All Blog
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 13 (ต่อ)



มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 13 (ต่อ)

เมทินียืนไฮปาร์คอยู่บนรถที่ติดเครื่องขยายเสียง “เราจะช่วยลูกๆของเราให้พ้นทุกข์ทรมาน” พ่อแม่ทุกคนเฮรับ “เราต้องการให้ใคร หรือหน่วยงานของรัฐหรืออะไรก็ได้ ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ ใช่มั้ย...ลูกๆของเรา ไม่ใช่ผักไม่ใช่ปลา สนใจกันหน่อย!”

จังหวะนั้นครูฟ้าใสวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณเมทินี..มันอะไรกันคะ” ครูฟ้าใสเหลือบไปเห็นนักข่าว “ว้าย นักข่าว อย่าถ่ายค่ะๆ”
“ครูอย่าขัดขวาง เราแค่จะชุมนุมเรียกร้องอย่างสงบ อย่าทำให้เราตกใจ ไม่งั้นเราอาจจะทุบ เผา ทำลายข้าวของได้” เมทินีขู่
“เรากำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่ ให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนเถอะค่ะ” ครูฟ้าใสเจรจา
“เราจะไม่รออีกต่อไปแล้ว ในเมื่อโรงเรียนนี้ไร้ประสิทธิภาพ ปกป้องลูกน้อยของเราไม่ได้ พวกเราก็จะรวมพลังกันจัดการเอง”
“ขอร้องล่ะค่ะ อย่าทำอย่างนี้กับโรงเรียนอิชั้นเลย”
“ครูฟ้าใส” ครูพงษ์พัฒน์วิ่งเข้ามาเพื่อดูแลฟ้าใส “หน็อย พวกคุณจะทำร้ายจิตใจครูฟ้าใสมากไปแล้วนะครับ..คิดว่าเป็นพ่อเป็นแฮ่!” ฤทธิ์ยาในขนมที่ครูพงษ์พัฒน์กินเข้าไปเริ่มออก “แล้วจะทำอะไรก็แฮ่!!! ทำยังงี้” กล้ามเนื้อของครูพงษ์พัฒน์กระตุกไม่หยุด
“ครูพงษ์พัฒน์..ครูเป็นอะไร” ครูฟ้าใสถาม
“เป็นอะไร!!” กล้ามเนื้อครูพงษ์พัฒน์กระตุกเยอะขึ้น
อยู่ๆ ครูพงษ์พัฒน์ก็ร่วงลงไปนอนหงายทำท่าตะกุยๆ เหมือนเด็กๆ
“ครูพงษ์พัฒน์!” ครูฟ้าใสตกใจ เมทีนีเห็นก็รีบบอกนักข่าว
“พี่ๆนักข่าว..ถ่ายไปเลย เอาไปออกข่าว บอกให้สังคมรับรู้ความจริง..ว่านักเรียนและครูโรงเรียนนี้ กำลังตกเป็นเหยื่อขององค์กรลับ ที่ใช้ลูกๆเราเป็นหนูทดลองทางเคมี พัฒนาอาวุธชีวภาพ..อิชั้น ในฐานะผู้แทนของผู้ปกครองเด็กทุกคน..ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมารับผิดชอบ แก้ปัญหานี้ ภายในสามวัน” บรรดาพ่อแม่เฮรับ
“ถ้าไม่มีการแก้ปัญหานี้..อิชั้น ขอเอาเกียรติของไฮโซมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศเป็นประกัน ว่าอิชั้นจะทำให้เรื่องนี้ใหญ่โตระดับโลกแน่..อิชั้นไม่ได้ขู่นะ แต่อิชั้นรู้จักผู้ใหญ่ในวงการสีต่างๆ..และก็มีเพื่อนไฮโซต่างประเทศเพียบ..อยากดังไปทั่วโลกก็ลองดู” บรรดาพ่อแม่เฮรับ
เมทินีปลุกระดมพวกพ่อแม่ต่อไป
“โรงเรียนชั้นพินาศก็คราวนี้” ครูฟ้าใสกลุ้มใจ

ข่าวเมทินีประท้วงโรงเรียนถูกรายงานผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง โทรทัศน์ภายในร้านเค้กก็เปิดข่าวนี้เช่นกัน ภัทรดนัยที่อยู่ในร้านเค้กเดินงุ่นง่านพร้อมโทรศัพท์ไปด้วย
“เอ้ย...ช่วยชั้นกะไอ้กริสน์หน่อยดิ” ภัทรดนัยหน้าบึ้งทันที “น่านไง...เอาอีกแล้ว”
ภัทรดนัยรีบวางหู เค้กเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยถาม
“โดนดักฟัง โทรศัพท์...อีกแล้วเหรอ”
“ตำรวจที่ผมพอจะพึ่งได้ไปเป็นพวกมาวินหมดแล้ว ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วอ่ะ”
ภัทรดนัยและเค้กเซ็ง ทั้งสองหันไปดูทีวี ผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานข่าว
“สถานการณ์ของอาการประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนทั่วประเทศขณะนี้ กำลังลุกลามมากขึ้นนะคะ..ภาพที่คุณผู้ชมเห็นขณะนี้ เป็นโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่นักเรียนมีอาการนี้มากที่สุด..และหนึ่งในนั้น มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ของคุณเมทินี เศรษฐินีอันดับต้นๆของประเทศ..เราลองไปฟังกันดู”
ตัดภาพไปเมทินีกำลังประกาศว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
“ยัยเมทินี..มีเส้นสายเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” ภัทรดนัยตกใจ
“รวยขนาดนี้รู้จักคนแทบทั้งประเทศละมั้ง” เค้กบอก
“เส้นสายเยอะ” ภัทรดนัยนิ่งคิด “เอ้ย...คิดออกแล้ว”
ภัทรดนัยรีบวิ่งไปหลังร้านทันที เขาวิ่งสวนกับเต๋าและเต้ยที่เดินถือเค้กกับน้ำออกมาเสิร์ฟแขก
“ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณกริสน์แน่ๆ” เต๋าพูดแล้วหันไปมองภัทรดนัย
“ออกอาการดี๊ด๊าอย่างนั้น ชั้นชักไม่แน่ใจว่าสองคนนี้เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา” เต้ยสัณนิษฐาน
“หน็อย ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณกริสน์ ชั้นต้องรู้ให้ได้” เค้กบอก
“พวกเราด้วย” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
ทันใดนั้น ภัทรดนัยก็วิ่งกลับเข้ามาในร้านแล้วเอ่ยถาม
“เต๋าเต้ยติดต่อไอ้กริสน์กับคุณพิมได้ไหม”
เต๋ากับเต้ยส่ายหัว
“โอ๊ย....ติดต่อมันไม่ได้ แล้วจะช่วยมันยังไงละเนี้ย” ภัทรดนัยกลุ้มใจ

รถกระบะที่พิมมาดาขับวิ่งมาตามทาง อยู่ๆ รถก็เริ่มสะดุดเครื่องยนต์สั่นตะกุกตะกักแล้วก็หยุดลง พิมมาดาที่เป็นคนขับบ่นออกมา “ว๊าย...น้ำมันหมด...ทำไมซวยอย่างงี้”
กริสน์หันซ้ายหันขวา “เด็กๆ...ลงเดิน”
พิมมาดาก้าวลงมาจากรถด้วย “แล้วจะเดินไปไหน”
“ทางนั้น” กริสน์ชี้ไปตามทาง
“ทางนั้นไปไหนอ่ะน้ากริสน์” แจ๊สถาม
“เดินไกลไหมครับ” โจ๊กอยากรู้
“จีจ้าหิวน้ำค่ะ”
“นายเคยมาเหรอแถวนี้น่ะ” พิมมาดาถามกริสน์
“ไม่เคย” กริสน์ตอบเรียบๆ
“อ้าว!” ทุกคนร้องพร้อมกัน
“ก็ต้องไปล่ะ อยู่ตรงนี้จะรอรถลีมูซีนมารับเหรอ...โทรศัพท์มีหรือเปล่าครับคุณพิม”
“มีอะไรล่ะ...โดนไล่ยิงจนล้มทับพังไปหมดแล้ว” พิมมาดาบอก
“นั่นล่ะคำตอบ...ไปๆ เด็กๆ เดินๆ ก่อนที่พวกมันจะตามมาเจอ” กริสน์สั่ง
แล้วทั้งหมดก็ตัดสินใจเดินตามกริสน์ไป

กริสน์เดินนำ เขาแหวกพงหญ้าที่สูงท่วมหัวแล้วลัดเลาะไปตามทาง แจ๊ส จีจ้า และโจ๊กเดินตามหลัง โดยมีพิมมาดาเดินปิดท้าย
“จีจ้าหิวน้ำ!” จีจ้าบ่นขึ้นมาอีกครั้ง
“อีกนิดนึงนะจีจ้า เดี๋ยวน้าจะหาน้ำให้ดื่ม” กริสน์หันไปบอก
“โอ๊ย!” แจ๊สร้อง
พิมมาดารีบเข้ามาดู “แจ๊ส..เป็นอะไร..ตายแล้ว นี่โดนหญ้าบาดขาเลือดไหลเลย”
“ขาแจ๊สเป็นลายหมดแล้ว แจ๊สไม่เดินแล้ว” แจ๊สพูด
“อย่าทำตัวงี่เง่าน่ะ เดิน!” โจ๊กบอกพี่สาว
“ไม่เดิน”
“บอกให้เดิน!” โจ๊กเข้ามาผลักแจ๊ส
“อย่ามาผลัก ชั้นเป็นพี่นายนะ”
“งั้นก็ทำตัวให้สมเป็นพี่หน่อยสิ เดินไป” โจ๊กว่าแล้วก็ผลักอีก
“บอกว่าอย่าผลักๆๆๆๆ กรี๊ด!”
แล้วโจ๊กกับแจ๊สก็ทะเลาะกัน
“จีจ้าหิวน้ำอ่า หิวๆๆๆ” จีจ้าบ่นขึ้นมา
“ทุกคน..เงียบ!” กริสน์สั่ง
เด็กๆ ยังแผดเสียงต่อไปไม่หยุด โจ๊กกับแจ๊สทั้งทุบตีทั้งผลักและกระชากกัน
“ทุกคน..น้าของร้องล่ะ..ช่วยสงบสติอารมณ์กันหน่อย” กริสน์ขอร้อง
เด็กๆ ยังคงไม่เชื่อฟัง พิมมาดามองหลานๆ แล้วกลั้นใจร้องกรี๊ดออกมาดังๆ “กรี๊ด”
ทุกคนตกใจและหุบปาก เด็กๆ รวมทั้งกริสน์หันมาทางพิมมาดาทันที
“ยังจะทะเลาะกันเองอีก ยังไม่รู้ตัวกันอีกใช่ไหม ว่าที่ผ่านมา ทุกคนโชคดีแค่ไหน ที่รอดชีวิตมาได้ เราไม่ได้อยู่ชีวิตประจำวันนะ จะได้มาทำตัวง๊องแง๊งแบบนี้ ทุกคน..โตได้แล้ว เราต้องสามัคคีกัน เพื่อผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้สิ” พิมมาดาบอก
กริสน์ทึ่ง “วาว..น้าพิมพูดมีเหตุผลนะ”
ทุกคนอึ้ง
“ขอให้ทุกคนสำนึกตัวไว้เสมอ ว่าเวลานี้ น้าคือเจ้าแม่ยาเสพติด ร้านถูกตำรวจยึด หลานๆออกจากโรงเรียน..เงินจะซื้อข้าวกินยังไม่มี จะโทรให้ใครมาช่วยก็ไม่ได้ เหลือแต่ตัวเปล่าๆ ไม่มีอะไรเลย หนีเสือ ก็ปะจระเข้ เพราะน้าไม่ดี น้ามันโง่ โดนหลอก..โดนทั้งตำรวจและผู้ร้ายหลอก” พิมมาดาพูดเป็นชุด
“โอ๊ย..รู้สึกว่าโดนพาดพิงยังไงไม่รู้..คุณพิม ผมขอโทษ” กริสน์มีท่าทีอ่อนโยนลง “เด็กๆทุกคน น้าผิดเอง ที่น้าไม่มีความสามารถพอที่จะกระชากหน้ากากผู้ร้ายออกมาได้... แต่น้าขอเอาชีวิตน้าเป็นเดิมพัน น้าขอสัญญาว่าอีกไม่นาน ชีวิตของทุกคน จะกลับมาเป็นปกติ กลับไปอยู่ที่จุดเดิม”
“จุดเดิม..คือจุดไหน” พิมมาดาทำขรึม
“จุดเดิม..คือจุดที่ ชีวิตของคุณกับหลานๆ..อยู่กันมาอย่างปกติสุข ก่อนที่..ผม..จะเข้ามาทำให้คุณเดือดร้อน”
“หยุดพูดเถอะ ถ้าจะมีคนผิด ก็ชั้นแหละที่ผิด”
“พอๆๆๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาแย่งกันเป็นคนผิด เอ้า...ไป เดินต่อ อย่าท้อถอย”
กริสน์พูดแล้วอุ้มจีจ้าขึ้นขี่หลัง จากนั้นก็จูงโจ๊กไป ส่วนพิมมาดากับแจ๊สยังคงยืนอึ้งอยู่ กริสน์จะเดินไปแต่แล้วก็ชะงักหันกลับมาหาพิมมาดากับแจ๊ส “คืนนี้ ท่าทาง แถวนี้ งู หนู ตะขาบ ตุ๊กแก คงจะยัวเยี้ย แล้วเผลอๆ อาจจะมีผีด้วย” พูดจบกริสน์ก็เดินไปทันที
พิมมาดากับแจ๊สมองหน้ากัน ทีแรกทั้งคู่ยังไม่ยอมไป แต่พอเห็นกริสน์กับโจ๊ก และจีจ้าลับสายตาไป แจ๊สก็เริ่มหวั่นใจจึงออกวิ่งนำไปก่อน
“รอด้วยๆ” พิมมาดาตะโกนแล้วรีบตามไปอีกคน

รถไฟแล่นผ่านไป อธิปกับเดชนั่งหน้าซีดอยู่ข้างทางรถไฟเพราะเจ็บแผลที่ถูกยิง สักพัก โอปอล์ก็วิ่งมาแต่ไกล เธอถือถุงก๊อปแก๊ปที่ใส่ยาและอุปกรณ์ทำแผลมาด้วย
“ยามาแล้วค่ะๆ”
“คุณหนูโอปอ เก่งที่สุดเลยครับ อูย” เดชเจ็บแผล
“พี่เดชรีบทำแผลให้ป๊าเร็วๆ” โอปอล์บอก
“ทำแผลให้ตัวเองก่อนเถอะ..ของชั้น มันแค่เฉี่ยวๆ แต่ของแก ท่าจะโดนจังๆ” อธิปบอก
“ให้ผมทำให้เสี่ยก่อนเถอะครับ..ของผมยังพอไหวครับ แต่ของเสี่ยสิครับ เสียเลือดไปมากแล้ว”
“งั้นแกทำให้ชั้น ชั้นทำให้แก ทำไปพร้อมๆกันเลย..โอปอล์ อันนี้ เรตน.สิบแปดบวก แปลว่าเด็กห้ามดู หลับตานะคะ” อธิปบอกลูกสาว
“ค่ะ” โอปอล์ปิดตาตัวเองแต่ปากยังถาม “ป๊าขา แล้ว..เราจะไปไหนกันต่อคะ”
“ป๊าจะต้องหาทางติดต่อนายกรดให้ได้ เราต้องช่วยนายกรด ทำให้ความจริงปรากฏ พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าขนมสวีทโอปอล์มียาเสพติด และก็ลากคอคนเลวตัวจริงมารับโทษ....ไม่อย่างนั้น พวกเราไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุขแน่ๆ” อยู่ๆ อธิปก็สะดุ้งโหยง “อูย ซี้ด” อธิปหันไปเห็นเดชกำลังเอาแอลกอฮอล์เช็ดแผลของเขาอยู่ “แกจะไม่ให้ซุ่มให้เสียงก่อนเลยเหรอไง”
“แสบเหรอครับ ไหวมั้ยครับเสี่ย” เดชถาม
“ชั้นไหว” อธิปเอาแอลกอฮอล์เช็ดคืนบ้าง “แล้วแกล่ะ ไหวมั้ย”
“โอ้ว ไหวว” เดชร้อง
เดชกับอธิปผลัดกันเอาแอลกอฮอล์เช็ดแผลให้อีกฝ่าย และต่างก็ผลัดกันร้องซี้ดซ้าดไปมา

จีจ้ายังขี่หลังกริสน์ที่เดินนำไปเรื่อยๆ โจ๊กเดินตามกริสน์ พิมมาดาและแจ๊สเดินตามมาห่างๆ ด้วยท่าทางอิดโรย
“นายกริสน์...ชั้นกับแจ๊สไม่ไหวแล้ว หยุดก่อนได้ไหม๊” พิมมาดาบอก
กริสน์หยุดเดิน โจ๊กหยุดตาม ทั้งคู่ยืนนิ่งไม่หันมาหาพิมมาดา
“เราพักกันก่อนเถอะ เด็กๆหมดแรงแล้ว” พิมมาดาขอ
พิมมาดาและแจ๊ส เดินมาจนจุดที่กริสน์และโจ๊กหยุดยืนอยู่ พิมมาดา มองผ่านกริสน์และเด็กๆไปข้างหน้า “เฮ้ย นั่น”
พิมมาดาชี้ให้กริสน์ดู ไกลออกไปมีบ้านคนตั้งอยู่หนึ่งหลังโดดเดี่ยว
“บ้าน..บ้าน เรารอดตายแล้วๆ” พิมมาดาดีใจ
“เห็นแล้ว...ถึงหยุดยืนดูอยู่นี่ไง” กริสน์บอก
พิมมาดาดีใจจนเผลอเข้าไปกอดกริสน์ พอรู้สึกตัวเธอก็รีบผละออก

กริสน์เดินเข้ามาด้อมๆมองๆ ที่ประตูบ้านหลังนั้น พิมมาดายืนกอดเด็กๆ อยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกไป ด้วยท่าทางระมัดระวัง
กริสน์ตัดสินใจเคาะประตู “ขอโทษครับ..มีใครอยู่มั้ยครับ..” รอสักพักแต่ก็เงียบ “มีใครอยู่มั้ยครับ”
ยังไม่มีเสียงตอบออกมา กริสน์จึงตัดสินใจค่อยๆดันบานประตูเข้าไป จนประตูเปิดออก กริสน์ชะโงกหน้าเข้าไป “มีใครอยู่มั้ยครับ..พวกเรามาดีนะครับ”
อยู่ๆ ก็มีขวานพุ่งมาปักตรงเสาที่ประตูใกล้ๆกับหน้าของกริสน์ กริสน์ถึงกับขวัญเสีย เขามองเข้าไปเห็นชายแก่หน้าโหดคนนึงยืนอยู่ด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ
“แกเป็นใคร!” ชายแก่ถาม
“เอ่อ..ผม..รถเสียน่ะครับ เลยว่าจะเดินหาที่เติมน้ำมัน แต่ดันหลงทาง” กริสน์ตอบ
“หลงทางเหรอ” ชายแก่มองกริสน์แบบหัวจรดเท้า
“กระเป๋าก็หาย มือถือก็ไม่มีครับ” กริสน์พูดเสริมแล้วทำหน้าน่าสงสาร
“มาคนเดียวเหรอ?” ชายแก่ถามต่อ
กริสน์ส่ายหน้าแล้วชี้ให้ดูพิมมาดาที่หลบอยู่ที่มุมแล้วพิมมาดากับเด็กๆ ก็โผล่ออกมาทำหน้าน่าสงสาร

จีจ้า โจ๊ก และแจ๊สนั่งกินข้าวผัดอย่างเอร็ดอร่อย พิมมาดาเขี่ยข้าวในจานเพราะไม่กล้ากิน
“กินสิคุณ..เสียมารยาท” กริสน์บอก
“เดี๋ยวชั้นก็กินเองนั่นแหละ”
ชายแก่เดินถืออาหารและผลไม้กับน้ำดื่มเข้ามาวางให้อีก
“เอ้า ผัดมาเพิ่ม เพื่อใครอยากเติมข้าวอีก” ชายแก่บอก
จีจ้ารีบจ้วงข้าวในจานเข้าปากจนหมดแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้ “เติมค่ะๆ”
“จะกินอะไรมากมาย..เกรงใจคุณลุงบ้าง” พิมมาดาดุ
“ไม่ต้องเกรงใจ..ข้าอยู่นี่ก็ไม่ค่อยได้เจอใคร โทษทีนะที่ไม่ค่อยมีอะไรให้กิน” ชายแก่บอก
“แค่นี้ก็เยอะเกินพอแล้วครับ” กริสน์พูด
ชายแก่เหลือบไปเห็นพิมมาดาไม่ยอมกินอาหารก็พูดขึ้น “ไม่มียาพิษหรอก”
“คะ?” พิมมาดารับคำ
“ข้าวผัด กินได้ ไม่มียาพิษ จะให้ข้าชิมให้ดูก่อนมั้ย” ชายแก่ถาม
“เปล่านะคะ พิมไม่ได้”
ชายแก่พูดเสร็จก็เอาช้อนที่วางอยู่บนโต๊ะมาตักข้าวผัดจากจานของพิมมาดามากิน พิมมาดาหน้าเหวอ ชายแก่เคี้ยวพลางถาม “รังเกียจของคนจนเหรอ หรือว่ามันน่าขยะแขยงจนกินไม่ลง”
“ค่ะ...กินค่ะ...กินๆๆ” พิมมาดารีบจ้วงกิน “อร่อยม๊ากมากเลยค่ะ”
“เอา...เดี๋ยวกินเสร็จก็ไปล้างเนื้อล้างตัวซะ มอมแมมเหลือเกิน แล้วถ้าอยากนอนก็กระท่อมท้ายสวนตรงโน้น แต่ถ้ากลัวข้า...ก็ไม่ต้องนอน อยากไปต่อก็ไป ตามสบาย” ชายแก่พูดแล้วเดินแยกออกไป

พิมมาดาอยู่ในชุดกระโจมอกด้วยผ้าขาวม้ากำลังถูหน้าที่เปื้อนมอมแมมให้แจ๊สและจีจ้าซึ่งใส่ผ้าขาวม้าเหมือนกัน ทั้งสามนั่งเรียงแถวตรงหน้า
อีกมุมนึง กริสน์ก็กำลังขัดแขนขัดขาให้โจ๊กอย่างแรง ทั้งสองก็นุ่งผ้าขาวม้าเช่นกัน
สักพัก กริสน์ก็แอบชะโงกดูพิมมาดา เขาเห็นพิมมาดากำลังสระผมให้หลานสาว เธอเริ่มยิ้มแย้ม หยอกเย้า และเล่นแชมพูกับหลานๆ
จากนั้นไม่นาน พิมมาดาก็แอบชะโงกดูกริสน์ เธอเห็นกริสน์กำลังเอาเปลือกมะพร้าวมาทำแปรงสีฟันแล้วถูฟันตัวเองให้โจ๊กดู โจ๊กก็ทำตาม

หลังจากอาบน้ำเสร็จ พิมมาดาที่สวมชุดเดิมแต่หน้าตาและผมสะอาดสะอ้านออกมายืนตากผ้าขาวม้า 3-4ผืนบนราวที่อยู่รอบๆกระท่อม
สักพัก พิมมาดาก็ก้าวเข้ามาในกระท่อมที่มีตะเกียงจุดไฟสลัว เด็กๆ กำลังนอนหลับอยู่รอบตัวกริสน์ ส่วนกริสน์นั่งปัดยุงให้เด็กๆอย่างใส่ใจ พิมมาดายืนมองภาพดังกล่าวอย่างนิ่งอึ้ง
“คุณไปนอนเถอะ เดี๋ยวชั้นปัดยุงให้หลานเอง” พิมมาดาเสียงอ่อนลง
“คุณก็นอนเถอะ เดี๋ยวผมปัดยุงให้” กริสน์บอก
พิมมาดาหย่อนก้นนั่งพิงข้างฝา “ชั้นไม่นอน ตาลุงจะไว้ใจได้แค่ไหนไม่รู้” เธอยกหัวโจ๊กมาหนุนตักตัวเอง
“นอนเถอะคุณ” กริสน์บอก
“ชั้นไม่นอน”
“แน่ใจ๋?...งั้นอย่านอนนะ ราตรีสวัสดิ์”
กริสน์ล้มลงนอนแล้วแกล้งหลับตา พอรู้พิมมาดายังนั่งอยู่จึงลืมตาขึ้นมา
“ไม่ง่วง หรือง่วงแต่ไม่นอน..จะแบบไหน ก็นอนเถอะคุณ ไม่ต้องอวดเก่งหรอก แล้วก็ไม่ต้องกลัวด้วย เพราะผมจะนั่งเฝ้าให้เอง ผมจะไม่ให้ใครหรืออะไรมาทำร้ายคุณกับเด็กๆได้แน่..เชื่อใจผมเถอะ”
“อย่าเซ้าซี้ได้มั้ย บอกว่าไม่นอน ก็คือไม่นอน”
“โอเคๆ ตามใจ”
กริสน์นิ่งไปสักพักแล้วเอ่ยชมพิมมาดา
“คุณนี่เก่งนะ หนีกระสุนหลบระเบิด แล้วยังทั้งวิ่งทั้งเดิน จนมาถึงนี่ แต่ยังมีแรงนั่งตั้งฉากกับพื้นได้อีก สุดยอด”
กริสน์หันมาอีกทีก็พบว่าพิมมาดานั่งหลับไปแล้ว หัวของเธอค่อยๆไถลลงมาซบที่บ่าของกริสน์ ซึ่งกริสน์ก็ปล่อยให้ซบอย่างนั้น “อ้าว..นึกว่าแน่”
กริสน์มองพิมมาดาและเด็กๆ ที่หลับสนิทแล้วก็ยิ้มอย่างสุขใจ สักพักสีหน้าและแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองเพราะคิดถึงเรื่องยุ่งยากใจ

เช้าวันใหม่ กริสน์ พิมมาดาและเด็กๆ นอนหลับเป็นตาย ประตูกระท่อมเปิดออก เงาของชายแก่พาดไปที่หน้าของจีจ้า จีจ้าลืมตาขึ้นมามอง เธอเห็นร่างดำตะคุ่มๆ ของชายแก่ยืนอย่างน่ากลัวอยู่ที่ประตู

หลังจากนั้น หัวของพิมมาดาก็ตกจากไหล่กริสน์ เธอเลยได้สติตื่นขึ้นในอ้อมกอดของกริสน์ ทีแรกพิมมาดายิ้ม แต่เมื่อเธอมองไปที่มือตัวเองและพบว่ากำลังกุมมือใครบางคนอยู่ พิมมาดาก็ทำหน้างงๆ และเพิ่งตระหนักได้ว่ากำลังกอดใครบางคนอยู่ พิมมาดาเงยหน้ามองให้ชัดๆ แล้วก็ต้องผงะเพราะเธอเพิ่งรู้ว่ากอดกริสน์อยู่
“เฮ้ย!!! ไอ้คนเลว คนฉวยโอกาส นี่แน่ะๆ”
“เฮ้ย อะไรคุณ” กริสน์งัวเงียตื่น
“นายมากอดชั้น จับมือชั้นทำไม แต๊ะอั๋งชั้นเหรอ”
“ผมจะไปอยากจับมือคุณทำไม..จะบอกให้ว่าเมื่อคืน คุณหลับแล้วก็มาซบบ่าผม ผมยังไม่ว่าสักคำ”
กริสน์กับพิมมาดากำลังเถียงกันหน้าดำหน้าแดง แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องชะงัก
“เด็กๆหายไปไหน” พิมมาดาทักขึ้น
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า” กริสน์ตกใจ
ทั้งคู่ลุกพรวดออกมาจากกระท่อม และตะโกนเรียกเด็กๆเสียงหลง “แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า”
เด็กๆ ทั้งสามวิ่งพ้นต้นไม้มาพลางร้องวี้ดว้าย โดยมีชายแก่วิ่งตามมา
“เกิดอะไรขึ้นเด็กๆ” พิมมาดาถาม
“ลุงจะทำอะไรน่ะ” กริสน์ถามเอาเรื่อง
“จะทำอะไรล่ะ ก็เอาหนอน” ชายแก่ยกหนอนในมือให้ดู “แหย่เด็กๆเล่นสนุกๆ”
“ใช่....หนอน น่ากลัวมากเลยน้าพิม” จีจ้าบอก
กริสน์และพิมมาดาหน้าเหวอ
“น้ากริสน์ ลุงเค้าเล่นกะเรา” โจ๊กบอก
“แถมเมื่อเช้ายังมาปลุกพวกเราไปกินอาหารเช้าแล้วด้วย” แจ๊สเสริม
“เหรอค่ะ...ขอบคุณนะคะและขอโทษด้วยค่ะ” พิมมาดาขอโทษ
“ไม่เป็นไร... ข้าเข้าใจ..เออ..ตื่นก็ดีแล้ว แล้วพวกเอ็งจะเอายังไงกันต่อ” ชายแก่ถาม

ภัทรดนัยกำลังเช็ดแก้วให้สะอาดอยู่ในร้านเค้ก เขาเอาแก้วเรียงเข้าที่ แต่สายตายังพะวงอยู่กับโทรศัพท์ที่ร้าน ส่วนเค้กยืนอยู่ที่แคชเชียร์ เต๋ากับเต้ยกำลังรับออเดอร์จากลูกค้า ทุกคนทำงานแต่ก็ไม่วายแอบสังเกตพฤติกรรมของภัทรดนัยตลอดเวลา
ทันใด โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ภัทรดนัยรีบบอก “ผมรับ”
“ชั้นรับเอง!” เค้กพุ่งมาคว้าโทรศัพท์ตัดหน้า “สวัสดีค่ะ..คุณกริสน์! คุณกริสน์ยังสบายดีใช่มั้ยคะ เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
อีกด้านหนึ่ง กริสน์กำลังพูดโทรศัพท์มือถืออยู่
“คุณเค้ก ผมยังไม่มีเวลาอธิบาย ช่วยเรียกไอ้ภัทรดนัยมาพูดก่อน ผมมีเวลาน้อย”
“แต่เค้กเป็นห่วงคุณนะคะ ห่วงยัยพิมด้วย..ค่ะๆๆๆ เค้กไม่คุยแล้ว” เค้กส่งโทรศัพท์ให้ภัทรดนัย “เอ้า คุณกริสน์เค้าจะพูดกับนาย”
ภัทรดนัยกำลังจะรับสาย แต่เต้ยวิ่งมารับสายตัดหน้า
“สวัสดีค่ะคุณกริสน์ คุณพิมกะเด็กๆ เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”
“คิดถึงใจจะขาดแล้ว” เต๋าพูดแทรก
กริสน์ท่าทางร้อนใจ “ไปเรียกไอ้ภัทรดนัยมาคุย.. เร็วๆ”
เต๋าส่งโทรศัพท์ให้ภัทรดนัย “เอ้า คุณกริสน์จะคุยกับหล่อน”
ภัทรดนัยรับสาย “เออ รอจนจะหัวใจวายแล้ว..ได้ๆ แกจะให้ชั้นไปรับแกที่ไหน ..ห๊า!! แกไปทำอะไรที่นั่นวะ”
ภัทรดนัยวางสายแล้วรีบร้อนออกไปนอกร้านทันที
กริสน์คืนมือถือให้ชายแก่ แล้วพูดกับชายแก่
“คุณลุงคือเทวดามาโปรดจริงๆ”
“คุณลุง คุณลุงใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ” พิมมาดาบอก
ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วนั่งลงไหว้ชายแก่ เด็กๆ ทำตามกันสลอน
“ขอให้ลุงเจริญๆครับ” โจ๊กอวยพร
“แจ๊สจะไม่ลืมบุญคุณคุณลงเลย”
“จีจ้าขอสัญญาค่ะ ว่าจีจ้าจะเป็นเด็กดีตลอดไปค่ะ”
ชายแก่ยิ้มพร้อมกับน้ำตาคลอ
“ขอให้เอ็งครองรักกันไปจนแก่เฒ่า ผลิตลูกๆดีๆ เก่งๆแบบนี้ออกมาอีกเยอะ ประเทศเราจะได้เจริญๆ”
กริสน์กับพิมมาดามองหน้ากัน แล้วต่างฝ่ายต่างก้มหน้าเพราะทำหน้าไม่ถูก

ภัทรดนัยรีบออกมานอกร้าน แต่เค้ก เต๋า และเต้ยรีบวิ่งมาขวางไว้
“นายจะไปหาคุณกริสน์ใช่มั้ย..ชั้นไปด้วย” เค้กบอก
“คุณไปไม่ได้” ภัทรดนัยเสียงแข็ง
“ทำไมจะไปไม่ได้ ชั้นเคยช่วยนายหลอกล่อพวกตำรวจนอกเครื่องแบบมาแล้ว ชั้นช่วยนายได้แน่ๆ” เค้กบอก
เต๋ากับเต้ยเข้ามาขวาง “พวกเราจะไปด้วย”
“งานนี้มันไม่เหมือนงานที่แล้ว ไม่มีใครช่วยได้ ถึงช่วยได้ก็ไม่เอา และที่สำคัญชั้นไม่ต้องการคนช่วย ..กลับไปที่ร้าน”
“ไม่กลับ!” ทั้งสามคนประสานเสียง
“ถ้าไม่มีใครเฝ้าร้าน แล้วถ้าไอ้กริสน์มา จะทำยังไง” ภัทรดนัยถาม
“คุณกริสน์จะมาร้านเหรอ” เค้กเริ่มตื่นเต้น
“ก็ใช่น่ะสิ..ชั้นจะไปทำภารกิจอื่น ส่วนนายกริสน์จะมาที่นี่ ถ้าอยากเจอนายกริสน์ก็อยู่รอที่ร้านนี่แหละ”
“ไม่จริง นายกำลังหลอกพวกเรา ใช่มั้ย”เต๋าพูดดัก
“คิดว่าพวกเรารู้ไม่ทันเหรอ” เต้ยเสริม
“ถ้าพวกนายไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ถ้ากริสน์มาแล้ว ไม่เจอใคร เข้าร้านไม่ได้ แล้วมันหนีไปซ่อนตัวที่อื่น ก็อย่ามาโวยวายแล้วกัน” ภัทรดนัยเปิดประตูขึ้นรถไป “เอ้า ใครจะไป หรือไม่ไป ผมให้เวลาคิด สิบวิ ไม่งั้นไม่รอแล้ว”
ภัทรดนัยปิดประตูแล้วเปิดกระจกพร้อมกับนับถอยหลัง “สิบ..เก้า..”
“ชั้นว่าหลอกร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณกริสน์ไม่ได้จะมาที่นี่แน่” เต๋าเริ่มวิเคราะห์
“แต่ถ้ามาล่ะ”เค้กสวน
“ไม่มีหรอก ยังไงชั้นก็จะไปด้วยแน่”
ระหว่างที่เค้ก เต๋า และเต้ยกำลังหารือกันว่าจะตัดสินใจยังไง ภัทรดนัยก็ย้ายจากที่นั่งคนขับ ข้ามไปออกประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วก้มหัว แอบคลานออกไปทันที
“สรุปว่าพวกเราจะไปทั้งหมด”เต้ยพูด
แล้วเค้ก เต๋า และเต้ยก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ
“ออกรถได้เลย!” เต๋าสั่ง
-แต่ทั้งสามเห็นว่าไม่มีคนขับ เพราะภัทรดนัยหายไปแล้ว
“กรี๊ดๆๆๆ หายไปไหน หายไปได้ยังไง..นายภัทรดนัย ชั้นเกลียดนาย!” เค้กแค้น

ปาล์มถูกจับกางแขนกางขามัดขึงพืดกับหัวเตียง “ปล่อย!!!!! บอกให้ปล่อย!”
เมทินีเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เมื่อเห็นปาล์ม เธอก็รีบถลาเข้าไปข้างเตียง “โถ ลูกปาล์มของหม่ามี้..อย่าดิ้นนะคะ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บเปล่าๆ..มันอาจจะทรมาน แต่อดทนหน่อยนะคะ หม่ามี้กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยลูกปาล์มให้เป็นปกติอยู่นะ”
ปาล์มอ้อนวอนอย่างมีมารยา “หม่ามี้ ปาล์มเจ็บ ปล่อยปาล์มนะครับ แขนปาล์มจะหลุดอยู่แล้ว หม่ามี้ทำกับลูกชายตัวเล็กๆคนนี้ได้ยังไง..หม่ามี้ไม่สงสารปาล์มแล้วหร๋อ”
“ค่ะๆ หม่ามี้จะปล่อย”
“ไม่ได้นะคะคุณผู้หญิง อย่าใจอ่อน” แม่บ้านรีบเข้ามาเตือน
“ลูกปาล์มขา” เมทินีร้องไห้ “หม่ามี้ปล่อยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นลูกปาล์มจะไม่หาย หม่ามี้ขอโทษนะคะ” เมทินีผละออกมา แล้วก็เซเหมือนหน้ามืด
“คุณผู้หญิง” แม่บ้านรีบมาประคอง “อุ่นว่า คุณผู้หญิงขึ้นห้องไปพักบ้างเถอะค่ะ กลางวันประท้วง กลางคืนดูลูก มันไม่ไหวนะคะ”
“หม่ามี้ขอโทษ” เมทินีพูดแล้วเดินออกจากห้องไป
“หม่ามี้ แฮ่!” ปาล์มตะโกน

เมทินีกลับเข้ามาในห้อง โดยที่เธอยังสะอื้นอยู่ ท่าทางของเมทินีเหนื่อยอ่อนเป็นอย่างมาก เธอโยนกระเป๋าถือทิ้งไป แล้วถอดเครื่องประดับโยนไป จากนั้นก็นั่งพักที่ปลายเตียง เมทินีถอนหายใจ แล้วก็รู้สึกว่ามีลมพัด
“ลม” เมทินีหันไปเห็นหน้าต่างเปิดอยู่ “อ้าว”
เมทินีเดินไปปิดหน้าต่าง เธอเหลือบเห็นเงาคนสะท้อนอยู่ในกระจกหน้าต่าง เมทินีเพ่งมองก็เห็นพวกกริสน์ยืนอยู่ “คุณกริสน์!” เมทินีจะวิ่งไปหา แต่ก็ต้องชะงักเพราะมีคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้วย “นี่มันเรื่องอะไรกันค่ะเนี่ย?”
“นีครับ..ผมมีเรื่องอยากให้นีช่วยหน่อยนะครับ”
กริสน์พูดกับเมทินีด้วยท่าทีและน้ำเสียงจริงจัง








Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 10:24:20 น.
Counter : 279 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]