บทที่ 17 อำมหิต
บทที่ 17

อำมหิต

แสงไฟวับวาบบนหลังคารถตำรวจเรียกความสนใจจากผู้คนในชุมชนขนาดเล็กให้ออกมาดู พวกเขาต่างมีสีหน้าแปลกใจและหันไปไต่ถามเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กำลังดึงแถบคาดพลาสติคสีเหลืองปิดล้อมบริเวณบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ หลายคนอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นเปลพยาบาลสองคันถูกเข็นออกมาโดยมีถุงพลาสติคสีเข้มขนาดใหญ่วางอยู่ด้านบน
“เกิดอะไรขึ้น” แม่บ้านร่างท้วมคนหนึ่งหันไปถามเพื่อนบ้าน อีกฝ่ายทำสีหน้าสยองขณะตอบ
“ลูซี่กับเร็กจี้ถูกฆ่า”
“ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาโดนแทงจนพรุนไปทั้งตัว”
เพื่อบ้านอีกคนเสริม แม่บ้านร่างท้วมยกมือขึ้นอุดปากพร้อมกับส่ายหน้า
“น่าสงสารยังเด็กอยู่แท้ๆ ใครกันนะที่ฆ่าสองคนนี่ได้ลงคอ”
เธอมองเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินยกเปลขึ้นรถและขับออกจากที่นั่นก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานซึ่งกำลังปฏิบัติงานกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยมีนักสืบร่างใหญ่ยืนดูอยู่ไม่ห่าง เขาก้มหน้าลงจดรายละเอียดทุกอย่างที่พบลงในสมุดบันทึกประจำตัวจนกระทั่งรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดนักสืบผู้นั้นจึงหันไปมองและยกมือข้างที่ถือปากกาขึ้นเป็นเชิงเรียกเจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีเข้มซึ่งกำลังก้าวเข้ามาพร้อมกับเอ่ยปากทักทาย
“เจ้าหน้าที่พิเศษแสตนลีย์”
“นักสืบเครน” อีกฝ่ายตอบอย่างเคร่งขรึมขณะมองเข้าไปในบ้าน “มีอะไรพอจะเล่าให้ผมฟังได้บ้าง”
“เราได้รับแจ้งจากคุณนายแมนนิ่งว่าได้กลิ่นแปลกๆรุนแรงโชยออกมาจากห้องด้านนั้น” เครนพูดพลางชี้มือไปยังหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งอยู่ริมสนามด้านหน้า แสตนลีย์มองตามพร้อมกับเลิกคิ้ว
“แล้วเธอไปทำอะไรแถวนั้น”
“คุณนายแมนนิ่งเป็นอาจารย์สอนโยคะ เธอต้องมาสอนผู้ตายในเวลาประมาณ10.00น.ทุกวัน ปรกติแล้วทั้งคู่จะเป็นคนตรงเวลามาก พวกเขาจะเป็นฝ่ายรอและเปิดประตูแทบจะทันทีที่เธอเรียก แต่วันนี้หลังจากกดกริ่งอยู่หลายครั้งก็ไม่มีใครออกมารับคุณแมนนิ่งเลยเดินไปที่หน้าต่างบานนั้นเพื่อดูว่ามีคนอยู่ในบ้านหรือเปล่า เธอบอกว่าตอนนั้นหน้าต่างแง้มไว้เล็กน้อย แค่ชะเง้อดูเท่านั้นก็ได้กลิ่นคาวเหมือนเลือดรุนแรงมาก เธอคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่เลยรีบโทร.แจ้งตำรวจ”
เครนก้าวนำแสตนลีย์เข้าไปในบ้านและชี้ให้เขาดูโซฟาขนาดใหญ่ที่ชุ่มไปด้วยเลือด
“ผู้หญิงนอนอยู่บนนั้น ส่วนผู้ชาย” นักสืบชี้มือไปยังเก้าอี้นวมด้านข้าง “ถูกมัดติดกับเก้าอี้ ตำรวจที่พบเป็นคนแรกบอกว่าทั้งคู่มีรอยแทงสองแผลที่ท้องกับบริเวณอกในตำแหน่งหัวใจ”
“บริเวณหน้าอกอย่างงั้นหรือ” แสตนลีย์ทวนคำ เครนผงกศีรษะ
“ผมเองก็แปลกใจแต่ที่น่าสยดสยองจริงๆไม่ใช่ตรงนั้น” เขาชี้ไปที่พรมซึ่งมีเลือดกองโต “ฝ่ายหญิงหลังถูกแทงแล้วยังโดนผ่าท้องจนเป็นแผลเหวอะหวะในขณะที่สภาพศพของฝ่ายชายดูเรียบร้อยกว่ามาก”
เครนขบกราม
“เจ้าฆาตกรบ้านั่นไม่ลืมเอาอาหารของมันติดมือกลับไปบ้านด้วย”
คำพูดของนักสืบใหญ่ทำให้แสตนลีย์ขมวดคิ้ว เขากวาดตามองสภาพที่เกิดเหตุอย่างใคร่ครวญและเอ่ยปากถามเสียงไม่ดังนัก
“คุณไม่รู้สึกว่าแปลกบ้างรึไง”
“รู้สึก” เครนตอบด้วยสีหน้ารู้ทัน “ไปดูศพด้วยกันไหม”
“ตกลง”
เครนหันไปกำชับเจ้าหน้าที่สองสามคำก่อนจะก้าวออกจากบ้าน ทั้งคู่ต่างแยกย้ายกันไปขึ้นรถและขับตรงไปยังสถานเก็บศพประจำเมือง เมื่อไปถึงทั้งเครนและแสตนลีย์ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าแพทย์ชันสูตรกำลังยืนรอพวกเขาอยู่
“คุณสองคนมาสาย” ดร.เมสันพูดและหันหน้ากลับไปยังร่างเหยื่อทั้งสองอีกครั้ง แสตนลีย์และเครนเดินไปหยุดยืนข้างเตียงพร้อมกับถาม
“มีอะไรน่าสนใจหรือหมอ”
“จะเอาเรื่องไหนก่อนดีล่ะ” แพทย์ชันสูตรหันมาถาม “ตับล่องหน หัวใจเป็นแผลหรือรอยมีดมรณะ”
“ผมขอทั้งหมดก็แล้วกัน” เครนพูดตัดบทอย่างระอา อีกฝ่ายยิ้ม
“เคยมีคนบอกไหมว่า ความโลภเป็นสิ่งที่ไม่ดี” เขาชี้ไปที่ใบหน้าของผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองและอธิบายเมื่อเห็นเครนกำลังจ้องรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณโหนกแก้ม “ผมคาดว่าทั้งคู่ถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน คนร้ายต้องเร็วและแข็งแรงมากเพราะเขาลงมือกับเหยื่อพร้อมกัน”
ดร.เมสันหยิบฟิล์มเอ็กเรย์ส่งให้นักสืบร่างใหญ่
“เขาใช้อาวุธอะไรกระดูกถึงได้ร้าวขนาดนี้”
“วิธีธรรมชาติที่มีมาแต่โบราณ” แพทย์ชันสูตรพูดพร้อมกับชูมือขึ้น “กำปั้น”
“คุณรู้ได้ยังไง” เครนถาม ดร.เมสันชี้ไปที่แก้มของศพอีกครั้ง
“รอยคั่งของเลือด ตอนแรกมันยังเห็นไม่ชัดแต่พอทิ้งไว้สักระยะคุณจะเห็นร่องรอยของวัตถุที่มากระทบ”
“เป็นรูปสันหมัด” แสตนลีย์พูดหลังจากก้มหน้าลงไปดู แพทย์ชันสูตรยิ้ม
“ถูกต้อง และหลังจากถูกทำร้ายแล้วฆาตกรคงจับเหยื่อเพศชายไปมัดไว้กับเก้าอี้ คุณจะเห็นข้อมือและข้อเท้าของเขามีรอยช้ำ และเขาคงดิ้นรนน่าดูตอนถูกแทงที่ท้องเพราะผมพบรอยถลอกของผิวหนังในบริเวณที่ถูกมัด” เขาหันไปหยิบกล้องขยายและสอดเข้าไปในรอยแผลที่ช่องท้อง “ที่โหดกว่านั้นคือนี่เป็นบาดแผลแรกจริงๆที่พวกเขาได้รับ“
“พวกเขาถูกผ่าท้องทั้งที่ยังไม่ตายอย่างงั้นหรือ” แสตนลีย์ถาม ดร.เมสันพยักหน้า
“ผู้ชายโชคดีหน่อย เขาถูกแทงและโดนฆ่าในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ผู้หญิงไม่ใช่อย่างนั้น เธอต้องทรมานตอนถูกเชือดเอาตับออกมาอย่างบรรจง”
“อย่างบรรจง” เครนทวนคำ “หมายความว่าไงหมอ”
“หมายความว่าคนร้ายเปิดหน้าท้องของเหยื่อด้วยการกรีดเพียงครั้งเดียว การตัดเอาตับออกก็มีความปราณีตมาก เขามีทักษะในการใช้มีดแต่ไม่ใช่แบบฝีมือของผู้มีความรู้ด้านการแพทย์” ดร.เมสันพูดพลางขยายภาพบาดแผลของเหยื่อทั้งสอง “คุณจะเห็นว่าทั้งรอยแทงและรอยเชือดเรียบเป็นเส้นตรง มีดของเขาไม่ทำลายเส้นเลือดและกล้ามเนื้อใกล้เคียงเลยสักนิด แสดงว่าคนร้ายมีความชำนาญในการฆ่าสูงมาก”
“หมอรู้ได้ยังไง” เครนถาม แพทย์ชันสูตรเลื่อนภาพบาดแผลที่หน้าอกขึ้นจอ
“สาเหตุของการเสียชีวิตของเหยื่อทั้งสองคือถูกแทงตัดขั้วหัวใจ” เขาหันไปมองหน้าเครน “ถึงจะคนละเวลาแต่ก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน มันเป็นการลงมือที่รวดเร็ว แม่นยำ เฉียบขาด และเต็มไปด้วยความมั่นใจ”
“ฟังดูเหมือนไม่ใช่พฤติกรรมของคนร้ายในสามคดีแรก” แสตนลีย์พูดขึ้น ดร.เมสันผงกศีรษะ
“ผมเองก็อยากจะบอกแบบนั้น แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของหมอ” เขาหันกลับไปมองศพของผู้เคราะห์ร้าย “แต่ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของใครก็ล้วนแต่โหดร้ายพอกัน”
เขาหันไปมองเครนและแสตนลีย์อีกครั้ง
“ตอนนี้ผมชักอยากผ่ากะโหลกฆาตกรพวกนี้แล้วทำการศึกษามันสมองของเขาดูว่ามันแตกต่างไปจากพวกเรายังไง ทำไมถึงได้ทำอะไรโหดร้ายนัก”
“คงอีกไม่นานหรอกหมอ”เครนพูดเสียงหนักและหันไปทางแสตนลีย์ “เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
“ตกลง” เจ้าหน้าที่เอฟบีไอรับคำ เขาหันกลับไปที่ดร.เมสันพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณก่อนจะเดินตามเครนซึ่งกำลังก้าวนำออกจากห้องแต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพ้นประตูเสียงโทรศัพท์ของนักสืบก็ดังขึ้น เขาดึงขึ้นมาดูหมายเลขเรียกเข้าก่อนจะกดรับ
“เครนพูด”
เสียงจากปลายสายทำให้ดวงตาของเครนเบิกว้างด้วยความตระหนก
“อะไรนะ! ที่ไหน เมื่อไหร่?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็วและหยุดฟังคำตอบจากอีกด้าน เมื่อเสียงปลายสายกล่าวจบเครนจึงพูดเสียงห้วน “ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
นักสืบใหญ่ปิดโทรศัพท์และหันใบหน้าที่ซีดเผือดด้วยความตกใจไปทางแสตนลีย์พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามสะกดอารมณ์เต็มที่
“มีคดีฆาตกรรมฆ่าหั่นศพอีกราย มีผู้เคราะห์ร้ายถึงห้าคน พวกเขาตายกันทั้งครอบครัว” เขาขบกรามแน่นก่อนจะปล่อยคำพูดสุดท้ายออกมา “คราวนี้คนร้ายไม่ได้ผ่าท้องเหยื่อ แต่ตัดเอาหัวของเขาไปหนึ่งคน”

*/*/*/*/*

เสียงสัญญาณฉุกเฉินจากรถตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งวิ่งตามกันเป็นขบวนไปบนท้องถนนสร้างความตื่นตระหนกต่อชาวเมืองซึ่งกำลังเดินอยู่ทั้งสองข้างทาง บางคนหันไปถามร้านค้าริมถนนด้วยความสงสัยในขณะที่หลายคนหยิบเครื่องเล่นเพลงมาปรับหาคลื่นวิทยุเพื่อฟังข่าว ทุกคนต่างพูดคุยกันด้วยความอยากรู้จนไม่ใส่ใจว่ามีใครบางคนกำลังยืนจ้องรถตำรวจทุกคันอยู่ที่หัวมุมถนน เขาก้มลงมองถุงพลาสติคที่กำลังถืออยู่ในมือและแสยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจก่อนจะหมุนตัวเดินหายไปในตรอกแคบๆอย่างเงียบงัน
รถของแสตนลีย์ชะลอความเร็วลงและจอดต่อจากรถของเครนซึ่งวิ่งนำมาไม่กี่นาที เขานั่งมองเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังกันฝูงชนออกจากที่เกิดเหตุนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดเลขหมายอย่างรวดเร็ว
“นี่แสตนลีย์พูด เกิดเหตุฆาตกรรมฆ่าหั่นศพซ้อนขึ้น ที่เกิดเหตุห่างจากคดีแรกสามช่วงถนน ช่วยดึงข้อมูลของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ให้ผมด้วย” เขานิ่งฟังคำพูดอีกฝ่าย “ขอย้อนหลังไปสี่เดือน มีอีกเรื่อง ช่วยแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้เบื้องบนทราบด้วยว่าผมสงสัยคนร้ายจะเป็นคนละคนกับคดีที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ชั่วโมงที่แล้ว จะส่งข้อมูลและผลชันสูตรตามไปทีหลัง”
แสตนลีย์ปิดโทรศัพท์และก้าวลงจากรถ เขากวาดตามองไปรอบบริเวณเพื่อประเมินสถานการณ์โดยรวมก่อนจะเดินตรงไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก้าวสวนออกมาอย่างรวดเร็ว เขาเลี่ยงไปยืนใต้ต้นไม้และอาเจียนออกมาอย่างสุดกลั้นจนเพื่อนนายตำรวจด้วยกันต้องช่วยตบหลังพร้อมกับกล่าวปลอบใจ
“ถ้าไม่เคยเจอคดีทำนองนี้มาก่อนผมก็คงเป็นแบบเขาเหมือนกัน” เครนพูดขึ้น แสตนลีย์ผงกศีรษะรับ
“ผมเข้าใจ” เขามองเข้าไปภายในบ้านพร้อมกับถาม “ผู้เสียชีวิตล่ะ”
“อยู่ในห้องครัว” นักสืบตอบก่อนจะเดินนำเข้าไปในครัวซึ่งอยู่บริเวณด้านหลัง เลือดที่ไหลนองไปทั่วพื้นห้องทำให้แสตนลีย์ชะงักเท้าและกวาดตามองไปรอบตัว
“อย่างกับสนามรบ” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งเปรยขึ้น แสตนลีย์มองร่างที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ของผู้เคราะห์ร้ายทั้งสี่อย่างพิจารณาแล้วเอ่ยถามนักสืบเครนโดยไม่หันไปมองหน้า
“คุณบอกว่ามีห้าคน”
“อยู่ในอ่างล้างจาน” เครนตอบอย่างเคร่งขรึม เอฟบีไอหนุ่มจึงก้าวเข้าไปดู ภาพที่เห็นทำให้เขารู้สึกสยดสยองและหดหู่จนต้องเบือนหน้าหนี
“คาดว่าคนร้ายคงเข้ามาทางด้านหลัง” เครนอธิบาย “มันคงจัดการกับหญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นคนแม่ซึ่งกำลังเตรียมอาหารอยู่จากนั้นก็จัดการกับชายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนพ่อ”
“มีร่องรอยการต่อสู้ คนพ่อคงขัดขืน” แสตนลีย์พูดขณะมองข้าวของที่ตกกระจายเกลื่อนพื้น เครนพยักหน้า
“ตอนนั้นลูกสาวคงเข้ามาเห็นเลยถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน” นักสืบใหญ่ชี้บริเวณลำคอของเด็กหญิง “ผมพบรอยช้ำบริเวณนี้”
“เธอถูกบีบคอ คนร้ายคงใช้วิธีนี้ข่มขู่คนเป็นพ่อ” แสตนลีย์พูดพลางหันไปยังศพของเด็กชายวัยรุ่น“แล้วเด็กผู้ชายล่ะ”
“คงถูกจับในเวลาไล่เลี่ยกัน ถ้านำศพพวกเขาไปให้ดร.เมสันเราคงรู้รายละเอียดมากกว่านี้แต่ที่น่าสยองที่สุดก็คือเจ้าหนูนั่น” เครนหันหน้าไปมองร่างของทารกวัยขวบเศษที่ถูกขดไว้ในอ่าง” ทำไมมันต้องตัดหัวเด็กไปด้วย”
แสตนลีย์ไม่ตอบแต่กลับไล่สายตาสำรวจร่างของผู้เสียชีวิตอย่างพิจารณา เขาขมวดคิ้วและอุทานเสียงไม่ดังนัก
“นี่มันอะไรกัน”
“อะไร”
“สองคนนี้ถูกทุบตีอย่างทารุณ” เขาชี้ไปที่บริเวณศีรษะของผู้เคราะห์ร้ายที่คาดว่าจะเป็นพ่อกับแม่และเลื่อนไปชี้ศพของลูกชายหญิง “ส่วนสองคนนี้โดนแทงที่ท้องแต่ไม่มีการผ่าเพื่อควักตับออกมาเหมือนทุกครั้ง”
“หมายความว่ายังไง” เครนถาม แสตนลีย์ยืดตัวขึ้นและยืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ผมคิดว่าเหยื่อสองรายแรกกับห้าคนนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือคนร้ายคนเดียวกัน”
“มีฆาตกรลอกเลียนแบบเพิ่มขึ้นมาอีกคนอย่างนั้นหรือ”เครนถามด้วยสีหน้าตระหนก แสตนลีย์ผงกศีรษะรับอย่างเคร่งขรึม
“ผมยังไม่มั่นใจแต่รู้ว่าหนึ่งในคนร้ายทั้งสองเป็นนักฆ่าที่มีความชำนาญ อำมหิตและเลือดเย็นที่สุด”
“จะเป็นนักฆ่าหรือคนบ้าอะไรผมก็ไม่สนทั้งนั้น ถ้าเจอตัวเมื่อไรผมไม่เอามันไว้แน่” เครนพูดเสียงลอดไรฟัน แสตนลีย์มองร่างผู้เสียชีวิตพร้อมกับพยักหน้า
“ผมเห็นด้วย”
เขาหยุดพูดเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น แสตนลีย์กล่าวขออภัยกับนักสืบก่อนจะกดปุ่มรับ เขานิ่งฟังคำอธิบายจากผู้ที่อยู่ปลายสายนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดเบาๆ
“ขอบคุณ”
เครนมองสีหน้าของแสตนลีย์ที่กำลังเก็บมือถือเข้ากระเป๋าและถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรที่ผมควรรู้หรือเปล่า”
“ผมให้สไตล์รื้อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนมาดู มีหลายคดีคล้ายกันมากแต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน”
“ผมไม่เข้าใจ”
แสตนลีย์มองหน้าเขา
“คุณเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่หรือว่า ระหว่างคดีเมื่อหลายเดือนก่อนกับคดีนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน”
เครนนิ่งคิดและพึมพำออกมา
“ยา”
“นอกจากยาแล้ววิธีการลงมือของฆาตกรก็ผิดแปลกไป ฝ่ายวิเคราะห์พฤติกรรมของ
เอฟบีไอได้ให้ข้อมูลมาว่าคดีในครั้งก่อนคนร้ายลงมือสังหารเหยื่อตายในทันทีขณะที่สามคดีหลังคนร้ายจะทรมานเหยื่อก่อนลงมือสังหาร ที่สำคัญคนร้ายจะตัดอวัยวะของผู้ตายกลับไปด้วย แต่การตายของเหยื่อสองรายเมื่อสี่ชั่วโมงก่อนรูปแบบที่ต่างออกไป”
“ทางเอฟบีไอว่ายังไง” เครนซักด้วยความอยากรู้แต่แสตนลีย์กลับส่ายหน้า
“ฝ่ายวิเคราะห์พฤติกรรมเพิ่งได้รับข้อมูลนี้เลยยังไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าคนร้ายที่สังหารคู่รักนั่นอาจเป็นนักฆ่ามืออาชีพ บางทีเขาอาจจะก่อคดีขึ้นเพื่อล่อฆาตกรตัวจริงออกมาก็ได้”
“ทำแบบนั้นเพื่ออะไร”
“ผมไม่รู้ แต่ดูเหมือนมันจะได้ผล” แสตนลีย์พูดพลางหันไปมองผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดอีกครั้ง “เจ้าฆาตกรโหดนั่นโกรธที่มีคนท้าทายเลยออกมาแสดงให้เห็นว่าเขาลงมือได้โหดเหี้ยมกว่ามาก”
“ถึงขนาดตัดหัวเด็กทารกด้วยเนี่ยนะ” เครนพูดด้วยความโกรธ “สัตว์นรกชัดๆ”
เขาชะงักคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อเจ้าหน้าที่นายหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับถาม
“จะให้ผมนำพวกเขาออกไปได้หรือยังครับ”
นักสืบใหญ่พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เขามองพนักงานห้องเก็บศพซึ่งกำลังวางร่างของผู้เคราะห์ร้ายลงบนถุงใส่ศพอย่างระวัง และเมื่อถึงคราวของเด็กน้อย เครนถึงกับร้องเตือนด้วยความลืมตัว
“เบามือหน่อย”
แสตนลีย์มองเขาด้วยความเห็นใจ สายตรวจคอลลินก้าวเข้ามาพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้นักสืบประจำสถานี
“รายชื่อของผู้เสียชีวิตทั้งหมดครับ”
“พวกเขามีญาติบ้างไหม” เครนถามขณะอ่านชื่อของผู้เสียชีวิตทั้งหมดและส่งต่อให้กับ
แสตนลีย์ คอลลินส่ายหน้า
“ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่ได้ครับ”
“พยายามหาให้พบ เราต้องการคนระบุศพเพื่อยืนยันให้แน่ชัด” เครนสั่งเสียงเรียบและมองหน้าแสตนลีย์ซึ่งกำลังยืนจ้องชื่อผู้เสียชีวิตแน่วนิ่ง “มีอะไรหรือ”
“เปล่า” เอฟบีไอหนุ่มตอบก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นกลับคืนให้นักสืบใหญ่ “จะกลับไปที่ห้องชันสูตรเลยไหม”
“ผมขอตรวจอะไรที่นี่ต่ออีกหน่อย คุณล่วงหน้าไปก่อน” เครนตอบเสียงเรียบ อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า
“ผมเองก็อยากหาหลักฐานเพิ่มเติมเหมือนกัน คงไม่รังเกียจใช่ไหม” แสตนลีย์พูด เครนผงกศีรษะอย่างเคร่งขรึมขณะหันไปมองรอยเลือดที่สาดกระจายไปทั่วห้องพร้อมกับพูดเสียงเรียบ
“ยินดีต้อนรับสู่โลกของอาชญากรรม”

*/*/*/*/*/*



Create Date : 07 กรกฎาคม 2553
Last Update : 7 กรกฎาคม 2553 14:23:30 น.
Counter : 436 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี