All Blog
รักประกาศิต ตอนที่ 1




ทะเลหมอกสวยสุดสายตาบนเทือกเขาของจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ห่มคลุมทั่วผืนฟ้ายามเช้าตรู่ จนแทบจะทำให้มองไม่เห็นอะไร เมื่อว่ายฝ่าคลื่นหมอกเข้าไปจะพบป้ายของไร่สุพัฒนาตระหง่านอยู่ บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของไร่ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

หญิงวัยกลางคนนางหนึ่งผู้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ กระแทกฝ่ามือลงโต๊ะไม้ภายในโรงอาหารของไร่โครมใหญ่ด้วยความโกรธจัด จากนั้นก็ยืนจ้องหน้าลูกหนี้...คนงานหญิงที่กำลังยืนก้มหน้านิ่งด้วยความหวาดกลัว ไม่ไกลจากบริเวณนั้นมีแม่อุ้ยกับพรยืนอยู่ด้วย
“ตกลงยังไง นี่จะชักดาบกันเหรอ” หญิงเจ้าหนี้ฉุนเฉียว
“ไม่นะจ๊ะ ฉันไม่โกงเจ๊หงส์หรอก แต่ตอนนี้ฉันลำบากมากจริงๆ” คนงานละลักละล่ำตอบ
“โธ่...เจ๊หงส์ สงสารนังแก้วมันหน่อยเถอะ มันกำลังแย่จริงๆ” แม่อุ้ยช่วยพูด
“งั้นแม่อุ้ยก็ใช้หนี้แทนมันสิ” เจ้าหนี้หันมาพูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ
แม่อุ้ยยิ้มแหยๆ อย่างหน้าเสีย เจ้าหนี้ค้อนใส่แม่อุ้ยแล้วเดินไปกระชากตัวคนงานเข้ามาใกล้
“ตอนนี้ในตัวลื้อมีเงินเท่าไหร่เอามาให้หมด”
เจ้าหนี้ค้นตามตัวของคนงาน แรงงานสาวพยายามปกป้องตัวเองและร้องขอความเห็นใจ แม่อุ้ยเข้าไปช่วยห้าม
“มีเรื่องอะไรกัน” เสียงกร้าวของชายหนุ่มดังทำลายความวุ่นวาย
ทั้งหมดหยุดนิ่งก่อนจะหันไปตามเสียง
ทุกคนเห็นภูชิชย์ หนุ่มเจ้าของไร่สุพัฒนายืนหน้าเข้มอยู่หน้ารถจิ๊ป ภูชิชย์เดินมาหาทั้งสามคน
“แก้วมันมายืมเงินฉันไปตั้งหมื่น” เจ้าหนี้ฟ้อง “ดอกร้อยละห้า บอกจะส่งคืนให้ในสามเดือน นี่มันจะครึ่งปีแล้วฉัน ยังไม่เงินสักบาท ไม่ต้องต้นส่งดอกมาก็ยังดี นี่อะไร...หายหมด”
คนงานหญิงร้องไห้ “ค่ะ พี่ชายหนูเขาจะไปทำงานที่ไต้หวันต้องจ่ายค่านายหน้าเจ็ดหมื่น พ่อกับแม่เลยเอานาไปติดเค้าไว้ แต่ไอ้นายหน้ามันเชิดเงินหนีไป หนูเลยต้องขอยืมเงินเจ๊หงส์ไปช่วยที่บ้านผ่อนค่านาค่ะ”
“มีปัญหาแบบนี้ทำไมไม่บอกให้ฉันรู้” ภูชิชย์ถาม
“หนูมาทำงานไม่ถึงปี หนูเกรงใจไม่กล้าบอกพ่อเลี้ยงค่ะ”
“ตกลงจะเอายังไงคะพ่อเลี้ยง ฉันส่งหมูส่งไก่ให้โรงอาหารพ่อเลี้ยงมาเป็นสิบปี พ่อเลี้ยงต้องเห็นใจฉันบ้างนะ “ เจ้าหนี้บอก
ภูชิชย์ เปิดกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบเงินออกมานับก่อนจะส่งให้เจ้าหนี้รายนี้ทันที
“หมื่นสาม รวมดอกหกเดือนใช่ไหมเจ๊”
“ใช่ค่ะ ขอบคุณพ่อเลี้ยงมากนะคะ”
เจ้าหนี้รับเงินแล้วก็ขึ้นรถกระบะขับออกไป คนงานเดินมาทรุดตัวนั่งที่พื้นแล้วยกมือไหว้ขอบคุณภูชิชย์ “หนูขอบคุณพ่อเลี้ยงมากค่ะ แต่เอ่อ...หนูจะโดนหักเงินเท่าไหร่คะ”
“ถ้าหักเงินเดือนเธอแล้วจะเหลือเงินไปช่วยที่บ้านใช้หนี้เหรอ” ภูชิชย์ถาม
คนงานส่ายหน้าเศร้าๆ
“งั้นก็ไม่ต้องหัก” ภูชิชย์บอก คนงานยิ้มดีใจ “แล้วพี่ชายน่ะ ถ้าเขาเปลี่ยนใจไม่ไปทำงานต่างประเทศ ก็ให้มาทำงานที่นี่นะ”
คนงานดีใจ “จริงเหรอคะพ่อเลี้ยง แต่ตอนนี้คนงานเราก็เต็มนี่คะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันหางานให้เขาทำได้แล้วกัน”
คนงานยกมือไหว้ขอบคุณแล้วหันไปยิ้มดีใจกับแม่อุ้ย ภูชิชย์ยิ้มแล้วเดินไปที่รถ คนงานกับแม่อุ้ยมองตาม
“แม่อุ้ย หนูนึกว่าพ่อเลี้ยงจะดุซะอีก” คนงานว่า
“ถ้าไม่ทำผิดเรื่องงานแกก็ไม่ดุหรอก เอ็งอยู่ๆไปก็จะรักพ่อเลี้ยงเหมือนคนงานทุกคนที่นี่” แม่อุ้ยบอก
รถจิ๊ปของภูชิชย์แล่นออกไป

รถจิ๊ปของภูชิชย์วิ่งผ่านส่วนต่างๆ ของไร่สุพัฒนาไปจนทั่ว ไร่กว้างใหญ่ท่ามกลางขุนเขาเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ มีทั้งสวนดอกไม้ ไร่องุ่น ส่วนของพืชผักสวนครัว ฟาร์มปศุสัตว์ คอกม้า โดยมีคนงานจำนวนมากกระจายกันทำงานตามส่วนต่างๆ ของไร่อยู่
ที่ไร่กาแฟ คนงานจำนวนหนึ่งกำลังเก็บผลกาแฟที่ได้สุกที่ คนงานหลายคนดึงผลกาแฟที่เป็นสีแดงสดใส่ภาชนะทีละผล
รถจิ๊ปของภูชิชย์แล่นมาจอด ภูชิชย์ลงจากรถจิ๊ปแล้วเดินมาดูการทำงานของคนงาน นิพนธ์กำลังตรวจภาชนะที่ใส่ผลกาแฟที่เก็บมาแล้วอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างขะมักเขม่น ผลกาแฟบางส่วนถูกยกขึ้นใส่รถไปแล้ว
ภูชิชย์เห็นคนงานคนหนึ่งแอบมองนิพนธ์ เมื่อเห็นนิพนธ์กำลังยุ่งคนงานคนนั้นเลยแอบเก็บผลกาแฟโดยรูดออกจากกิ่ง ภูชิชย์เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเดินไปด้านหลังเงียบๆ แล้วจับมือคนงานคนนั้นทีนที คนงานตกใจ
“อย่ามักง่าย” ภูชิชย์เสียงดุ “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเก็บผลกาแฟน่ะให้เก็บทีละผล”
“เอ่อ...พ่อเลี้ยง!!! ขอโทษครับ” คนงานตัวสั่น
นิพนธ์ได้ยินเสียงภูชิชย์จึงรีบวิ่งมาหาแล้วเอ่ยถาม
“มีอะไรเหรอครับพ่อเลี้ยง”
“กำชับหัวหน้าคนงานเรื่องเก็บผลกาแฟด้วย” ภูชิชย์สั่ง
“ครับ” นิพนธ์รับคำ
ภูชิชย์เดินไปดูลังที่ใส่ผลกาแฟที่อยู่บนรถ นิพนธ์คอยเดินตาม ระหว่างนั้นมีคนงานอีกคนยกภาชนะใส่ผลกาแฟมาใส่ท้ายรถ ภูชิชย์หยิบผลกาแฟที่ยังไม่แดงสุกขึ้นมาดูแล้วโยนให้นิพนธ์ นิพนธ์รีบรับไว้
“ผลนี้ยังไม่แดงสุก เก็บมาได้ยังไง”
ภูชิชย์พูดแล้วก็เดินไปตรวจภาชนะอื่น นิพนธ์หันไปทางคนงานที่กำลังถือลัง คนงานรีบหลบตา
“พ่อเลี้ยงแกตาไวนะครับ” คนงานยิ้มเจื่อนๆ
นิพนธ์ส่ายหน้าอย่างระอาใจแล้วเดินไปสมทบกับภูชิชย์ ระหว่างนั้นลุงปั๋นขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาอย่างเร่งรีบ ท่าทางลุงปั๋นร้อนรนจนเมื่อแกจอดรถใกล้ๆ ก็ทำให้รถล้ม
“พ่อเลี้ยงครับ” ลุงปั๋นตะโกน “พ่อเลี้ยง....คุณเล็กเป็นลมครับ”
ภูชิชย์กับนิพนธ์มีสีหน้าตกใจ
“คุณเล็กอยู่ที่ไหน” ภูชิชย์ถาม
“สำนักงานครับ”
สิ้นคำลุงปั๋น ภูชิชย์ก็วิ่งไปขึ้นรถจิ๊บโดยมีนิพนธ์วิ่งตามไปด้วย ภูชิชย์ออกรถเร็วชนิดที่นิพนธ์ปิดประตูแทบไม่ทัน

สุพัฒนา น้องสาวของภูชิชย์นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกภายในห้องทำงานของภูชิชย์ที่สำนักงานของไร่ เธอมีอาการหอบและจวนเจียนจะเป็นลม บัวเกี๋ยงเอายาลมให้และช่วยโบกพัดให้ ห่างออกมา เจ้าทิพย์ดารายืนดูอาการของสุพัฒนาด้วยสีหน้าเครียด
ทันใดนั้น ภูชิชย์กับนิพนธ์ก็เปิดประตูวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณเล็กเป็นยังไงบ้าง” ภูชิชย์ถาม แต่พอเขาเห็นเจ้าทิพย์ดาราก็ถึงกับชะงัก “เจ้าน้อย”
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “ภู.... น้อยกลับมาแล้ว”
สุพัฒนาหอบพลางพูด “ไหนพี่ภูว่าไม่ได้ติดต่อกับมันแล้วไง แล้วทำไมมันยังหน้าด้านกลับมาที่นี่อีก พี่ภูไล่มันไปมันจะทำให้เล็กตาย” สุพัฒนาหอบหนักขึ้น
“คุณเล็ก ฉันยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ” เจ้าทิพย์ดาราว่า “มีแต่คุณนั่นแหล่ะที่ด่าว่าฉันจนเป็นลม”
“แค่แกกลับมาที่นี่ก็เหมือนกับฆ่าฉันแล้ว......ออกไป นังหน้าด้าน ฉันเกลียดแก พี่ภูไล่มันไป”
สุพัฒนาหยิบหมอนและของทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือขว้างใส่เจ้าทิพย์ดารา จนภูชิชย์กับนิพนธ์ต้องรีบห้าม
“พอเถอะค่ะคุณเล็ก” เจ้าทิพย์ดาราพูด “ฉันเป็นฝ่ายยอมคุณมามากแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมจากภูไปไหนอีก ไม่ว่าคุณจะขัดขวางเราสองคนยังไงก็ตาม”
“แก...นังบ้า...นังหน้าด้าน ฉันเกลียดแก....กรี๊ด” สุพัฒนากรีดร้องแล้วลงไปชักกับพื้นจนทุกคนตกใจ
“คุณเล็ก” ภูชิชย์เรียก
“รีบพาส่งโรงพยาบาลเถอะครับ” นิพนธ์เสนอ
ภูชิชย์กับนิพนธ์ ช่วยกันอุ้มเล็กออกจากห้อง เจ้าทิพย์ดาราจะตามไปแต่บัวเกี๋ยงรีบมาขวางไว้
เจ้าทิพย์ดาราจ้องหน้าบัวเกี๋ยงอย่างเอาเรื่องแล้วก็เดินผ่านบัวเกี๋ยงทำเหมือนว่าบัวเกี๋ยงไม่อยู่ในสายตา บัวเกี๋ยงมองตามด้วยความเจ็บใจ
“เชอะ...ทำหยิ่งไปเถอะ ยังไงพ่อเลี้ยงก็เข้าข้างคุณเล็กอยู่แล้ว”

แขกในงานศพเดินขึ้นมาวางดอกไม้จันท์แล้วไหว้รูปของ พล.อ. ณัฐ ขณะที่ที่ศาลา นริศรา พ.อ.ณรงค์ ลัคนา ลาวัลย์ ด.ช.นุ้ย ด.ญ.นุ่น กำลังยืนไหว้ส่งแขกอยู่ เวลาผ่านไปจนกระทั่งแขกคนสุดท้ายกลับไปแล้ว นริศราหันมองไปที่เมรุด้วยสีหน้าเศร้าแล้วเริ่มจะร้องไห้ ณรงค์เห็นก็รีบเข้ามาปลอบ
“พี่ณะคะ นิดคิดถึงคุณพ่อ”
“คุณพ่อท่านไปสบายแล้ว ถ้านิดคิดถึงท่าน นิดก็ต้องรีบกลับไปเรียนให้จบสมกับที่คุณพ่ออุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงอเมริการู้ไหม” ณรงค์บอก
นริศรากอดณรงค์ร้องไห้ ลัคนากับด.ช.นุ้ยและด.ญ.นุ่นเดินเข้ามาสมทบ เด็กทั้งสองจับมือนริศราขึ้นมากุม
“โอ๋ๆๆ นุ่นก็คิดถึงคุณปู่นะคะอานิด แต่นุ่นก็เข้มแข็งไม่ร้องไห้”
“อานิดไม่ต้องร้องไห้นะครับ ต่อไปนี้นุ้ยจะดูแลอานิดเอง”
นริศราปาดน้ำตาแล้วหันมากอดหลานทั้งสอง
“ใกล้ถึงเวลาเผาจริงแล้ว ไปรวมกับญาติๆคนอื่นเถอะ” ณรงค์บอก
ทั้งหมดกำลังจะพากันเดินไปที่ศาลาแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพิสุทธิ์ เพื่อนสนิทของนริศราเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าทุกคน
“นิด” พิสุทธิ์เรียก

ลัคนาเดินแยกออกมาจาก ณรงค์ นริศรา พิสุทธิ์ นุ้ย และนุ่นที่เดินลงมาจากเมรุ ลัคนาเดินมาหาลาวัลย์ที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในศาลา ลาวัลย์พอเห็นพี่สาวมายืนมองตาขุ่นก็รีบวางสายทันที
“น่าจะไปช่วยกันดูแลแขกบ้างนะ” ลัคนาตำหนิ
“แหม...ก็วันไม่ใช่สะใภ้บ้านนี้เหมือนพี่นานี่ อุตส่าห์ลางานบินมาจากเชียงใหม่แล้วยังไม่พออีกเหรอ” ลาวัณย์แก้ตัว
ลัคนาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ลาวัลย์ด้วยสีหน้าเครียด ลาวัลย์เขยิบเข้ามาคุยใกล้ๆ
“คนที่สูงๆหล่อๆนั่นแฟนคุณนิดเหรอ”
ลัคนาตอบอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ ยังไม่ได้ถาม”
“เป็นอะไรไปอีกละคะคุณพี่ อ๋อ...ห่วงเรื่องพินัยกรรมท่านนายพลละสิ” ลาวัณย์รู้ทัน
“มันน่าห่วงไหมล่ะ คุณพ่อน่ะรักแต่ยัยนิด คอยดูนะถ้าเปิดพินัยกรรมมาแล้วไม่ยุติธรรมฉันไม่ยอมจริงๆด้วย” ลัคนาหน้าเครียด

นริศราเดินมาส่งพิสุทธิ์ที่รถ
“ขอบใจมากนะโป๊ะที่อุตส่าห์มา”
“ตอนนี้ละมาขอบใจ ตอนแรกจะบอกข่าวเราสักหน่อยก็ไม่ได้ ไม่งั้นคงมาช่วยตั้งแต่วันแรก” พิสุทธิ์ตัดพ้อ
“โธ่...ก็ใครจะคิดล่ะว่าโป๊ะจะบินกลับมาจากอเมริกาเพื่อมางานศพพ่อเรา”
“นิดก็น่าจะรู้ ถ้าเป็นเรื่องทุกเรื่องของนิด ต่อให้ไกลให้ลำบากแค่ไหน เราก็พร้อมจะไปอยู่เคียงข้างนิดนะ”
“เยอะไปแล้ว ไม่ต้องมามุขเลย” นริศนายิ้มขำ
พิสุทธิ์จ้องตานริศรา “นิดรู้ไม่ใช่เหรอว่าเราไม่เคยไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกที่เรามีให้นิด”
นริศราเขินและเริ่มทำอะไรไม่ถูก
“จ้ะ กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเราต้องไปติดต่อเรื่องรับอัฐิกับทางวัด....ขับรถดีๆนะ”
นริศราลาพิสุทธิ์แล้วเดินกลับเข้าวัด พิสุทธิ์มองตามยิ้มๆแล้วขึ้นรถขับออกไป

หมอกับภูชิชย์กำลังนั่งคุยกันอยู่ภายในห้องทำงานของหมอที่โรงพยาบาล
“ผมตรวจอย่างละเอียดแล้ว คุณเล็กปกติดีทุกอย่างครับ” หมอรายงาน
ภูชิชย์งง “แต่คุณเล็กทั้งเหนื่อยทั้งหอบจนสลบ แล้วมันจะปกติได้ยังไง”
“ที่ผมพูดอย่างนั้นเพราะผมคิดว่าคุณเล็กไม่ได้ป่วยทางกาย เอ่อ....หากแต่เป็นการป่วยทางจิตครับ” หมอบอก
“คุณหมอพูดอะไรครับผมไม่เข้าใจ”
“คุณเล็กมารักษาตัวที่นี่หลายครั้งแล้ว จากประวัติคุณเล็กมักจะป่วยด้วยอาการ เดียวกัน คือหอบเหนื่อย หายใจไม่ทัน เพียงแต่ครั้งนี้มีอาการเป็นลมถึงสลบ และถ้าดูถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ทุกครั้งจะเป็นเพราะคุณเล็กเครียด หรือไม่ก็ต้องมีปัญหาขัดแย้ง หรือทะเลาะกับใครมาทั้งนั้น”
“แล้วจะมีวิธีรักษาให้หายไหมครับ” ภูชิชย์ถาม
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมจะแนะนำให้พ่อเลี้ยงพาคุณเล็กไปตรวจกับเพื่อนผมที่เป็นจิตแพทย์ที่กรุงเทพฯ ผมเชื่อว่าคุณเล็กจะต้องดีขึ้น”
ภูชิชย์ได้ฟังก็ครุ่นคิดอย่างหนัก

สุพัฒนายังคงนอนหลับ ส่วนภูชิชย์กับนิพนธ์ยืนมองเธอด้วยสีหน้าคิดหนักอยู่ที่มุมห้อง
“พ่อเลี้ยงจะบอกคุณเล็กว่ายังไงครับ ถ้าบอกเธอตรงๆว่าจะส่งเธอไปตรวจกับจิตแพทย์เธอคงรับไม่ได้” นิพนธ์บอก
ภูชิชย์มีสีหน้าเครียดเพราะยังคิดไม่ออกว่าจะพูดยังไง อยู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู แล้วเจ้าทิพย์ดาราก็เปิดประตูเข้ามามองหน้าภูชิชย์ ทั้งเธอและภูชิชย์ต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดทั้งคู่
“ภูคะ น้อยอยากคุยกับคุณ” เจ้าทิพย์ดาราบอก

ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล เจ้าทิพย์ดาราที่ปลีกตัวออกมากับภูชิชย์ยื่นช็อคโกแลตรูปหัวใจที่ซื้อจากอังกฤษให้ภูชิชย์
“ของฝากจากอังกฤษค่ะ ความหมายของมันก็คือหัวใจดวงนี้กลับมาอยู่ในมือของภูแล้ว”
ภูชิชย์ชะงักไปนิดนึงแล้วมองหน้าเจ้าทิพย์ดารานิ่งๆ
“แล้วมันจะหลุดมือผมไปอีกไหม” ภูชิชย์ถาม
เจ้าทิพย์ดารายิ้มให้ภูชิชย์ “น้อยเสียใจที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวันนี้ค่ะ”
“เจ้าอย่าโทษตัวเองเลยครับ” ภูชิชย์บอก
เจ้าทิพย์ดาราจับมือภูชิชย์
“ภูน่ารักกับน้อยแบบนี้เสมอ นี่แหละ...น้อยถึงต้องกลับมาหาภู”
“แล้วเรื่องเก่าๆที่ผ่านมาล่ะครับ”
เจ้าทิพย์ดารายิ้มให้ภูชิชย์

ภาพในอดีตของทั้งคู่ย้อนกลับมา วันนั้น ภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดารานั่งรับประทานอาหารกับเจ้าเทพมงคลและเจ้าดาระกา บิดาและมารดาของเจ้าทิพย์ดาราในบรรยากาศแห่งความสุข
“ท่านผู้ว่าฯตอบรับที่จะมาเป็นประธานเจรจาสู่ขอแล้วครับ ไม่ทราบเจ้าพ่อจะว่ายังไง” ภูชิชย์ถาม
“สุดแท้แต่พ่อเลี้ยงเถอะ ทางผมก็ไม่ขัดข้องหรอก” เจ้าเทพมงคลตอบ
“แหมท่านคะ ขัดข้องพอเป็นพิธีก็ได้ พ่อเลี้ยงเขาแค่บอกแผนการ ยังไม่ได้ขอสักหน่อย รีบยกลูกสาวให้แล้ว” เจ้าดาระกาเย้า
ทุกคนหัวเราะกันรวมทั้งเจ้าดาระกาด้วย
“พ่อเลี้ยงเป็นคนดี แล้วก็คบหากับลูกสาวเรามาตั้งนาน นี่ถ้ายังไม่มาขอ ผมจะเป็นฝ่ายไปขอเองแล้วนะ” เจ้าเทพมงคลว่า
เจ้าทิพย์ดาราเขินอาย “เจ้าพ่ออ่ะ...ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ”
“ก็พ่อคิดอย่างนี้จริงๆนะ” เจ้าเทพมงคลหันไปพูดกับภูชิชย์ “พ่อเลี้ยง....ขอเจ้าน้อยไปแล้วห้ามเอามาคืนนะ ผมไม่รับคืนจริงๆด้วย”
ทุกคนหัวเราะอีก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโวยวายของสุพัฒนาดังขึ้น
“พ่อเลี้ยงภูอยู่ไหน ไปตามมาเดี๋ยวนี้”
ทุกคนที่โต๊ะอาหารมองหน้ากันอย่างงุนงง

สุพัฒนากำลังจ้องหน้าคนรับใช้ด้วยความโกรธอยู่ในห้องรับแขก
“พ่อเลี้ยงอยู่ห้องอาหาร เชิญคุณสุพัฒนาที่ห้องอาหารก่อนไหมคะ” คนรับใช้บอก
“ไม่ไป....ฉันบอกให้ไปตามพ่อเลี้ยงมาที่นี่ก็ไปตามสิ มายืนโง่อยู่ได้” สุพัฒนาตวาด
คนรับใช้ยังลังเลไม่ไปไหน สุพัฒนาโมโหหยิบหนังสือบนโต๊ะรับแขกจะขว้างใส่คนรับใช้ แต่ภูชิชย์ เจ้าทิพย์ดารา เจ้าเทพมงคล เจ้าดาระกา เดินอย่างรวดเร็วเข้ามาพอดี
“มีอะไรกัน” เจ้าเทพมงคลถาม
เมื่อเจ้าทิพย์ดาราเห็นภูชิชย์ก็รีบวางหนังสือลงแล้วเดินไปเกาะแขนเขาจากนั้นก็ดึงให้ห่างจากเจ้าทิพย์ดารา
“พี่ภูคะ ภรรยาท่านผู้ว่าฯบอกคุณเล็กว่า พี่ภูจะมาสู่ขอ.” สุพัฒนาเหลือบมองเจ้าทิพย์ดาราอย่างเหยียดๆ “คนบ้านนี้เหรอคะ”
ภูชิชย์กุมมือน้องสาว “ใช่ พี่ก็กำลังคุยเรื่องนี้กับเจ้าพ่อพอดีเลย”
“ไม่นะคะ พี่ภูจะแต่งงานกับเจ้าน้อยไม่ได้ คุณเล็กไม่ยอม” สุพัฒนาโวยวาย
“คุณเล็ก ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ” ภูชิชย์ถาม
“นั่นสิ เราสองครอบครัวก็เป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ของคุณ มี อะไรก็น่าจะพูดกันดีๆ” เจ้าดาระกาพูด
“วันนี้คุณเล็กรู้ข่าวมาว่าเจ้าเทพมงคลเอาไร่ไปเข้าแบงก์ เพื่อเอาเงินมาพยุงธุรกิจที่ขาดทุนสะสมมาหลายปี” สุพัฒนาบอก
“นั่นมันก็เรื่องธุรกิจ” เจ้าเทพมงคลแย้ง
“ธุรกิจที่เจ๊งแล้วเจ๊งอีกน่ะเหรอคะ ตอนนี้ครอบครัวเจ้าก็เท่ากับเหลือแต่หนี้สิน ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาปอกลอกสมบัติของพวกเราเด็ดขาด” สุพัฒนาพูดด้วยเสียงจริงจัง
“คุณเล็ก....พอได้แล้ว” ภูชิชย์ปราม
“คุณเล็ก เธอควรจะให้เกียรติฉันบ้างนะ อย่างน้อยฉันก็เป็นเพื่อนกับพ่อเธอ” เจ้าเทพมงคลบอก
“ถ้าเจ้าอยากได้รับเกียรติก็เลิกคิดให้ลูกสาวมาจับพี่ภูสิคะ”
“พ่อเลี้ยง....คุณต้องจัดการเรื่องนี้นะ ผมไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นเกียรติผมแบบนี้” เจ้าเทพมงคลไม่พอใจ
ภูชิชย์พูดกับสุพัฒนา “จริงอย่างที่เจ้าพ่อว่านะ เรื่องแต่งงานของพี่กับเรื่องธุรกิจมันคนละเรื่องกัน คุณเล็กอย่าคิดมากเลย”
“นี่หมายความว่ายังไงพี่ภูก็จะแต่งกับ.....ผู้หญิงคนนี้” สุพัฒนาถาม
“พี่ไม่มีวันที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนได้นอกจากเจ้าน้อย” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนาตกใจ “พี่ภู....ไม่จริง...พี่ภูบอกคุณเล็กสิว่า....ไม่จริง....ไม่จริง”
สุพัฒนาหอบหนักและทำท่าจะหมดแรง เธอค่อยๆ ร่วงลงไปกับพื้น ภูชิชย์ตกใจรีบเข้าไปประคองแล้วมองเจ้าทิพย์ดาราที่ยืนนิ่งอยู่

สุพัฒนานอนหอบอยู่บนเตียงในห้องพักของเธอ โดยมีภูชิชย์นั่งป้อนข้าวต้มให้แต่สุพัฒนาเบือนหน้าหนี
“พี่ภู...อย่าแต่งงานกับเจ้าน้อยเลยนะคะ เล็กรู้ยังไงพวกนั้นก็ต้องหวังสมบัติของเรา”
“พี่ว่าคุณเล็กมองพวกเขาในแง่ร้ายไปหน่อยนะ”
สุพัฒนาร้องไห้ “พี่ภูเห็นคนอื่นดีกว่าน้องสาวตัวเอง พี่ภูไม่รักคุณเล็กแล้ว”
“ไม่ใช่นะ พี่ไม่มีวันเห็นคนอื่นดีไปกว่าคุณเล็กหรอก”
“งั้นพี่ภูก็รับปากสิคะว่าจะไม่แต่งงานกับมัน จะไม่คบกับพวกไร่เทพมงคลอีก”
“คุณเล็ก....แต่พี่....”
สุพัฒนาพูดสวนขึ้น “ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่ภูผิดคำพูด คุณเล็กจะออกไปจากที่นี่ แล้วเราก็ไม่ต้องมาเป็นพี่น้องกันอีก”
ภูชิชย์ตกใจ “คุณเล็ก อย่าบีบบังคับพี่สิ”
“นี่พี่ภูหาว่าคุณเล็กบังคับเหรอคะ พี่ภูลืมแล้วเหรอว่าคุณแม่สั่งไว้ก่อนตายให้พี่ภู ดูแลคุณเล็ก นี่พี่ภูจะผิดสัญญาเหรอคะ”
สุพัฒนาโมโหปัดชามข้าวต้มในมือภูชิชย์ทิ้ง แล้วเริ่มหอบอีกครั้ง
“คุณเล็ก คุณเล็ก...อย่าเครียดนะ” ภูชิชย์เตือน
สุพัฒนาหอบพร้อมกับพูด “รับปากสิคะ รับปากคุณเล็กสิ พี่ภูจะไม่แต่งงานกับมัน”
“ได้...พี่รับปาก” ภูชิชย์จำใจ
เจ้าทิพย์ดาราถือตะกร้าผลไม้ยืนแอบฟังอยู่ด้านนอกห้องได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ถึงกับร้องไห้ เธอวางตะกร้าผลไม้ไว้ที่โต๊ะหน้าห้องแล้วเดินออกไปทันที
.
ภาพในอดีตหยุดลงเพียงเท่านั้น แต่เจ้าทิพย์ดารากับภูชิชย์ยังคงนั่งคุยกันถึงเรื่องในอดีตต่อ
“วันนั้นน้อยทั้งโกรธและเสียใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน น้อยจึงตัดสินใจกลับไปเรียนต่อที่อังกฤษ”
เจ้าทิพย์ดาราจ้องตาภูชิชย์ แต่ภูชิชย์หลบตา
“ผมขอโทษที่ผมปกป้องเจ้าไม่ได้” ภูชิชย์บอก
“เรื่องเก่าๆเราลืมมันให้หมดเถอะค่ะ แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ”
“แต่คุณเล็กคงไม่ยอม” ภูชิชย์กังวล
เจ้าทิพย์ดาราสวนขึ้นทันที “ภูอย่าลืมสิคะว่าสถานการณ์วันนี้มันแตกต่างจากเมื่อสองปีก่อน ธุรกิจของเจ้าพ่อมีกำไร หนี้สินต่างๆก็หมดแล้ว น้อยถึงกลับมาหาภูไงคะ น้อยเชื่อว่าจะทำให้คุณเล็กยอมรับในตัวน้อยให้ได้ค่ะ”
ภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดารามองตากันอย่างซาบซึ้ง ภูชิชย์เก็บช็อคโกแลตใส่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของตัวเอง
“ผมก็เชื่อว่าคุณเล็กจะต้องยอมรับเจ้าได้ในที่สุด”
ภูชิชย์กอดเจ้าทิพย์ดาราอย่างมีความสุข

เวลาต่อมา สุพัฒนาที่ได้รู้เรื่องการไปรักษาตัวของเธอจากปากพี่ชายถึงกับหน้าบึ้งด้วยความโกรธ
“ไม่ค่ะ ยังไงคุณเล็กก็ไม่ยอมไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ แค่โรคเครียดคุณเล็กเป็นมาตั้งนานแล้ว เอายากลับไปกินเหมือนเคยเดี๋ยวก็หาย”
ภูชิชย์เดินเข้าไปจับมือแล้วลูบหัวสุพัฒนาด้วยความเอ็นดู
“คุณเล็กอย่าดื้อกับพี่สิ พี่เป็นห่วงสุขภาพคุณเล็กนะ”
“ห่วงคุณเล็ก หรือคิดจะส่งคุณเล็กไปอยู่ไกลๆ พี่ภูจะได้กลับไปหานังเจ้าน้อย”
สุพัฒนาสะบัดมือภูชิชย์ออก
“คุณเล็ก สำหรับพี่ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับสุขภาพของน้องสาวคนนี้หรอก เชื่อพี่เถอะนะ”
สุพัฒนานิ่งไปครู่หนึ่ง “ได้ค่ะ คุณเล็กจะไป”
ภูชิชย์ดีใจที่น้องสาวยอมทำตาม แต่แล้วสุพัฒนาก็ยื่นข้อเสนอ
“แต่พี่ภูต้องไปอยู่กับคุณเล็กนะคะ ดีเหมือนกัน พี่ภูจะได้ห่างๆเจ้าน้อย แบบนี้จะตรวจกันเป็นปีคุณเล็กก็ไม่ว่าหรอกค่ะ ตกลงตามนี้นะคะ”
ภูชิชย์จำใจฝืนยิ้มให้ สุพัฒนาคว้ามือภูชิชย์มาแนบแก้มอย่างมีความสุข นิพนธ์ยืนมองสองพี่น้องอยู่ถึงกับถอนใจเพราะเครียดแทนภูชิชย์

นริศรา ลัคนา ณรงค์ และทนายกำลังนั่งประชุมกันอยู่ในห้องรับแขกบ้านนริศรา ทั้งสามตั้งใจฟังทนายอ่านพินัยกรรม
“ข้าพเจ้า พล.อ ณัฐ สุริยรักษ์ ได้เขียนหนังสือฉบับนี้ขึ้นโดยมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เพื่อมอบหมายให้ พ.ต. ณรงค์ สุริยรักษ์ บุตรชายคนโต เป็นผู้จัดการมรดก พร้อมทั้งจัดแบ่งทรัพย์สินทั้งหมดตามเอกสารแนบท้ายให้แก่ นางสาว นริศรา สุริยรักษ์ อย่างยุติธรรมหลังจากที่ข้าพเจ้าได้เสียชีวิตลงแล้ว ลงชื่อ พล.อ ณัฐ สุริยรักษ์”
ทนายยื่นจดหมายพร้อมเอกสารแนบท้ายให้ณรงค์
“โธ่...คุณพ่อ พี่นึกว่าจะแบ่งทรัพย์สินไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” ณรงค์ถอนใจ
“ลงแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะคะ คุณก็จะบินคืนนี้ด้วย” ลัคนาเป็นห่วง
“ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะต้องลาอยู่ต่อ” ณรงค์บอก
“ไม่ได้นะคะพี่ณะ” นริศราเป็นห่วง “พี่ได้ทุนหลวงจะมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เอาอย่างนี้สิคะ ไว้อีกสองสามปีพี่ณะกับนิดเรียนจบแล้วค่อยมาจัดการก็ได้”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้ไม่เสียเวลาเรียนของคุณณะกับน้องนิด” ลัคนาเห็นด้วย
“งั้นเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนของนิดที่อเมริกา นาก็ช่วยดูแลด้วยแล้วกันนะ” ณรงค์บอก
“ได้ค่ะนาจัดการเอง” ลัคนารับปากแล้วยิ้ม ณรงค์กับนริศราโผเข้ากอดกัน

ลัคนามองสองพี่น้องแล้วแอบยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา โดยที่ณรงค์กับนริศราไม่ทันสังเกตเห็น











Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 21:05:41 น.
Counter : 354 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]