All Blog
ลูกผู้ชายไม้ตะพด ตอนที่ 10 (ต่อ)




ที่ท่ารถบขส.จันทร์ยืนรอชาญอย่างร้อนใจ จนกระทั่งชาญเดินเข้ามา

“ตกลงได้เรื่องมั้ย...เรื่องสมุนไพรที่ว่าน่ะ”
ชาญหยิบห่อยาออกมา
“ได้มาแล้ว แต่ข้าไม่แน่ใจหรอกนะ”
“หมายความว่าไง ไม่แน่ใจ”
“ก็ข้าอาศัยดมจากกลิ่นเอาน่ะ หากมันเป็นสมุนไพรที่กลิ่นคล้ายกัน แต่สรรพคุณต่างกัน อันนั้นก็จะแย่”
“อ้าว แล้วมันมีเยอะมั้ยไอ้ที่กลิ่นเหมือนกันแต่สรรพคุณต่างกัน”
“ก็... ไม่แน่ใจอีกเหมือนกันว่ะ”
“แล้วทีนี้จะพึ่งได้มั้ยเนี่ย ถ้าไปลองกับลุงเมฆแล้วเป็นหนักกว่าเดิมจะซวยนะ”
“เราคงต้องหาตัวทดลอง”
“บ้าเหรอ...ใครจะยอม”
“ก็อย่าให้เค้ารู้สิ”
“แล้วถ้าคนนั้นเค้าเป็นอะไรขึ้นมาเล่า”
“ไม่มีใครรู้หรอกมั้ง เราก็หาคนแข็งแรงๆ หน่อยสิ จะได้อดทน ไม่ตายง่ายๆ”
“ทฤษฎีอะไรของพี่ คนแข็งแรงที่พี่ว่า ไหนลองยกตัวอย่างมาซักคนซิ”
ศรนารายณ์เดินเข้ามาในท่ารถพอดี ถือข้าวของมาเต็มไม้เต็มมือ
“เฮ้ยพวกเรา ป๋าซื้อของอร่อยมาฝากเร็ว มากินด้วยกัน”
ชาญมองศรนารายณ์ว่าคนนี้แหละ จันทร์มองตาม
“เฮ้ย...เล่นตัวพ่อเลยเหรอ”
ชาญเดินดุ่ยๆ เข้าไปร่วมวง จันทร์เดินตามเข้าไปด้วย
“แหมพี่นี่ใจดีจริงๆ รู้ได้ไงว่าชั้นกำลังหิวพอดี” จันทร์มาสมทบด้วย แต่ไม่พูดอะไร “ตะกละจริงๆ นะเอ็ง”
“เดี๋ยวชั้นเอาไปใส่จานมาให้พี่กินนะ”
“เออดี ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย”
จันทร์มองดูวิธีการของชาญ
ชาญเข้ามาด้านหลังท่ารถ จัดแจงเอาน้ำร้อนผสมกับสมุนไพรให้ได้ที่
“เอาจริงเหรอพี่” จันทร์ตามมาถาม
“ก็ลองดู ชั้นว่าไม่ถึงกับตายหรอก”
“แล้วนี่เราจะรู้ได้ไงว่าได้ผลเกี่ยวกับคนที่ป่วยเป็นความจำเสื่อมจริงๆ”
“ก็ต้องอาศัย...ฟ้าดิน”
“เฮ้ย!”
ชาญยกถ้วยสมุนไพรไปเสิร์ฟ
“เอาอันอื่นใส่จานแล้วยกตามมาด้วย”
ชาญบอกแล้วเดินออกไปโดยไม่รอ
ชาญยกแก้วสมุนไพรมาเสิร์ฟให้ศรนารายณ์
“น้ำดื่มอุ่นๆ บำรุงกำลังจ้ะ”
“ชั้นไม่ได้สั่งนี่”
“ชั้นทำพิเศษมาให้จ้ะ กินสิ...ทำงานมาเหนื่อยๆ กินแล้วชื่นใจ”
ศรนารายณ์ยกแก้วขึ้นจิบ
“หืม รสชาติอย่างกับยาจีน”
“หวานเป็นลม ขมเป็นยาพี่ศร กินให้หมดเลยพี่
จันทร์ยกอาหารต่างๆ ใส่ถาดมาสมทบ เห็นศรนารายณ์กำลังยกแก้วดื่ม มองลุ้นๆ ศรนารายณ์วางแก้วลงแล้วนึกบางอย่างได้ ยืนตบๆ ตามกระเป๋ากางเกงต่างๆ
“หาอะไรน่ะอาศร”
“กุญแจรถน่ะสิ ถือมาแล้วเอาไปไว้ไหนวะ รถของโรงน้ำแข็งซะด้วย”
“เอาแล้วไงพี่ชาญ เริ่มลืมไปอีกคนละ” จันทร์กระซิบบอกกับชาญ
“พี่นึกดีๆ ดิ อย่ามาลืมเอาตอนนี้”
ศรนารายณ์อยู่ๆ ก็นิ่งไป จันทร์ ชาญ มองจ้องศรนารายณ์ ลุ้นว่าจะความจำเสื่อมไปอีกคนมั้ย แต่แล้วศรนารายณ์ก็นึกขึ้นได้ พูดขึ้นมา
“อ๋อ” ศรนารายณ์หยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “นึกตั้งนาน อยู่นี่นี่เอง” จันทร์กับชาญถอนหายใจโล่งอก “พักนี้ขี้ลืม ไม่รู้เป็นอะไร แต่เมื่อกี้ให้กินน้ำอะไรเข้าไปนะ รู้สึกหัวโล่งดีจริง”
จันทร์กับชาญโล่งใจกว่าเดิม

อบเชยเดินแทบจะหมดเรี่ยวแรงกลับมาบ้าน เธอนั่งพักที่หน้าบ้าน
“เธอเลือกที่จะทำแบบนี้เองนะอบเชย เธอต้องทน ต้องผ่านมันไปให้ได้สิ”
อบเชยสิ้นหวังเรื่องไม้ ทิวาขับรถมาจอดหน้าบ้านศรนารายณ์ อบเชยเห็นรถทิวาก็เซ็งๆ
ทิวาลงจากรถมาหาอบเชย
“ไปกับชั้นเดี๋ยวนี้”
“ชั้นไม่ค่อยสบาย”
“จะเอามั้ย ยาน่ะ งั้นชั้นจะโยนทิ้งให้หมดตรงนี้แหละ”
ทิวาหยิบห่อยาออกมาแกะ จะเททิ้ง
“ไปแล้ว”
“ก็แค่นี้ ชอบทำให้มากเรื่อง”
“จะไปไหน”
“เธอจะรู้หรือไม่รู้ เธอก็ต้องไปอยู่ดี”
ทิวาขับรถมาจอดรถหน้าบ้านเมฆ
“นี่พาชั้นมาที่นี่ทำไม”
“นี่ไม่ใช่ธุระของเธอ มันเป็นธุระของชั้น”
“แต่...”
“เธอคงรู้ใช่มั้ย ว่าถ้าชั้นกลับมาไม่เจอเธอ คนที่จะซวยไม่ใช่เธอ แต่เป็นคนในบ้านนั่น ดังนั้นอยู่เฉยๆ ทำตามคำสั่งชั้นก็พอ”
ทิวาลงจากรถไป อบเชยชะเง้อตาม ห่วงคนในบ้าน ทั้งไม้ ทั้งเมฆ
ภายในบ้านเมฆเปิดหนังสือนิทานเวตาล พยายามจะอ่านให้ได้ทุกตัว
“เว...ตาล อา...ศัย...อยู่ในป่า...” ทิวาเดินเข้ามา “อ้าวทิวา...ลูกพ่อ หายไปไหนมาตั้งหลายวันแน่ะ พ่อรอลูกทุกวันเลย”
“นี่แกท่าทางอยากจะเป็นพ่อชั้นมากเลยนะเนี่ย”
“มาๆ มากินข้าวกินปลาก่อนมา”
“ชั้นไม่ได้มากินข้าวกับแก”
“เอาอีกแล้ว พูดจาไม่เพราะอีกแล้ว”
“ถ้าอยากกินข้าวกับชั้นนัก ก็ตามชั้นมาสิ”
ทิวาเดินออกไป เมฆเดินตามทิวาไปหยิบหนังสือนิทานเวตาลติดไปด้วย
ทิวากลับมาที่รถ อบเชยเห็นเมฆตามมาด้วยแล้วเปิดประตูรถเข้านั่ง อบเชยงง
“ลุงเมฆจะไปไหน” อบเชยถามอย่างแปลกใจ
“ไปกินข้าวกับลูก”
“หมายความว่ายังไง” ทิวาสตาร์ทรถขับออกไป “นี่เธอจะพาชั้นกับลุงเมฆไปไหน”
“เดี๋ยวก็รู้เอง”
ทิวาขับรถไป หน้าตาเจ้าเล่ห์
ทิวาขับรถเข้ามาจอดที่บ้านตัวเอง
“นี่เธอพาชั้นกับลุงเมฆมาที่นี่ทำไม” อบเชยหันมาถาม
“กินข้าวกับลูกชาย ไปกินด้วยกันสิ” เมฆบอก
“ลุงเมฆ ลูกชายของลุงคือไม้ ไม่ใช่ทิวา อาการลุงก็ดีขึ้นแล้ว ทำไมเรื่องนี้ถึงได้กลับตาลปัตรไปได้”
“มันคงอยากเป็นพ่อชั้นใจขาดละมั้ง หึหึ ...ลงไปได้แล้ว”
ทุกคนลงจากรถ เมฆลืมหนังสือนิทานเวตาลไว้ในรถ
ทิวาพาเมฆกับอบเชยมาที่ห้องๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเปล่าไม่มีใครอยู่อบเชยเริ่มรู้สึกไม่วางใจเท่าไหร่นัก
“แกจะทำอะไรกันแน่”
ทิวาผลักทั้งสองคนเข้าไปในห้องแล้วล็อคประตู ทิวายิ้มเจ้าเล่ห์กับอากาศ
“เรามาคุยกันหน่อยมั้ยอบเชย”
“คุยที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องมาคุยในนี้ด้วย แล้วลุงเมฆเกี่ยวอะไร”
“เมื่อวานเธอไปเจอไอ้ไม้มาใช่มั้ย”
“มันเป็นเรื่องบังเอิญ ชั้นไม่ได้ตั้งใจไปเจอนะ”
“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ...แล้วไปจูบกับมันทำไม”
อบเชยนึกถึงตอนที่โดนไม้จูบ
“ชั้น...”
“เราตกลงกันว่าไง ว่าจะไม่เจอไอ้ไม้อีก ใช่มั้ย แล้วตอนนี้เธอก็เป็นแฟนชั้น ถูกรึเปล่า? แล้วการที่แฟนเราไปจูบกับผู้ชายคนอื่นเนี่ย...เธอว่าควรจะทำยังไงดี?”
“เธอจะทำอะไรชั้นก็ได้ แต่ลุงเมฆไม่เกี่ยวนะ”
“มันน่ะตัวเกี่ยวเลย อยากให้มันหายนักใช่มั้ยไอ้เป๋สมองเสื่อมเนี่ย”
ทิวาพุ่งตรงไปผลักเมฆล้ม อบเชยจะเข้าไปช่วยเมฆ แต่เธอก็เหมือนโดนบางอย่างดึงไว้ไปไหนไม่ได้ อบเชยหันดูก็ไม่มีอะไร
“อย่าทำอะไรลุงเมฆเลยนะ”
อบเชยพยายามจะเข้าไปช่วยเมฆแต่ก็ดิ้นไม่หลุดจากบางสิ่งที่ดึงเธอไว้ แล้วด้วยความที่เธอป่วย เธอจึงมึนหัวล้มลงไป
“ชั้นบอกเธอไปแล้วว่าเงื่อนไขคืออะไร แต่เธอเหมือนจะเห็นว่าชั้นเป็นไอ้กระจอก ไม่กล้าทำอะไรใช่มั้ย เธอคอยดูไอ้เป๋นี่”
“ทิวาจะทำอะไรพ่อน่ะ”
ทิวาอัดเมฆที่ลุกมาจนล้มลง แถมยังกระทืบซ้ำไม่หยุด
“พ่อเหรอ พ่อเหรอ ใครเป็นพ่อแก พ่อชั้นคือพันเทพ ว่าที่สจ.เว้ย ไม่ใช่ไอ้กระจอกอย่างแกหรอก”
“อย่าทำพ่อ อย่าทำพ่อ”
ทิวาไม่ฟังคำเมฆกระทืบเมฆจนหมดสติ อบเชยได้แต่ร้องไห้ช่วยอะไรเมฆไม่ได้
“ขอร้องล่ะทิวา หยุดเถอะ ลุงเมฆไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย เธอมาฆ่าชั้นให้ตายดีกว่า ชั้นขอร้องล่ะ”
อบเชยที่ไร้เรี่ยวแรงพยายามร้องขอความเห็นใจจากทิวา เรี่ยวแรงเธอไม่เพียงพอที่จะต่อต้านบางสิ่งที่ดึงเธอไว้ที่เธอมองไม่เห็น เธอได้ยินเสียงหัวเราะของมันดังอยู่ข้างๆ หู อบเชยมองไปทั่วก็ไม่เห็นใคร
“ไม่ต้องขอร้องหรอก เดี๋ยวถึงตาเธอแน่...”
ที่ท่ารถบขส. จันทร์ ชาญ ศรนารายณ์เล่นหมากรุกด้วยกันอยู่ ศรนารายณ์รุกฆาต
“รุกฆาต”
“เฮ้ย ได้ไงวะพี่ ปกติไม่มีใครกินไอ้จันทร์มันลงเลยนะเนี่ย”
“ชั้นเก่งไง”
“เก่งอะไร ปกติแค่หมากฮอสพี่ยังแพ้ผมเลย”
“ทำไม...คนเรามันจะฉลาดขึ้นบ้างไม่ได้รึไง” จันทร์อมยิ้ม
“แปลว่ายาได้ผลเกินคาดนะ”
“ยาอะไรของแกไอ้จันทร์ ชั้นไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนั้นหรอก”
ชาญกับจันทร์มองหน้ากันยิ้ม ไม้หน้าตาตื่นเข้ามา
“มีใครเห็นพ่อชั้นมั่งมั้ย”
“อ้าว ไอ้อบเชยมันยังไม่ส่งที่บ้านอีกเหรอ”
“ส่งแล้ว แต่หายไปไหนอีกก็ไม่รู้”
“แล้วไปดูที่บ้านอบเชยรึยัง” ไม้พยักหน้า
“ไม่มีใครอยู่”
“ไอ้ลูกคนนี้ ป่วยอยู่แท้ๆ”
“แถวนี้ก็ไม่มีเลย พวกเรานั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ก็ไม่เห็นนะ”
“หรือว่า...ไอ้ทิวา”
“หมายความว่ายังไง ไอ้ทิวาทำไม”
“ก็ไอ้ทิวามันจะจับอบเชยกับพ่อแกไปไงล่ะ”
“จับอบเชยก็ช่างดิ แล้วพ่อชั้นเกี่ยวอะไร”
“แกนี่มันโง่จริงๆ ไอ้ไม้เอ้ย ไม่รู้จักสงสัยอะไรบ้างเลย”
“อะไรล่ะ ก็พูดมาดิ”
“พูดมาเร็ว อยากรู้เหมือนกัน”
“ยาที่ชั้นให้แก อบเชยมันฝากไปให้ ชั้นไม่ได้เป็นคนไปค้นคว้าหามาหรอก อบเชยมันต้องยอมไปเป็นแฟนทิวาเพื่อแลกกับยารักษาพ่อแก ทีนี้ฉลาดขึ้นรึยังล่ะ” จันทร์ตัดสินใจบอกความจริง ไม้ถึงกับช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน “อบเชยมันทำเพื่อแกมาตั้งแต่เด็ก ชั้นมาเป็นเพื่อนแกไม่เท่าไหร่ ชั้นยังเห็นเลยว่ามันรู้สึกอะไรกับแก มีแต่แกแหละ ที่ไม่เชื่อใจมัน ใครมาปั่นหัวนิดหัวหน่อยก็เชื่อ ว่ามันเป็นอย่างงั้นจริง”
“โห โคตรซึ้งอ่ะ”
“โถ ลูกพ่อ”
ไม้ฟังสิ่งที่จันทร์พูด น้ำตาไหล โกรธตัวเองที่โง่นัก แล้วเขาก็ผลุนผลันออกไป
“เฮ้ยไม้ จะไปไหนวะ”
“ก็ตามไปสิ”
ชาญ จันทร์ ศรนารายณ์วิ่งตามไม้ออกไป
ไม้ขับรถเมฆอย่างรวดเร็ว เพื่อจะไปช่วยอบเชย
“อย่าเป็นอะไรกันนะ”
ขณะนั้นทิวาซ้อมเมฆจนนอนสลบอยู่กับพื้น ทิวาเดินไปหาอบเชย
“ปากนี้ใช่มั้ยที่ไปจูบกับไอ้ไม้มา แต่ไอ้ไม้ มันก็ได้แค่จูบแค่นั้นแหละ”
“แกจะทำอะไร”
“ก็จะบอกเธอว่าชั้นทำได้มากกว่าไอ้ไม้ไง”
“อย่านะ”
อบเชยจะลุกหนีแต่เธอก็หน้ามืดเซลง ทิวาคว้าตัวเธอไว้ได้
“จะหนีทำไม…ยังไงก็ต้องโดนอยู่ดี”
ทิวาผลักอบเชยล้มลงบนพื้น แล้วพยายามจะปล้ำอบเชย
ไม้จอดรถหน้าบ้านพันเทพ เขามองอย่างมุ่งมั่น แล้วเขาก็ดึงคันเกียร์ขึ้นมา
ลูกผู้ชายกระโดดลงข้างรถทิวาเห็นหนังสือเวตาลในรถของทิวา จึงมั่นใจว่าเมฆอยู่ที่นี่แน่สมุน
เข้ารุม ลูกผู้ชายสู้อย่างง่ายดาย สมุนล้มหมด ลูกผู้ชายลุยคว้าคอสมุนขึ้นมาคนนึง
“ทิวาอยู่ไหน”
ลูกผู้ชายเอาไม้ตะพดจ่อคอหอยสมุน
ขณะนั้นอบเชยพยายามดิ้นให้หลุดจากทิวาให้ได้ แต่เธอก็สู้แรงไม่ไหวได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”
“เธอร้องให้ใครช่วยห๊า ที่นี่บ้านชั้น คนทุกคนเป็นคนของชั้น ใครจะมาช่วยเธอกัน”
“ช่วยด้วย”
ทิวาปล้ำอบเชยยังไม่ทันไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ทิวาพยายามไม่สนใจเสียงก็ดังขึ้นอีก
“อะไร ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเข้ามายุ่ง”
เสียงสมุนดังผ่านประตูมา
“คุณพันเทพให้มาตาม ด่วนเลยครับ”
ทิวาถูกขัดใจ หงุดหงิด
“โธ่เว้ย เรื่องอะไรวะ”
ทิวาผละจากอบเชยลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตู ภาพที่เห็นหน้าประตูคือลูกผู้ชายใช้ไม้ตะพดจี้คอสมุนอยู่ ทิวาตกใจจะปิดประตู แต่ลูกผู้ชายก็ซัดทิวาซะก่อนที่จะปิดแล้วก็เข้ามาในห้องทันที
“แก ไอ้ลูกผู้ชาย ชอบสาระแนเรื่องชาวบ้านนักใช่มั้ย ได้แล้วจะรู้ว่าใครแน่กว่ากัน”
ทิวาต่อสู้กับลูกผู้ชายไม่เท่าไหร่ก็เสียท่าล้มหงาย เสียงปรบมือดังขึ้นจากอากาศ ไม่มีใครเห็นว่ามาจากไหน
“เพลงมวยเจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ เจ้าของไม้ตะพดวิญญาณ”
ลูกผู้ชายหันไปมองจนทั่วก็ไม่เห็นใคร
“แกเป็นใคร” เวตาลหัวเราะ “ใคร ปรากฏตัวออกมาสิ”
“เวลานี้ ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”
ทิวาลุกขึ้นพอดี ก็ถูกเวตาลผลักเข้าไปสู้กับลูกผู้ชายต่อ
“นี่เจ้าไม่คิดจะช่วยอะไรข้าเลยรึไง” ทิวาต่อว่าเวตาล
“ข้าช่วยเจ้ามามากเพียงพอแล้ว”
“ไอ้นี่...”
“นั่นมันตัวอะไร” ลูกผู้ชายถามอย่างแปลกใจ
“ทำไมชั้นต้องบอกแกด้วย ไอ้ลูกผู้ชาย”
ทิวาเข้าสู้กับลูกผู้ชายอีกจนเสียท่า ล้มไป ลูกผู้ชายเหยียบยอดอกของทิวาไว้ ชี้ไม้ตะพดไปที่ทิวา ลูกผู้ชายมองเห็นเมฆที่โดนซ้อมจนสลบ แล้วเห็นอบเชยที่เกือบโดนข่มขืน ลูกผู้ชายโกรธชูไม้จะใช้พลังของไม้ตะพดทำร้ายทิวา แต่แล้วก็ถูกบางอย่างมาขวางไว้ ไม่ทันฟาดโดนทิวานั่นคือร่มของพันเทพนั่นเอง
“มีปัญหาอะไรกันเหรอลูกผู้ชาย ...เธอไม่ควรใช้อารมณ์ส่วนตัวขนาดนั้น”
พันเทพส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับลูกผู้ชาย ทิวาเห็นพ่อมาช่วย ดีใจ
“พ่อ”
พันเทพเข้าต่อสู้กับลูกผู้ชายอีกครั้งอย่างดุเดือด ทั้งคู่ฝีมือพอกัน เมฆรู้สึกตัวตื่นขึ้นเห็นการต่อสู้ เขาลุกขึ้นนั่งมองดูการต่อสู้ เหมือนบางอย่างคลับคลายคลับคลาว่าจะกลับมา แต่จู่ๆ การต่อสู้ของทั้งสองคนก็ต้องชะงัก เพราะมีพลังบางอย่างผลักไม้ตะพดทั้งคู่ให้กระเด็นหลุดมือทั้งลูกผู้ชายและพันเทพ
พันเทพหันไปตวาดอากาศ
“ไอ้เวตาล แกทำอะไร”
ลูกผู้ชายได้ยินชื่อเวตาลก็หันขวับ แต่ก็มองไม่เห็นอะไร เสียงหัวเราะดังในอากาศ ไม้ที่กระเด็นไปร่วงตรงหน้าเมฆทั้งสองอัน เมฆหยิบมันถือในมือทั้ง 2 เมื่อเมฆเอาไม้กระทบกันมันก็มีพลังบางอย่างพุ่งออกมาเข้าหาพันเทพ พันเทพถึงกับทรุดลง และแสงสว่างวาบนั้นก็ผ่านร่างกายของเมฆผู้ซึ่งถือทำให้เมฆถึงกับสลบไปอีกครั้ง พอเมฆสลบไม้แยกออก ทั้งลูกผู้ชายและพันเทพต่างไปเก็บไม้ของตนอีกครั้ง พันเทพบาดเจ็บถึงขึ้นกระอักเลือด ทิวาเป็นห่วงเข้าไปดู
“พ่อเป็นอะไรมั้ย” พันเทพกัดฟันส่ายหน้า ทั้งที่เจ็บจนจุก “แต่พ่อ”
“ปล่อยพวกมันไปก่อน”
พันเทพเสียงเข้ม ทิวาไม่กล้าเถียง
ไม้อุ้มเมฆมานอนบนเบาะหลังรถอย่างทนุถนอม อบเชยมองเมฆอย่างห่วงใย
“หวังว่าแสงวาบเมื่อกี้จะไม่ทำอันตรายอะไรลุงเมฆนะ”
ไม้หันไปมองอบเชย
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
“ชั้นทำอะไร”
“รับปากก่อน ว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนี้ โดยไม่บอกชั้น” อบเชยพยักหน้ารับ ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน “ชั้นขอโทษ”
“ชั้นก็ขอโทษเหมือนกัน”
ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ ศรนารายณ์ จันทร์ ชาญ ขึ้นมาบนรถพอดี
“ไป ลุยเลยมั้ยพวกเรา”
“ดูซะก่อน เค้าปลอดภัยกันหมดแล้ว”
ศรนารายณ์โผเข้าหาอบเชย
“เป็นอะไรรึเปล่าอบเชย ห๊าลูก”
“ไม่เป็นอะไรจ้ะพ่อ”
“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น” จันทร์ถาม
“อยากรู้แล้วทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้”
“ก็อยากมาอยู่หรอก ถ้าน้ำมันมันไม่หมดกลางทาง”
“ใช่ คนอะไร ขับรถไม่ดูน้ำมัน”
“เออ เอาน่า ปลอดภัยก็โอเคมั้ยล่ะ”
“แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้น”
ไม้มองหน้าอบเชยยิ้ม รู้กันสองคน
คืนนั้นพันเทพโวยวายเวตาลในห้องทำงาน ทั้งที่ตัวเองยังเจ็บตัวอยู่
“แกทำอะไรลงไปน่ะ ถ้าไอ้เมฆมันสติดีขึ้นมาคว้าไม้ไปทั้งสองอันจะทำยังไง ใครก็หยุดมันไม่ได้ละทีนี้”
เวตาลหัวเราะสะใจ
“การกลับมาเจอกันอีกครั้งของไม้ตะพด ถอนคำสาปออกไปจากข้าได้แล้ว ข้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดอีกต่อไป”
“ที่แท้แกก็ทำเพื่อตัวแกเอง”
“แล้วเจ้าล่ะ ไม่ได้กำลังทำทุกอย่างเพื่อตัวเองอยู่รึ”
“แกพูดแบบนี้ แกจะลองดีกับชั้นใช่มั้ย”
“เจ้าจะทำอะไรสิ่งที่เจ้ามองไม่เห็นได้รึ”
เวตาลหัวเราะ แล้วเสียงกระพือปีกพึบพึบจากไป พันเทพเจ็บใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทิวาเปิดเข้ามา
“ผมว่าพ่อน่าจะไปหาหมอซักหน่อย”
“นี่ชั้นต้องให้คนที่เป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมดมาคอยสอนชั้นรึไง”
“ผมขอโทษครับพ่อ”
“จะไปไหนก็ไป”
พันเทพเหนื่อยใจที่จัดการอะไรไม่ได้เลย
ส่วนที่บ้านเมฆ ขณะนั้นไม้กับอบเชยคุยกันนอกบ้าน
“ชั้นกลัวตอนลุงเมฆฟื้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะมีอาการอะไรอีก เพราะแสงตอนนั้นมันจ้ามาก แล้วลุงเมฆก็ล้มไปเลย”
“แต่ชั้นรู้สึกได้ ว่าไม่ใช่เรื่องร้ายหรอก”
“แต่ดูพันเทพที่โดนลูกหลงสิ” ไม้กังวลเหมือนกัน “ตอนอยู่ในนั้น มันมีตัวอะไรบางอย่าง บินไปบินมาตลอด ชั้นมองไม่เห็นมันเลย”
“เวตาล”
“เหมือนในตำนานน่ะเหรอ”
“ชั้นได้ยินพันเทพมันเรียก เวตาล”
“นี่เราต้องเจออะไรที่เราไม่รู้อีกมากแค่ไหนเนี่ย”
“แต่ยังไง...ก็อย่าทิ้งกันไปไหนอีกนะ ชั้นไม่คุ้นที่ไม่มีเธออยู่ข้างๆ”
อบเชยยิ้มเขินๆ จันทร์กับชาญเดินออกมา จันทร์หยิบห่อยาส่งให้อบเชย
“นี่มันยานี่ เธอไปเอามาจากไหน”
“พี่ชาญเค้าไปหามา จะได้ไม่ต้องไปพึ่งไอ้ทิวาอีก”
“นี่ทุกคนทำเพื่อพ่อขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าพ่อรู้คงดีใจแย่”
“เสียดาย ชั้นไม่ได้ทำเพื่อพี่เมฆเลย” ศรนารายณ์บอก
“โห ตัวทำเลยล่ะพี่ศร เล่นเสี่ยงชีวิตเป็นหนูทดลองยาขนาดนั้น” ชาญบอก
“หนูทดลองยา อะไรวะ”
“ก็ยาที่พี่ชาญให้กินเมื่อกลางวันน่ะ พี่ชาญแกลองยาว่าใช้ได้มั้ย”
“เฮ้ย แล้วถ้าชั้นตายล่ะ”
“ก็นั่นไง ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละ”
ทุกคนหัวเราะมีความสุข
วันรุ่งขึ้นเมื่อเมฆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมฆลุกขึ้นจากเตียงไม้เห็นพ่อฟื้นก็ดีใจ
“พ่อฟื้นแล้วเหรอ” เมฆยังนั่งนิ่ง “พ่อ จำชั้นได้มั้ย” เมฆยังนั่งนิ่ง “พ่อรู้สึกอะไรบ้าง”
เมฆมองไม้นิ่งแล้วถามออกมา
“นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“พ่อหมายถึงเรื่องอะไร”
“พ่อจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเราออกจากป่าอาถรรพ์ แต่พ่อจำไม่ได้ว่าเรามาอยู่ที่บ้านได้ยังไง”
“พ่อจำบ้านได้...จำป่าอาถรรพ์ได้”
“พ่อคุ้นๆ ว่าพ่อกินสมุนไพรถอนคำสาปของพันเทพเพื่อไปช่วยลูก แต่มันรางเลือนเหมือนความฝัน”
“ลูก...เมื่อกี้พ่อเรียกผมว่าเป็นลูกเหรอครับ”
“ทำไมลูกพูดแบบนั้น”
“ผมดีใจ...ที่พ่อเห็นว่าผมเป็นลูก ไม่ใช่ทิวา”
“พ่อบอกอะไรลูกเกี่ยวกับทิวาเหรอ”
“พ่อจำเรื่องหลังจากออกจากป่าอาถรรพ์ไม่ได้เลยเหรอครับ” เมฆส่ายหน้า “พ่อความจำเสื่อมเพราะสมุนไพรที่พันเทพเอามาให้ แล้วพ่อก็คิดว่าทิวาเป็นลูก”
เมฆหน้าเสียทันที
“พ่อทำแบบนั้นเหรอ?” เมฆไม่กล้าสบตาไม้ เมฆมองเห็นประวัติทิวาจากรพ.วางอยู่บนโต๊ะ เมฆหยิบมันมาดูไม่อยากให้ไม้รู้ “ประวัติทิวาตั้งแต่เพิ่งเกิด มาอยู่บ้านเราได้ยังไงก็ไม่รู้” เมฆไม่ตอบทำท่ามีพิรุธ ไม้มองท่าทางแปลกๆ ของพ่อ พยายามพูดให้พ่อสบายใจ “ช่างเถอะ เรื่องนั้นไม่สำคัญ เท่ากับว่า...พ่อหายแล้ว ใช่มั้ยครับ”
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรนี่”
“พ่อจำทุกอย่างได้เหมือนเดิมแล้วใช่มั้ยครับ”
“จำได้สิ เออ แล้วไม้ตะพดยังอยู่ใช่มั้ยไม้”
“ผมไม่ยอมให้ใครมาเอาไปง่ายๆ หรอก พ่อจำได้แล้วจริงๆ ถ้างั้นก็แปลว่า พลังของไม้ตะพดที่อยู่ด้วยกันมันมีพิเศษจริงๆ” ไม้นึกถึงตอนที่เมฆถือไม้ตะพดทั้งสองในมือแล้วแสงวาบออกมา โดนพันเทพด้วย
“มันรักษาพ่อให้หาย แล้วพันเทพล่ะ มันก็โดนแสงนั่นเหมือนกัน”

ไม้เป็นกังวลไม่หาย
เมื่อพันเทพตื่นขึ้นมา พยายามพยุงตัวลุกจากที่นอนแต่ก็ลุกไม่ไหวทรุดไปนอนต่อ เสียงก๊อกแก๊กดังจากมุมหนึ่งของห้องนอนที่ยังไม่มีใครเห็น พันเทพแค่จะเอี้ยวไปมองก็ลำบาก

“นั่นใครน่ะ” เสียงก๊อกแก๊กยังดังต่อเนื่อง “ชั้นถามว่าใคร”
เสียงก๊อกแก๊กหยุดลง กลายเป็นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาแทน เสียงฝีเท้าเดินมาหยุดที่เตียงพันเทพ พันเทพชำเลืองมอง สายตาค่อยๆ เห็นเท้าที่น่าเกลียดขนาดใหญ่ ไล่ๆ ไปที่ขา จนถึงตัว ถึงหัวซึ่งคือเวตาลนั่นเอง
“เพื่อนข้า...ฃข้าคาดว่าอาการของเจ้าคงหนักเอาการ”
“แก...ทำไมแก...”
พันเทพมองเวตาลที่ตัวใหญ่ขึ้นเต็มตา มองหน้าต่างที่เปิดลมและแสงเข้ามา เวตาลไม่ได้กลัวมันอีกแล้ว
“เจ้าสงสัยว่าข้าทำไมเปลี่ยนไปงั้นสิ ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว...ว่าข้าขอเวลารวบรวมพละกำลัง ซึ่งตอนนี้ข้าก็รวบรวมได้มากจนชีวิตข้าเกือบจะสมบูรณ์แล้ว ข้าไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไป แม้กระทั่งแสงแดด แต่ดูเจ้าสิ...อ่อนแรงเหลือเกิน อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เหมือนชีวิตเจ้ากับข้ากำลังสวนทางกันนะ”
เวตาลหัวเราะ
“เพราะแกนั่นแหละทำให้ชั้นต้องเป็นแบบนี้ เพราะพลังของไม้ตะพดทั้งสองอันที่แกทำให้แกหายจากคำสาป แต่ชั้นต้องมาตกอยู่กับความทุกข์ทรมานแทนแก”
“เจ้าว่าข้าไม่ได้หรอกนะ เพราะข้าก็ไม่คิดว่าเมื่อไม้ตะพดทั้งคู่มาเจอกันมันจะมีอานุภาพมากมายขนาดนั้น เปล่งทั้งพลังทำลายร้างและพลังเยียวยา ซึ่งมันจะกระทบใครก็ได้ เพียงแต่เจ้าไปยืนประจันหน้ากับไม้ราวกับเป็นศัตรูเองนี่”
“แกจงใจทำร้ายชั้น ใช่มั้ย” เวตาลหัวเราะ
“เรื่องนั้นคงมีแต่ใจข้าเท่านั้นที่รู้ แต่ที่ข้าบอกเจ้าได้ตอนนี้ก็คือ ร่างกายเจ้าแกร่งไม่ใช่น้อยที่ต้านทานฤทธิ์เดชของไม้ตะพดได้เพียงนี้ เพราะหากเป็นคนธรรมดา...เจ้าตายไปแล้ว”
“แล้วยังไง ชั้นต้องดีใจที่ชั้นไม่ได้ตาย แต่ทรมานรึไง ชั้นอยากลุกไปฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้”
“บัดนี้ เจ้าทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะตอนนี้ข้าสามารถหักคอเจ้าเมื่อไหร่ก็ได้” พันเทพนิ่งบนเตียง “แต่ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำแบบนั้นหรอก เพราะอีกไม่นานเจ้าก็คงตาย เพราะร่างกายเจ้าต้านทานฤทธิ์
ของไม้ตะพดไม่ได้”
“แก แกวางแผนจะฆ่าชั้น”
“ข้าไม่จำเป็นต้องพูด”
“ถ้าแกจะปล่อยให้ชั้นตาย แกเข้ามาห้องนี้ทำไม” เวตาลนิ่ง ไม่ตอบ “หรือว่า...ไม้ตะพด”
“ใช่ เจ้าเก็บมันไว้ที่ไหน ส่งมันมาให้ข้าซะ”
“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก” เวตาลคำรามขู่พันเทพ “ตั้งแต่ไม้ตะพดเคยถูกขโมยไป...ชั้นเก็บมันไว้อย่างดี ในที่ที่มีแต่ชั้นเท่านั้นที่รู้ ให้แกฆ่าชั้น...ชั้นก็ไม่บอก”
เวตาลเจ็บใจ เวตาลสัมผัสตัวพันเทพเพื่อจะอ่านใจ แต่ก็ไม่รู้อะไรอยู่ดี
“เจ้านี่มันใจแข็งยิ่งนัก”
“ก็บอกแล้วไง มันไม่ง่าย”
ทิวาออกมาจากห้องน้ำ เห็นเวตาลตัวใหญ่ขึ้นยืนอยู่ในห้องก็สะดุ้งด้วยความตกใจ
“แก...เวตาลเหรอ”
“จำข้าไม่ได้เหรอเพื่อนข้า เจ้าเองเรียกร้องจะเห็นตัวข้านักไม่ใช่เหรอ”
“แต่แกไม่เหมือนเดิม”
“เจ้าควรจะดีใจที่เพื่อนเจ้าแข็งแกร่งขึ้น” ทิวายังหวาดๆ เวตาลอยู่ “เจ้ารู้รึไม่...ว่าพ่อเจ้า เก็บไม้ตะพดไว้ที่ไหน”
“ไม้ตะพด...แกจะคิดทำอะไร”
“เจ้าไม่อยากได้รึ ไม้ตะพดเลือดนั่น”
“แต่มันเป็นของพ่อ”
“พ่อที่ไม่เคยสนใจใยดีเจ้าน่ะเหรอ” ทิวาเถียงไม่ออก “เจ้ารู้รึไม่ หากใครได้ไม้ตะพดเลือดและวิญญาณมาในครอบครอง จะสามารถควบคุมให้ทุกคนทำตามเจ้าได้ เจ้าจะยิ่งใหญ่กว่าที่พ่อเจ้าเป็นนัก พลังของไม้ตะพดสามารถใช้ทั้งเยียวยาและทำลายได้ในเวลาเดียวกัน ผู้ปกครองภพภูมิทั้งหลายต้องยอมสยบให้กับเจ้า”
“พ่อถึงอยากได้มันนัก”
“โดยที่สามารถฆ่าใครก็ได้ แม้แต่ลูกของตัวเอง”
ทิวาคิดหนัก
วันเดียวกันที่ท่ารถบขส.ไม้นั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องเมฆ จันทร์เดินเข้ามา
“นั่งหน้าเข้มเลย ตกลงลุงเมฆเป็นไงบ้าง”
“ก็...เหมือนว่าจะหาย จำได้ทุกอย่างเหมือนเดิม”
“แปลว่าพลังของไม้ตะพดสองอันเมื่อรวมตัวกัน มันรักษาพ่อแก”
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น”
“ชัวร์รึเปล่า แล้วแกยังให้ลุงเมฆกินยาสมุนไพรของพี่ชาญด้วยรึเปล่า”
“ก็ให้กินด้วย”
“แล้วเป็นไง”
“ก็ดี คุยรู้เรื่องเหมือนปกติ”
“ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่เจอกับตัว ชั้นคงไม่เชื่อเรื่องพลังเหนือธรรมชาติแบบนี้แน่ๆ”
“อืม”
“แล้วนี่แกยังเครียดอะไรอยู่อีกวะ”
“มันมีเรื่องผิดปกติบางอย่างว่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เกี่ยวกับทิวา”
“ไอ้ทิวานั่นมันเกี่ยวอะไร”
“ตอนพ่อความจำเสื่อม พ่อก็คิดทิวาเป็นลูก แต่พอพ่อหายแล้ว พ่อก็ทำตัวแปลกเกี่ยวกับแฟ้มประวัติของทิวา”
“แล้วแฟ้มประวัติอะไรของทิวาเนี่ย มันไปอยู่บ้านแกได้ไงวะ”
“ก็นั่นไง...ชั้นก็สงสัยอยู่เหมือนกัน”
อีกด้านหนึ่งที่บ้านพันเทพ ขณะนั้นราตรีกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ในห้อง จู่ๆ แพรวาก็เปิดประตูเข้ามา ราตรีตกใจ
“เคาะประตูเป็นมั้ยเนี่ย ชั้นตกใจหมด”
“ชั้นตัดสินใจแล้ว” แพรวาบอก
“เรื่องอะไรของเธอ”
“ชั้นจะบอกความจริงทั้งหมดกับไกร ว่าชั้นมีฝาแฝดซึ่งก็คือเธอ ที่เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด”
“แต่...”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไกรเค้าเป็นคนดีพอ เค้าจะรับผิดชอบเธอ”
“ไม่ได้นะ...เธอเป็นคนยกลูกชายท่านรัฐมนตรีให้ชั้นเองไม่ใช่เหรอ แล้ววันนี้ชั้นก็นัดดินเนอร์กับเค้า เธอจะมาโยนนายไกรนี่ให้ชั้น จะให้มันรับผิดชอบอะไรนั่น เท่ากับเธอทำลายชั้น”
“ก็ตอนที่ชั้นบอกลูกชายท่านรัฐมนตรีว่าชั้นเป็นเธอน่ะ ชั้นไม่รู้นี่ว่าเธอกับไกรจะ...”
“ไม่เอา ยังไงชั้นก็ไม่เอาหรอก นายไกรอะไรนั่นน่ะก็แค่ลูกชายเจ้าของบขส.บ้านนอก จะไปสู้อะไรกับลูกท่านรัฐมนตรีได้ เธออยากได้ก็เอาไปสิ”
“แต่เธอกับเค้าเกินเลยกันไปแล้ว”
ราตรีลำบากใจที่จะบอกความจริง
“ก็แล้วทำไมล่ะ สมัยนี้ใครเค้าแคร์เรื่องแบบนี้กัน เธอก็ทำเนียนๆ ไป ให้เค้ารับผิดชอบเธอก็จบ ดีซะอีกจะได้มีข้ออ้างกับพ่อ ว่าเธอกับนายไกรไปถึงไหนต่อไหนจนท้อง ต้องแต่งงาน พอถึงขั้นนั้นแล้วรับรองพ่อไม่ขวางเธอหรอก”
“เธอใจร้ายมากนะราตรี เธอจะให้ชั้นกลับไปหาคนที่เค้ามีอะไรกับเธอ ชั้นจะมองหน้าเค้ายังไง”
“อย่าทำฟูมฟายนักเลย มันน่ารำคาญ เธอจะทำอะไรก็ตามใจเธอละกัน แนะนำอะไรดีๆ ก็ไม่เอา แต่ขออย่างเดียว อย่าเอ่ยชื่อชั้นขึ้นมาให้นายไกรนั่นได้ยิน ชั้นไม่อยากให้เรื่องไปถึงหูลูกท่านรัฐมนตรี วันนี้ชั้นมีนัดกับเค้าด้วย”
ราตรีคว้ากระเป๋าจะเดินออกไปจากห้อง
“ชั้นยังคุยไม่จบ เธอไปไม่ได้นะ”
“ให้ทาย...ว่าชั้นจะฟังเธอมั้ย” ราตรีเดินเชิดออกไปโดยไม่สนแพรวา พร้อมพูดส่งท้ายโดยไม่หันมามองแพรวา “ขอบใจนะ สำหรับทุกเรื่อง”
แพรวากลุ้มใจทรุดตัวนั่งลง
ไม้จอดรถบขส.เข้าท่ารถ เดินลงมาจากรถ ขณะนั้นไกรยืนรอไม้อยู่
“อ้าวคุณไกร”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะไม้”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
ไม้นั่งคุยกับไกรเป็นการส่วนตัวในห้องทำงานของไกร
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ไปช่วยงานคุณไกรที่บ้านไม่ได้แล้ว”
“ชั้นเข้าใจ ม้าบอกแล้วว่าลุงเมฆป่วย เธอเลยต้องมาทำงานแทน”
“คุณไกรมาหาผม มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ”
“หน้าชั้นมันเหมือนคนมีเรื่องรึไง”
“ครับ...คุณไกรดูเศร้าๆ ไป”
“หน้าชั้นฟ้องขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คุณไกรมีอะไรให้ผมช่วย ได้ทุกเรื่องเลยนะครับ”
“แม้กระทั่งเรื่องแพรวา คนที่เธอเคยชอบน่ะเหรอ”
ไม้ชะงักไปนิดนึง
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ”
“ได้ไง เธอเคยชอบแพรวา เธอบอกชั้นเอง”
“ผมหมายถึงว่า...ใช้คำว่า “เคย” มันไม่ถูก เพราะตอนนี้ ผมก็ยังรู้สึกดีกับคุณแพรวาอยู่”
“แต่เธอกับอบเชยก็...”
“กับคุณแพรวาน่ะ ไม่รู้เพราะอะไร เวลาใกล้เธอแล้วผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้เจอญาติพี่น้อง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะห่วงใยเธอ ส่วนความรู้สึกกับอบเชย มันเป็นอีกอย่างนึง”
“แล้ว...ชั้นควรจะเห็นเธอเป็นคู่แข่ง หรือผู้ช่วยดี” ไม้ยิ้มให้ไกร
“ผมบอกคุณไกรไปแล้ว ว่าผมยินดีจะช่วยทุกเรื่อง ผมไม่คืนคำหรอกครับ”
“เอางั้นก็ได้...เพราะยังไงไม้ก็คือคนที่ชั้นไว้ใจที่สุดอยู่แล้ว”
ไม้กับไกรยิ้มให้กัน
ขณะนั้นอบเชยถือปิ่นโตมาหาไม้ที่ท่ารถบขส. อบเชยชะเง้อมองหาไม้จึงเห็นจันทร์ซ่อมรถอยู่แถวนั้น อบเชยจึงเดินไปหา
“จันทร์ ไม้ยังไม่กลับเข้ามาอีกเหรอ”
“กลับมาแล้วนี่ เห็นเข้าไปคุยกับคุณไกรอยู่”
“คุณไกรเหรอ”
“นี่อบเชย ชั้นกำลังจะไปรพ.ไปด้วยกันมั้ย”
“ใครเป็นอะไร”
“ไม่มี...แค่ไปสืบเรื่องบางเรื่อง” อบเชยมองไปทางห้องทำงานไกร อยากเจอไม้ “เออ ไม่ต้องตอบก็รู้ว่าไม่ไป จะรอไอ้ไม้ออกมาละสิ”
อบเชยยิ้ม ไม้กับไกรเดินออกมาจากห้องพอดี อบเชยดีใจแต่พอจะเดินไปหา ทั้งคู่ก็พากันขึ้นรถขับออกไปซะก่อน อบเชยไม่สบอารมณ์นัก
แพรวาขับรถออกมาจากบ้าน ประตูบ้านค่อยๆ ปิด ไม้ออกมายืนขวางถนน แพรวาเบรกรถกะทันหันลงมาดู แพรวา
“ไม้...ทำไมทำแบบนี้ มันอันตราย”
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณแพรวาครับ”
อบเชยแอบดูไม้ที่แอบมาเจอแพรวาอยู่ไกลๆ เห็นทั้งคู่พูดคุยแล้วขึ้นรถไปด้วยกัน อบเชยไม่พอใจ “ต้องมาดักเจอกันแบบนี้เลยเหรอ”
อบเชยเจ็บใจ จันทร์ออกมาจากอีกพุ่ม
“ถ้าผู้หญิงเป็นแบบเธอทุกคนนะอบเชย ชั้นขอโสดไปจนตาย”
ไม้กับแพรวามาทานข้าวที่ร้านอาหารด้วยกัน อบเชยแอบมองจากภายนอกแล้วมองปิ่นโตในมือตน
“กับข้าวชั้นมันไม่หรูหรานี่ เดี๋ยวจะเทให้หมากินให้หมดเลยคอยดู”
“พอได้แล้วมั้ง ไปทำธุระที่รพ.กับชั้นดีกว่า อยู่แบบนี้ฟุ้งซ่านว่ะ”
อบเชยยังหน้าง้ำ จันทร์ลากอบเชยออกไป
แพรวานั่งบนโต๊ะอาหารกับไม้
“มีโอกาสได้เจอไม้ก็ดี ชั้นกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่เลย”
“เรื่องเกี่ยวกับคุณไกรรึเปล่าครับ”
“ไม้รู้ได้ยังไง”
“หน้าคุณแพรวามันฟ้อง”
“ไม้...ชั้นจะบ้าตายอยู่แล้ว ชั้นไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณแพรวา”
“ชั้นใจเย็นไม่ไหวแล้วไม้ ชั้นแทบจะรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้”
ไม้เอื้อมมือไปจับมือแพรวา
“ใจเย็นๆ นะครับ ตอนนี้ความทุกข์ของคุณ ได้แบ่งเบามาถึงตัวผมแล้ว”
ไกรแอบดูอยู่อีกมุมหนึ่งของร้านอาหาร ไกรเห็นไม้จับมือแพรวาก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่ก็พยายามสงบใจ
“ไม้ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก”
ส่วนที่โต๊ะอาหารแพรวายิ้มกับสิ่งที่ไม้ทำให้
“ขอบคุณนะไม้ ไม้ดีกับชั้นจริงๆ”
ไม้ปล่อยมือแพรวา
“ผมว่าสิ่งที่คุณแพรวากำลังร้อนใจ ถ้าคุณแพรวาเผชิญหน้ากับมัน มันจะเห็นวิธีแก้ปัญหา
เองละครับ อย่าหนีอีกต่อไปเลยครับ” ไกรเดินเข้ามาหยุดยืนที่โต๊ะ แพรวาตกใจ “เชิญตามสบายเลยครับ ผมขอตัวก่อน”
ไม้บอกแล้วลุกเดินออกไป
“ไม้ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
ไม้หันมาส่งยิ้มให้แพรวาแล้วเดินออกจากร้านไป ไกรนั่งลงแทนที่ไม้ ไกรกับแพรวาสบตากัน แพรวามองหน้าไกรไม่ติดนัก
จันทร์พาอบเชยมาที่โรงพยาบาล ทั้งคู่เดินเข้ามาในล็อบบี้โรงพยาบาล
“ทำไมชั้นต้องมาที่นี่กับเธอด้วยเนี่ย ห๊า”
“จะได้ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องไอ้ไม้ไง” อบเชยมีสีหน้าไม่เต็มใจนัก จันทร์พาอบเชยไปที่ประชาสัมพันธ์
“คือผมมาขอประวัติคนไข้น่ะครับ”
“จะขอไปทำอะไรคะ”
“คือ...เพื่อนผมป่วยอยู่ในโรงพยาบาลในตัวจังหวัดน่ะครับ ทางโรงพยาบาลเค้าให้มาเอาประวัติเก่าคนไข้น่ะครับ”
“เป็นเพื่อน ไม่ใช่ญาติเหรอคะ”
“เอ่อ”
“ถ้าไม่ใช่ญาติ เราคงให้ประวัติคนไข้ไม่ได้หรอกนะคะ มันเป็นความลับของคนไข้ค่ะ”
จันทร์มองหน้าอบเชยส่งสัญญาณว่าให้ช่วย อบเชยทำทีว่าปวดท้องขึ้นทันที
“โอ๊ย คุณพยาบาลคะ ปวดท้องค่ะ ช่วยชั้นด้วยค่ะ โอ๊ยยยยยยย”
พยาบาลรีบลุกจากเคาน์เตอร์มาทันที
“เป็นยังไงบ้างคะ เดี๋ยวดิชั้นพาไปห้องฉุกเฉินค่ะ”
พยาบาลรีบประคองอบเชยไป อบเชยหันมาส่งซิกให้จันทร์
“พยาบาลคะ ปวดมากเลยค่ะ โอ๊ยยย”
พยาบาลรีบพาอบเชยไปห้องฉุกเฉิน จันทร์ก็เข้าไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ของพยาบาล เสิร์ชหาชื่อทิวาทันที จันทร์พิมพ์ “ทิวา” รายชื่อคนชื่อทิวาก็ขึ้นปรื้นบนหน้าจอ จันทร์ไล่หาทีละคนจนเห็นชื่อ ทิวา ศักดินันท์ เขาก็กดชื่อนั้น ก็มีประวัติขึ้นมาพรื้ด
ที่ห้องฉุกฉินอบเชยทำท่าว่าปวดท้อง พยาบาลก็ห่วงเคาน์เตอร์ จึงฝากพยาบาลคนอื่น
“นี่ฝากคนไข้คนนี้ด้วยนะ เดี๋ยวชั้นไปประจำเค้าน์เตอร์ละ”
อบเชยคว้ามือพยาบาลเคาน์เตอร์เอาไว้ กำแน่น
“โอ๊ย ปวดจังเลย”
“คุณคะ เดี๋ยวหมอก็มาดูแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะ”
“หมอมาแล้วเหรอ”
ที่เคาน์เตอร์เครื่องปริ๊นค่อยๆพิมพ์เอกสารออกมา หมอเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินมาพอดี
“คุณปวดท้อง ปวดตรงไหน”
หมอถาม อบเชยชี้มั่วไปที่ท้องน้อยด้านขวา
“ตรงนี้”
“ปวดยังไง”
“ก็ร้าวเลย ปวดมากเลย เดินแทบไม่ไหว”
“ไส้ติ่งแน่ๆ เดี๋ยวเตรียมผ่าตัดเลย”
“ห๊า ผ่าตัด”
จันทร์ได้เอกสารออกมาครบ เขามองเอกสารอย่างภูมิใจแล้วมองไปที่ป้ายห้องฉุกเฉิน รีบวิ่งไปหาอบเชย ทางอบเชยบุรุษพยาบาลเตรียมเข็นรถอบเชยไปขึ้นเตียงจะไปผ่าตัด
“ไม่เอา ไม่เอา ไม่ผ่า”
“ไม่ต้องกลัวนะ ผ่าไส้ติ่งเดี๋ยวนี้ วันสองวันก็หายแล้ว” หมอบอก อบเชยส่ายหน้าดิก
“กี่วันหายก็ไม่ผ่า”
“ปล่อยไว้แบบนี้ เดี๋ยวไส้ติ่งแตก เสียชีวิตได้นะครับ”
“ไม่แตกหรอก คือไม่ปวดแล้วไง”
จันทร์เปิดประตูเข้ามาในห้องฉุกเฉิน
“อบเชย”
อบเชยวิ่งลงจากเตียงไปยืนข้างจันทร์ อบเชยกระซิบถามจันทร์
“ตกลงได้มามั้ย ถ้าไม่ได้ชั้นต้องผ่าตัดแล้วเนี่ย”
“ได้มาแล้ว”
“นี่มันอะไรกันครับ” หมอถามอย่างแปลกใจ
“คือแฟนน่ะครับ เค้าสติไม่ดี ชอบคิดว่าตัวป่วยเป็นนั่นเป็นนี่ วันก่อนก็คิดว่าตัวเองเป็นอัมพาต” จันทร์บอก อบเชยมองจันทร์เคืองๆ
“เอ๊า”
“ขอโทษทีครับที่ทำให้วุ่นวาย”
“แผนกจิตเวชเชิญชั้นสองนะคะ” พยาบาลบอก
“ครับ”
จันทร์พาอบเชยเดินออกไป
อบเชยเดินออกมาจากตึกโรงพยาบาลกับจันทร์
“ถ้าชั้นโดนผ่าตัดขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย”
“ชั้นจะมาเยี่ยม”
“บ้าสิ”
“แต่เธอเป็นบ้าก็น่าจะเหมาะกว่านะ เพราะขนาดไม่มีหลักฐานทุกคนยังเชื่อสนิท”
“มากไปละ เล่นด้วยแล้วลามปาม เดี๋ยวเหอะ...แล้วประวัติไอ้ทิวาเนี่ย ไม้จะเอาไปทำอะไร”
“ก็ไม้มันบอกว่าที่บ้านมันพ่อมันเก็บประวัติทิวาตอนเด็กเอาไว้ ชั้นว่าแปลกๆ เลยอยากลองหาประวัติทิวาแบบปัจจุบันมาลองดูซะหน่อย ว่ามันมีอะไรพิรุธ”
“ทำไมต้องเก็บประวัติไอ้ทิวาด้วย คนชั่วแบบนั้น เมื่อไหร่จะเลิกมาพัวพันกับพวกเราซะที”
ส่วนที่ร้านอาหาร แพรวารวบช้อนทั้งที่กินไปไม่กี่อย่าง เธอก้มหน้าก้มตาไม่สบตาไกร
“อิ่มแล้วเหรอแพรวา ทานไปนิดเดียวเองนะ”
“ค่ะ”
“ไม่คิดจะเงยหน้ามามองผมบ้างเลยเหรอ” แพรวานิ่ง ไม่เงย “คุณเกลียดผมขนาดนั้นเลยเหรอ”
แพรวายังคงนิ่ง “ผมขอโทษที่ต้องให้ไม้พาคุณมาพบผม แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ ผมไม่มีทางได้พบคุณแน่ๆ”
“อย่าพูดอะไรดีกว่าค่ะ เวลานี้ชั้นยังไม่พร้อมจะฟังเท่าไหร่”
“ผมจะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอคุณ”
“คุณก็รู้ว่าครอบครัวเราสองคนน่ะ...”
“แต่เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ก็ต้องแก้ปัญหาสิ คุณมัวแต่หนีหน้าอยู่แบบนี้จะให้ผมทำยังไง”
“ชั้นบอกว่าคุณอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ไง”
“ก็ผมพยายามจะแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้ทำลงไป”
“หยุดเถอะชั้นขอร้อง คุณไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
แพรวาลุกขึ้นเดินหนีไกรออกจากร้าน ไกรควักแบงก์พันวางบนโต๊ะแล้วรีบวิ่งตามไป
แพรวาเดินหนีไกรออกมาจากร้านอาหาร ไกรวิ่งตามคว้าแขนไว้ได้
“แพรวา หยุดก่อน”
“ปล่อยชั้นเถอะ”
“คุณอยากให้ผมทำอะไร คุณบอกผมมาสิ ผมจะทำทุกอย่าง แต่อย่าหนีหน้ากันแบบนี้”
“เรื่องของเราสองคนน่ะ มันเหมือนจับพลัดจับผลู คุณไม่ได้อยากมารักชั้น ไอ้ความใกล้ชิดที่เราไปหลงป่าด้วยกัน มันอาจจะเป็นแค่ความผูกพันเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ใช่ความรักก็ได้ คุณไม่ต้องมาตามแก้ปัญหา หรือรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นแหละ”
“คุณว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นแบบนั้นเหรอ”
“หรือคุณว่าไม่จริง” ไกรไม่เถียง แพรวายิ้มสมเพชตัวเอง “น่าสมเพชมั้ยล่ะ ที่ชั้นคาดหวังจะให้คุณเถียงแล้วบอกชั้นว่าไม่จริง แต่คุณก็ไม่ทำ”
“ที่ผมไม่เถียงคุณ เพราะผมจะพิสูจน์ให้คุณดู ว่าจริงๆ แล้วความรู้สึกของเรามันคืออะไร แต่ผมทำมันไม่ได้ ถ้าคุณไม่ให้โอกาสผม”

แพรวาอ่อนลง ไกรและแพรวาสบตากัน

อ่านต่อตอนที่ 11





Create Date : 24 มีนาคม 2555
Last Update : 24 มีนาคม 2555 2:07:02 น.
Counter : 613 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]