ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
ศาสตราแห่งเดราเนียร์ อดีตของฟอร์เซ็ตติ จบ
ฟอรัมเบิกตากว้างด้วยแรงโทสะ เขายกไม้เท้าขึ้นและชี้ไปยังร่างของเอลฟ์วัยเยาว์ซึ่งกำลังพยายามดันกายให้ลุกขึ้น
จงแหลกละเอียดไปเถอะเจ้าเอลฟ์ชั่ว! แสงสีเขียวเจิดจ้าบาดตาพุ่งวาบออกจากปลายไม้กระแทกเข้าใส่ร่างของฟอร์เซ็ตติเต็มแรง เอลฟ์น้อยกรีดร้องเสียงดังก่อนคลื่นพลังจะระเบิดกระจาย ต้นไม้ที่อยู่รอบข้างถูกอำนาจของฟอรัมฉีกกระชากจนแหลกกระจุย จอมเวทผู้แสนเย่อหยิ่งลดไม้เท้าลงขณะที่ไครน์ซึ่งมีสีหน้าซีดเผือดเดินเข้าไปหา เจ้าสังหารเจ้าเอลฟ์นั่น เขามองหน้าฟอรัม เรื่องร้ายแรงขนาดนี้เราจะไปบอกองค์ราชินีว่าอย่างไร ก็บอกว่าเจ้านั่นลอบทดลองพลังเวทแต่พลาด ฟอรัมตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชาก่อนหมุนตัวเพื่อเดินกลับเข้าไปในราชวัง เขาต้องชะงักเมื่อกระแสลมปั่นป่วนรุนแรงพัดกรรโชกผ่านร่างของเขามาจากทางด้านหลัง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนร่างในชุดสีเทาจะหันกลับไปมอง ดวงตาสีดำเบิกกว้างอย่างตระหนกเมื่อเห็นร่างของฟอร์เซ็ตติที่เขาคิดว่าแหลกละเอียดไปแล้วกำลังลุกขึ้น ฟอรัมขบกรามของตนเองด้วยความแค้นก่อนยกไม้เท้าและร่ายมนตร์เพื่อทำร้ายเอลฟ์น้อยอีกครั้ง แสงสีเขียวพุ่งเข้าใส่ร่างของฟอร์เซ็ตติ เขาเพียงยกมือขึ้นปัดกลุ่มพลังเวทจนหันเหออกไปด้านข้างและระเบิดต้นไม้จนขาดเป็นสองท่อน ดวงตาของฟอรัมเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่มันอะไรกัน จอมเวทในชุดเทาขยับกายหมายจะก้าวถอยหนีแต่ต้องพบกับความตระหนกสุดขีดเมื่อพบว่ากายของเขาแข็งขืนไปตลอดทั้งร่างราวกับต้องอาคม หัวใจของฟอรัมกระตุกวาบด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นฟอร์เซ็ตติฉีกยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มสยองที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ เพราะดวงหน้าของเอลฟ์น้อยยามนี้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ความน่ารักไร้เดียงสาถูกแทนที่ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอประกายดุดันเบิกกว้าง ริมฝีปากยิ้มกว้างอวดเขี้ยวคมภายในปาก เรือนผมสีเงินละเอียดราวกับไหมกลายเป็นสีขาวโพลน มันสะบัดกระจายไปมาราวกับมีชีวิตท่ามกลางกระแสลมที่พัดอย่างรุนแรง เจ้า เสียงแหบพร่าแผ่วต่ำดังออกมาจากปากปิศาจ ไอ้จอมเวทผยอง เจ้ากล้ากล่าวคำลบหลู่มารดาของข้าและบังอาจด่าทอบิดาของข้า มือสีขาวซีดยื่นออกมาข้างหน้า กรงเล็บทั้งห้ากางออก เปลวไฟสีแดงฉานปะทุอยู่ในอุ้งมือ มันหมุนวนราวกับมีชีวิต ฟอรัมพยายามดิ้นและร้องเรียกไครน์เสียงลั่น มัวยืนตกตะลึงอะไรกัน จัดการกับเจ้าปิศาจนั่นเร็ว! ไครน์รีบยกไม้เท้าของตนขึ้นและชี้ไปยังฟอร์เซ็ตติ เอลฟ์น้อยหันขวับมาทางเขาและแสยะยิ้มก่อนโบกมืออีกข้างปัดออกไปด้านข้าง ร่างจอมเวทผู้เป็นสหายของฟอรัมลอยไปกระแทกกับแท่นน้ำพุอย่างแรง ไครน์หมดสติไปในทันที ข้าต้องการจัดการกับเจ้าเท่านั้น ฟอร์เซ็ตติพูดเสียงต่ำ ดวงตาวาววับขณะที่ยกลูกไฟในมือขึ้น ตายเสียเถอะไอ้จอมเวททราม! เปลวเพลิงอันร้อนแรงพุ่งเข้าใส่ฟอรัม เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อไฟลุกท่วมร่าง เอลฟ์กลายสภาพแสยะยิ้มและสะบัดมือของตน ร่างของฟอรัมลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงวังอย่างแรง ฟอร์เซ็ตติเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับกางกรงเล็บทั้งสองข้างออกหมายจะฉีกกระชากจอมเวทโฉดให้ขาดเป็นสองท่อน หยุดเดี๋ยวนี้ฟอร์เซ็ตติ! เสียงทุ้มอันเฉียบขาดและดุดันดังขึ้น เอลฟ์กลายสภาพชะงักและเอี้ยวตัวหันไปมอง เพลิงในดวงตาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้เข้ามาขัดจังหวะ อย่ามาขวางข้า! ฟอร์เซ็ตติคำรามและหันกลับไปหาร่างของฟอรัม ไฟที่ลุกท่วมร่างของเขาถูกเวทของนูเอดาดับจนสนิท เอลฟ์น้อยส่งเสียงในลำคอด้วยความรู้สึกขัดใจ ช่วยมันทำไม เขาหันมาถามจอมเวทแห่งเพลิงด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว นูเอดามองดูศิษย์ของตนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปราณี ข้าไม่อยากให้เจ้าจมลงไปในความมืด จอมเวทหนุ่มตอบ หากเจ้าสังหารเขา หัวใจของเจ้าก็จะพบกับความเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่มันบังอาจว่าร้ายมารดาของข้า ฟอร์เซ็ตติพูดด้วยความโกรธ มันยังพูดจาดูถูกท่านอีกด้วย ก็เพียงแค่ลมที่ออกจากปากเหม็นเน่า เจ้าจะไปสนใจกับมันทำไม มันเกลียดข้า! เอลฟ์กลายร่างส่งเสียงกรีดร้อง และข้าก็เกลียดมัน! เปลวเพลิงสีฟ้าสดลุกท่วมร่างของฟอร์เซ็ตติ นูเอดาเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกตระหนก เขาขยับจะเข้าไปหาฟอร์เซ็ตติแต่มืออันอ่อนนุ่มขององค์มีย์อาร์รั้งเข้าไว้ เขากำลังขาดสติ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัส ดวงตาสีทองจ้องมองเอลฟ์น้อยตรงหน้านิ่ง ท่านไม่มีทางหยุดฟอร์เซ็ตติในตอนนี้ได้ ท่านนูเอดา แต่ข้า..... จอมเวทเพลิงมองราชินีของตน พระนางยิ้ม เราเองก็เป็นห่วงเขาเช่นเดียวกัน จงถอยไปอย่าได้เข้ามายุ่งเป็นอันขาด ร่างอันงดงามเดินเข้าไปหาฟอร์เซ็ตติ เขาเหลือบสายตามามองพร้อมกับยิ้ม องค์ราชินี ฟอร์เซ็ตติ พระสุรเสียงเปี่ยมไปด้วยความการุณย์ สนุกมากพอแล้วนะ ไอสีทองอร่ามแผ่ออกจากกายของราชินีแห่งมาร์วัลลัส มันโอบล้อมร่างเพลิงของเอลฟ์น้อยเอาไว้ เขาร้องคำรามด้วยความโกรธและเหวี่ยงมือทั้งสองข้างออกโดยแรง ม่านพลังสีทองถูกฉีกออกจากกัน ฟอร์เซ็ตติเหวี่ยงมันไปอีกด้านอย่างไม่สนใจ เสียงระเบิดดังกึกก้องเมื่อรากฐานของวังถูกพลังของเอลฟ์กลายร่างปะทะอย่างรุนแรงจนแตกกระจาย ราชวังอันงดงามทรุดตัวลงทันที พรุ่งนี้เช้าเจ้าต้องมาซ่อมวังให้เรานะ องค์มีย์อาร์ตรัสด้วยสีหน้าเรียบเย็นพร้อมกับยกหัตถ์ขึ้น เส้นเชือกสีทองห้าเส้นพุ่งวาบออกมาจากปลายนิ้วตรงเข้าไปรัดร่างของฟอร์เซ็ตติ เขาออกแรงดิ้นรนจนสุดกำลัง เปลวเพลิงสีฟ้ารอบกายเข้มขึ้นจนกลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้าบาดตา เชือกสีทองสี่เส้นถูกพลังของเขาเผาจนสลายหายไป องค์มีย์อาร์สะบัดกรของพระนาง สายสีทองเส้นที่เหลือหมุนเป็นวงลอยตรงหน้าฟอร์เซ็ตติ เขาแยกเขี้ยวพร้อมกับกางกรงเล็บออก หยุดเถิดลูกรัก น้ำเสียงแสนอ่อนโยนดังออกมาจากใจกลางวงเชือกสีทอง เอลฟ์น้อยชะงักทันที ดวงตาสีน้ำเงินเพ่งมองเงาร่างที่กำลังปรากฏอยู่ภายใน ท่านแม่ เจ้าคือแสงสว่างและความหวังของแม่ เสียงนานนาดังก้อง ร่างอันงดงามของนางก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแสนอ่อนโยน อย่ามาใช้ภาพลวงบดบังตาของข้า ฟอร์เซ็ตติคำรามพร้อมกับเหวี่ยงกลุ่มพลังเพลิงสีฟ้าเข้าใส่ร่างของราชินีแห่งมาร์วัลลัส นูเอดารีบพุ่งตัวเข้ามายืนขวางไว้ทันทีท่ามกลางความตกใจขององค์มีย์อาร์ เมื่อกลุ่มควันอันเกิดจากแรงระเบิดจางลง ร่างสูงของจอมเวทแห่งไฟก็ทรุดฮวบลงแทบพระบาทองค์ราชินี พระนางขมวดคิ้วเข้าหากันและมองไปยังร่างของเอลฟ์น้อยที่ยังคงลุกเป็นไฟ เจ้าเล่นมากเกินไปแล้ว ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัสพร้อมกับยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นวาดบนอากาศสร้างเพลิงรูปวงกลมขึ้น มันลอยนิ่งอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งองค์มีย์อาร์โบกหัตถ์ ของแบบนั้นจะทำอะไรข้าได้ ฟอร์เซ็ตติคำรามและยื่นมือออกไปหมายจะฉีกเพลิงสีทองซึ่งลอยมาอยู่เหนือร่าง แสงไฟแลบแปลบปลาบออกมาทันทีที่เขาสัมผัสมัน เอลฟ์น้อยชักมือกลับอย่างเร็ว อย่าขยับหากเจ้าไม่ต้องการถูกกักขังอยู่ในนั้น คิดว่าสามารถจับข้าได้เรอะ ฟอร์เซ็ตติกางกรงเล็บและตวัดผ่านผิวของพลังเพลิงทรงกลมเต็มแรง ประกายไฟแตกกระจายออกมาพร้อมกับรอยแยกที่แผ่ขยายกว้างออก เอลฟ์น้อยยิ้มอย่างพอใจก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นตระหนกเมื่อกลุ่มเพลิงสีทองเคลื่อนตัวลงไปหาเขาและเริ่มกลืนกินร่างสยองของจอมเวททีละน้อยจนหมดทั้งร่าง เสียงร้องคำรามสลับกับเสียงดิ้นรนดังออกมาจากภายใน นูเอดาซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับพลังของฟอร์เซ็ตติมองดูก้อนแสงสีทองด้วยสายตาเป็นห่วง เขาจะถูกขังอยู่ในนั้นนานเท่าใดกันพระองค์ ไม่นานนัก องค์มีย์อาร์ตรัสตอบพร้อมกับยิ้ม กลุ่มพลังนี้ทำเพียงแค่ดูดซับพลังของเขาให้อ่อนลงเท่านั้น เมื่อฟอร์เซ็ตติหลับ เขาก็จะหลุดออกมาจากที่นั่นเอง พระเนตรจ้องเพลิงเวทสีทองซึ่งมีร่างของฟอร์เซ็ตติอยู่ภายในแน่วนิ่ง เสียงร้องคำรามเริ่มแผ่วลง การดิ้นรนอาละวาดผ่อนคลายและหยุดนิ่งไปในที่สุด ราชินีแห่งมาร์วัลลัสโบกหัตถ์ของพระองค์อีกครั้ง กลุ่มพลังสีทองจึงสลายตัวและจางหายไปเหลือไว้เพียงร่างของฟอร์เซ็ตติกำลังนอนหลับใหลราวสิ้นแรง นูเอดามองใบหน้าอันน่ารักของเอลฟ์น้อยด้วยความรู้สึกฉงนใจ เขากลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว จอมเวทแห่งไฟพูดและหันไปทางองค์มีย์อาร์ เกิดอะไรขึ้นกับฟอร์เซ็ตติกันแน่ เขาถูกหัวใจแห่งความชิงชังครอบงำ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสทรงตรัสตอบและเดินไปยังร่างสาหัสยับเยินของฟอรัม พระนางยกหัตถ์ขึ้นพร้อมกับร่ายมาตราออกมา บาดแผลอันเกิดจากการถูกไฟลวกเชื่อมตัวประสานกันอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่หายสนิทดีนัก องค์มีย์อาร์เงยหน้าขึ้น เหล่าจอมเวทหลายคนทยอยเดินตรงเข้ามาหาพร้อมใบหน้าแสดงความตื่นตระหนก พวกเขามองฟอรัม ไครน์และฟอร์เซ็ตติสลับไปมา พวกเขาพยายามสอนเวทเพลิงให้กับฟอร์เซ็ตติแต่เกิดการผิดพลาดขึ้น ราชินีอธิบายด้วยพระพักตร์นิ่งเรียบ พาฟอรัมและไครน์ไปทำการรักษาและอย่าให้พวกเขากลับเข้ามาในเขตราชฐานอีกจนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากเรา องค์มีย์อาร์หมุนวรกายหันไปทางนูเอดาซึ่งกำลังช้อนร่างของฟอร์เซ็ตติขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน นำเขาเข้าไปในวังของเรา พระนางตรัสและเดินนำจอมเวทแห่งไฟกลับคืนสู่ราชฐานของพระองค์ */*/*/*/*/* เสียงพูดคุยอันแผ่วเบาเรียกสติสัมปชัญญะของฟอร์เซ็ตติให้กลับคืนมาทีละน้อย ดวงตาสีฟ้ากระพริบสองสามครั้งเมื่อถูกแสงสว่างเจิดจ้าส่องมากระทบ เอลฟ์น้อยขยับแขนของตนเพื่อยกขึ้นมาปิดป้องแต่ต้องสะดุ้งเมื่อความเจ็บปวดรวดร้าวพลุ่งขึ้นมาจากแขนข้างนั้น อย่าขยับ เสียงทุ้มเบาเอ่ยขึ้น ฟอร์เซ็ตติลืมตามองหน้าของนูเอดาที่กำลังจ้องเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและถาม ที่นี่ที่ไหน ห้องพำนักในราชวังขององค์มีย์อาร์ จอมเวทแห่งเพลิงตอบ เอลฟ์น้อยขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความรู้สึกแปลกใจระคนสับสน ทำไมข้าจึงเข้ามานอนอยู่ในราชวังขององค์มีย์อาร์ได้ ก็เมื่อวานนี้ข้า..... ฟอร์เซ็ตติร้องครางออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นกุมศีรษะและออกแรงกดบนขมับทั้งสองข้าง นูเอดารีบดึงมือทั้งสองข้างของเขาออกและกล่าวอย่างเร็ว เจ้าเพียงแค่เกิดการควบคุมพลังของเทพอารักษ์เอาไว้ไม่ได้เท่านั้น ไม่ใช่ ฟอร์เซ็ตติเถียง ข้ามีสติดีทุกประการตอนที่เดินออกจากราชวัง ข้าจำได้ว่าพบกับฟอรัมตรงห้องโถงชั้นล่างและยังเดินเลี่ยงเขาออกไปจนถึงอุทยานด้านนอก จากนั้น.... จากนั้นเขาได้พูดจาเหยียดหยามดูแคลนเจ้า รวมไปถึงมารดาและบิดาไม่เว้นแม้แต่ นูเอดาผู้เป็นอาจารย์ หนำซ้ำยังใช้เวททำร้ายเจ้าอย่างรุนแรงไร้ความปราณีเพียงเพื่อต้องการบีบบังคับให้เจ้าออกไปจากมาร์วัลลัส พระสุรเสียงทรงอำนาจอธิบาย ฟอร์เซ็ตติหันไปมองราชินีแห่งมาร์วัลลัสซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง พระองค์ทรงทราบ เราไม่รู้จนกระทั่งได้อ่านใจของฟอรัมเมื่อตอนรักษาเขา องค์มีย์อาร์ตรัสตอบ เจ้าเกิดบันดาลโทสะจนถึงขนาดระงับเอาไว้ไม่อยู่จึงตอบโต้กลับอย่างรุนแรงจนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ข้า....ไม่มีพลังมากถึงขนาดนั้น เอลฟ์น้อยพูดด้วยสีหน้าตระหนก พลังของข้าในตอนนี้มีไม่ถึงครึ่งของท่านฟอรัมเลยด้วยซ้ำ แล้วข้าจะทำร้ายเขาได้อย่างไรกัน แต่เจ้าก็ทำลงไปแล้ว รชินีแห่งมาร์วัลลัสกล่าว ข้าไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าทำอะไรลงไป ฟอร์เซ็ตติกำมือสองข้างแน่น ข้าจำอะไรไม่ได้เลย เจ้าย่อมไม่สามารถจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่ ฟอร์เซ็ตติ เพราะผู้ที่ทำร้ายฟอรัมและไครน์นั้นคือตัวตนอีกคนหนึ่งซึ่งแฝงเร้นร่างอยู่ในกายของเจ้าดุจเงาในแสงสว่าง ทั้งนูเอดาและฟอร์เซ็ตติมองหน้าองค์มีย์อาร์ด้วยความรู้สึกแปลกใจและฉงนฉงายในคำของพระนาง จอมเวทแห่งไฟเปรย ร่างเงาในกายแสง จะเรียกเช่นนั้นก็ได้ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัสรับและมองหน้าเอลฟ์น้อยนิ่ง เจ้าเคยถามเราว่า เหตุใดจึงตั้งฉายาฟอร์เซ็ตติให้แก่เจ้า ท่านตอบว่าข้าจะรู้ได้เองในไม่ช้า ฟอร์เซ็ตติตอบ แต่ข้ายังไม่เข้าใจอยู่ดี ชาติกำเนิดของเจ้ามาจากชนสองเผ่าพันธุ์ที่ชิงชังต่อกันอย่างที่สุด หัวใจของฝ่ายหนึ่งเต็มไปด้วยความมืดดำอันน่ารังเกียจในขณะที่อีกฝ่ายกลับเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งแสงสว่างของธรรมชาติ เลือดของทั้งสองฝ่ายได้ประจุลงไปในกายของเจ้าเมื่อครั้งยังอยู่ในครรถ์ของมารดา ความมืดและแสงสว่างวิ่งวนไหลเวียนต่อสู้กันเองอยู่ภายในใจของเจ้า ฟอร์เซ็ตตินับเป็นโชคดีของเจ้าที่มีมารดาอันประเสริฐเช่นนานนา นางได้เลี้ยงดูอบรมให้เจ้ามีหัวใจที่ดีงามเต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง ด้านมืดจึงถูกกดให้จมอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ มันรอเวลาที่จะออกอาละวาดทำลายทุกสิ่งมาโดยตลอดแต่ไม่อาจทำได้จนกระทั่งฟอรัมได้ปล่อยความริษยาของเขาออกมาปลุกความชิงชังให้ตื่นขึ้น มันครองกายเจ้าและเปลี่ยนสภาพอันงดงามให้กลายเป็นปิศาจร้ายทำลายทุกอย่างจนพินาศ พลังแห่งความชังนั้นรุนแรงเสียจนเราไม่กล้าลงมือกับเจ้าโดยตรงจึงต้องใช้วิธีกดพลังให้สงบและฝังกลับเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจเจ้าเช่นเดิม นับแต่นี้ต่อไปเจ้าจะต้องต่อสู้กับหัวใจของตนเองเพื่อรักษาดุลระหว่างความดีและความชั่วเอาไว้ให้เท่ากันดุจนามแห่งเทพฟอร์เซ็ตติผู้ทรงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรม ฟังดูเหมือนข้าเป็นอสูร เอลฟ์น้อยกอดไหล่ตนเองแน่น ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เขามองหน้าองค์มีย์อาร์และนูเอดา น้ำตาใสไหลรินอาบแก้ม เจ้าเป็นศิษย์ที่แสนน่ารักของข้า จอมเวทแห่งไฟกล่าวพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้ฟอร์เซ็ตติ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าเป็นเพียงฝันร้ายที่เจ้าจะต้องเอาชนะมันให้ได้เท่านั้น ข้าจะเอาชนะความชั่วช้าในใจของตนเองได้อย่างไรหากต้องพบกับถ้อยคำเหยียดหยามดูแคลนจากเหล่าจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสทุกคืนวันเช่นนี้ จะไม่มีผู้ใดกล้าว่าร้ายเจ้าอีกต่อไป ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัสพร้อมกับยื่นของสิ่งหนึ่งให้กับฟอร์เซ็ตติ เอลฟ์น้อยมองด้วยดวงตาตื่นตระหนก ไม้เท้าของจอมเวท ถูกต้อง องค์มีย์ทรงยิ้ม รับไปเสียสิบุตรชายอันเป็นที่รักของเรา แต่ข้าไม่ใช่จอมเวท.... ฟอร์เซ็ตติมองหน้านูเอดาและราชินีสลับไปมาด้วยความรู้สึกสับสน ข้าไม่สมควรรับเครื่องหมายของพวกท่าน เจ้าคือจอมเวทแห่งมาร์วัลลัส องค์มีย์อาร์ตรัส และเจ้าจะเป็นจอมเวทที่เก่งกาจจนไม่มีผู้ใดเทียบเทียม รับไม้เท้าของเจ้าเถิดฟอร์เซ็ตติ องค์มีย์อาร์ทรงสร้างมันขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อข้าโดยเฉพาะ เอลฟ์น้อยกล่าวทวนคำพร้อมกับยื่นมือออกไปรับไม้เท้าสีขาวสะอาดมาจากหัตถ์ของราชินี เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส พลังอันมหาศาลวิ่งออกมาจากไม้เท้าพุ่งเข้าสู่กายของฟอร์เซ็ตติจนเขาสะท้านไปทั้งร่าง มือน้อยกุมกระชับไม้เท้าเอาไว้แน่นขณะที่พิจารณามันอย่างละเอียด เป็นไม้เท้าที่แปลกมาก ฟอร์เซ็ตติพูดเสียงเบา มือข้างหนึ่งลูบเลื่อนไปตามเนื้อไม้สีขาวเรียบลื่นไปจนถึงด้านปลายซึ่งมีก้านขนาดเล็กแยกออกไปสองข้าง ตรงกลางประดับด้วยคริสตัลสีฟ้าสดใสส่องประกายวาววับ ข้าไม่เคยพบไม้เท้าจอมเวทที่มีคริสตัลประดับบนยอดมาก่อน จอมเวทน้อยมองพระพักตร์องค์มีย์อาร์ พระนางยิ้ม ไม้เท้าของเหล่าจอมเวททั่วไปนั้นมีไว้เพื่อเป็นจุดรวมสมาธิและสร้างพลัง แต่ไม้เท้าของเจ้าจะส่งผลตรงกันข้าม ส่งผลตรงกันข้าม ข้าไม่เข้าใจ ฟอร์เซ็ตติถามอย่างสงสัย เจ้ามีพลังสูงกว่าจอมเวททุกคนในมาร์วัลลัส ไม้เท้าของเจ้าจะสะกดพลังนั้นมิให้พลุ่งพล่านมากเกินไปจนบังคับเอาไว้ไม่ได้ มันจะช่วยให้สติของเจ้าคงอยู่กับตัวไม่จมหายไปในความมืด ดีจริง ฟอร์เซ็ตติยิ้มกว้างพลางกระชับไม้เท้าในมือของตนแน่น ข้าจะได้เรียนรู้วิธีการร่ายเวทให้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลใจว่าจะทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน ถ้าเช่นนั้น นูเอดาขยี้ผมสีเงินละเอียดของศิษย์ตัวน้อย วันนี้จงนอนพักผ่อนให้เต็มที่ เรพาะพรุ่งนี้ข้าจะสอนวิธีการร่ายเวทเฮลเบรนเนนให้กับเจ้าโดยไม่มีการหยุดพักแม้สักนาที รวมถึงการรวมสมาธิอัญเชิญพลังแห่งเทพอารักษ์ องค์มีย์อาร์แย้มสรวล เจ้าจะต้องฝึกฝนทั้งกายและใจให้แข็งแกร่งเพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงกำลังในการร่ายเวทแห่งองค์ซอนเนสซาร์อย่างไม่ติดขัด ข้าพร้อมรับการสอนของท่านอาจารย์อยู่เสมอ จอมเวทน้อยยิ้มและหันไปก้มศีรษะให้กับราชินีแห่งมาร์วัลลัส และข้าจะตั้งใจศึกษาเวททุกบท มนตราทุกคำที่ท่านสั่งสอนอย่างตั้งใจ คำพูดของฟอร์เซ็ตติสร้างความปิติยินดีให้กับองค์มีย์อาร์เป็นอันมาก พระนางยิ้มอย่างอ่อนโยนและยื่นหัตถ์อันอบอุ่นลูบศีรษะของเอลฟ์น้อยพร้อมกับมองเขาด้วยสายพระเนตรที่เปี่ยมไปด้วยความปราณี ดีมากฟอร์เซ็ตติ จงมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนและตั้งใจกระทำความดีให้มากที่สุด เพราะชะตากรรมอันยิ่งใหญ่กำลังรอเจ้าอยู่ในอนาคต */*/*/*/*/* END จอมเวทแห่งไฟ นูเอดา อดีตของฟอร์เซ็ตติ 1
อดีตของฟอร์เซ็ตติ
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านใบไม้ลงมากระทบผืนดินขับไล่ไอเย็นออกไปและสร้างความอบอุ่นให้บังเกิดขึ้นกับทุกชีวิตในผืนป่า เหล่านกกาและสัตว์นานาชนิดต่างพากันออกจากรังเพื่อหาอาหารด้วยความสดชื่น พวกมันเดินเมียงมองร่างของเอลฟ์กลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังยืนชุมนุมกันอยู่ที่ลานกว้างรูปวงกลม สีหน้าของชนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เงียบสงบไร้ความรู้สึก ยกเว้นนางเอลฟ์ผู้สวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดซึ่งยืนอยู่กลางกลุ่ม สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความหมองเศร้าราวกับว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก เบื้องหน้าของเอลฟ์สาวผู้นั้นมีร่างสูงโปร่งงดงามของอิสตรีผู้หนึ่ง เครื่องทรงของนางล้วนแล้วแต่เป็นสีทองอร่ามตาแลดูน่าเกรงขาม หัตถ์เรียวงามยกขึ้นลูบศีรษะของเอลฟ์วัยเยาว์อายุราวสามขวบซึ่งยืนอยู่ข้างกายของเอลฟ์สาวด้วยกิริยาเอ็นดูรักใคร่ สีหน้าของเอลฟ์สาวผู้เป็นแม่ยิ่งฉายแววโศกสลด นางมองดูอาคันตุกะด้วยสายตาวิงวอน บุตรชายของข้าจำต้องไปที่มาร์วัลลัสจริงๆหรือ นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สตรีในชุดทองยิ้มอย่างอ่อนโยน เขามีชะตาอันยิ่งใหญ่รออยู่ในวันข้างหน้า ท่านนานนา โปรดอย่าได้กังวลใจไปเลย เราสัญญาว่าจะดูแลบุตรชายของท่านให้ดีเท่ากับตัวของท่านเลยทีเดียว ข้าไว้ใจท่าน องค์มีย์อาร์ นานนากล่าวพลางลูบเรือนผมสีเงินสลวยของบุตรชาย ข้ามั่นใจว่าท่านสามารถดูแลบุตรชายของข้าได้ แต่คนของท่านคงไม่ยินดีนักหากรู้ว่าเขาเป็นบุตรของใคร แน่นอนพวกเขาจะต้องรู้ มีย์อาร์ ราชินีแห่งอาณาจักรมาร์วัลลัสกล่าว และพวกเขาจะต้องยอมรับ ข้าเกรงว่าพวกเขาคงทำใจยอมรับได้ยาก นานนากล่าวด้วยใบหน้าเศร้า ข้าไม่อยากให้ท่านนำบุตรของข้าไป บุตรชายของท่านจำต้องได้รับการศึกษาด้านเวท เขามีพลังอันลึกล้ำมากกว่าชาวมาร์วัลลัส พลังของเขาสามารถสร้างสันติในเวลาเดียวกันอำนาจที่เขามีอยู่นันทรงพลังถึงขนาดทำลายอาณาจักรจอมเวทให้พังพินาศได้ภายในชั่วข้ามคืน ถ้าอย่างนั้นเรายิ่งไม่ควรปล่อยเขาให้ไปกับท่าน เอลฟ์หนุ่มตนหนึ่งเอ่ยขึ้น องค์มีย์อาร์แย้มสรวล เขายิ่งควรไปกับเราต่างหาก ท่านบลาร์กายน์ และหากท่านไม่ยินยอมเราคงต้องใช้กำลังบังคับ พวกจอมเวทก็ดีแต่ใช้กำลังแย่งชิงของรักของผู้อื่น บลากายน์กล่าวด้วยใบหน้าเคียดแค้น แต่นานนากลับโบกมือห้าม ท่านกล่าวว่าพลังของบุตรชายข้าสามารถทำลายอาณาจักรมาร์วัลลัสให้พังพินาศได้อย่างนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันเพราะข้าไม่เคยเห็นเขาใช้พลังอะไรได้เลยนอกจากเวทบงการธรรมชาติ ฟอร์เซ็ตติมีพลังอีกด้านที่ท่านไม่รู้ นานนา มือของราชินีแห่งมาร์วัลลัสไล้เรือนผมสีเงินละเอียด เอลฟ์ตัวน้อยเงยหน้าขึ้นพร้อมกับกล่าวเสียงใส ทำไมท่านจึงเรียกข้าว่าฟอร์เซ็ตติ ข้าไม่ได้ชื่อนั้นสักหน่อย ชื่อของข้าคือ......... ปลายนิ้วอันเรียวงามวางจรดลงบนริมฝีปากสีชมพูที่น่ารัก องค์มีย์อาร์ทรงน้อมวรกายลงและกล่าวกับเอลฟ์น้อยด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความปราณี เหล่าจอมเวทจะไม่เอ่ยชื่อของตนให้ผู้อื่นรู้เป็นอันขาด แต่ข้าไม่ใช่จอมเวท ข้าเป็นเอลฟ์แห่งป่ามนตราต่างหาก เอลฟ์น้อยเถียงเสียงดัง เขาถอยหลังไปยืนข้างกายนานนาทันทีและมองจ้องราชินีมาร์วัลลัสด้วยสายตาขุ่นเคือง พระนางยิ้ม เจ้ามีสายเลือดของจอมเวทผู้เก่งกาจและทรงพลังที่สุด ฟอร์เซ็ตติ เจ้ามีพลังสูงส่งมากกว่าจอมเวททั้งหลายในมาร์วัลลัส พลังที่สามารถสยบทุกคนให้ยอมศิโรราบแก่เจ้าได้หากเจ้าต้องการ ข้าไม่มีพลังที่ว่านั่น เอลฟ์น้อยกล่าวเสียงห้วนและเงยหน้าขึ้นมองดูมารดาของตน ท่านแม่บอกนางให้เข้าใจทีว่าข้าเป็นเพียงแค่เอลฟ์ธรรมดาไม่ใช่พวกจอมเวทดังที่เขาเข้าใจ นานนาขบริมฝีปากของตนเองจนแน่นพร้อมหลับตาลงคล้ายกำลังตัดสินใจก่อนลืมขึ้นและทรุดกายนั่งลงตรงหน้าฟอร์เซ็ตติ มืออันแสนอบอุ่นปัดไรผมที่ปรกหน้าบุตรชายก่อนเลื่อนลงมาไล้พวงแก้มใสอย่างแผ่วเบาราวปลอบโยน องค์มีย์อาร์กล่าวถูกต้องแล้วลูกรัก เจ้ามีสายเลือดของจอมเวทไหลอยู่ในกายครึ่งหนึ่ง ไม่จริง! เอลฟ์น้อยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาสีฟ้าใสมองหน้าผู้เป็นมารดาแน่วนิ่ง เมื่อเห็นแววตาอันจริงจังของนาง สีหน้าของเอลฟ์ผู้เยาว์จึงคลายลง ทำไมท่านไม่เคยบอกข้าสักคำ เอลฟ์น้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายตัดพ้อ ดวงตาเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าของราชินีแห่งมาร์วัลลัส หมายความว่าข้าจะต้องไปกับนางจริงๆ แม่ไม่อยากให้เจ้าไป นานนากล่าวพลางกอดบุตรชายเอาไว้แนบอก แต่เจ้าสมควรได้รับรู้เรื่องราวของเหล่าจอมเวทเอาไว้บ้าง จงเรียนรู้ให้ทันพวกเขา และจงอยู่เหนือพวกเขาให้ได้นะ ลูกรัก แต่ข้าไม่อยากไปมาร์วัลลัส เอลฟ์น้อยสะอื้น เขาซุกหน้าลงบนทรวงของผู้เป็นมารดาและเริ่มต้นร้องไห้ ข้าไม่อยากเป็นจอมเวท ชนพวกนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักนิด หัวใจของนานนาแทบสลายเมื่อได้ฟังคำของบุตรชายตัวน้อยจบลง นางกอดร่างเล็กๆเอาไว้แน่นและเช็ดน้ำตากับเรือนผมสีเงินก่อนดันเขาออกห่างและลุกขึ้นหันไปทางองค์มีย์อาร์ซึ่งกำลังยืนมองนางนิ่ง ข้าขอให้ท่านรับปากว่า จะดูแลดวงใจของข้าให้ดียิ่งกว่าสิ่งมีค่าที่สุดในมาร์วัลลัส ข้ารับปาก ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัสรับคำด้วยสีพระพักตร์จริงจัง ฟอร์เซ็ตติจะพำนักในวังและเรียนรู้การใช้เวทจากผู้ทรงความรู้ที่สุดในพระนคร เขาจะมีพลังเหนือกว่าผู้ใดข้าให้สัญญา และเมื่อใดข้าได้ยินว่าพวกท่านไร้ความเมตตาต่อเขา ข้าและพวกพ้องของข้าบุกเข้าไปในวังของท่านและแย่งชิงเขากลับคืนสู่ป่าแห่งมนตรา พวกท่านจะไม่ได้ทำเช่นนั้นแน่ ท่านนานนา องค์มีย์อาร์ตรัสพร้อมกับส่งรอยยิ้มแสนอ่อนโยนให้ฟอร์เซ็ตติ เอลฟ์น้อยมีสีหน้าบึ้งตึงขณะเกาะกุมมือมารดาของตนแน่น นานนาก้มหน้าลงมองดูเขา จงเชื่อฟังราชินีแห่งมาร์วัลลัส ให้เกียรติและมอบความไว้วางใจแก่พระนางเพียงผู้เดียว ข้า...ไม่... รับปากแม่ น้ำตาของเอลฟ์ตัวน้อยไหลพรากอาบแก้ม เขาก้มหน้าลงพร้อมกับรับคำมารดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ นานนาระบายลมหายใจของตนก่อนส่งบุตรชายให้กับองค์มีย์อาร์ พระนางกุมมือน้อยๆเอาไว้ สายมากแล้ว เราคงต้องกล่าวคำอำลาพวกท่านเสียที ราชินีแห่งมาร์วัลลัสกล่าวกับนานนาและเหล่าเอลฟ์ของป่าแห่งมนตรา พวกเขาผายมือออก พวกเราจะไม่ย่างเท้าออกไปนอกเขตแนวป่า ดังนั้นโปรดอภัยที่จำต้องขอส่งท่านเสียตั้งแต่ตรงนี้ องค์มีย์อาร์ทรงแย้มสรวลและหันไปทางนานนา นางมองดูบุตรชายด้วยสีหน้าและสายตาอาดูรก่อนยกมือขึ้นโบกอำลา ลาก่อนดวงใจของแม่ ฟอร์เซ็ตติหันหน้าซึ่งเจิ่งนองไปด้วยน้ำตากลับมามองมารดาของเขา เอลฟ์น้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเครือ ลาก่อนท่านแม่ */*/*/*/* เหล่าจอมเวทผู้ทรงวัยวุฒิสี่ห้าคนพากันมองร่างของเอลฟ์วัยสามขวบซึ่งยืนเคียงข้างกายของราชินีด้วยสายตาแสดงความดูแคลนออกมาอย่างไม่ปิดบัง จอมเวทผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น พระองค์จะให้พวกข้าสอนเวทให้กับเจ้าเอลฟ์น้อยตนนี้หรือ ท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว ฟอรัม องค์มีย์อาร์ตอบพลางก้มหน้าและส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้กับฟอร์เซ็ตติ เขายิ้มรับด้วยท่าทางขัดเขินก่อนเลื่อนสายตามองเหล่าจอมเวทที่กำลังยืนรายล้อมโดยรอบด้วยความรู้สึกไม่ไว้วางใจ ฟอรัมเบ้หน้าเล็กน้อย ข้าไม่แน่ใจว่ามีความสามารถมากพอที่จะสอนเอลฟ์ได้ เขาถลึงตาใส่ฟอร์เซ็ตติ ดังนั้นโปรดทรงให้อภัยด้วยหากเวทของเขาไม่ก้าวหน้ามากไปกว่าอาคมของชาวไร่รอบนอก แล้วท่านจะแปลกใจ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มีเพียงดวงตาที่ส่องประกายวาววับน่าเกรงขาม ฟอรัมขยับไม้เท้าของเขาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ถ้าเช่นนั้นพระองค์ประสงค์จะให้เขาเริ่มเรียนเมื่อใด พรุ่งนี้ องค์มีย์อาร์ตรัสตอบ */*/*/*/* ใครบอกให้เจ้าร่ายเวทบทนี้กัน ฟอร์เซ็ตติ! เสียงฟอรัมดังลั่นออกมาจากห้องดึงความสนใจจากเหล่าจอมเวทที่กำลังเดินผ่านไปมา บางคนถึงกับหัวเราะเสียงดังด้วยความขบขันที่เห็นภาพของเอลฟ์น้อยหน้าตาน่ารักกำลังมีสีหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธจากการถูกตำหนิ ข้าเรียนคาถาบทนี้มาตลอดทั้งสามอาทิตย์ ฟอร์เซ็ตติเถียง ในขณะที่จอมเวทคนอื่นเรียนเกินกว่าข้าไปตั้งหลายสิบบทแล้ว เจ้ายังร่ายมนตร์ได้ไม่ดีนัก ฟอรัมตบมือลงบนหนังสือ ข้าจะให้เจ้าท่องมันจนไม่ลืมแม้ยามละเมอ ข้าจำเวทบทนี้ได้ทั้งหมดตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ท่านสอน เอลฟ์น้อยเถียงอย่างไม่ลดละ ข้าเคยร่ายมันให้ท่านดูตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ได้สนใจเลยสักนิด แค่ร่ายเวทง่ายๆก็ลำพองใจจนคิดว่าเก่งแล้ว แบบนี้อย่าหวังเลยว่าข้าจะยอมสอนเวทบทอื่นให้กับเจ้า จงท่องบทนั้นต่อไปอีกสักสองอาทิตย์เถอะ ฟอร์เซ็ตติ ไม่! เอลฟ์น้อยตะโกน พอกันที!ข้าไม่เรียนแล้ว! ข้าจะไปบอกองค์มีย์อาร์ว่าจะกลับป่าแห่งมนตรา รีบออกไปเสียตั้งแต่วันนี้เลยยิ่งดี! ฟอรัมปิดหนังสือโดยแรง ข้าจะไปทูลบอกถึงความดื้นด้านและโง่เง่าของเจ้าให้องค์ราชินีได้รับฟัง! */*/*/*/*/* องค์ราชินีแห่งมาร์วัลลัสทรงหันพระวรกายที่กำลังทรงมองดูทิวทัศน์ด้านนอกของวังพร้อมกับเลิกคิ้วเมื่อได้ฟังคำของฟอร์เซ็ตติและฟอรัมจบลง พระนางไล่สายตามองคนทั้งสองราวกับกำลังพิจารณาก่อนเอ่ย เจ้าว่า เจ้าสามารถจำเวทที่ท่านฟอรัมสั่งให้ท่องจนแม่นยำดีแล้วจริงหรือ ข้าจำได้แม่นตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นมนตราบทนี้ ฟอร์เซ็ตติกล่าวด้วยใบหน้าขึงขังจน องค์มีย์อาร์ทรงแย้มยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูก่อนหันไปทางฟอรัม ส่วนท่านกล่าวว่าฟอร์เซ็ตติทั้งดื้อด้านและไร้ปัญญาจนเกินกว่าจะเสี้ยมสอน ข้ากล่าวเช่นนั้นจริง ฟอรัมค้อมกายลงขณะกล่าว ราชินีแห่งมาร์วัลลัสทรงยิ้ม แสดงให้เราดูหน่อยว่าเจ้าจดจำเวทได้มากน้อยเพียงใด พระองค์ทรงตรัสกับเอลฟ์น้อยด้วยน้ำเสียงปราณี เขาขบกรามตนเองแน่นก่อนหลับตาลงและร่ายเวทออกมา ฟอรัมแสยะยิ้มเหยียดอย่างนึกดูถูกโดยไม่ปิดบัง เจ้าไม่มีทางร่ายเวทได้แน่หากปราศจากไม้เท้า เจ้าเอลฟ์โอหัง แสงไฟสว่างวาบขึ้นทันทีที่ความคิดของจอมเวทผู้นั้นสิ้นสุดลง เพลิงสีฟ้าสุกสว่างรูปทรงกลมลอยอยู่เหนืออุ้งมือเล็กๆ ใบหน้าของฟอรัมซีดสลดลงต่างจากฟอร์เซ็ตติซึ่งกำลังยิ้มกว้างขณะจ้องมองดูไฟเวทในมือของตน ดูเหมือนเอลฟ์น้อยของเราจะเรียนรู้ได้มากกว่าตำราที่ท่านสอนเสียอีกนะ ฟอรัม องค์มีย์อาร์ทรงตรัสด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม ฟอรัมโค้งกายลงจนต่ำพร้อมกับตอบ ข้าไม่ทราบว่าเอลฟ์น้อยตนนี้จะมีพลังมากถึงขนาดร่ายเวทได้โดยไม่ต้องอาศัยไม้เท้าช่วย ข้าจะรีบแก้ไขปรับปรุงการสอนให้มากขึ้นกว่าที่เป็นมา เราคงไม่รบกวนท่านถึงขนาดนั้น ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตรัส เพราะเราจะให้จอมเวทผู้อื่นเป็นคนสอนมนตราให้กับฟอร์เซ็ตติ พระองค์จะทรงให้ผู้ใดมาสอนเขาแทนข้า ฟอรัมรีบถามด้วยความรู้สึกตระหนกมากกว่าอยากรู้ องค์มีย์อาร์มองหน้าเขา นูเอดา นูเอดา จอมเวทผู้ยะโสเอ่ยทวนด้วยความรู้สึกฉงนใจ แต่เขาเป็นจอมเวทแห่งไฟ เหตุใดถึงได้..... เพราะฟอร์เซ็ตติเหมาะกับเวทแห่งไฟและแสงสว่างมากที่สุด */*/*/*/*/* นูเอดา จอมเวทหนุ่มผู้มีผมสีแดงเพลิงยืนมองฟอร์เซ็ตติ ศิษย์วัยห้าขวบกำลังยืนหลับตาเพื่อรวบรวมสมาธิในการร่ายเวทแห่งไฟ เขากระตุกยิ้มออกมาเมื่อเห็นเปลวเพลิงสีแดงฉานปะทุกขึ้นกลางอากาศ มันบิดม้วนตัวไปมาราวกับมีชีวิตและสลายไปเกือบจะทันที เอลฟ์น้อยขมวดคิ้วและลืมตาขึ้น ข้าจะลองเวทเพลิงเบรนเนนดูอีกครั้ง เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจัง นูเอดากดไหล่ฟอร์เซ็ตติและกล่าวเสียงเรียบ การร่ายเวทแห่งเบรนเนนเลสไม่ใช่สิ่งที่สามารถกระทำได้โดยง่าย เจ้านับเป็นจอมเวทอายุน้อยที่สุดที่สามารถร่ายเวทนี้สำเร็จ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะดึงดันทำให้ได้สมดังใจ ข้าไม่ได้ดึงดัน เอลฟ์น้อยพูด เพียงแต่ข้าไม่ชอบละทิ้งสิ่งที่กระทำลงกลางคัน ที่เจ้ามุมานะมิใช่เพียงเพราะความไม่ชอบทำสิ่งใดค้างคาไว้ หากแต่ต้องการเอาชนะสายตาดูแคลนของเหล่าจอมเวทที่คอยจับจ้องมองดูความล้มเหลวของเจ้าเพื่อนำไปเยาะเย้ยถากถางต่างหาก นูเอดากล่าวพร้อมกับวาดไม้เท้าในมือสร้างลูกไฟกลมโตสว่างเจิดจ้าขึ้นดวงหนึ่ง ฟอร์เซ็ตติมองดูด้วยความสนใจและกระหายที่จะทำให้ได้เหมือนผู้เป็นอาจารย์ จอมเวทผมแดงยิ้ม ข้าสามารถสร้างกลุ่มเพลิงด้วยเวทแห่งเบรนเนนเลสได้ก็จริง แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับจอมเวทเช่นข้าสามารถทำได้ แต่เจ้า... เขาจ้องดูศิษย์ตัวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาแน่วนิ่ง ด้วยพลังที่มีอยู่ในตัวมาตั้งแต่เกิด เจ้าสามารถเรียกแม้กระทั่งเพลิงโลกันต์จากนรก แต่เจ้าจะไม่มีทางทำได้สำเร็จหากหัวใจของเจ้ายังคงมีแต่ความต้องการเอาชนะเพื่ออยู่เหนือคนอื่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดองค์มีย์อาร์จึงระบุให้ข้ามาสอนเวทเพลิงแก่เจ้า ทั้งที่พระองค์ก็ทรงสั่งสอนเจ้าอยู่แล้ว เพราะพระนางไม่ชำนาญด้านเวทเพลิง ฟอร์เซ็ตติตอบ นูเอดาสั่นหน้า องค์ราชินีทรงมีพลังเวทเหนือผู้ใดในอาณาจักรมาร์วัลลัส พระนางสามารถเรียกเวทเพลิงทุกบทได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ เพียงแต่พระองค์ไม่ประสงค์ที่จะทำต่างหาก จอมเวทแห่งเพลิงหันไปทางลูกไฟที่เขาสร้างขึ้น จงดูนี่ ท่ามกลางความรู้สึกสงสัยของฟอร์เซ็ตติ นูเอดายื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปในเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วงแดงฉาน ดวงตาของเอลฟ์น้อยถึงกับเบิกกว้างอย่างตระหนก เขาอุทานเรียกชื่อของผู้เป็นอาจารย์พร้อมกับทำท่าคล้ายจะดึงแขนของนูเอดาออกมา แต่จอมเวทแห่งไฟกลับยิ้มพร้อมกับดึงแขนของเขาออกจากกลุ่มเพลิง ฟอร์เซ็ตติรีบคว้าแขนของผู้เป็นอาจารย์มาตรวจด้วยความห่วงใยแต่ก็ต้องรู้สึกพิศวงเมื่อพบว่าไม่มีริ้วรอยแผลใดปรากฏอยู่บนท่อนแขนกำยำข้างนั้น ไฟมิได้มีไว้เพียงเพื่อการแผดเผาหรือทำลาย นูเอดากล่าวขณะที่ดึงแขนออกจากมือของเอลฟ์ตัวน้อย ในบางครั้งเปลวเพลิงก็สามารถชำระล้างจิตใจและวิญญาณของเราให้สะอาดได้ด้วยเหมือนกัน ข้าไม่เข้าใจ ฟอร์เซ็ตติพูดด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความงงงัน ไฟก็คือไฟ ไม่ว่าอย่างไรมันก็มีไว้เพื่อเผาสิ่งอื่นให้มอดไหม้พินาศ ตราบใดที่เจ้ายังคงมีความคิดเช่นนี้ เจ้าก็จะไม่มีวันเรียกเพลิงแห่งเบรนเนนเลสได้ และจะไม่มีทางใช้เวทสูงสุดของเทพผู้เป็นอารักษ์ประจำตัวของเจ้าได้เช่นเดียวกัน เทพผู้เป็นอารักษ์ประจำตัว เอลฟ์น้อยขมวดคิ้ว ข้ามีเทพประจำตัวด้วยหรือ ใช่ว่าจอมเวททุกคนจะมีอารักษ์ประจำตน นูเอดากล่าวพร้อมกับเดินตรงกลับไปยังปราสาทขององค์มีย์อาร์ เทพอารักษ์จะปกปักรักษาเฉพาะผู้ที่มีหัวใจสะอาดและบริสุทธิ์เท่านั้น ไม่จำเพาะเจาะจงว่าเขาจะเป็นจอมเวทชั้นใดและหากคนผู้นั้นเป็นผู้ไร้มลทิน เขาสามารถขอยืมพลังแห่งเทพอารักษ์ประจำตนมาใช้ได้ในบางกรณีหรือในคราวที่จำเป็น แล้วท่านมีอารักษ์ประจำตัวหรือไม่ ฟอร์เซ็ตติถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา นูเอดายิ้มอย่างเศร้าสร้อย ข้ามี แต่มิอาจเรียกใช้พลังของพระองค์ได้ เพราะเหตุใด เสียงระบายลมหายใจอันหนักหน่วงจากผู้เป็นอาจารย์ทำให้จอมเวทตัวน้อยรู้ได้ในทันทีว่าเขาจะไม่มีวันได้รู้คำตอบอย่างแน่นอน นูเอดาแหงนหน้าขึ้นมองท้องพระโรงซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของพระราชวัง องค์มีย์อาร์คงตอบคำถามของเจ้าได้ดีกว่าข้า เขาเลื่อนสายตาลงมามองศิษย์ตัวน้อย เลยยามเที่ยงไปมากแล้ว เจ้าควรรีบขึ้นไปหาพระนางเพื่อร่ำเรียนวิชาของพระองค์ต่อไป จอมเวทผมสีแดงเพลิงขยับไม้เท้าในมือของเขา ร่างน้อยๆของฟอร์เซ็ตติจึงลอยขึ้นไปยังด้านบนและหายเข้าไปในท้องพระโรง เมื่อเสียงบานประตูปิดลง นูเอดาจึงเดินจากไป */*/*/*/* องค์มีย์อาร์ทรงยืนอยู่ที่หน้าต่างเมื่อตอนที่ฟอร์เซ็ตติก้าวเข้าไป สายพระเนตรของพระนางจ้องแน่วนิ่งไปทางทิศเหนือ ผ่านเลยเทือกเขาสูงไปยังดินแดนรกร้างว่างเปล่า ราชินีแห่ง มาร์วัลลัสทรงะระบายลมหายใจออกมาก่อนหันมาทางจอมเวทน้อยซึ่งกำลังมองพระองค์ด้วยสายตาห่วงใย ดูเหมือนท่านจะมีเรื่องกังวลยู่ในใจ ฟอร์เซ็ตติพูดพลางขมวดคิ้ว ใครทำให้ท่านไม่สบายใจหรือ เจ้าจะทำเช่นไรหากเราบอกนามของคนผู้นั้น พระนางทรงตรัสถาม จอมเวทน้อยขบกรามตนเองก่อนตอบ ข้าจะเผาร่างของมันให้มอดไหม้เป็นจุณ ให้สาสมกับความผิดที่บังอาจทำให้ท่านต้องขุ่นข้องหมองใจ ถ้าเช่นนั้นเราคงบอกอะไรแก่เจ้าไม่ได้ องค์มีย์อาร์ทรงดำเนินไปนั่งบนบัลลังก์ทอง ฟอร์เซ็ตติมีสีหน้าบูดบึ้งขึ้นมาในทันที ราชินีแห่งมาร์วัลลัสจึงเอียงพระพักตร์และตรัส ดูเหมือนเจ้าเองก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน ข้าเพียงแค่รู้สึกหงุดหงิดใจเท่านั้น เอลฟ์น้อยตอบก่อนพ่นลมหายใจออกโดยแรง องค์มีย์อาร์ทรงยิ้มราวกับรู้ทัน นูเอดาคงขัดใจเจ้า พระนางตรัสขึ้น เขาไม่ยอมสอนเวทบทใดให้กับเจ้าหรือ ท่านอาจารย์ไม่เคยปฏิเสธเวทที่ข้าต้องการจะรู้ นอกจากเบรนเนน เวทเพลิงโลกันต์ แล้วเขาให้เหตุผลแก่เจ้าว่าอย่างไร ท่านอาจารย์บอกว่าใจข้ายังมืดมนและไร้ความสะอาด ฟอร์เซ็ตติมองหน้าองค์มีย์อาร์และถาม ข้าไม่เข้าใจคำพูดของท่านนูเอดาว่าเหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น คำตอบของเราอยู่ในคำพูดของเจ้าเมื่อครู่นี้ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตอบ จอมเวทน้อยขมวดคิ้วแน่นขณะครุ่นคิด คำตอบอยู่ในคำพูดของข้า เมื่อครู่ข้าพูดอะไรออกไปบ้าง จอมเวทที่ดีย่อมไม่ลืมคำพูดของตนเอง องค์มีย์อาร์เปรยขึ้น เจ้าจะมีหัวใจไม่ต่างไปจากเหล่าจอมเวทที่คอยดูถูกเหยียดหยามเจ้าหากไม่รู้จักจดจำในสิ่งที่ตัวเองพูดหรือกระทำลงไป ข้าบอกว่าจะเผาผู้ที่ทำให้ท่านต้องขุ่นใจ ฟอร์เซ็ตติกล่าวเสียงเบา ราชินีแห่งมาร์วัลลัสยิ้ม ดีจริงที่เจ้าจำคำของตนได้ สีพระพักตร์อันอ่อนโยนเคร่งขรึมขึ้น เจ้ายังจำเรื่องราวของบิดาที่เราเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนได้หรือไม่ ฟอร์เซ็ตติ ข้าจำได้ไม่มีวันลืม เอลฟ์น้อยตอบ ท่านบอกว่าหัวใจของบิดามีแต่ความมืดดำและเคียดแค้นชิงชังอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเทียบเท่า หัวใจของเจ้าก็กำลังจะเป็นเช่นนั้น องค์มีย์อาร์ตรัสต่อ เพียงแค่ความคิดที่ว่าจะทำร้ายผู้อื่นแม้เพียงปลายก้อยก็สามารถสร้างความดำมืดให้บังเกิดขึ้นในจิตใจได้ และเมื่อใดที่มันสามารถครองใจเจ้า เมื่อนั้นเจ้าก็จะกลายไปเป็นอสูรร้ายที่รู้จักแต่การทำลายล้าง ฆ่าได้แม้แต่ผู้ที่เจ้ารักและคนที่รักเจ้า เจ้าอยากจะเป็นเช่นนั้นหรือ ไม่ ฟอร์เซ็ตติตอบสั้นๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายออก ข้าไม่อยากกลายเป็นอสุรกายร้าย ข้าอยากจะเป็นจอมเวทที่ดีเหมือนท่านและอาจารย์ของข้า ความดีเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก บางครั้งเราต้องผ่านการทดสอบอันหนักหนาสาหัสเพื่อพิสูจน์หัวใจว่าแน่วแน่และมั่นคงหรือไม่ แต่เมื่อเจ้าทำมันสำเร็จแล้ว จะไม่มีสิ่งใดลบล้างความดีของเจ้าให้หมดไป นอกจากตัวของเจ้าเอง ข้าเข้าใจแล้ว ฟอร์เซ็ตติกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างน่ารัก ข้าจะไม่ยอมให้หัวใจตกอยู่ภายใต้ความมืดดำเหมือนท่านพ่อหรือเจ้าพวกจอมเวทหัวเก่านั่นเป็นอันขาด ดีมาก องค์มีย์อาร์ทรงลูบเรือนผมสีเงินของเอลฟ์น้อยด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู จงจำไว้ว่าเจ้ามีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่รออยู่ในภายภาคหน้า ตั้งใจศึกษาเวททุกสาขาให้ดี ใช้มนตราทุกบทด้วยความรอบคอบ ช่วงชีวิตของเจ้ายืนยาวกว่าเหล่าจอมเวททั้งหลายในมาร์วัลลัสดังนั้นจงใช้เวลาทั้งหมดเรียนรู้ทุกสิ่งในพื้นปฐพีอย่าได้ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ข้าจะจำคำสอนของท่านตลอดไป จอมเวทน้อยมองพระพักตร์องค์มีย์อาร์ด้วยความรู้สึกเคารพรักในตัวของพระนางอย่างที่สุด ราชินีแห่งมาร์วัลลัสทรงยิ้ม ดูเหมือนเจ้าจะมีคำถามที่ไม่กล้าเอ่ย อาจารย์ของข้าพูดถึงเทพอารักษ์ ฟอร์เซ็ตติมีท่าทางลังเลใจเล็กน้อยก่อนพูดต่อ เขาบอกว่าข้าสามารถใช้พลังของพระองค์ได้ เจ้าไม่อาจใช้พลังของเทพได้ ฟอร์เซ็ตติ แต่เจ้าสามารถยืมพลังของพระองค์ผ่านร่างของตนโดยอาศัยเวทเป็นสื่อ ข้าไม่เข้าใจ จอมเวทน้อยทำสีหน้ายุ่งราวกำลังครุ่นคิดตาม ข้าใช้อำนาจของเทพไม่ได้แต่กลับขอยืมพลังของพระองค์ได้ มันแตกต่างกันตรงไหน พลังของเหล่าเทพนั้นมหาศาลนัก กายของเจ้าหรือเหล่าจอมเวทไม่อาจทานรับอำนาจโดยตรงของพระองค์ได้ แต่เจ้าสามารถเอ่ยนามของพระองค์เพื่อขอยืมพลังโดยอาศัยคำศักดิ์สิทธิ์เข้าช่วย และสร้างสมาธิอันเข้มแข็งให้บังเกิดขึ้นเพื่อรองรับอำนาจจากพระองค์โดยใช้พลังกายของตนแลกเปลี่ยนพลังเทพที่ถ่ายทอดผ่านเข้ามายังร่างของเจ้าก่อนปล่อยออกไป ฟังดูไม่น่าจะยาก ฟอร์เซ็ตติกอดอกและทำท่าคิด องค์มีย์อาร์ทรงเลิกคิ้วราวกับขบขันในท่าทางของเขา ในความเป็นจริงแล้วมันยากมาก เจ้าอาจจะทำได้หรือทำไม่ได้เลยชั่วชีวิต ข้าอยากลอง ฟอร์เซ็ตติลดแขนทั้งสองข้างลง ท่านอาจารย์คงสอนข้าได้ เขาไม่สามารถสอนเจ้าได้ ราชินีทรงเอ่ยขัดขึ้น ในนครแห่งนี้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถอัญเชิญพลังของเทพผ่านกายของตนได้ จอมเวทน้อยมององค์มีย์อาร์แน่วนิ่งด้วยเข้าใจในความหมายของพระนาง เขาจึงค้อมกายลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ โปรดเมตตาสอนวิธีอัญเชิญพลังเทพให้แก่ข้าด้วย เราเมตตาต่อเจ้าเสมอ ฟอร์เซ็ตติ */*/*/*/*/* ฟอรัมและจอมเวทอาวุโสสามสี่คนยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ภายในอุทยานหลวงของพระราชวัง พวกเขาหยุดการเจรจาลงอย่างฉับพลันเมื่อเห็นร่างของเอลฟ์น้อยในชุดสีขาวสะอาดตากำลังเดินผ่านเข้ามา ฟอรัมเบ้หน้าของเขาพร้อมกับเอ่ยขึ้น นับวันอาณาจักรจอมเวทจะเสื่อมถอยความน่ายำเกรงลง จอมเวทซึ่งมีผมสีขาวทั้งหมดเพราะมากด้วยวัยขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกฉงน เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น ท่านฟอรัม ท่านลองคิดดูให้ดีสิ ท่านไครน์ เมื่อก่อนสำนักราชวังของพวกเราเหล่าจอมเวท มีแต่ชนชั้นสูงผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอาคม มาบัดนี้นอกจากเจ้าลูกชาวไร่ชั้นต่ำแล้วยังมีพวกเอลฟ์ป่าไร้ศักดิ์เข้ามาร่ำเรียนมนตราร่วมกับพวกเราอีก หนำซ้ำยังได้รับสิทธิขึ้นไปเดินเล่นบนราชวังขององค์ราชินี อีกหน่อยพวกเรามิต้องก้มหัวเพื่อทำความเคารพพวกมันหรือ สายตาของไครน์และจอมเวทอีกสามคนตวัดมองไปทางฟอร์เซ็ตติที่กำลังหยุดยืนฟังคำพูดของฟอรัมนิ่ง สีหน้าของเอลฟ์น้อยเต็มไปด้วยความขุ่นใจแต่มิได้เอ่ยคำใดตอบโต้ออกมา ฟอรัมเห็นดังนั้นจึงหัวเราะ พวกหูแหลมริอ่านสวมชุดจอมเวทสีขาว ฮึ! ข้าว่าน่าจะหาสีเขียวหรือสีอะไรก็ได้ที่ดูเป็นชาวป่ามาใส่ เพราะมันจะเหมาะกว่ามาก เสื้อผ้าชุดนี้องค์มีย์อาร์ทรงมีเมตตาประทานให้กับข้า ฟอร์เซ็ตติกล่าวเสียงเข้ม ดวงตาสีฟ้าใสจ้องหน้าฟอรัมแน่วนิ่งด้วยความโกรธ พระนางกล่าวว่าสีขาวเหมาะกับหัวใจและพลังวิญญาณของข้ามากกว่าสีอื่น ความหมายของพระนางน่าจะเป็นความขลาดเขลาเบาปัญญาของเจ้ามากกว่า ฟอรัมแยกเขี้ยวเยาะ สมองของเจ้าคงว่างเปล่าไร้สิ่งใดจึงได้รับชุดสีขาวมาเป็นสัญลักษณ์แทน ถ้าเช่นนั้นชุดสีเทาดำด่างของเจ้าคงหมายถึงความริษยาอาฆาตที่บรรจุอยู่จนเต็มหัวใจคล้ายหมอกควันในเตา ฟอร์เซ็ตติโต้กลับทันที ฟอรัมขยับไม้เท้าในมือของเขาด้วยความพิโรธ เจ้าเอลฟ์โอหัง! เขาตะโกนเสียงก้อง เจ้ากล้ามากที่บังอาจต่อปากต่อคำกับจอมเวทอาวุโสเช่นข้า ก็แค่หน้าตาที่ดูแก่กว่าจอมเวททั่วไปเท่านั้น แต่ความคิดนั้นมิได้แตกต่างไปจากเด็กวัยสองขวบเลยสักนิด จอมเวทตัวน้อยยิ้มเยาะขณะที่พูด ฟอรัมยกไม้เท้าของเขาขึ้นและชี้ตรงไปที่ฟอร์เซ็ตติทันที หากที่นี่เป็นป่าแห่งมนตรา ข้าจะระเบิดทั้งเจ้าและป่าชั่วช้านั่นให้พินาศ รวมทั้งพวกเอลฟ์โสโครกเหล่านั้นด้วย หากที่นี่เป็นป่าแห่งมนตรา ข้าจะฉีกปากของเจ้าและลากลิ้นสกปรกในปากเหม็นเน่านั่นออกมาสับให้ละเอียดและเผาให้เป็นเถ้าธุลีต่อหน้าชนเอลฟ์ ฟอร์เซ็ตติคำรามลั่นด้วยความโกรธ ร่างน้อยสั่นระริกเพราะแรงโทสะ ฟอรัมยิ้มแสยะ เป็นความคิดชั่วช้าสมกับเลือดสามานย์ในกายของเจ้า เลือดผสมที่มาจากพวกชั้นต่ำสารเลวไร้แม้กระทั่งแผ่นดินจะอาศัยต้องไปซุกหัวหมกตัวอยู่ในเงามืดของป่า เจ้าน่าจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้าเสีย เจ้าเอลฟ์ไพร สีขาวเช่นนี้ไม่เหมาะกับเลือดโสโครกเช่นเจ้า และเมื่อเปลี่ยนแล้วก็จงเร่งไสหัวซีดของแกออกไปให้พ้นเสียจากที่นี่โดยเร็ว! มีเพียงองค์มีย์อาร์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ทรงรับสั่งให้ฟอร์เซ็ตติอยู่หรือไป เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ร่างสูงกำยำของนูเอดาก้าวเข้ามายืนข้างกายของฟอร์เซ็ตติ เสื้อคลุมสีดำสนิทของเขาสะบัดตามการเคลื่อนไหว ดวงตาสีแดงก่ำเปล่งประกายวาววับแลดูน่ากลัว ฟอรัมลดไม้เท้าในมือของเขาลงและจ้องจอมเวทแห่งไฟด้วยสายตาไม่เป็นมิตร อ้อ ท่านนูเอดา อาจารย์ผู้เก่งกาจของเอลฟ์ น้ำเสียงของเขาแสดงความดูถูกออกมาอย่างไม่ปิดบัง นูเอดากระตุกยิ้ม น่ายินดีจริงที่จอมเวทชั้นสูงเช่นท่านจดจำนามอันต่ำต้อยของข้าได้ ฟอรัมพ่นลมหายใจออกมาโดยแรงพลางกระแทกไม้เท้าลงไปบนพื้น ใช่ว่าข้าอยากจะจำนามอันน่ารังเกียจของเจ้านัก หากแต่ต้องทนเรียกไปตามมารยาทเท่านั้นอย่าได้หลงลำพองใจไป เจ้าเลือดไพร่ ฟอร์เซ็ตติกำมือของตนแน่นและทำท่าจะโต้ตอบคำของฟอรัม แต่นูเอดากลับกดไหล่ของเขาเอาไว้ จอมเวทแห่งไฟยิ้มอย่างใจเย็น ข้าเป็นเพียงแค่เลือดไพร่ คงไม่กล้าเผยอหน้าพูดคุยเจรจากับชนชั้นสูงเช่นพวกท่าน ดังนั้นจึงต้องขอกล่าวคำอำลาไปทำหน้าที่อาจารย์ตามรับสั่งขององค์ราชินี ร่างสูงก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนดึงฟอร์เซ็ตติให้เดินตามท่ามกลางสายตาเคียดแค้นของฟอรัมและเหล่าจอมเวทที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อขับไล่พวกชั้นต่ำเลือดผสมออกไปให้พ้นจากมาร์วัลลัส ฟอรัมคำราม */*/*/*/*/* ฟอร์เซ็ตติกระแทกลมหายใจออกมาโดยแรงเมื่อเดินพ้นจากกลุ่มเหล่าจอมเวทแห่งมาร์วัลลัส เอลฟ์น้อยยกมือขึ้นปัดกิ่งไม้ที่ยื่นมาระหน้าของตนด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจก่อนหันไปทางนูเอดาซึ่งกำลังยืนกอดอกมองศิษย์ของตนด้วยสีหน้าขบขัน ดูเหมือนเจ้าจะอารมณ์ไม่ดี แน่นอนว่าข้าอารมณ์ไม่ดี จอมเวทน้อยตอบเสียงห้วน ข้าไม่อยากหันหลังหนีจอมเวทพวกนั้น เจ้าไม่ได้หนีพวกเขา จอมเวทแห่งไฟกล่าวเสียงเนิบ เพียงแต่เลี่ยงการปะทะคารมกันเท่านั้น ท่านอาจารย์ทนฟังคำพูดหยามเหยียดเช่นนั้นได้อย่างไร หยามเหยียด นูเอดาพูดทวนแล้วยิ้ม พวกเขาหยามเหยียดข้าตรงไหน คำพูดทั้งหมดนั่น เอลฟ์น้อยกระแทกเสียงตอบ ผู้เป็นอาจารย์หัวเราะ ทุกอย่างที่เขากล่าวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง ข้ามีชาติกำเนิดเพียงลูกชาวไร่รอบนอกพระนครที่บังเอิญมีพลังเวทสูงเท่านั้น ฟอรัมพูดถูกทุกอย่าง ท่านทนฟังคำเช่นนี้อยู่ได้อย่างไรกัน ฟอร์เซ็ตติบ่นด้วยใบหน้างอง้ำ นูเอดายิ้ม เพราะข้าไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ พวกเขาลำพองตนว่ามีเวทเหนือกว่าผู้ใดแต่กลับร่ายอาคมแห่งไฟไม่ได้สักบท ซ้ำยังไร้เวทแห่งเทพอารักษ์เพราะหัวใจอันแสนมืดดำบดบังความสามารถทั้งหลายไปจนสิ้น เจ้าอยากเป็นอย่างพวกเขาหรือฟอร์เซ็ตติ เอลฟ์น้อยนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนก้มหน้าลงและตอบเสียงแผ่ว ข้าไม่อยากเป็นอย่างนั้น ข้าอยากจะเก่ง อยากเรียนรู้เวททุกบทและใช้มันอย่างเชี่ยวชาญให้สมกับความเมตตาขององค์มีย์อาร์ที่มีต่อข้า และที่สำคัญ ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเสียใจ นูเอดายิ้มและขยี้เรือนผมสีเงินของศิษย์ตัวน้อยด้วยความรักและเอ็นดูก่อนก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าว ถ้าเช่นนั้นจงรวบรวมสมาธิและแสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้ามีพลังเหนือจอมเวทเหล่านั้น ฟอร์เซ็ตติสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดและผ่อนออกมาทีละน้อยจากนั้นจึงหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิ เขายกมือทั้งสองข้างขึนเสมออกและเริ่มร่ายเวทด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว นูเอดากุมไม้เท้าในมือของเขาแน่นเมื่อเห็นเปลวไฟสีแดงสดปะทุขึ้นกลางฝ่ามือของศิษย์ตัวน้อย พริบตามันระเบิดขึ้นกลายเป็นลูกไฟขนาดเท่ากับศีรษะของผู้ใหญ่และเต้นระริกหมุนวนอยู่บนมือของฟอร์เซ็ตติ จอมเวทน้อยลืมตาขึ้นและยิ้ม ข้าร่ายเวทเบรนเนนได้แล้ว น้ำเสียงของฟอร์เซ็ตติเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจขณะจ้องมองดวงไฟในมือ เขารวมมือทั้งสองข้างเข้าหากัน เปลวไฟที่กำลังลุกโชนดับวูบลงและหายไป เก่งมาก นูเอดากล่าวชม เขารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นประกายตาประหลาดกำลังเต้นไหวอยู่ในดวงตาสีฟ้าใสของฟอร์เซ็ตติ ใบหน้าไร้เดียงสาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุดันวูบหนึ่งก่อนจะสลายไปอย่างรวดเร็ว จอมเวทแห่งเพลิงเรียกนามศิษย์ของเขาด้วยความตกใจ ฟอร์เซ็ตติ ร่างน้อยไหวเฮือกราวหลุดออกจากภวังค์ เอลฟ์น้อยหันมาส่งยิ้มให้กับผู้เป็นอาจารย์พร้อมกับกล่าว ข้าอยากจะเรียนเวทเฮลเบรนเนน ต้องรอให้ร่างกายเจ้าเติบโตและแข็งแรงมากกว่านี้ นูเอดาตอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ฟอร์เซ็ตติขมวดคิ้วคล้ายไม่พอใจแต่มิได้เอ่ยคำใดออกมา ดวงตาของเอลฟ์น้อยมองผ่านยอดไม้ตรงไปที่วังขององค์มีย์อาร์และพูดขึ้น ข้าจะต้องไปเรียนการเรียกพลังจากเทพอารักษ์แล้ว เขาหันมาทางนูเอดา ท่านอาจารย์จะกลับไปพร้อมกับข้าหรือไม่ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเดินผ่านฝูงจิ้งจอกเฒ่าไปตามลำพังแน่ จอมเวทผมสีแดงเพลิงตอบพร้อมกับยิ้มและเดินเคียงคู่ไปกับฟอร์เซ็ตติ ในใจของนูเอดาบังเกิดความหวั่นวิตกในอาการแปลกประหลาดของศิษย์ตัวน้อยแต่เขามิได้แสดงกิริยาหรือคำพูดใดออกมา ฟอร์เซ็ตติ เอลฟ์น้อยขานรับในลำคอและเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ของเขา อย่าให้หัวใจของเจ้าจมลงไปในความมืดเป็นอันขาด แม้จะไม่เข้าใจในคำพูดของนูเอดา แต่ฟอร์เซ็ตติก็รับคำอาจารย์ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังมั่นคง ข้าจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นแน่ เพื่อแม่และพวกพ้องของเจ้า นูเอดาย้ำ เอลฟ์น้อยผงกศีรษะรับ ทุกอย่างเพื่อท่านแม่ และพวกพ้องของข้าในป่าแห่งมนตรา ดีมาก จอมเวทแห่งเพลิงพูด ข้าจะเชื่อมั่นในคำพูดทุกคำของเจ้า ฟอร์เซ็ตติ ราชินีมีย์อาร์ทรงทอดพระเนตรดูฟอร์เซ็ตติยืนหลับตาเพื่อรวบรวมสมาธิและพยายามร่ายเวทแห่งแสงและอัญเชิญนามแห่งเทพอารักษ์ เอลฟ์น้อยถอนหายใจและลืมตาขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ข้าจะลองดูอีกครั้ง ฟอร์เซ็ตติโพล่งขึ้นแต่องค์ราชินีแห่งมาร์วัลลัสกลับโบกหัตถ์ห้าม วันนี้เจ้าได้พยายามมาเกือบทั้งวัน สมควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วฟอร์เซ็ตติ แต่ข้ายังไม่เหนื่อย กายของเจ้าอาจไม่เหนื่อย แต่ดวงจิตของเจ้าล้าจนแทบสิ้นพลังแล้ว อย่าฝืนกำลังตนเองเพราะแทนที่จะเป็นการดีมันอาจกลับกลายเป็นผลร้ายจนสร้างหายนะให้บังเกิดขึ้นกับตัวของเจ้า จิตของข้ายังกล้าแข็งอยู่ เอลฟ์น้อยกล่าวด้วยสีหน้าดื้อดึง ราชินียิ้ม แต่จิตทิพย์ของเรากลับสัมผัสถึงความอ่อนล้าแผ่ออกมาจากกายของเจ้า พระนางยกหัตถ์งดงามขึ้นลูบเรือนผมของฟอร์เซ็ตติ ไปพักผ่อนให้สบายเถิดลูกรัก อย่าเคร่งขืนฝืนกายนักเจ้าจักอ่อนแอและล้มป่วยลงได้ เอลฟ์น้อยเงยหน้าขึ้นมององค์มีย์อาร์ด้วยสายตาแสดงความรักและเคารพ ความลังเลเต้นไหวอยู่ในดวงตาสีฟ้าสวยก่อนตัดสินใจถาม เทพอารักษ์ของข้าคือใครกัน องค์ซอนเนสซาร์ เทพแห่งแสงทั้งปวง ราชินีแห่งมาร์วัลลัสตอบ ฟอร์เซ็ตติขมวดคิ้ว แล้ว.....พระองค์เป็นเทพที่เก่งที่สุดหรือไม่ ไม่มีสิ่งใดเป็นที่สุด พระนางมีย์อาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความปราณี แต่พลังของเทพซอนเนสซาร์สามารถทำลายล้างทุกสิ่งให้พินาศเป็นเถ้าธุลีหรือชำระล้างจิตวิญญาณให้สะอาดเพื่อส่งไปยังดินแดนแห่งสันตินิรันดร์ของเหล่าเทพ ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าว่าจะเลือกใช้แบบใด ข้าอยากทำได้ทั้งสองอย่าง เอลฟ์น้อยตอบ ราชินีแห่งมาร์วัลลัสยิ้ม เจ้าทำได้แน่ฟอร์เซ็ตติ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะถามท่านมานานแล้ว เอลฟ์น้อยเอ่ยขึ้น เหตุใดท่านจึงเรียกข้าว่าฟอร์เซ็ตติ เจ้าจะรู้เหตุผลนั้นในไม่ช้า องค์มีย์อาร์ตรัสตอบ ตอนนี้จงไปพักผ่อนให้สบายเพื่อการฝึกฝนอันหนักหน่วงในวันรุ่งขึ้น ถ้าอย่างนั้นข้าขออำลา ฟอร์เซ็ตติโค้งตัวให้กับพระนางก่อนเดินออกจากห้อง ร่างน้อยลอยเลื่อนลงมาจากท้องพระโรงด้านบนและเมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้นเสียงเยาะหยันดังขึ้น น่าแปลกที่ยังเห็นเจ้าอยู่ในวังแห่งนี้ ฟอร์เซ็ตติหันขวับไปทางต้นเสียงทันที คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อพบฟอรัมกับไครน์กำลังยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่มองมายังเอลฟ์น้อยด้วยสายตามุ่งร้าย คำพูดนั้นน่าจะเป็นของข้ามากกว่า ฟอร์เซ็ตติกล่าวเสียงห้วน เขาเงยหน้าขึ้นมองประตูท้องพระโรงของวังก่อนตัดสินใจก้าวออกไปด้านนอก เสียงฟอรัมดังไล่หลัง สัญชาติพวกเอลฟ์ หันหลังหนีผู้อื่นราวกับคนขลาด ฟอร์เซ็ตติขบกรามของตนเองแน่นขณะพยายามเร่งฝีเท้าก้าวให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้พ้นไปจากจอมเวททั้งสอง แสงเพลิงสีเขียวพุ่งวาบเฉียดใบหน้าของเอลฟ์น้อยและระเบิดพื้นดินตรงฝ่าเท้าของเขาจนแตกกระจาย ฟอร์เช็ตติชะงักและหันไปมองผู้ปองร้ายทั้งสองทันที พวกเจ้าต้องการอะไร ไล่เจ้าออกไปจากมาร์วัลลัส ฟอรัมกล่าวเสียงเข้ม เอลฟ์น้อยกัดฟันตนเองแน่นเพื่อข่มความโกรธ ข้าไม่เคยทำสิ่งใดให้เจ้าต้องขุ่นข้องหมองใจ ทำไมจึงตั้งข้อรังเกียจข้านัก เพราะเจ้าคือเอลฟ์ ฟอรัมคำราม หนำซ้ำยังเป็นเอลฟ์เลือดผสมโสโครก แค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็รู้สึกคลื่นเหียนจนแทบทนไม่ได้แล้ว ในเมื่อทนไม่ได้แล้วทำไมจึงมาวุ่นวายกับข้า เจ้าเกลียดชังข้าก็จงอย่าเข้ามาในวังนี้ โอหัง! เสียงไครน์ตวาดดังลั่น พวกข้าอยู่ในมาร์วัลลัสแห่งนี้มาตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิด กล้าดียังไงถึงได้สั่งห้ามพวกข้ามิให้มาในวังนี่ ข้าไม่ได้สั่งห้าม เพียงแค่เสนอข้อหลีกเลี่ยงที่ดีให้เท่านั้น ฟอร์เซ็ตติกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่พยายามสะกดอารมณ์อย่างเต็มที่ ฟอรัมยกไม้เท้าของเขาขึ้น ความคิดชั่ว! เขาชี้ไม้ของเขาไปทางเอลฟ์ตัวน้อย ทำไมข้าต้องหลบหน้าเจ้าด้วย เจ้าเอลฟ์เลือดผสมชั้นต่ำ ชั่วช้าเหมือนกันทั้งเผ่าพันธุ์ ต่ำทรามทั้งพ่อแม่ลูก อย่าได้บังอาจกล่าววาจาดูแคลนพ่อแม่ของข้า! ฟอร์เซ็ตติตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ ฟอรัมกลับหัวเราะ พ่อแม่ของเจ้ามีสิ่งใดน่ายกย่องกัน แม่ของเจ้าเป็นเอลฟ์ใจทรามในขณะที่พ่อของเจ้ามีหัวใจและความคิดที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ป่า อ้อ! แล้วยังอาจารย์เลือดไพร่ของเจ้าอีกคน หุบปาก! เอลฟ์น้อยตวาดเสียงกร้าว ดวงตาของฟอรัมวาวโรจน์จนแทบจะลุกเป็นไฟ เขาก้าวเท้าย่างสามขุมเข้าไปหาฟอร์เซ็ตติและยกมือขึ้นฟาดลงไปบนใบหน้าของเอลฟ์น้อยเต็มแรง ร่างเล็กกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้และไหลรูดลงไปนอนกองกับพื้น เจ้ากล้าสั่งให้ข้าหุบปากรึ! จอมเวทคำรามลั่นด้วยความโกรธจัดอย่างที่สุด เจ้ากล้าสั่งข้า ฟอรัม จอมเวทผู้เรืองอาคมเชียวหรือเจ้าเอลฟ์เลือดชั่ว! ช่างต่ำช้าสามานย์เหมือนพ่อแม่ของเจ้าไม่มีผิด! อย่าบังอาจกล่าวคำล่วงเกินแม่และพ่อของข้า ฟอร์เซ็ตติปาดเลือดที่ไหลย้อยออกมาจากมุมปาก ไอ้จอมเวทหัวใจสกปรก! |
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |