ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
ภูตคราม บทที่ 2 ภูตคราม
บทที่ 2 ภูตคราม เป็นไง เดินป่าสนุกมั้ย นายหญิงของบริษัทเอ่ยถาม ฤทธิ์ซึ่งเดินตามหลังนายองอาจรีบตอบ ภูตคราม บทที่ 1 พิมมาดา(3)
การหยอกเย้าอย่างเป็นกันเองทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกผ่อนคลายแต่ก็ไม่ถึงขนาดพูดจาเล่นหัวกับเจ้านายเหมือนเพื่อนเล่น นิลเนตรซึ่งเป็นช่างพูดอยู่แล้วก็สรรหาเรื่องตลกมาเล่าให้ทุกคนหัวเราะ แต่ที่สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนมากที่สุดก็คือพิมมาดาซึ่งปรกติเป็นคนพูดน้อย วันนี้เธอกลับหยอดมุขขำขันเรียกเสียงฮาจากเพื่อนร่วมงานได้ไม่แพ้เพื่อนรัก ยกเว้นนงนภัสซึ่งยืนแยกตัวออกจากกลุ่ม เมื่อเห็นนายองอาจไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควรเธอจึงสะบัดหน้าเดินไปนั่งรอในรถและแกล้งเปิดเพลงเสียงดังลั่นเหมือนจงใจกลบเสียงหัวเราะของทุกคน นิลเนตรถึงกับเบ้หน้าและบ่นพอให้เพื่อนได้ยิน
หล่อนเป็นอะไรอีกน่ะ คงน้อยใจที่คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องคุณนวลศรีพูดเสียงเรียบและหันไปทางสามีไปปลอบเขาหน่อยสิคุณ ไม่จำเป็นนายองอาจพูดอย่างไม่ใส่ใจนักและหันไปมองรถยนต์รับจ้างสีเขียวเหลืองที่วิ่งเข้ามาจอด ขอโทษครับที่มาช้า ชายหนุ่มที่ก้าวลงจากรถพนมมือไหว้เจ้านายทั้งสองและหันไปก้มหัวให้กับเพื่อนทุกคน นายองอาจจึงโบกมือ เอ้ามากันครบแล้ว ออกเดินทางกันได้ ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่ จากนั้นรถตู้ทั้งสองจึงเคลื่อนออกจากบริษัทมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ระหว่างการเดินทางทุกคนต่างร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งถึงร้านอาหารริมเขื่อนลำตะคอง หลังจากรับประทานอาหารมื้อเที่ยงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกปลาและกุ้งจนอิ่มหนำสำราญแล้วทั้งหมดจึงออกเดินทางต่อ ขณะที่วิ่งไปตามถนนธนรัตน์ ประตูสู่เขาใหญ่อยู่นั้นคุณนายนวลศรีก็พูดขึ้น ฉันว่าเราน่าจะแวะซื้ออะไรขึ้นไปกินด้วยนะคะ เป็นความคิดที่ดี แต่เราจะซื้ออะไรดีล่ะ นายองอาจถาม ฝ่ายภรรยาจึงชี้หันไปทางคนขับรถ ข้างหน้ามีร้านอาหาร ช่วยจอดรถที่นั่นก็แล้วกัน สั่งเสร็จเธอจึงหันกลับมาที่สามีเย็นนี้คงเป็นไก่ย่าง ส้มตำ ส่วนใครจะกินอะไรก็สั่งเพิ่มกันตามใจชอบ เสียงเฮดังมาจากพนักงานที่นั่งอยู่ด้านหลัง พิมมาพายกนิ้วขึ้นจรดเป็นเชิงห้ามให้เบาลงพร้อมกับพูด เกรงใจท่านกันหน่อย ไม่เป็นไรหรอกหนูพิม นานๆได้มาพักผ่อนกันทีไม่ต้องเข้มงวดนักก็ได้ คุณนายนวลศรีพูดและเลื่อนสายตาไปยังนิลเนตรหนูนิลจ๊ะ ช่วยโทรศัพท์ไปบอกรถคันหลังด้วยว่าเราจะจอดซื้อของ ค่ะ นิลเนตรรับคำและดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจัดการตามคำสั่ง หลังจากซื้ออาหารการกินเสร็จเรียบร้อยรถตู้ทั้งสองจึงออกเดินทางอีกครั้งโดยจอดแวะไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ตรงบริเวณทางขึ้นซึ่งคุณนายนวลศรีได้ถวายเหล้าขาวให้กับท่านด้วย แม้การเดินทางจะค่อนข้างลำบากเพราะถนนที่คดเคี้ยวแต่ทุกคนก็เต็มไปด้วยความสนุก นายองอาจเตือนลูกน้องว่าห้ามโยนอาหารให้ลิงที่อยู่ริมถนน เพราะจะทำให้พวกมันโดนรถทับ และสอนด้วยว่าการให้อาหารทำให้สัตว์ป่าเสียนิสัย ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อพวกมันในภายหลัง แค่โยนอาหารให้พวกมันเท่านั้น ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก นงนภัสซึ่งนั่งเงียบมานานพูดขึ้น นายองอาจสั่นศีรษะ มองเผินๆเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ลองคิดให้ดี ถ้าสัตว์ป่าทุกตัวเลิกหาอาหารตามธรรมชาติและมารอขอจากคนแบบนี้ อีกหน่อยบนถนนก็จะมีแต่ซากศพของพวกมัน เพราะพวกสัตว์น่ะมันรู้จักแต่จะขอ แต่ไม่เข้าใจถึงอันตราย อีกอย่างก็คือมนุษย์บางคนเป็นพวกมักง่ายหรือเห็นแก่ความสนุก คนพวกนี้จะโยนอาหารลงไปทั้งถุงโดยไม่คำนึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสัตว์พวกนี้กินเข้าไป ฉันเคยเจอข่าวกวางตายเพราะกินขวดน้ำเข้าไป นิลเนตรพูดขึ้น ไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังมีพวกฝากระป๋อง ถุงพลาสติกอีกด้วย น่ากลัวจัง พนักงานสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดงั้นอย่าให้อาหารพวกมันเลยดีกว่า ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้นรวมถึงการทิ้งขยะด้วย พิมมาดาเสริม ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยยกเว้นนงนภัสที่กระแทกลมหายใจพรืดและพูดพึมพำ หมั่นไส้ เธอสะบัดหน้าเมินไปอีกด้านจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ก่อนจะเข้าไปยังสำนักงานอุทยาน รถได้จอดให้ทุกคนบันทึกภาพทิวทัศน์บริเวณจุดชมวิวแรก ขณะที่เพื่อนกำลังสนุกสนานอยู่กับการเก็บภาพอันงดงาม พิมมาดากลับแยกตัวออกจากกลุ่มและยืนมองทิวเขาสีเขียวขจีที่ทอดยาวออกไปไกลแสนไกล สายลมของขุนเขาที่พัดผ่านมากระทบนำพากลิ่นหอมของทุ่งหญ้ามาสู่นาสิก หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าด้วยความรู้สึกสดชื่นและยิ้มอย่างมีความสุข สมองที่เคยเคร่งเครียดกับหน้าที่การงานเริ่มผ่อนคลาย จิตใจของเธอคงลอยไปไกลมากกว่านี้หากนิลเนตรไม่เดินมาคว้าแขนและลากไปหาเพื่อนพร้อมกับบ่น มัวยืนใจลอยอะไรอยู่ได้ ไม่ได้ใจลอย แค่เก็บบรรยากาศของป่าเท่านั้น พิมมาดาพูด อีกฝ่ายค้อนขวับ เอาไว้ค่อยไปเก็บตอนถึงที่พัก ตอนนี้มาถ่ายรูปกันก่อนจะได้ออกเดินทางต่อ ไม่พูดเปล่า เพื่อนสาวจับเธอไปยืนกลางกลุ่มและผลัดกันตั้งท่ากันอย่างสนุกสนาน หลังจากปล่อยให้ลูกน้องถ่ายรูปราวยี่สิบนาทีนายองอาจจึงต้อนทุกคนขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง ระหว่างที่เคลื่อนผ่านทุ่งโล่ง ฤทธิ์ซึ่งนั่งอยู่ด้านซ้ายชี้ไปยังเนินดินสีแดงส้มผิดไปจากที่อื่นพร้อมกับถาม นั่นอะไรเหรอ ทุกคนมองตาม พิมมาดาชำเลืองดูเล็กน้อยก่อนตอบ โป่งน่ะ โป่ง ฤทธิ์ทวนคำและนิ่วหน้ามันคืออะไร หญิงสาวหันไปมองเหมือนไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้จักแต่เมื่อเห็นสีหน้าของนิลเนตรกับเพื่อนที่เหลือแล้วเธอจึงถาม พวกเธอไม่รู้จักโป่งเหรอ ทุกคนพร้อมใจกันส่ายหน้า พิมมาดาจึงถอนใจและอธิบาย โป่ง คือแอ่งดินตามธรรมชาติ มักมีเนื้อละเอียดแต่บางทีอาจมีกรวด หินหรือทรายปนอยู่ เนื้อดินมีสีดำ แดงลูกรังหรือขาว ที่มันแปลกไปจากดินทั่วไปก็คือ มันมีเกลือแร่ต่าง ๆ ปนอยู่ด้วย เช่น เกลือโซเดียมคลอไรด์ เกลือแคลเซียม แมกนีเซียม หรือ โปตัสเซียม แล้วทำไมถึงต้องเรียกว่าโป่งล่ะฤทธิ์ซักด้วยความอยากรู้ พิมมาดานิ่วหน้าเล็กน้อย สำหรับเรื่องนี้ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าถามว่าโป่งต่างจากดินอื่นยังไงก็พอจะบอกได้ว่าเพราะความที่มีแร่ธาตุจำเป็นนี่แหละ พวกสัตว์ถึงต้องลงมากิน เพราะร่างกายของพวกมันขาดเกลือแร่อย่างเช่นพวกกวางซึ่งต้องการแคลเซียมไปบำรุงเขาให้งอกงาม พวกช้าง กระทิง ก็ชอบกินดินโป่งด้วยเหมือนกัน ฤทธิ์พยักหน้าหงึกหงักและมองพิมมาดาด้วยความทึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าคุณพิมจะรู้เรื่องแบบนี้ด้วย ก็ได้จากการอ่านหนังสือยามว่างน่ะ อีกอย่างก่อนออกเดินทางฉันหาข้อมูลของเขาใหญ่จากอินเตอร์เน็ตเลยได้ความรู้ใหม่มาหลายอย่าง อยากรู้เรื่องทากไหมล่ะ เธอหันไปถามพวกที่นั่งอยู่ด้านหลัง นิลเนตรยกมือขึ้นห้าม ไม่ต้องเลย น่าขยะแขยงจะตายไป พิมมาดายิ้มและหันกลับไปมองถนนตามเดิม รถทั้งสองคันวิ่งต่อไปอีกครู่ใหญ่จึงถึงที่ทำการอุทยาน เมื่อลงชื่อและรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แล้วทั้งหมดจึงตรงไปยังผากล้วยไม้ หลังจากช่วยกันกางเต้นท์เสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนจึงทะยอยขนสัมภาระลงจากรถ จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปเที่ยวโดยคนที่มีแรงมุ่งหน้าไปยังน้ำตกผากล้วยไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกล ส่วนนายองอาจกับคุณนวลศรีอยู่โยงเฝ้าเต้นท์โดยมีพิมมาดาคอยจัดการเรื่องอาหารการกิน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าความมืดก็เริ่มเคลื่อนเข้าปกคลุมไปทั่วขุนเขา ความร้อนอันเกิดจากแสงแดดในตอนกลางวันถูกแทนที่ด้วยไอเย็นของผืนป่า เหล่าแมลงเริ่มกรีดปีกส่งเสียงสะท้อนก้องสลับกับเสียงร้องของสัตว์ที่ออกหากินยามค่ำคืน ผู้คนที่ออกไปหาความเพลิดเพลินจากพงไพรต่างพากันกลับเข้าที่พัก นักท่องเที่ยวบางคณะจับกลุ่มร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน เช่นเดียวกับพวกของพิมมาดา แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแต่ความปลอดโปร่งของธรรมชาติและความตื่นเต้นกับชีวิตท่ามกลางขุนเขาทำให้เหล่าบรรดาพนักงานของนายองอาจรู้สึกสนุกจนไม่อยากเข้านอน หลังจากผลัดกันเล่าเรื่องราวชวนหัวกันไปได้สักระยะ นิลเนตรจึงยกนาฬิกาขึ้นดู ทุ่มกว่าแล้ว ไปส่องสัตว์กันเถอะ แทบทุกคนต่างลุกขึ้นยกเว้นนงนภัสที่ทำเป็นนั่งหมุนแก้วน้ำเหมือนไม่สนใจจะเข้าร่วมกิจกรรมกับใคร คุณนายนวลศรีส่ายหน้าพลางสะกิดสามี ชวนเขาหน่อย นายองอาจถอนใจอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมทำตาม เขาหันไปหานงนภัสพร้อมกับเอ่ยปากชวน ไปด้วยกันมั้ยนง หญิงสาวทำเป็นเมินหน้ามองไปด้านอื่นก่อนตอบด้วยเสียงที่เกือบจะเป็นสะบัด ไม่ล่ะค่ะ ทำไมล่ะ อุตส่าห์มาเขาใหญ่ทั้งที เอาแต่นั่งอยู่ในเต้นท์จะไปสนุกอะไร คราวนี้คุณนายนวลศรีเป็นนพูด นงนภัสเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะหันไปแสร้งส่งยิ้มให้กับเธอ นงปวดหัวค่ะ ไปไม่ไหวจริงๆ ปวดหัวเหรอ เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า คุณนวลศรีถามด้วยความเป็นห่วง อีกฝ่ายยักไหล่ แค่เมารถเท่านั้นค่ะ งั้นเหรอ แล้วทานยาหรือยัง อีกฝ่ายยังคงถามพลางควานมือเข้าไปในกระเป๋าเหมือนต้องการหายาแก้เมาให้ หญิงสาวรีบโบกมือ ทานเรียบร้อยแล้วค่ะ นี่เดี๋ยวก็ว่าจะเข้านอน คุณนวลไปเที่ยวเถอะ ประโยคสุดท้ายเหมือนจงใจจะตัดบท คุณนวลศรีจึงดึงมืออกจากกระเป๋าและพยักหน้า ส่วนนายองอาจซึ่งดูเหมือนจะรู้นิสัยหญิงสาวดีจึงสะกิดภรรยาพร้อมกับพูด ไปกันเถอะ ทั้งหมดเดินไปขึ้นรถตู้และขับตรงไปยังที่ทำการอุทยานเพื่อนั่งรถนำเที่ยวที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ซึ่งดูเหมือนในวันนี้จะมีนักท่องไพรมากพอดูเพราะมีรถจอดอยู่สามคัน นิลเนตรพานายองอาจและเพื่อนๆไปขึ้นรถคันแรกซึ่งมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคน เมื่อผู้โดยสารเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้วรถทั้งสามจึงเคลื่อนตัวออกจากที่นั่นโดยแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง การส่องสัตว์ในเขาใหญ่คือการนั่งรถวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดโดยเจ้าหน้าที่จะใช้ไฟส่องกราดเข้าไปในป่าตามจุดหากินของสัตว์ป่า ในความรู้สึกของพิมมาดา การชมชีวิตสัตว์ยามราตรีไม่ได้มีความท้าทายอะไรมากนัก แต่เธอยอมรับว่าตื่นเต้นที่ได้เห็นสัตว์ในมุมมองที่ไม่เคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นช้างสองแม่ลูกที่ออกมาเดินเล่นกลางถนน หรือนางอายที่เกาะบนยอดไม้สูง และเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นตัวจริงของชะมด ถึงมันจะวิ่งมุดหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วก็เถอะ แต่ที่สร้างความประทับให้เธอมากที่สุดก็คือเม่นสามตัวที่เดินเรียงกันเป็นแถวออกหาอาหาร เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอมักจะนึกว่าเม่นจะต้องเดินกร่างและพร้อมจะยิงขนปักหน้าทุกคนที่เข้าใกล้ แต่ภาพตรงหน้าเม่นทั้งสามแทบไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตา เพราะใบหน้าน่ารักกับท่าทางการเดินที่อุ้ยอ้ายทำให้มันกลายเป็นสัตว์น่าเอ็นดูสำหรับเธอไปเลย ใช้เวลาราวสองชั่วโมงการส่องสัตว์ก็เสร็จสิ้น หลังจากกล่าวคำขอบคุณเจ้าหน้าที่แล้วทุกคนจึงเดินทางกลับที่พักและแยกย้ายกันเข้านอนยกเว้นพิมมาดา หญิงสาวจุดธูปเดินออกจากเต้นท์ตรงไปยังบริเวณที่ไม่ค่อยมีผู้คนจากนั้นจึงบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเพื่อขออนุญาตพักพิงรวมทั้งขอขขมาลาโทษในบางสิ่งที่กระทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อปักธูปลงบนดิน ลมหอบใหญ่ก็พัดกรรโชกผ่านวูบเข้ามา ไฟบนปลายธูปลุกวาบขึ้นและราแสงลงจนกลับเป็นปรกติ ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่งสูงขึ้นไปในอากาศและหมุนหนึ่งรอบก่อนจะลอยหายเข้าไปในป่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้พิมมาดาบังเกิดความกลัวแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเธอกลับคิดว่านั่นคือสิ่งที่เจ้าป่าเจ้าเขาแสดงเพื่อยอกรับในคำอธิษฐาน หญิงสาวจึงยกมือขึ้นพนมอีกครั้งจากนั้นจึงเดินกลับไปยังที่พัก หลังจากเอนตัวลงนอนแล้วเธอยังคงมองผ้าเต้นท์ที่สะบัดไปมาตามแรงลมและปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกลแสนไกล แต่เพียงก็ไม่นานเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว เสียงพูดคุยกับฝีเท้าย่ำไปมาบนพื้นหญ้าปลุกพิมมาดาให้รู้สึกตัวลืมตาขึ้น หญิงสาวควานหานาฬิกาปลุกที่วางไว้บนหัวนอนแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้เธอกำลังนอนอยู่ในเต้นท์กลางป่าเขาใหญ่ หญิงสาวจึงลุกขึ้นนั่งและกวาดตามองไปรอบตัว ภาพนิลเนตรที่กำลังนอนกอดผ้าห่มของตัวเองกับนงนภัสซึ่งนอนในท่าที่ดูแล้วไม่ยั่วยวนเหมือนอย่างที่เคยเห็นทุกครั้งทำให้เธออมยิ้ม หลังจากมองเพื่อนทุกคนแล้วพิมมาดาจึงชะโงกหน้ามองออกไปนอกเต้นท์และขมวดคิ้วเพราะแม้นักท่องเที่ยวหลายคนจะเดินไปเดินมาแต่ท้องฟ้ายังคงมืดมิด หญิงสาวจึงมุดกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งและหยิบโทรศํพท์มือถือขึ้นมาดูจึงรู้ว่าเป็นเวลาตีห้าเท่านั้นเอง เอาไงดี จะนอนต่อก็คงไม่หลับ เธอพูดกับตัวเองและตัดสินใจหยิบแปรงสีฟัน สบู่ เสื้อผ้าชุดใหม่ออกจากกระเป๋าก้าวออกจากเต้นท์เดินตรงไปยังห้องน้ำรวม เพราะความที่ฟ้ายังไม่สาง ผู้คนที่ต่อแถวอยู่จึงมีไม่มากนัก หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเก็บข้าวของเครื่องใช้กลับเข้าที่จากนั้นจึงออกไปต้มน้ำชงกาแฟ กลิ่นหอมกรุ่นโชยเข้าไปในเต้นท์ปลุกนิลเนตรให้ตื่นลืมตา เธอชะโงกศีรษะออกมาจากเต้นท์พร้อมกับถาม กี่โมงแล้วน่ะ ตีห้าสี่สิบ เธอนอนต่อเถอะ พิมมาดาตอบ เมื่อเห็นเพื่อนกลับเข้าไปนอนอีกครั้งเธอจึงเดินไปยังจุดชมวิว สายลมเย็นของขุนเขากับกลิ่นหอมของไอดินยามเช้าสร้างความกระชุ่มกระชวยอย่างประหลาดล้ำ หญิงสาวยกกาแฟขึ้นจิบและทอดสายตามองเทือกสีเทาทึบเพื่อเฝ้ามองความงามจากแสงแรกของยามเช้าซึ่งก็ไม่ผิดหวังเมื่อลำแสงสีทองเจิดจรัสทาบตัวบนเส้นขอบฟ้า ภาพของแมกไม้สีเขียวที่ค่อยๆกระจ่างชัดขึ้นทำให้พิมมาดารู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง โลกของธรรมชาติอันแสนสงบที่มนุษย์ผู้ดำรงชีวิตท่ามกลางความวุ่นวายไม่มีโอกาสได้สัมผัส หมอกสีเงินที่โรยตัวเหนือยอดไม้ดูอ่อนนุ่มคล้ายสำลี พิมมาดานึกอยากจะเป็นผู้วิเศษโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนกลุ่มหมอกอย่างมีความสุข ขณะที่กำลังคิดอะไรอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้นเสียงคุณองอาจก็ดังขึ้นข้างตัว เป็นภาพเราไม่มีวันได้เห็นหากอยู่ในเมือง คุณองอาจ พิมมาดาหันไปเอ่ยทักเดี๋ยวดิฉันจะไปชงกาแฟมาให้นะคะ ไม่ต้องหรอกเจ้านายของเธอพูดพลางยกถ้วยกาแฟในมือขึ้นนวลศรีเขาจัดการให้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวยิ้มและหันกลับไปมองความงามเบื้องหน้าตามเดิม ทั้งสองยืนซึมซับความสดชื่นจากธรรมชาติโดยไม่คุยอะไรกันจนกระทั่งคุณนายนวลศรีและนิลเนตรเดินเข้ามาหา หนีมาชมวิวกันอยู่ที่นี่เอง เสียงนายหญิงเอ่ยทัก พิมมาดาหันไปพนมมือไหว้และส่งยิ้มให้กับเพื่อน อีกฝ่ายยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มพร้อมกับบ่น จะออกมาก็ไม่บอก เห็นเธอกำลังหลับสบายหญิงสาวตอบ อีกฝ่ายสั่นศีรษะ มาดูทิวทัศน์ทั้งทีทำไมไม่ถือกล้องมาด้วย แบบนี้ฉันก็ไม่ได้เห็นภาพสวยๆน่ะสิ เรายังนอนที่นี่อีกคืน พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาดูก็ได้ นายองอาจเป็นคนตอบอ้อจริงสิ วันนี้มีโครงการจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างคุณนิลเนตร ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำตกค่ะ พวกหนุ่มๆเขาอยากเดินป่า แบบนั้นฉันคงต้องขอตัวคุณนวลศรีพูดขึ้นมา พิมมาดาจึงรีบอธิบาย ทางไปน้ำตกเหวสุวัตไม่ลำบากหรอกคะคุณนวล ลงจากรถเดินไปอีกนิดก็เห็นน้ำตกแล้ว พูดเหมือนเคยมายังงั้นแหละ นิลเนตรกระเซ้า พิมมาดายิ้ม ฉันถามเจ้าหน้าที่อุทยานมาต่างหาก การโต้ตอบไปของสองสาวคงดำเนินไปอีกยืดยาวหากนายองอาจไม่ยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้หยุดและพูดสั้นๆเป็นเชิงถาม เที่ยวน้ำตกกับเดินป่า ค่ะ เมื่อวานหนูขอเส้นทางเจ้าหน้าที่เอาไว้แต่ต้องไปแจ้งอีกทีว่าเราจะไปกันกี่คน ไม่ทราบว่าคุณองอาจจะไปด้วยกันไหมคะ คนเป็นนายไม่ตอบแต่กลับมองหน้าแล้วอมยิ้ม กลัวฉันเดินไม่ไหวหรือไง หนูนิลเขากลัวคุณเป็นลมกลางทางต่างหาก คุณนวลศรีพูดขัด ฝ่ายสามีหัวเราะด้วยความขบขันพลางยกแขนขึ้นและทำท่าเบ่งกล้ามอวด เห็นแบบนี้ฉันยังแข็งแรงไม่แพ้พวกหนุ่มๆ เอาไว้คอยดูตอนเดินป่า รับรองได้เลยว่าพวกเธอตามฉันไม่ทันแน่ ทำเป็นพูดดีไปเถอะ คุณนวลศรีพูดด้วยความหมั่นไส้และเลื่อนสายตามองไปยังพนักงานบริษัทที่กำลังเดินเข้ามาหา หลังจากพูดคุยจัดการกับมือเช้าจนอิ่มหนำทั้งหมดจึงเดินทางไปยังน้ำตกเหวสุวัต ซึ่งในช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูฝนน้ำจึงลดปริมาณลงกว่าเดิมมากจนสามารถเดินลัดเลาะย้อนขึ้นไปหาน้ำตกได้มากพอสมควร ช่วงสายทุกคนย้ายไปชมน้ำตกก่องแก้วและแวะไปส่งคุณนวลศรียังที่พักก่อนจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเดินป่าแนวน้ำตกเหวนรกเป็นรายการต่อไป รถจอดในตำแหน่งที่กำหนดปล่อยให้ผู้โดยสารทั้งหมดเดินไปตามทางที่มีลูกศรแจ้งเอาไว้ การเดินทางช่วงต้นเป็นไปอย่างสนุกสนานแต่พอผ่านไปได้สักระยะเสียงพูดคุยก็เริ่มเบาลงโดยเฉพาะพวกผู้หญิงถึงกับขอหยุดพักหลายครั้ง จนเมื่อถึงบริเวณที่มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบนงนภัสที่เดินเกาะนายองอาจไปตลอดทางก็เริ่มบ่น ใครเป็นคนเสนอความคิดนี้นะ ผมเอง นายองอาจตอบเพื่อต้องการตัดความรำคาญ นงนภัสทำหน้างอและมองทางเดินที่ทอดยาวไปราวกับไม่มีวันสิ้นสุด นงเหนื่อยจะตายอยู่แล้วขอพักก่อนได้ไหมคะ เธอพูดอย่างออดอ้อนจนนิลเนตรแอบหันไปทำท่าเหมือนกำลังจะอ้วก พิมมาดาตีแขนเพื่อนเบาๆทั้งที่ตัวเองกำลังหัวเราะ เดี๋ยวเขาก็เห็นหรอก ช่างปะไร ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะจับแม่นั่นมัดติดไว้กับต้นไม้แล้วปล่อยให้เสือมันคาบไปกิน ผมกลัวว่ามันจะไม่มาน่ะสิพี่นิล ฤทธิ์ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังยื่นหน้าเข้ามากระซิบ พิมมาดาตีแขนเขาดังเพียะพร้อมกับดุ ปากร้ายนักนะเรา เด็กหนุ่มยิ้มแหยในขณะที่นิลเนตรหัวเราะจนท้องแข็ง เสียงของเธอทำให้นงนภัสหันมาตวาด หัวเราะอะไรกัน ขำหนอนน่ะ นิลเนตรตอบพลางแอบยักคิ้วให้พิมมาดา อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างนึกเอือม ส่วนนงสภัสซึ่งดูไม่เชื่อจึงลุกขึ้นและถามเสียงห้วน ไหนหนอนอะไรไม่เห็นมีเลยซักตัว นิลเนตรทำท่าจะตอบแต่ต้องอ้าปากค้างและชี้นิ้วไปที่ปลายเท้าของนงนภัส หญิงสาวขมวดคิ้วและก้มหน้ามองตาม ตัวประหลาดคล้ายหนอนสีดำที่กำลังไต่อยู่บนหลังเท้าทำให้เธอต้องกรีดร้องออกมา ตัวอะไรเนี่ย ทากน่ะ พิมมาดาตอบและถอนใจเมื่อเห็นนงนภัสโผเข้าไปกอดนายองอาจพร้อมกับร้องโวยวายไม่หยุด ช่วยปัดมันออกให้หน่อยค่ะคุณองอาจ นงขยะแขยงจะแย่อยู่แล้ว แค่ทากเท่านั้นเองน่ะ นายองอาจบ่นพลางดีดทากจนกระเด็นไปไกล นงนภัสทำท่าขนลุก ถึงจะแค่ทากแต่มันน่ากลัวนี่คะ ว้ายดูสิมันมาอีกตัวแล้ว เธอส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดลั่นป่า พิมมาดาได้แต่ส่ายหน้าพลางดึงขวดบรรจุน้ำสีน้ำตาลเข้มออกมาจากกระเป๋า นิลเนตรซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาปัดทากออกจากขาของตัวเองเห็นจึงถามด้วยความสงสัย อะไรน่ะพิม ยาเส้นแช่น้ำอีกฝ่ายตอบพร้อมกับยื่นขวดใบนั้นส่งให้เพื่อนทาให้ทั่วตัว มันจะช่วยไม่ให้ทากเข้ามาเกาะ คำพูดของเธอได้ยินไปถึงนงนภัส เธอก้าวพรวดมาแย่งขวดน้ำจากมือของนิลเนตร ฉันทาก่อน เจ้าหล่อนเปิดฝาเทพรวดแบบไม่ยั้งจนพิมมาดาต้องเอ่ยปากเตือน แค่ทาบางๆก็พอแล้วคุณนง ถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ นงนภัสตวาดพลางชะโลมน้ำยาเส้นจนตัวเปียกชุ่ม นิลเนตรถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจแต่ยังไม่ทันจะได้ต่อว่าพิมมาดาก็ส่งขวดน้ำอีกใบให้ เอาไปแบ่งกัน จัดการเรื่องยากันตัวทากเสร็จทั้งหมดจึงออกเดินทางต่อ แม้จะเป็นระยะทางเพียงไม่กี่กิโลแต่ความเป็นป่าทำให้ทุกคนไปได้ไม่เร็วนัก ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงเสียงซู่ซ่าของน้ำตกก็ดังแว่วมาแต่ไกล ใกล้จะถึงแล้วล่ะ นายองอาจหันมาให้กำลังใจลูกน้องเอ้ากัดฟันเดินกันอีกหน่อย ใครไปถึงก่อนฉันจะให้รางวัลหนึ่งพันบาท เสียงร้องเฮดังขึ้นพร้อมกัน พนักงานทุกคนรวมทั้งนิลเนตรรีบก้มหน้าก้มตาเดินด้วยหวังว่าจะให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุดมากกว่าเงินรางวัล พิมมาดาเองก็เช่นเดียวกัน แม้จะเหน็ดล้าเหมือนขาจะหลุดแต่ความที่อยากการเดินทางจบลงเสียทีเธอจึงกัดฟันฝืนเร่งฝีเท้าให้ก้าวเร็วขึ้น แต่ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นก็มีเสียงแหลมเล็กของสัตว์ดังมาจากด้านข้าง เสียงที่ฟังเหมือนผู้ร้องกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกทำให้หญิงสาวต้องหยุดชะงัก เสียงอะไรน่ะ เธอก้มตัวลงมองลอดพุ่มไม้หนาทึบเข้าไปด้านในแต่เมื่อกวาดสายตาสอดส่ายไปจนทั่วแล้วกลับไม่พบอะไรเลยสักอย่าง อย่าว่าแต่สัตว์เลย มดสักตัวก็ยังไม่มี สงสัยเราจะเหนื่อยจนหูฝาด หญิงสาวพูดติดตลกและขยับเพื่อจะเดินต่อแต่ต้องหยุดเมื่อเสียงร้องดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ต้นไม้ขนาดเล็กต้นหนึ่งสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนโดนเขย่า เสือ คำแรกวิ่งผ่านเข้ามาความคิด พิมมาดารีบก้าวถอยหลังเพื่อเตรียมจะวิ่งแต่เสียงร้องแหลมเล็กคล้ายสัตว์จำพวกหนูทำให้เธอหยุดความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น หญิงสาวหันไปมองกลุ่มเพื่อนซึ่งก็พบว่าทุกคนเดินทิ้งห่างไปไกลแล้ว ตอนแรกเธอคิดจะวิ่งไปบอกทุกคนแต่เมื่อนึกถึงความน่ารักของเม่นกับข่าวเรื่องสัตว์ป่าตายเพราะความมักง่ายของคนแล้วจึงเปลี่ยนใจ หญิงสาวก้าวเท้าออกจากทางเดินที่กำหนดมุ่งตรงเข้าไปในป่าเพื่อหาเจ้าของเสียงที่ตนเองได้ยิน ฝ่ายนิลเนตรหลังจากเดินมาได้สักระยะจึงหยุดพักหอบหายใจ เธอยกมือขึ้นโบกให้กับฤทธิ์และสิทธิศักดิ์เพื่อเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งสองจึงดึงขวดน้ำออกมาดื่ม เป็นไงบ้างยายพิม นิลเนตรถามและขมวดคิ้วเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและมองไปทางด้านหลังพร้อมกับร้องเรียก พิม สิ่งขานรับมีเพียงเสียงกราวจากใบไม้ที่แกว่งไหวกระทบกันเมื่อถูกลม ความเงียบของเพื่อนทำให้นิลเนตรนึกเอะใจ เธออยู่ไหนน่ะพิม หญิงสาวเรียกด้วยเสียงที่ดังมากขึ้นกว่าเดิม ฤทธิ์และสิทธิศักดิ์จึงเดินย้อนกลับมาพร้อมกับถาม มีอะไรหรือครับ ฉันหายายพิมไม่เจอ นิลเนตรตอบ ฤทธิ์จึงพยักหน้าไปทางกลุ่มที่เดินนำหน้า อยู่กับพวกนั้นหรือเปล่าครับ เขาเดินคู่กับฉันมาตลอด นิลเนตรพูดพลางเดินย้อนกลับไปทางเดิม ดวงตาทั้งคู่สอดส่ายไปตามพุ่มไม้ข้างทางเพราะคิดว่าบางทีเพื่อนสาวอาจจะแวะทำธุระเมื่อไม่พบเธอจึงป้องปากตะโกนเรียก พิม ไร้วี่แว่วทั้งเงาหรือเสียงตอบรับ นิลเนตรจึงแน่ใจว่าเพื่อนของเธอหายตัวไป เพียงแต่จะเป็นแค่การหลุดออกนอกเส้นทางพลัดหลงเข้าไปในป่าหรือถูกสัตว์ทำร้าย พอคิดถึงเหตุผลประการหลังหญิงสาวจึงเริ่มต้นแหวกพุ่มไม้ข้างทางอย่างบ้าคลั่งและร้องเรียกเพื่อนไม่ขาดปาก การกระทำของนิลเนตรทำให้ทั้งคณะต้องหยุด นายองอาจเดินย้อนกลับมาพร้อมกับถามด้วยความสงสัย มีอะไรหรือคุณนิลเนตร หญิงสาวกวาดตามองไปโดยรอบคล้ายกำลังมองหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่พบร่องรอยใดเธอจึงหันกลับมายังเจ้านาย อีกฝ่ายถึงกับยืนตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดเพราะความตระหนก นิลเนตรตอบเสียงสั่น พิมหายไปค่ะ */*/*/*/* ภูตคราม บทที่ 1 พิมมาดา(2)
บ้านของพิมมาดาอยู่ห่างจากถนนใหญ่มากชนิดที่เธอต้องนั่งรถยนต์เข้าไปแต่ส่วนใหญ่แล้วหญิงสาวมักจะอาศัยบริการจากรถจักรยานยนต์รับจ้างมากกว่าเพราะทั้งสะดวก รวดเร็วและสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะชาวบ้านในบริเวณนั้นรวมถึงคนขับรถในวินทุกคนรู้จักครอบครัวของเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะคุณตาคุณยายซึ่งเป็นชาวสวนเก่าแก่ สวนผลไม้ที่นั่นเกือบทั้งหมดก็เป็นที่ดินของพวกท่านที่อนุญาตให้ชาวบ้านทำกินโดยไม่คิดค่าเช่า ใครเดือดร้อนก็สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ความมีน้ำใจของพวกท่านทำให้ชาวบ้านทุกคนให้ความเคารพแม้ทั้งสองจะสิ้นบุญไปแล้ว ทุกคนก็ยังคงรักและให้ความดูแลเอาใจใส่พิมมาดาเหมือนดังเช่นตากับยายของเธอทุกประการ และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หญิงสาวไม่ยอมขายที่ดินให้กับนายทุนที่มักจะเข้ามาติดต่ออยู่เป็นประจำ
ความที่อยู่ท่ามกลางสวน รอบบ้านจึงอุดมไปด้วยต้นไม้นานาชนิดสร้างความร่มรื่นต่อผู้อาศัยจนแม้วันร้อนที่สุดก็ยังมีลมเย็นพัดเข้ามาในบ้านตลอดเวลา ไม้ผลหลากพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง หว้า มะปราง ขนุนหรือแม้แต่พืชสวนครัวต่างแย่งกันผลิดอกออกผลให้รับประทานกันแทบไม่หวาดไม่ไหว ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการเอาใจใส่ของตัวพิมมาดาด้วย ถึงจะมีความรู้ระดับปริญญาโทและมีความสามารถชนิดที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งยื่นข้อเสนอมาให้แต่เธอไม่สนใจ หญิงสาวรักที่จะดำเนินชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติมากกว่าความหรูหราในเมือง หลังจากรดน้ำต้นไม้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วพิมมาดาจึงจัดกระเป๋า อาบน้ำและรับประทานอาหารเย็น ซึ่งกว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม จากนั้นหญิงสาวจึงเปิดโทรทัศน์เพื่อเป็นการฆ่าเวลาแต่หลังจากกดปุ่มเลือกช่องอยู่ราวห้านาทีเธอก็ต้องปิด เพราะนอกจากละครน้ำเน่ากับเกมส์โชว์ไร้สาระแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ บอกแล้วว่าให้ติดเคเบิ้ล ดูหนังชุดของฝรั่งสนุกกว่าละครพวกนี้ตั้งเยอะ คำพูดของนิลเนตรดังวาบขึ้นมาในความคิด พิมมาดายิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดเครื่องเสียงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกดนตรีประกอบภาพยนต์หรือเพลงบรรเลง หลังจากเปิดไปได้พักใหญ่หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาและบ่นออกมาเบาๆ จะเที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย เธอชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างและขมวดคิ้วยายนิลมัวทำอะไรอยู่นะ ป่านนี้ยังมาไม่ถึงอีก บ่นพลางหยิบรีโมตมากดปุ่มเปลี่ยนเป็นวิทยุเพื่อฟังรายการโปรด ท่วงทำนองดนตรีเย็นยะเยือกน่าขนลุกกับเสียงแหบเครือของผู้จัดทำให้หญิงสาวรีบเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งตัวตรงและฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ เริ่มแรกของเราวันนี้เป็นเรื่องเล่าจากผู้ฟังทางบ้านนะครับ เสียงพิธีกรอารัมบทตามด้วยเสียงดังกุกกักเหมือนกำลังขยับอะไรบางอย่างเป็นเรื่องราวสยองขวัญที่เจอะเจอในเขาใหญ่ ซึ่งเธอตั้งชื่อว่า ผีโพรงจากลำตะคอง สวัสดีครับคุณ... พิมมาดานั่งฟังเรื่องเล่าซึ่งกล่าวถึงการพบกับสิ่งประหลาดที่เชื่อว่าเป็นการกระทำของวิญญาณอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งมีเสียงรถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านเธอจึงลุกขึ้นและยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเห็นนิลเนตรกำลังลงจากรถและควักธนบัตรส่งให้คนขับ ทำไมมาช้านักล่ะ ประโยคแรกหลุดออกจากปากขณะเปิดประตูรั้วให้เพื่อน อีกฝ่ายถอนหายใจพรืด รถชนกันบนทางด่วนน่ะ ติดอยู่สองชั่วโมงกว่าจะหลุดออกมาได้ นิลเนตรบ่นพลางวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะและทิ้งตัวนั่งลงอย่างอ่อนแรง พิมมาดายื่นแก้วน้ำให้พร้อมกับถาม กินอะไรมาหรือยัง เรียบร้อยแล้ว เพื่อนสาวตอบและนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินรายการวิทยุนี่เธอยังฟังเรื่องพวกนี้อีกเหรอยายพิม ก็มันสนุกดีนี่ พิมมาดาตอบ อีกฝ่ายส่ายหน้า พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวเขาใหญ่แต่เธอดันฟังเรื่องผีที่ลำตะคอง งานนี้ฉันมีหวังหลอนจนนอนไม่หลับแหง มันก็แค่เรื่องเล่าเท่านั้น มีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พิมมาดาพูดหน้าตาย นิลเนตรค้อนเพื่อนวงใหญ่พร้อมกับพูด ไม่เชื่อแต่ยังฟัง พิลึกคนจริงๆเลยนะเธอ ก็มันสนุกนี่นา ดีกว่าดูละครตั้งเยอะ พิมมาดาเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่เธอเตรียมไว้มายื่นให้พร้อมกับถามจะนอนหรือยังล่ะ นิลเนตรพยักหน้าและทำท่าจะขึ้นไปยังชั้นบนแต่เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินไปนั่งเก้าอี้ยาวเธอจึงขมวดคิ้ว นี่ยังจะฟังต่ออีกเหรอพิม อื้อพิมมาดาตอบสั้นๆพลางโบกมือให้อีกฝ่าย เธอขึ้นไปนอนก่อนเถอะ พอฟังจบแล้วฉันจะตามขึ้นไป นิลเนตรส่ายหน้าอย่างนึกระอาก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง หลังจากสวดมนจร์ไหว้พระขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางตามธรรมเนียมแล้วเธอจึงเอนตัวลงนอน ความเหนื่อยอ่อนทำให้หญิงสาวหลับสนิทลงอย่างรวดเร็ว เสียงไก่ขันแว่วแต่ไกลปลุกให้พิมมาดาตื่นขึ้น เธอบิดตัวเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจากนั้นจึงผละจากเตียงตรงไปลุกนิลเนตรที่นอนห้องติดกัน เสียงบ่นพึมพำด้วยความงัวเงียของเพื่อนทำให้หญิงสาวอมยิ้มจากนั้นเธอจึงอาบน้ำแต่งตัวและเข้าครัวเพื่อเตรียมกาแฟ เมื่อได้รับความสดชื่นจากเครื่องดื่มรสกลมกล่อมเรียบร้อยแล้วทั้งคู่จึงออกจากบ้านเพื่อขึ้นรถจักรยานต์ที่นัดเวลาให้มารับและมุ่งหน้าตรงไปยังจุดนัดพบซึ่งก็คือบริษัทของพวกเธอ เมื่อไปถึงนิลเนตรยิ้มกว้างและเอ่ยปากทักทายเพื่อนร่วมงานอย่างร่าเริง แม้คนที่ไม่สามารถไปด้วยได้ยังอุตส่าห์หอบข้าวเหนียวหมูย่างมาฝาก ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งรถกะบะคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเสียงหัวเราะทั้งหมดจึงยุติลง หลายคนเบ้หน้าอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นนงนภัสก้าวนวยนาดลงจากรถและออกคำสั่ง ช่วยขนกระเป๋าให้ฉันหน่อย นิลเนตรขยับเตรียมจะปฏิเสธแต่พิมมาดากลับเดินไปยังท้ายรถและดึงกระเป๋าเดินทางใบย่อมสองใบออกมา เสียงกระแนะกระแหนเปรยออกมาจากกลุ่มพนักงาน ทำตัวเป็นคุณนายเชียวนะนังชะนี นงนภัสหันขวับมามองตาวาว สิทธิศักดิ์ หัวหน้าแผนกสินค้าจึงรีบเข้าไปช่วยพิมมาดา หลังจากยัดกระเป๋าทั้งสองเข้ารถเรียบร้อยแล้วนิลเนตรซึ่งยืนหน้าบอกบุญไม่รับจึงพูดขึ้น ไปช่วยมันทำไมน่ะ ตัดปัญหาเรื่องมลภาวะทางเสียงหญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เพื่อนของเธอกระแทกลมหายใจค่อนข้างแรง ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากได้ยินอะไรไร้สาระ แต่ลองช่วยยายนั่นครั้งหนึ่งเดี๋ยวก็มีครั้งต่อไปไม่มีสิ้นสุด ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกครั้งนี่นา อีกอย่างคุณนวลศรีไปด้วย นงนภัสคงไม่กล้าทำตัวเป็นคุณนายแน่ พิมมาดาพูดอย่างอารมณ์ดี นิลเนตรส่ายศีรษะและเตรียมจะพูดอะไรอีกยืดยาวแต่เสียงร้องทักอย่างร่าเริงจากใรบางคนทำให้เธอต้องหยุดและหันไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคนที่กำลังเดินเข้ามาหา สวัสด่ะคุณองอาจ คุณนวลศรี ไหว้พระเถอะจ้ะ คุณนายนวลศรีพูดอย่างเมตตาในขณะที่ฝ่านสามีผงกศีษะรับอย่างอารมณ์ดี มากันครบหรือยัง เหลือเจ้าฤทธิ์คนเดียวเท่านั้นครับ สิทธิศักดิ์ตอบ นายองอาจผงกศรีษะและหันถามนิลเนตร เรื่องเขาใหญ่ล่ะว่าไง ดิฉันดึงข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวมาแล้วค่ะเธอพูดพร้อมกับดึงกระดาษสองสามใบออกจากกระเป๋ายื่นส่งให้เจ้านายวันแรกเราคงไปเที่ยวได้ไม่กี่แห่ง แต่ถ้าใครอยากจะเล่นน้ำจะไปที่น้ำตกผากล้วยไม้ก็ได้ เพราะอยู่ห่างจากจุดกางเต้นท์ไม่มาก เธออธิบายพลางชี้แผนที่ที่พิมพ์มาด้วย แต่พรุ่งนี้ถ้าตื่นแต่เช้าหลังจากไปเที่ยวที่น้ำตกเหวสุวัตแล้วเราจะไปน้ำตกเหวไทรหรือเหวประทุนก็ได้ ถ้าพวกหนุ่มๆนักผจญภัยอยากเดินป่าก็มีเส้นทางเดินป่าซึ่งมีอยู่หลายจุดอย่างทางไปน้ำตกมะนาว น้ำตกตาดตาภู่ น้ำตกผากระจายหรือน้ำตกเหวนรก เอาไว้ปรึกษากันตอนเดินทางว่าจะไปเที่ยวที่ไหน นายองอาจพูดหลังจากเปิดข้อมูลอ่านแบบคร่าวๆ นิลเนตรรับคำและพูดต่อ ถ้าเป็นไปได้ดิฉันอยากให้สรุปก่อนจะถึงเขาใหญ่เพราะจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนติดต่อเรื่องที่พัก ส่วนตอนกลางคืนถ้าไม่เหนื่อยนักก็นั่งรถไปส่องสัตว์กับพวกอุทยาน ดิฉันคิดว่าจะโทร.ไปจองระหว่างการเดินทาง ผมว่าเราควรไปส่องสัตว์กันตั้งแต่คืนนี้ นายองอาจพูด นิลเนตรพยักหน้ารับและบันทึกลงสมุดประจำตัวจากนั้นจึงถาม แล้วเรื่องอาหารล่ะคะ เราจะแวะกินมื้อเที่ยงกันที่เขื่อนลำตะคอง คุณนายนวลศรีเป็นคนตอบได้ยินว่ากุ้งแม่น้ำของที่นั่นตัวหนึ่งหนักเป็นกิโล ตัวโตแบบนั้นผมคงกินไม่ลงหรอกนายองอาจหยอก คุณนวลศรีหัวเราะ อย่ามาแย่งฉันก็แล้วกัน ภูตคราม บทที่ 1 พิมมาดา(1)
ภูธรา ภูตป่าที่ดำรงเผ่าพันธุ์ด้วยการสูบพลังวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่น |
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |