All Blog
ลูกผู้ชายไม้ตะพด ตอนที่ 15




ไกรกับไม้ยังอยู่ที่ศาลาสวดศพและนั่งอยู่หน้าศพราตรี

“ผมนึกว่าดึกป่านนี้จะไม่มีใครอยู่แล้ว”
“ชั้นนอนเฝ้าแพรวาที่นี่ทุกคืน มันคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชั้นจะทำให้ได้ แพรวาต้องตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีญาติซักคนมาเยี่ยม เธอควรจะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ สำหรับคนดีอย่างเธอ ชั้นก็ทำได้แค่นี้แม้มันจะไม่สามารถชดเชยสิ่งเลวๆ ที่ชั้นเคยทำกับแพรวาได้”
ไม้มองไกรยิ้มเศร้าๆ ไม่พูดอะไร ต่างคนต่างก็เข้าใจกัน
ส่วนอบเชยเมื่อกลับมาบ้านเธอร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ถึงเธอจะตายไปแล้ว เธอก็ยังชนะชั้นอยู่ดี แพรวา แล้วชั้นก็ไม่ใช่ตัวแทนของเธอด้วย ...” อบเชยมองรูปไม้ “ทำไมชั้นต้องเป็นห่วงเธอทุกนาทีด้วยนะไม้ ทั้งที่เธอไม่เคยคิดถึงชั้นเลย”
อบเชยหยิบรูปไม้ออกจากกระเป๋าเสื้อผ้า คว่ำมันลง ปิดกระเป๋าแล้วล้มตัวลงนอน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านเมฆ เมฆกำลังไหว้พระก่อนนอนได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านจึงลุกไปดู เมฆคิดว่าไม้กลับมาแล้วจึงเดินมาเปิดประตู
“กลับมาแล้วเหรอไม้”
พอเปิดประตูเมฆไม่เห็นใคร เมฆงง มองรอบๆ จึงเห็นรอยเท้าประหลาดที่หน้าประตู ซึ่งเมฆพอสังเกตดูแล้วก็รู้ทันที่ว่าเป็นรอยเท้าของเวตาล
“เวตาล”
เมฆหน้าเสีย
วันรุ่งขึ้นอบเชยมองดูห้องของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย เสียงศรนารายณ์ลอยเข้ามาเร่งอบเชย
“ไปกันได้แล้วลูก”
“จ้ะพ่อ เดี๋ยวตามออกไป”
อบเชยมองรูปไม้ที่อยู่บนโต๊ะ เธอสองจิตสองใจจะไม่เอาแล้วเดินออกไป แต่สุดท้ายเธอก็วิ่งกลับมาเก็บมันใส่ในกระเป๋าเหมือนเดิม
ศรนารายณ์กำลังขนของขึ้นรถ อบเชยยืนอย่างกังวลใจศรนารายณ์หันไปเห็น
“เป็นอะไรน่ะเรา เศร้าเรื่องไอ้ไม้อีกรึไง” อบเชยนิ่ง ไม่ตอบพ่อ “โธ่เอ้ยลูก คนเราน่ะนะ ถ้ามันจะเกิดมาคู่กัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันแค่ไหนยังไงมันก็ต้องมาลงเอยกันจนได้ แต่ถ้ามันไม่ใช่คู่ ดิ้นรนให้ตายยังไงมันก็เหนื่อยเปล่า”
“แล้วตกลงที่ชั้นทำไปทั้งหมดมันจะเหนื่อยเปล่ารึเปล่าล่ะพ่อ”
“พ่อก็ไม่รู้ แต่ถ้าลูกหยุดตามหาซะบ้าง ลูกอาจจะเห็นคำตอบได้ชัดขึ้น” อบเชยถอนหายใจ “ถอนหายใจอีกละ ดูมัน”
“เออนี่พ่อ เมื่อคืนชั้นฝันแปลกๆ เกี่ยวกับเวตาลด้วยล่ะ”
“ฝันว่าอะไร”
“ฝันว่าชั้นเป็นคนทำให้เวตาลฟื้นพลังขึ้นมาอีกครั้ง”
“ฝันก็คือฝันล่ะน่า ลำพังพลังอย่างเราจะไปทำอะไรมันได้”
“นั่นสินะ” อบเชยพยายามคลายกังวลใจ “จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปให้มัน”
“อย่าคิดมากเลยลูก ชุมชนนี้ไม่มีวันสงบหรอก ถ้ายังไม่จบเรื่องไม้ตะพดนั่นซะก่อน”
“แต่ถ้ามีใครเป็นอะไรไปเพราะฝีมือเวตาล ชั้นต้องรู้สึกแย่แน่ๆ”
อบเชยบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ศรนารายณ์กับอบเชยขึ้นรถ รถค่อยๆ เคลื่อนออกไป ไม้วิ่งออกกำลังกายผ่านบ้านอบเชยพอดี
ไม้เห็นรถที่ขับออกไป ไม้วิ่งตามรถแต่ด้วยความที่เขาเองยังบาดเจ็บอยู่ จึงวิ่งได้ไม่เร็วนัก ไม้พยายามตะโกนเรียก
“อบเชย อบเชย อบเชย”
ศรนารายณ์กับอบเชย นั่งอยู่บนรถ ศรนารายณ์เปิดเพลงลูกทุ่งฟังอย่างสบายใจ จึงไม่มีใครสังเกตมองหลังรถเลยและไม่มีใครได้ยินเสียงไม้ จนไม้หมดแรงท้อใจจะวิ่งตาม
ขณะนั้นเมฆพยายามจะทำความสะอาดลานบ้านตน แต่แล้วเมฆก็สังเกตเห็นรอยเท้าเวตาลเดินวนไปมารอบบ้านเขา เมฆก้มตัวลงไปดูใกล้ๆ ใจไม่ค่อยดีนัก ไม้เดินเข้ามาในบ้านอย่างท้อใจ
“พ่อ ออกมาทำความสะอาดลานบ้านทำไม ชั้นบอกให้พักผ่อนไง”
“ไม้ มาดูนี่สิ”
ไม้ก้มดูรอยเท้า
“นั่นมันอะไรน่ะ”
“นั่นสิมันอะไร” เมฆมองไปรอบๆ บ้าน
“ชั้นว่าเราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเวตาลนั่นก็บาดเจ็บไม่ใช่น้อย”
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน พ่อต้องระวังตัวนะ”
เมฆพยักหน้ารับ
ส่วนที่ถ้ำพันเทพเตรียมตัวจะออกเดินทางตามหาเวตาล
“ไอ้เวตาล วันนี้ชั้นจะต้องตามหาศพแกให้เจอ ชั้นจะต้องเอาไม้ตะพดของชั้นคืนมาให้ได้”
ยังไม่ทันที่พันเทพจะได้ออกจากถ้ำ เงาดำทะมึนก็พาดผ่านเข้ามาตามทางแสงซึ่งก็คือเวตาลนั่นเอง พันเทพหันไปเห็นก็ตกใจ
“เจ้าหาศพข้าไม่เจอหรอก เพราะข้ายังไม่รีบตายไปไหน”
“แก”
“มั่นใจมากขนาดนั้นเลยเหรอว่าข้าตายไปแล้ว แค่แผนตื้นๆ ของเจ้า ทำลายชีวิตข้าไม่ได้หรอก”
เวตาลหัวเราะพร้อมกับเล่าเหตุการณ์หลังจากกินอาหารที่ผสมพิษของพันเทพ ซึ่งตอนนั้นร่างกายเวตาลทรมาน เวตาลเดินโซซัดโซเซหนีเอาชีวิตรอด ไม่ยอมให้ไม้ตะพดพันเทพ
“ถึงข้าจะต้องตาย ข้าก็จะตายไปพร้อมกับไม้ตะพดนี่ ข้าไม่มีทางให้เจ้าคืนไปง่ายๆ หรอก”
เวตาลโซซัดโซเซไปที่ต่างๆ โดยมีพันเทพเดินไล่หลังมา
เวตาลเดินมาถึงริมแม่น้ำอาการแย่เต็มที เวตาลล้มลงอยู่ใกล้ๆกับแมลงที่ตายริมลำธาร
ตาเวตาลเหลือบมองเห็นสัตว์ที่โดนต้นไม้พิษแล้วก็ตายกองอยู่บนพื้น แต่มันก็เหลือบไปเห็นอีกจุดนึงมีดอกไม้งดงาม แมลงต่างๆ ปกติ เป็นบริเวณที่เขานอนอยู่พอดี เวตาลลองเก็บดอกไม้มาดู แล้วยัดมันเข้าปาก
“ถ้าข้ารอดไปได้ ข้าจะมาล้างแค้นเจ้า”
เวตาลบอกอย่างเคียดแค้น แต่พอกินดอกไม้ไป ร่างกายก็ทรมานกว่าเก่า เวตาลลุกวิ่งเหมือนพยายามหนีเจ็บปวด
เวตาลวิ่งหนีมาบนถนนตัดหน้ารถศรนารายณ์ อบเชยพอดี เสียงรถเบรคเอี้ยดเวตาลไม่สนใจ วิ่งหนีเอาตัวรอดไป เวตาลวิ่งหนีมาได้ไม่ไกลนักเขาเจ็บปวดจนอาเจียนออกมาแสดงถึงสิ่งที่เคยกินเข้าไป และเลือดจากภายใน พออาเจียนออกมาเวตาลรู้สึกดีขึ้น จึงบินหนีขึ้นไปบนต้นไม้
ขณะนั้นศรนารายณ์กับอบเชยเดินตามหาสิ่งที่รถของศรนารายณ์ชน อบเชยพูดศรนารายณ์แล้ว
พนมมือไว้เจ้าที่เจ้าทาง ไม่ทันไรก็รู้สึกมีแสงประหลาดมาสู่ตัวเวตาล
เวตาลเผชิญหน้ากับพันเทพหลังจากเล่าเหตุการณ์จบ
“ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก เจ้าประมาทพญาเวตาลมากเกินไป”
เวตาลบุกเข้าหาพันเทพด้วยหวังจะล้างแค้น พันเทพเองก็รับมือไว้แต่พันเทพรู้ตัวดีว่า อีกไม่นานเขาก็ต้องพ่ายให้เวตาลเพราะตนเองไม่มีไม้ตะพด พันเทพจึงวางแผนอย่างเจ้าเล่ห์ ระหว่างที่ต่อสู้กับเวตาล
“แกไม่คิดว่าการที่เราสู้กันจะไร้ประโยชน์เหรอเวตาล”
“อย่ามาทำพูดดีกับข้า ข้าจะฆ่าเจ้า”
“ชั้นไม่ได้กลัวว่าแกจะฆ่า ฉันแค่รู้สึกเปลืองแรงที่เราต้องมาสู้กัน ทั้งที่เราต่างก็ร่วมมือกันเพื่อเอาไม้ตะพดอีกอันมาได้”
“หึ จะให้ข้าเชื่อเรอะ”
“แกกับชั้นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกน่า ไว้ใจได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่เราต่างก็ทำเพื่อบางอย่าง แล้วบางอย่างที่ชั้นพูดถึงอยู่นี่ บังเอิญว่าตอนนี้มันไปในทางเดียวกัน เราทำไมไม่ร่วมมือกันซะล่ะ”
“เจ้ากำลังพูดให้ข้าร่วมมือกับคนที่เพิ่งพยายามจะฆ่าข้างั้นรึ”
“แกอยากมองว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ชั้นคิดว่า คนทุกคนก็ต้องพยายามปกป้องตัวเอง แล้วที่แกเลือกจับชั้นมา แกก็คงเลือกแล้ว ไม่ใช่เหรอ ว่าชั้นคือคนที่มีแนวโน้มจะร่วมมือกับแกได้มากที่สุด”
เวตาลนิ่งคิดมองพันเทพอย่างไม่ไว้ใจ
อีกด้านหนึ่งที่ท่ารถบขส.จันทร์กับชาญหน้าเครียดหลังจากฟังเรื่องที่ไม้เล่า
“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ว่ะ ถ้าขืนปล่อยไว้ แกจะจิตตกมากแน่ๆ”
“แล้วจะให้ทำยังไง”
“ตามหามันให้เจอ อย่ามัวแต่รอแบบนี้”
“ชั้นไม่ได้อยากรอ แต่พ่อไม่สบาย จะให้ชั้นทำยังไง”
“ข้าเห็นด้วยกับจันทร์ ควรออกตามหามันให้เจอก่อนที่มันจะแข็งแรงกว่านี้ การที่มีรอยเท้าอยู่หน้าบ้านเอ็ง ข้าว่ามันแค่ต้องการขู่เท่านั้น ถ้ามันแข็งแรงจริงๆ แล้วมันไม่ทำแค่นั้นแน่”
“ใช่ อย่างน้อย ฆ่ามันตอนบาดเจ็บก็ง่ายกว่า”
“แต่ประเด็นคือ จะให้ชั้นไปตามหาที่ไหนล่ะ” ไม้มองหน้าจันทร์กับชาญ ถามจะเอาคำตอบแต่ทั้งคู่เงียบ “ไงล่ะพี่ชาญ พี่มีความเห็นมั้ย เป็นพรานเก่าไม่ใช่เหรอ”
ไม้มองหน้าชาญ จันทร์เองก็มองชาญอย่างคาดหวัง
ชาญมาบ้านเมฆและนั่งดูรอยเท้าเวตาลที่ละรอยอย่างตั้งใจ
“ดูจากรอยเท้าพวกนี้แล้ว น่าจะตั้งใจมาดูซะมากกว่า”
“หมายความว่ายังไงตั้งใจมาดู”
“ดูจากรอยเท้าที่เดินเข้ามา แล้วก็มีรอยซ้ำๆ ที่หน้าต่าง ก่อนจะเดินเข้ามาที่ประตู”
“เมื่อวานมีคนมาเคาะประตูกลางดึก พอเปิดมาแล้วไม่มีใคร” เมฆบอก
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะจากรอยนี่ พอหยุดที่ประตู แล้วไม่มีรอยเท้าที่ก้าวออกมา แปลว่ามันแค่ป่วนแล้วบินออกไป”
“มันมาตัวเดียวรึเปล่า”
“น่าจะแบบนั้น เพราะไม่มีรอยเท้าใครมาด้วย”
“ถ้างั้นพันเทพก็อาจจะหนีไปได้ หรือไม่ก็ตายแล้ว”
ไม้หน้าเสียที่ได้ยินคำว่าตาย
“หรืออาจจะถูกจับขังอยู่ที่ไหนซักแห่งก็ได้ อย่าลืมสิ มันจับพันเทพไปเพื่อเป็นข้อต่อรองบางอย่าง”
“แน่ใจเหรอว่ามันจะจับไปเป็นข้อต่อรอง มันอาจต้องการแค่ไม้ตะพดก็ได้”
“พอแล้ว ชั้นไม่อยากฟังสมมติฐานของใครทั้งนั้น เพราะสุดท้าย ชั้นก็ต้องตามหาเวตาลนั่นให้เจออยู่ดี”
“มันได้ทิ้งร่องรอยอื่นไว้ให้พอจะติดตามไปได้มั้ย” เมฆถาม
ชาญสอดส่องดูตามรอยเท้าเจอเศษใบไม้แห้งร่วงอยู่ ชาญหยิบขึ้นมาดู
“ใบไม้นี่ มันมาจากต้นไม้ที่ขึ้นแถวแหล่งน้ำในป่า”
“แหล่งน้ำตรงไหน ยังไง”
“โอ๊ย ข้าไม่ใช่หมอดูตาทิพย์นะ จะได้รู้ละเอียดขนาดนั้น”
“แปลว่ามันจับพันเทพไว้ในป่า”
“แต่ที่ที่เราอยู่มันก็ล้อมไว้ด้วยป่าทั้งนั้น เราจะไปตามหาเจอได้ยังไง”
“ใจเย็นๆ เรื่องพวกนี้มันต้องค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำ แต่ข้าว่าตอนนี้เอ็งต้องระวังตัวไว้ พี่เมฆก็เหมือนกัน ตราบใดที่เราไม่รู้ที่อยู่ของมัน มันอาจจะจู่โจมโดยที่เราไม่รู้ตัว”
ไม้มองหน้าเมฆให้กำลังใจกัน
ระหว่างนั้นเวตาลกลับมาที่ถ้ำพร้อมกับพันเทพ ต่างคนต่างไม่ไว้ใจกัน
“ทำไมแกไม่แปลงเป็นทิวาล่ะ ปกติเวลาแบบนี้แกชอบแปลงเป็นมนุษย์ไม่ใช่เหรอ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ใจข้านักเลย”
“แกคงบาดเจ็บ เลยไม่อยากใช้พลังสิ้นเปลืองในการแปลงร่างสินะ” เวตาลนิ่ง ไม่ตอบ “แกรู้มั้ยว่า หากไม้ตะพดสองอันมารวมกันได้มันจะรักษาอาการบาดเจ็บของแกให้หายเป็นปลิดทิ้ง”
“ข้ารู้ ข้าเคยใช้มันรักษาอาการเจ็บปวดของข้า จากบาดแผลของไม้ตะพดมาก่อน”
“ถ้างั้น แกไม่คิดจะไปชิงไม้อีกอันนึงมาเพื่อรักษาอาการรึไง”
“เจ้ากำลังล่อข้าไปให้พวกนั้นฆ่าข้า เพราะเห็นว่าข้ากำลังอ่อนแอ นึกว่าข้าไม่รู้รึ”
“ชั้นหวังดีกับแกต่างหาก ชั้นคนเดียวเอาชนะไอ้พวกขี้ขลาดพวกนั้นได้ที่ไหน”
“หึ ข้าไม่ไว้ใจเจ้า ถ้าเจ้าอยากให้ข้าเชื่อ เจ้าต้องพิสูจน์”
“พิสูจน์ ยังไง”
คืนนั้นขณะที่เมฆเตรียมตัวจะนอน ไม้เดินถือสมุนไพรใส่ถ้วยมาให้เมฆกิน
“นี่พ่อก็ดีขึ้นมากแล้วไม้”
“แต่ยังไงพ่อก็ต้องกิน จะได้แข็งแรงไวๆ” เมฆยกสมุนไพรขึ้นดื่ม “ผมอยากดูแลพ่อให้ดีที่สุด ในเวลาที่ผมยังพอทำได้ แต่ถ้าผมจะตามไปช่วย...” ไม้ลำบากใจที่จะพูด
“ช่วยพันเทพ พ่อจริงๆ ของลูก น่ะเหรอ มันเป็นเรื่องของลูกที่ดีที่ควรจะทำอยู่แล้ว พ่อไม่ว่าอะไรหรอก”
เมฆกับไม้ ยิ้มให้กัน เมฆนอน ไม้ห่มผ้าให้
ทางด้านพันเทพกับเวตาล ขณะนั้นทั้งคู่ยังคุยกันอยู่ในถ้ำที่สว่างด้วยแสงจากกองไฟ
“ให้ชั้นฆ่าไอ้เมฆ มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอก ฝีมือไอ้เมฆก็พอๆ กับชั้น ไม่งั้นชั้นฆ่ามันได้ไปนานแล้ว แล้วไหนจะไม้อีก มันไม่มีทางปล่อยให้คนมาฆ่าไอ้เมฆได้แน่ๆ”
“รีบปฏิเสธ ทั้งที่อยากจะให้ข้าไว้ใจงั้นรึ แบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่”
“ไม่ได้ปฏิเสธ แค่เห็นว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”
“มีสิ ข้าเพิ่งไปดูเจ้าเมฆนั่นมา มันบาดเจ็บ คนที่บาดเจ็บมักมีจิตที่อ่อน โน้มนำได้ง่าย”
“หมายความว่ายังไง”
“ข้าจะพาดวงจิตมันมาหาเจ้า ถ้าเจ้าฆ่าจิตมันได้ ร่างกายที่ไร้วิญญาณก็ไม่มีทางมีชีวิต”
พันเทพไม่แน่ใจกับวิธีของเวตาลนัก
เวลาผ่านไป...พันเทพนั่งอยู่กับที่เวตาลสัมผัสแขนพันเทพทั้งคู่หลับตาเข้าสู่สมาธิ ขณะนั้นเมฆนอนหลับอยู่ในห้อง ระหว่างนั้นสิ่งของรอบตัวเมฆเริ่มสั่นเหมือนโดนพลังอะไรบางอย่าง อยู่ๆ เมฆก็มาตกลงกลางป่าอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เมฆพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างงงๆ เมฆมองซ้ายมองขวา เห็นแสงรำไรสว่างมาจากที่หนึ่ง เมฆเดินตามแสงนั้นไป
เมฆเดินตามแสงไฟมาจนถึงหน้าถ้ำ มีกองไฟสว่างแต่ไม่มีคนอยู่
“มีคนอยู่แถวนี้มั้ย”
เมฆตะโกนถาม เสียงเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้น เมฆหันไปดูแต่ก็ไม่เห็นใคร เสียงดังอีกทาง เมฆหันตาม แต่ก็ไม่เห็นใครอีก เมฆหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง
“นั่นใครน่ะ ออกมานะ”
เวตาลก้าวออกมาจากความมืด
“ข้าเองสหาย”
เวตาลปรากฏตัวขึ้นมา เมฆตกใจ
“แก”
“เป็นไง ยังสบายดีอยู่มั้ย”
“แกมาหาชั้น ต้องการอะไร”
“ผิดแล้ว เจ้าต่างหากที่มาหาข้าเพื่อพบปะเพื่อนเก่า”
“ใคร” พันเทพเดินออกมาจากความมืดมองเมฆไม่วางตา “พันเทพ แกเป็นยังไงบ้าง” พันเทพจ้องเมฆเขม็ง แล้วก็เริ่มบุกลุยเมฆโดยไม่พูดไม่จาใดๆ เลย เมฆงงแต่ก็รับมือพันเทพ “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
พันเทพตะลุยสู้เมฆแบบไม่ยั้งมือ ทั้งคู่สู้กันโดยไม่มีไม้ตะพด พันเทพรัวหมัดไม่ยั้งเมฆก็รับมือไหวบ้างไม่ไหวบ้าง ต่างคนสู้กันต่างพลัดกันล้ม
“บอกชั้นที นี่มันเรื่องอะไร” พันเทพไม่ตอบ เวตาลยืนมองอย่างพอใจ เมฆเหลือบไปเห็นไม้ตะพดอยู่ที่เวตาล “มันบังคับให้แกฆ่าชั้น แล้วจะคืนไม้ตะพดให้รึไง”
“ไม่มีใครบังคับชั้นทั้งนั้น”
ที่บ้านเมฆ ขณะนั้นเมฆยังนอนหลับอยู่แต่สีหน้าของเมฆเครียด ตาแม้จะหลับก็ราวกับกำลังกระพริบตลอดเวลา
พันเทพกำลังต่อสู้กับเมฆอยู่หน้าถ้ำ โดยมีเวตาลดูอยู่
“แกรู้มั้ย ไม้กำลังพยายามตามหาเพื่อมาช่วยแก” พันเทพชะงักแต่ก็สู้ต่อ “ไม้เป็นห่วงแกมาก”
“หยุดพูดซักที”
พันเทพหยิบมีดพกขึ้นมาต่อสู้กับเมฆ อาศัยจังหวะที่เมฆเพลี่ยงพล้ำแทงเข้าที่ท้องเมฆ เมฆนิ่งด้วยความเจ็บปวด
“นี่มันไม่ใช่แค่ความฝันใช่มั้ย”
เวตาลหัวเราะชอบใจ
“ชั้นจะฆ่าพวกแกให้ตายทุกคน”
เมฆทรุดลงกับพื้นมองเวตาลที่เดินมา
เมฆยังนอนหลับอยู่แต่มีเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากปาก ไม้เปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นอาการเมฆก็ตกใจ
“พ่อ พ่อเป็นอะไร”
ขณะนั้นเวตาลเดินมายังเมฆที่ทรุดลงกับพื้น มันหยิบไม้ตะพดออกมาจะฟาดลงไปที่เมฆ
“นี่จะเป็นฝัน ที่แกจะไม่มีวันตื่นอีกเลย”
อีกด้านหนึ่งไม้กำลังปลุกเมฆให้ตื่น
“พ่อ พ่อตื่น พ่อเป็นอะไร พ่อ”
เวตาลกำลังจะฟาดไม้ตะพดเพื่อฆ่าเมฆ แต่แล้วร่างเมฆก็หายวับไปก่อน ไม้ปลุกเมฆจนตื่นขึ้นมา เมฆลืมตาแต่เลือดยังกลบปาก
“พ่อ พ่อเป็นอะไร ใครทำอะไรพ่อ”
ไม้เปิดดูแผลเมฆตามตัวแต่ก็ไม่มี เมฆมองหน้าไม้แล้วนึกถึงคำสิ่งที่ไม้พูดกับเขาก่อนที่จะนอน ว่าจะขอไปช่วยพันเทพ เมฆก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงออกไป
“คงเป็นแผลข้างในที่มันเพิ่งกำเริบน่ะลูก”
“ผมจะพาพ่อไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
“ขอบใจนะไม้ที่ช่วยชีวิตพ่อไว้อีกครั้ง”
“หมายความว่าไงน่ะพ่อ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
ไม้พยุงเมฆจะพาไปโรงพยาบาล
ส่วนที่ถ้ำเวตาลทแตะแขนพันเทพค่อยๆ ลืมตา พันเทพก็ลืมตาขึ้นด้วย พันเทพค่อนข้างโล่งใจที่ไม่ได้ฆ่าเมฆซะ
“อีกนิดเดียวเท่านั้น”
“ทีนี้เจ้าไว้ใจข้าได้รึยังล่ะ”
เวตาลมองพันเทพ เชื่อใจมากขึ้น
ไม้พาเมฆไปหาหมอ พอกลับจากโรงพยาบาลไม้พยุงเมฆมานอนบนเตียงพร้อมกับถุงยาจากโรงพยาบาล
“หมอบอกไม่เป็นอะไรได้ยังไง ก็เห็นอยู่ว่าเลือดมันไหลออกมา”
“ช่างเถอะไม้ เขาว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไร อาจจะแค่อาการข้างเคียงของยาละมั้ง เดี๋ยวก็ดีขึ้น
ไม้ไม่ค่อยสบายใจนัก”
คืนนั้นหลังจากดูแลเมฆนอนแล้วไม้ออกมานั่งหน้าบ้านแล้วถอนหายใจออกมา
“อบเชย เธออยู่ไหน ชั้นอยากให้เธออยู่ข้างๆ ชั้นตอนนี้... สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองพ่อผมให้ปลอดภัย ช่วยชี้ทางให้ผมได้ไปช่วยพ่อที่ให้กำเนิดผมด้วย”
ไม้เดินเข้ามาบ้านแต่แล้วไม้ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นฤๅษีเป็นร่างโปร่งแสงนั่งอยู่ข้างๆ เตียงของเมฆ มองดูเมฆหลับ
“ฤๅษี”
“ข้ามาอวยพรคนที่ดูแลไม้ตะพดของข้าเป็นอย่างดี”
“ผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะฆ่าเวตาลได้”
“เจ้าอย่าเพิ่งคิดเช่นนั้น มันแค่ยังไม่ถึงเวลา”
“ผมไม่รู้จะไปตามหาเวตาลที่ไหน”
“ใช่ตำราให้เป็นประโยชน์สิ”
“ตำรา”
ไม้ลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึก ไม้ลำดับความคิดถึงสิ่งที่ฝันเมื่อซักครู่
“ตำรา...ตำราอะไร”
วันรุ่งขึ้นไม้จึงมาหาชาญที่ท่ารถบขส.เพื่อปรึกษาเรื่องนี้
“ตำรา”
“ใช่ พอชั้นบอกว่าไม่รู้จะตามหาเวตาลที่ไหน ฤๅษีท่านบอกแค่ว่าให้ใช้ตำราให้เป็นประโยชน์”
“จะตำราอะไรล่ะ” จันทร์บอก
“นั่นสิ”
“มันต้องเป็นตำราที่พิเศษกว่าตำราอื่นสิ”
“ตำราที่พิเศษเหรอ”
“ต้องไปหอสมุดแห่งชาติรึเปล่า”
ชาญส่ายหน้าเอือมระอาดุจันทร์ เขาครุ่นคิด แล้วก็เหมือนจะนึกออก
“หนังเสือไงไม้ ไม้ยังเก็บหนังเสือไว้รึเปล่า”
“ตำรา...หนังเสือ”
ไม้กลับมาค้นตู้ที่บ้านแล้วเขาก็เจอตำราหนังเสือ ไม้หยิบมันออกมากางดู ขณะนั้นจันทร์จิบน้ำอุ่นไปและดูไปด้วย
“นี่มันลายแทงไปป่าอาถรรพ์ ตำราอะไร”
ไม้พิจารณาดูลายแทงอย่างใช้ความคิด
“ท่านฤๅษีครับ ถ้านี่คือสิ่งที่ท่านพยายามจะบอก”
ไม้พยายามพินิจพิเคราะห์หนังเสือแต่ก็ยังไม่เห็นอะไรนอกจากแผนที่เดิมที่ไปป่าอาถรรพ์ ไม้ยื่นให้จันทร์ จันทร์พยายามพินิจพิเคราะห์ดูเช่นกันแต่ก็ไม่เห็นอะไร จันทร์วางแผนที่บนโต๊ะ
“มันไม่มีแผ่นอื่นแล้วใช่มั้ย”
ไม้ส่ายหน้า จันทร์ยกแก้วน้ำทับมุมหนังเสือไว้ไม่ให้ม้วนแล้วก็ค่อยๆ ดู ชาญดึงหนังเสือมาดูบ้างทำให้แก้วน้ำอุ่นของจันทร์หกใส่
“เฮ้ย พี่ชาญ ทำอะไรเนี่ย”
“ก็แค่อยากช่วย”
น้ำอุ่นที่เป็นคราบไหลบนหนังเสือ ค่อยๆ ปรากฏตัวหนังสือขึ้นตามนั้น
“นี่...มีตัวอักษรอะไรขึ้นมาด้วย” ไม้บอก จันทร์กับชาญมุงดู
“ตัวอักษรขึ้นตรงที่โดนน้ำอุ่น...นั่นแปลว่า”
ยังไม่ทันที่จันทร์จะพูดจบ ชาญก็ราดน้ำอุ่นทั้งแก้วลงบนหนังเสือ ตัวอักษรก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นภาษาปกากะญอว่า “ถ้ำเวตาล”
“มันเขียนว่าอะไรน่ะพี่ชาญ”
“มันคือทางที่จะไปถ้ำเวตาล”
“ถ้ำเวตาล”
“ถ้ำที่พญาเวตาลอาศัยอยู่มาหลายร้อยปี”
“ถ้างั้นก็อาจจะเป็นที่นั่นจริงก็ได้”
“พวกเราพร้อมลุย”
“พี่ชาญ เรื่องนี้ ชั้นไม่อยากให้มีใครต้องมาเจ็บตัวอีก” ไม้บอก
“เฮ้ย แต่ข้าเต็มใจจะเป็นผู้ช่วยเอ็ง เอ็งก็รู้ข้าอยากใกล้ชิดลูกผู้ชายมานานแล้ว” ชาญบอกแล้วทำเขิน “ไม่คิดเลยว่าฝันจะเป็นจริง”
“แต่คราวนี้ ชั้นให้พี่ไปไม่ได้จริงๆ มันเสี่ยงเกินไป ถ้าจะตายก็ขอตายคนเดียว”
“แกจะไปคนเดียวก็ไป แต่อย่าพูดเรื่องตาย แกจะทำให้คนอื่นยิ่งเป็นห่วง”
“เฮ้ย...ไรวะ ข้าอยากสู้ อยากสู้”
“เอาเป็นว่าถ้าชั้นกลับมา จะให้พี่ชาญเป็นผู้ช่วยชั้นก็แล้วกัน จันทร์ชั้นฝากดูพ่อด้วย”
“ชั้นถามจริงๆ เหอะว่า ที่แกเข้าไปครั้งนี้ เพื่อช่วยพันเทพเท่านั้นใช่มั้ย” จันทร์ถาม
“ไม่ว่าจะชั่วดียังไง อย่างน้อยเค้าก็เป็นคนทำให้ชั้นเกิดมา นี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ชั้นจะตอบแทนได้”

ไม้ยิ้มออกมาสีหน้าดูเนือยๆ






Create Date : 02 เมษายน 2555
Last Update : 2 เมษายน 2555 23:42:50 น.
Counter : 283 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]