All Blog
ปางเสน่หา ตอนที่ 10


เนื่องจากบทโทรทัศน์ละครเรื่อง "ปางเสน่หา" ตอนที่ 10 ที่ลงใน “ละครออนไลน์” อยู่นี้ คือตอนล่าสุดที่ทีมงานดาราวิดีโอ เพิ่งถ่ายทำเสร็จ สำหรับบทตอนถัดจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการปรับแก้ตามการถ่ายทำที่เกิดขึ้นจริงในกองถ่าย ซึ่งถ้าบทตอนใหม่มาถึง ทีมงานละครออนไลน์ที่ยึดถือความถูกต้องตรงตามบทโทรทัศน์ จะรีบอัพขึ้นให้อ่านทันที และหากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทำให้ท่านผู้อ่านไม่พอใจ ทีมงานละครออนไลน์ ขออภัยมา ณ ที่นี้


ปางเสน่หา ตอนที่ 10

เตชิตนอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย ขณะนั้นศรีตรังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เสียงโทรศัพท์สั่น ศรีตรังรีบหยิบมาดูพอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาจึงชะเง้อมองเตชิต เห็นหลับสนิทแล้วจึงค่อยๆ ย่องออกไป ศรีตรังหามุมเหมาะๆ แล้วกดรับโทรศัพท์


“โทรมาทำไมอีก”
“อยากให้เลี้ยงข้าวมื้อนึง”
“ฉัน...”
“อะไรกัน เพิ่งสัญญากันไม่ทันข้ามวัน ลืมซะแล้วไหนว่าเป็นคนรักษาสัญญานักหนาไง”
“ก็ได้ จะไปร้านไหนก็บอกมา ยกเว้นที่แพงๆ ทุกที่”
พอลนัดเจอกับศรีตรังที่ร้านอาหารธรรมดาๆ
“นึกว่าจะกินหรูๆ”
“อ้าว ถ้าหรูคุณก็เลี้ยงมื้อเดียวจบซิ กินอาหารจานเดียวแบบนี้ต้องหลายมื้อหน่อย ผมได้ประหยัดไปเยอะ”
“งก”
“เตเป็นไงบ้าง”
“ตอนฉันออกมา มันกำลังหลับ”
“ไม่ไหว เรียกแฟนว่ามัน”
“เวลาอยู่ 2 ต่อ 2 เราเรียกกันว่าที่รัก “
พอลทำท่าขยักขย้อน ศรีตรังทำหน้าตายกินข้าวไป
“อยากขอความช่วยเหลือหน่อย”
“แล้วหายกันนะ”
“ก็ได้”
“ว่ามา”
“ผมจะฝากผู้หญิงคนนึงให้ไปอยู่ในไร่คุณ”
“แฟนละซิ”
“ไม่ใช่ แต่เพื่อมนุษยธรรม”
“อยากจะอ้วก คุณมีด้วยเรอะ มนุษยธรรมน่ะ”
“โอ๊ย ผมมีเยอะ”
“ใคร”
“เจนจิรา”
ช้อนแทบหลุดจากมือศรีตรัง
เดนนิสมาหาปรกเดือนที่บ้าน ปรกเดือนมองเดนนิสด้วยสีหน้าแววตาเฉยเมย ทั้งๆ ที่เดนิสหอบของเยี่ยมมาเยอะแยะ
“แจ๋ว แจ๋ว”
“ขา ...”
“เอาของไปเก็บ แล้วอย่าลืมจัดให้คุณเดือนทานล่ะ”
“ค่ะ”
เดนนิสทรุดตัวลงนั่งใกล้ปรกเดือน ปรกเดือนขยับเบี่ยงตัวเล็กน้อย
“เลิกกับเจนจิราแล้ว” จู่ๆ เดนนิสก็บอกขึ้นมา แต่ปรกเดือนกับนั่งนิ่ง “คุณไม่ดีใจหรือ”
“แล้วคนใหม่เป็นใครล่ะคะ”
“ไม่มีคนใหม่คนเก่าที่ไหนทั้งนั้น ตั้งแต่นี้ไปฉันจะมีเดือนคนเดียว” ปรกเดือนยังคงนิ่งเฉย “ทำไม...ไม่เชื่อหรือ”
“เฉยๆ ค่ะ”
เดนนิสกอดปรกเดือน มือจับหน้าท้อง
“เด็ก... ดิ้นหรือยัง”
“ยังค่ะ เพิ่งจะ 2 เดือน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยังเอาออกง่าย”
ปรกเดือนผละจากเดนนิสทันที
“นี่คุณยังไม่ล้มเลิกความคิดชั่วๆ นี่อีกหรือคะ”
“หรือเธออยากให้มันเกิดมาเห็นสภาพแบบนี้”
“ก็เลิกเสียซะซิคะ เราจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวให้เหมือนคนปกติ”
“ฉันถลำลึกเกินกว่าจะถอยออกมาแล้ว มันสายเกินไปแล้ว”
“ไม่มีคำว่าสายค่ะ ทุกอย่างเริ่มต้นได้เสมอ”
“ไม่ใช่สำหรับฉัน ฉันจะเลิกได้ก็ต่อเมื่อตายเท่านั้น” สีหน้าเดนนิสเศร้าแว่บหนึ่ง แล้วมองปรกเดือนยิ้มๆ “ถ้าฉันตายเสียได้ เธอก็คงจะดีใจ ห้ลูกเธอกำพร้าเสียยังจะดีกว่ามีพ่อแบบฉัน”
ปรกเดือนพยายามกล้ำกลืนน้ำตาลงไป แล้วหันหลังกลับเดินขึ้นไป เดนนิสมองตามสีหน้าแววตาหม่นเศร้าลง
ปรกเดือนกลับเข้าห้องเดินมานอนบนเตียงแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ขณะนั้นเดนนิสยังคงนั่งอยู่ในอิริยาบถเดิม
แจ๋วเดินเข้ามาคุกเข่าลง
“เสี่ยคะ” เดนนิสเบือนหน้ามามอง “แจ๋วว่า ... คุณดาวดูแปลกๆ นะคะ”
“ก็พูดมาซิว่าแปลกยังไง ทำไมจะต้องรอให้ฉันถาม”
“คือ แจ๋วคิดเองว่า เธออาจจะฟื้นได้” เดนนิสนิ่วหน้า “คือระยะหลังนี่เธอกระตุกมากค่ะ กระตุกจนบางวัน แจ๋วมีความรู้สึกว่าเธอจะลุกขึ้นมา”
เดนนิสมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

ที่โรงพยาบาลขณะนั้นเสียงหวานพยายามจะเข้าไปร่างตัวเองแต่ไม่สำเร็จ
“ทำไมฉันถึงเข้าไปไม่ได้” ร่างปรายดาวเริ่มกระตุก เสียงหวานรีบลุกขึ้นเรียกพยาบาลซึ่งเฝ้าอยู่ “คุณพยาบาลคะ ฉันกระตุกอีกแล้วค่ะ”
พยาบาลยังคงนั่งอ่านหนังสือเพราะไม่ได้ยินเสียงหวาน ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วเดนนิสก็เดินเข้ามา พร้อมกับช่อดอกไม้ เสียงหวานมองและอ้าปากค้างขณะที่พยาบาลยกมือไหว้เดนนิส เดนนิสรับไหว้ด้วยท่าทีสุภาพ
“ยัยดาวเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ”
เดนนิสวางช่อดอกไม้บนโต๊ะหัวเตียงแล้วลูบผมปรายดาวเบาๆ ให้พยาบาลเห็นความสนิทสนม พยาบาลจึงเดินเลี่ยงจะออกไป เสียงหวานรีบเดินไปดักหน้าพยาบาลเอาไว้
“อย่าออกไปค่ะ เดี๋ยวเขาจะฆ่าฉัน” พยาบาลเดินผ่านทะลุเสียงหวานออกไป “ตายแล้ว”
เสียงหวานเดินมาหยุดอีกด้านของเตียงคอยสังเกตท่าทีของเดนนิสซึ่งอยู่ตรงกันข้าม
“เธอจะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า”
“ฉันอยากฟื้น” เสียงหวานบอกทั้งที่รู้ว่าเดนนิสไม่ได้ยิน
“แต่อย่าฟื้นเลย”
“อ้าว”
“เพราะหากเธอฟื้นเมื่อไหร่ เธอก็ต้องตายจริงเมื่อนั้น อยู่เป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างนี้น่ะดีแล้ว”
เสียงหวานมองเดนิสอย่างพิศวง
ทางด้านศรีตรังหลังแยบกจากพอล ศรีตรังก็กลับมาหาเตชิตที่โรงพยาบาล
“เรื่องมันวุ่นวายขายปลาช่อนแบบนี้แหละ อีตาพอลว่าหาเรื่องมาให้ฉันจริ๊ง”
ศรีตรังนั่งบ่นกับเตชิต
“แล้วแกจะว่ายังไง จะเฉยหรือว่าช่วย”
“เฮ้อ ในเมื่อรู้แล้วมันก็ต้องช่วย... ไม่น่าเชื่อ”
“ไม่น่าเชื่ออะไร”
“ก็ไม่น่าเชื่อที่ตาพอลรู้จักเป็นห่วงชีวิตคนอื่น เอ๊ะ หรือว่าเขาชอบยัยเจนจิรา”
“อย่าเพิ่งคิดโน่นคิดนี่ให้มันวุ่นวายเลย จะทำยังไงก็รีบทำ”
ศรีตรังมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ขณะนั้นเจนจิรากำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า โทรศัพท์ดังขึ้นเจนจิราเดินมาหยิบขึ้นดูแต่หน้าจอไม่ปรากฎชื่อ
“ใคร” เจนจิราตัดสินใจกดรับ “ใครน่ะ”
“ฉันเป็นเพื่อนเตชิต คุณกำลังมีอันตราย” ศรีตรังบอก
“ฉันถามว่าใคร”
“จำเรื่องเมื่อวันก่อนได้หรือเปล่า เดนนิสจับได้ว่าคุณไปกินข้าวกับผู้กองเตชิตขนาดเตชิตยังเกือบตายแล้วคิดหรือว่า เดนนิสจะไว้ชีวิตคุณ”
“ฉันกำลังจะไปที่อื่น”
“ฉันจะให้คนไปรับคุณ”
“เธออาจจะเป็นคนของเสี่ย”
“เสี่ยคุณน่ะเขาไม่ส่งคนไม่รู้จักมาหลอกคุณไปให้มันลึกลับซับซ้อนเล่นหรอก มือปืนเขามีเยอะแยะจะส่งไปเก็บคุณเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งก็คงจะอีกไม่นาน” เจนจิราถอนใจพะว้าพะวัง “ว่าไง ถ้าตกลงฉันจะส่งคนไปรับ คุณควรจะลองเสี่ยงดูนะ เพราะยังไง เสี่ยก็ต้องส่งคนไปฆ่าคุณอยู่วันยังค่ำ”
เจนจิราเม้มปากอย่างตัดสินใจ
เสียงหวานปรากฏตัวขึ้นในห้องเตชิต เสียงหวานเข้าไปปลุกเตชิตใกล้ๆ
“คุณเตชิต คุณเตชิตคะ”
เตชิตลืมตาขึ้น สีหน้าฉายแววดีใจเมื่อเห็นเสียงหวาน
“คุณหายไปไหนมา”
“ฉันพยายามจะเข้าร่างเดิมค่ะ”
“อะไรนะ” เตชิตชะงัก เสียงหวานทำหน้าละห้อย
“คุณคงยังไม่ทราบว่า เขาเอาร่างฉันมาไว้ที่โรงพยาบาลนี้เหมือนกัน ฉันพยายามอยู่ตั้งนานก็เข้าไม่ได้ จนกระทั่ง...” สีหน้าแววตาเสียงหวานดูหวาดกลัว “เขาเข้ามา”
“ใคร เขาน่ะใคร”
“สามีพี่สาวฉันค่ะ เขาบอกกับฉันที่นอนอยู่ว่า ถ้าฟื้นเมื่อไหร่เขาจะฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรให้เขาซักหน่อย”
เตชิตมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้น เดนนิสอาจจะมีส่วนในการตาย เอ๊ย... โคม่าของคุณ”
เตชิตพยายามยันตัวลุกขึ้น
“คุณจะไปดูฉันหรือคะ อย่าเพิ่งดีกว่า มันอันตราย” เสียงหวานถามอย่างตกใจ
“ผมต้องไป”
“อย่าเลยค่ะ ฉันขอร้อง”
“คุณจะขอร้องไม่ให้ผมเข้าห้องน้ำเรอะ”
เสียงหวานอายแสงรอบตัวเปลี่ยนเป็นสีชมพู เตชิตมองอย่างเอ็นดูเสียงหวานยิ่งเขิน ทั้งหน้าแสงเป็นสีชมพูจัด
ส่วนเจนจิราเมื่อแต่งตัวเสร็จเธอก้าวออกมาจากห้องพร้อมลากกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย 2 ใบ เจนจิราตรวจดูความเรียบร้อยในห้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเจนจิราหยิบขึ้นมาดูแล้วสะดุ้ง
“เสี่ย” เจนจิราลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกดรับ “เสี่ยขา...เจนกำลังคิดถึงเสี่ยอยู่พอดีเชียวค่ะ”
“ฉันให้คนไปรับเธอที่คอนโดฯ มีเรื่องจะคุยด้วย”
“คะ...คุย...คุย อะไรคะ”
เดนนิสหัวเราะเหี้ยมๆ
“ทำไมจะต้องถาม เธอเคยกระตือรือร้นจะมาหาฉันอยู่ตลอดนี่ โดยเฉพาะอยากมาที่บ้านด้วยเธอจะได้เอาไปอวดปรกเดือนไง” เจนจิรานิ่งอึ้งพูดไม่ออก “เดี๋ยวเขาก็คงไปถึง หรือไม่ก็อาจจะไปถึงแล้ว”
เดนนิสวางโทรศัพท์ลง เจนจิรากลัวจนทำอะไรไม่ถูก
“โอ๊ย จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี” เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจนจิราสะดุ้งเฮือกหันไปมอง “คะ...ใคร...ใคร...คะ”
“ผมมารับคุณเจนจิราครับ”
“ฉัน...ฉันไม่สบาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เจนจิรารีบเอาเก้าอี้มาขวางประตูไว้ แล้วเดินเข้าไปในห้องล็อคประตู เจนจิราเดินไปชะโงกหน้าต่างแล้วทำหน้าหวาดเสียว
“ไม่เคยคิดอยากจะเป็น spider man เท่าตอนนี้เลย”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เจนจิรามือไม้อ่อนด้วยความกลัว เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกเจนจิราสะดุ้งเฮือกทั้งเสียงเคาะประตู ทั้งเสียงโทรศัพท์ดังระงม เจนจิรายกมืออุดหู ท่าทางเต็มไปด้วยความหวาดผวา
ขณะนั้นรถศรีตรังจอดอยู่บริเวณที่จอดรถคอนโดของเจนจิรา ศรีตรังถอนใจเฮือกหันมาทางธง
“เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์”
“ผมจะขึ้นไปดู”
“ฉันดีกว่า เพราะถ้าเป็นจ่าธง เขาอาจจะกลัว เพราะไม่เคยเห็นหน้า”
“ระวังตัวนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทร เรียกผมเลย”
“ขอบคุณค่ะ จ่า”

ศรีตรังเปิดประตูรถก้าวออกไป
ศรีตรังมาหาเจนจิราที่ห้องแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นคนของเดนนิสยืนอยู่หน้าห้องเจนจิราและกำลังเคาะประตูเรียกเจนจิราอยู่ ศรีตรังรีบกดโทรศัพท์หาธง
“จ่าธง คนของเดนิสอยู่หน้าห้องเจนจิรา ให้ รปภ. ขึ้นมาดูหน่อย”
ศรีตรังปิดโทรศัพท์ แล้วหลบคอยสังเกตการณ์อยู่บริเวณนั้น
ส่วนเจนจิราแม้จะอยู่ในห้องแต่เธอมีท่าทางสับสนหวาดกลัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปหมด
“ต้องโทรหาตำรวจ ตำรวจเบอร์อะไรล่ะ 919 ...119 โอ๊ย ทีตอนนี้คิดไม่ออก”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจนจิราสะดุ้งเฮือกแล้วก้มมอง
“ไม่มีชื่อ โอเค เลย” เจนจิรากดรับแล้วใส่เป็นชุด “ทำไมถึงเพิ่งจะโทรมา ฉันกลัวจะแย่แล้ว”
“ฉันโทร มาตั้งนาน แต่คุณไม่รับ”
“เหรอ”
“อยู่อย่างนั้นแหละ อย่าเพิ่งออกมาฉันเรียก รปภ. แล้ว”
“ขอบใจ”
ศรีตรังปิดโทรศัพท์ ขณะนั้น รปภ. ร่างใหญ่สองคน เดินตรงมาพอดี ธงย่องมาสมทบกับศรีตรัง รปภ. เจรจากับลูกน้องเดนนิส ลูกน้องเดนนิสจำต้องเดินกลับไป ธงและศรีตรังถอนใจอย่างโล่งอก
ศรีตรังกับธงรีบพาเจนจิราออกจากคอนโด ศรีตรังนั่งหน้าคู่กับธงที่รับหน้าที่ขับรถ ขณะที่เจนจิรานั่งอยู่เบาะหลัง ศรีตรังเหลือบมองเจนจิราทางกระจก
“จะไม่ถามถึงเตชิตบ้างเรอะ”
“เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ถ้าไม่ไปช่วยทันเวลาก็ตายสถานเดียว”
“เป็นแฟนเขาละซิถึงได้เดือดร้อน”
“คนที่จะเดือดร้อนแทนกันได้ไม่ใช่เฉพาะเป็นแฟนกันเท่านั้นหรอก เพื่อนก็มี”
“คุณเตชิตใช่ไหมที่บอกให้พวกคุณมาช่วยฉัน”
“ไม่ใช่”
“งั้นใคร”
“เป็นคนที่คุณคิดไม่ถึงก็แล้วกัน อ้อ เราต้องตกลงกันก่อน ไปอยู่กับฉันคุณต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่แต่ในที่พัก อย่าได้เยี่ยมหน้าออกมาให้ใครเห็นเด็ดขาด เพราะพวกฉันที่ไร่อาจจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“อุดอู้ตายชัก”
“ก็เลือกเอาเอง ระหว่างตายกับอุดอู้”
เจนจิรามีสีหน้าไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูดมาก เพราะตอนนี้เธอต้องพึ่งศรีตรัง
ส่วนที่บ้านเดนนิส ขณะนั้นเดนนิสปัดของบนโต๊ะด้วยความโกรธจัดเมื่อรู้ว่ามีคนมาช่วยเจนจิรา
“ใครบังอาจไปช่วยมัน”
“น่าจะเป็นผู้กองเตชิตได้ไหมครับ เพราะดูแล้วก็ไม่น่าจะมีใครนอกจากมัน”
เฮงบอก เดนนิสนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วขบกราม
“ไอ้เตชิต มันฆ่าคนของฉัน มันแย่งผู้หญิงของฉัน ก่อนหน้านี้มันก็นำกำลังเข้าจับยาล็อตใหญ่ของฉัน เพราะฉะนั้นมันจะอยู่ร่วมโลกกับฉันไม่ได้” สีหน้าเดนนิสดูน่ากลัว “ไอ้เฮง”
“ครับ”
“ให้ใครไปสืบดูซิว่ามันอยู่โรงพยาบาลไหน แล้วส่งคนไปเก็บมัน”
“ครับ เสี่ย”
เฮงเดินออกไป สีหน้าเดนิสยังไม่หายแค้น
เมื่อส่งเจนจิรากับศรีตรังที่ไร่สุขศรีตรังแล้วธงจึงกลับมาหาเตชิตที่โรงพยาบาล เตฃิตขยับจะลุกขึ้นธงรีบเข้าประคอง
“ ผู้กองจะไปไหนครับ”
“ไปเยี่ยมใครคนหนึ่ง”
“แล้วใครคนนั้นอยู่ที่ไหนครับ”
“จ่าธง”
“ครับผม”
“ถ้าไม่สอดจะได้มั้ย”
ธงยิ้มแห้งๆ
ธงเข็นรถเตชิตมาจนถึงหน้าห้องปรายดาว
“ใช่ครับ น.ส.ปรายดาว ห้องนี้แหละ”
“เคาะประตูซิ”
ธงเคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดประตูเข็นรถเตชิตเข้าไป พยาบาลที่เฝ้าปรายดาวลุกขึ้นหันมามอง
“ผม...ร้อยตำรวจเอกเตชิตครับ เป็นเพื่อนกับคุณปรายดาว”
“ค่ะ”
ธงเข็นรถไปใกล้เตียง เตชิตมองปรายดาวแล้วชะงักสีหน้าบอกความตื่นเต้นและประหลาดใจล้นพ้น
“เสียงหวาน ใช่เสียงหวานจริงๆ”
เตชิตพึมพำออกมาเบาๆ
ธงเข็นรถพาเตชิตกลับห้องขณะนั้นเสียงหวานยืนอยู่มุมหนึ่ง
“คุณเห็นแล้วใช่มั้ยคะ”
เสียงหวานถามเตชิต
“คุณยังไม่ตาย”
ธงสะดุ้งชักเลิ่กลั่ก
“ฉันพยามยามจะเข้าร่าง แต่ก็ไม่สำเร็จ”
“มันต้องมีวิธีซิ”
“วิธีอะไรหรือครับ” ธงถามอย่างสงสัย
“วิธีเข้าร่างเดิม” เตชิตบอก ธงถึงกับอึ้ง “จ่าธงกลับไปเถอะ ฉันมีเพื่อนแล้ว”
“ผะ...ผู้...กอง”
“ไปเถอะน่า ไม่ต้องเป็นห่วง ขืนอยู่เดี๋ยวได้เป็นไข้หัวโกร๋น”
ธงรีบทำความเคารพ
“งั้นผมลาละครับ”
ธงรีบเปิดประตูออกไป เมื่อธงไปแล้วเตชิตจึงขึ้นไปนั่งบนเตียง ขณะที่เสียงหวานนั่งลงบนโซฟา
“ผมแทบไม่เชื่อสายตา”
“ยิ่งฉันได้อยู่ใกล้ร่างเดิมมากเท่าไหร่ ความทรงจำเก่าๆ ก็เริ่มกลับคืนมา...มันเหมือนช่องว่างเวลาที่ฉันติดอยู่ในอดีตและเวลาปัจจุบันถูกตบจนเต็มและเส้นสายความทรงจำก็ค่อยๆต่อเชื่อมกันจนกระทั่งครบถ้วนสมบูรณ์”
“เมื่อวาน คุณยังจำไม่ค่อยได้”
“บอกแล้วไงคะว่าความทรงจำค่อยๆ กลับคืนมา”
“ถ้าอย่างนั้น อีกไม่นานคุณก็ต้องเข้าร่างได้”
“ไม่ทราบซิคะ จนถึงตอนนี้ฉันเริ่มไม่ค่อยแน่ใจแล้ว บางที...ฉันคงออกจากร่างตัวเองมานาน มันอาจจะเหมือนบาดแผลที่ถูกทิ้งไว้และปิดสนิทไปแล้ว ฉันถึงเข้าไปไม่ได้”
สีหน้าแววตาเสียงหวานหม่นเศร้า แสงสีขาวเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น
“คุณนอนหลับแบบนี้มานานเท่าไหร่”
“สองปีกว่าค่ะ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“ฉันประสบอุบัติเหตุค่ะ”
“ที่ไร่สุขศรีตรังน่ะหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ ตรงที่เราพบพระองค์ที่คุณห้อยอยู่”
“แล้วทำไมวิญญาของคุณถึงไปอยู่ที่ไร่สุขศรีตรังล่ะ” คำถามนี้ทำให้เสียงหวานนิ่งอึ้ง “ถ้าคุณยังไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ผมจะเอาสร้อยคุณไปคืน”
“ไม่ต้อง” เสียงหวานรีบบอก เตชิตมองเสียงหวานอย่างแปลกใจ “ฉันอยากให้คุณเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ ...คุณพ่อคุณแม่เป็นคนให้ฉันไว้ติดตัวก่อนที่ท่านจะเสีย สร้อยพระนั่นถึงได้สำคัญสำหรับฉันมาก... “เสียงหวานลุกเดินไปที่ระเบียงมองออกไปยังท้องถนนเบื้องหน้า เตชิตมองตามด้วยสีหน้าแววตาอ่อนโยน “ฉันอาจจะไม่มีโอกาสกลับเข้าร่างอีก... ต้องเป็นวิญญาณพเนจรแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าวันหนึ่งหมดกรรม ฉันจากโลกนี้ไปจริงๆ ฉันอยากให้คุณเก็บไว้เป็นที่ระลึก ...” เสียงหวานเบือนหน้ากลับมาตาละห้อย “นึกถึงฉันบ้างนะคะ”
เตชิตลุกเดินจากเตียงมาที่ตรงหน้าเสียงหวาน เสียงหวานหลับตาลงแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นไล้เบาๆ บริเวณหน้าอกเตชิตที่สวมสร้อย เตชิตหลับตามือเสียงเหมือนจะแตะโดนเนื้อบริเวณนั้น
“ผมไม่มีวันยอมให้คุณเป็นวิญญาณพเนจร เพราะไม่ว่าผมไปไหน คุณก็ต้องไปด้วย ผมไม่ปล่อยให้คุณหนีไปไหนหรอกน่า อย่าหวังเลย”
เสียงหวานลืมตาขึ้น ตาต่อตาสบตากันเต็มไปด้วยความรัก เตชิตให้กำลังใจขณะที่เสียงหวานยังเศร้าไม่แน่ใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านศรัตรัง จุรีและอ้อยช่วยกันเสิร์ฟอาหารเช้าที่โต๊ะหน้าบ้าน ศรีตรังกับเจนจิราเดินออกมา
“นอนหลับสบายมั้ยค้า คุณนางเอก”
จุรีทักเจนจิรา
“คงจะแปลกที่ค่ะ เลยหลับไม่ลง”
เจนจิราบอก เสียงโทรศัพท์เจนจิราดังขึ้น ศรีตรังรีบคว้าไว้ก่อนที่เจนจิราจะรับ
“ฉันบอกแล้วว่าห้ามรับโทรศัพท์”
“แล้วจะไม่ให้ฉันติดต่อกับใครเลยเรอะไง” เจนจิราถามอย่างไม่พอใจ
“ใช่ เพราะถ้ามันอันตรายกับคุณคนเดียว ฉันจะไม่สนเลยสักนิด แต่นี่อันตรายมันจะตามมาถึงคนของฉันด้วย”
ตรีทศและสมเดินเข้ามา
“เชิญค่ะ คุณสม คุณทศ”
จุรีบอก เจนจิราปรายตามองแว่บหนึ่งแล้วลุกขึ้น
“ฉันจะเข้าไปข้างใน”
“แล้วพี่เจนไม่ทานอะไรก่อนหรือคะ” อ้อยรีบถาม
“ปกติฉันกินน้ำส้มคั้นแก้วเดียว เดี๋ยวเอาไปให้ฉันบนห้องด้วยก็แล้วกัน” ทุกคนสะอึกอึ้งกันไปหมด ขณะที่ศรีคว้าเก็บมือถือเจนจิราไว้ “โอ๊ย นี่มันยิ่งกว่าโรงเรียนประจำอีกนะ”
“เพื่อความปลอดภัยของคนในไร่ฉัน”
เจนจิราสะบัดหน้าเดินกลับเข้าบ้าน
“อะลัตตั๊ดต๊า สะบัดบ๊อบไปเลย”
เจนจิรากลับเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด
“ไม่รู้ว่า จะทนอยู่ไปได้นานแค่ไหน “
ด้านนอกขณะนั้นทุกคนกำลังคุยกันเรื่องเจนจิรา
“ด้วยความเคารพ ผมว่ามันน่าหนักใจเหมือนกันนะครับ” สมบอก
“ถ้าวุ่นวายมากนัก ศรีว่าจะส่งคืนเหมือนกันค่ะ”
“มาพนันกันมั้ยคะ พี่ทศว่านางเอก เจนจิราจะอยู่ที่นี่ได้สักกี่วัน”
“นังอ้อย”
“ผมไม่เล่นการพนันครับ”
อ้อยหน้างอ
ส่วนที่กรุงเทพขณะนั้นพอลกำลังเดินเข้ามาในโรงพยาบาล เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอลหยิบมาดูแล้วกดรับ
“โทรมาแต่เช้า ท่าทางจะคิดถึงกันมาก”
“ปากเหม็นแต่เช้า”
“เคยดมแล้วเรอะไง”
“ไม่ต้องดมหรอก กลิ่นมันออกมาทางโทรศัพท์”
“งั้นคงไม่ใช่กลิ่นผมแล้วมั้ง เจนจิราเป็นไงบ้าง”
“อยากจะไล่กลับกรุงเทพ เสียวันนี้เดี๋ยวนี้”
“อดทนหน่อยก็แล้วกัน ถือว่าเอาบุญ”
“งั้นทำไมไม่เอาไปไว้ที่บ้านตัวเองล่ะ”
“งานผมยังไม่เสร็จ อีกอย่างผมไม่อยากให้เขารู้ว่าผมเป็นคนฝากคุณ เอางี้เดี๋ยวจะไปเยี่ยมไอ้เตให้”
“ไม่จำเป็น เตโทรมารายงานตัวแล้วแต่เช้า”
พอลปิดโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
ที่ห้องเตชิต ขณะนั้นเตชิตยันตัวลุกขึ้นขยี้ตาอีกราวกับจะให้แน่ใจว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นความจริง เสนาเหลือกตามองเพดานอย่างรำคาญขณะที่ธงและตำรวจอมยิ้ม
“นี่นายนึกว่าฉันเป็นภาพลวงตาเรอะไง”
เสนาถาม เตชิตรีบยึดตัวนั่งตรง ทำความเคารพ
“ขออภัยครับ ผู้กำกับ”
“เป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ”
“เออ ก็แล้วไอ้ที่ไม่เห็นน่ะมันเป็นยังไง”
“ผู้กำกับหมายถึงอะไรครับ”
“ไอ้เต”
“ครับผม”
“ฉันจะทำยังไงกับนายดี”
“ปกติ ถ้าบาดเจ็บในหน้าที่เขาต้องเลื่อนยศ”
“แต่เท่าที่รู้ แกบาดเจ็บเพราะพาผู้หญิงไปเที่ยว พอแฟนเขารู้เข้าโกรธเลยเอาเรื่อง”
“ผู้กำกับครับ แฟนของผู้หญิงคนนั้น คือ ไอ้เดนนิส ผมจะไปกับเจนจิราก็เพื่อจะสืบ...”
“ไอ้เตห่าง ...ง...ง บอกไม่รู้กี่หนว่างานนี้เป็นของผู้กองพอล นายนี่ชอบเข้ามาชักใบให้เรือเสียซะเรื่อย แล้วนี่จะอยู่อีกซักกี่วัน”
“คงจะอีก 3-4 วันครับ”
“หา! อยู่ทำไมนานขนาดนั้น ต่อปากต่อคำเก่งแบบนี้ วันนี้ก็ออกได้แล้วฉันอนุญาตให้อีก 2 วัน”
“ขอบคุณครับผม”
“ไปละ”
“ครับผม”
ทุกคนทำความเคารพเสนา เมื่อเสนาออกจากห้องไปแล้วเตชิตถึงกับถอนหายใจ
อีกด้านที่ห้องปรายดาว พอลเปิดประตูให้ปรกเดือนเดินเข้ามาก่อน แล้วปิดประตู ปรกเดือนเดินมาที่เตียงขณะที่นักกายภาพกำลังทำกายภาพบำบัดให้ปรายดาวโดยมีเสียงหวานมองอยู่ใกล้ๆ อย่างสนใจ
“วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
ปรกเดือนถามนักกายภาพบำบัด
“มีกระตุกบ้างค่ะ”
เสียงหวานมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกสะเทือนใจครู่หนึ่งแล้วจึงหายไป...เสียงหวานปรากฏตัวขึ้นในห้องเตชิตสีหน้าแววตาหมองๆ
“ไปเยี่ยมร่าง ตัวเองมาละซิ” เสียงหวานยังคงไม่พูดไม่จา เตชิจจึงเข้าใจผิดคิดว่าเสียงหวานเศร้าที่ยังเข้าร่างไม่ได้ “อย่าเพิ่งคิดมากซิ ถ้าคุณยังไม่ตายก็หมายความว่ายังไม่ถึงฆาต แล้วถ้าไม่ถึงฆาต คุณก็ต้องฟื้นขึ้นมาจนได้สักวันนึง”
“มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“แล้วเรื่องอะไร”
“เรื่องของคนที่ทรยศต่อความไว้วางใจของฉัน”
“หมายถึงใคร” เสียงหวานเลือนหายไป เหมือนยังไม่อยากตอบ “วันนี้มาแปลก ใครกันที่ทรยศต่อความไว้วางใจของคุณ”
ส่วนที่ห้องปรายดาวขณะนั้นปรกเดือนและพอล ขอบคุณนักกายภาพซึ่งกำลังจะเดินออกไป
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ “
“เธอสวยจังนะคะ”
ปรกเดือนยิ้มอ่อนโยนขณะเบือนหน้าไปมองปรายดาวอย่างรักใคร่
“ค่ะ สวยมาก”
นักกายภาพบำบัดเดินออกไป
“วันนี้ผมมีธุระ คงต้องกลับก่อน” พอลบอกปรกเดือน
“เชิญเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวเดือนจะโทรให้คนขับรถมารับ”
“งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน “
“ขอบคุณนะคะ”
พอลบีบมือปรายดาวเบาๆ
“ผมไปก่อนนะดาว แล้วจะมาเยี่ยมใหม่”
พอลเดินกลับออกไป
อีกด้านหนึ่งที่ไร่สุขศรีตรังขณะนั้นศรีตรังกำลังปรึกษาสมกับตรีทศเรื่องฟื้นฟูไร่
“ผมจะให้ทั้ง 3 บริษัทเสนอราคามาก็แล้วกัน” ตรีทศบอก
“ดีค่ะ เรื่องนี้คุณทศรับไปจัดการเลย ส่วนเรื่องไร่ข้าวโพด...”
“ด้วยความเคารพ ผมถนัดเรื่องนี้ครับ เลยขอแบ่งเบาภาระตรงนี้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากทั้ง 2 คน ถ้ามีอะไรติดขัดก็บอกศรีได้ทันที”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นศรีตรังหยิบขึ้นมาดู สีหน้าที่เป็นงานเป็นการเปลี่ยนเป็นงอหงิกขึ้นมาทันทีก่อนจะกดรับ
“ว่ามา”
“ผมกำลังเดินทางไปไร่คุณนะ คงจะถึงที่นั่นประมาณ 11 โมงกว่า”
“เป็นห่วงนางเอกใช่มั้ยล่ะ”
“ฟังเสียงเหมือนกับจะหึงแฮะ”
“ไอ้คุณพอล”
ตรีทศและสมสะดุ้งกับเสียงเกรี้ยวกราดของศรีตรัง
“เดี๋ยวเจอกัน”
พอลบอกแล้ววางหู ศรีตรังปิดโทรศัพท์อย่างโมโห
“ฉันไม่อยู่เจอให้โง่หรอก” ศรีตรังชะงักนิดหนึ่ง เมื่อเห็นสมกับตรีทศมองมาแปลกๆ “ด้วยความเคารพ เชิญครับ”
ศรีตรังบอกแล้วลุกเดินออกไป
ศรีตรังเดินออกมาเจอเจนจิราที่นั่งหงุดหงิดอยู่คนเดียวเพราะออกไปไหนไม่ได้
“ออกไปไหนก็ไม่ได้ ... อีกหน่อยฉันต้องเป็นบ้าตายแน่”
เจนจิราบ่น ศรีตรังเดินเข้ามาหา
“คุณเจนจิรา” เจนจิราหันมามอง “ฉันจะออกไปข้างนอก”
“ไปด้วยคนซิ”
“ไปก็ไป” เจนจิราหน้าสดชื่นขึ้น “แต่เดี๋ยวพอลจะมา”
สีหน้าเจนจิราเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น
“งั้นไม่ไปแล้ว คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันต้องขัดสีฉวีวรรณคอยต้อนรับแขกหน่อย มาอยู่วันสองวัน ผิวชักจะหยาบกร้าน”
เจนจิราเดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าท่าทางมีชีวิตชีวามากขึ้น ศรีตรังมองตามแล้วเบ้ปาก













Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 15:12:58 น.
Counter : 330 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]