All Blog
รักประกาศิต ตอนที่ 11 (ต่อ)




เจ้าทิพย์ดาราออกมานั่งซึมอยู่ข้างระน้ำของโรงแรม เจ้าเทพมงคลและเจ้าดาระกาเดินมาเห็นก็รู้สึกสงสารลูกจึงเข้ามานั่งด้วย
“ลูกน้อย” เจ้าดาระกาลูบหัวบุตรสาว “มานั่งซึมอยู่ทำไม ถ้าอยู่แล้วเสียใจ เรากลับบ้านนะลูก”
“น้อยไม่เป็นไรหรอกค่ะ เจ้าพ่อเจ้าแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราตอบ
“พ่อขอถามตรงๆนะ ว่าลูกแน่ใจหรือเปล่า ว่าระหว่างลูกกับพ่อเลี้ยง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
เจ้าทิพย์ดาราได้ยินคำถามก็ถึงกับอึ้ง “เจ้าพ่อ”
“ที่พ่อถาม พ่อไม่ได้อยากจะทำร้ายลูกของพ่อนะ แต่พ่อก็ไม่อยากให้น้อยทำร้ายตัวเอง”
“น้อย...ก็ไม่แน่ใจค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราตอบ
“ถ้ามันถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงก็ทำใจยอมรับเถอะลูก” เจ้าเทพมงคลพูด
“เจ้าพ่อเจ้าแม่ น้อยไม่อยากเสียภูไปค่ะ”
เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ตกใจที่ได้ยินคำของลูกสาว “เจ้าน้อย”
“ขอบคุณเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ที่เป็นห่วงน้อยนะคะ แต่น้อยจะจัดการเรื่องนี้เอง”
แล้วสามพ่อแม่ลูกก็โผเข้ากอดกัน

พิสุทธิ์ยืนดูพนักงานรื้อเวทีหลังจากงานเลิก ส่วนนริศรากับเจ้าทิพย์ดาราก็ช่วยกันเก็บของที่ซุ้ม เจ้าทิพย์ดาราดูเงียบไปจนนริศราต้องชวนคุย
“แหม...ขากลับนี่สบายไปเลยนะคะ”
เจ้าทิพย์ดาราชะงัก “น้อยอยากคุยอะไรกับคุณนิดค่ะ แต่...”
นริศรางง “อะไรเหรอคะ....เจ้าน้อยคะ มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน พูดตรงๆได้เลย”
เจ้าทิพย์ดารากลั้นใจพูด “น้อยอยากพูดเรื่องภู...กับคุณนิด”
นริศราอึ้ง “เจ้าน้อย”
“น้อยรักภูกับคุณนิดมาก โดยเฉพาะคุณนิด น้อยถูกชะตากับคุณนิดอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็อยากเป็นเพื่อนกับคุณมาก แต่น้อยก็ไม่ชอบที่เห็นภูกับคุณอยู่ใกล้กัน”
นริศราพยายามข่มใจ “นิดเข้าใจแล้วค่ะ”
“น้อยขอโทษนะคะ ที่ต้องพูดแบบนี้ คุณนิดไม่โกรธน้อยนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ นิดเข้าใจ นิดรับปากค่ะ ว่านิดจะไม่อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงอีก”
เจ้าทิพย์ดารากับนริศรายิ้มให้กัน
ห่างออกไป ภูชิชย์ยืนมองนริศรากับเจ้าทิพย์ดาราที่กำลังคุยกันอยู่ โดยมีวิทวัสอยู่ใกล้ๆ เขา
“ผมว่าพี่ภูกำลังเปลี่ยนไป” วิทวัสทักขึ้น
“พี่น่ะเหรอเปลี่ยน เปลี่ยนอะไร?” ภูชิชย์งง
“ก็เปลี่ยนใจจากเจ้าน้อยเป็นคุณนิดน่ะสิ”
“นายวัส พี่...เอ่อ...” ภูชิชย์อ้ำอึ้ง
“คุณนิดเป็นคนดี เจ้าน้อยก็เป็นคนดี อีกห้าสิบปีข้างหน้าจะมีผู้หญิงที่ดีหนึ่งคนอยู่เคียงข้างพี่ ทำในสิ่งที่ดีที่สุดนะครับพี่ภู” วิทวัสบอก
ภูชิชย์นิ่งอึ้ง วิทวัสตบไหล่ให้กำลังใจพี่ชายตัวเอง
“นายให้ลีมูซีนโรงแรมไปส่งนะ พี่ขอไปจัดการธุระหน่อย” ภูชิชย์พูด
วิทวัสยิ้มรับ

เจ้าเทพมงคล เจ้าดาระกาและเจ้าทิพย์ดาราออกมายืนรอรถอยู่ที่หน้าโรงแรม ทั้งสามเห็นรถแล่นมาจอดเทียบ พนักงานเดินมาเปิดประตูให้
ทันใดนั้นภูชิชย์ก็เดินมา ทั้งสามชะงักมองเขา
“ผมขออนุญาตคุยกับเจ้าน้อยได้ไหมครับ” ภูชิชย์พูด
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาไม่อยากมองหน้าภูชิชย์เลยมองไปที่เจ้าทิพย์ดาราแทน
“เจ้าพ่อกับเจ้าแม่กลับไปก่อนนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราบอก
“เจ้าน้อย” เจ้าดาระกาเป็นห่วง
เจ้าเทพมงคลพูดกับเจ้าดาระกา “เรากลับกันเถอะ”
เจ้าเทพมงคลเดินขึ้นรถ เจ้าดาระกาค้อนใส่ภูชิชย์แต่ก็ขึ้นรถตามไป เหลือเจ้าทิพย์ดาราที่ยืนมองหน้าภูชิชย์ด้วยความสงสัย

ภูชิชย์จอดรถเพื่อคุยกับเจ้าทิพย์ดาราที่ริมทาง
“ไหนภูบอกจะมีอะไรคุยกับน้อยไงคะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“ผมอยากจะขอโทษเจ้าครับ” ภูชิชย์เอ่ย
เจ้าทิพย์ดาราได้ยินก็น้ำตาไหลออกมาทันที
“ทำไมคะภู ภูไม่รักน้อยแล้วเหรอคะ”
“ผมพยายามแล้วครับ แต่สองปีที่เราจากกันไป มันทำให้หลายอย่างเปลี่ยน ผมขอโทษที่ไม่สามารถทำความรู้สึกให้เหมือนเดิมได้อีก”
“แล้วถ้าแต่งงานกันไปล่ะทุกอย่างจะดีขึ้นไหมคะ”
“เจ้ายังอยากแต่งงานกับผมอีกเหรอครับ”
เจ้าทิพย์ดาราฝืนยิ้ม “ขอบคุณนะคะที่ภูไม่จำใจแต่งงานกับน้อย เพราะมันอาจจะทำให้น้อยต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต”
“ผมเสียใจนะครับเจ้า”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะภู แล้วก็เลิกขอโทษน้อยด้วย ภูไม่ได้ทำอะไรผิด เอาเป็นว่าน้อยเข้าใจ น้อยจะไม่รั้งคนที่ไม่ได้รักน้อยอีกแล้ว”
เจ้าทิพย์ดาราพูดจบก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
“เจ้าน้อยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้อยไม่เป็นไร” เจ้าทิพย์ดารายิ้มทั้งน้ำตานองหน้า “ต่อไปนี้เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ”
พูดจบเจ้าทิพย์ดาราก็โผเข้ากอดภูชิชย์แล้วร้องไห้โฮ ท่ามกลางความมืดมืดมีรถของภูชิชย์จอดอยู่คันเดียวในบริเวณนั้น

รถของพิสุทธิ์แล่นมาจอดที่หน้าบ้านพักของนริศรา พิสุทธิ์กับนริศราลงมาจากรถ ทั้งสองเดินมาถึงหน้าบ้านพัก
“เป็นอะไรอ่ะนิด เห็นเงียบมาตลอดทางเลย” พิสุทธ์เอ่ยถาม
“เปล่าหรอก เราเหนื่อยน่ะ” นริศราตอบ
“ไม่ใช่มั้ง หรือว่านิดเศร้าแทนเรา”
“โป๊ะน่ะเหรอเศร้า เรื่องอะไร”
“อ้าว...ก็ดูสิ เราประมูลของนิดไม่ได้สักชิ้น โดนพ่อเลี้ยงแย่งไปหมด เศร้าไหมล่ะ”
“แหม...เราทำให้ใหม่ก็ได้”
“แล้วตกลงนิดเป็นอะไร ทำไมหน้ามุ่ยอย่างนี้”
“ไม่มีอะไรจริงๆ เราขอตัวไปพักผ่อนนะ ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างวันนี้”
“ถ้ามีอะไรอยากคุยกับเราก็โทรมาได้ตลอดนะ”
นริศรายิ้มให้พิสุทธิ์แล้วเดินเข้าบ้านไป พิสุทธิ์มองตามอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินมาที่รถ เขามองเข้าไปในบ้านพักของนริศราก็เห็นไฟเปิด พิสุทธิ์ถอนใจแล้วขึ้นรถขับออกไป

นริศราวางกระเป๋า วางสัมภาระต่างๆ แล้วนั่งลงที่เตียงอย่างอ่อนแรง ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงคำพูดของเจ้าทิพย์ดารา
“น้อยรักภูกับคุณนิดมาก โดยเฉพาะคุณนิด น้อยถูกชะตากับคุณนิดอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็อยากเป็นเพื่อนกับคุณมาก แต่น้อยก็ไม่ชอบที่เห็นภูกับคุณอยู่ใกล้กัน”

นริศรานึกถึงคำพูดเหล่านั้นเธอก็ถอนใจ
“นิดก็รักเจ้าน้อยเหมือนกัน แล้วนิดก็จะไม่ทำให้เพื่อนดีๆเจ็บแน่นอน” พูดเสร็จนริศราก็เศร้าใจ

เจ้าทิพย์ดาราหยิบอัลบั้มรูปที่เคยถ่ายกับภูชิชย์เมื่อสมัยเป็นแฟนกันขึ้นมาเปิดดู สักพักเธอก็น้ำตาซึมเพราะคิดถึงอดีต

เจ้าทิพย์ดารานึกถึงวันที่เธอกับภูชิชย์จูงมือกันเดินดูไร่องุ่นสุพัฒนาด้วยกัน ทั้งสองป้อนองุ่นให้กัน
ภูชิชย์กำลังฉีดสายยางให้น้ำองุ่น เจ้าทิพย์ดาราแอบมาสะกิดข้างหลัง ภูชิชย์หันมาทันทีทำให้น้ำฉีดใส่เจ้าทิพย์ดารา ภูชิชย์ตกใจ เจ้าทิพย์ดาราทำหน้างอก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยกัน
ภูชิชย์เช็ดผมและซับหน้าให้เจ้าทิพย์ดาราอย่างอ่อนโยน ทั้งสองมองตากันอย่างซาบซึ้ง
ภูชิชย์ขับรถพาเจ้าทิพย์ดาราไปเที่ยว เจ้าทิพย์ดาราเห็นภูชิชย์อมยิ้มมาตลอดทางก็นึกสงสัยจึงตีแขนภูชิชย์แล้วถามว่ามีอะไร ภูชิชย์ไม่ตอบแล้วทำท่าว่าแดดส่อง เขาจึงดึงที่บังแดดลงมา เจ้าทิพย์ดารางง เธอหันไปมองหน้ากระจกรถก็รู้สึกว่าแดดแรงจึงหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ ภูชิชย์เซ็งที่เจ้าทิพย์ดาราไม่เข้าใจ ภูชิชย์เลยเอื้อมตัวมาดึงที่บังแดดฝั่งเจ้าทิพย์ดาราลงมาบ้าง แล้วดอกกุหลาบที่ซ่อนอยู่ในที่บังแดดก็หล่นลงมาบนตักเจ้าทิพย์ดาราพอดี เจ้าทิพย์ดาราร้องอ๋อแล้วหัวเราะชอบใจ เธอหยิกแก้มภูชิชย์ ภูชิชย์คว้ามือเธอขึ้นมาหอม

ยิ่งนึกถึงอดีตอันหอมหวาน เจ้าทิพย์ดาราก็ยิ่งร้องไห้ เธอหันไปหยิบกรอบรูปที่มีรูปถ่ายคู่กันบนหัวเตียงมาดูแล้วถอดรูปออกมา ก่อนจะสอดรูปไว้ในอัลบั้ม แล้วประกอบกรอบรูปวางไว้ที่หัวเตียงในตำแหน่งเดิม เจ้าทิพย์ดารามองกรอบรูปที่ว่างเปล่าแล้วก็ร้องไห้หนักขึ้น

ดึกแล้วแต่ภูชิชย์ยังคงนอนไม่หลับ เขามองไปที่โต๊ะเห็นรูปเจ้าทิพย์ดาราวางอยู่ใกล้ๆกับกระถางของนริศรา
ภูชิชย์ลุกขึ้นนั่งแล้วเดินไปดูใกล้ๆ เขาหยิบรูปและกระถางขึ้นมาดู แล้วตัดสินใจวางรูปลงถือแต่กระถางไว้ในมือ

เจ้าทิพย์ดารานั่งดูกุหลาบแห้งในมือพร้อมกับร้องไห้จนตัวโยน เจ้าทิพย์ดารานอนกอดหมอนร้องไห้ตลอดทั้งราตรีอันยาวนาน

เช้าวันใหม่ ภูชิชย์กำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปที่ไร่ แต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นก่อน ภูชิชย์ดูหน้าจอ แล้วกดรับสาย
“ครับเจ้า”
“ภูมาหาน้อยหน่อยนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราพูดผ่านสายมา
“ตอนนี้เหรอครับ”
“ค่ะ ตอนนี้”
“ครับๆ” ภูชิชย์กดวาง แล้วขึ้นรถ ขับออกไปทันที

ภูชิชย์ขับรถมาจอดหน้าบ้านเจ้าทิพย์ดารา เขาเห็นเจ้าทิพย์ดาราที่สวมแว่นดำกำลังเดินออกมาจากบ้าน ภูชิชย์รีบลงจากรถไปรับด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่สบาย หรือว่ามีอะไรให้ผมช่วยครับ”
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “น้อยไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แต่น้อยอยากจะทำอะไรบางอย่างให้ภู”
“ทำอะไรครับ” ภูชิชย์งง
“ขึ้นรถเถอะค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราชวนแล้วก็เดินขึ้นรถทันที
ภูชิชย์ยืนงงแต่ก็เดินไปขึ้นรถ แล้วขับออกไป

นริศราเห็นเจ้าทิพย์ดารากับภูชิชย์มาที่ศูนย์วิจัยก็รู้สึกแปลกใจ ภูชิชย์มีสีหน้าเคร่งขรึมเพราะรู้สึกไม่สบายใจที่เจ้าทิพย์ดาราทำแบบนี้
นริศราถามเสียงแข็งใส่ภูชิชย์ “คุณมาทำไม”
“น้อยพาภูมาเองค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราบอก
นริศราได้ยินก็ยิ่งไม่เข้าใจ เธอจึงจูงมือเจ้าทิพย์ดารามาคุยกันสองคน
“เจ้าพาเขามาทำไมคะ ก็เจ้าเพิ่งบอกไม่อยากให้นิดอยู่ใกล้พ่อเลี้ยงเขานี่คะ”
“ความจริงน้อยก็ยังอยากให้เป็นอย่างที่พูด แต่น้อยไม่ใช่เจ้าของเขาอีกแล้วล่ะค่ะแล้วหัวใจเขาก็ไม่ได้อยู่ที่น้อยอีกต่อไป” เจ้าทิพย์ดาราบอก
นริศราอึ้ง “เจ้าพูดเรื่องอะไรคะ”
“ให้ภูพูดกับคุณนิดเองดีกว่าค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราคว้ามือนริศรามาหาภูชิชย์ “ภูคะ คุยกับคุณนิดดีๆนะคะ อย่าทำเสียเรื่องล่ะ”
ภูชิชย์และนริศรามีท่าทีอึกอัก นริศรารีบจับมือเจ้าทิพย์ดาราออก
“เจ้าคะ นิดขอโทษนะคะ นิดต้องไปทำงานแล้วล่ะค่ะ” พูดจบนริศราก็เดินหนีไปทันที
ภูชิชย์ทำท่าจะเดินตามแต่ก็ไม่ตาม เพราะห่วงความรู้สึกเจ้าทิพย์ดารา
“ภู ตามไปสิคะ” เจ้าทิพย์ดาราบอก
ภูชิชย์ได้ยินก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก “เจ้าน้อย ผมไม่สบายใจเลย เจ้าอย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ ผมไม่อยากให้เจ้าเสียใจอีก”
“น้อยเต็มใจเองนะคะ ภูไม่ต้องห่วงความรู้สึกน้อยหรอกค่ะ น้อยจะมีความสุข ถ้าเพื่อนรักของน้อยทั้งสองคนมีความสุข”
“เจ้า..”
เจ้าทิพย์ดาราดันภูชิชย์ให้เดินไป “ไปเร็วเข้า ป่านนี้คุณนิดหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าภูทำไม่สำเร็จน้อยโกรธจริงๆด้วย”
ภูชิชย์มองหน้าเจ้าทิพย์ดาราแล้วก็ยิ้มจากนั้นก็วิ่งไป เจ้าทิพย์ดารามองตามแล้วแอบเช็ดน้ำตา

พิสุทธิ์เดินหิ้วถุงอาหารมาที่หน้าบ้านพักของนริศรา
“นิด เรามาแล้ว หิวยัง” พิสุทธิ์ร้องเรียก
สักพักเจ้าทิพย์ดาราก็เดินมาจากข้างบ้าน
“มาแต่เช้าเลยนะคะ”
พิสุทธิ์ยิ้มขำ “ใครกันแน่มาแต่เช้า ท่าทางเจ้าจะมาก่อนผมด้วยซ้ำ อย่างนี้จะไม่ให้เข้าใจว่าเป็นคู่วายกันได้ไงครับเนี่ย”
เจ้าทิพย์ดาราหันมาเห็นพิสุทธิ์ก็ยิ้ม “แหม คู่วายอะไรกันคะ แซวบ่อยๆเดี๋ยวเป็นจริงขึ้นมา จะว่ายังไงคะเนี่ย”
“โธ่ เจ้าจะเป็นได้ยังไง คุณภูชิชย์ได้มาเล่นงานผมตายเลย โทษฐานชี้นำให้แฟนชาวบ้านเขาออกนอนกลู่นอกทาง”
เจ้าทิพย์ดารานิ่งไป “น้อยไม่ได้เป็นแฟนกับภูแล้วค่ะ”
“อะไรนะครับ” พิสุทธิ์ตกใจ
เจ้าทิพย์ดาราถอนใจ “คงไม่มีใครมาว่าคุณโป๊ะอีกแล้วค่ะ”
“เจ้าน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมงงไปหมดแล้ว”
“คุณนิดพูดถูก ถ้าเราจะอยู่กับใครไปอีกห้าสิบปี คนๆนั้นควรจะเป็นคนที่เรารักเขาและเขาก็รักเขาค่ะ”
พิสุทธิ์มองเจ้าทิพย์ดารานิ่งด้วยความสงสัย
“ผมจะไปตามนิดมาทานอาหารเช้ากับเรานะครับ”
พูดจบพิสุทธิ์ก็จะเดินไปแต่เจ้าทิพย์ดาราพูดขึ้นมาก่อน
“ภูกับคุณนิดกำลังคุยกันเรื่องที่จะกลับไปทำงานที่ไร่ค่ะ”
พิสุทธิ์อึ้งแล้วรีบวางของเพราะตั้งใจจะไปตามนริศรา
“นิดเขาไม่อยากกลับไร่หรอกครับ ผมรู้ว่านิดเขาไม่มีความสุขที่อยู่ที่นั่น”
“เรารอฟังคำตอบอยู่ที่นี่ดีกว่านะคะ”
พิสุทธิ์หน้าเสีย

ภูชิชย์วิ่งตามนริศรามาจนถึงไร่กาแฟของศูนย์วิจัย
“นิด” ภูชิชย์พยายามเรียก
นริศราหันมาเห็นก็ตกใจและวิ่งหนีไปอีก
“นิด คุยกันก่อนได้ไหม” ภูชิชย์วิ่งตาม
นริศราหันมาตอบทั้งที่ยังวิ่งอยู่ “ฉันไม่คุย”
“เธอกลับไปทำงานที่ไร่ฉันเหมือนเดิมเถอะนะ”
นริศราหันมาตอบทั้งๆ ที่วิ่งไปข้างหน้า “ฉันไม่กลับ” พอหันกลับมานริศราก็ตกท้องร่อง “ว้าย!”
ภูชิชย์ตกใจรีบวิ่งเข้าไปหา “นิด”
นริศราพยายามจะขึ้นมาจากร่อง ภูชิชย์วิ่งมาหยุดยืนหัวเราะ
“น่าถ่ายคลิปไปให้คนอื่นดู” ภูชิชย์ว่า
นริศราคว้าดินขว้างใส่ภูชิชย์ “นี่แน่ะ ถ่ายคลิปเหรอ เพราะคุณคนเดียว ฉันเลยต้องเป็นแบบนี้”
“เอ้า โทษฉันอีก” ภูชิชย์ยื่นมือให้นริศราจับ “ขึ้นมาก่อนเร็ว”
นริศราทำเหมือนดื้อแต่ก็จับมือภูชิชย์ขึ้นไป
“ขอบคุณนะ” นริศราแอบยิ้มแล้วผลักภูชิชย์หล่นไปแทน
“เฮ้ย ยัยบ้า”
นริศราหัวเราะ ขณะนั้นชาวไร่ขับรถอีแต๋นผ่านมาแล้วบีบแตรเรียก พอรถหยุดนริศราก็รีบกระโดดขึ้นรถทันที
“ไปค่ะ ไปเลยค่ะลุง”
ชาวไร่มองไปที่ภูชิชย์ นริศราเห็นสายตาชาวไร่ก็รีบบอก
“อ๋อ เขาไม่ไปหรอกค่ะ เขาอยากสำรวจดินอยู่ในท้องร่อง เรารีบไปกันเถอะค่ะลุง”
ชาวไร่ออกรถ นริศราโบกมือแล้วยิ้มทะเล้นใส่ภูชิชย์ “ไปก่อนน้า”
“รอด้วย” ภูชิชย์พยายามปีนขึ้นมา แต่ก็ลื่นลงไปอีก “โธ่เว้ย” ภูชิชย์ตะโกน “นริศรา เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก”
นริศราโบกมือและหัวเราะอยู่บนท้ายรถที่ขับไปไกลแล้ว ภูชิชย์มองอย่างเจ็บใจ

นริศรามาช่วยชาวไร่เก็บหน่อไม้ฝรั่งที่ปลูกแซมกับไร่กาแฟ ขณะที่กำลังเก็บเพลินๆ ภูชิชย์ก็มายืนตรงหน้า นริศราเงยหน้าขึ้นมาเห็นภูชิชย์ก็ตกใจ
“มาได้ไงเนี่ย”
ภูชิชย์หันไปขอบคุณชาวไร่คนหนึ่งที่กำลังขี่จักรยานออกไป
“ของคุณนะครับพี่ที่มาส่ง”
ภูชิชย์หันมายิ้มและยักคิ้วให้นริศรา นริศราเบ้หน้าใส่แล้วเดินหนีไปบริเวณที่ชาวไร่กำลังถางวัชพืชกันอยู่ ภูชิชย์วิ่งไปคว้ามือนริศราไว้ “นี่เธอ ฉันมาตามให้เธอกลับไปที่ไร่ ไม่ได้ตามทวงหนี้ หนีจังเลย”
“ฉันก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าไม่กลับๆๆๆ เป็นปลาหางนกยูงหรือยังไง ถึงได้ความจำสั้นกว่าปลาทองซะอีก”
“แล้วเธอล่ะ ทั้งพูดดี ทั้งขอร้อง ก็ไม่ยอมฟัง ดื้อด้านยิ่งกว่าวัวซะอีก อย่างนี้ต้องให้กินหญ้าเยอะๆแล้วมั้ง จะได้เชื่องๆ”
“คุณภูชิชย์” นริศราหันไปเห็นวัชพืชในปุ้งกี๋ของชาวไร่ก็เข้าไปคว้าแล้วเทใส่ภูชิชย์ “คุณน่ะสิต้องกินหญ้าเยอะๆบำรุงสมอง จะได้พูดรู้เรื่องซะที” นริศราหยิบมาเทอีก
“เฮ้ย นิด หยุดนะ ทำไมร้ายอย่างนี้ ยัยบ้า”
ชาวไร่พากันหัวเราะ ภูชิชย์เริ่มอายจึงรีบพูด
“ไม่ต้องตกใจครับ เขาเป็นเมียผมครับ ผมมาตามกลับไปดูลูก”
ชาวไร่ส่งเสียงเฮลั่น นริศราหน้าตื่นเพราะเริ่มอาย
“ไม่ใช่ค่ะ นิดไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะคะ” นริศราหันมาทำตาเขียวใส่ภูชิชย์ “ตาบ้า คุณพูดอะไรออกมา”
ภูชิชย์ยิ่งพูดเสียงดัง “ก็เธอไม่กลับบ้านลูกมันก็งอแงสิ”
“สุดจะทนแล้วนะ” นริศราเอาปุ้งกี๋ครอบหัวภูชิชย์แล้ววิ่งหนีไปทันที
ชาวไร่หัวเราะกันลั่น ภูชิชย์เอาปุ้งกี๋ออกแล้วมีสีหน้าเจ็บใจ จากนั้นก็วิ่งตามไป
นริศราเดินหนี ภูชิชย์เดินตามง้อ นริศราส่ายหน้ายืนยันว่าไม่กลับ แล้วเธอก็ไปคว้ารถเข็นที่ชาวไร่กำลังตักดินใส่มาเทใส่ขาภูชิชย์
นริศราวิ่งหนีมาตรงลานตากกาแฟแล้วหาที่หลบ ภูชิชย์วิ่งตามมาแต่เบรกไม่ทันจึงเหยียบเปลือกกาแฟลื่นล้ม นริศราที่แอบดูอยู่หัวเราะแต่พอเห็นว่าภูชิชย์เจ็บก็เริ่มสงสาร ภูชิชย์หันมาเห็นว่านริศราแอบดูอยู่ก็ลุกขึ้นโวยวายแล้วเดินรี่มาหานริศรา นริศราร้องว้ายแล้ววิ่งหนีไปอีก ภูชิชย์ส่ายหน้าเพราะเริ่มเหนื่อย

ภูชิชย์เดินมายังรถที่ของเขาที่จอดอยู่ด้วยท่าทีเซ็งๆ และเนื้อตัวมอมแมมจนเจ้าทิพย์ดาราอดขำไม่ได้
“ภูทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“ฝีมือคุณนิดของคุณล้วนๆ แถมพูดยังไงก็ไม่ยอมกลับด้วย” ภูชิชย์บอก
เจ้าทิพย์ดาราขำ “คุณนิดนี่ก็ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อ”
“ทั้งร้าย ทั้งดื้อเลยล่ะครับ”
“แล้วยังชอบอยู่หรือเปล่าล่ะคะ”
ภูชิชย์อาย “ก็...ก็..”
เจ้าทิพย์ดาราตัดบท “ภูนี่ ไม่ได้เรื่องเลย ไปกับน้อยดีกว่า”
“ไปไหนครับ”
“ไปเอาตัวคุณนิดกลับไงคะ”
ภูชิชย์ทำท่าทางเหนื่อยอ่อนจนเจ้าทิพย์ดาราทั้งจูงทั้งลากให้ตามไป

เจ้าทิพย์ดารากับภูชิชย์เข้ามาคุยกับธาวินในศูนย์วิจัย
“น้อยอยากทราบว่า ที่นี่มีปัญหาอะไรบ้าง น้อยกับภูอยากจะมาช่วยพัฒนาที่ศูนย์วิจัยนี่ด้วยน่ะค่ะ”
ภูชิชย์เริ่มงง “เจ้าจะให้ผมทำงานที่นี่เหรอครับ”
ธาวินกับภูชิชย์มองเจ้าทิพย์ดาราด้วยความไม่เข้าใจ

นริศราเดินกลับมาที่บ้านพักของเธอ พิสุทธิ์ซึ่งนั่งรอนริศราอยู่หน้าที่บ้านเห็นเธอกลับมาก็รีบลุกขึ้นมาหา
“อ้าวโป๊ะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” นริศราทัก
“มาหลังพ่อเลี้ยงนิดนึง” พิสุทธิ์บอก
นริศราถอนใจด้วยความเซ็งที่ได้ยินชื่อภูชิชย์
“เอ่อ...นิดยังยืนยันไม่ไปทำงานกับพ่อเลี้ยงใช่ไหม” พิสุทธิ์ถาม
“ใช่” นริศราตอบ
“ค่อยยังชั่ว ได้แบบนี้แล้วเราก็มาทานอาหารเช้ากันเถอะ เราอุตส่าห์ขนมาบรรณาการนิดเป็นพิเศษ มีทั้งแซนด์วิช สลัด ซุปก็มีนะ”
“หืม...นายโป๊ะ แบบนี้หมายความว่าไงยะ ถ้าเราตกลงกลับไปทำงานก็อดน่ะสิ”
“แน่นอน เราจะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับนิดด้วยนะ” พิสุทธิ์ขู่
“เสียใจ งานนี้เราไม่ยอมเด็ดขาด”
พิสุทธิ์ยิ้มแฉ่ง “ไม่ยอมเสียเราน่ะเหรอ”
“ไม่ยอมเสียของอร่อยๆต่างหากจ้ะ”
พูดจบนริศราก็ยื่นมือจะคว้ากล่องแซนด์วิช แต่พิสุทธิ์ดึงหนี เธอจะคว้ากล่องสลัดพิสุทธิ์ก็ดึงหนีอีก แล้วทั้งสองก็แกล้งแย่งของกินกัน

นริศราเดินเก็บตัวอย่างดินในไร่กาแฟใส่กล่องแล้วจดบันทึก โดยมีพิสุทธิ์เดินตาม
“นี่ตกลงวันนี้จะไม่ไปทำการทำงานใช่ไหมเนี่ย” นริศราถามเพื่อน
“ก็รถพ่อเลี้ยงยังอยู่นี่จะให้เราไปได้ไง” พิสุทธิ์ตอบ
“นึกๆแล้วก็แปลกนะ ทำไมพ่อเลี้ยงกับเจ้าน้อยยังไม่กลับอีก” นริศราสงสัย
“ก็จะรอรับคุณนิดกลับไปด้วยไงคะ” เสียงเจ้าทิพย์ดาราดังขึ้น
แล้วเจ้าทิพย์ดารากับภูชิชย์ก็เดินเข้ามาหาทั้งคู่
“หมายความว่ายังไงครับ” พิสุทธิ์งง “ก็นิดเขาบอกหลายครั้งแล้วนี่ครับว่าจะไม่กลับไปที่ไร่สุพัฒนาอีก ผมว่าพ่อเลี้ยงกับเจ้าน้อยน่าจะเปลี่ยนความตั้งใจได้แล้วนะครับ”
“คงเป็นนริศรามากกว่าครับที่ต้องเปลี่ยนความตั้งใจ” ภูชิชย์พูด
พิสุทธิ์กับนริศรามองหน้ากันด้วยความงง
“คุณพูดอะไรของคุณคะพ่อเลี้ยง” นริศรางง
“ฉันคุยกับทางศูนย์วิจัยแล้ว ฉันจะช่วยเรื่องเงินทุนสนับสนุนการวิจัยอย่างเต็มที่ และก็ยอมให้ใช้ไร่สุพัฒนาเข้าร่วมโครงการวิจัยด้วย โดยเฉพาะแปลงกาแฟปลอดสารพิษของเธอ” ภูชิชย์บอก
“โห...ทำบุญเป็นด้วย” นริศรากัด
ภูชิชย์กระตุกมุมปากด้วยความฉุน
“ฉันน่ะชอบทำความดีนะ รวมทั้งคราวนี้ด้วย”
“ก็ดีแล้วนี่คะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย” นริศราถาม
ภูชิชย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ทุกอย่างที่ฉันพูดไปทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้โดยมีข้อแม้ว่า เธอ...นริศรา เธอจะต้องเป็นตัวแทนศูนย์วิจัยไปทำงานที่ไร่ของฉัน ไม่งั้นฉันก็ไม่สนับสนุน” ภูชิชย์ยักคิ้ว “จบป่ะ?”
ภูชิชย์หยิบหนังสือส่งตัวยื่นให้นริศรากับพิสุทธิ์อ่าน
“หนังสือขอยืมตัวเธอ” ภูชิชย์พูด
นริศรากับพิสุทธิ์ยืนอึ้ง

นริศราเดินดุ่มตรงมาแล้วจะเข้าไปในศูนย์วิจัย ส่วนภูชิชย์ เจ้าทิพย์ดารา และพิสุทธิ์เดินตามมา
“คุณนิดคะ ใจเย็นๆก่อนสิคะ” เจ้าทิพย์ดาราปราม
“นิดไม่เย็นแล้วค่ะ พ่อเลี้ยงไม่มีสิทธิ์มามัดมือชกนิดแบบนี้” นริศราฉุน
“ใช่ นิดเขาไม่เต็มใจ ทำไมต้องบังคับเขาด้วย คุณก็หาคนงานคนอื่นไม่ได้หรือไง” พิสุทธิ์สนับสนุน
“ไม่ได้” ภูชิชย์รีบบอก
“ทำไม” นริศราถาม
ทั้งหมดนิ่งเงียบ พิสุทธิ์กับนริศราจ้องหน้าภูชิชย์อย่างคาดคั้น
“เอ่อ...ก็...ก็ฉันบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้” ภูชิชย์ยืนยัน
“งั้นฉันก็ไม่ได้เหมือนกัน” นริศราบอก
นริศราจะเปิดประตูสำนักงานศูนย์วิจัยเข้าไปแต่ภูชิชย์พูดเสียงเข้มขึ้นมาก่อน
“ถ้าเธอดื้อมากนักฉันจะฉีกสัญญาที่ทำกับที่นี่ เธอคงไม่รู้สิว่าเงินที่จะสนับสนุนที่นี่ หายากมาก เรามาร่วมมือกันทำประโยชน์เพื่อทุกคนดีกว่า”
นริศราจ้องหน้าภูชิชย์อย่างเอาเรื่อง ภูชิชย์ยิ้มกวนใส่

เจ้าทิพย์ดาราเข้ามาช่วยนริศราเก็บของอยู่ในห้องพักของนริศรา โดยที่เธอพยายามฝืนทำสีหน้าให้เป็นปกติ
“เจ้าทำแบบนี้ทำไมคะ” นริศราเอ่ยถาม
เจ้าทิพย์ดารายิ้มเศร้า “ภูพูดถูก 2 ปีที่เราไม่ได้ติดต่อกัน มันนานเกินไป เกินกว่าที่จะคงความรู้สึกให้เหมือนเดิมค่ะ การกลับมาของน้อยมันทำให้ระหว่างภูกับน้อยเหมือนจะรักกัน แต่มันก็ไม่ใช่”
นริศราจับมือเจ้าทิพย์ดาราเพื่อปลอบใจ
“เจ้าน้อยไม่ลอง....” นริศราพยายามจะเสนอความคิด แต่เจ้าทิพย์ดาราพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“คุณนิดคะ ความรักไม่ต้องใช้ความพยายามหรอกค่ะ ทุกอย่างมันต้องเกิดเองจากใจ น้อยลงมาหลายวิธีแล้ว จนมาเจอวิธีนี้”
“วิธีนี้?” นริศราสงสัย
“ก็วิธีที่ทำให้คนที่เรารักมีความสุขไงคะ “
“แต่นิดกับพ่อเลี้ยงมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าน้อยคิดนะคะ”
“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ เรารีบลงไปกันเถอะ” เจ้าทิพย์ดาราจับกระเป๋าและกำลังจะยกให้นริศรา
นริศรายื่นมือมาจับมือเจ้าทิพย์ดาราไว้ “เจ้าคะ เจ้ากำลังเข้าใจผิด”
เจ้าทิพย์ดารายิ้มแล้วช่วยยกของก่อนจะเดินออกจากห้องไป นริศราส่ายหน้าแล้วรีบยกเป้เดินออกมาล็อคห้องแล้วเดินตามเจ้าทิพย์ดาราไป

ภูชิชย์ยืนรออยู่ที่รถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของศูนย์วิจัย ส่วนพิสุทธิ์ก็ยืนอยู่ที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆ กัน ทั้งสองยืนเงียบๆ โดยไม่มองหน้ากัน
สักพักนริศรากับเจ้าทิพย์ดาราก็ยกของแล้วเดินออกมาจากบ้าน ภูชิชย์กับพิสุทธิ์รีบวิ่งเข้าไปช่วย
“เราไปส่งนะนิด” พิสุทธิ์บอก
นริศรายื่นกระเป๋าเป้ให้พิสุทธิ์ แต่ภูชิชย์ยื่นมือมาดึงกระเป๋าเป้ไว้นริศราเห็นก็ยื้อไว้
“เธอควรไปรถฉันเพราะเรามีเรื่องงานต้องคุยกัน” ภูชิชย์บอก
นริศราจำใจส่งกระเป๋าเป้ให้ภูชิชย์ ภูชิชย์ใช้อีกมือดึงแขนนริศราให้เดินไปที่รถ พิสุทธิ์จะตามไปแต่เจ้าทิพย์ดาราดึงแขนเขาเอาไว้
“น้อยจะขอให้คุณโป๊ะไปส่งได้ไหมคะ”
พิสุทธิ์พูดไม่ออกได้แต่ยืนมองภูชิชย์ที่กำลังพานริศราขึ้นรถ ก่อนที่รถของภูชิชย์จะแล่นออกไป

นริศราต่อว่าภูชิชย์ที่กำลังขับรถกลับไร่สุพัฒนามาตลอดทาง
“คุณนี่มันขี้โกง ใจร้าย ใจดำ อำมหิต ก้าวก่ายสิทธิมนุษยชน”
“โห...มาเป็นชุด จบยัง” ภูชิชย์ถาม
“ยัง คุณมันใจทมิฬหินตชาติ ใจบาป เอาโครงการที่เป็นประโยชน์มาทำให้เสื่อมเสียเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง”
“โอ๊ย..พอเถอะแม่คุณ แค่เอาตัวเธอกลับไปทำงานนี่มันเลวมากนักหรือไง”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงน่ะ” นริศราด่าไม่หยุด “คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย คุณมัน.....”
ภูชิชย์เบรกรถทันทีจนนริศราแทบหัวทิ่ม
“จอดทำไม” นริศราถาม
ภูชิชย์โมโห “ไม่ใช่ลูกผู้ชายเหรอ”
“พ่อเลี้ยงคุณจะทำอะไร”
“ฉันจะพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายให้เธอดู” พูดจบภูชิชย์ก็ปลดล็อคเซฟตี้เบลท์ของตัวเอง เขายื่นหน้ามาจ้องนริศรา
นริศราเริ่มกลัว เธอผลักหน้าภูชิชย์ให้ออกห่างแล้วรีบปลดเข็มขัดเปิดประตูลงจากรถทันที
นริศรารีบวิ่งหนีไปตามริมทางเปลี่ยว ภูชิชย์ก้าวลงมาวิ่งตามจนจับตัวได้
“นี่ปล่อยฉันนะ” นริศราโวยวาย
“ฉันไม่ปล่อย ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว” ภูชิชย์จับแขนนริศราแน่น
“คุณภูชิชย์นี่คุณเป็นบ้าอะไร รู้ไหมว่าสิ่งที่คุณทำน่ะมันแย่แค่ไหน”
ภูชิชย์ได้ยินก็เริ่มอึ้ง เขาปล่อยมืออกจากนริศรา “เธอคงรังเกียจฉันมากใช่ไหม”
“ฉันไม่อยากให้เจ้าน้อยเข้าใจเราสองคนผิด”
“ผิดยังไง ก็ฉันรักเธอนี่”
“อะไรนะคะ?” นริศราตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น
“ฉันกับเจ้าน้อยมันจบไปตั้งแต่สองปีที่แล้ว มันไม่มีทางกลับมาได้ ตอนนี้คนที่ฉันรักก็คือเธอ”
นริศราอ้าปากค้างแล้วก็รู้สึกเหวอไป

เวลาผ่านไป ภูชิชย์ยังคงขับรถไปตามทางกลับไร่ ทั้งสองนั่งนิ่งเงียบมาตลอดทาง นริศรามองออกไปนอกหน้าต่าง
ภูชิชย์เอื้อมมือไปจับมือนริศราที่วางอยู่ นริศราเขินจึงจะดึงมือออกแต่ภูชิชย์ไม่ยอมปล่อย
“พ่อเลี้ยงคะ”
“อย่าดื้อ”
ทั้งสองยังจับมือกันอยู่ รถของภูชิชย์วิ่งอยู่คันเดียวบนถนนที่ทอดยาวไปข้างหน้าคล้ายไม่มีจุดสิ้นสุด

พิสุทธิ์ยังคงนั่งคุยอยู่กับเจ้าทิพย์ดาราอยู่ที่ศูนย์วิจัย สีหน้าของเขาซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“น้อยขอโทษนะคะที่ทำร้ายคุณโป๊ะ” เจ้าทิพย์ดาราเอ่ยขึ้น “น้อยเข้าใจความรู้สึกของคุณโป๊ะดี”
“แล้วเจ้าน้อยคิดเหรอครับว่านิดจะชอบพ่อเลี้ยง” พิสุทธิ์ถามกลับ
“ถ้าคุณนิดอยากหนีภูอีก เธอคงขอความช่วยเหลือจากคุณโป๊ะแล้วล่ะค่ะ แต่นี่เราก็เห็นกันว่า....เธอยอมไปกับภู”
เจ้าทิพย์ดารารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเอง พิสุทธิ์ฟังจบก็ถอนใจด้วยความเครียดทันที
“น้อยขอโทษนะคะที่พูดตรงๆ น้อยเองก็เจ็บไม่ต่างจากคุณโป๊ะหรอกค่ะ”
พิสุทธิ์มองเจ้าทิพย์ดาราแล้วพยักหน้ารับด้วยความเห็นใจ
“แย่จังนะครับที่ผมเคยบอกว่าเจ้าว่าแม้ผมจะรู้ว่านิดไม่ได้รักผม แต่ผมก็มีความสุข พอถึงวันนี้ที่นิดเขาจะต้องมีใครขึ้นมาจริงๆ ผมก็ทำใจไม่ได้”
“การรักคนที่ไม่ได้รักเรานี่มันเหนื่อยจังเลยนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราเอ่ย
พิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดารานั่งหน้าเศร้าอยู่ในไร่กาแฟที่เงียบสงบ

คนงานทุกคนของไร่สุพัฒนากำลังเข้าแถวตักข้าวและกินข้าวกัน ส่วนเจมส์กำลังนั่งสูดปาก ปาดเหงื่อกินแคปหมูจิ้มน้ำพริกหนุ่มอย่างเอร็ดอร่อยอยู่กับพร
เจมส์เอามือมาโบกพัดๆปากเพราะรู้สึกเผ็ด “oh my god ฝีมือแม่อุ้ย แซ่บขนาด”
คนงานที่อยู่แถวนั้นได้ยินก็ส่งเสียงหัวเราะ
“รสเนี้ย คุณนิดชอบเลยล่ะ” แม่อุ้ยว่า
“เฮ้อ...ป่านนี้ คุณนิดจะเป็นไงมั่งนะ” พรโพล่งออกมาเพราะคิดถึงนริศรา
“เราไปโทรหาคุณนิดกันดีกว่า” ลุงปั๋นเสนอ
พวกคนงานทำท่าจะลุกเดินไปแต่นิพนธ์กับวิทวัสเดินเข้ามาในโรงอาหารก่อน
“จะไปไหนกัน” นิพนธ์ถาม
“จะรีบไปโทรหาพี่นิดกันครับ” เจมส์บอก
“จะโทรทำไม คุณนิดมาแล้ว” นิพนธ์บอก
พวกคนงานต่างมีสีหน้าแปลกใจ
“คุณนิพนธ์อย่าล้อเล่นนะคะ หลอกคนแก่บาปนะคะ” แม่อุ้ยพูด
“คนอย่างนิพนธ์นะเหรอจะไปหลอกใคร ถ้าไม่เชื่อก็ดูโน่นสิ” วิทวัสชี้ไปที่หน้าโรงอาหาร
ทุกคนหันไปมองก็เห็นรถของภูชิชย์กำลังแล่นเข้ามา ทุกคนพยายามเพ่งมองอย่างลุ้นๆ จนรถของภูชิชย์จอด ภูชิชย์เปิดประตูเดินลงมากับนริศรา คนงานต่างร้องเฮด้วยความดีใจ ทั้งหมดรีบวิ่งเฮโลไปที่ลานจอดรถกันอย่างรวดเร็ว

พรกับแม่อุ้ยรีบวิ่งเข้าไปกอดนริศรา ส่วนลุงปั๋นกับเจมส์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“ว๊าว...พี่นิด Welcome back ครับ ทำไมถึงกลับมาได้ล่ะครับ” เจมส์ถาม
แม่อุ้ยร้องไห้ “นั่นสิคะ ชาตินี้นึกว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว”
“พรคิดถึงคุณนิดทุกวันเลยค่ะ”
“ฉันก็คิดถึงทุกคนมากจ้ะ” นริศราบอก
ทุกคนร้องเฮ แล้วก็รุมกันถามนริศราเสียงดังเซ็งแซ่ ภูชิชย์ วิทวัส กับนิพนธ์ได้แต่ยืนมองแล้วยิ้ม
นิพนธ์พูดกับภูชิชย์ “ขวัญใจคนงานตัวจริงละครับ”
“นี่ถ้าผมย้ายคุณนิดไปทำงานที่กรุงเทพฯคนงานคงไม่ยอม” วิทวัสบอก
ภูชิชย์หันขวับ “ย้ายอะไร นายจะมาย้ายน่ะบอกพี่เหรอยัง”
วิทวัสงง “อ้าว...ก็ผมเห็นว่าถ้าคุณนิดอยู่ที่นี่อาจจะมีปัญหาเยอะเลยว่าจะปรึกษาพี่ภูว่าให้เธอไปทำงานที่กรุงเทพฯดีไหม”
“ไม่ดี...นายเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย” ภูชิชย์พูดเสียงจริงจัง
“นี่พี่ภูอารมณ์เสียเหรอครับ” วิทวัสถาม
ภูชิชย์รีบเฉไฉ “อะไร...เปล่านี่” แล้วเขาก็พูดกับนิพนธ์ “นิพนธ์แล้วที่ให้เตรียมน่ะเรียบร้อยใช่ไหม”
“ครับ” นิพนธ์เดินไปยืนข้างนริศรา “เอาละทุกคน เดี๋ยวให้คุณนิดเอาของไปเก็บก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยกันนะ”
พรจับเป้ของนริศรา “ไปค่ะคุณนิด กลับห้องเรานะคะ”
พรกับนริศราจะเดินไปที่ห้องพักแต่ภูชิชย์เรียกไว้
“จะไปไหนกัน”
“ก็เอาของไปเก็บไงคะ” นริศราบอก
“ไม่ใช่ที่เดิม” ภูชิชย์พูด
นริศรากับพรมองหน้ากันแล้วก็เหวอ ภูชิชย์เดินนำไป นริศรากับพรเดินตาม วิทวัสกับนิพนธ์มองหน้ากันด้วยความงง
“พ่อเลี้ยงดูแปลกๆนะครับ” นิพนธ์งง

นริศราและภูชิชย์ยืนอยู่หน้าบ้านพักของนิพนธ์ โดยมีนิพนธ์ วิทวัส กับพรยืนอยู่ไม่ไกล นิพนธ์ยื่นกุญแจบ้านให้นริศราแต่นริศรายังไม่รับ
“แล้วคุณนิพนธ์กับเจมส์จะไปนอนไหนล่ะคะ” นริศราถามขึ้น
“พ่อเลี้ยงให้ผมกับเจมส์ไปพักห้องพักแขกที่บ้านพ่อเลี้ยงครับ” นิพนธ์ตอบ
“ฉันยกบ้านนี้ให้เธอ” ภูชิชย์พูด
“เพื่อ?” นริศรางง
“ก็เพื่อให้เธออยู่สบายๆไง เมื่อก่อนฉันยอมรับว่าจะแกล้งเธอแต่ตอนนี้เธอกลับมาเป็นผู้จัดการ ก็ควรจะอยู่ห้องที่สมกับตำแหน่ง”
“ฉันมาในฐานะคนของศูนย์วิจัยค่ะ” นริศราบอก
“นั่นแหล่ะ จะมาในฐานะไหนก็ช่างเหอะ แต่ออกไปจากไปที่นี่ไม่ได้แล้วกัน” ภูชิชย์ยิ้ม “ขอให้ฉันได้แก้ไขที่เคยทำไม่ดีไว้กับเธอบ้างเถอะ” ภูชิชย์หยิบซองเงินเดือนจากกระเป๋า “นี่เงินเดือนที่เธอไม่ยอมรับ ตอนนี้เธอไม่มีความผิดแล้วรับไปนะ”
นริศรารับซองเงินเดือนไป ภูชิชย์รีบจับมือของเธอไว้ นริศราพยายามจะดึงมือออกแต่ภูชิชย์ไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยสิคะ ฉันจะเก็บซอง”
ภูชิชย์ปล่อยมือของนริศราที่ถือซองอยู่แต่ดึงมืออีกข้างของเธอขึ้นมาจับแทน นริศราอึ้งและเขินหนัก นิพนธ์กับวิทวัสมองภูชิชย์ที่กำลังจับมือนริศราตาค้าง พรยืนตาโตปิดปาก นริศรารีบดึงมือออก
“ตกลงเธอพักที่นี่นะ” ภูชิชย์บอก
“ไม่ค่ะ ฉันจะอยู่กับพรเหมือนเดิม” นริศราตอบ
“เอ่อ...ตอนแรกพรก็อยากให้ไปอยู่นะคะ แต่ถ้าลงถึงกับจับมือถือแขนแบบนี้ พรว่าพรนอนคนเดียวก็ได้ค่ะ..คุณนิด เอ๊ย คุณผู้หญิง” พรบอก
นริศราหยิกพรทันที “นี่แน่ะ...พร...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
“ดุพรมันทำไม รีบไปจัดของเถอะ” ภูชิชย์พูด
“พ่อเลี้ยงคะ ฉันขอนอนกับพรเถอะ ฉันไม่อยากมีปัญหากับคุณเล็ก”
ภูชิชย์กับนิพนธ์อึ้งมองหน้ากัน แล้วภูชิชย์ก็พยักหน้าบอกว่าเข้าใจ นริศราเดินไปจูงมือพรแล้วเดินกลับไปด้วยกัน
“พ่อเลี้ยงครับ อย่าหาวาผมละลาบละล้วงเลยนะครับ แต่ทำไมคุณนิดถึงยอมกลับ” นิพนธ์ถาม
“นั่นสิครับ แล้วทำไมพี่ภูกับคุณนิดถึงได้เอ่อ...ดูเหมือน....” วิทวัสสงสัย
ภูชิชย์พูดสวนขึ้น “เอาเป็นว่าทั้งหมดต้องขอบคุณนายกับเจ้าน้อย”
นิพนธ์กับวิทวัสมองหน้ากันด้วยความอึ้ง ส่วนภูชิชย์ยิ้มอย่างมีความสุข

ลุงปั๋นและเหล่าคนงานมายืนออกันอยู่หน้าบ้านพักคนงานหญิง สักพักบัวเกี๋ยงก็เดินหน้าตึงเข้ามา
“เอ้าๆๆๆ นี่มาสุมหัวอะไรกันอยู่ที่นี่ งานการไม่มีทำหรือไง แล้วฉันไปที่โรงครัวทำไมไม่มีใครคอยตักข้าวให้ฉัน อยากให้ฟังคุณเล็กไล่ออกหมดหรือไงหา” บัวเกี๋ยงโวยวาย
“พวกเรามีธุระเว้ย” ลุงปั๋นตอกกลับ
“ธุระอะไร ฉันจะกินข้าว ไปตักข้าวให้ฉัน” บัวเกี๋ยงสั่ง
พวกคนงานต่างไม่สนใจบัวเกี๋ยง
“นี่...หูแตกกันหรือไง” บัวเกี๋ยงพูดเน้นทีละคำ “ฉัน-จะ-กิน-ข้าว-โว้ย”
“อีบัวเกี๋ยง เอ็งจะกินข้าวก็ไปตักเอง พวกข้ารอสัมภาษณ์คุณนิดอยู่” ลุงปั๋นบอก
“อะไรนะ อีนิดมันกลับมาเหรอ เป็นไปไม่ได้” บัวเกี๋ยงตกใจ
“คุณนิดเว้ย...เธอกลับมาแล้ว สงสัยจะกลับมาปราบมารอย่างเอ็ง” ลุงปั๋นพูดเสียงดัง
พวกคนงานหัวเราะด้วยความสะใจ บัวเกี๋ยงไม่สนใจรีบผลักคนงานออกแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไปยังห้องพรทันที

นริศรา พร กับแม่อุ้ยกำลังช่วยกันเอาของออกจากกระเป๋ามาจัดวางในห้องพักของพร
“ที่จริงฉันเก็บของเองก็ได้ ลงไปทานข้าวกันเถอะ” นริศราบอก
“ไม่ได้ค่ะ ต้องขอคุยกันให้หายคิดถึงก่อน” พรอ้อน
“คุณนิดจะรีบไล่ เพราะอายเรื่องที่นังพรมันเล่าใช่ไหมคะ” แม่อุ้ยแซว
นริศราเขิน “แม่อุ้ย อย่าล้อน่า”
“ตกลงคุณนิดเป็นแฟนกับพ่อเลี้ยงแล้วจริงๆใช่ไหมคะ” พรถาม
“แหม ลงพ่อเลี้ยงจับมือจับไม้ขนาดนี้ละก้อ ต้องเป็นแล้วแน่ๆเลย” แม่อุ้ยสรุป
“โอ๊ย ไม่เอา...พอๆๆ ถ้ายังพูดเรื่องนี้อีก ฉันจะไปจากที่นี่ไม่กลับมาเลย”
แม่อุ้ยกับพรเอามือปิดปากล้อนริศรา บัวเกี๋ยงยืนแอบฟังอยู่นอกห้องรู้สึกโกรธจนหยิบถังขยะหน้าห้องโยนเข้ามากลางวงทันที
“อีพี่บัวเกี๋ยง จะหาเรื่องเหรอ” พรลุกขึ้นเอาเรื่อง
บัวเกี๋ยงจ้องหน้านริศราแล้วสะบัดหน้าเดินไปด้วยความโกรธ
“มันคงแล่นไปฟ้องคุณเล็ก” แม่อุ้ยว่า
นริศราเริ่มกังวลใจ

สุพัฒนาฟังรายงานจากบัวเกี๋ยงก็ถึงกับหอบหนักด้วยความโกรธ
“อะไรนะ นังบัวเกี๋ยง แกพูดอะไร”
“บัวเกี๋ยงบอกว่า ตอนนี้พวกคนงานมันกำลังลือกันว่า พ่อเลี้ยงกับนังนิดเป็นแฟนกันค่ะ” บัวเกี๋ยงบอก
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปแล้วค่ะคุณเล็ก ยิ่งพูดยิ่งแค้นแทนคุณเล็ก นังพรมันเป็นคนเห็นว่าพ่อเลี้ยงจับมืออีนิด ตัวนังนิดมันก็บอกว่าอย่าพูดไป เช๊อะ...มันคงกะให้คุณเล็กรู้วันที่มันตีทะเบียนเป็นเมียพ่อเลี้ยงแล้วน่ะสิคะ พวกคนงานก็บ้าตื่นเต้นเรื่องนี้กันทั้งไร่ บัวเกี๋ยงละสุดจะทนแล้วนะคะ” บัวเกี๋ยงใส่ไฟ
“ไม่!!! ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้มันได้พี่ภูไปหรอก”
“แล้วคุณเล็กจะทำอะไรคะ ขนาดมันเป็นขโมยพ่อเลี้ยงก็ไม่สน คราวนี้ละมันคงขโมยทั้งพ่อเลี้ยงแล้วก็สมบัติของคุณเล็กจริงๆล่ะ”
สุพัฒนาโมโหจัด เธอเดินวนไปวนมาด้วยอาการมือไม้สั่นจากนั้นก็กรี๊ดลั่นห้อง เธอปาดข้าวของใกล้ตัวกระจุยกระจาย บัวเกี๋ยงหาที่หลบแทบไม่ทัน ก่อนที่สุพัฒนาจะเปิดประตูเดินออกไป บัวเกี๋ยงรีบวิ่งตามทันที

วิทวัสกับนิพนธ์ฟังคำของภูชิชย์ก็พยักหน้ารับ
“ถ้าไม่ได้นายเตือนให้พี่คุยกับเจ้าน้อย พี่ก็คงต้องทำร้ายเจ้าน้อยไปเรื่อยๆ และก็คงไม่ได้บอกความรู้สึกกับนริศรา” ภูชิชย์บอก
“น่านับถือเจ้าน้อยนะครับ เธอเป็นคนเข้มแข็งมากที่ยอมรับความจริงและอยู่กับมันได้ ผู้ชายบางคนยังทำไม่ได้อย่างเธอเลย” นิพนธ์พูดแล้วก็เศร้า ภูชิชย์กับวิทวัสเห็นท่าทีของนิพนธ์แล้วก็มองหน้ากันอย่างงงๆ
“ไปแอบรักใครแล้วไม่กล้าบอกเหรอนิพนธ์” ภูชิชย์ถาม
“เอ่อ..ป..ปะ...เปล่าครับ” นิพนธ์อึกอัก “ผมก็แค่ชื่นชมเจ้าน้อยเท่านั้น ยินดีด้วยนะครับพ่อเลี้ยง ต่อไปนี้พ่อเลี้ยงคงมีความสุขซะที”
“นิพนธ์ ลืมคุณเล็กไปหรือเปล่า” วิทวัสถาม
พูดถึงตรงนี้ภูชิชย์ก็ถอนใจด้วยความเครียดทันที ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดโครมเหมือนโดนผลักอย่างแรง ทั้งสามมองไปก็เห็นสุพัฒนากำลังยืนจ้องหน้าภูชิชย์โดยมีบัวเกี๋ยงอยู่ข้างๆ
“พี่ภู พี่ภูทำแบบนี้ทำไม พี่ภูเอามันกลับมาทำไม” สุพัฒนาโวยวาย
“คุณเล็กฟังพี่ก่อน” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนาตวาด “จะหลอกอะไรคุณเล็กอีก” สุพัฒนาเริ่มร้องไห้ “ถึงตอนนี้พี่ภูจะโกหกอะไรอีก พี่ภูรักมันเห็น มันดีกว่าคุณเล็กใช่ไหม”
“คุณเล็ก” ภูชิชย์เริ่มใจเสีย
สุพัฒนาถามสวนขึ้น “ตอบมา พี่ภูรักมันใช่ไหม”
“ใช่” ภูชิชย์ตอบ
สุพัฒนาทุบโต๊ะ “ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นโจร พี่ภูก็ยังรักมันงั้นเหรอ”
“นริศราไม่ได้เป็นโจร แต่เขาถูกปรักปรำ....คุณเล็กก็น่าจะรู้ดีนี่” ภูชิชย์บอก
“กรี๊ด....ไม่รู้ คุณเล็กเกลียดมัน คุณเล็กไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
สุพัฒนากรี๊ดแล้วก็เริ่มหอบ ภูชิชย์เข้าไปประคอง
“คุณเล็ก ถ้าคุณเล็กรักพี่ภู พี่ว่าคุณเล็กลองเปิดใจรับคนที่พี่ภูรักด้วยก็จะดีนะ” วิทวัสแนะนำ
“หุบปากไปเลยพี่วัส” สุพัฒนาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นออดอ้อนภูชิชย์ “พี่ภูไล่มันไปเถอะนะคะ พี่ภูทำเพื่อคุณเล็กนะคะ คุณเล็กไม่อยากให้พี่ภูติดต่อกันมันอีก”
“ เสียใจ พี่ทำแบบนั้นไม่ได้” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนาผลักภูชิชย์ออกทันที “นี่ภูกล้าขัดคำสั่งคุณเล็กงั้นเหรอ”
“คำสั่งของคุณเล็กมันไม่ถูกต้อง”
สุพัฒนาสุดจะกลั้นร้องกรี๊ดดังลั่นไม่ยอมหยุด แล้วเธอก็เริ่มทำลายข้าวของในห้อง
“คุณเล็กเกลียดพี่ภู คุณเล็กเกลียดพี่วัส”
สุพัฒนาหยิบของขว้างใส่ภูชิชย์ วิทวัส และนิพนธ์ จนทั้งสามต้องหลบกันจ้าละหวั่น สักพักสุพัฒนาก็หอบเหนื่อยจนต้องเกาะโต๊ะพยุงตัวไว้
“คุณเล็ก เป็นยังไงบ้างครับ” นิพนธ์เป็นห่วง
“ไม่ต้องมายุ่ง” สุพัฒนาจ้องหน้าภูชิชย์กับวิทวัส “พี่ภู พี่วัส ไม่รักคุณเล็กแล้ว คุณเล็กก็จะเกลียดพี่ภู พี่วัส”
พูดจบสุพัฒนาก็จ้องหน้าพี่ชายทั้งสองแล้วน้ำตาของเธอไหลออกมาเอง ภูชิชย์เขยิบจะเดินมาหาแต่สุพัฒนาเขยิบถอยห่างแล้วก็เดินปาดน้ำตาออกไปจากห้อง บัวเกี๋ยงค้อนใส่ภูชิชย์แล้วเดินตามเจ้านายไป
“คุณเล็ก” ภูชิชย์พยายามเรียกแล้วจะเดินตามแต่วิทวัสดึงพี่ชายเอาไว้
“ไปตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นนะครับพี่ภู”
นิพนธ์มองสุพัฒนาที่เดินออกไปด้วยความเป็นห่วง

สุพัฒนาเดินร้องไห้ออกมาจากสำนักงานด้วยความโกรธ เธอปาดน้ำตามือไม้สั่น บัวเกี๋ยงเดินจ้ำตามออกมา
“นี่ตกลงว่าคุณเล็กจะยอมให้พ่อเลี้ยงเอานังนิดมาทำเมียเหรอคะ คุณเล็กกำลังจะแพ้มันนะคะ คุณเล็กต้องไล่มันสิคะ อย่าไปยอมมัน” บัวเกี๋ยงรีบยุยง
สุพัฒนาตวาดทันที “ไป๊! แกจะไปไหนก็ไป”
“คุณเล็กไล่บัวเกี๋ยงทำไม ต้องไปไล่มัน นังนิดมันกำลังจะแย่งพ่อเลี้ยง”
สุพัฒนาปิดหู “กรี๊ด ไป ฉันไม่อยากฟังแก”
แล้วสุพัฒนาก็รีบวิ่งออกไป

นริศรากับแม่อุ้ยและพวกคนงานหญิงกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่หน้าบ้านพักคนงานหญิง
“พวกที่สำนักงานเขาบอกคุณเล็กขว้างข้าวของโครมครามชนิดพ่อเลี้ยง คุณวัส คุณนิพนธ์ยังเอาไม่อยู่เลยค่ะ” พรเล่า
“นี่ฉันก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม” นริศราถาม
“คุณนิดอย่าไปโทษตัวเองเลยค่ะ” แม่อุ้ยบอก
“แต่เรื่องมันเกิดเพราะฉัน” นริศรายืนยัน
ทันใดนั้นบัวเกี๋ยงก็เดินเข้ามา
“รู้ตัวว่าสร้างความเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังหน้าด้านอยู่อีกนะ” บัวเกี๋ยงแขวะ
พรลุกขึ้นยืนประจันหน้า “ก็ถ้าไม่มีหมาคาบไปฟ้อง ก็ไม่มีใครเดือดร้อนหรอก”
“นังพร มึงด่ากูน่ะ ดูความจริงมั่ง ไม่เห็นเหรอ เวลานังนี่ไม่อยู่ไร่สงบทุกครั้ง แต่พอมันก้าวเท้าเหยียบวันแรก พี่น้องเขาก็แตกกันทันที แบบนี้ไม่เรียกว่าตัวซวยก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว”
“นังบัวเกี๋ยง ไปปากหมาที่อื่น” แม่อุ้ยยกไม้กวาดขึ้นตั้งท่าเหมือนจะตี
บัวเกี๋ยงเดินเชิดหน้าออกไป นริศราหน้าจ๋อย พวกคนงานเข้ามาจับมือและพูดปลอบ
“คุณนิด อย่าไปสนคำพูดนังบัวเกี๋ยงมันเลยนะคะ” แม่อุ้ยปลอบ
“ใช่ค่ะ มันไม่รักคุณนิดแต่พวกเรารักนะคะ” พรเสริม
นริศราขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก







Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:22:20 น.
Counter : 304 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]