All Blog
รักประกาศิต ตอนที่ 4





ดึกสงัด บัวเกี๋ยงเดินมาถึงหน้าบ้านของภูชิชย์ แล้วส่องดูเงาสะท้อนกับกระจกประตูบ้านเพื่อจัดสภาพตัวเอง

“ไอ้ผลนะไอ้ผล ทำฉันเสียเวลา” บัวเกี๋ยงบ่นอุบ
บัวเกี๋ยงจะเปิดประตูแต่ประตูดันล็อค
“ห๊า...อะไรกันเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้ โอ๊ย...ลืมเอากุญแจจากนังพรอีก”
บัวเกี๋ยงมองไปด้านบนก็เห็นว่าไฟปิดแล้ว
“พ่อเลี้ยงจะนอนหรือยัง” บัวเกี๋ยงตะโกน “พ่อเลี้ยง...พ่อเลี้ยงคะ เปิดประตูให้บัวเกี๋ยงหน่อย”
ระหว่างนั้นภูชิชย์กำลังผสมน้ำอุ่นจากฝักบัวในห้องน้ำภายในห้องนอนของเขา จึงไม่ได้ยินเสียงบัวเกี๋ยง ภูชิชย์ยืนรอน้ำพร้อมกับสับปะงกเพราะว่าง่วงมาก จังหวะหนึ่งภูชิชย์เอามือตบต้นคอตัวเองเพื่อเรียกสติ
บัวเกี๋ยงที่ยืนรออยู่ข้างนอกเริ่มเซ็ง
“ไอ้ผล..ฉันอยากจะฆ่าแกนัก”
บัวเกี๋ยงเดินกลับด้วยความโมโห ทันใดนั้นไฟที่ห้องของภูชิชย์ก็สว่างขึ้น

ภูชิชย์เอาอ่างผสมน้ำอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วมองนริศราด้วยสีหน้าหนักใจ
“บอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันไม่ได้คิดจะแต๊ะอั๋งเธอนะ ฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ ที่ฉันทำเพราะกลัวเธอเป็นปอดบวมตายหรอก” ภูชิชย์ยกมือไหว้รอบทิศ “ผีสางเทวดาเป็นพยานให้ผมด้วยนะครับ”
ภูชิชย์เริ่มเช็ดหน้าให้นริศรา
ในขณะที่นริศรายังคงเพ้อออกมา “หนาว”
เหงื่อของนริศรายิ่งออกเยอะขึ้น นริศรานอนขดตัวมากขึ้น ภูชิชย์ที่เช็ดตัวอยู่ถึงกับชะงัก

ภูชิชย์มองนริศราพลางนึกถึงที่เขาทำแซนด์วิชไปให้นริศราแต่เธอไม่ยอมกิน ทำให้เขาลงมือกินเองจนหมดแล้วก็ถึงกับเครียด
“นี่เราทำผิดเกินไปหรือเปล่าวะ” ภูชิชย์นึกได้ “ไม่ได้ เราจะใจอ่อนไม่ได้ เราต้องปกป้องนายวัส ถ้าเธอกับนายวัสไม่ทำตัวให้ฉันเคลือบแคลงสงสัย ฉันก็คงไม่ต้องมาเหนื่อยกับเธอหรอก”
ภูชิชย์เช็ดหน้าเสร็จก็เช็ดแขนของนริศราต่อ เวลาผ่านไป ภูชิชย์นั่งสับปะงกอยู่ข้างๆ นริศรา นริศรายังคงนอนกระสับกระส่ายเพราะสร่างไข้จนตัวเปียกเหงื่อ
ภูชิชย์สลึมสลือตื่นขึ้นมา บิดผ้าไปหาวไป ภูชิชย์หาวหวอดใหญ่แล้วหลับตาล้มลงไป

เช้ามืดวันต่อมาฟ้ายังไม่สว่างนัก พรเดินมาถึงหน้าบ้านของภูชิชย์ บัวเกี๋ยงรีบเดินตามมา พรเห็นเข้าก็ยิ้มเยาะ
“ตามมาทำไม ยังไม่หมดหวังอีกเหรอ”
“หมดหวังอะไรของเอ็ง” บัวเกี๋ยงทำเป็นไม่เข้าใจ
“เอ้า...ก็หวังจะมานอนบ้านพ่อเลี้ยงน่ะสิ สมน้ำหน้าแกล้งฉันตัวเองก็อดเข้ามา”
“พูดมากน่า รีบๆไขประตูสิ”
พรแกล้งไขประตูช้าๆ บัวเกี๋ยงรู้สึกไม่ทันใจจึงผลักพรออกไปแล้วไขประตูเอง

สักพักบัวเกี๋ยงกับพรก็เปิดประตูเข้ามาได้ สองสาวถึงกับชะงักตาโตเพราะตกตะลึงกับภาพที่เห็น
“พ่อเลี้ยง” บัวเกี๋ยงร้องเสียงดัง
นริศรานอนกระสับกระส่ายข้างๆ ตัวของนริศรามีภูชิชย์นอนฟุบอยู่โดยที่มือข้างที่ถือผ้าขนหนูพาดอยู่ที่เอวของนริศรา ส่วนมืออีกข้างของนริศราก็พาดไปบนไหล่ภูชิชย์คล้ายว่ากอดเขาอยู่
นริศรางัวเงียตื่นขึ้น จังหวะเดียวกับที่ภูชิชย์ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นเช่นกัน ภูชิชย์กับนริศรามองหน้ากันแล้วก็ตกใจ
“นี่คุณ” นริศรามองแขนภูชิชย์ที่พาดเอวตัวเองแล้วก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง “กรี๊ด ไอ้บ้า แกทำอะไรฉัน”
นริศราทุบภูชิชย์ไม่ยั้ง
“เฮ้ย...หยุดนะ นี่เธอทำอะไรน่ะ” ภูชิชย์ห้าม
“ฉันสิต้องถามแก แกทำอะไรฉัน แล้วฉันมาอยู่นี่ได้ยังไง เอาเสื้อผ้าอะไรมาให้ฉันใส่ บอกมานะแกทำอะไร” นริศราโวยวาย
ภูชิชย์โมโห “นี่...หยุดบ้าซะทีแล้วก็ฟังฉัน”
นริศราหยุดทุบแล้วจ้องหน้าภูชิชย์อย่างเอาเรื่อง
“อธิบายให้เคลียร์นะไม่งั้นฉันเอาตายแน่” นริศราโมโห

ภูชิชย์ยืนจ้องนริศราอยู่ในห้องรับแขก บัวเกี๋ยงกับพรนั่งอยู่ที่พื้น บัวเกี๋ยงจ้องนริศราอย่างไม่วางตา
“เธอไม่สบายหนักมาก” ภูชิชย์อธิบาย “คนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอน่ะคือเจ้าน้อย และที่เธอเห็นฉันฟุบอยู่ข้างเธอน่ะ ก็เพราะเธอส่างไข้เหงื่อออกทั้งคืน ฉันถึงต้องทำให้จนเผลอหลับไป”
“หลับแล้วทำไมต้องกอดฉันด้วย” นริศราถาม
“ฉันไม่ได้พิศวาสเธอหรอกน่า แต่มันเพลียจนหลับ ว่าแต่ฉันเธอก็เหมือนกัน มากอดฉันทำไม ฉันก็เสียหายนะ” ภูชิชย์ว่า
“ฉันจะรู้ตัวไหมล่ะ”
ภูชิชย์หันไปถามพร “พรแล้วเมื่อคืนทำไมไม่มา ถ้าเธอมาก็คงไม่เกิดเรื่อง”
“พรจะมาแล้วค่ะพ่อเลี้ยงแต่ว่า....” พรกำลังจะบอกแต่บัวเกี๋ยงสวนขึ้นมาทันที
“นังพรมันหลับไปค่ะ โถ...น้องคงเหนื่อย”
พรจะอ้าปากพูดแต่บัวเกี๋ยงก็รีบพูดอีก
“ถ้าบัวเกี๋ยงทราบว่าพ่อเลี้ยงจะให้พรมา บัวเกี๋ยงมาเองแล้วค่ะ เรื่องดูแลคนป่วยบัวเกี๋ยงถนัด”
“เอาละ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว” ภูชิชย์พูดกับนริศรา “วันนี้เธอไม่ต้องทำงาน ฉันให้เธอหยุด แยกย้ายกันไปได้”
ทุกคนจะแยกย้ายกันออกไปแต่แล้วภูชิชย์ก็นึกขึ้นได้
“เดี๋ยวก่อน เรื่องเมื่อเช้า รู้กันทุกคนใช่ไหมว่าเป็นการเข้าใจผิด ไม่ต้องไปพูดต่อล่ะ โดยเฉพาะเธอ...บัวเกี๋ยง ไม่ต้องเล่าให้คุณเล็กฟัง”
บัวเกี๋ยงยิ้ม “รับรองค่ะ”

บัวเกี๋ยงกลับมาคุยโทรศัพท์ฟ้องสุพัฒนาเป็นเรื่องเป็นราว
“รับรองจริงๆค่ะคุณเล็ก บัวเกี๋ยงมั่นใจว่านังนิดมันต้องพยายามอ่อยพ่อเลี้ยง คิดดูสิคะเมื่อวานทำเป็นมารยาป่วยปางตาย วันนี้ตื่นมาดันมีแรงตีพ่อเลี้ยง แสดงว่าเมื่อคืนคงเป็นแผนของมันที่จะนอนห้องพ่อเลี้ยงนะคะ อ้อ...แล้วมันยังใส่ชุดคุณเล็กด้วยนะคะ”
สุพัฒนาที่ฟังอยู่ถึงกับโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“กรี๊ด พอแล้วนังบัวเกี๋ยง หยุด...ฉันไม่อยากฟัง นังบัวเกี๋ยง แกนี่มันเลวจริงๆ”
“อ้าว...คุณเล็ก ทำไมมาด่าบัวเกี๋ยงล่ะคะ” บัวเกี๋ยงงง
“ก็จริงไหมล่ะ จัดการนังพรได้แล้ว แกไปมัวทำอะไรถึงมาช้าจนเข้าบ้านไม่ได้ แกไปขึ้นรถประจำทางมาหรือไงอีบ้า”
“เอ่อ...คือ...คือ...บัวเกี๋ยงขอโทษค่ะคุณเล็ก”
“แกมันไม่ได้เรื่อง ฉันคงพึ่งสมองโง่ๆของแกไม่ได้แล้ว” สุพัฒนาด่า
“แล้วคุณเล็กจะทำยังไงคะ นังนิดมันมาสายแข็งขนาดนี้ ทั้งเจ้าน้อย คุณนิพนธ์ก็พวกมันทั้งนั้น บัวเกี๋ยงละกลัวใจจังเลยว่าไม่เกิดอาทิตย์มันคว้าพ่อเลี้ยงไปแน่”
สุพัฒนากดวางสายทันที
“ไม่ได้ ฉันจะปล่อยไว้ไม่ได้” สุพัฒนากำผ้าปูเตียงแน่น

ภูชิชย์นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารในห้องรับประทานอาหารที่บ้าน นริศราที่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วเดินลงมาพร้อมกับพร
“เอ่อ...เสื้อคุณเล็กนี่ฉันจะเอาไปซักให้นะคะ” นริศราบอก
“ไม่ต้องหรอก ให้บัวเกี๋ยงมันจัดการ” ภูชิชย์พูด
นริศราจะเดินไปแต่ภูชิชย์เรียกเอาไว้
“ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ”
นริศราชะงัก “อะไรนะคะ”
“นี่มันเลยเวลาอาหารที่โรงครัวแล้ว ทานด้วยกันที่นี่แหล่ะ” ภูชิชย์บอก
“เอ่อ...อย่าดีกว่า”
ภูชิชย์ลุกไปดึงแขนนริศราให้มานั่งร่วมโต๊ะ
“อย่าเรื่องมาก ฉันไม่อยากให้ใครมาว่าได้ว่ารังแกคนป่วย” ภูชิชย์หันไปพูดกับพร “พร ไปจัดอาหารเช้าอีกชุด”
พรอมยิ้มแล้วเดินไปทันที
นริศราพึมพำ “ถ้าไม่ป่วยก็รังแกงั้นสิ...เช๊อะ”
“บ่นอะไร” ภูชิชย์ถาม
“เปล่านี่ ฉันว่าช่างเป็นความกรุณาสุดซึ้งเลย”
“เดี๋ยวเธอทานข้าวแล้วก็ไปนอน”
“ฉันไม่ง่วง แล้วก็มีอะไรต้องทำอีกเยอะ” นริศราบอก
“ฉันให้เธอหยุดแล้วมันจะมีอะไรทำ”
“ฉันก็จะเรียนงานโน่นนี่นั่นไปเรื่อย พรุ่งนี้ฉันจะได้ทำงานต่อ”
“ตามใจ แต่ถ้าวันนี้อยากเรียนอะไรก็ถามฉันๆจะสอนเธอเอง”
นริศราขยี้หูจากนั้นก็ตบบ้องหูตัวเองเบาๆ ภูชิชย์มองอย่างงงๆ
“เธอทำอะไร”
“ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า เอ๊ะ...หรือเมื่อเช้าคุณไปหกล้มหัวฟาดพื้นที่ไหนมา ไม่ใช่สิต้องเป็นคนอื่นมาอยู่ในร่างคุณแน่ๆ โอ้วโน้ว” นริศราส่ายหน้ากวน
“ถ้าเธอไม่หยุดพล่ามฉันจะไม่สอนงานเธอ” ภูชิชย์เริ่มฉุน
นริศราหุบปากทันที พรเดินถือจานอาหารเข้ามาวางตรงนริศราพอดี ภูชิชย์พยักหน้าให้นริศราเริ่มต้นกินได้ พอนริศราก้มลงตักอาหารภูชิชย์ก็แอบมองเธอ นริศรารู้ตัวจึงเงยขึ้นมองกลับแต่ภูชิชย์หลบตาไม่ทัน
“มองอะไร” นริศราถาม
“ฉันก็แค่ดูว่าเธอทานอาหารได้ดีหรือเปล่า แล้วยาที่หมอให้อยู่ไหน” ภูชิชย์แก้ตัว
“เอ่อ...สงสัยอยู่ข้างบน เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอา”
“ไม่ต้อง” ภูชิชย์ส่ายหน้าแล้วหันไปสั่งพร “พร ไปเอายามา”

เวลาของวันนั้นผ่านไปช้าๆ พร้อมกับการสอนงานนริศราโดยภูชิชย์ ทั้งในห้องทำงานที่นริศราตั้งใจเรียนแต่ก็มีเถียงบ้าง ภูชิชย์เกาหัวด้วยความหงุดหงิดบ้าง
ทั้งที่โรงเก็บเครื่องมือ ภูชิชย์แนะนำเครื่องมือทำไร่พร้อมแสดงรายการเครื่องมือให้นริศราดู
ทั้งที่ฟาร์มวัว ภูชิชย์พานริศราเดินดู พอนริศราเดินออกแดดภูชิชย์ก็ดึงเธอเข้าที่ร่ม นริศรามองหน้าภูชิชย์ก็ทำเป็นส่ายหน้ารำคาญ
ที่โรงคั่วกาแฟ ภูชิชย์ยืนอธิบายให้นริศราฟัง นริศราจะคั่วกาแฟเองแต่ภูชิชย์มาช่วยยกแล้วห้ามนริศราทำ
ที่สวนลำใย ภูชิชย์เอาหมวกให้นริศราใส่แล้วให้เธอยืนในร่ม แล้วเขาก็จะไปคุมคนงาน
“เธอรออยู่นี่นะ” ภูชิชย์สั่ง
“ฉันไปด้วยสิ” นริศราบอก
“ไม่ได้ เธอเพิ่งหายไข้ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาอีกฉันจะไม่มีคนทำงานให้”
ภูชิชย์เดินไปนริศรามองค้อน
“ที่แท้ก็กลัวขาดแรงงาน” นริศราบ่น

ภูชิชย์ขับรถจิ๊บมาจอดที่หน้าสำนักงาน นริศราลงจากรถ
“ที่จริงฉันอยากให้คุณพาไปดู...” นริศราเอ่ย
ภูชิชย์พูดสวนขึ้น “วันนี้แค่นี้ก่อน ไว้เธอหายแล้วค่อยว่ากัน”
“แต่มันยังเหลือเวลางานอีกเยอะ”
“ฉันบอกว่าพอก็คือพอ เธอกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
ภูชิชย์พูดแล้วจะเดินไปแต่นริศราเอ่ยถามขึ้น
“ทำไมถึงสอนงานฉันคะ”
ภูชิชย์อ้ำอึ้ง “ก็..ก็...ก็ถ้าเธอทำงานไม่เป็นเดี๋ยวก็ไปเดินเซ่อซ่าหัวฟาดของฉันเสียหายอีก”
ภูชิชย์พูดจบก็เดินไป นริศรามองตามด้วยตาขุ่น

เจ้าทิพย์ดารายืนใกล้หน้าต่างห้องทำงานของภูชิชย์ขณะที่ภูชิชย์เดินเข้ามา พอเห็นภูชิชย์เจ้าทิพย์ดาราก็รีบเดินเข้าไปหา
“คุณนิดล่ะคะ ไม่เข้ามาด้วยเหรอ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“โห...เจ้าครับ เห็นหน้าผมคำแรกก็ถามหาคนอื่นเลย” ภูชิชย์ทำเป็นงอน
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “ก็น้อยเป็นห่วงเธอนี่คะ อุตส่าห์ขอลางานเจ้าพ่อจะมาเฝ้าไข้เธอ แต่เห็นพรบอกออกไปดูงานกับภูน้อยก็เป็นห่วง”
“ผมไล่ให้ไปพักผ่อนแล้วครับ” ภูชิชย์บอก
“ดีค่ะ แต่ก็แอบเสียดาย ว่าจะได้เม้าท์มอยกันซะหน่อย”
ภูชิชย์ยิ้มเอ็นดู เจ้าทิพย์ดาราเดินไปมองที่หน้าต่างด้วยความเสียดาย
“เอ...แต่ท่าทางคุณนิดคนขยันของภูจะไม่ค่อยอยากพักนะคะ”
ภูชิชย์เดินไปดูที่หน้าต่างก็เห็นนริศรายังยืนอยู่ นิพนธ์ขับรถมาจอดแล้วก็เดินลงมาหานริศรา

นิพนธ์เดินมาหยุดยืนคุยกับนริศรา
“ไปไหนมาคะ” นริศราถาม
“พ่อเลี้ยงให้ผมไปประชุมที่จังหวัดแทนน่ะครับ เพราะแกบอกจะสอนงานคุณนิด” นิพนธ์บอก
นริศราอึ้ง “เหรอค่ะ แต่จะให้ดีนิดว่าคุณนิพนธ์สอนดีกว่า”
“ไม่จริงหรอกครับ ตอนผมมาทำงานที่นี่ก็ได้พ่อเลี้ยงสอนเหมือนกัน แกละเอียดรอบคอบมากกว่าผมอีกนะครับ”
“เหรอคะ” นริศรานึกได้ “ว่าแต่ทำไมพ่อเลี้ยงถึงคิดสอนงานนิดคะ”
“คงรู้สึกผิดเรื่องที่คุณนิดบาดเจ็บมั้งครับ”
“ต๊าย....วิญญาณด้านดีก็มีกับเค้าเหมือนกันนะคะ”
นิพนธ์หัวเราะกับมุกของนริศรา
“คุณนิดไปพักผ่อนเถอะครับ เพิ่งหายป่วยใหม่ๆ” นิพนธ์แนะนำ
“ไม่เอาหรอกค่ะ นิดไม่ชอบนอนเฉยๆ น่าเบื่อ”
“งั้นคุณนิดจะทำอะไรล่ะครับ ตอนนี้ผมเสร็จธุระแล้วจะได้ไปช่วย”
นริศราดีใจ “จริงเหรอคะ”
นิพนธ์กับนริศราขึ้นรถแล้วขับออกไป

นริศรากับนิพนธ์มายืนคุมคนงานสองคนพรวนดินที่แปลงดอกไม้ของสุพัฒนา คนงานย้ายดอกไม้ที่ตายออกไปเพื่อปรับพื้นที่
“ถ้าคุณเล็กกลับมาแล้วเห็นแปลงดอกไม้นี้สวย เธอคงมีความสุขมาก” นิพนธ์บอก
“ถ้าเธอมีความสุขก็คงจะไม่เกลียดนิดนะคะ บอกตรงๆนิดละกลัวจริงๆ แค่ได้ยินกิตติศัพท์ก็หนาวแล้ว” นริศราหวั่นใจ
ทันใดนั้นรถจิ๊บของภูชิชย์ก็แล่นเข้ามาจอด ภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดาราเดินลงมาจากรถ
“คุณนิดคะ เป็นยังไงบ้าง” เจ้าทิพย์ดาราเอ่ยถาม
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณเจ้ามากนะคะที่มาช่วยดูแลนิดเมื่อวาน” นริศราตอบ
“ตอนแรกน้อยกลัวจะรบกวน แต่ตอนนี้คิดว่าคงกวนได้แล้ว”
“ด้วยความยินดีเลยค่ะ”
“นี่ตกลงฉันให้เธอพักเธอจะไม่พักใช่ไหม” ภูชิชย์ถามกวนๆ
“ก็ฉันหายแล้วนี่คะ แล้วมานี่ก็ไม่ได้ทำงานหนักอะไร” นริศราตอบ
“เธอนี่มันดื้อจริงๆเลย มันน่าให้ทำงานซะให้เข็ด” ภูชิชย์ทำหน้าเซ็ง
“โธ่ภูอย่าไปดุคุณนิดเธอเลยนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราเอ่ย ภูชิชย์จำใจเงียบ “แล้วนี่คุณนิดกับคุณนิพนธ์กำลังทำอะไรกันคะ”
“ก็ปรับปรุงแปลงดอกไม้นี่ล่ะค่ะ” นริศราบอก
“ปรับปรุง....นิพนธ์ คุณไม่ได้บอกเหรอว่าแปลงนี้ของใคร” ภูชิชย์เริ่มวิตก
“เอ่อ...บอกครับ แต่คุณนิดเธอชอบดอกไม้เลยอยากทำให้คุณเล็ก”
ภูชิชย์มองแปลงดอกไม้แล้วถึงกับเครียด
“ภูคะ น้อยว่าให้คุณนิดทำให้ก็ดีนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราสนับสนุน “เผื่อถูกใจคุณเล็กๆจะได้อารมณ์ดีไงคะ”
ภูชิชย์คิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ เจ้าทิพย์ดาราหันไปยิ้มให้นริศราแล้วพูด
“คุณนิดคะ ขอน้อยเป็นลูกมืออีกคนนะคะ”

วิทวัสฟังคำขอของสุพัฒนาแล้วถึงกับมีสีหน้าตกใจ
“อะไรนะ ให้พี่กลับไร่”
“ใช่...กลับไปแล้วลากนังนริศราบ้าบออะไรนั่นกลับมาด้วย” สุพัฒนาออกคำสั่ง
“นี่มันเรื่องอะไรพี่ไม่เข้าใจ”
“บัวเกี๋ยงบอกว่านังนริศรามันอ่อยพี่ภู คุณเล็กไม่ชอบ”
“ไร้สาระ....บัวเกี๋ยงมันก็เพ้อเจ้อฟ้องเอาหน้ากับคุณเล็กไปเรื่อย พี่เตือนหลายครั้งแล้วอย่าไปยุ่งกับมันมาก”
“พี่วัส อย่าเปลี่ยนเรื่อง คุณเล็กบอกอะไรก็ไปทำสิ”
วิทวัสโมโหแต่พยายามข่มใจพูดดีด้วย
“คุณเล็ก จะหาคนไปทำงานที่ไร่น่ะมันยากนะ คนมีความรู้เก่งๆเขาก็อยากทำงานที่กรุงเทพฯ ครั้นจะเอาคนไม่เก่งเรียนไม่สูง เดี๋ยวก็ทำงานไม่ได้อีก พี่ว่าให้คุณนิดเธอทำงานที่นั่นแหล่ะดีแล้ว”
สุพัฒนาตวาด “พี่วัส ทำไมชอบขัดคำสั่งคุณเล็กห๊า”
วิทวัสโมโห “ก็พี่ไม่เห็นด้วยน่ะสิ พี่รู้ว่าคุณนิดทำงานที่นั่นได้ อย่างน้อยก็ดีกว่ายัยมอลลี่ ผู้ดีจับจดเพื่อนคุณเล็กก็แล้วกัน”
“ได้ถ้าพี่วัสไม่ไปคุณเล็กไปเอง”
“แล้วคุณเล็กจะไปยังไง หมอยังไม่อนุญาต เราคุยกันแล้วนี่”
“คุณเล็กไม่สน ตายเป็นตาย คุณเล็กจะไปไล่นังนิดออกจากไร่”
“ก็เพราะคุณเล็กเป็นแบบนี้ ถึงต้องส่งมาให้จิตแพทย์”
หลุดปากพูดออกไปวิทวัสนึกได้ก็รีบหุบปาก สุพัฒนาจ้องหน้าวิทวัสนิ่ง
“อะไรนะ ตกลงที่พาคุณเล็กมาที่นี่ก็เพราะคิดว่าคุณเล็กบ้ากันเหรอ”
“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณเล็ก ฟังพี่อธิบายก่อน”
“กรี๊ด ไม่ฟัง ออกไป คุณเล็กเกลียดพี่วัส”
สุพัฒนาอาละวาดหยิบข้าวของในห้องปาใส่วิทวัสจนวิทวัสต้องวิ่งหนีออกไป

วิทวัสหลบมายืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล
“โธ่พี่ภู ก็ผมไม่ได้ตั้งใจ” วิทวัสโอดครวญ
ภูชิชย์ที่กำลังคุยโทรศัพท์กับน้องชายมีสีหน้าท้อแท้
“จบกัน นี่คุณเล็กคงโกรธมาก”
“ไม่คงละครับ โกรธแบบพายุลงเลย นี่ก็ตะเพิดซะผมต้องวิ่งหนีตายออกมา” วิทวัสฟ้อง
“งั้นเอางี้ เดี๋ยวนายรีบกลับไปเข้าไปหาคุณเล็ก บอกพี่จะคุยด้วย พี่คิดว่าคงพอทำให้คุณเล็กสงบลงได้”
“พี่ภูโทรตรงไปเลยไมได้เหรอครับ ผมไม่อยากกลับเข้าไปอีก ดิวกับคนบ้าผมไม่ถนัด”วิทวัสต่อรอง
“ไอ้วัส อย่าเพิ่งมากวนตอนนี้ได้ไหม พี่บอกให้ทำอะไรก็ทำสิ”
วิทวัสถอนใจ เขาเดินถือโทรศัพท์กลับไปตามทางที่ตรงไปห้องพักสุพัฒนา
เจ้าทิพย์ดาราเห็นภูชิชย์มีสีหน้าเครียดก็เอ่ยถาม
“มีอะไรกันเหรอคะ”
“นายวัสเผลอบอกความจริงกับคุณเล็กไปแล้ว” ภูชิชย์บอก
“ตายจริง นี่คุณเล็กรู้แล้วเหรอคะว่าเธอถูกส่งไปพบจิตแพทย์”
ภูชิชย์นิ่งเงียบและมีสีหน้าเครียดหนัก

วิทวัสเปิดประตูห้องพักสุพัฒนาเข้ามาก็เห็นสภาพห้องว่ารกมาก แต่เขาไม่เห็นวี่แววของน้องสาวตัวเอง
“คุณเล็ก....คุณเล็กอยู่ไหน” วิทวัสเรียก
วิทวัสเดินไปเปิดประตูห้องน้ำแต่ก็ไม่เห็น เขาเริ่มใจคอไม่ดีจึงรีบบอกภูชิชย์
“พี่ภูครับ ผมคิดว่าคุณเล็กหนีไปแล้ว”
“นายวัส อย่าล้อเล่นนะ” ภูชิชย์ตำหนิน้องชาย
“ไม่ได้ล้อเล่นครับ คุณเล็กไม่อยู่ในห้อง”
วิทวัสเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็ต้องตกใจ
“เสื้อผ้าชุดที่มาจากบ้านก็หายไปครับ”
ภูชิชย์กดวางสายแล้วอึ้งจนเงียบไป
“ว่ายังไงคะ เจอคุณเล็กไหม” เจ้าทิพย์ดาราถามด้วยความเป็นห่วง
ภูชิชย์ส่ายหน้า “คิดว่าหนีออกมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ”

รถแท๊กซี่คันหนึ่งขับไปบนถนนในกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยรถ สุพัฒนานั่งหน้าเครียดปนเจ็บใจอยู่ที่เบาะด้านหลัง ทันใดนั้นมือถือของเธอก็ดังขึ้น สุพัฒนาจ้องมือถือด้วยความโกรธก่อนกดรับสาย

ภูชชย์ถือโทรศัพท์แนบหูด้วยความเป็นห่วง โดยมีเจ้าทิพย์ดารายืนอยู่ข้างๆ เมื่อสุพัฒนารับสาย ภูชิชย์ก็ละลักละล่ำถาม
“คุณเล็ก คุณเล็กอยู่ที่ไหน นายวัสบอกพี่ว่าคุณเล็กออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
“คุณเล็กกำลังจะกลับไร่” สุพัฒนาบอก “พี่ภูไปรับคุณเล็กที่สนามบินด้วย”
“คุณเล็ก ฟังพี่อธิบายก่อน เรื่องอาการของคุณเล็กพี่ไม่ได้ตั้ง..”
ภูชิชย์ยังพูดไม่จบ สุพัฒนาก็ตวาดขึ้นมาก่อน “คุณเล็กไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้น พี่ภูมีหน้าที่มารับคุณเล็กก็มาแล้วกัน”
พูดจบสุพัฒนาก็กดตัดสายทันที จากนั้นเธอก็เริ่มหอบด้วยความโกรธ
คนขับแท๊กซี่มองผ่านกระจกหลังมาเห็นก็เป็นห่วง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมพากลับไปโรงพยาบาลไหมครับ”
สุพัฒนาตวาด “ไม่ต้องยุ่ง”
คนขับแท๊กซี่สะดุ้งแต่ก็ขับต่อไปด้วยความกลัว

ภูชิชย์มีสีหน้าไม่ดีมากขึ้น
“คุณเล็กว่ายังไงบ้างคะภู” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“คุณเล็กกำลังจะกลับมาที่ไร่ เธอโกรธผมมาก” ภูชิชย์เสียงเศร้า
“ก็น่าเห็นใจเธอนะคะ”
“ผมจะพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้นนะครับเจ้า”
“น้อยเชื่อว่าภูจะทำได้ค่ะ”
ภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดาราโผเข้ากอดกันแต่สีหน้าเคร่งเครียดด้วยกันทั้งคู่

วิทวัสกับรัชนิดานั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานของรัชนิดาที่ธนาคารที่รัชนิดาเป็นผู้จัดการอยู่
รัชนิดาจับมือปลอบสามี “คุณวัสอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ เพราะที่คุณกับคุณภูปิดเรื่องนี้กับคุณเล็กก็เพราะความหวังดี วันหนึ่งคุณเล็กจะเข้าใจ”
“แต่กว่าจะถึงวันนั้น คุณเล็กคงป่วนชีวิตคนอื่นแย่ นี่ก็ไม่รู้หายตัวไปไหน” วิทวัสว่า
“ถามเลขาคุณวัสหรือยังคะ” รัชนิดาถาม
“ถามแล้ว เขาบอกไม่รู้เรื่อง”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของวิทวัสก็ดังขึ้น วิทวัสกดรับทันที
“ว่าไงครับพี่ภู” วิทวัสตกใจ “ห๊า...อะไรนะครับ โอ๊ย...ตายๆๆๆ....ครับๆ งั้นผมจะจัดการเรื่องโรงพยาบาลทางนี้เองครับ”
วิทวัสกดวางสายด้วยสีหน้าเครียดจนรัชนิดาสงสัย
“เจอตัวคุณเล็กแล้วเหรอคะ”
วิทวัสพยักหน้ารับ “กำลังจะกลับเชียงใหม่”
รัชนิดายิ้ม “ก็ยังดีนะคะ แบบนี้เราก็สบายใจได้ไปเปราะหนึ่ง”
“ไม่อย่างนั้นสิดา ถ้าคุณเล็กกลับไปแล้วไปเจอคุณนิด ผมสังหรณ์ว่าเรื่องมันจะยุ่งกว่าเดิม”
“จริงด้วยสิคะ ดาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดีคะ”

วิทวัสมีสีหน้าเครียด กังวล เพราะเป็นห่วงนริศรา
เครื่องบินร่อนลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ สุพัฒนาเดินจ้ำออกมาจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าแบบไม่สนใจผู้คน จนกระทั่งมองเห็นภูชิชย์ยืนรออยู่ สุพัฒนาหยุดชะงักด้วยความโกรธพี่ชาย ภูชิชย์รีบเดินเข้าไปหาทันที

“คุณเล็ก พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกความจริงเรื่องอาการคุณเล็ก แต่พี่มีเหตุผลนะ” ภูชิชย์รีบชี้แจง
“คุณเล็กไม่ฟัง คุณเล็กไม่เชื่อพี่ภูอีกต่อไปแล้ว”
“คุณเล็กใจเย็นๆ ก่อนนะ” ภูชิชย์พยายามกล่อม
“ไม่ค่ะ คุณเล็กใจเย็นเพื่อคนอื่นมามากพอแล้ว พี่ภูพาคุณเล็กกลับไร่เดี๋ยวนี้ คุณเล็กจะกลับไปจัดให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม”
“คุณเล็กจะทำอะไร” ภูชิชย์ถาม
สุพัฒนาจ้องหน้าภูชิชย์นิ่งด้วยความโกรธแล้วสะบัดหน้าเดินไปทันที ภูชิชย์รีบเดินตาม

นริศรากับนิพนธ์และบรรดาคนงานช่วยกันเก็บเครื่องมือหลังจากเสร็จงานที่แปลงดอกไม้
“ผมว่าต่อไปนี้ช่วงไหนผมว่างาน ผมจะลงมาทำที่นี่ให้ดีไหมครับ” นิพนธ์เสนอ
“อุ๊ย...อย่าเลยค่ะ เกรงใจคุณนิพนธ์ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงใจร้ายจะว่าเอา” นริศราเกรงใจ
นิพนธ์หัวเราะ “พ่อเลี้ยงใจร้าย...ฮ่าๆๆ เวลาคุณนิดเรียกพ่อเลี้ยงแบบนี้ผมรู้สึกเหมือนพ่อเลี้ยงแกเป็นคนละคนกับที่ผมรู้จักเลย”
“แหม..ก็จริงไหมล่ะคะ ตั้งแต่นิดมาเหยียบที่นี่จนถึงตอนที่หายป่วยนี่ ยังนึกภาพนายนั่นเป็นคนดีเหมือนคนอื่นเขาไม่ออกเลย”
“น่าเสียดาย ตอนคุณนิดป่วยแล้วพ่อเลี้ยงต้องดูแลเช็ดตัวทั้งคืน คุณนิดก็ไม่รู้ตัวซะอีก”
นริศราอึ้งแล้วยิ้มเจื่อนๆ จังหวะนั้นพรก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหานริศรา
“คุณนิด” พรเรียกแล้วก็หอบเพราะเหนื่อย “คุณนิด.....คุณนิด”
“มีอะไรเหรอพร พักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยพูดก็ได้” นริศราบอก
“ไม่ได้ค่ะ” พรหอบ “คุณนิดกลับไป...บ้านพักเถอะค่ะ”
“ทำไม ที่บ้านพักมีอะไรเหรอ”
นริศรากับนิพนธ์มองหน้ากันอย่างงงๆ

ภูชิชย์นั่งคุยกับสุพัฒนาที่ห้องทำงานของเขา
“คุณเล็ก พี่ว่าทำแบบนี้มันเกินไปนะ” ภูชิชย์ว่า
“นี่พี่ภูเห็นคนอื่นดีกว่าคุณเล็กเหรอคะ” สุพัฒนาไม่พอใจ
“ไม่ใช่ พี่ไม่มีทางเห็นคนอื่นดีกว่าคุณเล็ก แต่ถ้าเราจะให้นริศราออกจากงานเราก็พูดกับเขาดีๆก็ได้นี่”
“พูดดีๆ พี่ภูจะหลอกล่อคุณเล็กอีกใช่ไหม”
“พี่น่ะเหรอหลอกคุณเล็ก”
“คราวที่แล้วพี่ภูบอกจะไม่ไปงานบ้านนังเจ้าน้อยพี่ภูก็ไป แล้วยังจะเรื่องที่เอานังนิดใส่เสื้อผ้าคุณเล็กมานอนบนห้องพี่ภูอีก พี่ภูคิดจะปิดคุณเล็กไปอีกนานแค่ไหนคะ” สุพัฒนาฉุนเฉียว
“คุณเล็ก เรื่องพวกนี้พี่อธิบายได้นะ”
“พอเถอะค่ะ ต่อไปนี้คุณเล็กจะไม่เชื่อพี่ภูอีกแล้ว และคุณเล็กก็จะไม่ให้ผู้หญิงหิวเงินที่ไหนมาปอกลอกทรัพย์สมบัติของพวกเราเป็นอันขาด”
สุพัฒนาจ้องหน้าภูชิชย์ด้วยความน้อยใจ ภูชิชย์ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

กระเป๋าเสื้อผ้าของนริศราถูกโยนลอยละลิ่วลงมาจากชั้นสองของบ้านพักคนงานหญิง แม่อุ้ย ลุงปั๋น และคนงานอื่นๆ ที่ยืนดูอยู่จะเข้าไปเก็บ
บัวเกี๋ยงที่อยู่บนชั้นสองชี้หน้าทุกคนที่จะเข้ามาเก็บกระเป๋าของนริศรา
“ใครไม่เกี่ยวอย่าสาระแน”
“นังบัวเกี๋ยง ทำแบบนี้มันเกินไปแล้วนะเว้ย” แม่อุ้ยว่า
“นั่นสิ ข้าวของคุณนิดเสียหายหมด” ลุงปั๋นเห็นด้วย
“มีปัญหาเหรอ งั้นลุงปั๋นกับแม่อุ้ยก็ไปถามคุณเล็กเอาเองสิ ว่าฉันทำถูกหรือทำผิด ดีเลยฉันจะได้ฟ้องคดีเก่าที่ขัดคำสั่งฉันไปเข้าข้างนังนิดนั่นด้วย”
แม่อุ้ยกับลุงปั๋นจำใจต้องเงียบ บัวเกี๋ยงเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของนริศรา
บัวเกี๋ยงยิ้ม “ว่าง่ายๆแบบนี้ฉันจะได้เมตตาไม่ฟ้อง” บัวเกี๋ยงหันไปพูดกับผล “พี่ผล เอาของนังนิดไปทิ้งขยะให้ด้วย”
ผลจะเดินไปเก็บของ ส่วนบัวเกี๋ยงมองโทรศัพท์แล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
“หยุดนะ” เสียงนริศราดังลั่น
ทุกคนหันไปเห็นนริศราเดินมาพร้อมกับนิพนธ์และพร
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำกับของฉันแบบนี้” นริศราว่า
“คุณเล็กสั่งให้เอาของของคุณ...อุ๊ย...ไม่ใช่สิ เธอไม่ใช่ผู้จัดการอีกแล้ว คุณเล็กให้เอาของๆแกไปทิ้งขยะ แล้วแกก็ไสหัวไปจากที่นี่ด้วย” บัวเกี๋ยงว่า
“บัวเกี๋ยง...เธอพูดอะไร คุณเล็กอยู่กรุงเทพฯไม่ใช่เหรอ” นิพนธ์แปลกใจ
“คุณนิพนธ์อยากรู้ก็ไปที่สำนักงานสิคะ” บัวเกี๋ยงพูดกับผล “เร็วสิพี่ผล”
“อย่านะนายผล ถ้านายแตะต้องของๆคุณนิด มีเรื่องแน่” นิพนธ์ขู่
ผลชะงักไม่กล้าแตะ นริศราเดินไปหาบัวเกี๋ยงจะเอาโทรศัพท์มือถือคืนแต่บัวเกี๋ยงไม่ให้
“ฉันจะเก็บเอาไว้ก่อน เครื่องนี้ให้คุณเล็กตัดสิน” บัวเกี๋ยงบอก
“คิดจะปล้นกันง่ายๆเหรอ” นริศราโกรธ
บัวเกี๋ยงจะเดินไปแต่นริศราดึงแขนเอาไว้ พอบัวเกี๋ยงหันกลับมานริศราก็เตะขาบัวเกี๋ยงจนล้มลงไป นริศราดึงมือถือคืน พวกคนงานหัวเราะสะใจ บัวเกี๋ยงโกรธจัดลุกขึ้นเงื้อมือจะสู้
“หยุดนะ ถ้าเธอคิดว่าจะเอาชนะฉันได้แน่ก็เข้ามา” นริศราขู่
บัวเกี๋ยงจ้องนริศราด้วยความเจ็บใจแต่ไม่กล้าทำอะไร นริศราจะเดินไปแต่นิพนธ์ดึงแขนไว้
“คุณนิดครับ ผมรู้ว่าคุณนิดจะไปหาคุณเล็ก แต่ให้ผมไปคุยกับแกก่อนดีไหมคับ”
“อย่าดีกว่าค่ะ นิดคิดว่านิดต้องคุยกับคุณเล็กด้วยตัวเอง”
นริศราพูดกับนิพนธ์แล้วเดินไป บัวเกี๋ยงชี้หน้าพวกคนงาน
“ไอ้พวกที่หัวเราะฉันน่ะ ระวังให้ดี”
คนงานเริ่มกลัว ทุกคนหน้าจ๋อยลงไปทันที บัวเกี๋ยงรีบเดินตามนริศราไป

สุพัฒนานั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขก เธอจ้องนริศราตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยมีภูชิชย์ นิพนธ์อยู่ในห้องด้วย และมีบัวเกี๋ยงมานั่งอยู่ข้างๆ สุพัฒนาอย่างประจบ
“ฉันไม่ชอบหน้าแกเข้าใจหรือยัง” สุพัฒนาบอก
นริศรางง “นี่คือเหตุผลที่คุณจะไล่คนออกเหรอคะ”
“ไม่ต้องมาถาม ฉันให้ออกก็ออกไป”
“งั้นฉันไม่ออกค่ะ”
นริศราพูดพร้อมกับจ้องหน้าสุพัฒนาอย่างเอาเรื่อง สุพัฒนาถึงกับอึ้งและตกใจ
บัวเกี๋ยงกระซิบกับเจ้านายทันที “เห็นไหมคะคุณเล็ก บัวเกี๋ยงบอกแล้วว่ามันร้าย”
“แก...แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” สุพัฒนาเริ่มโมโห
“ฉันทราบค่ะว่าคุณคือคุณเล็ก น้องสาวของพ่อเลี้ยง” นริศราตอบ
“รู้แล้วยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันอีกเหรอ”
“ค่ะ...ในเมื่อฉันได้งานนี้มาอย่างถูกต้อง และฉันก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด คุณจะไล่ฉันออกง่ายๆด้วยวิธีป่าเถื่อนแบบนี้ไม่ได้ และที่สำคัญคุณไม่ได้เป็นคนรับฉันมาคุณจะมาไล่ฉันออกไม่ได้”
“กรี๊ด” สุพัฒนาปรี๊ดแตก “นังบ้า....นังหน้าด้าน....ฉันเกลียดแก แกเข้ามาที่นี่แกจะมาปอกลอกพี่ชายฉันใช่ไหม”
สุพัฒนาคว้าหมอนและคว้าของใกล้ตัวจะขว้างใส่นริศรา ภูชิชย์กับนิพนธ์ และบัวเกี๋ยงเข้ามาห้ามและจับตัวเธอไว้
“คุณเล็กๆ ใจเย็น พี่ว่าเราค่อยๆคุยกันก่อนนะ” ภูชิชย์กล่อม
“ไม่คุณเล็กไม่คุย คุณเล็กเกลียดมัน กรี๊ด พี่ภูไล่มันสิ ไล่มัน กรี๊ด”
“คุณนิดออกไปก่อนเถอะครับ” นิพนธ์แนะนำ
นริศรายืนตกตะลึงกับอาการของสุพัฒนา
“นริศรา เธอออกไปก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกัน....ไปสิ” ภูชิชย์สั่ง
นริศราตกใจรีบเดินออกไปแล้วจึงไปแอบดู นริศราเห็นภูชิชย์ บัวเกี๋ยงและนิพนธ์ช่วยกันจับสุพัฒนาที่เอาแต่ร้องกรี๊ดๆเอาไว้ จนสุดท้ายสุพัฒนาก็ร้องกรี๊ดยาวก่อนจะเป็นลมไป

สุพัฒนานอนหลับอยู่ในห้องของเธอ โดยมีภูชิชย์กับนิพนธ์ยืนดูอาการอยู่ บัวเกี๋ยงตีหน้าเศร้านั่งอยู่ที่พื้นข้างๆเตียง
สุพัฒนาค่อยๆ ฟื้นขึ้น ภูชิชย์กับนิพนธ์ยิ้มอย่างดีใจ พอลืมตาได้สุพัฒนาก็รีบหอบเหมือนปางตาย
ภูชิชย์เข้ามาจับมือน้องสาว “คุณเล็ก เป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอไหม”
สุพัฒนาสะบัดมือออก “ไม่...คุณเล็กไม่ไป คุณเล็กอยากตาย”
“โธ่...คุณเล็ก ทำไมพูดแบบนี้ คุณเล็กไม่รักพี่ภูแล้วเหรอ” ภูชิชย์ถาม
สุพัฒนาร้องไห้ “พี่ภูนั่นแหล่ะไม่รักคุณเล็ก พี่ภูรักนังเจ้าน้อยกับนังนริศรามากกว่าน้องในไส้อย่างคุณเล็ก”
“ไม่ใช่นะคุณเล็กเข้าใจผิด”
สุพัฒนาโวยวาย “คุณเล็กไม่ฟัง คุณเล็กเกลียดพี่ภู พี่ภูเอามันมานอนที่นี่ พี่ภูเห็นมันดีกว่าคุณเล็ก โอ๊ย คุณเล็กปวดหัว ปวดร้าวไปหมดแล้ว”
“คุณเล็กครับ” นิพนธ์พูดขึ้น “เรื่องที่คุณนิดมารักษาตัวที่ห้องพ่อเลี้ยงเพราะเมื่อวานเธอทำงานจนได้รับอุบัติเหตุ ผมกับพ่อเลี้ยงเห็นว่าไปพักที่บ้านคนงานจะไม่สะดวก จึงให้เธอพักที่นี่”
“หุบปาก” สุพัฒนาตวาด “เธอก็อีกคนนิพนธ์....ที่เข้าข้างมันเพราะมันสวยใช่ไหม”
ภูชิชย์กับนิพนธ์ได้แต่ถอนใจและส่ายหน้าเพราะตอบไม่ถูก
“ถ้านังนริศรามันยังอยู่ที่นี่ คุณเล็กจะเป็นคนไปเอง พี่ภูจะได้อยู่กับมัน”
พูดจบสุพัฒนาก็จ้องหน้าภูชิชย์
“ได้...พี่จะทำตามความต้องการของคุณเล็ก” ภูชิชย์กล่าวหนักแน่น
นิพนธ์ตกใจกับคำพูดของภูชิชย์
สุพัฒนากับบัวเกี๋ยงยิ้มให้กันอย่างดีใจ แล้วสุพัฒนาก็ลุกพรวดขึ้นมากอดภูชิชย์
“คุณเล็กรักพี่ภูที่สุดในโลก”
ภูชิชย์ยิ้มออกที่เห็นน้องสาวมีความสุข แต่นิพนธ์มองด้วยความหนักใจ

ภูชิชย์กับนิพนธ์นั่งคิดหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงานของภูชิชย์ ภูชิชย์กลุ้มใจ สักพักเขาก็เดินไปหยิบรูปถ่ายครอบครัวซึ่งมีทั้งพ่อ แม่ ภูชิชย์ วิทวัส และสุพัฒนาขึ้นมาดู

ภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวของภูชิชย์ วันนั้นสุพัฒนาที่อยู่ในชุดนักศึกษาปี 1กำลังบงการให้คนรับใช้จัดอาหารจนเต็มโต๊ะ
“จัดเร็วๆสิ เดี๋ยวคุณแม่ฉันจะกลับมาแล้ว”
คนรับใช้ลนลานจนเผลอวางจานแรงทำให้แกงหก
สุพัฒนาโกรธขึ้นมาทันที “นี่ วางดีๆสิเห็นไหมหกหมดแล้ว ไปเอาผ้ามาเช็ดเร็วๆเลย”
คนรับใช้รีบเช็ดแล้วเดินออกไป โดยสวนกับภูชิชย์ที่เดินเข้าห้องรับประทานมาพอดี
“อารมณ์เสียเรื่องอะไรกันจ๊ะนักศึกษาใหม่” ภูชิชย์แซว
“ก็นังบัวสิคะ โง่มาก วางแกงแค่นี้ก็หก” สุพัฒนาว่า
ภูชิชย์เข้าไปกอดน้องสาว
“วันนี้เราฉลองที่คุณเล็กคนเก่งเข้ามหาวิทยาลัยได้ ทำอารมณ์ดีๆกว่านะ เดี๋ยวคุณแม่กลับมาเห็นน้องสาวคนเก่งของพี่ภูหน้าบึ้ง ท่านจะดุว่าพี่ไม่ดูแลน้อง”
“ถ้าเป็นพี่ภูกับคุณแม่ขอร้องเล็กทำให้ได้ค่ะ คุณเล็กรักพี่ภูกับคุณแม่ที่สุดในโลก” สุพัฒนาบอก
“อย่าลืมพี่วัสอีกคนสิ” ภูชิชย์เตือน
“แหว่ะ....พี่วัสน่ะคุณเล็กไม่รักหรอก ชอบขัดใจคุณเล็ก ยิ่งตั้งแต่คุณพ่อเสียไปพี่วัสยิ่งขัดใจคุณเล็ก ดูสิคะ คุณเล็กสอบติดจะขึ้นมากินข้าวฉลองหน่อยก็ไม่ได้”
“บริษัทที่กรุงเทพฯเพิ่งเปิด นายวัสคงยุ่งน่ะ” ภูชิชย์บอก
“ช่างเถอะค่ะ พี่วัสไม่รักคุณเล็กคุณเล็กก็ไม่สน มีแค่พี่ภูกับคุณแม่ก็พอ”
ภูชิชย์ยิ้มแล้วจับหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู
“งั้นคุณเล็กไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆรอคุณแม่นะคะ”
สุพัฒนาบอกแล้วจะเดินไปแต่ภูชิชย์เรียกไว้
“คุณเล็ก แต่งตัวสวยๆแล้วใส่นี่ด้วยนะ”
ภูชิชย์หยิบกล่องสร้อยข้อมือเพชรให้น้องสาว สุพัฒนาเปิดกล่อง พอเห็นเธอก็ร้องอย่างดีใจและมองหน้าภูชิชย์จนน้ำตาจะไหล
“ของขวัญแสดงความยินดีให้น้องสาวที่พี่รักที่สุดจ้ะ” ภูชิชย์บอก
“ขอบคุณมากค่ะพี่ภู”
สุพัฒนาเข้าไปกอดภูชิชย์ด้วยความดีใจ ทันใดนั้นมีเสียงโทรศัพท์ของภูชิชย์ก็ดังขึ้น ภูชิชย์กดรับสาย
“สวัสดีครับ ภูชิชย์พูดครับ” ภูชิชย์ตกใจ “ว่าไงนะครับ......ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ภูชิชย์กดวางสายแล้วมองหน้าสุพัฒนาอย่างใจไม่ดี
“ใครโทรมาคะ” สุพัฒนาถาม
“โรงพยาบาล เขาบอกว่าคุณแม่รถคว่ำ” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนาร้องกรี๊ดด้วยความตกใจจนเป็นลม ภูชิชย์ดึงน้องสาวมากอดแน่นแล้วร้องไห้

แม่ของภูชิชย์นอนอยู่บนเตียงคนป่วยในสภาพเจ็บหนัก มีสายน้ำเกลือและสายต่างๆ ห้อยระโยงระยาง ภูชิชย์เดินเข้ามาดู แม่ของภูชิชย์ค่อยๆ ลืมตาและพยายามจะพูด
“คุณแม่ยังไม่ต้องพูดอะไรนะครับ” ภูชิชย์ขอ
แม่ของภูชิชย์ยิ้ม “ภู...ถึงเวลาที่แม่คงต้องไปอยู่กับคุณพ่อแล้ว ต่อไปนี้ภูต้องดูแลทุกอย่างนะ”
“คุณแม่ ผมขอร้อง อย่าเพิ่งพูดอะไรนะครับ” ภูชิชย์เริ่มร้องไห้
“ให้แม่พูดเถอะ คุณเล็กล่ะ” แม่ถามภูชิชย์
“คุณเล็กเป็นลม แต่หมอดูแลอยู่ครับ”
“ภูต้องดูแลคุณเล็กนะ แม่รู้ว่าคุณพ่อก็เป็นห่วงคุณเล็กมาก แต่แม่คงดูคุณเล็กได้แค่นี้ แม่ฝากคุณเล็กด้วยนะลูก”
“คุณแม่อย่าพูดแบบนี้สิครับผมใจไม่ดี คุณแม่ต้องหายนะครับ เราจะกลับไปดูแลคุณเล็กด้วยกันนะครับ”
แม่ของภูชิชย์ยิ้มแต่สีหน้าเหนื่อยอ่อน “ภูไปเถอะแม่อยากหลับแล้ว”
ภูชิชย์จับมือแม่มาแนบแก้ม สักพักเขาก็จะเดินออกไป แต่เมื่อภูชิชย์หันหลังเดินออก แม่ของเขาก็หลับตาลงแล้วเสียงเครื่องวัดหัวใจก็ร้องยาว ภูชิชย์หันกลับไปก็เห็นว่ากราฟที่หน้าจอเป็นเส้นตรงแล้ว

ภูชิชย์วางรูปลงพร้อมๆ กับที่ภาพในอดีตเหล่านั้นค่อยๆ จางไป เขาเดินกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วหยิบสมุดเช็คมาเขียน นิพนธ์เดินเข้ามาหาภูชิชย์
“พ่อเลี้ยงจะให้คุณนิดออกจริงๆเหรอครับ” นิพนธ์ถาม
ภูชิชย์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยเสียงเรียบๆ
“ก็ถ้าอยู่แล้วมีปัญหาก็ต้องให้ออก”
“ผมว่ามันไม่ยุติธรรมกับคุณนิดนะครับ เธอมีความตั้งใจที่จะทำงานทั้งๆที่งานที่พ่อเลี้ยงให้ก็ไม่ตรงกับที่ตกลงไว้ แต่ตอนนี้กลับต้องมาออกเพราะเรื่องแค่นี้”
ภูชิชย์เซ็นเช็คเสร็จแล้วฉีกออกมาวางบนโต๊ะ นิพนธ์มองเช็คด้วยสีหน้าหนักใจ
“มันช่วยไม่ได้ ถ้าเขาอยากจะฟ้องร้องเรียกเงินเท่าไหร่ก็คงต้องยอม” ภูชิชย์ว่า
“แต่เราก็ต้องการคนทำงานด้วยนะครับ” นิพนธ์แย้ง
“ก็แค่หาใหม่” ภูชิชย์ตอบทันที
นิพนธ์ถอนหายใจด้วยความเครียด

นริศรา พร และแม่อุ้ยกำลังนั่งพับเสื้อผ้าให้กับนริศราอยู่ในห้องพัก
“เกลียดอีพี่บัวเกี๋ยงจริงๆเลย” พรเปิดประเด็น “ทำตัวยังกับเป็นเจ้าของร่วมกับคุณเล็ก ข่มคนงานไปทั่ว”
“ต่อไปนี้คุณนิดต้องระวังหน่อยนะคะ ต่อไปคุณเล็กกับนังบัวเกี๋ยงคงไม่รามือแน่” แม่อุ้ยบอก
นริศรายิ้มเจื่อนๆ “ฉันจะระวังไปได้อีกสักกี่วันก็ไม่รู้”
พรกับแม่อุ้ยมองหน้ากันด้วยความงง
“ทำไมล่ะคะ คุณนิดยอมแพ้แล้วเหรอ” พรถาม
“แค่พ่อเลี้ยงคนเดียวฉันก็จะแย่อยู่แล้ว นี่ยังคุณเล็กอีก ไร่นี้มีนายสองคน แต่ไม่มีใครชอบฉัน ฉันจะอยู่ได้ยังไง”
“โถ...คุณนิด อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะคะ” แม่อุ้ยให้กำลังใจ
นริศรายิ้มให้แม่อุ้ย พรทนไม่ไหวร้องไห้แล้วโผเข้ากอดนริศรา
“ฉันก็ไม่อยากไปหรอก งานมันหายากมาก แต่ฉันยังมองไม่เห็นทางที่จะได้ทำงานที่นี่ต่อเลย”
นริศรา แม่อุ้ย และพรมองหน้ากันอย่างเศร้าๆ ทันใดนั้นคนงานหญิงชื่อฝ้ายเดินมาหยุดที่ประตูแล้วพูดกับนริศรา
“คุณนิดคะ พ่อเลี้ยงเชิญพบค่ะ”

ภูชิชย์ยื่นเช็คเงินสดให้นริศราที่เข้ามาหาเขาที่ห้องทำงาน นริศรามองเช็คใบนั้นแต่ไม่รับ
“รับไปเถอะ เงินก้อนนี้มากกว่าเงินเดือนของเธอครึ่งปี เธอคงพอใจ” ภูชิชย์บอก
“นี่คุณไล่ฉันออกเหรอ” นริศราถาม
“ฉันทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่พอใจจะไปฟ้องร้องอะไรเพิ่มก็แล้วแต่เธอ”
“คุณไม่ได้ทำดีที่สุดหรอก แต่สิ่งที่คุณทำน่ะมันแย่ที่สุดต่างหาก”
“เธอจะเอายังไงกับฉันอีก”
“ความถูกต้องไงคะ ตั้งแต่ฉันก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ฉันยังไม่เคยเห็นสิ่งนี้จากคุณเลย”
ภูชิชย์อึ้งที่ถูกนริศราตอกหน้าแต่ก็ข่มใจพูดดีด้วย เขาวางเช็คลงตรงหน้านริศรา
“ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง แต่เธอก็ต้องไป ฉันให้นิพนธ์จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินแล้ว เธอไปไฟลท์สุดท้ายคืนนี้เลยแล้วกัน”
นริศราถอนใจลุกขึ้นจะเดินออกไปโดยไม่หยิบเช็คไปด้วย
“แล้วเงินนี่ล่ะ” ภูชิชย์ถาม
“ฉันไม่รับ” นริศราบอก
“แต่ฉันอยากให้เธอรับ”
ภูชิชย์หยิบเช็คยื่นให้ นริศราหันหลังเดินออกไปทันที
“เดี๋ยวนิพนธ์จะไปช่วยเธอขนของที่บ้านพักนะ” ภูชิชย์ตะโกนไล่หลัง
นริศราเชิดหน้าเดินออกจากห้องไป ภูชิชย์มองตามด้วยสายตาสงสัย
“ทำไมเธอถึงไม่รับเงินนี่ล่ะ”

พรช่วยยกกระเป๋านริศราเดินลงมาที่หน้าบ้านพักคนงานหญิง แม่อุ้ยกับบรรดาคนงานชายหญิง ยืนรอส่งนริศราอยู่หน้ารถที่นิพนธ์ยืนรออยู่ข้างๆ
นริศราลงมานิพนธ์เข้าไปช่วยขนของ นริศราหันมองแม่อุ้ยกับพรก่อนจะร่ำลา
“ขอบคุณทุกคนนะคะ แม่อุ้ย พร ฉันไปก่อนนะ”
แม่อุ้ย พรกับคนงานมากมายเดินเข้ามาจับมือนริศราด้วยความเศร้า นริศรายิ้มให้ทุกคน
พรเข้ามากอดนริศรา “คุณนิดคะ ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
นริศรายิ้ม “ไม่ได้หรอก ขอบใจพรมากนะที่ดีกับฉันมาตลอด”
“ไปกันเถอะครับคุณนิด เดี๋ยวจะไม่ทัน” นิพนธ์บอก
นริศราขึ้นรถ จากนั้นนิพนธ์ก็ขับออกไป
บัวเกี๋ยงเดินแทรกคนงานที่ยืนส่งอยู่ออกมายืนมองแล้วยิ้มเยาะ
“ไปที่ชอบที่ชอบนะ ไปแล้วไปลับอย่ากลับมาอีกเลย”
“คุณนิดน่ะไปทำงานที่อื่น แต่พี่บัวเกี๋ยงอ่ะ เมื่อไหร่จะไปตายซะที” พรด่า
“อีพร” บัวเกี๋ยงโกรธ
“ทำไม....เอาสิ หมั่นไส้มานานแล้ว วันนี้ขอตบแก้แค้นให้คุณนิดสักหน่อยเถอะ” พรเอาจริง
“เออ...กูขอร่วมด้วยช่วยนังพรมันหน่อยเถอะวะ” แม่อุ้ยถกแขนเสื้อ
บัวเกี๋ยงเห็นพรกับแม่อุ้ยเอาจริงก็เชิดหน้าใส่
“เสียดายวันนี้ฉันงานยุ่ง เพราะต้องรีบไปรายงานคุณเล็กว่านังนิดมันซมซานไปแล้ว ฮ่าๆๆ”
บัวเกี๋ยงเดินหัวเราะอย่างสะใจออกไป พรกับแม่อุ้ยมองตามด้วยความแค้นใจ

ภูชิชย์กับสุพัฒนานั่งรับประทานอาหารด้วยกันอยู่ในห้องรับประทานอาหาร โดยมีบัวเกี๋ยงยืนยิ้มหน้าบานอยู่ไม่ไกล
สุพัฒนายิ้มอย่างพอใจ “ต่อไปนี้ถ้าพี่ภูจะรับใครเข้าทำงาน ต้องปรึกษาคุณเล็กก่อนนะคะ คุณเล็กไม่อยากให้มีปัญหาเหมือนกับนังนริศรานี่อีก”
“แล้วตอนนี้คุณเล็กไม่ปวดหัวแล้วเหรอ” ภูชิชย์ถาม
“ไม่แล้วค่ะ พอนังนั่นไม่อยู่ คุณเล็กก็ไม่เครียดแล้ว” สุพัฒนานึกได้ “เหลือก็แต่อีเจ้าน้อย”
“คุณเล็ก” เมื่อได้ยินน้องสาวเรียกเช่นนั้น ภูชิชย์ก็ปราม
“พี่ภูต้องเลิกยุ่งกับมัน ไม่อย่างนั้นคุณเล็กไม่ยอมจริงๆด้วย” สุพัฒนายื่นคำขาด
“ไม่ยอมก็อย่ายอม” เสียงวิทวัสดังขึ้น

ภูชิชย์ สุพัฒนาและบัวเกี๋ยงหันมองไปที่ประตูแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นวิทวัส












Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 17:06:48 น.
Counter : 218 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]