All Blog
รักประกาศิต ตอนที่ 7 (ต่อ)





ในเวลาเดียวกัน ภูชิชย์ชำระเงินที่แผนกการเงินของโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปรับยา แล้วเขาก็กดมือถือเพื่อต่อสายอีกครั้ง

เจ้าทิพย์ดาราเดินออกจากห้องประชุมแล้วกดรับสาย
“ภูคะ คุณอยู่ที่ไหน นี่เขาเริ่มประชุมไปตั้งนานแล้วนะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“ผมอยู่โรงพยาบาลครับ”
เจ้าทิพย์ดาราตกใจ “ภูเป็นอะไรคะ”
“เปล่าครับ ผมมารับลูกคนงานที่เป็นไข้เลือดออก วันนี้ผมคงไปประชุมไม่ได้”
เจ้าทิพย์ดาราชะงักไป “อ๋อ...เหรอคะ ที่จริงเรื่องนี้ให้คนอื่นจัดการให้ก็น่าจะได้นี่คะ”
“นริศราเขาก็จะทำครับ แต่ผมคิดว่าผมควรทำเองมากกว่า” ภูชิชย์บอก
“ค่ะ...งั้นก็ไม่เป็นไร”
“เจ้าโกรธผมหรือเปล่าครับ”
“ช่างมันเถอะค่ะ แต่คราวหน้าถ้ามีอะไรภูบอกน้อยก่อนนะคะ อย่าหายไปแบบนี้”
“ครับ” ภูชิชย์รับคำ
“งั้นเย็นนี้เราไปทานข้าวกันนะคะ”
“ได้ครับ”
เจ้าทิพย์ดารากดวางสายแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ

ลาวัลย์ช่วยแต่งชุดกลับบ้านให้ลูกของฝ้ายจนเสร็จ นริศรากับฝ้ายยืนช่วยอยู่ จากนั้นนริศราก็เอาถุงเสื้อผ้าส่งให้ลาวัลย์
“พี่วันคะ นี่เสื้อที่ยืมไปค่ะ นิดขอบคุณมากนะคะ”
“แหม..ไม่น่ารีบคืนเลย พี่ว่าจะรับคืนที่ไร่สักหน่อย” ลาวัลย์เสียดาย
“พี่วันพูดเล่นอีกแล้ว”
“พี่พูดจริงค่ะ เดี๋ยวพี่นากลับมาคราวนี้พี่ไปเยี่ยมคุณนิดแน่”
นริศรามองลาวัลย์อย่างงงๆ
“ไม่ต้องกลัวค่ะ พี่บอกแล้วเรื่องคนอื่นพี่ไม่ยุ่ง” ลาวัลย์ย้ำ
ภูชิชย์ถือถุงยากับใบเสร็จเปิดประตูเข้ามา เขาเดินมาลูบหัวลูกของฝ้ายอย่างอ่อนโยน
“อยากกลับไร่หรือยัง” ภูชิชย์ถาม ลูกของฝ้ายพยักหน้ารับ “ไป งั้นก็ไปขึ้นรถ”
ลูกของฝ้ายรีบกระโดดลงจากเตียง ทุกคนจะเดินไปแต่ลาวัลย์รีบเข้าไปหาภูชิชย์
“เอ่อ...พ่อเลี้ยงคะ”
“ครับ”
“วันยังไม่ลืมนะคะที่ว่าจะไปเที่ยวที่ไร่” ลาวัลย์บอก
“ผมก็ไม่ลืมครับ แขกของนริศราก็เหมือนแขกของผม”
พูดจบภูชิชย์ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นริศรา นริศราถอนหายใจด้วยความเซ็ง

ภูชิชย์ขับรถกลับมาจอดที่หน้าสำนักงาน ทุกคนลงจากรถ ภูชิชย์เอาถุงยาส่งให้ฝ้ายแล้วพูด
“อย่าลืมให้เด็กทานยาจนหมดนะ”
ฝ้ายยกมือไหว้ภูชิชย์
“ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงที่อุตส่าห์มาเอง”
“ฝ้ายทำงานให้ฉัน เวลามีปัญหาก็ต้องดูแลกันสิ พาลูกไปพักผ่อนเถอะ”
ฝ้ายกับลูกหันมาไหว้ภูชิชย์กับนริศราก่อนจะพากันเดินกลับไป นริศราจะเดินไปทำงานต่อแต่ภูชิชย์รีบเดินเข้าพูดกับเธอ
“เธอดูซึมๆไปนะ กลัวอะไรหรือเปล่า”
“ฉันเหรอ กลัวอะไร” นริศราทำหน้าเหรอหรา
“ก็กลัวเรื่องที่คุณพยาบาลจะไปที่ไร่น่ะสิ”
“ฉันทำใจแล้วค่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
นริศราเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่งแล้วขับออกไป ภูชิชย์ยืนยิ้มอย่างมีชัยก่อนจะค่อยๆ หน้าเจื่อนไป “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอเป็นใครเท่านั้นเอง”

ภูชิชย์เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงาน นิพนธ์เดินถือกระดาษแฟกซ์มาให้
“ทางเกษตรจังหวัดแฟกซ์มาบอกครับว่ายุวเกษตรที่จะมาฝึกงานกับเราจะมาถึงอีกสองวัน” นิพนธ์บอก
ภูชิชย์ดูใบแฟ็กซ์ “วันเสาร์นี่ ถ้าไงฝากคุณไปรับด้วยนะ”
“ผมขอชวนคุณนิดไปด้วยนะครับ ลำพังผมคงพูดกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง แต่ไม่รู้เธอจะไปหรือเปล่าเพราะเป็นวันหยุดของเธอพอดี”
“งั้นคุณก็ไปบอกเขาแล้วกัน เพิ่งเข้าไปที่ไร่นี่แหล่ะ”
“ครับ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ของพิสุทธิ์ดังเข้ามา ภูชิชย์รีบไปมองที่หน้าต่างทันที เขาเห็นพิสุทธิ์ขี่รถมอเตอร์ไซต์ผ่านไป
ภูชิชย์เห็นนิพนธ์จะเดินออกจากห้องก็รีบเรียกไว้ “นิพนธ์”
นิพนธ์ชะงักหันกลับมา ภูชิชย์เดินเข้ามาหา
“ผมไปบอกเขาเองดีกว่า” ภูชิชย์เห็นนิพนธ์มองอย่างงงๆ จึงรีบพูด “คือผมมีเรื่องอื่นต้องคุยกับเขาด้วย”
ภูชิชย์ดึงกระดาษออกจากมือนิพนธ์แล้วเดินออกไป นิพนธ์มองตามด้วยความงง
คนงานส่วนหนึ่งกำลังขุดหลุมสำหรับลงต้นกาแฟอยู่ที่พื้นที่ว่างท้ายไร่ นริศราช่วยคนงานอีกกลุ่มขนต้นกาแฟลงจากท้ายรถ
“คุณนิดไม่ต้องทำหรอกครับพวกผมทำเอง” เป็งบอก
“ไม่ได้สิ ไร่นี้เป็นความคิดฉัน ฉันก็ต้องลงมือทำด้วย” นริศราพูด
คนงานยิ้มด้วยความปลื้มใจแล้วช่วยกันขนต้นกาแฟต่อ ระหว่างนั้นพิสุทธิ์ก็ขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดแล้วลงมาหานริศรา
“โป๊ะ...ทำไมมาตอนนี้ล่ะ อย่าบอกว่าโดดงานนะ” นริศราถาม
“วันนี้เราฝึกงานที่ห้องอาหาร เข้าหกโมงเลิกบ่ายสอง”
“แล้วไป”
“ให้เราช่วยนะ”
“ได้สิ แต่ไม่มีค่าแรงให้นะ”
พิสุทธิ์ยิ้ม เขาถอดแจ็คเก็ตออกแล้วก็ลงมือช่วยทันที ภูชิชย์ขับรถมาจอดแอบดูอยู่ห่างๆ ภูชิชย์ลงจากรถแล้วจะเดินไปแต่ก็เปลี่ยนใจเดินกลับมาทำท่าจะเปิดรถแล้วก็ไม่เปิด ได้แต่ยืนถือแฟกซ์แอบดูอยู่ห่างๆ

นริศราขับรถมาจอดที่ลานจอดรถหน้าอาคารสำนักงาน พิสุทธิ์ขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดใกล้ๆ นริศราลงจากรถแล้วเดินมาหาเพื่อน
“จะเข้าไปนั่งเล่นข้างในไหม เราจะเข้าไปคุยงานกับคุณนิพนธ์”
“ไม่ดีกว่า แต่นิดรีบกลับมานะ เราหิวแล้ว” พิสุทธิ์บอก
“ได้เลย เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวที่โรงอาหาร”
“โอ้โห อย่างนี้นิดก็กระเป๋าฉีกแย่สิ” พิสุทธิ์แซว
นริศราหัวเราะแล้วเดินเข้าไปด้านใน พิสุทธิ์แยกไปเดินเล่นดูต้นไม้ไปเรื่อยๆ จนไปเห็นไม้ดอกต้นหนึ่งที่ขึ้นอยู่ริมถนน พิสุทธิ์เห็นว่าสวยจึงจะดึงดอกไม้มาดม สุพัฒนาเดินมาเห็นเข้าพอดีจึงตะคอกเสียงดัง
“นั่นจะทำอะไร”
พิสุทธิ์สะดุ้งแล้วหันไปหา “อ๋อ...ดอกไม้สวยดีนะครับ ผมเลยอยากดมกลิ่น”
“คนงานใหม่เหรอ ทำไมมาเดินแถวนี้”
พิสุทธิ์เริ่มฉุน “เอ่อ...โทษนะครับ แล้วคุณเป็นใคร”
“นี่กล้าย้อนถามฉันเหรอ”
“อยากรู้ก็ต้องถามสิครับ”
“นี่...แก มีงานอะไรก็ไปทำเลย อย่ามาเดินเพ่นพ่านให้ฉันเห็นอีก” สุพัฒนาไล่
“คุณนั่นแหล่ะ มาทางไหนไปทางนั้นเลย หน้าตาก็ดีทำไมมารยาทแย่มาก” พิสุทธิ์ไล่ด้วยความโกรธ
สุพัฒนาได้ยินถึงกับเหวอ “ไอ้บ้า มาว่าฉันเหรอ ฉันจะไล่แกออก ออกไป๊!”
นริศรากับนิพนธ์ได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งออกมาดูจึงเห็นพิสุทธิ์กับสุพัฒนากำลังประสานตากันอยู่
“เกิดอะไรขึ้นครับ” นิพนธ์ถามขึ้น
“นิพนธ์” สุพัฒนาชี้ไปที่พิสุทธิ์ “จัดการไล่ไอ้คนงานนี่ออกเดี๋ยวนี้เลย”
“แต่คุณโป๊ะไม่ใช่คนงานนะครับ แกเป็นเพื่อนคุณนิดครับ” นิพนธ์บอก
“นิด...ยัยเสียงโทรโข่งนี่ใคร” พิสุทธิ์หันมาถาม
“แกว่าฉันเหรอ”
สุพัฒนาจะเข้าไปตีพิสุทธิ์แต่นิพนธ์ดึงเอาไว้ ส่วนนริศราก็รีบมาดึงพิสุทธิ์ให้ห่างออกมา
“โป๊ะใจเย็นๆ นี่คุณเล็กน้องสาวพ่อเลี้ยง”
พิสุทธิ์แกล้งตกใจ “ห๊า...นี่น่ะเหรอเจ้าของไร่ มารยาทไม่ผ่านนะเนี่ย”
“กรี๊ด ไอ้บ้า ไอ้ปากเสีย นังนิดนี่แกพาพวกมารุมฉันเหรอ” สุพัฒนาโวยลั่น
“โป๊ะ ไปกันก่อนเถอะนะ เราขอร้อง”
นริศราพาพิสุทธิ์เดินหนีไป สุพัฒนาดิ้นจนหอบเหนื่อย

นริศรากับพิสุทธิ์หลบมายืนคุยกันที่มุมหนึ่งในไร่ หลังจากเล่าให้เพื่อนฟัง นริศราก็ถึงกับหน้าเครียด
“ที่จริงพอยัยนั่นตวาดคำแรก เราก็นึกทันทีว่าต้องเป็นคุณเล็กอย่างที่นิดเคยเล่า” พิสุทธิ์บอก
“รู้แล้วยังไปกวนเขาอีก” นริศราว่า
พิสุทธิ์เริ่มคิดได้ “นิด เราทำให้นิดลำบากหรือเปล่า”
นริศราส่ายหน้า “ถึงคุณเล็กไม่รู้จักโป๊ะเขาก็ไม่ชอบเราหรอก ช่างมันเถอะ”
“เราขอโทษนะ ต่อไปถ้าเราเห็นยัยนี่เราจะวิ่งหลบสี่คูณร้อยเลย”
นริศราขำกับมุกของพิสุทธิ์

สุพัฒนานั่งทุบเก้าอี้ในห้องรับแขกด้วยความโกรธ นิพนธ์นั่งอยู่ใกล้ๆ
“นังนิดมันมีสิทธิ์อะไรเอาเพื่อนมาที่นี่ เพื่อนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” สุพัฒนานึกขึ้นได้ “จริงด้วย นิพนธ์ ถ้าเกิดไอ้กุ๊ยนั่นมันมาปล้นไร่เราล่ะ ไม่ได้ ฉันต้องพี่ภู พี่ภู พี่ภูอยู่ไหน นิพนธ์ ไปตามพี่ภูเร็วสิ”
“แต่พ่อเลี้ยงก็รู้จักคุณโป๊ะนะครับคุณเล็ก แล้วเท่าที่ดูผมว่าคุณโป๊ะแกก็ดีนะครับ” นิพนธ์บอก
“ดีบ้าอะไร แค่เห็นหน้าฉันก็เกลียดมันแล้ว ยังไงฉันก็จะบอกพี่ภู พี่ภูอยู่ไหน”
“พ่อเลี้ยงออกไปข้างนอกครับ”
“ไปไหน นี่มันเลิกงานแล้วนี่”
สุพัฒนาจ้องหน้านิพนธ์อย่างคาดคั้น นิพนธ์จึงจำใจต้องบอก
“พ่อเลี้ยงนัดกับเจ้าน้อยครับ”
“นังเจ้าน้อยอีกแล้วเหรอ ทำไม...ทำไมพี่ภูถึงต้องคบแต่คนที่ฉันเกลียด”
สุพัฒนาหยิบหมอนที่วางอยู่บนโซฟามาดึงทึ้ง นิพนธ์มองด้วยความห่วงใย
“คุณเล็กครับ คุณเล็กลองลดการมองแต่ด้านไม่ดีของคน แล้วหันมามองแต่ข้อดีของคนบ้างสิครับ บางทีคุณเล็กอาจจะมีความสุขมากขึ้นก็ได้”
สุพัฒนาตวาด “ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”
นิพนธ์เดินออกไปจากห้องแต่ก็แอบดู เขาเห็นสุพัฒนาขว้างหมอนขว้างหนังสือเพื่อระบายแค้น

พนักงานถือกระเป๋าเดินออกจากบริษัทของวิทวัสเพื่อกลับบ้าน วิทวัสถือกระเป๋าเอกสารเดินออกมา พนักงานบางคนที่เห็นก็ยกมือไหว้เขา
เมื่อเดินมาถึงรถวิทวัสก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมัลลิกายืนอยู่ที่รถตัวเองซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ รถของเขา
“ยังไม่กลับอีกเหรอ” วิทวัสเอ่ยถาม
“มอลลี่รอเพื่อนน่ะคะ เขามาธุระแถวนี้เลยว่าจะไปทานข้าวเย็นกัน”
วิทวัสมองมัลลิกาอย่างไม่ไว้ใจ แต่มัลลิกายิ้มให้
“ไม่ต้องกลัวมอลลี่จะแอบสะกดรอยตามอีกหรอกค่ะ มอลลี่พูดคำไหนคำนั้น”
วิทวัสตัดสินใจขึ้นรถแล้วขับออกไป แล้วโทรศัพท์ของมัลลิกาก็ดังขึ้น มัลลิกาหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสาย
“ฮัลโหล......มาเร็วๆสิ ฉันยืนคอยนานแล้วนะคะคุณเพื่อน หิวมากด้วย”

วิทวัสกับรัชนิดานั่งดูลูกหนูถีบรถเล่นอยู่ที่สนามหน้าบ้าน รัชนิดาแอบเห็นวิทวัสยิ้มอย่างมีความสุข
“คุณวัสอารมณ์ดีนะคะ ดาไม่ได้เห็นแบบนี้มาสักระยะแล้ว”
“ตั้งแต่ผมได้เลขาใหม่ใช่ไหม” วิทวัสย้อนถาม
“ค่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“วันนี้มอลลี่เขามาบอกว่าจะเลิกยุ่งกับผม เขาจะเป็นคนใหม่” วิทวัสเล่า
รัชนิดาดีใจ “จริงเหรอคะ แต่ดูเขาตัดใจได้เร็วนะคะ”
“ผมก็ไม่ค่อยเชื่อเขานะ แต่ก็คิดว่าเขาคงทำได้ ต้องดูๆกันไป”
“ถ้าเขาทำตามที่พูด เราก็ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณเล็กแล้วสิคะ”
วิทวัสกับรัชนิดาส่งยิ้มให้กัน

ภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดารานั่งรับประทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภูชิชย์เหม่อลอยบ่อยครั้งและไม่ค่อยกินข้าวจนเจ้าทิพย์ดาราสังเกตได้
“วันนี้ภู ทานข้าวน้อยนะคะ”
“เอ่อ...ผมไม่ค่อยหิวครับ”
“ภูมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ บอกน้อยได้นะ”
ภูชิชย์รีบกลบเกลื่อน “หน้าผมเหมือนคนอมทุกข์เหรอครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่เหมือนคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา”
“เอ่อ...ผมคิดเรื่องงานนิดหน่อยครับ”
“นั่นไงน้อยว่าแล้ว แบบนี้หมอน้อยต้องรีบรักษาเยียวยาแล้ว ก่อนที่พ่อเลี้ยงภูชิชย์สุดหล่อของน้อยจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า”
เจ้าทิพย์ดาราพูดแล้วยิ้มให้ภูชิชย์ ภูชิชย์ยิ้มตอบแล้วกินอาหารต่อ เจ้าทิพย์ดารามองเขาอย่างใช้ความคิด

เจ้าทิพย์ดารากับภูชิชย์เดินมาด้วยกันที่ริมทางเดินคูเมือง แล้วเจ้าทิพย์ดาราก็จับมือภูชิชย์ ภูชิชย์หันมายิ้มให้เธอ
“อากาศดีจังเลยนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราพูด
“ครับ”
“ภูรู้ไหมคะ จริงๆแล้วภูไม่ได้ชอบน้อยก่อนหรอก”
ภูชิชย์แปลกใจ “เจ้าพูดจริงเหรอครับ”
“ตอนนั้นน้อยอยู่ ม.3 เจ้าพ่อกับเจ้าแม่มาบอกว่าเราจะมีเพื่อนบ้านใหม่ ที่เป็นเพื่อนของเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ย้ายมาอยู่ใกล้ๆกัน ตอนแรกน้อยก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันที่เจ้าพ่อจัดเลี้ยงต้อนรับ แล้วคุณพ่อคุณแม่ของภูพาครอบครัวมา ครั้งแรกที่น้อยเห็นภู น้อยก็ตกหลุมรักภูเลยนะคะ”
“ทำไมเจ้าไม่เคยบอกผมเลยล่ะครับ”
เจ้าทิพย์ดาราอาย “น้อยเป็นผู้หญิงนะคะ”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงบอกผมล่ะ”
“ไม่รู้สิ น้อยคงกลัวภูไม่รักแล้วมั้ง”
ภูชิชย์อึ้ง “เจ้าคิดอย่างนั้นเหรอครับ”
“มันคงเป็นความกลัวไปเองมั้งคะ”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ สำหรับผมแล้ว เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดคนเดียวเท่านั้น” ภูชิชย์กล่าวหนักแน่น
เจ้าทิพย์ดาราเกาะแขนแล้วเอียงหัวลงไปซบภูชิชย์
“น้อยรักคุณนะคะภู”
ภูชิชย์ดึงเจ้าทิพย์ดาราเข้ามากอด

เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกานั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน เจ้าทิพย์ดาราเดินเข้ามานั่งด้วยแล้วโผเข้ากอดเจ้าดาระกา
“ไปทานข้าวที่ไหนกันมาล่ะลูก” เจ้าดาระกาเอ่ยถาม
“ร้านประจำของภูกับน้อยค่ะ เจ้าพ่อเจ้าแม่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ อย่าบอกว่ามาคอยเฝ้าน้อยนะ”
“บังเอิญใช่ด้วยสิลูก” เจ้าดาระกาตอบ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เจ้าดาระกาพยักหน้าให้เจ้าเทพมงคลพูด
“คือพ่อว่าจะให้น้อยไปเชิญคุณโป๊ะมาทานข้าวที่บ้าน”
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ” เจ้าทิพย์ดาราสงสัย
“พ่อกับแม่อยากรู้จักเด็กคนนี้ให้มาก”
เจ้าทิพย์ดาราพูดอย่างรู้ทัน “แค่นี้เองเหรอคะ งั้นเราก็ไปทานที่โรงแรมคุณโป๊ะสิคะ จะต้องให้เขามาที่นี่ทำไม”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาอึกอักเพราะตอบไม่ถูก
“เจ้าพ่อเจ้าแม่คะ น้อยว่าอย่าเลยค่ะ ยังไงน้อยก็รักภูคนเดียว”
“แต่รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหลายนี่” เจ้าดาระกาบอกบุตรสาว
เจ้าทิพย์ดาราเห็นความมุ่งมั่นของบิดากับมารดาก็ยอมแพ้ “พูดแบบนี้แสดงว่าน้อยไม่มีทางเลือกอื่นน่ะสิคะ”

เจ้าทิพย์ดาราเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วหยิบรูปที่เคยถ่ายคู่กับภูชิชย์ขึ้นมาดู
“รู้ไหม เจ้าพ่อกับเจ้าแม่จะยกน้อยให้คนอื่นแล้วนะคะภู แต่น้อยไม่ยอมหรอก เพราะน้อยรักภู และภูจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่น้อยจะแต่งงานด้วย”
เจ้าทิพย์ดาราวางรูปกลับที่เดิม เธอมองรูปนั้นก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุข

ภูชิชย์ยืนถือกระดาษแฟกซ์ในมือมายืนรออยู่หน้าบ้านพักคนงานหญิง นริศราเดินมึนๆ ด้วยความง่วงลงมาหา
“พ่อเลี้ยงให้คนไปตามฉันมีอะไรคะ” นริศราปิดปากหาว
ภูชิชย์ส่งแฟกซ์ให้ “เห็นว่าเธอภาษาดี เลยจะให้ไปรับนักศึกษาที่จะมาฝึกงานหน่อย”
นริศราเพ่งอ่านจากไฟถนน “นี่มาพรุ่งนี้นี่คะ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“แต่มันเป็นวันหยุดฉันนะคะ แล้วฉันก็มีนัดแล้วด้วย”
“ยกเลิกทุกนัด แล้วก็มาทำงานให้ฉัน ฉันจ่ายโอทีให้”
“นี่คุณเอาเงินฟาดฉันเหรอ”
“หรือเธอจะไม่เอา”
“เอาสิ แต่คุณต้องจ่ายโอทีฉันเต็มวันนะ” นริศราบอก
“แล้วไม่ติดแล้วเหรอ”
“ฉันขอเอาโป๊ะไปด้วย”
“นี่เธอจะเอาคนนอกไปทำงานของทางไร่ได้ไง” ภูชิชย์พูดด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่ไป”
ภูชิชย์เบ้ปากด้วยความเจ็บใจแล้วเดินกลับไป นริศรามองตามด้วยสายตาเขม่นแล้วเดินขึ้นบ้าน

วันรุ่งขึ้น นริศรายืนรอพิสุทธิ์ที่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด
“ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปเที่ยวกับโป๊ะอ่ะ” นริศราเอ่ย
“ไม่เป็นไร จะไปเที่ยวหรือทำงานขอให้ได้อยู่ใกล้นิดก็พอ” พิสุทธิ์รีบหยอด
นริศราค้อน “ไปกันเถอะ”
ทั้งสองจะเดินไปขึ้นรถแต่ภูชิชย์เดินเข้ามาหาทั้งคู่แล้วพูดขึ้น “ไปรถฉันดีกว่า”
นริศรางง “พ่อเลี้ยงไปด้วยเหรอคะ”
“ใช่สิ” ภูชิชย์ตอบทันที
“อ้าว...ก็ถ้าคุณไปด้วยแล้วให้ฉันไปทำไม”
“ก็...ก็เธอเป็นผู้จัดการก็ต้องไปกับฉันสิ ไปเหอะสายแล้ว”
พิสุทธิ์กับนริศราเดินตามภูชิชย์ไปที่รถ พิสุทธิ์ทำท่าจะขึ้นไปนั่งข้างหน้าแล้วให้นริศรานั่งข้างหลัง
“คุณโป๊ะนั่งข้างหลังนะครับ” ภูชิชย์รีบบอก “เผื่อผมมีอะไรต้องคุยกับนริศราเขา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งไหนก็ได้” พิสุทธิ์พูด
ทั้งสองคนขึ้นไปนั่งตามที่ภูชิชย์บอก ภูชิชย์อมยิ้มแล้วขับรถออกไปทันที

ภูชิชย์ นริศรา และพิสุทธิ์มายืนรถผู้โดยสารขาเข้าอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่ พิสุทธิ์ถือป้ายชื่อเขียนว่า James Watson ตัวโต
ผู้โดยสารหลายคนทยอยเดินออกมา เวลาผ่านไปสักพักเจมส์ก็เดินแบกของมองหาป้ายชื่อจนเห็นแล้วเขาก็รีบเดินมาหาทันที
“Hello, I’m James. you guys from Supattana farm?”
“Hello, I’m Phuchit. Nice to meet you.” ภูชิชย์ตอบฉะฉาน
“I’m Narissara, you can call me Nid.I’m the manager. And this is Poh, my friends” นริศราพูดกับเจมส์
ทั้งสามคนจับมือทักทายเจมส์ด้วยไมตรี
จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกนริศราดังขึ้น “น้องนิด”
ทุกคนหันไปตามเสียงก็เห็นลัคนาเดินยิ้มตรงมาหานริศรา

นริศรายิ้มรับแบบเจื่อนๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว ภูชิชย์มองลัคนาอย่างงงๆ









Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2555 3:42:13 น.
Counter : 276 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]