บทที่ 15 หัวหน้าคนใหม่
บทที่ 15

หัวหน้าคนใหม่

เสียงแหบห้าวจากสมาชิกหน้าเสี้ยมขององค์กรที่กำลังรายงานผลการติดตามคดีเหยื่อฆาตกรรมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต่อที่ประชุมสร้างความเบื่อหน่ายให้กับการ์ดเนอร์เป็นอย่างมาก เธอตวัดสายตาไปยังแอชเชอร์ซึ่งกำลังนั่งฟังอย่างตั้งใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภาพวาดสวนดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์บนผนังในห้องประชุมขององค์กรด้วยสายตาแน่วนิ่ง สมองครุ่นคิดถึงข่าวที่ได้รับจากสมาชิกระดับสูงคนหนึ่งของอิลูมิเนติคตอนก่อนออกจากที่พัก
‘ไรซินถูกปลดจากตำแหน่งและโดนกักบริเวณ ที่ประชุมกำลังหารือในเรื่องความผิดเพื่อหาบทลงโทษและเสนอให้คุณเข้าทำหน้าที่แทนไรซินทุกตำแหน่งนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป’
การ์ดเนอร์เผลอตัวยิ้มออกมา แอชเชอร์ซึ่งกำลังกล่าวสรุปการประชุมหันมามองด้วยความแปลกใจ
“คุณมีข้อแนะนำเพิ่มเติมหรือการ์ดเนอร์”
ท่านผู้หญิงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบกล่าวปฏิเสธ
“ไม่มีค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอปิดประชุมแต่เพียงเท่านี้ เชิญทุกท่านแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ได้”แอชเชอร์พูดพร้อมกับปิดแฟ้ม สมาชิกต่างพากันลุกขึ้นและก้มศีรษะแสดงความเคารพก่อนจะทยอยเดินออกจากห้อง ผู้นำองค์กรมองการ์ดเนอร์ที่กำลังเก็บเอกสารโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมากระทั่งอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าตนกำลังถูกมองอยู่
“มีอะไรหรือคะ”
“ไม่มี” แอชเชอร์พูดเสียงเรียบ “หลังจากที่เราเสียอันเดอร์ฮิลล์ไปดูเหมือนพวก
อิลูมิเนติคลดการเคลื่อนไหวลง บางทีคนพวกนั้นอาจกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างดังนั้นผมจึงอยากจะเตือนให้คุณระวังตัว”
คำพูดของแอชเชอร์ทำให้การ์ดเนอร์ยิ้ม เธอปิดกระเป๋าถือและลุกขึ้นพร้อมกับพูด
“ดิฉันระวังตัวอยู่ตลอดเวลา” ดวงตาของท่านผู้หญิงทอประกายวาวท้าทาย “ถ้าไม่มีอะไรแล้วคงต้องขอตัว”
เธอก้มศีรษะลงคำนับก่อนจะก้าวออกจากห้อง แอชเชอร์มองตามอย่างครุ่นคิดจนบรุคส์เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือครับท่าน”
“ผมยังไม่แน่ใจ” แอชเชอร์ตอบ “จัดคนคอยสะกดรอยตามการ์ดเนอร์ไว้อย่าให้คลาดสายตาและติดต่อไปที่เทเลอร์เตือนพวกเขาให้ระวังตัว”
หลังออกจากองค์กร การ์ดเนอร์ก็มุ่งตรงกลับไปยังที่พักทันที ขณะรถยนต์คันหรูวิ่งไปตามถนนซึ่งตัดผ่านป่า รถของเธอก็ชะลอความเร็วลงอย่างฉับพลันและจอดสนิทนิ่ง การ์เนอร์ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“จอดทำไม”
“มีรถขวางทางเราอยู่ครับ”
คนขับพูดพร้อมกับชี้มือไปข้างหน้า การ์ดเนอร์มองรถสีดำคันใหญ่ที่กำลังจอดขวางอยู่กลางถนนด้วยความสงสัย มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าและกำปืนแน่นขณะจ้องประตูรถที่กำลังเปิดออก ท่านผู้หญิงมองชายคนหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาหาอย่างประหลาดใจ
“พวกอันเทสต์” เธอพึมพำขณะคลายปืนในมือและกดปุ่มลดกระจกลง ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายในชุดสูทสีเข้มหยุดยืนในระยะห่างพอประมาณ เขาก้มศีรษะคำนับ
“ท่านผู้หญิงการ์ดเนอร์” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “มีคำสั่งจากองค์กรให้มารับท่านไปยังหน่วยวิจัยเพื่อรับมอบตำแหน่งและตรวจรับงานครับ”
“งั้นหรือ” การ์ดเนอร์พูดโดยพยายามซ่อนรอยยิ้มไว้ในหน้า “ทำไมฉันถึงไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้”
“เป็นคำสั่งด่วนครับ” อีกฝ่ายตอบด้วยท่าทางนอบน้อม “แต่หากท่านผู้หญิงยังไม่สะดวก ผมจะกลับมารับอีกครั้งในภายหลัง”
“ไม่ต้อง” การ์ดเนอร์พูดพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ เธอมองผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะถามอย่างวางอำนาจ “ขอทราบรู้ชื่อและตำแหน่งของคุณด้วย”
“เจ้าหน้าที่อันเทสต์ระดับสอง ไออ้อนครับผม”
“ไออ้อนอะไร” การ์ดเนอร์ถาม
“เจ้าหน้าที่หน่วยอันเทสต์ทุกคนจะทิ้งชื่อเดิมทั้งหมด ท่านไรซินจะกำหนดวิธีการเรียกใหม่โดยแยกตามลำดับความสามารถ เจ้าหน้าที่ระดับสองจะมีชื่อและหมายเลขประจำตัวตามตารางธาตุ ผมชื่อไออ้อน เลขอะตอม 26”
“เรื่องมาก” การ์ดเนอร์บ่น แล้วที่อยู่ในรถล่ะถูกเรียกว่าอะไร”
“เลขอะตอม 73 แทนทาลัมครับ”
“ชื่อพิลึก เข้าไปในนั้นเมื่อไหร่ฉันจะเปลี่ยนวิธีการเรียกนี่ให้หมด” การ์ดเนอร์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ เธอหันหน้าไปทางคนขับรถของตนพร้อมกับสั่ง “ฉันจะไปตรวจหน่วยวิจัยหน่อย คุณขับรถกลับไปก่อนเสร็จธุระแล้วจะเรียกให้ไปรับ”
“ครับท่าน”
พลขับรับคำและเคลื่อนรถออกไปทันที การ์ดเนอร์เลื่อนสายตากลับไปหาไออ้อนอีกครั้งพร้อมกับพูด
“จะไปกันได้หรือยัง”
“ครับผม เชิญท่านผู้หญิงขึ้นรถได้เลย”
การ์ดเนอร์ยิ้มอย่างกระหยิ่มยินดีและเชิดหน้าขึ้นด้วยความลำพองใจ ไออ้อนหันไปพยักหน้าให้กับเพื่อนเมื่อเห็นว่าท่านผู้หญิงนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว รถคันงามจึงวิ่งออกจากที่นั่น มุ่งตรงไปยังจุดหมายซึ่งดูเหมือนจะอยู่ใจกลางป่า การ์ดเนอร์จึงพูดด้วยความแปลกใจ
“ไม่คิดว่าหน่วยวิจัยจะซ่อนอยู่ในป่า”
“ที่เรากำลังจะไปไม่ใช่หน่วยวิจัยครับท่านผู้หญิง” ไออ้อนตอบ การ์ดเนอร์เลิกคิ้วสูง
“งั้นคุณจะพาฉันไปไหน”
“ลานจอดลับขององค์กร เราต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ต่อไปราวครึ่งชั่วโมง” ไออ้อนชะงักคำพูดและหันไปมองหน้าแทนทาลัม อีกฝ่ายผงกศีรษะอย่างเข้าใจและหักพวงมาลัยรถเลี้ยวลงข้างทางทันที การ์ดเนอร์ร้องอุทานด้วยความตกใจและทำท่าจะต่อว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนแต่ไออ้อนกลับยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม เขาหันหน้ากลับไปมองถนนและจ้องรถแบบเดียวกันที่กำลังวิ่งผ่านไป
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีรถแบบเดียวกันถึงสองคัน”
การ์ดเนอร์ถามและหยุดคำพูดลงเมื่อเห็นรถยนต์อีกคันวิ่งไล่ตามรถคันเมื่อครู่ไป ไออ้อนรอจนทั้งสองทิ้งห่างไปพอสมควรจึงหันไปพยักหน้าให้แทนทาลัม อีกฝ่ายจึงสตาร์ทเครื่องยนต์และขับออกจากที่นั่นและเลี้ยวซ้ายเข้าไปในถนนดินขนาดเล็กซึ่งอยู่ห่างไม่กี่หลาจากจุดที่พวกเขาใช้ซ่อนตัว จนเมื่อขับต่อไปได้ราวห้านาทีไออ้อนจึงหันไปตอบคำถามท่านผู้หญิงด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“รถที่ท่านเห็นเมื่อสักครู่เป็นตัวล่อพวกผู้ติดตามครับ”
“ผู้ติดตาม” การ์ดเนอร์ทวนคำพร้อมกับเบิกตากว้าง “หรือว่าแอชเชอร์ส่งคนมาสะกดรอยฉัน”
“ครับ” ไออ้อนตอบ “เขาลอบตามท่านผู้หญิงตั้งแต่ออกจากองค์กรแล้ว”
“ร้ายมาก” การ์ดเนอร์พึมพำและมองลานกว้างที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความประหลาดใจในขณะที่เจ้าหน้าที่อันเทสต์ลงจากรถและเดินมาเปิดประตูให้กับเธอ
“ถึงที่หมายแล้วครับ ฮ.เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญท่านผู้หญิง”
“พวกคุณไม่ไปด้วยหรือ”
“หน้าที่ของผมคือรับส่งท่านผู้หญิงที่นี่เท่านั้นครับ” ไออ้อนตอบ พร้อมกับค้อมตัวลง “ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ”
การ์ดเนอร์ผงกศีรษะอย่างวางมาด เธอเดินตรงไปยังเฮลิคอปเตอร์ซึ่งเตรียมพร้อมที่จะบิน เจ้าหน้าที่อันเทสต์ที่กำลังยืนรอรีบก้มศีรษะทำความเคารพเธอ
“เจ้าหน้าที่อันเทสต์ระดับสอง เลขอะตอม 29 คอปเปอร์ รับช่วงการเดินทางของท่านผู้หญิงครับ”
การ์ดเนอร์ผงกศีรษะอย่างไว้ตัวและก้าวขึ้นไปนั่งบนฮ.ด้วยมาดนางพญา คอปเปอร์ส่งสัญญาณมือให้กับไออ้อนก่อนจะเลี่ยงไปขึ้นอีกด้าน เมื่อทุกคนเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้วเฮลิคอปเตอร์จึงลอยลำขึ้นและบินออกจากที่นั่นมุ่งหน้าตรงไปยังหน่วยวิจัย
หลังจากเดินทางราวครึ่งชั่วโมง ฮ.จึงร่อนลงจอดที่ลานกว้างแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาปท่ามกลางหุบเขา การ์ดเนอร์มองด้วยความแปลกใจเพราะตำแหน่งที่ตั้งของมันแม้จะอยู่ห่างจากที่ทำการองค์กรไกลพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงกับลึกลับมากนัก เธอก้าวลงจากฮ.และกวาดตามองไปจนทั่วก่อนจะหันไปทางคอปเปอร์
“ไหนล่ะหน่วยวิจัย ฉันไม่เห็นอาคารอะไรเลยสักหลัง”
“ต้องนั่งรถต่อไปอีกราวสิบนาทีครับ” เจ้าหน้าที่อันเทสต์ตอบพร้อมกับยกมือขึ้นโบก รถยนต์สีดำสนิทวิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าการ์ดเนอร์ทันที คอปเปอร์เปิดประตูพร้อมกับพูดอย่างสุภาพ
“เชิญครับ”
การ์ดเนอร์ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ หลังจากวิ่งไปได้สักระยะเธอจึงเห็นปราสาทหลังหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ท่านผู้หญิงขยับตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยความแปลกใจและเผลอตัวถามออกมา
“หน่วยวิจัยอยู่ในปราสาทนี่น่ะหรือ”
“ครับท่าน” คอปเปอร์ตอบขณะยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาและกรอกคำพูดลงไปสองสามคำ บานประตูโลหะโค้งขนาดใหญ่ซึ่งปิดสนิทอยู่เลื่อนเปิดออกอย่างเชื่องช้าปล่อยให้รถที่การ์ดเนอร์นั่งผ่านเข้าไปได้อย่างสะดวก เมื่อรถจอดหน้าปราสาทและคอปเปอร์เดินมาเปิดประตูให้เธอลงจากรถแล้ว เจ้าหน้าที่อันเทสต์ร่างใหญ่ซึ่งยืนรออยู่จึงค้อมตัวลงพร้อมกับกล่าวอย่างนอบน้อม
“หัวหน้าหน่วยอันเทสต์ เควิน คอร์ตแลนด์ ยินดีต้อนรับท่านผู้หญิงสู่หน่วยวิจัยครับ”
“คิดว่าชื่อของพวกอันเทสต์จะมีแต่ชื่อสารเคมี” การ์ดเนอร์พูดขึ้นและมองหน้าคอร์ตแลนด์นิ่ง อีกฝ่ายยิ้ม
“นี่เป็นชื่อที่ท่านไรซินใช้เรียกผมครับ”
“แล้วชื่อจริงๆของคุณล่ะ” ท่านผู้หญิงถาม คอร์ตแลนด์ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“พวกเราทิ้งมันไปเมื่อเข้าปฏิญาณตนว่าจะรับใช้นายท่านและองค์กร”
คำตอบของหัวหน้าหน่วยอันเทสต์ทำให้การ์ดเนอร์ยืนอึ้ง เธอเชิดหน้าขึ้นขณะไล่สายตามองเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนตั้งแถวเรียงรายไปจนถึงประตูทางเข้าและยิ้มอย่างลำพองใจ
“ดีมาก” เธอพูดสั้นๆก่อนจะก้าวเข้าไปในปราสาทโดยมีคอร์ตแลนด์เป็นผู้นำทาง เมื่อถึงโถงกลางการ์ดเนอร์ก็หยุดและกวาดตามองไปรอบตัว
“ฉันยังไม่เห็นห้องทดลอง หลอดแก้วหรืออะไรสักอย่างที่จะบอกว่าที่นี่เป็นหน่วยงานวิจัย” ท่านผู้หญิงพูดพร้อมกับหันไปมองหัวหน้าหน่วยอันเทสต์อย่างเอาเรื่อง “พวกคุณกำลังเล่นเกมส์อะไรกันอยู่หรือ”
“ผมไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอกครับ นี่เป็นมาตรการป้องกันการบุกของพวกนักล่า เราจึงจำเป็นต้องระวังเรื่องการเข้าออก” เขาพูดพลางเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องและยกมือขึ้นบิดปลายหอกของชุดเกราะนักรบโบราณซึ่งตั้งประดับเอาไว้ การ์ดเนอร์จ้องผนังด้านหนึ่งที่กำลังเลื่อนเปิดออกอย่างเชื่องช้าในขณะที่คอร์ตแลนด์หันหน้ากลับมาที่เธออีกครั้งพร้อมกับผายมือ
“เชิญท่านหัวหน้าเข้าชมการทำงานของหน่วยวิจัยได้เลยครับ”
การ์ดเนอร์ยิ้มกว้างด้วยความพอใจกับคำพูดยกย่องของหัวหน้าหน่วยอันเทสต์ เธอก้าวเข้าไปในประตูลับที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง เมื่อเดินผ่านพ้นไปแล้วผนังจึงเลื่อนปิดลง ท่านผู้หญิงเดินไปตามทางที่ทอดตรงไปข้างหน้าจนกระทั่งถึงห้องขนาดใหญ่ซึ่งมีทางแยกหลายทาง เธอเบิกตากว้างมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยใจเต้นระทึก
“ไม่คิดว่าจะเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ขนาดนี้” การ์ดเนอร์กวาดตามองไปโดยรอบ เจ้าหน้าที่หน่วยวิจัยคนหนึ่งรีบก้าวเข้ามาหาพร้อมกับกล่าวแนะนำตัวอย่างสุภาพพร้อมกับเสนอที่จะนำเธอเข้าชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละแผนก
“ฉันอยากดูห้องเพาะเลี้ยงปรสิต” การ์ดเนอร์พูด เจ้าหน้าที่หน่วยวิจัยจึงก้มศีรษะลงพร้อมกับตอบ
“ทางนี้เลยครับ”
เขาเดินนำการ์ดเนอร์ไปตามทางจนมาถึงห้องกระจกขนาดใหญ่ เธอมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ด้านในนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม
“ฉันเข้าไปข้างในได้ไหม”
“ต้องได้รับอนุญาตจากท่านไรซินก่อนถึงจะเข้าไปได้ครับ” เจ้าหน้าที่หน่วยวิจัยตอบอย่างลืมตัว ใบหน้าของท่านผู้หญิงตึงขึ้นมาทันที
“ฉันเป็นใครหรือคุณเจ้าหน้าที่” เธอพูดเสียงเข้มอีกฝ่ายถึงกับหน้าเสียและเหลือบตามองหัวหน้าหน่วยอันเทสต์ซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง เขาขยับตัวเข้าไปใกล้การ์ดเนอร์พร้อมกับก้มศีรษะลงและกล่าว
“พวกนักวิทยาศาสตร์มักทำตัวหลุดโลกแบบนี้เสมอโปรดอย่าถือสาเลยครับ ผมคิดว่าพรุ่งนี้พวกเขาคงจำได้ว่าตอนนี้ใครคือหัวหน้าหน่วยวิจัย”
“ฉันอยากให้เขาจำได้ตอนนี้เลยมากกว่า” การ์ดเนอร์พูดเสียงขุ่นและจ้องหน้าเจ้าหน้าที่วิจัยนิ่งก่อนจะพูดอย่างวางอำนาจเต็มที่ “ฉันรู้ว่าพวกคุณเป็นอัจฉริยะแต่ฉันเองก็รู้จักนักวิทยาศาสตร์หัวกะทิอีกหลายคนที่พร้อมจะทำงานให้ พวกคุณคงไม่อยากให้เรียกพวกเขาเข้ามาแทนที่ใครใช่ไหม”
“ครับ” นักวิจัยตอบเสียงเหมือนคนละเมอ การ์ดเนอร์มองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะตวัดสายตามองเข้าไปในห้องทดลองอีกครั้ง เธอเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับถามเสียงกระด้าง
“ได้ยินว่าหัวหน้าคนก่อนจับคนทรยศขังไว้ที่นี่ พาฉันไปดูหน้ามันหน่อยได้ไหม”
“เขาถูกย้ายไปขังไว้ที่อื่นแล้วครับ”คอร์ตแลนด์ตอบ
“อะไรนะ! ย้ายไปไหน เมื่อไหร่ ใครเป็นคนสั่ง?” การ์ดเนอร์ถามเสียงระรัว คอร์ตแลนด์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ
“เท่าที่ทราบเขาถูกย้ายไปขังไว้ที่ห้องวิจัยย่อยเพื่อรอรับการทดลองปลูกถ่ายปรสิต” หัวหน้าหน่วยอันเทสต์เว้นระยะคำพูดนิดหนึ่งก่อนต่อประโยคแบบไม่มองหน้า “เป็นคำสั่งโดยตรงจากนายท่านครับ”
คำตอบของคอร์ตแลนด์ทำให้การ์ดเนอร์ถึงกับยืนอึ้งไปเล็กน้อย เธอกลั้นใจเหมือนคนหงุดหงิดพูดอะไรไม่ออกก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถาม
“แล้วเจ้าหน้าที่อันเทสต์ที่ดูแลเรื่องของเจ้าคนครึ่งเสือนั่นล่ะหายไปไหน” เธอมองหน้าคอร์ตแลนด์ซึ่งกำลังทำท่าคิดเมื่อเห็นเขาไม่ตอบอะไรการ์ดเนอร์จึงพูดต่อเอง“ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะชื่อคาร์เพนเตอร์”
“เจ้าหน้าที่ระดับห้า” หัวหน้าหน่วยอันเทสต์พูด “เขาถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่พิเศษหลังหมดหน้าที่ในครั้งก่อนครับ”
“งั้นหรือ” การ์ดเนอร์พยักหน้า “แจ้งฉันด้วยถ้าเขากลับมา”
“ครับ” คอร์ตแลนด์รับคำ “แล้วท่านผู้หญิงต้องการจะชมห้องวิจัยไหนเป็นลำดับต่อไป”
“วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนเพราะแอชเชอร์กำลังจับตามองฉันทุกฝีก้าวเลยต้องระวังตัวเอาไว้” การ์ดเนอร์พูดเสียงเรียบและหันไปทางนักวิจัย “อีกสองวันฉันจะกลับมาตรวจงานอีกครั้งหวังว่าคุณคงจะจำชื่อหัวหน้าคนใหม่ได้”
“ครับท่านผู้หญิง” เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์รีบตอบจนลิ้นแทบพันกัน การ์ดเนอร์มองกิริยาของเขาด้วยสายตาพึงพอใจก่อนจะหันกลับไปยังคอร์ตแลนด์
“ฉันจะกลับล่ะ”
หัวหน้าหน่วยอันเทสต์โค้งคำนับพร้อมกับเดินนำหน้าออกไปทันทีจนกระทั่งถึงรถยนต์ที่ยังคงจอดรออยู่หน้าปราสาท คอปเปอร์รีบเปิดประตูให้การ์ดเนอร์พร้อมกับค้อมตัวลงเล็กน้อย ท่านผู้หญิงหยุดยืนและหันกลับไปมองปราสาทอีกครั้ง เธอยิ้มอย่างสมใจ
“ในที่สุดฉันก็ชนะ”
การ์ดเนอร์พึมพำก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ คอปเปอร์ปิดประตูอย่างระวังและเหลือบตาไปทางคอร์ตแลนด์ อีกฝ่ายผงกศีรษะให้กับเขาเป็นเชิงอนุญาตคอปเปอร์จึงรีบเดินไปอีกด้านพร้อมกับก้าวขึ้นไปนั่ง รถยนต์คันงามวิ่งออกจากปราสาทอย่างรวดเร็ว คอร์ตแลนด์ยืนรอจนกระทั่งขบวนรถทั้งหมดหายลับไปจากสายตาจึงดึงโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่มเลขหมาย เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายเขาจึงรีบรายงานทันที
“การ์ดเนอร์กลับไปแล้วครับ”
เขายืนนิ่งฟังคำสั่งจากผู้ที่อยูปลายสายด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกับกล่าวรับคำ
“ครับ ผมจะรีบปฏิบัติตามคำสั่งของท่านทันที”
หัวหน้าหน่วยอันเทสต์ปิดโทรศัพท์เก็บกลับลงกระเป๋ายืนรอจนกระทั่งเสียง ฮ.เคลื่อนห่างออกไปจึงหยิบวิทยุสื่อสารขนาดเล็กออกมา
“ผมจะไปทำธุระในเมือง เตรียมรถให้พร้อมเราจะออกเดินทางในสิบนาที”

*/*/*/*/*/*/*













Create Date : 07 กรกฎาคม 2553
Last Update : 7 กรกฎาคม 2553 14:21:54 น.
Counter : 370 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี