไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบรับ
“ขอกำลังเสริมและหน่วยกวาดล้าง มีผู้เสียชีวิตจากการถูกมนุษย์หมาป่าฆ่าตาย”

*/*/*/*/*

วลาร์ดกระโดดข้ามกำแพงสูงเข้าไปยืนภายในโรงเรียน ความเงียบสงัดภายในบริเวณนั้นทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์ต้องกวาดตามองไปโดยรอบอย่างระวัง เสียงฝีเท้าซึ่งดังมาจากอีกด้านทำให้เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกไปทันที วลาร์ดกระโดดขึ้นไปยืนบนกำแพงอีกครั้งและจ้องเงาสีดำที่กำลังวิ่งหายไปในความมืดโดยมีร่างสูงใหญ่ของวูล์ฟวิ่งตามไปติดๆ
“ไม่รู้จักระวังตัวเลยเจ้าหมาบ้า”
ลูกครึ่งแวมไพร์บ่นก่อนจะลงจากกำแพงและวิ่งตามเพื่อนไปจนทัน หนุ่มหมาป่าชำเลืองตามองเพื่อนพร้อมกับพูด
“นึกว่าจะตามมาไม่ทัน”
“นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น” วลาร์ดพูดเสียงขุ่น “ฉันจะไปดักหน้าเจ้ามนุษย์หมาป่านั่นเอาไว้ก่อนที่มันจะเข้าไปในเมือง”
ลูกครึ่งแวมไพร์วิ่งนำออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงร้องคำรามของสัตว์ป่าทำให้วูล์ฟเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนทันเพื่อนที่กำลังยืนขวางอสูรร้ายอยู่ที่ลานกีฬาสาธารณะ หนุ่มหมาป่ากางกรงเล็บออกเป็นจังหวะเดียวกับที่มนุษย์หมาป่าตัวนั้นหันหน้ามาทางเขา มันแยกเขี้ยวกว้างและส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธก่อนจะกระโจนเข้าใส่เขาอย่างดุร้าย วูล์ฟรีบเบี่ยงตัวหลบแต่ไม่พ้นจึงถูกเจ้าสัตว์ร้ายกระแทกอย่างแรงจนเซถลาและทำท่าจะล้มลงแต่หนุ่มหมาป่ารีบใช้แขนข้างหนึ่งดันพื้นเอาไว้และหมุนตัวเหวี่ยงเท้าเตะสวนกลับทันที วูล์ฟรีบตั้งตัวและกระโดดพลิกตัวเตะอสูรร้ายอีกครั้งจนร่างของมันลอยไปกระแทกกับแป้นบาสเก็ตบอลจนพังพินาศ ท่าทางการต่อสู้ที่คล่องแคล่วว่องไวของหนุ่มหมาป่าทำให้วลาร์ดซึ่งกำลังจะวิ่งมาช่วยต้องหยุดชะงักและมองเพื่อนด้วยความแปลกใจ
“คาโปเอร่า” เขาพึมพำ “นายไปฝึกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หลังเกิดเรื่องครั้งนั้น” วูล์ฟตอบเสียงเครียด “ฉันตั้งใจจะเอาไว้จัดการกับเจ้ากีพาร์ด”
ลูกครึ่งแวมไพร์เหลือบตามองเขาก่อนจะตวัดไปทางมนุษย์หมาป่าซึ่งกำลังลุกยืนขึ้น มันคว้าเสาเหล็กมางอด้วยความโกรธและหันกลับมาจ้องนักล่าทั้งสองพร้อมกับแยกเขี้ยวคำราม
วลาร์ดมองอย่างใจเย็นในขณะที่วูล์ฟขยับกรงเล็บพร้อมจู่โจม
“ฉันขอจัดการกับมันเอง” หนุ่มหมาป่าพูดและพุ่งเข้าใส่อสูรกลายพันธุ์ทันที มันฟาดเสาเหล็กใส่เขาแต่วูล์ฟปัดออกและฝังกรงเล็บคมกริบลงไปที่ไหล่ฉีกกระชากเนื้อของมันจนหลุดออกมาทั้งก้อน เจ้าอสูรร้ายส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มันจ้องหนุ่มหมาป่าด้วยความโกรธจัดก่อนจะคว้าตัวของเขาเอาไว้และแยกเขี้ยวกว้างหมายจะขย้ำลำคอให้กระจุย แต่เจ้าสัตว์ร้ายต้องหยุดและร้องลั่นอีกครั้งเมื่อแขนทั้งสองข้างถูกคมดาบตัดจนขาดสะบั้น ร่างของวูล์ฟร่วงลงไปกองกับพื้นทันทีในขณะที่มนุษย์หมาป่าตัวนั้นถอยหลังออกไปสองสามก้าวและจ้องเลือดที่พุ่งออกมาจากแขนทั้งสองข้างด้วยดวงตาเหลือกลาน วลาร์ดหมุนดาบในมือและพูดเสียงเรียบ
“นี่หรือวิธีจัดการของนาย”
“หนวกหูน่าเจ้าผีดิบ” วูล์ฟตอบเสียงขุ่น ลูกครึ่งแวมไพร์ชำเลืองตามองเพื่อนก่อนจะตวัดดาบตัดหัวของมนุษย์หมาป่าจนขาดกระเด็น ร่างสูงใหญ่ของมันยืนโอนเอนไปมาก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้นและแปรเปลี่ยนกลับไปเป็นคนธรรมดาเช่นเดิม วลาร์ดมองด้วยความแปลกใจ
“ทำไมมันถึงไม่ถูกย่อยเหมือนสัตว์ทดลองตัวอื่น"
เขาทำท่าจะเข้าไปตรวจดูแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินรถวิ่งเข้ามาใกล้ สมิธรีบเดินตรงมาหา เขามองวูล์ฟซึ่งมีเลือดเปื้อนไปทั่วทั้งตัวและถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณได้รับบาดเจ็บหรือวูล์ฟ”
“แค่โดนข่วนนิดหน่อยเท่านั้นครับ” หนุ่มหมาป่าตอบด้วยน้ำเสียงปรกติ สมิธมองเขาคล้ายต้องการให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะหันไปจ้องร่างไร้หัวที่กองอยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
“มนุษย์หมาป่าตัวนั้นหรือครับ”
“ใช่” วลาร์ดตอบและใช้ปลายดาบเขี่ยส่วนหัวให้หงายหน้าขึ้น “เขากลับคืนสภาพเดิมทันทีที่ถูกผมกำจัด”
“แล้วทำไมร่างกายของเขาถึงไม่ย่อยสลายเหมือนตัวอื่นๆที่ผ่านมา” สมิธถามขณะนั่งลงจ้องใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างพิจารณา เขาชะงักและนิ่วหน้าทันที
“นี่มัน”
“รู้จักเขาด้วยหรือครับ” หนุ่มหมาป่าถาม สมิธผงกศีรษะและยืนขึ้นขณะตอบ
“เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่คนหนึ่งของเมืองครับ ผมเคยตามดูพฤติกรรมของเขามาระยะหนึ่ง ถึงจะบอกว่าเป็นนักธุรกิจแต่การค้าของผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยสะอาดนัก”
“แล้วทำไมนักธุรกิจถึงกลายเป็นมนุษย์หมาป่าไปได้” วูล์ฟถามด้วยความสงสัย สมิธส่ายหน้า
“ผมไม่ทราบ” เขาพูดพลางยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เข้ามาทำการเก็บศพและทำความสะอาดเลือดที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณ วลาร์ดยืนมองอย่างครุ่นคิดจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของหน่วยทำงานจนเสร็จเรียบร้อยสมิธจึงเรียกนักล่าทั้งสองขึ้นรถแต่ทั้งหมดต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังแว่วมาตามสายลม วูล์ฟหันหน้าไปตามเสียงนั้นทันที
“นั่นมันเสียงของมนุษย์หมาป่า”
“คงกำลังถูกกำจัด” วลาร์ดพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก หนุ่มหมาป่ามองหน้าเขาพร้อมกับถาม
“ไม่ไปช่วยเขาหน่อยเหรอ”
“ไม่จำเป็น” ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบ วูล์ฟนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่สมิธ ชายหนุ่มมองหน้าวลาร์ดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจพูด
“ถ้าทางนั้นต้องการความช่วยเหลือ แฮมเมอร์ก็คงติดต่อมาแล้ว” เขาตบไหล่วูล์ฟ “ไปรอพวกเขาที่หน่วยกันดีกว่าครับ”
หนุ่มหมาป่าผงกศีรษะรับด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนักต่างจากวลาร์ดซึ่งเดินไปขึ้นรถด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยปราศจากความรู้สึกเหมือนทุกครั้ง สมิธที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถหันหน้ากลับมามองวูล์ฟอีกครั้งและพูดอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงวิคตอเรียไปหรอกครับ เธอเป็นนักล่าที่เก่งมากขนาดวลาร์ดเองก็ยังวางใจ”
“คุณรู้ได้ยังไง” หนุ่มหมาป่าถามด้วยความสงสัย สมิธยิ้ม
“เพราะถ้าไม่มั่นใจ เขาคงไม่ปล่อยให้เธอไปจัดการกับเจ้ามนุษย์หมาป่านั่นตามลำพังหรอกครับ”
สมิธตบไหล่วูล์ฟอีกครั้งก่อนจะเดินไปขึ้นรถ หนุ่มหมาป่ายืนนิ่งและหันหน้าไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงโหยหวน เขาส่ายหน้าพร้อมกับระบายลมหายใจออกมา
“วางใจในฝีมืออย่างงั้นเหรอ” วูล์ฟพึมพำก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่เพื่อนซึ่งนั่งรออยู่ในรถ “ตกลงนายคิดยังไงกับเขากันแน่นะเจ้าผีดิบ”

*/*/*/*/*/*



Create Date : 07 กรกฎาคม 2553
Last Update : 7 กรกฎาคม 2553 14:25:59 น.
Counter : 600 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี