บทที 8 ชิ้นส่วนที่หายไป
บทที่ 8

ชิ้นส่วนที่หายไป

แสงไฟจากเสาที่เรียงรายอยู่ริมถนนส่องสว่างขึ้นหลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปได้ไม่นาน ผู้คนเริ่มทยอยกันกลับเข้าบ้านเพื่อรับประทานอาหารกับครอบครัวและเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาไปกับการชมรายการโปรดทางโทรทัศน์ก่อนจะแยกย้ายกันไปเข้านอน
เวลาผ่านไปจนถึงยามดึก ผู้คนส่วนใหญ่พากันหลับใหลอย่างมีความสุข เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หัวมุมของถนนและเดินไปตามทางเท้าอย่างไม่เร่งร้อน ดวงตาทั้งคู่ไล่มองบ้านแต่ละหลังอย่างพิจารณา ร่างนั้นสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ มันรีบเดินหลบไปที่ต้นไม้ใหญ่และแอบมองรถที่วิ่งผ่านไปหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งอย่างสนใจ เสียงหัวเราะของสามีภรรยาที่กำลังเดินคลอเคลียกันอย่างมีความสุขหายเข้าไปในบ้านทำให้ดวงตาของผู้ที่เฝ้ามองทอประกายวาว มันกวาดตามองรอบตัวอย่างระแวดระวังอีกครั้งก่อนจะก้าวตรงไปยังบ้านหลังนั้นอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว

เสียงสะอื้นด้วยความหวาดกลัวดังมาจากหญิงเคราะห์ร้ายที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เธอเหลือบตามองสามีซึ่งนอนเบิกตาโพลงอยู่ด้านข้าง เลือดไหลทะลักออกมาจากลำคอที่ถูกปาดเปียกหมอนที่เขาหนุนจนโชกชุ่ม หญิงสาวเบือนหน้าหนีและร่ำไห้ออกมา คนร้ายกดศีรษะของเธอลงกับที่นอนพร้อมกับพูดเสียงเข้ม
“เงียบ”
มันใช้มีดชี้ไปยังกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ภาพเด็กชายวัยห้าขวบที่กำลังส่งรอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้หัวใจของหญิงเคราะห์ร้ายกระตุกวาบ
“อย่าทำอะไรเขา”
เธออ้อนวอนด้วยใบหน้านองน้ำตา อีกฝ่ายเลื่อนมีดมาจ่อที่ลำคอ
“ฉันบอกให้เงียบ”
น้ำเสียงต่ำดุดันแฝงไว้ซึ่งความกราดเกรี้ยว หญิงสาวเม้มปากแน่นสะกดเสียงสะอื้นไม่ให้รอดผ่านออกมา คนร้ายมองเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน มันมองร่างไร้วิญญาณของชายเคราะห็ร้ายอย่างพิจารณา ก่อนจะเงื้อมีดขึ้นแทงลงไปที่ท้องของศพและกรีดเป็นทางยาว มืออีกข้างล้วงลงไปในร่างของเหยื่อและดึงอวัยวะภายในชิ้นหนึ่งขึ้นมา ฝ่ายภรรยาอ้าปากค้างตกตะลึงด้วยความตระหนกสุดขีด
“นั่นแกจะทำอะไร” เธอหลุดคำถามออกมา คนร้ายชะงักเล็กน้อยก่อนจะใช้มีดตัดเนื้อก้อนหนึ่งออกมาพิจารณา มันเบ้หน้าพร้อมกับโยนเนื้อชิ้นนั้นทิ้งไปอีกด้าน
“สกปรก” คนร้ายลุกยืนขึ้นและจ้องหน้าภรรยาของเหยื่อเขม็ง อีกฝ่ายตัวสั่นด้วยความกลัว
“ไม่นะ”
เจ้าสัตว์นรกแสยะยิ้มพร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปหา หญิงสาวอ้าปากเตรียมจะกรีดร้องแต่ถูกคมมีดเสียบเข้าไปจนมีดด้าม ร่างของเธอสั่นกระตุกสองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป คนร้ายมองเลือดที่ไหลรินออกจากร่างด้วยดวงตาเฉยชาก่อนจะกระชากมีดออกและเดินตรงไปยังห้องนอนลูกชายตัวน้อยของเหยื่อทั้งสอง เขาเคาะประตูเบาๆก่อนจะเปิดออกและก้าวเข้าไปด้านใน

*/*/*/*/*/*

สีหน้าของเครนเต็มไปด้วยความโกรธขณะก้าวออกจากห้องนอนของเด็กชายเคราะห์ร้าย เขาลงจากชั้นสองของบ้านและมองดูเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียด คิ้วของนักสืบหนุ่มขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่พิเศษแสตนลีย์เอ่ยถาม
“พบอะไรบ้างไหม”
“ไม่” เครนตอบเสียงเรียบก่อนจะหันไปมองเจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรที่กำลังเข็นเตียงร่างผู้เสียชีวิตไปยังรถฉุกเฉิน ขนาดของถุงที่บรรจุร่างผู้เสียชีวิตใบสุดท้ายทำให้เขาต้องขบกรามแน่น
“ห้าขวบ” นักสืบใหญ่เปรยขึ้น เจ้าหน้าที่พิเศษหันหน้ากลับมามอง
“ว่าไงนะ”
“เหยื่อรายสุดท้ายเป็นเด็กอายุห้าขวบ” เครนตอบ “ทำไมต้องฆ่าเขาด้วย”
“ไม่มีใครรู้ความคิดของฆาตกร” แสตนลีย์พูดพลางหันไปเรียกเอฟบีไอคนหนึ่งซึ่งกำลังบันทึกรายละเอียดในที่เกิดเหตุ “สไตล์”
“ครับ” อีกฝ่ายขานรับและหันหน้ามาทางเขา เจ้าหน้าที่พิเศษพยักเพยิดหน้าไปยังรถฉุกเฉิน
“ไปที่ห้องเก็บศพ บันทึกทุกอย่างที่แพทย์ชันสูตรตรวจพบและรออยู่ที่นั่น ผมกับนักสืบเครนจะตามไปสมทบหลังจากตรวจที่นี่เรียบร้อยแล้ว”
“ครับ”
สไตล์รับคำก่อนจะรีบเดินตามเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินไปขึ้นรถ แสตนลีย์หันกลับไปที่เครนซึ่งกำลังยืนคุยกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เขาเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นนักสืบเดินผละมา
“มีอะไรที่พอจะเล่าให้ผมฟังได้บ้าง”
เครนมองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจก่อนตอบ
“ผมให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบตู้เก็บยาของเหยื่อ” เขานิ่วหน้า “ยังอยู่ครบถ้วนทุกอย่าง”
“คุณรู้ได้ยังไง” แสตนลีย์ถามขณะมองเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกำลังบันทึกภาพรอยเลือดที่ไหลมาจากห้องครัว เขาขมวดคิ้วและร้องขึ้นทันที “เดี๋ยว”
เจ้าหน้าที่นายนั้นชะงักและลดกล้องในมือลง เครนมองด้วยความแปลกใจ
“มีอะไร”
“เหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องนอนบนชั้นสองทำไมถึงมีรอยเลือดในครัว” เจ้าหน้าที่พิเศษจากเอฟบีไอตอบพลางก้าวไปหยุดยืนที่ประตูครัว เขาไล่สายตามองไปโดยรอบและหยุดไว้ตรงโต๊ะประกอบอาหาร แสตนลีย์จ้องอุปกรณ์ทำครัวที่ถูกเก็บอย่างมีระเบียบ
“พวกคุณตรวจของพวกนั้นแล้วหรือยัง” เขาถามเครนพลางชี้มือไปยังลิ้นชักเก็บมีดและโถปั่นน้ำผลไม้ซึ่งคว่ำไว้ในตะกร้าข้างที่ล้างชาม อีกฝ่ายหันไปมองหน่วยพิสูจน์หลักฐานทันที พวกเขาหันไปมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นรีบรายงาน
“เราตรวจมีดทำครัวแล้วพบรอยเลือดจำนวนหนึ่งแต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร หลังเก็บหลักฐานชิ้นอื่นแล้วผมจะนำกลับไปที่นิติเวชเพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้งครับ”
“แล้วโถปั่นน้ำผลไม้นั่นล่ะคุณได้ตรวจสอบแล้วหรือยัง”
แสตนลีย์ถาม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมีสีหน้างงเล็กน้อย เขาหันไปมองโถแก้วในตะกร้าก่อนตอบ
“เราไม่ได้ตรวจของชิ้นนั้นเพราะไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม”
“สิ่งของทุกอย่างในที่เกิดเหตุมีความสำคัญทั้งนั้น บางครั้งเศษผ้าชิ้นเล็กๆก็ทำให้เรารู้เบาะแสของคนร้ายได้” หัวหน้าเอฟบีไอพูดอย่างเคร่งขรึม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลังฐานชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมปฎิบัติตามแต่โดยดี เขาดึงก้านสำลีออกมาซับบริเวณก้นโถแก้วอย่างบรรจงก่อนจะหยดน้ำยาลงไป เครนจ้องสำลีแน่วนิ่งและเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าสีของมันเริ่มเปลี่ยน ทั้งนักสืบและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หันไปมองหน้าแสตนลีย์พร้อมกันในทันทีแต่อีกฝ่ายกลับสั่งเสียงเรียบ
“นำเครื่องใช้ภายในครัวทั้งหมดไปตรวจสอบอย่างละเอียด” เขาเว้นระยะคำพูดเล็กน้อยและกล่าวต่อ “ภายใต้การดูแลของเอฟบีไอ”
น้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังของเจ้าหน้าที่พิเศษทำให้ทุกคนในที่นั้นยืนนิ่ง เครนตบบ่าคนของเขาสองสามครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหาแสตนลีย์
“ผมรู้ว่าคุณอยากปิดคดีให้เร็วที่สุด แต่อย่าเร่งรัดคนของเรานักได้ไหม”
“ผมไม่ได้เร่งรัด แค่อยากให้พวกเขาตั้งใจทำงานมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น”
คำตอบของเอฟบีไอทำให้นักสืบนึกฉุน เขามองอีกฝ่ายพร้อมกับพูดเสียงห้วน
“พวกเรายกกำลังมาเกือบทั้งสถานี เจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์เองก็ทำงานอย่างเต็มที่ทั้งสองกะ เราทุกคนต่างทุ่มเทให้กับคดีนี้อย่างเต็มที่” เครนจ้องหน้าแสตนลีย์เขม็ง เจ้าหน้าที่พิเศษนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะก้มศีรษะลง
“ผมไม่ได้มีเจตนาตำหนิการทำงานพวกคุณ” เขาถอนใจ “แค่รู้สึกหงุดหงิดที่ยังไม่มีเบาะแสของคนร้ายเลยเท่านั้น”
“ผมเข้าใจ” เครนพูดขณะกวาดตามองรอบตัว “เจ้าฆาตกรรายนี้โหดเหี้ยมมากขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าจิตใจของมันทำด้วยอะไรถึงได้ลงมือฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กเล็กๆ”
“ผมไม่คิดว่าคดีนี้จะเกิดจากฝีมือของคนร้ายรายเดียวกับคดีก่อนหน้านั้น” แสตนลีย์พูดอย่างเคร่งขรึม “คุณเองก็เคยพูดแบบนั้นไม่ใช่หรือ”
“ใช่” เครนมองเจ้าหน้าที่พิเศษอย่างลังเลไม่เข้าใจในคำถามนั้นจนอีกฝ่ายยิ้ม
“ผมชอบทำการบ้าน” แสตนลีย์พูดและพยักหน้าไปที่รถ “จะไปกันหรือยัง”
“ไปไหน”
“ห้องชันสูตร ป่านนี้สไตล์คงได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากพอดู”
เครนผงกศีรษะอย่างกระตือรือล้น เขาหันไปกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้คอยดูแลและอำนวยความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก่อนรีบเดินไปขึ้นรถและขับตาม
แสตนลีย์ไปจนถึงสถานที่เก็บศพประจำเมือง
นักสืบรีบมุ่งตรงไปยังห้องชันสูตรทันที เขามองสไตล์และแสตนลีย์ที่กำลังยืนฟังดร.เมสันอธิบายผลการตรวจอย่างตั้งใจ นายแพทย์ประจำห้องเก็บศพหันหน้ามาทางเขาพร้อมกับเอ่ยทัก
“เครน” เขาพยักหน้าพร้อมกับโบกมือเป็นเชิงเรียก นักสืบก้าวไปหยุดยืนข้างเตียงชันสูตรพร้อมกับถาม
“ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า”
“ก็ไม่เชิง” ดร.เมสันตอบและยิ้ม “ผมเก็บเรื่องน่าแปลกใจไว้ให้คุณโดยเฉพาะ”
แพทย์ชันสูตรหลิ่วตาให้กับเครนอย่างอารมณ์ดีก่อนจะชี้ไปที่ถาดโลหะ นักสืบก้มหน้าลงไปมอง
“นี่มันอะไรกัน”
“ตับ” ดร.เมสันตอบ อีกฝ่ายหันไปมองเขา
“ผมทราบ แต่คุณต้องการให้ผมดูอะไร”
“เห็นรอยตัดที่ขั้วตับนั่นไหม” แพทย์ชันสูตรตอบพลางเลื่อนชามรูปไตที่มีชิ้นเนื้อขนาดเล็กส่งให้ “มันตรงกับชิ้นส่วนที่ตกอยู่ในห้อง”
ดร.เมสันพูดพลางเดินไปยังเตียงที่มีร่างของผู้เคราะห์ร้ายรายแรก
“ปีเตอร์ อลัน” เขาขานชื่อของเหยื่อ “สาเหตุการตายคือเสียเลือดมากจากบาดแผลบริเวณลำคอ” เขาชี้ไปที่ลำคอของศพพร้อมกับขยับกล้องขยายเพื่อให้คนทั้งสามเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น สไตล์เบือนหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยแผลของการถูกเชือดเปิดกว้างจนสามารถเห็นหลอดลมที่อยู่ภายใน แสตนลีย์จ้องภาพที่ปรากฏบนจอ
“คนร้ายเชือดคอเขาแล้วปล่อยให้เลือดออกจนตาย”
“โดยไม่โดนหลอดลมเลยน่ะเหรอ” เครนพูด “แสดงว่ามันมีความชำนาญมาก อาจเป็นคนที่มีความรู้ด้านการแพทย์”
“คนร้ายอาจมีฝีมือแต่ไม่ใช่คนที่มีความรู้ในเรื่องการผ่าตัดอย่างแน่นอน” ดร.เมสันกล่าวแทรกขึ้น “เพราะรอยปาดเฉียงไปเล็กน้อยขอบแผลก็มีรอยหยักเหมือนฟันเลื่อย ถ้าเป็นฝีมือของผมแล้วล่ะก็รับรองได้เลยว่ารอยเชือดจะตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด”
แสตนลีย์หันไปมองหน้าแพทย์ชันสูตรพร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อย เครนแสร้งทำเป็นกระแอมเบาๆก่อนจะถาม
“คุณคงไม่ได้เก็บเรื่องเด็ดไว้แค่นี้ใช่ไหม”
“ถูกต้อง” ดร.เมสันยิ้มพลางชี้ไปที่รอยแผลบนไหล่ทั้งสองข้างของศพไล่ไปจนถึงข้อศอกพลางอธิบาย“คนร้ายตัดเอ็นอัลนาคอลเลทเทอรัล คอมมอนเฟล็กเซอร์และอะคิลิสที่ข้อเท้าด้วย”
นักสืบทำหน้าเหมือนกำลังสูดกลิ่นฟอร์มัลดีไฮด์เข้าไปเฮือกใหญ่
“ขอภาษาชาวบ้านได้ไหมหมอ”
“คนร้ายตัดเอ็นที่ไหล่ ข้อศอกและข้อเท้าของเหยื่อทำให้เขาขยับแขนขาไม่ได้” แสตนลีย์ตอบเสียงเรียบ อีกฝ่ายผงกศีรษะแสดงความเข้าใจ
“นั่นแก้ข้อสงสัยว่าทำไมจึงไม่พบเชือกสักเส้นในที่เกิดเหตุ” เครนพูด “พวกเขาถูกตัดเอ็นหมดทุกคนเลยหรือ”
“แค่ฝ่ายชายเท่านั้น” แพทย์ชันสูตรตอบ สไตล์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเธอถึงไม่หนีหรือตะโกนขอความช่วยเหลือ”
“เด็ก” แสตนลีย์ตอบพลางหันไปมองร่างเด็กชายตัวน้อยบนเตียงชันสูตร “คนร้ายคงขู่ว่าจะฆ่าเขาหากเธอคิดหนี”
“ซึ่งมันก็ไม่รักษาคำพูด” เครนพูดเสียงลอดไรฟัน ดร.เมสันมองคนทั้งสามก่อนตัดสินใจถามขึ้นมา
“มีใครพบอะไรนอกเหนือจากนี้บ้างไหม”
“หมายความว่ายังไง” นักสืบถาม แพทย์ชันสูตรทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยขณะเดินไปเปิดผ้าคลุมร่างของเด็กชาย ทั้งแสตนลีย์และเครนเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยผ่าเป็นทางยาวทั้งแต่อกไปจนถึงหน้าท้อง ดร.เมสันเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสาม
“จากการคั่งของเลือดบริเวณรอบปากแผลทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ตอนที่ถูกชำแหละ” แพทย์ชันสูตรพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าทุกครั้ง “รวมทั้งตอนที่ถูกดึงอวัยวะภายในออกจากร่าง”
เครนอ้าปากค้าง
“อะไรนะ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...”
ดร.เมสันผงกศีรษะอย่างเคร่งขรึมก่อนจะตอบสียงแผ่ว
“เด็กคนนี้ถูกเชือดทั้งเป็น” เขาเว้นระยะคำพูดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม “ตับของเขาหายไป”

*/*/*/*/*



















Create Date : 07 กรกฎาคม 2553
Last Update : 7 กรกฎาคม 2553 14:08:28 น.
Counter : 313 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี