All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 14



มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 14

เมทินีผงะแล้วทำท่าจะถอยหนีออกนอกห้อง แต่กริสน์รีบไปขวางทางเอาไว้

“ฟังก่อนครับคุณนี ผมไม่ได้จะมาทำร้ายคุณ”
“คุณกริสน์อย่าหลอกนี..นีรู้ว่านีสวย เป็นที่ปรารถนา” เมทินีคว้าแจกันขึ้นมาถือไว้เป็นอาวุธ “แต่ถ้าคิดว่านีจะยอมคุณง่ายๆก็ลองดู”
“เมื่อกี้เจ๊ยังดีใจโผกอดซะกลมดิ๊ก..คุณกริสน์ๆอยู่เลย” ภัทรดนัยงง
“เมื่อกี้ชั้นลืมตัว..ลืมไปว่าคุณกริสน์ไม่ใช่คนเดิม..ที่ชั้นเคย..รู้สึกดีๆด้วยอีกแล้ว” เมทินีมีท่าทีสะเทือนใจ “แต่คุณเป็น พ่อค้ายาเสพติด”
“เราถูกจัดฉากใส่ร้าย..คนร้ายจริงๆยังลอยนวลอยู่ ผมเลยอยากขอร้องให้คุณนีช่วย” กริสน์ขอร้อง “ช่วย..จะให้นีช่วยอะไร..ดูๆๆ ทั้งคุณ ทั้งเพื่อนคุณ จ้องนีตาเป็นมันขนาดนี้ นีรู้นะว่าอดใจไม่ไหว คิดจะทำมิดีมิร้ายนี ใช่มั้ย”
“ไม่ได้คิด” กริสน์กับภัทรดนัยประสานเสียงตอบ
“นีไม่เชื่อ!”
อยู่ๆ พิมมาดาก็โพล่งทะลุกลางปล้องขึ้นมา “คุณเมทินี นายปาล์มลูกชายคุณติดยา!”
เมทินีชะงัก “อะไรนะ”
“นายปาล์ม..แล้วก็เด็กๆที่มีอาการแปลกๆ..เป็นเพราะยาเสพติดที่อยู่ในขนมสวีทโอปอล์” พิมมาดาบอก
“น้าพิมพูดจริงๆนะคะ ไม่ได้โกหก” แจ๊สสนับสนุน
“ใช่ๆๆ” โจ๊กกับจีจ้าช่วยหนุน
“ผมมีหลักฐาน นี่ เอกสารสูตรเคมีที่ใช้เป็นส่วนผสมของขนมสวีทโอปอ ตัวสีแดง ที่เห็นในเอกสาร คือ ชื่อเคมีของยาเสพติดแบบใหม่ชนิดนึง” กริสน์ยื่นเอกสารให้เมทินี
“ชั้นอ่านไม่รู้เรื่อง..แล้ว..คิดว่าชั้นจะเชื่อเอกสารแผ่นเดียวเนี่ยเหรอ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงปาล์มครวญครางดังมาจากด้านบน
“งั้น..ผมจะพิสูจน์ให้ดู” กริสน์คว้ามือเมทินีแล้วลากไป
“ช่วยด้วย.....โดนผู้ชายฉุด” เมทินีร้องโวยวาย

ปาล์มยังคงถูกมัดอยู่ที่เดิม เขาพยายามร้องไห้คร่ำครวญ
“แม่จ๋า แม่..ช่วยหนูด้วย..ช่วยหนูเถิดหนา หนูเกิดมา ช่างมีกรรม หนูเป็นเด็ก ตาดำๆ โปรดอย่าทำ ทารุณๆ ..ปล่อยหนูไป”
กริสน์ลากเมทินีเข้ามาในห้อง
“ลูกปาล์ม” เมทินีหันไปสั่งแม่บ้าน “อุ่น..ออกไปก่อนเถอะ”
แม่บ้านเดินออกไป
“คุณนีดูนะ” กริสน์พยักหน้าเป็นสัญญาณให้ภัทรดนัยจัดการ
ภัทรดนัยหยิบขนมสวีทโอปอล์ออกมาล่อปาล์มทันที
“นายปาล์ม อยากกินขนมมั้ย” ภัทรดนัยชูสวีทโอปอล์
“สวีทโอปอล์!” ปาล์มน้ำลายไหลท่วมปากขึ้นมาทันที “จะกิน เอามา แฮ่ๆๆ”
ปาล์มดิ้นรนจะเอาขนมให้ได้ เขาพยายามดิ้นอย่างรุนแรงจนเตียงขย่ม
“โหว น้ำลายไหลยังกับเปิดก๊อก” โจ๊กตกใจ
“เอาขนมมา!! ไม่งั้น..ถ้าชั้นหลุดไปได้เมื่อไหร่ แกตาย แฮ่ๆๆ” ปาล์มทุรนทุราย
“โหว ตายเลยเหรอ” ภัทรดนัยยั่ว เขาเอาขนมไปถือล่อให้ปาล์มอ้าปากงับ แต่ภัทรดนัยก็หลบทำให้ปาล์มงับได้แต่ลม ภัทรดนัยยังเอาขนมมาแกว่งๆใกล้ปาก ปาล์มพยายามแลบลิ้นให้ยาวที่สุดเพื่อจะแตะขนมให้ได้
เมทินีเข้ามาดึงขนมจากภัทรดนัยทันที “หยุดแกล้งลูกปาล์มได้แล้ว!” เมทินีเอาขนมซ่อนไว้ด้านหลัง “ลูกปาล์ม..ลูกอยากกินขนมถึงขั้นนี้เลยเหรอลูก..ตั้งสติหน่อยสิ”
“เอาขนมมา!!! แฮ่ๆๆ”
เมทินีสะเทือนใจ “ไม่..ไม่จริง..ลูกปาล์มจะงับหม่ามี้เหรอ หม่ามี้ไม่ใช่ศัตรูนะคะ”
“ทุรนทุราย คลุ้มคลั่ง ขาดสติ จำพ่อจำแม่ไม่ได้ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นอาการของอะไร” กริสน์พูด
“ปาล์มน้อยติดยาจริงๆเหรอเนี่ย..ในขนมสวีทโอปอมียาเสพติดจริงๆเหรอ” เมทินีโมโห “ใครกัน ที่ทำเรื่องเลวทราบอย่างนี้..ปาล์มน้อย เป็นแค่เด็กน้อยตัวเล็กๆตาดำๆสะอาดและอินโนเซ้นซ์ แต่กลับต้องมาติดยา..โถ ลูกน้อยของหม่ามี้”..
“คุณนีต้องช่วยพวกเรานะคะ” พิมมาดาอ้อนวอน
“ไม่ ชั้นไม่ช่วยเธอ..แต่ชั้นจะช่วยคุณกริสน์” เมทินีหันไปพูดกับกริสน์ “คุณกริสน์ขา จะให้นีช่วยยังไง บอกมาเลยค่ะ นีจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกของเรา”
กริสน์กับภัทรดนัยทำหน้าเซ็ง ขณะนั้นจีจ้ามองผ่านกระจกออกไปหน้าบ้านแล้วเห็นรถคันนึงจอดอยู่ก็นึกสงสัย
“น้าพิม..นั่นรถใครอ่ะ เห็นมาจอดตั้งนานแล้ว”
พิมมาดาไม่สนใจ เพราะเธอกำลังงอนกริสน์เรื่องเมทินีอยู่ พิมมาดาเดินแยกไป กริสน์กับภัทรดนัยชวนเมทินีไปวางแผนอีกด้านหนึ่ง โดยที่แจ๊สกับโจ๊กตามไปด้วย ทุกคนแยกย้ายไปโดยไม่มีใครสนใจจีจ้า

แพรวพิลาศกำลังดูคลิปจากมือถือ คลิปนั้นเป็นภาพของกริสน์ ภัทรดนัย พิมมาดาและเด็กๆที่กำลังแอบเข้าไปในบ้านของเมทินี
“ไปสุมหัวกันอยู่ที่บ้านยัยเมทินีนี่เอง”
ทันใดนั้น สุขสันต์ก็เดินเข้ามาพอดี
“พูดถึงใคร” สุขสันต์ถาม
“ดูเองสิคะ” แพรวพิลาศเอาคลิปให้สุขสันต์ดู “สายของแพรวส่งมาให้”
สุขสันต์ดูคลิป “ไอ้กริสน์..มันยังไม่ตายอีกเหรอ!! เจอทั้งผู้ร้าย ทั้งตำรวจถล่ม แล้วมันยังรอดมาได้อีก..!” สุขสันต์ทำท่าจะเดินออกไป
“อย่าไปค่ะ ปล่อยให้ลูกน้องจัดการดีกว่านะคะ แพรวไม่อยากให้มือคุณเปื้อนอะไร ก่อนวันแต่งงานของเรา..นะคะ”
“ผมจะจัดการเอง!”
สุขสันต์พูดเด็ดขาดแล้วเดินฉุนเฉียวผ่านแพรวพิลาศออกไป

สุขสันต์กำลังจะเดินไปขึ้นรถที่ฉัตรชัยกับฮิมสตาร์ทเครื่องรอไว้
“ฉัตรชัย ฮิม ออกรถ!” สุขสันต์สั่ง
ฉัตรชัยกับฮิมที่รออยู่แล้วรีบตื่นตัวขึ้นมาทันที ทั้งคู่กุลีกุจอไปเปิดประตูให้สุขสันต์ แต่อยู่ๆจตุพลกับน้อมพงษ์ก็บุกมาขวางไว้
“คุณสุขสันต์!” จตุพลตะโกนเรียก
สุขสันต์ชะงัก ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ขึ้นรถ
“พวกแก” สุขสันต์โมโห
“รู้ใช่มั้ยว่าผมมาเรื่องอะไร” จตุพลถาม
สุขสันต์ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อทันที “พวกแกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ไอ้กริสน์กับพวกมันกำลังหาทางเล่นงานเราอยู่ เพราะแกคนเดียว!”
“เพราะใครกันแน่!!! ใครเป็นคนส่งไอ้ตำรวจขี้โอ่คนนั้นมา!!! ห๊า!” จตุพลสวน
“ตำรวจ?..ตำรวจอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง” สุขสันต์ทำไก๋
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว!” น้อมพงษ์ว่า
จตุพลควักปืนออกมาเล็งทันที ฉัตรชัยกับฮิมจะขยับ แต่น้อมพงษ์ก็ควักปืนสองกระบอกมาเล็งทั้งคู่ได้ก่อน
“เออ..ใช่..พวกแกจะบุกไปฆ่าไอ้กริสน์กับเสี่ยอธิปในถิ่น ที่มีแต่พรรคพวกของมัน คิดว่าแกจะทำสำเร็จเหรอ..ชั้นเป็นห่วง ก็เลยส่งคนไปช่วย” สุขสันต์ยอมรับ
“ช่วยเหรอ..ถุย..ถ้าไม่มีใครมาขัดขวาง ป่านนี้พวกมันก็ตายหมดแล้ว!” น้อมพงษ์พูด
“คิดจะส่งตำรวจมาช่วยจับพวกไอ้กริสน์ หรือจะให้มาจับพวกชั้นด้วยกันแน่!! ห๊า!! คุณสุขสันต์..ทำกันอย่างนี้ แล้วจะให้ไว้ใจกันอีกได้ยังไง!” จตุพลถาม
“แล้วการที่แกแอบงุบงิบทำอะไรโดยไม่บอกชั้น มันแปลว่าไว้ใจได้งั้นเหรอ” สุขสันต์ย้อน
“พูดงี้หมายความว่าไง!” จตุพลฉุน
แพรวพิลาศถือปืนเดินออกมา “ถ้าพวกแกคิดว่าจะอวดเบ่งในบ้านคนอื่น แล้วเดินออกไปได้ง่ายก็ลองดู” พวกบอดี้การ์ดตามเข้ามาล้อมจตุพลกับน้อมพงษ์ไว้
ฉัตรชัยกับฮิมกลับมาเหนือกว่าน้อมพงษ์ทันที ทั้งสองควักปืนคนละกระบอกขึ้นมาเล็งไปที่น้อมพงษ์ ก่อนจะควักออกมาอีกคนละกระบอกแล้วเล็งไปที่น้อมพงษ์อีก
“สี่ต่อสองว่ะ ฮ่าๆ” ฉัตรชัยหัวเราะร่วน
“หน็อย คิดว่ามากกว่าแล้วจะกลัวเหรอ” น้อมพงษ์ถอยไปหาจตุพล “ถอยก่อนมั้ยครับ”
“จตุพล..ตอนนี้เราอยู่ในสถานะเดียวกัน..มีศัตรูคนเดียวกัน..ถ้าแกไม่ไว้ใจชั้น แกก็ไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้ว” สุขสันต์บอก
สุขสันต์ไม่สนใจปืนที่จตุพลจ่อเขาอยู่ เขาเดินไปขึ้นรถ แพรวพิลาศ ฉัตรชัย และฮิมตามไปขึ้นรถ ทั้งหมดออกรถไปทันที จตุพลกับน้อมพงษ์ได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกแค้น

กริสน์กำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้านของเมทินี
“คุณพิม..ระหว่างที่พวกผมออกไปจัดการปัญหา..คุณกับเด็กๆอยู่ที่นี่ได้นะ”
“แล้วทำไมจะอยู่ไม่ได้” พิมมาดาถามด้วยเสียงขุ่นๆ
“อ้าว มีย้อนด้วย” กริสน์งง
“นายไม่ต้องห่วงชั้นหรอก ห่วงตัวนายเองเถอะ..ยิ่งชอบทำตัวบ้าพลังไม่เข้าเรื่องอยู่ด้วย..ชั้นขอเถอะนะ อะไรที่มันเหลือบ่ากว่าแรง ก็ไม่ต้องอวดเก่ง”
กริสน์ยิ้ม “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม”
“ชั้นห่วงว่าจะไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ชั้นไม่อยากเป็นผู้ร้ายหนีคดีไปจนตาย หลานๆชั้นต้องมีอนาคตที่ดีกว่านี้”
“เข้าใจๆ แต่ก็เป็นห่วงผมด้วย?”
“ไปทำหน้าที่ของนายได้แล้ว” พิมมาดาตัดบทแล้วทำท่าจะไปแต่กริสน์เรียกไว้
“คุณพิม! ..เอ่อ ถ้าสมมติว่า..ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด ถ้าผมทำไม่สำเร็จ..ผมอยากบอกคุณว่า..ผมขอโทษที่ทำให้ชีวิตคุณและหลานๆ”
พิมมาดาตัดบท “คนที่ต้องขอโทษชั้นคือคุณสุขสันต์ ไม่ใช่นาย นายพยายามจะช่วยชั้น ช่วยเหลือทุกคน ชั้นสิ ที่ต้องขอบคุณนาย”
“ผมแค่..ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิด..เลยพูดเผื่อไว้”
“นายต้องทำสำเร็จ ชั้นเชื่อใจนาย”
พิมมาดากับกริสน์มองตากันอย่างซึ้งใจ
ภัทรดนัยเดินเข้ามาพร้อมมือถือในมือ “ไอ้กริสน์ๆ ชั้นเช็คข่าวแล้ว..ชะอุ๋ย โทษทีๆๆ ชั้นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ตามบายๆ ต่อๆๆ ห้าสี่สามสอง แอคชั่น!”
“มีอะไรว่ามา” กริสน์ถาม
“ชั้นเช็คข่าวแล้ว ในเนท ในหนังสือพิมพ์ ไม่มีข่าวเสี่ยอธิปถูกจับหรือเสียชีวิตเลย..แสดงว่า เสี่ยอธิปต้องปลอดภัยอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่”
กริสน์ดีใจ “เยี่ยมเลย..เสี่ยอธิปต้องตามหาพวกเราเจอแน่”
“แล้วยัยเจ๊เมทินีอยู่ไหน ยังไม่มาอีกเหรอ วันนี้จะได้ออกไปลุยมั้ยเนี่ย”
ทันใดนั้น เสียงเมทินีก็ดังขึ้น “นีพร้อมลุยแล้วค่ะ!”
เมทินีเดินเข้ามาในชุดลายพราง พร้อมบู๊เต็มพิกัด กริสน์ ภัทรดนัย และพิมมาดาถึงกับตะลึงงัน
“จะไปตามล่าสมบัติมัมมี่ที่ไหนวะเนี่ย” ภัทรดนัยพึมพำ

รถของเมทินีแล่นมาจอดที่ตึกสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมทินีเดินมาดมั่นสวนผู้คนไปตามทาง โดยมีกริสน์กับภัทรดนัยในมาดบอดี้การ์ดสวมแว่นดำเดินประกบข้าง
ที่นั่น ครูฟ้าใส ครูพงษ์พัฒน์ กลุ่มครู และกลุ่มพ่อแม่กำลังรออยู่
“คุณเมทินีมาแล้ว!” ครูพงษ์พัฒน์ตะโกน
ทั้งหมดรีบกรูเข้ามาหาเมทินีทันที
“คุณเมทินีเรียกพวกเรามา จะให้ทำอะไรว่ามาเลยครับ” ครูพงษ์พัฒน์ถาม
“พวกเรา ครู และพ่อแม่ผู้ปกครอง พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อโรงเรียน เอ๊ย เพื่อเด็กนักเรียนของพวกเรา..เราจะสู้!” ครูฟ้าใสพูดนำ
“สู้!” ทุกคนพูดตาม
“คุณครูฟ้าใส คุณครูพงษ์พัฒน์ตามชั้นมา..เราต้องช่วยกัน” เมทินีบอกแล้วเดินนำไป พวกครูและพ่อแม่เดินตามหลังเป็นกองทัพ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเค้ก เต๋า และเต้ยเดินสวนมาอย่างมาดมั่นราวกับชาลีแองเจิ้ล
ทั้ง 3คนเดินมาด้วยความเท่ ผมปลิว เสื้อผ้าปลิว ทั้งสามประสานเสียงทันที
“กองทัพสาวสวยมาแล้ว!”
กริสน์ทำหน้าดีใจ ทุกคนรีบเดินพุ่งเข้าไปในตึกทันที

ผู้ประกาศข่าวกำลังอ่านข่าวอยู่ภายในห้องส่ง
“ส่วนสถานการณ์เรื่องอาการประหลาดที่เกิดขึ้นกับนักเรียนตามเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศ..ล่าสุดมีนักวิชาการออกมาแสดงทัศนะว่า อาการเหล่านี้ อาจจะเป็นแค่การเล่นสนุกแบบแผลงๆของวัยรุ่น จากเดิมเรามีแพลงกิ้ง มีพับเพียบ ตอนนี้ก็วิวัฒนาการมาเป็น..ชักแหง็กๆ”
อยู่ๆประตูห้องส่งก็ถูกเปิดออก เมทินีนำทีมบุกเข้ามาในห้องส่งอย่างไม่สนใจใคร รปภ.พยายามห้าม แต่ก็ห้ามไม่ไหวเพราะพวกเมทินีกรูเข้ามากันจนหมด
“ใครคือโปรดิวเซอร์รายการนี้!” เมทินีตะโกนถาม
ทีมงานทุกคนได้แต่ทำหน้างง โปรดิวเซอร์ให้สัญญาณผู้ประกาศพูดเข้าช่วงพักเบรคทันที
“ผมเองครับคุณเมทินี..พวกคุณมีอะไรคับ” โปรดิวเซอร์เข้าไปหาเมทินี
“ชั้นมีความจริงเกี่ยวกับสาเหตุที่พวกเด็กนักเรียนมีอาการแปลกประหลาดจะมาบอก..บอกมาสิว่าไม่สนใจ!”

พิมมาดา แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าช่วยกันหอบขนมสวีทโอปอล์มาใส่ถุงดำเพื่อจะเอาไปทิ้ง
“นายปาล์มมีขนมเยอะขนาดนี้เลยเหรอ” แจ๊สหอบอย่างเหนื่อยๆ
“คนรวยนี่น่าอิจฉาเนอะ” จีจ้าพูด
“จะไปอิจฉาทำไม เพราะน้าพิมไม่ให้เงินเราไปซื้อขนม เราถึงไม่ติดยาเหมือนคนอื่นๆ” โจ๊กบอก
“เด็กๆเอาขนมมาหมดทุกซอกทุกมุมแล้วใช่มั้ย..งั้นป้าอุ่นคะ ฝากกำจัดทีนะคะ” พิมมาดาวานแม่บ้าน
“ป้าจะเผาไม่ให้เหลือซากเลยค่ะ”
ปาล์มเข็นรถเข็นที่เขานั่งอยู่เข้ามา
“ไม่” ปาล์มพยายามจะเดิน แต่พอลุกขึ้นก็เซ เหมือนคนไม่มีแรง “อย่าเอาขนมไปทิ้ง..ได้โปรด พลีส”
“ปาล์ม”พิมมาดาพยายามปราม
“ผมเองครับน้าพิม” โจ๊กเข้าไปจับปาล์มไว้ “ปาล์ม..ที่นายไม่มีแรง ก็เพราะขนมนั่น แล้วนายยังจะอยากกินอีกเหรอ”
“แล้วเห็นมั้ยว่า พอไม่ได้กิน นายก็เริ่มมีแรง พูดจารู้เรื่องขึ้น..อดทนหน่อยสิ” แจ๊สช่วยให้สติ
“เมื่อกี้นายจับขนมสวีทโอปอล์ใช่มั้ย” ปาล์มคว้ามือโจ๊กขึ้นมาแทะ
“ปล่อยๆๆ” โจ๊กพยายามดึงมือออกแต่ปาล์มจับเอาไว้แน่น
“เฮ้อ ปกติก็ไม่ค่อยเต็มอยู่แล้ว นี่เลยยิ่งเพี้ยนไปกันใหญ่” จีจ้าบ่น
“โจ๊ก..แจ๊ส” พิมมาดาเป็นห่วงหลาน
“น้าพิมไม่ต้องห่วงครับ..โจ๊กดูแลนายปาล์มได้”
“น้าพิมอยู่ตรงนี้แหละค่ะ เผื่อว่าน้ากริสน์จะติดต่อกลับมาขอความช่วยเหลือ..ไปๆ โจ๊ก พานายปาล์มกลับห้องเถอะ แจ๊สจะรับผิดชอบเองค่ะ”..
โจ๊กกับแจ๊สช่วยกันพาปาล์มออกไป พิมมาดาได้แต่ยืนทึ่งในตัวหลาน ไรับผิดชอบ..ชั้นฟังไม่ผิดใช่มั้ยเนี่ย”
จีจ้ามองออกไปด้านนอกบ้านแล้วยังเห็นรถคันเดิมจอดอยู่ที่เดิม
“เอ๋..รถคันนั้น..ยังอยู่อีกเหรอ” จีจ้ามองรถคันนั้นด้วยความสงสัยๆ

รถของสมุนแพรวพิลาศยังจอดอยู่ที่เดิม สักพัก รถอีกคันก็แล่นมาจอดต่อท้าย กระจกรถคันนั้นเปิดลง ข้างในมีทั้ง สุขสันต์ แพรวพิลาศ ฉัตรชัย และฮิมนั่งอยู่
“เหลือแต่ผู้หญิงกับเด็ก หึๆ งานนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกส้มอีก” สุขสันต์หัวเราะ
“ปอกกล้วยค่ะ...แต่คุณก็ต้องนั่งอยู่ในนี้ ห้ามออกไป คุณไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้อีกนะคะ..ฉัตรชัย ฮิม ถ้างานนี้ พวกแกจับตัวพิมมาดากับเด็กๆทั้งหมด ไม่ได้.. แกสองคนตาย” แพรวพิลาศสั่ง
“แล้ว..ถ้าจับได้ล่ะครับ มีรางวัลใช่มั้ยครับ” อิมถาม
แพรวพิลาศขู่ “แน่ใจนะว่าจะเอารางวัล”
ฉัตรชัยรู้สึกสยอง “ไม่เอาดีกว่าครับ เราทำด้วยใจอยู่แล้ว”
ฉัตรชัยกับฮิมรีบลงจากรถไป สายของแพรวพิลาศ 2คนที่อยู่ในรถอีกคันก้าวลงตาม
“อย่าทำหน้าเครียดเป็นพิภพวานรยังงี้สิคะ..เสียดายครีมเกาหลีที่ใช้ มาๆๆ แพรวจะนวดหน้าให้ไ แพรวพิลาศประจบสุขสันต์

รถอีกคันแล่นเข้ามาจอดอีกมุมนึงของบ้านเมทินี จตุพลกับน้อมพงษ์นั่งอยู่ข้างในรถคันนั้น
“คราวนี้ชั้นตามแกมั้งไอ้สุขสันต์” จตุพลพูด
“บ้านยายแม่ม่ายเมทินี ท่าทางคราวนี้น่าจะปิดจ็อบทีเดียวหมด” น้องพงษ์มั่นใจ

จีจ้ายังคงมองรถอยู่ที่เดิม เธอเห็นชายคลุมโม่งออกมาจากรถคันแรก และฉัตรชัยกับฮิมที่คลุมโม่งเช่นกันออกมาจากรถอีกคัน ทั้งหมดลอบเข้ามาที่บ้านเมทินี
“เฮ้ย....น้าพิม..น้าพิม..มีคนแอบปีนเข้ามาในบ้าน!”
“หา!! ไหนๆๆ” พิมมาดารีบมามองหา
แต่จังหวะนั้นทั้งสี่คนทำตัวกลมกลืนกับความมืดไปพอดี พิมมาดาพยายามเพ่ง แต่ไม่เห็นอะไร “ไม่เห็นมีอะไรเลย” พิมมาดาหันมาจ้องจีจ้า “จีจ้า..แกล้งน้าเล่น สนุกมากมั้ย”
“จีจ้าไม่ได้แกล้งนะคะ จีจ้าเห็นจริงๆ มีคนแอบปีนรั้วเข้ามาในบ้าน”
“แล้วอยู่ไหน”
“อยู่ตรงเงามืดนั่นไงคะ”
พิมมาดาชะโงกหน้าออกไปมองอีก แต่ทั้งสี่ทำตัวเนียนไปกับความมืด
พิมมาดาหันมาส่ายหน้า “บ้านนี้ มีทั้งสัญญาณเตือนภัย มีทั้งบอดี้การ์ด ถ้ามีใครแอบเข้ามา ป่านนี้เราทุกคนก็ต้องรู้ตัวแล้ว..เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยเด็กเลี้ยงแกะซะที”
จีจ้ารีบวิ่งออกไปทันที “พี่แจ๊ส!! พี่โจ๊ก!”
จีจ้าวิ่งหน้าตาตื่นไปหาแจ๊สกับโจ๊ก
“อุตส่าห์นึกว่าดีขึ้นแล้วซะอีก เฮ้อ” พิมมาดาบ่น

จีจ้าวิ่งย่องให้เบาที่สุดขึ้นมาตามบันได จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปเปิดประตูเข้าไปในห้องปาล์ม
จีจ้าเข้าไปกระซิบหูพี่ชาย “พี่แจ๊ส พี่โจ๊ก ผู้ร้ายบุก!”
ตอนนั้นแจ๊สกับโจ๊กกำลังช่วยกันนวดให้ปาล์มอยู่
“อะไร กระซิบทำไม พูดดังๆหน่อยจีจ้า..เป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ยปาล์ม” แจ๊สถาม
“ดีขึ้น มีแรงมากขึ้น สมองปลอดโปร่ง ยืนเองได้แล้ว” ปาล์มลุกขึ้นทั้งร้องทั้งเต้น “รักนะคะคนดีของชั้น”
“มีอะไรจีจ้า” โจ๊กหันไปถาม
จีจ้าตะโกนดังลั่น “ผู้ร้าย..อยู่ในบ้านเราแล้ว!”
“หา!” แจ๊สกับโจ๊กตกใจ ทันใดนั้น ปาล์มที่กำลังเต้นอยู่ก็เสียศูนย์จนเซร่วงลงไป
“จีจ้าพูดจริงๆ สาบานได้เลย” จีจ้าเดินไปที่หน้าต่าง “พวกมันแอบปีนเข้ามาทางนั้น” จีจ้าเห็นพวกฉัตรชัยกำลังจับแม่บ้านมัดปากแล้วนำไปซ่อนไว้ในโรงรถ “นั่น!!! ป้าอุ่นโดนพวกมันจับตัวแล้ว!”
ทุกคนรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เด็กๆ เห็นสมุน 2คนกำลังลากบอดี้การ์ดของเมทินีที่หมดสติคอพับอยู่เข้าไปเก็บในโรงรถอย่างเงียบเชียบ
“แย่แล้ว!” แจ๊สกับโจ๊กตกใจ

พิมมาดารอดูข่าวอย่างกระวนกระวาย
“ทำไมยังไม่มีข่าวอะไรอีก สาธุ ขอให้ทุกอย่างสำเร็จด้วยดีด้วยเถอะ”
อยู่ๆ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าก็วิ่งลงมา ทั้งหมดแยกย้ายไปปิดประตู ปิดหน้าต่าง ผ้าม่าน ปิดหมดทุกมุม
“แยกย้ายไปปิดประตูหน้าต่างให้หมดทุกบาน!” แจ๊สสั่งน้องๆ
“เด็กๆ..อะไร..เล่นอะไรกันอยู่” พิมมาดางง
ปาล์มเดินอย่างอิดโรยออกมาจากห้อง “เราไม่ได้เล่นครับ..นี่ของจริง ผู้ร้ายบุกบ้านเราจริงๆ..เราต้องสู้เพื่อปกป้องดินแดนและอาณาเขตของเรา”
“ผู้ร้ายอีกแล้วเหรอ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นอะไรนะ ทุกคน!” พิมมาดาดุ
ทันใดนั้น ประตูบ้านก็ขยับกึกกักๆ เหมือนมีใครพยายามจะเปิดเข้ามาจากด้านนอก
“ใคร” พิมมาดาร้องถาม
“ชู่ว์” ปาล์มดึงพิมมาดามาให้หลบ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าวิ่งมา
“น้าพิมมาดูทางนี้” โจ๊กดึงพิมมาดาไปยังด้านที่มองออกไปเห็นนอกประตู แล้วแง้มผ้าม่านให้มองออกไป
พิมมาดาเห็นกลุ่มชายคลุมโม่งกำลังพยายามจะเปิดประตูเข้ามา ทั้งหมดเดินแยกย้ายหาทางเข้า มีคนหนึ่งถือปืนเดินผ่านหน้าไป
พิมมาดาตกใจ รีบถอยหนีออกมาทันที “เย้ย..พวกมัน..มีปืนด้วย..ทำยังไงดี” พิมมาดานึกขึ้นได้จึงรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ แต่ก็ไม่พบ “โทรศัพท์..โทรศัพท์หายไปไหน”
“น้าพิม นี่” แจ๊สชี้ให้ดูโพสต์อิทที่แปะไว้
พิมมาดาอ่าน “เพื่อความไม่ประมาท และลดความเสี่ยงในการถูกแกะรอย ขออภัยในความขัดข้องนะครับ จากกริสน์..โอ๊ย ทำไมถึงไม่ไว้ใจกันบ้าง แล้วจะทำยังไงเนี่ย”
“ปาล์ม..มือถือล่ะ มีมือถือมั้ย” โจ๊กถาม
“มีๆๆ..แต่อยู่กับป้าอุ่น”
“ป้าแม่บ้านถูกพวกมันจับไปแล้ว” จีจ้าบอก
“โห้ย” พิมมาดาเครียด
“ไม่ต้องตกใจๆๆๆ ที่นี่มีอินเตอร์เนทไวไฟร์” ปาล์มบอก พิมมาดาดีใจขึ้นมาทันที “ใช้โน้ตบุ๊คผมได้”
“เร็วๆ” พิมมาดาเร่ง ทุกคนดีใจ ปาล์มรีบหยิบโน้ตบุ๊คออกมาพยายามจะติดต่อคนอื่น
ทันใดนั้น ไฟก็ดับลง หน้าจอโน้ตบุ๊คติดแต่ไม่มีสัญญาณไวไฟร์ ทุกคนอึ้ง
“พวกมันตัดไฟ” พิมมาดาบอก
“ไวไฟร์ไม่มีแล้วเราจะติดต่อคนอื่นยังไงล่ะ” แจ๊สถาม แล้วเธอก็หน้าซีด ตัวสั่น อย่างหวาดกลัว
แจ๊สมองอกไปยังเห็นพวกคนร้ายเดินถือปืนไปมาอยู่ด้านนอก
“เราต้องตาย มันจะฆ่าเราทุกคน” แจ๊สจิตตก
แจ๊สหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อแม่ของเธอถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ทำให้แจ๊สสติแตก วิ่งหนีไปหลบมุม แล้วขดตัว กอดเข่าตัวสั่นเทิ้ม
“แจ๊ส..เป็นอะไร” พิมมาดาถาม
จีจ้าเข้าไปกอดแจ๊ส
“พี่แจ๊ส มีสติหน่อยสิพี่” โจ๊กเขย่าตัวเรียกสติพี่สาว “ฟังนะ..เราจะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรเราได้ ในเมื่อให้คนอื่นมาช่วยไม่ได้..พวกเราก็ต้องสู้..เข้าใจมั้ยพี่แจ๊ส จีจ้า เราทุกคนต้องจัดการพวกมัน”
“แต่..มันมี..ปืน” แจ๊สพูดเสียงสั่น
“มันมีปืน แต่เรามีของในบ้านนี้ทั้งหมด แล้วเราก็มี” โจ๊กชี้หัวตัวเอง “สมองด้วย..ความกลัวมันช่วยอะไรเราไม่ได้..ต้องเชื่อในตัวเองสิพี่แจ๊ส จีจ้า”
“เราต้องเตรียมรับมือ..ไป..แยกย้ายกันไปหาอาวุธ!” ปาล์มสั่ง

พวกเด็กๆ รีบแยกย้ายกันไปหาอาวุธ พิมมาดาสับสนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร









Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 10:25:01 น.
Counter : 712 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]