All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 3




บ่ายคล้อยวันนั้นพอเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน โอปอรีบก้าวลงจากรถวิ่งไปหาอธิปที่มายืนรอรับอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ โดยมีเดชขับรถและเปิดประตูให้

“สวัสดีค่ะ ป่าป๊า” สาวน้อยพนมมือไหว้อย่างสวยงาม
อธิปกอดโอปอแนบแน่น
“โอปอ...อีก2วัน ป่าป๊าจะให้ย้ายโรงเรียนแล้วนะครับ จะได้ใกล้บ้านรถไม่ติด แล้วเย็นนี้ป่าป๊าสั่งไก่
ทอดกับพิซซ่าไว้ด้วยนะ”
“โอ้โห ป่าป๊าสุดยอดเลยค่ะ” โอปอดี๊ด๊าสุดๆ
“กระเป๋าเรียนครับคุณหนู วันนี้มีการบ้านด้วยนะครับ หนังสือภาษาไทยเรื่องคำเป็นคำตาย เดชคั่น
ให้แล้วด้วยมาร์คสีเขียว..วิชาสปช. เรื่องชนิดและโทษของยาเสพติด คั่นด้วยมาร์คสีส้ม” เดชผู้รอบรู้สั่ง
“เยอะไปไอ้เดช” อธิปหันไปบอก
“แต่เดชยัง..” เดชเห็นอธิปจ้องดุๆก็เลยต้องหยุด “ครับๆ”
ระหว่างนั้น จู่ๆ มีขบวนรถแล่นสวนเข้ามา
“รถใคร” อธิปอุ้มโอปอขึ้นมา
ขบวนรถแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสถ์ บอดี้การ์ดกรูลงมายืนเรียงแถวสลอน
ฉัตรชัยกุลีกุจอเปิดประตูให้ สุขสันต์ก้าวลงมา
“ผมขอคุยธุรกิจของเราหน่อยได้มั้ยครับเสี่ยอธิป”
อธิปหน้างงๆ ในขณะที่อุ้มโอปออยู่

เครื่องจักในโรงงานผลิตลูกอมแห่งนั้น เดินเครื่องทำงานเต็มกำลัง มองเห็นภาพสายพานการผลิตเคลื่อนตัว เผยให้ทุกขั้นตอนการผลิตลูกอม ตั้งแต่ยังเป็นลูกอมสีขาวๆธรรมดา ไหลเลื่อนไปตามสายพานการผลิต ผ่านการชุบสี เคลือบเงา จนกลายเป็นลูกอมสีสันสดใส จบด้วยการบรรจุใส่ห่อ ติดโลโก้ขนมว่า “สวีทโอปอ”
จตุพลและน้อมพงษ์มาด้อมๆ มองๆ จังหวะหนึ่งน้อมพงษ์แอบจิ๊กลูกอมมาด้วยเม็ดหนึ่ง
“ให้เก็บอากู๋ก็พลาด ให้เก็บไอ้กรดก็พลาดอีก...น้อมพงษ์! มีอะไรแก้ตัวก็ว่ามา”
จตุพลแกะลูกอมใส่ปาก แล้วถุยออกมา แหวะ! ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เอางี้...ครั้งต่อไปผมจะลงไปคุมด้วยตัวเองเลยดีมั้ยครับ จะได้รับประกันความผิดพลาด”
ระหว่างนั้นลูกน้องจตุพลคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“คุณจตุพลครับ เสี่ยอธิปมากับสส.สุขสันต์ครับ”
“จริงเหรอวะ ไหนว่า..จะเลิกๆๆ ธุรกิจเดิมๆ ไงล่ะ หรือมันโกหกเรา”
จตุพลกับน้อมพงษ์รีบเดินไป หยุดแอบมองและฟังอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลกันนัก

เวลานั้นอธิปกับสุขสันต์เดินคุยกันอยู่
“ผมเคยบอกแต่แรกแล้วว่าถ้าลูกผมโตเมื่อไหร่ ผมจะเลิกทุกอย่าง” อธิปเอ่ยขึ้น
“เลิกทุกอย่างเหรอ ทำไม ผมไม่เข้าใจ”
“แปลได้ว่า..คุณหนูโอปอเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ อะไรในโลกนี้ก็เปรียบไม่ได้ ยอมเสียทุกอย่างในชีวิต
ดีกว่าเสียลูกคนนี้ครับ” เดชพูดแทรก อธิบายแทน
“แค่ลูกสาวของเสี่ยโตขึ้น มันไม่น่าถึงกับต้องเลิกทำธุรกิจของเราเลยนะเสี่ย..เราเริ่มโปรเจ็คท์นี้มา
ด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มแรก เสี่ยไม่เสียดายบ้างเหรอ โอกาส เงินทอง แล้วก็มิตรภาพของเรา..ผมเสียดายนะเสี่ย”
“คุณอย่าบังคับใจผมเลย” อธิปบอก
“แปลว่า คุณอย่าพล่ามให้เปลืองน้ำลายเลยครับ เสี่ยล้างมือแล้วจริงๆ” เดชแปลไทยเป็นไทยอีก
“ถ้าเสี่ยไม่ทำ แล้วท่านจะทำยังไงล่ะ..เสี่ยก็รู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครได้ง่ายๆ ซะด้วย” คราวนี้
ฉัตรชัยพูดแทรกขึ้นบ้าง
“คุณสุขสันต์มีพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งเงินทอง บริวาร บารมี ถ้าไม่ไว้ใจใคร คุณก็ทำเองได้” อธิปบอก
“ผมไม่อยากทำคนเดียว ผมต้องการทำธุรกิจกับเสี่ย”
“คุณต้องการให้ผมเป็นเนื้อล่อหมาให้มากกว่า” อธิปพูดดักคอ
สุขสันต์อึ้ง ชะงัก ตัดบท
“แปลว่า คุณส.ส.อยากใช้เสี่ยคอยรับผิดแทน ถ้าโดนจับได้ไงครับ” เดชแปลไทยให้อีก
“เอาเป็นว่า..ผมจะแบ่งผลประโยชน์ส่วนของผมให้เสี่ยอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ดีมั้ย ยังไม่ต้องตอบ ผมให้
เวลาเสี่ยคิดอีกที หึหึหึ เสี่ยรู้ใช่มั้ย ว่าคนที่รู้เบื้องหลังเบื้องลึกของผมมากๆ แล้วไม่ทำงานให้ผม มันก็จะไม่มีวันไปทำงานให้ใครอื่นได้อีก..แล้วเสี่ยคิดว่าจะมีชีวิตปกติเหรอ ฮ่าๆ เป็นไปไม่ได้หรอกเสี่ย” สุขสันต์บอกเป็นเชิงขู่
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้” อธิปตอกกลับ
“โอ้โห...คมมาก แปลว่า ห้ามพูดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นในโลกนี้” เดชว่า
จตุพลกับน้อมพงษ์แอบมองอยู่ จตุพลตาวาว คิดออกว่าจะทำอะไร

สุขสันต์เดินหงุดหงิดออกมาที่รถ ฉัตรชัยตามมาติด จู่ๆ จตุพลกับน้อมพงษ์ก็วิ่งตามหลังมา
“คุณสุขสันต์ครับ..นี่คือคุณจตุพล หลานชายเสี่ยอธิปครับ ส่วนผม..น้อมพงษ์ เป็นผู้จัดการโรงงาน
นี้”
“คุณจตุพล คุณน้อมพงษ์ มีอะไร” ฉัตรชัยขวางไว้ ถามแทนสุขสันต์
“คือ ท่านครับ..ถ้าอากู๋ไม่อยากทำธุรกิจกับท่าน ผมขอทำเองครับ” จตุพลอาสา
“ท่านสุขสันต์จะทำธุรกิจกับคนที่สนิทสนมและไว้ใจได้เท่านั้นครับ” ฉัตรชัยรีบบอก
“ผมนี่แหละครับไว้ใจได้..ท่านรู้สึกยังไงกับอากู๋ ขอให้รู้ว่าผมรู้สึกมากกว่าท่านร้อยเท่า และใน
อนาคตอันใกล้นี้ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของอากู๋ จะต้องเป็นของผม ไม่ว่าอากู๋จะยกให้หรือไม่ยกให้ก็ตาม..ถึงตอนนั้นแล้วท่านก็ต้องคุยกับผมอยู่ดี” จตุพลคุยโอ่
“ผมเสียดายคุณอธิปมาก..ไม่อยากให้เค้าด่วนจากเราไปเร็วกว่าวัยอันควร แต่..เค้าเป็นคนเลือกเอง
..ผมไม่อาจยับยั้งได้เลย คุณจตุพล..เข้าใจความหมายของผมไหม ถ้าเข้าใจ เราก็อาจจะมีอนาคตร่วมกัน”
สุขสันต์ส่งซิกบางอย่างผ่านคำพูดเมื่อครู่นี้
“ผมเข้าใจ..ท่านอยากให้ผมพิสูจน์อะไรมั้ยล่ะครับ บอกมาได้เลย”
จตุพลพูดด้วยแววตาแข็งกร้าว จริงจัง สุขสันต์มองอย่างพึงพอใจ

เช้าวันต่อมา พิมมาดากำลังจัดช่อดอกไม้แบบช่อกลม เป็นกุหลาบสดใสหลายสี เหลือง ชมพู ส้ม ฟุกเซีย
ส่วนเต๋า และเต้ย กำลังรวบรวมดอกไม้สีเดียวกันหมด มาวางเรียงหลายๆ มัด มาเตรียมรอลูกค้าแบบขายส่ง
ครู่ต่อมาบรรดา ลูกค้าที่มาเลือกซื้อดอกไม้ ทยอยเดินเข้ามา เต๋า กับเต้ยเข้าไปต้อนรับ ลูกค้าเลือกดูดอกไม้พวกนั้น ก่อนจะช่วยกันขนออกไปใส่รถ
เสียงโทรศัพท์ในร้านดังขึ้น พิมมาดามองไป เห็นทุกคนยุ่งๆ เลยวางมือ มารับเอง
“ร้านดอกไม้พิมโรสค่ะ”
สักพัก สีหน้าพิมมาดาเปลี่ยนไป แก้มแดง ดวงตาวิบวับแวววาว
“คุณสุขสันต์ สวัสดีค่ะ อะไรนะคะ” พิมมาดาทำตาโต “เย็นๆ คุณสุขสันต์อยากจะขออนุญาตมา
ดื่มน้ำชาที่บ้านพิม...”
เต้ย กับเต๋าได้ยินหันมามองพิมมาดา แล้วหันกลับมามองหน้ากันขวับ ร้องขึ้นมาพร้อมกัน
“โดน..โดนแล้วแหละ”

พิมมาดาเดินนำเด็ก 3 คน เข้ามาในครัว รินนมให้คนละแก้ว แล้วรินให้ป๊อปคอร์นในชามของมันอยู่ข้างๆ
“ทุกคน ต้องดื่มนมให้หมด ห้ามใครเหลือ จะได้ตัวสูงๆ กระดูกและฟันแข็งแรง เอ้า ดื่มได้”
เด็กๆ ยืนเรียงดื่มนมกัน ป๊อปคอร์นก็กินนมในชามไปด้วย
พิมมาดาเดินไปมาควบคุมอยู่สักพัก แล้วกระแอมขึ้น “ต่อไปนี้..น้าขอตั้งกฎเหล็ก ว่า ตั้งแต่บัดนี้
เป็นต้นไป ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ต้องขออนุญาตน้าก่อนเสมอ”
โจ๊ก แจ็ส และจีจ้ามองหน้ากัน แล้วพูดตามแบบประชดๆ
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ต้องขออนุญาตน้าก่อนเสมอ”
พิมมาดาฉุนนิดๆ แต่พยายามทำใจเย็น
“ถูก! อะไรที่น้าห้าม ก็คือห้าม อะไรไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต”
“อะไรที่น้าห้าม ก็คือห้าม อะไรไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต” 3 คนประสานเสียง
“หยุดล้อเลียนน้าได้แล้ว แล้วตกลงที่พูดมานี่..เข้าใจไหม”
ทุกคนเงียบ
พิมมาดาโมโห พยายามอดทนมากถึงมากที่สุด “น้าถามว่า..เข้าใจไหม”
“เข้าใจค้าบบ / ค่า” 3 คนประสานเสียงออกมาอีก ในขณะที่ป๊อปคอร์นผงกหัวเข้าใจด้วย
“เดี๋ยวคุณสุขสันต์จะมาบ้านเรา เด็กๆ ต้องทำตัวดีๆ โดยเฉพาะจีจ้า ควรจะหาโอกาสขอบคุณคุณ
สุขสันต์ เพราะเมื่อวาน ท่านอุตส่าห์มีน้ำใจห่วงใย จะช่วยเหลือเป็นธุระเรื่องตามตัวจีจ้าอย่างน่าประทับใจที่สุด”
“ประทับใจใครเหรอคะ?” จีจ้างงๆ
“คุณ...สุขสันต์” โจ๊กพูดประชดเบาๆ
“อะไรนะ” พิมมาดาถาม
“เปล่าค่ะ..”
“ถ้าอย่างนั้น ดื่มนมเสร็จ ก็ขึ้นไปเตรียมตัวอาบน้ำ แต่งชุดที่สะอาดเรียบร้อย ก่อนที่ท่านจะมา ได้
ยินที่น้าสั่งมั้ย”
“ด้าย...ยิน...ค่า.../คร๊าบบบ” เด็ก 3 คนพูดเสียงยานคางรับคำ
ป๊อปคอร์นเห่าตามแบบจำใจๆ

สุขสันต์มาตามนัดในตอนเย็นวันนั้น และกำลังยืนดูรูปหมู่เด็กๆ ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก
“น่ารักมากครับ..ที่จริงหลานๆ คุณพิมมาดาเป็นเด็กที่น่ารักมาก..เสียดายที่..” สุขสันต์หยุดไป
“ที่..อะไรคะ” พิมมาดาถามอย่างลุ้นรอฟังต่อ
สุขสันต์หันมายิ้มหล่อโปรยเสน่ห์ “ไม่มีอะไรครับ”
เต๋ากับเต้ยพาเด็ก 3 คน ที่แต่งตัวเรียบร้อยเว่อร์ประชดพิมมาดาเข้ามา
โจ๊กติดกระดุมถึงคอ ผูกหูกระต่าย ดึงกางเกงเอวสูงแบบตลกสายัณห์ ดอกสะเดาผู้ลาลับ แถมหวีผมเรียบแปร้แสกกลาง แจ๊ส กับจีจ้า ใส่เสื้อแขนพองยาว คอปิดมิด กระโปรงยาวคลุมเข่า ทำผมรวบตึง
ป๊อปคอร์นมายืนเรียงแถว ที่คอก็ผูกเนคไทกะเค้าด้วย
“มาแล้วค่า..เด็กๆ ที่แสนน่ารักของเรา” เต๋าร้องขึ้น
เด็กๆ รีบมายืนตรงเรียงรายอยู่ต่อหน้าสุขสันต์
สุขสันต์งง
“พวกเด็กๆ ยากจะขอบคุณคุณสุขสันต์น่ะคะ” พิมมาดายิ้มระรื่น
แจ๊สหันไปมองทุกคน แล้วให้สัญญาณยกแขนขึ้นยื่นไปข้างหน้า ทุกคนยกแขนตาม ชูมือขึ้นมาพร้อมกับออกแนวอัสนี-วสันต์ พิมมาดาผงะ
“อะไรน่ะ...”
“เอ้า..สาม..สี่” แจ๊สนับ
เด็กๆ พร้อมใจกันเต้นทำท่า และร้องแบบหน้าตายๆ ไร้ความรู้สึก พิมมาดาสุดจะทนรีบบอกให้
หยุด
“พอแล้วจ้า พอๆๆๆ” รีบเข้ามาจับตัวเด็กๆ ให้หยุด แล้วหันมาหัวเราะกลบเกลื่อนกับสุขสันต์ “พวกเด็กๆ ตลกกันน่ะค่ะ..อยากให้คุณหัวเราะไงคะ ขำมั้ยคะ ตลกเนอะ” หันไปพยักเพยิด
กับเต้ย
“ว้าว..เริดที่สุด...เกร๋มากมาย...” ตบมือเกรียว “คราวหน้าพี่จะพาน้องๆ ไปเชียร์มิวสิคเอเอฟ4
ด้วยกันนะค้า” แม่ยกเอเอฟออกนอกหน้าจนได้
สุขสันต์หัวเราะตาม “อ้อ หรือครับ” ตบมือแปะๆๆ “ดีมาก สร้างสรรค์มากนะ ทุกคน ครีเอทิฟจริงๆ
ฉลาด น่ารักเหลือเกิน หลานๆ ของคุณพิมก็เหมือนหลานๆ ผม..ผมรักเด็กครับ”
พิมมาดายิ้มรับคำชม แต่แอบหันมาถลึงตากัดฟันใส่เด็กๆ พูดลอดไรฟัน “ดีมาก ทุกคน ไปได้แล้ว”
พวกเด็กๆ เดินออกแล้วแอบหันมาขยิบตาให้กัน
พิมมาดาหันมายิ้มแห้งๆ ให้สุขสันต์แบบพยายามกลบเกลื่อน
“แหะๆๆ”

ในที่ลับตาคนเวลานั้น กริสน์แต่งตัวแบบพรางตัวเต็มยศ ทั้งใส่หมวก สวมแว่น และกำลังพยายามคิดหาทางแก้ปัญหาชีวิต ในขณะที่ภัทรดนัยกำลังนั่งแช็ทผ่านกล้องกับสาวๆ ในรถที่จอดอยู่มุมเปลี่ยวๆ แห่งหนึ่ง
“เออ” ภัทรดนัยเก็กหน้าหล่อให้กล้องคอมพ์ฯพูดกับสาวๆ “น่ารักจัง เย็นนี้ว่างไปดินเนอร์กับพี่มั้ย
จ๊ะ” ภัทรดนัยหยอดหวานทันควัน
“แกเลิกแชทกับสาวๆ แล้วช่วยจริงจังกับชั้นหน่อยสิวะ..ไอ้ภัทรดนัย แกต้องช่วยชั้นคิดหาทางเข้าไป
ให้ถึงตัวนายสุขสันต์”
“ชั้นก็ช่วยอยู่”
“ช่วยอะไรของแกวะ เลิกแชทได้แล้ว” เห็นภัทรดนัยไม่ยอมเลิก กริสน์โน้มหน้ามาจุ๊บภัทรดนัยต่อ
หน้าสาวๆ เหล่านั้น “เรารักกัน เก้งต้องคู่เก้ง ชะนีเข้าป่าไป บาย”
บรรดาสาวๆ คู่แช็ทในคอมพ์ หน้าตางงๆ กริสน์ปิดหน้าจอของภัทรดนัยทันที
“เฮ้ย แกทำงี้ ชั้นเสียอิมเมจหมด..ชั้นบอกว่าช่วยอยู่ก็ช่วยอยู่ดิวะ” ภัทรดนัยโวยใส่
“บ้าเอ้ย...ที่จะนอนยังไม่มีเลย แต่งตัวก็ต้องปิดๆ บังๆ จะคุยกันยังต้องมาคุยที่ห่างไกลประชาชี แก
คิดว่าชั้นจะอยู่งี้ได้อีกนานเหรอ?” กริสน์โวยเสียงดังกว่า
ทันใดนั้น ก็มีเสียงปิ๊งป่องจากจอคอมพ์ฯดัง ว่ามีจดหมายใหม่เข้า ภัทรดนัยรีบกดเปิดอีเมล์ทันที แล้วก็เห็นเป็นภาพคลิปวิดีโอ
“นี่ไงๆๆ เห็นยังล่ะ นี่ๆๆ แกสงสัยท่านสุขสันต์ว่าเป็นบุรุษลึกลับ ที่ไปเจรจาธุรกิจกับเสี่ยอธิปที่
โรงแรมในวันเกิดลูกสาวเสี่ยแล้วหนีไป แสดงว่าวันนั้นท่านสุขสันต์ต้องไปที่โรงแรมถูกมั้ย ชั้นก็ให้ลูกน้อง ไปติดต่อขอภาพกล้องวงจรปิดจากโรงแรมนั้นมาดูแล้วไง”
“เออ!! ถ้านายสุขสันต์ไปที่นั่น จะต้องมีภาพในกล้อง...แกฉลาดว่ะ เปิดดูเร็วๆ” กริสน์เร่งเร้า
ภัทรดนัยกดเปิดดูภาพในคลิป ซึ่งเป็นภาพที่หน้าห้องสูท เห็นกริสน์ถือช่อดอกไม้เข้าไป แล้วเดินออกมา กริสน์กระวนกระวาย แล้วกริสน์โดนผลักล้มไป พวกบอดี้การ์ดกันชายคนนึงรีบเดินออกมา โดยมีอธิปเดินมาด้วย
ภัทรดนัยฟรีซภาพในจอค้างเอาไว้ แล้วซูมเข้าไปที่หน้าชายที่ถูกบอดี้การ์ดห้อมล้อม พบว่าเป็นสุขสันต์
“ท่านสุขสันต์จริงๆ ด้วยว่ะ”
“ทีนี้แกเชื่อชั้นแล้วใช่มั้ย...เราต้องเข้าถึงตัวนายสุขสันต์ แล้วหาหลักฐานมามัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด” กริ
สน์มีน้ำเสียงมุ่งมั่นมากๆ
“เข้าถึงตัวสุขสันต์ๆๆ อืม...หรือแกจะปลอมไปฝังตัวเป็นสมุนมันซักปีสองปี” ภัทรดนัยแนะนำ
กริสน์พนมมือไหว้ “พี่ครับ ช่วยนึกแผนอื่นเหอะ แผนเก่าๆ ผมเบื่อแระ”
“ไม่เป็นไร ไอ้น้อง..แล้วแกล่ะ ไม่มีแผนอื่นดีๆมั่งรึ
กริสน์พยายามนึก แต่นึกไม่ออก

เต๋ากับเต้ยช่วยกันยกชาและของว่างมาเสิร์ฟ
“ชากับบราวนี่แสนอร่อยมาแล้วค่ะ เชิญนั่งค่ะท่านสุขสันต์ เดี๋ยวเต้ยป้อน” ลงนั่งร่วมโต๊ะหน้าเฉย
“นังเต้ย..ออกนอกหน้าไปแระ จะทำอะไรช่วยรักษาเกียรติพวกเราบ้าง..หลบไป” เต๋าเข้ามานั่งแทน
เต๋านวดให้นะคะท่าน”
“เต๋า...เต้ย...”
พิมมาดาเรียก เต๋ากับเต้ยรีบลุกถอยออกไป
“ไม่ทราบว่า...คุณสุขสันต์...อยากจะมารับชาที่นี่ เพราะ...อยากจะคุยธุระอะไรกับพิมหรือเปล่าคะ”
พิมมาดารวบรวมความกล้าถามขึ้น
“แหม คุณพิมพูดยังกับว่าผมเป็นนักธุรกิจ วันๆ มีแต่เรื่องธุระ เรื่องการงาน ผมก็แค่คนธรรมดา
แหละครับ ที่ไหนที่ผมไปแล้วมีความสุข ผมก็ไป ขอบคุณนะครับ...คุณพิมมาดา...ที่ทำให้ผมมีความสุข”
เต๋า กับเต้ย ตีมือกันดังเพี๊ยะ ดีใจที่เจ้านายจะได้ลงจากคานทอง พิมมาดาเขิน
“เอ่อ ดื่มชาเถอะค่ะ”
สุขสันต์สบตาหวานเยิ้ม พิมมาดายังออกอาการเขินอยู่ แต่แล้วจู่ๆ จีจ้าก็วิ่งเข้ามาขัดจังหวะ
“น้าพิมๆๆ จีจ้าขออนุญาตเปิดแอร์นะคะ”
“จ้ะ”
โจ๊กวิ่งมาด้วย “น้าพิมจ๋า โจ๊กขออนุญาตเปิดทีวีดูนะ”
แจ๊สวิ่งมาสมทบ “น้าพิม แจ๊สขออนุญาตเล่นอินเตอร์เนทนะ”
“จ้ะๆๆ” พิมมาดาบอกหลานๆ
จีจ้าวิ่งกลับมาอีก “น้าพิม จีจ้าขออนุญาตปรับแอร์ให้เย็นๆ สุดๆๆ เลยนะคะ”
โจ๊กวิ่งเข้ามาด้วย “โจ๊กขออนุญาตเปลี่ยนช่องทีวีด้วยนะ..อนุญาตมั้ยครับๆ”
และแจ๊สวิ่งเข้ามาอีกรอบ “แจ๊สขออนุญาตเข้าเว็บไซต์ยูทูปเซิร์ชหาคลิปมนุษย์ต่างดาวนะคะ”
พวกเด็กๆ รุมเร้าพิมมาดา ป๊อปคอร์นเข้ามาโดดเห่าด้วย
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า เบาๆ หน่อย เกรงใจคุณสุขสันต์บ้าง” พิมมาดาเอ็ดหลานจอมแสบ
“ก็น้าพิมบอกว่าจะทำอะไร ให้ขออนุญาตก่อนทุกครั้งไม่ใช่เหรอครับ..โจ๊กก็มาขออนุญาตไงครับ..
อนุญาตมั้ยครับๆ” โจ๊กประชด
“แจ๊สขออนุญาตหายใจเข้านะคะ..ขออนุญาตหายใจออกนะคะ...” แจ๊สบอก
“จีจ้าขออนุญาตเดินนะคะ ขอเดินนะคะๆๆๆๆ” จีจ้าว่า
จีจ้ากระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ สุขสันต์ ส่งเสียงร้องแสบแก้วหู สุขสันต์รำคาญ จึงวาดเท้าออกไปขวางจีจ้า จนจีจ้าสะดุด ถลาล้มไปกับพื้น แต่จีจ้าม้วนหน้ารอบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมายืนได้ แล้วหันมาชี้หน้าสุขสันต์
“ขัดขาจีจ้าทำไม” จีจ้าถามอย่างเอาเรื่อง
“หือ” สุขสันต์ทำหน้างง
“จีจ้า..เธอกระโดดโลดเต้นจนสะดุดขาตัวเองไม่ใช่เหรอจ๊ะ จะไปโทษคุณสุขสันต์ได้ยังไง” พิมมาดาหันมาดุจีจ้า
“จีจ้าไม่ได้โกหก” ป๊อปคอร์เห่าสนับสนุนจีจ้าสุดๆ “ป๊อปคอร์นเป็นพยานได้..เป็นผู้ใหญ่อะไรแกล้ง
เด็ก” จีจ้าร้องลั่น
“จีจ้าไม่เคยโกหก..คุณคนนี้ต้องแกล้งจีจ้าจริงๆ” โจ๊กยืนยัน
“คนไม่ดี” แจ๊สว่า
“คนหน้าไหว้หลังหลอก” โจ๊กย้ำอีก
“นี่ พวกเธออยู่ๆ มาว่าผู้ใหญ่ได้ยังไง เป็นเด็กไม่ดีรู้มั้ย! ป๊อปคอร์นหยุดเห่า! ไป กลับขึ้นไปบนห้อง
ให้หมดเดี๋ยวนี้..เต๋า เต้ย มาพาเด็กๆ ไปที”
เต๋า กับเต้ยเข้ามาหาเด็กๆ ดึงตัวจะให้ออกไปให้ได้ พวกเด็กๆ ดิ้น ไม่ยอมไปง่ายๆ จู่ๆป๊อปคอร์นก็วิ่งเข้าไปงับปลายกางเกงของสุขสันต์ จนเสียหลัก
“โอ๊ย”
สุขสันต์ตกใจ ลุกพรวดออกมา พยายามสะบัดเท้า แต่ป๊อปคอร์นงับแน่นมาก ยังไงก็ไม่หลุด จนกระทั่งสุขสันต์สะดุดขาตัวเอง ล้มลงไปกับพื้น ป๊อปคอร์นก็ยังงับอยู่อย่างนั้น
“ป๊อปคอร์น! ปล่อยนะ ป๊อปคอร์น บอกให้ปล่อย” พิมมาดาพูดแทบเป็นตวาด
พวกเด็กๆ เฮลั่นด้วยความสะใจ
“ป๊อปคอร์นสู้ๆๆ” จีจ้าร้องขึ้น
สุขสันต์พยายามจะลุกขึ้น แต่ป๊อปคอร์นกระโดดหลบไปชนโต๊ะ จนถ้วยกาแฟหกราดใส่สุขสันต์
“โอ้ว ร้อนๆๆๆๆ” สุขสันต์ร้องลั่น
“คุณสุขสันต์” พิมมาดาตกใจ
ป๊อปคอร์นถอยกรูดไปรวมก๊วนกับพวกเด็กๆ ที่พากันหัวเราะขำ อย่างสนุกสนาน เต๋า กับเต้ย เห็นท่าไม่ดีรีบพาเด็กๆ ออกไป

สุขสันต์เดินเข้ามาในห้องน้ำ รีบเช็ดเนื้อเช็ดตัว บ่นงึมงออกมาอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
“ไอ้เด็กเวร ไอ้หมาบ้า สูทนี่ไม่ใช่ถูกๆ นะเว้ย ซัลวาทอรี่เฟอรากาโมนะเว้ย ถ้าล้างไม่ออก น่าดู”
แต่แล้วสุขสันต์ก็ต้องผงะ เพราะมองไปในกระจกแล้วเห็นแจ๊สยืนจ้องอยู่ด้านหลัง
“ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพูดจาหยาบคายแบบนี้ แล้วเยาวชนจะเป็นเด็กดีได้ยังไงคะ” แจ๊สเหยียดปากพูดประชด
“แล้วจะทำไม” สุขสันต์เสียงแข็ง
“จีจ้าไม่ได้โกหกจริงๆ คุณแกล้งจีจ้าจริงๆด้วย คนไม่ดี” แจ๊สจ้องหน้ากับสุขสันต์
ระหว่างนั้นเต๋ากับเต้ยเดินเข้ามาพอดี
“ท่านสุขสันต์ขา..ให้เต้ยช่วยล้างมั้ยคะ จะได้สะอาดๆ” เต้ยอาสา
“อุ๊ย น้องแจ๊ส คุยอะไรกันอยู่จ้ะ” เต๋าถาม
“น้องแจ๊สเค้ามาขอโทษที่ทำให้ผมเลอะน่ะครับ...” สุขสันต์ทำทีเป็นลูบหัวเอ็นดู “ไม่เป็นไรนะ ชั้นไม่
โกรธหรอก”
แจ๊สปัดมือสุขสันต์ออกทันที ไม่ยอมเป็นมิตรด้วย แล้วเดินออกไป
“อ้าว น้องแจ๊ส…” เต๋าอึ้ง

จังหวะที่สุขสันต์เดินออกจากห้องน้ำมา พิมมาดามายืนรออยู่แล้ว
“ล้างออกมั้ยคะ”
“ก็...” สุขสันต์โชว์ให้ดูว่ายังเหลือคราบ “ช่างมันเถอะครับ..ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
สุขสันต์ทำเป็นอารมณ์เสียนิดๆ จะรีบออกไป
“คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษ อย่าถือสาพวกแกเลยนะคะ พิมผิดเองที่ควบคุมเด็กๆ ไม่อยู่ เอ่อ...
ตั้งแต่พี่พลอยกับพี่อ้น...คุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆ เอ้อ...พี่สาวพี่เขยของพิมน่ะค่ะ..เสียไป เด็กๆ ก็ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพิม...พิม...พิมขอโทษนะคะ”
“ขอโทษ?..เรื่องอะไรกันครับ”
“ก็..เรื่อง..เรื่องที่..พิมไม่มีความสามารถพอ..ที่จะอบรมพวกแกให้อยู่ในระเบียบ...” พิมมาดา อึกๆ
อักๆ
“ครับผมทราบ..แต่ตอนนี้..ผมว่าผมกลับก่อนจะดีกว่านะครับ”
สุขสันต์เดินออกไปดื้อๆ พิมมาดาถึงกับอึ้ง

ทางด้านกริสน์กำลังใช้สมองทุกซีกครุ่นคิดอย่างหนัก คิดวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น
“หรือว่า เราจะไปสมัครผู้แทนอยู่พรรคเดียวกะนายสุขสันต์ ไม่ดี เพราะเราคงไม่มีเงินไปซื้อเสียง”
กริสน์ว่าเองเออเอง
“เอ...หรือนายจะไปเกาหลี ทำหน้าซะใหม่ แล้วขอให้หน่วยเหนือส่งไปเป็นตำรวจติดตาม
ผู้แทนราษฎร แต่ก็ไม่ได้อีก เพราะตอนนี้ทางหน่วยเหนือก็นึกว่านายอ่ะ เป็นตำรวจที่ขายตัวให้ไอ้พวกแก๊งอธิปไปแล้ว”
“ตอนนี้ชั้นน่ะ เน่าสนิทแล้ว ตำรวจก็จะจับ ผู้ร้ายก็จะฆ่า ภัทรดนัย แกมันเพื่อนยากของชั้นจริงๆ
ตั้งแต่คบกะแกมา ชั้นเจอแต่เรื่องยุ่งยาก ไม่มีอะไรง่ายๆ สบายอีกต่อไปแล้ว ฮือๆๆๆ” กริสน์ทึ้งหัวตัวเองไปมา จังหวะที่หันไปทางจอคอมพ์ฯ แล้วตาเหลือก “เฮ้ย..ยัยนั่น..ยัยเจ๊โหด” ชี้ที่จอ มือสั่น “ในคลิปวงจรปิดจากโรงแรม..วันนั้น...”
ภัทรดนัยมองตาม
ภาพในจอ เป็นคลิปจากมุมของทีวีวงจรปิด เห็นสุขสันต์ ตอนที่เจอกะพิมมาดาครั้งแรก ที่หยิบโทรศัพท์ให้พูด จนถึงตอนที่พิมมาดายืนเคลิ้มฝันหวาน
“ยัยเจ๊โหด กับนายสุขสันต์ เป็นไปได้ไง”
“จริงด้วย นายสุขสันต์ต้องกำลังจีบยัยนี่ ขนาดมาหาถึงบ้าน มันไม่ธรรมดา”
“แต่นายสุขสันต์ ไม่ได้เป็นแฟนอยู่กับยัยลูกสาวหัวหน้าพรรคของเค้าเองหรอกเหรอ ไฮโซระดับนี้ มี
เหรอ จะมาสนยัยเจ๊โหดของแก” ภัทรดนัยว่า
“ไม่ใช่ยัยเจ๊โหดของชั้นเว้ย..ผู้หญิงบ้า ใครอย่าแตะชัดๆ”
ภัทรดนัยกดรีเพลย์ภาพคลิปนั้นอีกที ทันใดกริสน์สตาร์ทรถขึ้นมาทันที
“จะไปไหน?”
“เออน่า...”
“คิดแผนออกแล้วเหรอ” ภัทรดนัยถาม
“ยัง...เอาน่าไปตายเอาดาบหน้า”
กริสน์รีบบึ่งรถออกไปทันที

สุขสันต์กำลังพูดมือถืออยู่ที่หน้าบ้านพิมมาดา คุยอยู่กับฉัตรชัย
“ฉัตรชัย..ฉันมีนัดกี่โมง..อือ..อีกครึ่งชั่วโมงเหรอ แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ใช่ มาที่รถได้แล้ว เดี๋ยวฉัน
ไปรอแกที่รถ”
พอสุขสันต์กดวางสาย เงยหน้าขึ้นมาแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นโจ๊กยืนก๋าจ้องหน้าเขม็ง
“กลับไปแล้วก็ไม่ต้องมาอีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ชอบเสแสร้งทำเป็นคนดี” โจ๊กว่าแบบไม่เกรงกลัว
“ถ้าชั้นจะมาอีก เธอจะทำไมไอ้ลูกชิวาว่า” สุขสันต์พูดอย่างไม่เหลือเค้าคนแสนดี
“เฮ้ย..ขัดขาจีจ้าแล้วยังมาว่าโจ๊กเป็นหมาอีกเหรอ หนอย โจ๊กจะไปฟ้องน้าพิม จะบอกให้หมดเลย
ว่าคุณเป็นคนชอบรังแกเด็ก” โจ๊กปรี๊ด
“ฮะๆๆ ไปฟ้องเลย คิดว่าน้าเธอจะเชื่อเหรอ...” ว่าพลางสุขสันต์คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของโจ๊กแล้ว
บีบอย่างแรง “ไอ้เด็กเหลือขอ ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นของแก ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่าซ่าส์กับชั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน เข้าใจมั้ย”
“โจ๊กเจ็บ..ปล่อยโว้ย” โจ๊กร้องเสียงดัง
“พูดโว้ยกับผู้ใหญ่แบบนี้ใช้ได้เหรอวะ” สุขสันต์เขกหัวดังโป๊ก “พูดใหม่..ชั้นถามว่าเข้าใจมั้ย”
“เออ” โจ๊กรับคำส่งๆ และพยายามจะแกว่งขาเตะสุขสันต์แต่ไม่โดน
“เออเหรอ” สุขสันต์เขกหัวโจ๊กอีกที “ถามว่าเข้าใจมั้ย ก็ตอบมาว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจ..ว่าไง”
“เข้าใจ” โจ๊กกระชากเสียง
สุขสันต์เขกหัวอีกโป๊ก “พูดเพราะๆ เป็นมั้ย..ครับด้วย”
“ปล่อยได้แล้ว เจ็บ…” โจ๊กโวยวาย
พอดีกับที่เต๋าออกมาตามหาโจ๊ก โดยมีป๊อปคอร์นวิ่งตามมาข้างๆ
“คุณโจ๊กขา อยู่ไหน..เอ๊ะ นั่น…”
สุขสันต์ผละมือออกจากหัวโจ๊กทันที แล้วทำเป็นลูบหัวโจ๊กอย่างเอ็นดู
“ถือว่าชั้นขอโทษแล้วกันนะโจ๊ก ดีกันนะ”
โจ๊กปัดมือสุขสันต์ออก เตะหน้าแข้งสุขสันต์กลับเต็มแรง แล้ววิ่งออกไปทันที สุขสันต์แกล้งหัวเราะขำ ส่ายหัวอย่างเอ็นดู แล้วทำท่ายกมือยกไม้บอกเต๋าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

เต๋าตกใจ รีบกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนป๊อปคอร์นยืนจ้องสุขสันต์อยู่อย่างไม่วางตา
ไม่นานหลังจากนั้น พิมมาดาก็ตั้งหน้าตั้งตาซดน้ำแดงโฮกๆๆ ตบด้วยขนมเพื่อแก้เครียด โดยมีเค้กคอยปลอบ

“อีกแล้วเหรอ..พวกเธอแกล้งทำตัวเกเร เพื่อไล่ผู้ชายที่จะมาจีบน้าพิมอีกแล้ว มันแปลว่าอะไร พวก
เธอจะไม่ยอมให้น้าเธอได้มีความรัก มีความสุขบ้างเลยเหรอเด็กๆ” เค้กอบรม 3แสบ
“แต่..น้าเค้กคะ.. นายคนนี้เค้าเป็นคนไม่ดีจริงๆนะคะ” จีจ้าบอกอย่างมั่นใจ
“ยังจะมาเรียกเราว่าน้าอีก..พี่ค่ะ พี่...พี่เค้กเห็นว่าคนดีกี่คนเข้ามา พวกเธอก็ป่วนซะเค้าเตลิดหนีไป
หมด...ผู้ชายดีๆ หล่อๆ รวยๆ ไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะคะ” เค้กสาธยายต่อ
“พอเถอะ เค้ก ไม่ต้องไปว่าเด็กๆ หรอก ตามสบายเลย พวกเธอ น้าจะยอมขึ้นคาน เพื่อพวกเธอ”
พิมมาดาตบโต๊ะเปรี้ยง “เต๋า! เต้ย! เอาน้ำแดงมาอีก..น้ำแดงเพียวๆ ไม่เอานมข้น เอาน้ำแข็งเยอะๆ ซาลาเปาไส้หมูด้วย เอามา 3 ลูก ชั้นต้องการกิน..กินเพื่อลืมเธอ”
“พิม เธอนี่ก็เว่อร์เกิ๊น..เธออย่าเพิ่งคิดไปเองเลยนะ คุณสุขสันต์ เค้าอาจจะอารมณ์เสียนิดหน่อย แต่
เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าก็โทร.มาหาเธอ” เค้กปลอบใจ
“เฮ้อ..พวกผู้ใหญ่นี่..ดูคนแต่เปลือกนอกจริงๆ นะโจ๊ก ผู้ชายคนนี้มันของปลอมชัดๆ” แจ๊สบอกอีก
“ว้ายๆๆๆ น้องแจ๊สขา เราเป็นเด็กผู้หญิง พูดก้าวร้าวผู้ใหญ่แบบนี้ ไม่ได้นะ” เต้ยสอนแจ๊ส
เต๋ารีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“โอ๊ยๆๆๆ จะบอกยังไงดี จะพูดยังไงดี”
“มีอะไร เต๋า” พิมมาดาถาม
“คือๆๆๆๆน้องโจ๊กๆกับคุณสุขสันต์..มีเรื่องกันใหญ่แล้วค่ะ”
จังหวะนั้นอยู่ๆ เสียงสัญญาณกันขโมยรถยนต์ก็ดังขึ้นมา พิมมาดามองตามเสียงไปอย่างตกใจ

พิมมาดาและคนอื่นๆ วิ่งตามเสียงออกมาดู จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่จอดรถของบ้าน พบว่าสุขสันต์และฉัตรชัยยืนอยู่ข้างๆ รถยนต์ที่ข้างกระจกรถแตกกระจาย
“คุณสุขสันต์..นี่มัน..เกิดอะไรขึ้นคะ…”
ฉัตรชัยทำหน้าสุภาพรายงาน
“ผมเห็นน้องผู้ชายเค้าเดินมาด้อมๆ มองๆ รถอยู่นะครับ พอผมเผลอแป๊บเดียว ก็เป็นยังงี้”
“น้องผู้ชายที่ไหนคะ คุณหมายถึง..น้องโจ๊กเหรอ เป็นไปไม่ได้” เต๋าว่า
“อะไรนะ” พิมมาดาตกใจ
“คือ..น้องโจ๊กแกมาต่อว่าผมนิดหน่อยน่ะครับ ผมพยายามจะพูดดีด้วย แต่แกก็ไม่ฟัง..แต่ก็คงไม่ถึง
ขั้นทุบรถผมหรอกครับ” สุขสันต์ทำทีเป็นไม่ถือโทษโกรธเคือง
“ถึงขั้นทุบรถมันมากเกินไป พิมต้องลงโทษ” พิมมาดาปรี๊ด
จังหวะนั้นเอง ป๊อปคอร์นก็วิ่งมายืนจ้องหน้าสุขสันต์ แล้วแยกเขี้ยวยิงฟัน แฮ่ๆๆๆ
“ป๊อปคอร์น แกเป็นอะไรของแก ป๊อปคอร์น”
เต้ยถามจ้องหน้าป๊อปคอร์นที่มีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่

ในความคิดเจ้าป๊อปคอร์นเวลานั้น เห็นภาพเป็นฉากๆ ผุดขึ้นมาซะงั้น ตั้งแต่ตอนที่สุขสันต์ถูกโจ๊ก
เตะหน้าแข้งจนล้มลงไป โจ๊กวิ่งหนีพร้อมกับที่เต๋าหันมาเห็นรีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนป๊อปคอร์นยืนมองอยู่ เห็นสุขสันต์ลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อปัดตัว แล้วหยิบก้อนหินแถวๆ นั้นขึ้นมาถือ หน้าตาร้ายกาจ แล้วป๊อปคอร์นก็ทำตาโต รีบหมอบลง เอาเท้าก่ายหน้าเหมือนไม่อยากมอง จากนั้นก็มีเสียงเพล้งดังขึ้น ตามด้วยเสียงสัญญาณกันขโมยดังตามมา

ป๊อปคอร์นยังคงเห่าอยู่
“หมามีเซ้นซ์ แยกแยะออกว่าใครดีใครชั่ว” แจ๊สโพล่งขึ้นมา
“แสดงว่า ป๊อปคอร์นจะบอกว่าคุณเป็นคนผิด ไม่ใช่พี่โจ๊ก ใช่มั้ย” จีจ้าบอก
“อ้าว ไอ้เด็กนี่ ว่าท่านสุขสันต์เหรอ” ฉัตรชัยสวนขึ้น
สุขสันต์รีบปราม “ฉัตรชัย...”
“หยุดเหลวไหลได้แล้วแจ๊ส จีจ้า..ป๊อปคอร์น..คุณสุขสันต์เค้าเป็นผู้เสียหาย แกยังจะไปเห่าเค้าอีก
ทำไม..เงียบ..บอกให้เงียบ..ป๊อปคอร์น!!”
“คุณพิมขา..เต๋าจัดการเองค่ะ”
ว่าแล้วเต๋าก็เอาถังน้ำสังกะสีมาครอบป๊อปคอร์นลงไปทั้งตัว แล้วนั่งทับไว้
“สงบสติอารมณ์ก่อนนะป๊อปคอร์น เงียบเมื่อไหร่ พี่เต๋าคนดีจะปล่อยให้ออกมานะ”
“คุณพิมครับ จากการที่ผมทำงานด้านเด็กและเยาวชนมามาก ผมขออนุญาต แนะนำอะไรบางอย่าง จะได้ไหมครับ” สุขสันต์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการ
พิมมาดาฟังแล้วใจแป้วหน้าซีดเผือด

ครู่ต่อมาพิมมาดากับสุขสันต์แยกออกมาคุยกัน
“อย่าตกใจนะครับคุณพิม แต่ผมเห็นว่าพฤติกรรมหลานๆ ของคุณพิมอยู่ในช่วงวิกฤตนะครับ”
“วิกฤต?” พิมมาดาเหวอ ตกใจ
“ผมสงสารพวกแกเหลือเกิน ถ้าให้ผมเดา ความตายของพ่อแม่แก ส่งผลกับสภาพจิตใจของเด็กๆ
อย่างมาก...พวกแกมีพฤติกรรมที่แปลกแยกแบบนี้”
พิมมาดาน้ำตาคลอ “แล้ว..แล้ว..ไม่มีทางแก้เลยหรือคะ” ระล่ำระลักถาม
“เรามี” สุขสันต์พูดเข้าทาง “...ก็มีครับ แต่ก็ไม่ง่ายนะครับ งานนี้เราคงต้องใช้บุคลากรระดับมือ
อาชีพ…”
“มืออาชีพ...” พิมมาดาอุทาน
“ผมรู้จักโรงเรียนที่เชี่ยวชาญเรื่องการปรับพฤติกรรมเด็กที่มีปัญหาทางจิตหนักๆ ให้กลับมาอยู่
ในทางที่ถูกที่ควรได้...เพื่อนผมก็เคยส่งลูกไปเรียนที่นี่..แค่ปีเดียวเองครับ...จากที่เคยเป็นเด็กชอบใช้ความรุนแรง..ก็กลายเป็นสุภาพ อ่อนโยน..ฉลาด รู้จักรับผิดชอบ ถ้าคุณพิมสนใจ ผมช่วยเป็นธุระประสานให้ได้นะครับ”
“โรงเรียนอะไร ทำไมวิเศษขนาดนั้นคะ แค่ปีเดียว ก็แก้ไขพฤติกรรมเด็กได้”
“เป็นโรงเรียนประจำที่อินเดียครับ”
“อินเดีย... หมายความว่าพิมต้องส่งหลานๆ ไปอินเดียเหรอคะ”
“ผมรู้ว่ามันยาก แต่คุณพิมก็ต้องยอม...เพื่ออนาคตของหลานๆ คุณนะครับ...แล้วผมจะส่งโปรไฟล์
โรงเรียนมาให้..คุณจะได้ลองไปพิจารณาดู”
พิมมาดาอึ้งยิ่งกว่าเก่า

คล้อยหลังที่ขบวนรถสุขสันต์แล่นออกจากบ้านพิมมาดาไปไม่นาน รถของกริสน์ก็มาจอดแอบๆ อยู่หน้าบ้านพิมมาดา
“น่านไง...ว่าแล้วต้องมาบ้านยัยเจ๊โหด...” ภัทรดนัยว่า
“แล้วแกมีทางอื่นมั้ย...” กริสน์ถาม หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไอเดียแสดงความคิดเห็นอย่างชุลมุน
“อืม...ถ้างั้นเอางี้ 1. นั่งรออยู่อย่างนี้ คอยดูลาดเลา” ภัทรดนัยแนะ
“โอย...เบื่อ”
“2.บุกเข้าไปจับตัว ขู่เอาความจริงมาให้ได้
“โหดไปไหมวะ เราตำรวจนะ”
“3.ให้ทำตามข้อ 4”
“แล้วข้อ 4 ล่ะ”
“ยังคิดไม่ออก”
“เออ ดี... เจริญแน่ๆ ชีวิตชั้น”
กริสน์บ่นอย่างสุดเซ็ง

โจ๊กยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้เขวี้ยงหินใส่กระจกรถสุขสันต์
“โจ๊กไม่ได้ทำ”
พิมมาดาคาดคั้น อย่างโมโห
“เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ โกหกแบบนี้ มันไม่แน่จริง รู้ไว้ด้วย..ถ้าไม่ยอมรับดีๆ น้าจะ
ลงโทษเธอ” หยิบหนังสือพิมพ์มาม้วนๆ “มานี่”
“ถึงขั้นต้องตีเลยเหรอพิม มันโหดร้ายไปนะ ค่อยๆ คุยกันดีกว่า” เค้กตกใจ
“เธออย่ามาทำให้เสียการปกครองเค้ก ชั้นจะสอนหลานชั้น” พิมมาดาพาลเอากับเค้ก
“อย่าตีพี่โจ๊กนะ พี่โจ๊กพูดความจริง จีจ้ายืนยันได้” จ้าจ้าโวย
“น้าพิมจะเชื่อคนอื่นมากกว่าหลานตัวเองเหรอ” แจ๊ส
“จีจ้า แจ๊ส พวกเธอก็มีคดีของตัวเองอยู่นะ..ไม่ว่าเขาจะเป็นคุณสุขสันต์หรือว่าเป็นใครพวกเธอก็ไม่
สามารถรวมหัวกันแกล้งได้..ดี น้าจะลงโทษทั้งสามคนเลย”
พิมมาดาไล่ตีเด็กๆ พวกเด็กๆ วิ่งวุ่นหลบ แต่ก็โดนตีไปตามๆ กัน
“ว้ายๆๆ ชั้นทนดูไม่ได้” เต๋าร้องวี้ดว้าย
“ทำไมล่ะ เธอ สงสารเด็กเหรอ” เต้ยสงสัย
“เปล่า ฉันอยากไปช่วยตี เด็กพวกนี้ จะทำให้คุณพิมขึ้นคานตลอดไป ต้องทำโทษให้หนักๆ”เต้ยว่า
“พิม...พอแล้วๆ...”
“น้าพิมใจร้าย น้าพิมแยกแยะคนดีคนชั่วไม่ออก แล้วจะมาสอนพวกเราได้ยังไง..โจ๊กเกลียดน้าพิม”
“ความรัก ทำให้น้าพิมตาบอด” แจ๊สเอา
“น้าพิมออกไปๆๆๆ” จีจ้ากลายเป็นผู้นำม็อบซะงั้น
พวกเด็กๆ ขับไล่พิมมาดา
“หยุดนะ!!! คิดว่าน้าอยากสอนพวกเธอนักเหรอ!!..น้าเหนื่อย เหนื่อยนะรู้มั้ย”
“ถ้าเหนื่อย ก็เอาพวกเราไปปล่อยวัดเลย” จีจ้าบอก
“ใช่ เราจะไปเป็นเด็กวัด” โจ๊กผสมโรง
“แจ๊สร้อยมาลัยเป็น พวกเราไปขายมาลัยตามสี่แยกกันดีกว่า”
“เอางี้ดีกว่า...น้าจะดัดนิสัยพวกเธอไปโรงเรียนดัดนิสัยที่อินเดีย” พิมมาดาตัดสินใจบอกออกไป
“อินเดีย”
“ห๊า” เต๋าเต้ยและเค้กตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน
“คุณสุขสันต์แนะนำน้า มันคงจะเป็นทางที่ดีที่สุด ถ้าพ่อแม่พวกเธอรู้ ก็คงจะเข้าใจในความหวังดี
ของน้า น้าจะส่งพวกเธอไปให้เร็วที่สุด พวกเธอจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับน้าคนนี้..คนที่คอยแต่บังคับโน่นบังคับนี่ คอยดุอย่างนั้นคอยดุอย่างนี้ คนที่พวกเธอเกลียดไง พอใจหรือยัง” พิมมาดาใส่อย่างหมดความอดทน
ทุกคนอึ้งที่เห็นพิมมาดาโมโหจนหลุดมากขนาดนี้
“เราไม่ไป” โจ๊กเสียงอ่อยๆ ผิดหวังในตัวน้าสาว
“พวกเธอต้องไป!”
จีจ้า “พวกเราไม่ไป...ไม่ไปๆๆๆๆ”
จีจ้าพูดจบ พวกเด็กๆ วิ่งออกไป โดยป๊อปคอร์นวิ่งตามไป
“เดี๋ยว..” เต๋าเรียกไว้
“ไม่ต้องตาม ชั้นบอกว่าไม่ต้องตาม”
พิมมาดาร้องห้ามไม่ให้ตาม ด้วยความโมโหสุดๆ
ทุกคนยิ้มเฝื่อนๆ เป็นเชิงหารือว่า เอาไงดี

กริสน์กับภัทรดนัยกำลังวางแผนหาทางเข้าไปในบ้านพิมมาดากันอยู่ ภัทรดนัยเสยผมหล่อเฟี้ยว
“ชั้นจะจีบยัยเจ๊โหดเอง..เสน่ห์ของชั้นจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้”
กริสน์เขกหัวหนึ่งโป๊ก “จริงจังหน่อยสิ”
“เฮ้ย แกกล้าเขกหัวนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาเหรอวะ”
“ที่ชั้นต้องถูกตามล่าทั้งจากผู้ร้ายและตำรวจนี่เพราะใคร เพราะแกคนเดียว เป็นหัวหน้าควบคุม
หน่วยลับบ้าบออะไร ปกป้องคุ้มกะลาหัวอะไรสายสืบอย่างชั้นไม่ได้เลย..แล้วยังมีหน้ามาโวยอีกเหรอ”
“ป่าวค้าบพี่ ผมไม่ได้โวยค้าบพี่”
“คิดแผนที่มันจริงจังหน่อยสิเว้ย”
ระหว่างที่กริสน์ไล่เตะ และภัทรดนัยวิ่งหนีกันอยู่นั้น สองคู่หูต้องผงะ เพราะหันเห็นพวกเด็กๆ วิ่งร้องไห้ออกมาจากในบ้านพอดี
“เฮ้ย นั่น ยัยเด็กแสบ..ร้องไห้ทำไมวะ” กริสน์สงสัยแกมงง
จีจ้าหันมาเห็นกริสน์พอดี
“ลูกพี่วิ่งสู้ฟัด”
จีจ้าวิ่งมาถึงก็กระโดดกอดกริสน์ร้องไห้ทันที กริสน์อึ้งๆ งงๆ ทำตัวไม่ถูก เอามือจะลูบหัว แล้วเปลี่ยนมาตบหลังแบบแมนๆ แทน แจ๊สกับโจ๊กยืนมอง หน้าตาครุ่นคิด

กริสน์รู้เรื่องทุกอย่างจากปากของ 3 แสบ อุทานอย่างไม่เชื่อสลับกับภัทรดนัยไปมา
“อินเดีย” กริสน์อุทาน
“อินเดีย” ภัทรดนัยอุทาน
“อินเดีย” กริสน์อุทานอีก
“อินเดีย” ภัทรดนัยก็อุทานอีก
“อือ จะพูดซ้ำๆกันอีกนานไหม” กริสน์ว่า
“ใช่ครับ / ใช่ค่ะ อินเดีย” 3 แสบบอกพร้อมๆ กัน
“โฮ่งๆ” ป๊อปคอร์นเห่ารับรู้ว่าอินเดียกับเขาด้วย
“แกก็ต้องไปอินเดียด้วยเหรอ ป๊อปคอร์น” กริสน์จ้องหน้าป๊อปคอร์น
“น้าพิมใจร้าย เชื่อคุณสุขสันต์มากกว่าหลานตัวเอง..คุณสุขสันต์เค้าเกลียดจีจ้า เกลียดพี่แจ๊สพี่โจ๊ก
ด้วย เค้าเลยจะกำจัดพวกเรา ให้พวกเราไปไกลๆ จากน้าพิม” จีจ้าระบายอย่างผิดหวัง
“น้าพิมอยากแต่งงานที่สุดในโลก” แจ๊สว่า
“แต่ถ้าเป็นสุขสันต์โจ๊กจะไม่ขอกลับบ้านไปหาน้าพิมอีกแล้ว” โจ๊กตั้งปณิธาน
จีจ้าดูจะอินจัดผละออกจากตัวกริสน์ แล้วเดินไปนอนขดตัวกับพื้น ราวกับจะนอนข้างถนน
“ทำอะไรน่ะ” ภัทรดนัยงง
“จีจ้าเป็นเด็กบ้านแตกสาแหรกขาด” จีจ้านอนขดตัว ออกอาการหนาวเหน็บ
“โหว... เด็กสมัยนี้จินตนาการล้ำเลิศจริงๆ!” ภัทรดนัยทึ่ง
“แม่จ๋า..พ่อจ๋า มารับพวกเราไปด้วย..พวกเราเป็นเด็กกำพร้า ไร้ญาติขาดมิตร” จีจ้าพร่ำเพ้อ
“ยัยโหดนั่นต้องเลี้ยงหลานไม่เป็น เป็นผู้หญิงใจร้ายที่ห่วยแตกแบบสุดๆ เลยนะเนี่ย หลานถึงเป็น
แบบนี้ พอตัวเองแก้ปัญหาไม่ได้ ..ก็คิดจะส่งเด็กไปดัดนิสัย..” ภัทรดนัยครุ่นคิด แล้วปิ๊งขึ้นมา “ฮ้า ชั้นรู้แล้วไอ้กริสน์..นี่แหละ ช่องทางที่เราจะใช้เข้าถึงตัวนายสุขสันต์ นี่แหละเว้ย”
“เด็กเนี่ยนะช่องทาง ช่องอะไรวะ” กริสน์ไม่เก็ต
ภัทรดนัยลากกริสน์มากระซิบบอกแผนการ
“ยัยเจ๊โหดเลี้ยงเด็กไม่เป็น และอยากดัดนิสัยเด็ก เราก็จัดให้สิวะ..แกต้องไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดัด
นิสัยให้เด็กๆ จะได้ไม่ต้องไปอินเดีย ระหว่างนั้น แกก็คอยตามสืบเรื่องนายสุขสันต์ไปด้วย”
“หาๆๆ แกพูดเล่นใช่มั้ย”
“ชั้นพูดจริง!!!”

กริสน์ผงะ เดินหนีไปทันที
“ไม่เอา!!! ให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนแล้วชั้นถึงจะเลี้ยงเด็ก
“แกต้องเลี้ยง
“ไม่!ชั้นเกลียดเด็ก! คนเดียวชั้นก็แย่แล้ว แต่นี่สามคน กะหนึ่งตัว ชั้นไม่เลี้ยง..แล้วทำไมแกไม่เข้า
ไปเลี้ยงเองวะ” กริสน์ยืนกรานเสียงแข็ง
“แกเป็นตำรวจสายลับมือหนึ่งของไทยนะเว้ย..เป็นไอด้อลของตำรวจรุ่นน้องกี่รุ่นต่อกี่รุ่น..ผู้ร้ายเป็นสิบๆแกยังไม่เคยกลัว แล้วจะมากลัวอะไรกับเด็กสามคนวะ..แกต้องสู้..สู้เพื่อศักดิ์ศรี..สู้ๆ” ภัทรดนัยบิ้วท์อย่างหนัก
“สู้..ไม่ไหวว่ะ ชั้นขอบายแผนการนี้”
“บายไม่ได้”
“บาย”
“เด็กๆ ช่วยด้วย” ภัทรดนัยร้องหาตัวช่วย
พวกเด็กๆ สามคนออกมายืนขวางหน้ากริสน์ไว้ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“ไอ้ภัทรดนัย แก..อย่าเล่นไม้นี้นะเว้ย..ชั้นจะทำงานนี้ แต่แกต้องหาวิธีเข้าถึงตัวนายสุขสันต์ใหม่
เท่านั้น” กริสน์โวยวาย
“แกไม่อยากลบล้างมลทินให้ตัวเองเหรอ..อย่าลืมนะเว้ย เวลานี้ แกถูกหมายหัวทั้งจากพวกเสี่ย
อธิป แล้วพวกตำรวจก็ตามล่าแกอยู่ เพราะคิดว่าแกมีเอี่ยวในธุรกิจผิดกฎหมายด้วย..ถ้าแกไม่ทำ แกก็ต้องหลบหนีไปตลอดชาติ ใครก็ช่วยไม่ได้นะเว้ย..แล้วแกดูดิ..เด็กๆ พวกนี้ ดูไปดูมาก็น่ารักดีนะเว้ย” ภัทรดนัยบิ้วท์อีก
จังหวะนั้นจีจ้าก็อวดความน่ารักด้วยการแคะขี้มูกออกมา
“ขี้มูก แหวะๆๆๆๆ”
จีจ้าชูนิ้วที่มีขี้มูกติดไปให้กริสน์ดู
“เช็ดให้หน่อยค่ะ”
“น่ารักมาก”
“เชื่อชั้น แกไม่มีทางเลือกแล้ว”
“ชั้นอยากตาย”

พิมมาดานั่งเครียด ถามด้วยสีหน้ามึนตึงอยู่ที่ในบ้าน
“พวกเด็กๆ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ยังเลยค่ะ ออกไปไหนก็ไม่ทราบ พวกเด็กคงจะเสียใจที่คุณพิมคิดจะส่งไปอินเดีย เป็นเต้ย เต้ยก็
เสียใจค่ะ คุณพิมจะส่งไปจริงๆ เหรอคะ มันใจร้ายมากเลยนะคะ” เต้ยบอก
“คิดว่าชั้นอยากทำแบบนี้เหรอ พวกเธอมีวิธีที่จะทำให้หลานชั้นเป็นเด็กดีเหมือนลูกๆ ชาวบ้านมั้ย
ล่ะ..ตอนนี้ชั้นจนปัญญาแล้ว” พิมมาดาพูดอย่างเหลืออด
“ยัยพิม อย่าเครียดๆ ชั้นเข้าใจแก ถ้าแกคิดว่าการส่งเด็กๆไปอินเดียมันจะดีกับพวกเด็กๆมากกว่า
อยู่กับแก..ชั้นก็เห็นด้วยว่าควรส่งไป” เค้กว่า
“ชั้นยังไม่ได้ตัดสินใจนะเค้ก มันเป็นแค่อีกทางเลือกนึง ที่ฉันกำลังคิดอยู่”
“ทางเลือกที่มาพร้อมผู้ชายที่หล่อขั้นเทพ...ยัยพิมเอ๊ย แกเสียสละความสุขที่แกควรจะได้รับมามาก
พอแล้ว แกควรจะทำอะไรเพื่อตัวเองได้แล้ว” เค้กปรารภ
“แต่ชั้นไม่อยากทำอย่างนี้จริงๆนะเค้ก
อยู่ๆ เต๋าก็วิ่งพรวดเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่น
“คุณพิม! เด็กๆ กลับมาแล้ว มารอคุณพิมอยู่ที่ร้าน บอกมีเรื่องจะคุยด้วย" เต๋าบอก
ทุกคนอึ้ง แปลกใจ พิมมาดาดีใจแต่เก็บอาการพยายามไม่แสดงออก

พิมมาดากึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในร้านดอกไม้เพราะในใจเป็นห่วงหลาน แต่พอใกล้จะถึงตัวหลานๆ ก็ชะลอความเร็วลง แล้วทำเป็นไม่ใส่ใจ ทุกคนตามเข้ามา
“เฮ้ย..กลับมาง่ายๆ ยังงี้น่ะเหรอ” เต้ยงง
“รู้ตัวว่าผิด จะมาขอโทษน้าใช่มั้ย...” พิมมาดาถาม
“พวกเรามีข้อเสนอมาให้น้าพิม” โจ๊กพูดเป็นทางการ ท่าทางจริงจัง
“ข้อเสนออะไร” พิมมาดาแปลกใจ
“เรื่องที่น้าพิมจะส่งพวกเราไปอินเดีย..พวกเราไม่อยากไป” โจ๊กบอก
“ถ้าไม่อยากไป ก็ต้องเชื่อฟังน้า” พิมมาดายื่นข้อเสนอ
“แต่น้าพิมถูกประเมินเป็นผู้หญิงที่ล่มสลายทางการเลี้ยงดูเด็กแล้ว..น้าพิมอบรมสั่งสอนพวกเรา
ไม่ได้แล้ว” แจ๊สออกตัวแรง
“ถ้างั้นก็ไปอินเดีย!!”
“เราไม่ไปอินเดีย และเราก็ไม่เชื่อฟังน้าพิม แต่เราพาคนที่จะอบรมสั่งสอนพวกเรามาเอง”
โจ๊กบอก
“โคร” เต๋า เต้ยแม่ยกเอเอฟประสานเสียง
กริสน์เดินเข้ามา ทุกคนอึ้ง
“อ๊าย..นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจออีกแล้วสิ” เค้กระรื่น
“นายอีกแล้วเหรอ”

สิ้นเสียงของพิมมาดา กริสน์ก็วิ่งกระเจิงออกมานอกร้าน มีข้าวของปาไล่หลังตามมาชุดใหญ่ ด้วยฝีมือพิมมาดา
พิมมาดาถือไม้ถูพื้นในมือออกมาขับไล่กริสน์เต็มที่ เต๋ากับเต้ยตามลุ้นใจหายใจคว่ำไม่แพ้ตอนลุ้นผลเอเอฟ
“ออกไปจากร้านชั้น ไป”
พวกเด็กๆ วิ่งออกไปเอาตัวปกป้องกริสน์
“อย่าทำอะไรน้ากริสน์นะ” โจ๊กเรียกอย่างหนิดหนม
“เดี๋ยวๆๆ วางอาวุธลงก่อน เราอย่าใช้ความรุนแรงคุยกันเลยนะ นายกริสน์เนี่ยก็หน้าตา..โอเค
น่าจะคุยกันรู้เรื่อง” เค้กรีบห้ามทัพ เพราะแก่หน้าตาของกริสน์
“เค้ก หลบไป..แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า กลับมานี่..ไม่รู้หรือไงว่าหมอนี่มันเป็นคนไม่ดี”
“น้ากริสน์วิ่งสู้ฟัดเป็นคนดี น้าพิมทำไมดูไม่ออก” จีจ้าเอ่ยขึ้น
“นั่นดิ แจ๊สงงนะเนี่ย” แจ๊สผสมโรง
“คนดียังไง ถูกคนบุกไล่ยิงตลอดเวลา แถมลักพาตัวจีจ้าไปขังไว้ตั้งคืนนึง” พิมมาดาไม่เชื่อ
“น้าเค้าไม่ได้ขัง..น้าพิม น้ากริสน์เค้าไม่ใช่ผู้ร้ายนะ ตรงข้าม เค้าเป็นตำ...”
กริสน์รีบทำทีเป็นเอะอะกลบเกลื่อนทันที
“ผมเป็นตำส้มตำได้ ตำมั่ว ตำซั่วตำได้หมด..ที่ผมโดนไล่ยิงบ่อยๆ เพราะผมอาจจะเผลอไปขับรถ
ปาดหน้าใคร..มันเลยแค้นขับรถไล่ยิงผม..คุณเชื่อผมมั้ย..คุณไม่เชื่อหรอก ผมรู้ เพราะคุณมันไม่เคยเชื่อ ไม่เคยฟังใครเลย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เผด็จการ พวกเด็กๆ ถึงหนีออกจากบ้าน” กริสน์อธิบายยาวเหยียด
“ชั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ยังไงชั้นก็ไม่ให้นายมายุ่งกับหลานชั้นอยู่ดี” พิมมาดายืนกราน
“น้าพิมต่างหาก ที่พวกเราไม่อนุญาตให้มายุ่งด้วย” แจ๊สท่าทางขึงขัง น้ำเสียงจริงจัง
“จริงค่ะ อุ๊บส์” เต๋า กับเต้ยประสานเสียง
“ถ้าน้าพิมไม่ยอมให้พี่กริสน์เป็นพี่เลี้ยง พวกเราก็จะไม่อยู่บ้านนี้..ไปเถอะพวกเรา” จีจ้าว่า
“คิดว่าจะไปได้ง่ายๆ เหรอ พวกผู้ใหญ่..จัดการ”
เต๋า เต้ย และเค้กเข้าไปรุมจับเด็กทั้งสามคนเอาไว้ ล็อกตัวทันควัน
“เฮ้ย” กริสน์ร้องลั่น
พิมมาดาเดินมาขวางหน้ากริสน์เอ่ยขึ้น “นายอย่ายุ่ง”
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้” กริสน์ถามกวนๆ
“เรื่องของชั้น นี่หลานชั้น นายไม่ต้องมายุ่ง ออกไปจากร้านชั้นเดี๋ยวนี้ ไป” พิมมาดาไล่ส่ง
ทันใดนั้น จีจ้าก็อาการหอบกำเริบ หายใจฟืดฟาดๆ แล้วทรุดไป เค้กที่จับตัวจีจ้าอยู่ ตกใจมาก รีบปล่อยมือออกทันที
“ว้าย”
จีจ้าลงไปดิ้นพร่าดๆ กับพื้น
“หะ หายใจ..ไม่..ออก…”
“จีจ้า” พิมมาดาถลาเข้าไปหา “จีจ้า..ยาพ่น..ยาพ่นอยู่ไหน” ควานหาในกระเป๋าจีจ้า เจอยาพ่น รีบ
หยิบออกมา “จีจ้า มาน้าพ่นให้”
พิมมาดาประคองจะพ่นยาให้จีจ้า แต่จีจ้าผละตัวเองออก
“ไม่..จีจ้าไม่พ่น”
“จีจ้า”
“ถ้าน้าพิมไม่ให้พี่กริสน์เป็นพี่เลี้ยง จีจ้าไม่พ่น” จีจ้ายื่นข้อเสนอในนาทีเป็นนาทีตายนั้น
“จีจ้า อย่าทำอย่างนี้”
“ไม่” จีจ้าเอาแต่ดิ้นๆ ไม่ยอมพ่นยา จนอาการหอบหืดรุนแรงขึ้นอีก
“นายทำอะไรหลานชั้น!!” พิมมาดาเริ่มพาลอีก หันมาโวยใส่กริสน์
“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ ผมไม่รู้เรื่อง” กริสน์ปฏิเสธ
“จีจ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ พ่นยาเดี๋ยวนี้” จีจ้าดิ้นรนขัดขืน ไม่ยอมพ่น “ก็ได้ๆๆๆ น้ายอมรับหมอ
นี่ก็ได้..พ่นยาก่อนได้มั้ย”
จีจ้าพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ได้...” พิมมาดาทำท่าจะพ่นต้องชะงัก “แต่ให้พี่กริสน์พ่น” จีจ้าบอก
“จีจ้า” พิมมาดาเหวอ
“น้าพิมถูกประเมินแล้วว่าล่มสลายทางการเลี้ยงดูเด็ก จำไม่ได้เหรอคะ” แจ๊สสำทับ
“เอายามา ผมพ่นให้เอง”

พิมมาดาจำใจยอมส่งยาพ่นให้กริสน์










Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 13:13:23 น.
Counter : 288 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]