บทที่ 6 ฆาตกรรมสยอง
บทที่ 6

ฆาคกรรมสยอง

เสียงหัวเราะที่เปี่ยมไปด้วยความสุขดังจากบ้านใหญ่หลังหนึ่งในแถบชุมชนระดับกลางย่านชานเมือง เด็กชายวัยแปดขวบกำลังวิ่งไปรอบห้องพลางส่งเสียงร้องเรียกพ่อที่กำลังไล่ตามอย่างสนุกสนานก่อนจะกระโดดขึ้นไปเต้นอยู่บนเตียง เด็กหญิงวัยไล่เลี่ยกันเงยหน้าขึ้นจากหนังสือภาพและยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะขณะมองพ่อที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับน้องของเธอ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้งก่อนมารดาของเด็กทั้งสองจะก้าวเข้ามา
“ได้เวลานอนแล้วเด็กๆ” เธอพูดเสียงเรียบพลางก้มลงเก็บหมอนที่สองพ่อลูกขว้างใส่กัน เด็กชายตัวน้อยนิ่วหน้า
“ขอผมเล่นต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือครับ” เขาอ้อนวอนและหันไปมองหน้าพ่อแต่แม่ของเขากลับส่ายหน้า
“พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า” เธอหันไปทำตาดุใส่สามี “นอนได้แล้วทั้งสามคน”
ลูกสาววัยสิบขวบขานรับขณะปิดหนังสือภาพของเธอและวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง ส่วนเด็กชายตัวน้อยรีบมุดตัวลงไปในผ้าห่มและพริ้มตาลงขณะที่แม่ของเขาเดินมาจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา
“ราตรีสวัสดิ์ลูกรัก”
เธอหันไปทางบุตรสาวพลางดึงผ้าห่มให้ก่อนจะก้มลงไปจุมพิต
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะแม่”
เด็กหญิงพูดเสียงแผ่ว มารดาของเธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง พ่อของเด็กทั้งสองเลื่อนมือไปที่สวิตท์ไฟ
“ราตรีสวัสดิ์”
ไฟทั้งห้องดับพรึ่บลงพร้อมกับบานประตุที่ถูกปิดจนสนิท เด็กทั้งสองนอนหลับตานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปมองหน้ากัน
“เคยไปตกปลาไหม” น้องชายถาม อีกฝ่ายสั่นหน้า
“ไม่เคย”
“พ่อบอกว่ามันสุดยอดมาก ปลาเทร้าส์ที่นั่นตัวใหญ่จนแทบยกคนเดียวไม่ไหวแน่ะ” เด็กชายตัวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น อีกฝ่ายยิ้ม
“ฉันจะช่วยแม่ทำอาหาร” พี่สาวของเขาพูด”จากปลาที่เธอกับพ่อตกมา”
“มันต้องเป็นวันหยุดที่วิเศษสุดแน่” น้องชายของเธอพูดด้วยใบหน้าสีชมพู “อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจัง”

*/*/*/*/*

สายตรวจที่กำลังยืนสอบปากคำหญิงชราอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านของเธอเงยหน้าขึ้นเพื่อมองรถคันหนึ่งซึ่งกำลังเลี้ยวมาจากมุมถนนมุ่งหน้าตรงมายังจุดที่เขายืนด้วยความเร็วไม่มากนัก เขาหันไปกล่าวคำขอบคุณกับผู้ให้ปากคำผู้สูงวัยก่อนจะเดินตรงไปหารถคันดังกล่าวซึ่งจอดสนิทเรียบร้อยแล้ว นักสืบเครนก้าวลงจากรถพร้อมกับพูด
“ช่วยสรุปให้ผมฟังหน่อยคอลลิน”
“ฆาตกรรมยกครอบครัวครับ เหยื่อสี่คนพ่อแม่ลูก ทั้งหมดถูกฆ่าตายในห้องนอน ผมคิดว่าฆาตกรอาจจะเป็นคนร้ายรายเดียวกันกับคดีที่ผ่านมา”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” เครนถามขณะหยุดยืนหน้าบ้านที่เกิดเหตุ สายตรวจคอลลินมองเจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีเข้มพร้อมกับตอบด้วยเสียงไม่ดังนัก
“พวกเอฟบีไอมาถึงที่เกิดเหตุทันทีที่ได้รับรายงาน” เขากวาดตามองอย่างระวังพร้อมกับกระซิบ “ผมเห็นสภาพศพของเหยื่อก่อนที่พวกนั้นจะมาถึง ทุกรายมีบาดแผลเหมือนกับเหยื่อในคดีฆาตกรรมในครั้งก่อนครับ”
นักสืบเครนชะงักค้างนิ่ง เขามองหน้าสายตรวจคอลลินก่อนจะหันหน้าไปยังเจ้าหน้าที่พิเศษคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหา
“ไว้คุยรายละเอียดทีหลัง” เขาบอกผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนจะหันไปทางเอฟบีไอผู้นั้นพร้อมกับยื่นมือออกไป
“เจ้าหน้าที่พิเศษแสตนลีย์” นักลืบเครนเอ่ยทักขณะสัมผัสมืออีกฝ่าย “ผมไม่แปลกใจเลยที่เห็นพวกคุณอยู่ที่นี่”
“ทางหน่วยแจ้งมาว่าบาดแผลของผู้ตายมีลักษณะใกล้เคียงกับเหยื่อรายก่อน” แสตนลีย์ตอบพลางผายมือเชิญให้นักสืบเครนเดินไปด้วยกัน “ผมคิดว่าอาจจะเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกัน”
“บาดแผลเหมือนกันอย่างนั้นหรือ” นักสืบเครนทวนคำด้วยความแปลกใจ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอผงกศีรษะพลางชี้ไปที่ร่างของเหยื่อซึ่งนอนก่ายกันอยู่บนเตียง
“คุณดูเองก็แล้วกัน”
เขาพูดสั้นๆก่อนจะหันไปกำชับเจ้าหน้าที่นิติเวชให้เพิ่มความรอบคอบในการเก็บหลักฐาน เครนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดฝืนขณะมองสภาพของห้องที่เต็มไปด้วยรอยสาดกระเซ็นของเลือดตั้งแต่พื้นไปจนจรดเพดาน เขานิ่วหน้าด้วยความเสียงสยองก่อนจะลดสายตาลงและมองสภาพศพสองสามีอย่างพิจารณา
ร่างของทั้งคู่นอนหงายซ้อนทับกันโดยร่างของผู้ที่เป็นภรรยาอยู่ด้านล่าง ดวงตาของทั้งสองเหลือกลานบ่งบอกถึงความตื่นตระหนกและหวาดกลัวก่อนที่จะถูกสังหาร เตียงของพวกเขานองไปด้วยเลือดสีแดงสดซึ่งไหลออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าท้องที่ดูเหมือนจะถุกแทงด้วยของมีคมขนาดใหญ่จะทะลุไปถึงด้านหลัง นักสืบประจำสถานีเดินเข้าไปใกล้และก้มหน้าลงมองบาดแผลอย่างพิจารณา เขาขมวดคิ้วและนึกย้อนถึงคดีฆาตกรรมในครั้งก่อน จิตใต้สำนึกกระตุ้นเตือนถึงความผิดปรกติบางอย่างที่ในตอนนี้ตัวเครนเองก็ยังไม่เข้าใจ เจ้าหน้าที่พิเศษแสตนลีย์มองกิริยาของนักสืบร่างใหญ่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น
“พวกเด็กอยู่อีกห้อง จะไปดูด้วยกันไหม”
เครนพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึมก่อนจะเดิมตามเอฟบีไอไปยังห้องนอนที่อยู่ใกล้กัน กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงขึ้นทำให้นักสืบใหญ่ชะงักเล็กน้อย หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหดหู่เมื่อเห็นสภาพศพของเด็กน้อยสองคนที่กำลังนอนเบิกตาค้างอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงของเขาเอง
“ฆาตกรคงเข้ามาในบ้านและจัดการเด็กสองคนนี่ก่อน” แสตนลีย์อธิบาย “พวกเขาเกือบจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ”
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าแทงคนหนึ่ง เด็กอีกคนก็ต้องส่งเสียงร้องตะโกนสิ”
“ถ้าเขาขู่ว่าจะฆ่าคนแรกก่อนล่ะ” แสตนลีย์พูดและจ้องหน้าเครนนิ่ง “เตียงของเด็กสองคนตั้งเกือบจะชิดกัน แค่แทงคนแรกและหันมาอุดปากคนที่สองก่อนจะลงมือ แค่นี้พ่อแม่ก็ไม่ได้ยินเสียงแล้ว”
“เป็นการฆ่าที่เหี้ยมโหดมาก” นักสืบเครนพึมพำ “ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าฆาตกรจะเป็นรายเดียวกันกับคดีในครั้งก่อน”
“จากบาดแผลและการกระทำทางเราคิดว่าน่าจะเป็นรายเดียวกัน”
“ผมสังหรณ์ว่าไม่น่าจะใช่” นักสืบเครนพึมพำ “คุณตรวจที่เก็บยาของครอบครัวนี้แล้วหรือยัง”
นักลืบเครนถาม เจ้าหน้าที่แสตนลีย์มองเขาด้วยความแปลกใจ
“ตรวจทำไม”
“ผมไม่พบยาภายในบ้านของเหยื่อทุกคนในคดีที่ผ่านมา”
“ผมจะสั่งให้พวกนิติเวชจัดการเดี๋ยวนี้” แสตนลีย์พูดพลางหันไปสั่งเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขารับคำสั่งและเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ห้านาทีหลังจากนั้นจึงกลับขึ้นมารายงาน
“เราพบยาประจำบ้านอยู่ในตู้ที่ห้องน้ำด้านล่างครับ”
“มีขวดไหนที่ดูแปลกไปบ้างไหม” สแตนลีย์ถามอีกฝ่ายสั่นหน้า
“ไม่มีครับ”
“ขอบใจ” แสตนลีย์ตัดบทพร้อมกับโบกมือ เขาหันไปมองนักสืบเครนที่ยืนขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
“มีอะไร”
“ทำไมคราวนี้คนร้ายจึงไม่หยิบยาในบ้านไป” เขากวาดตามองสภาพรอบตัว “แถมการลงมือของมันในครั้งนี้เหมือนมีการเตรียมตัวเอาไว้ก่อน”
“คนร้ายอาจจะเปลี่ยนวิธีการ” เจ้าหน้าที่เอฟบีไอพูด เครนหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาคาดไม่ถึงก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“คิดไม่ถึงว่านี่เป็นข้อสรุปของเอฟบีไอ”
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนไม่ใช่หน่วยวิเคราะห์พฤติกรรม เราหาตัวคนร้ายด้วยการสืบหาหลักฐานและกระบวนการทางนิติวเช”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณไม่รู้สึกเอะใจอะไรบ้างหรือไง”
“ตอนนี้ไม่” สแตนลีย์ตอบพร้อมกับหันไปมองเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินที่กำลังลำเลียงร่างของผู้เคราะห์ร้ายออกจากห้อง “แต่เราคงได้คำตอบของคดีนี้ตอนชันสูตร”
เขาหันไปมองเครน
“คุณจะไปร่วมฟังกับเราก็ได้”
“ผมไปแน่” นักสืบร่างใหญ่ตอบและหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้อง เขาชะงักและหันหน้ากลับไปที่เจ้าหน้าที่พิเศษอีกครั้ง
“ได้ข่าวของคาร์เพนเตอร์บ้างไหม”
“เรากำลังดำเนินการสืบหา” แสตนลีย์ตอบ “ได้เรื่องเมื่อไหร่จะรีบติดต่อกับคุณทันที”
“ขอบคุณ” นักสืบเครนพูดและเดินออกไป เจ้าหน้าที่พิเศษแสตนลีย์มองตามเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปให้ความสนใจหลักฐานบางอย่างที่หน่วยนิติเวชพบ มันเป็นก้านสำลีที่ถูกนำไปป้ายบริเวณท่อระบายน้ำและตรวจสอบพบปฏิกิริยาทางเคมี
“คราบเลือด” เขาพูดพลางมองหน้าเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน “ได้มาจากไหน”
“อ่างล้างจานครับ”
“แสดงว่าฆาตกรล้างอาวุธหลังก่อเหตุ” สแตนลีย์พึมพำ “หรือจะเป็นอย่างที่นักสืบเครนพูด”
เขามองออกไปนอกหน้าต่างและจ้องรถฉุกเฉินที่กำลังวิ่งห่างออกไป
“ฆาตกรในครั้งนี้เป็นคนละคนกับคนร้ายในคดีฆาตกรรมที่ผ่านมา”
*/*/*/*/*/*
ข่าวคดีฆาตกรรมล้างครอบครัวสร้างความแปลกใจต่อท่านผู้หญิงการ์ดเนอร์เป็นอย่างมาก เธอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และมองภาพข่าวอย่างใช้ความคิด หลังจากติดตามรายงานข่าวจนจบการ์ดเนอร์จึงเอนตัวมาข้างหน้าพร้อมกับประสานมือไว้ที่ปลายคาง สมองไล่เรียงแผนการบางอย่างที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นสองสามครั้งดึงความคิดทั้งหมดให้กลับคืนมาอีกครั้ง ท่านผู้หญิงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับพูดเสียงเรียบ
“เข้ามาได้”
เธอมองร่างสูงโปร่งที่กำลังก้าวมาในห้องด้วยท่าทางสงบและหยุดยืนตรงหน้า การ์ดเนอร์ผายมือไปยังเก้าอี้พร้อมกับพูด
“เชิญนั่ง”
“ขอบคุณ” เสียงเนิบเย็นกล่าวขึ้นไม่ดังนักก่อนไรซินจะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้หนังหนานุ่มในลักษณะนั่งตัวตรง ท่านผู้หญิงหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มการสนทนา
“ได้ข่าวว่ากีพาร์ดก่อเรื่องวุ่นวาย”
“แค่อาละวาดเล็กน้อยเท่านั้นครับ” ไรซินตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพอีกฝ่ายกระตุกยิ้ม
“นักวิจัยตาย 3 บาดเจ็บ 17 คน แถมเรายังเสียตัวอย่างทดลองไปจำนวนหนึ่ง คุณเรียกเรืองแบบนี้เรียกว่าเป็นการอาละวาดเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ”
“ครับ” ไรซินตอบเสียงเรียบ ท่านผู้หญิงนิ่วหน้า
“แต่ดิฉันเรียกการกระทำแบบนี้ว่า ก่อความเสียหายอย่างหนัก เมื่อไหร่คุณจะจัดการเจ้าสัตว์ทดลองตัวนี้ไปเสียที”
“เขาเป็นตัวอย่างสำคัญ” นักวิทยาศาสตร์ใหญ่ขององค์กรพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
การ์ดเนอร์มองเขาด้วยดวงตาวาว
“แต่ฉันเห็นมันเป็นต้นเหตุของความพินาศ” เธอกดปุ่มเปิดข่าวที่บันทึกไว้ “เห็นข่าวนี้หรือยัง”
“ผมทราบแล้ว นั่นไม่ใช่ฝีมือของกีพาร์ด” เขายิ้มมุมปาก “เขาทำได้สะอาดกว่ามาก”
“ดิฉันไม่ต้องการคำพูดเล่นลิ้น” ท่านผู้หญิงพูดเสียงห้วน “การกระทำของเขาอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร”
“คดีนั่นเป็นฝีมือของพวกโรคจิตที่กำลังคุ้มคลั่ง ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวข้องกับกีพาร์ดตรงไหน”
“ทั้งตำรวจและเอฟบีไอต่างคิดว่ามันเป็นการกระทำของคนร้ายรายเดียวกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาสืบสาวจนมาถึงองค์กร”
“ผมไม่เคยกังวลในเรื่องนั้น” ไรซินตอบพร้อมกับลุกขึ้น “คุณเรียกผมมาด้วยเรื่องเพียงแค่นี้เองหรือครับท่านผู้หญิง”
“ที่เรียกมาเพื่อจะบอกว่าฉันได้เสนอเรื่องกีพาร์ดไปที่องค์กรแล้ว คุณเตรียมหาวิธีการกำจัดเขาเอาไว้ได้เลย”
มนุษย์พิษชะงักและมองหน้าท่านผู้หญิงการ์ดเนอร์ด้วยสายตาที่ยากแก่การคาดเดานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
“ทุกอย่างแล้วแต่นายท่าน” เขาส่งรอยยิ้มที่ทำให้การ์ดเนอร์รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง “ไม่ใช่คุณ”
“ว่าไงนะ” ท่านผู้หญิงพูดเสียงต่ำ รอยยิ้มของไรซินจางหายไป
“หมดธุระแล้วผมต้องขอตัว”
เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกจากห้องไปอย่างเงียบงันโดยไม่สนใจท่านผู้หญิงที่กำลังนั่งกำมือแน่นด้วยความแค้นใจ
“คุณจะทำท่าหยิ่งยะโสแบบนี้ได้อีกไม่นานหรอก ไรซิน”

*/*/*/*/*



















Create Date : 06 มีนาคม 2553
Last Update : 6 มีนาคม 2553 13:17:10 น.
Counter : 346 Pageviews.

2 comments
  
วันนี้อ่านนักล่าแห่งรัตติกาลภาค3นะคะ ติดตามมา2เ่ล่มแล้วสนุกมากเลยคะ รีบอัพต่อไวๆนะคะจะรออ่านคะ
โดย: yamakitty IP: 203.144.144.165 วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:17:35:25 น.
  
ขอบคุณมากค่ะมูนนี่เพิ่งโพสต์บทที่ 7ในถนนนักเขียน เดี๋ยวจะนำมาลงในบล็อคให้นะคะ
ตอนนี้กำลังเขียน ดังนั้นอาจมีบางส่วนที่ไม่ลื่นไหลหรือบรรยายห้วนไป ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยนะคะ
โดย: moony (Moony_Lupin ) วันที่: 20 มีนาคม 2553 เวลา:11:52:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี