All Blog
ปางเสน่หา ตอนที่ 12 (ต่อ)



เตชิตขับรถมาเรื่อยๆ โดยมีเสียงหวานนั่งมาเงียบๆ

“ฉันอยากให้คุณช่วยเล่าเรื่องของฉันให้ฟังอีกครั้งได้มั้ยคะ”
เสียงหวานพูดขึ้นมา
“ทำไมคุณถึงจะอยากฟังขึ้นมาล่ะ”
เสียงหวานก้มหน้าลงครู่หนึ่งแล้วเงยขึ้น
“เพราะฉันไม่มีทางไปแล้วน่ะซิคะ แล้วคุณก็เป็นคนเดียวที่ฉันจะพึ่งได้”
“ตกลง แต่ต้องให้ผมไปทำธุระให้เสร็จก่อน”
“ได้ค่ะ”
เสียงหวานยิ้มออกมา เตชิตพยักหน้าสีหน้าแววตาดูปลอดโปร่งขึ้น
เตชิตขับรถมาจอดที่สถานีตำรวจ เตชิตขยับจะลงแล้วนึกได้หันมามองเสียงหวาน เตชิตมีสีหน้าพอใจเมื่อเห็นเสียงหวานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“ดีกว่าครั้งก่อน”
“ยังไงคะ”
“ถ้าเป็นคราวก่อน คุณจะล่วงหน้าไปโน่นแล้ว และก็จะคอยแทรกเวลาที่ผมคุยกับคนอื่นซึ่งทำให้เขาคิดว่าผมเป็นบ้า”
เสียงหวานหน้าสลดลง
“ฉันเสียใจจริงๆ ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะรออยู่ที่นี่นะคะ”
“นั่นจะเป็นการดีที่สุดเลย” เตชิตเปิดประตูลงไป “เดี๋ยวผมมา”
“ค่ะ”
เตชิตเดินไป เสียงหวานชะเง้อมองตาม
พอลและเสนากำลังคุยกัน ขณะที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“เข้ามา” ประตูเปิดออก เตชิตเข้ามาแล้วทำความเคารพเสนาโดยไม่มองพอล “นั่งซิ”
“ขอบคุณครับ”
เตชิตทรุดตัวลงนั่ง
“ผู้กองพอลเขามีเรื่องให้นายช่วยหน่อย”
“เขาน่ะหรือครับจะให้ผมช่วย เก่งกล้าสามารถขนาดนั้นนะครับ”
“ฉันไม่ค่อยชำนาญพื้นที่แถวตะเข็บชายแดนทางเหนือ”
“ก็แสดงว่าจะเกี่ยงให้ฉันไปทำแทน”
“เราต้องร่วมมือกัน”
“หูฉันคงไม่ฝาด”
พอลชักฉุน
“ถ้าแกหูฝาด ฉันก็ ...”
“พอที จะทะเลาะอะไรกันนักหนานะ” พอลและเตชิตนิ่งกันไป เสนาเบือนหน้ามามองเตชิต “รู้จักสมุนเดนนิสที่ชื่อเฮงมั้ย”
“เอเย่นต์ใหญ่ทางภาคเหนือเลยครับ พอมีเรื่องทีมันก็จะหลบไปกบดานอยู่ที่นั่นที แล้วก็ถือโอกาสค้าของเถื่อนไปด้วย ผมได้ข่าวว่าเดนนิสเรียกมันมาใช้หลังจากที่ไอ้เจียงตาย”
“แต่ตอนนี้มันหลบไปอยู่ที่แถวนั้นอีกแล้ว และเดนนิสใช้ให้พอลไปฆ่าตัดตอนมัน”
เตชิตเบือนหน้ามองพอล พอลไม่ได้หันมาท่าทางยังเก๊กตามเดิม
เมื่อคุยธุระเสร็จแล้วเตชิตเดินกลับมาที่รถ แล้วเปิดประตูจะขึ้นไปนั่ง พอลเดินมาขึ้นรถใกล้ๆ
“พอล” พอลเบือนหน้ามามอง “ช่วยอะไรอย่างนึงได้ไหม”
“เอาซิ! ฉันช่วยแก แกช่วยฉัน ยุติธรรมดี”
“ฉันอยากไปเยี่ยมปรายดาว” พอลชะงัก
“แกรู้จักปรายดาว”
“ฉันไม่รู้จักหรอก แต่มีเพื่อนคนนึงเขาฝากมาเยี่ยม”
“ปรายดาวอยู่ห้องไอซียู”
เตชิตพยักหน้า พอลมองเตชิตด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
พอลขับรถนำออกไปเตชิตขับรถตาม
“เราจะตามรถคันนั้นไป”
เตชิตบอกเสียงหวานขณะขับรถตามพอล
“ไปไหนคะ”
“ผมอยากให้คุณพบกับใครคนหนึ่ง”
“ใครหรือคะ”
“คุณต้องไปเห็นเอง”
เสียงหวานมองเตชิตด้วยความแปลกใจ
เตชิตขับรถตามพอลมาที่โรงพยาบาล พอลพาเตชิตเดินตรงมาห้องไอซียูโดยมีเสียงหวานเดินตามมา
“คนที่คุณอยากให้ฉันพบอยู่ที่โรงพยาบาลนี่หรือคะ” เสียงหวานถามเตชิต
“ใช่”
เตชิตตอบรับ พอลหันมามอง เตชิตทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ในที่สุดทั้งหมดก็มาถึงห้องไอซียู พอลยืนติดกระจก เตชิตยืนข้างๆ ตามด้วยเสียงหวาน
“นั่นไง”
พอลบอกเสียงหวานเบิกตากว้างเมื่อเห็นตัวเองนอนหลับอยู่ในห้องนั้น
“นั่น...นั่นฉันนี่คะ”
“อย่าเสียงดัง”
“ใครเสียงดัง” พอลถามอย่างแปลกใจ
“เปล่า”
“แกรู้จักปรายดาวได้ยังไง” พอลถามขึ้นมา
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้รู้จัก แต่เพื่อนของฉันรู้จัก”
พอลมองเตชิตอย่างแปลกใจ ขณะที่เสียงหวานมองปรายดาวอย่างพิศวง
เตชิตกลับมาที่รถทันทีที่เตชิตก้าวขึ้นมาบนรถ เสียงหวานก็ปรากฏตัวขึ้นที่เบาะข้างๆ เสียงหวานนั่งนิ่งอึ้งไม่พูดไม่จา
“เห็นแล้วใช่ไหม”
“นั่นเป็นร่างของฉันหรือคะ” เตชิตพยักหน้า “ทำไมฉันถึงได้นอนอยู่อย่างนั้น ...ฉันอยู่อย่างนั้นมานานแค่ไหนแล้วคะ”
“สองปีกว่า ระหว่างทางผมจะเล่าให้คุณฟัง”
เตชิตบอกแล้วขับรถออกไป...
คืนนั้นที่บ้านปรกดือน ขณะที่เดนนิสนอนหลับสนิทปรกเดือนกับนอนกระสับกระส่าย แล้วเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆ ย่องออกไป...ปรกเดือนเดินเข้ามาในห้องปรายดาว ปิดประตูเบาๆ แล้วลงนั่งบนเตียง ปรกเดือนทอดถอนใจด้วยสีหน้าแววตากังวลเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปรายดาว โดยเฉพาะหลังจากถอดสร้อย ปรกเดือนนิ่วหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้พร้อมกับผุดลุกขึ้นนั่งทันที
วันรุ่งขึ้นพอลมาหาปรกเดือนที่บ้านแต่เช้า ปรกเดือนเลื่อนจานของว่างให้พอล
“เดือนคิดว่า อาจจะเป็นเพราะเดือนถอดสร้อยพระนั่น”
พอลอดหัวเราะไม่ได้
“เหตุผลเดือนฟังไม่ขึ้น เป็นไปไม่ได้”
“สร้อยนั่นหายไปนาน แต่อยู่ดีๆ ก็กลับมาอยู่ที่ยัยดาว จะยังไงเป็นเรื่องแปลก” พอลนิ่งคิด “คุณอาจไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เดือนเชื่อ”
“อย่าลืมว่า พยาบาลเห็นไอ้โรคจิต... มาป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงพยาบาล”
“ถ้าเป็นโรคจิต ทำไมเขาถึงเอามาสวมให้ล่ะคะ”
“ผมจะลองไปเค้นมันดู”
“คุณรู้จักเขาด้วยหรือคะ”
ปรกเดือนถามอย่างแปลกใจ พอลหยิบกาแฟขึ้นมาจิบสีหน้ามาดหมาย
พอลมาหาเตชิตที่บ้าน เตชิตเลื่อนน้ำเปล่าไปตรงหน้าพอล

“กาแฟหมดพอดี”
ระหว่างนั้นเสียงหวานนั่งมองพอลอย่างไม่ให้คลาดสายตาทุกอิริยาบถ
“ไม่เป็นไร ที่บ้านฉันมีทั้งกาแฟทั้งน้ำเปล่า... แกเก็บไว้กินเองเถอะ” พอลเลื่อนแก้วน้ำคืน
“ดี ไม่เปลือง” เตชิตบอกแล้วมองเสียงหวานอย่างหงุดหงิด “คุณจะจ้องมองอะไรมันนักหนานะ”
เตชิตต่อว่าเสียงหวาน พอลมองเตชิตพลางส่ายหน้า
“ก็คุณบอกว่า เขารู้จักกับครอบครัวฉัน” เสียงหวานบอก
“แต่ไม่เห็นจำเป็นจะต้องนั่งจ้องมันขนาดนั้นเลย”
“เต ฉันเป็นแขกของแก แต่แกกลับไปคุยกับเก้าอี้ว่างข้างๆ ตัวฉัน” พอลขัดขึ้นมา
“เอาละ...ขอโทษ มีธุระอะไรก็ว่ามา เดี๋ยวฉันจะไปทำงานแล้ว”
“แกเป็นคนเอาสร้อยพระไปสวมให้ปรายดาวใช่ไหม”
“ใครบอกแก”
“พยาบาลเขาบอกว่า น่าจะเป็นไอ้โรคจิต” เตชิตสะดุ้ง เสียงหวานมองทางโน้นทีทางนี้ที “ใช่หรือเปล่า”
“ใช่ ...ถ้าจะถามว่าฉันเอามาจากไหน ก็ตอบได้ว่า ข้างทาง”
“ข้างทาง ...”
“แกรู้จักเจ้าของสร้อยเส้นนั้นหรือเปล่า”
“แล้วแกล่ะ...” พอลชะงักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ศรีตรังเข้าไปสืบในบ้านปรกเดือน “แกใช่ไหมที่ส่งศรีตรังเข้าไปสืบในบ้านปรกเดือน”
“แกก็รู้ว่าในโลกนี้มีใครบ้าง ที่สามารถสั่งศรีตรังได้”
พอลอึ้งไปนิดหนึ่ง
“กลับมาเรื่องเดิม”
“ไม่กลับ จนกว่าแกจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังก่อน”
พอลสบตาเตชิต ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันเหมือนจะหยั่งความคิดของกันและกัน
เตชิตโทรศัพท์หาศรีตรังหลังจากพอลกลับไปแล้ว
“แล้วเรื่องทั้งหมดเป็นยังไง” ศรีตรังถามอย่างสนใจ
“มันไม่บอก...เดินกลับออกไปเฉยๆ”
“โธ่เอ๊ย”
“โทรมาเล่าให้ฟังแค่นี้แหละ”
“แล้วคุณหนูเผือกว่าไง”
“ฉันต้องหาวิธีให้เธอกลับเข้าร่างให้ได้ ...”
ศรีตรังนึกขึ้นมาได้
“ไปถามหลวงพ่อ ได้ความว่ายังไงแล้วฉันจะบอกแก”
ศรีตรังวางหูจากเตชิตแล้วรีบไปถามหลวงพ่อที่วัด
“อาตมาก็บอกไม่ได้หรอกโยม”
“มันไม่ใช่กิจของสงฆ์หรือเจ้าคะ”
“เปล่า...แต่อาตมาไม่รู้ มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของกรรมทั้งนั้น”
“น่ากลัวจังเลยค่ะ เห็นอย่างนี้ไม่กล้าทำกรรมทำเวรเลย”
“โยมไม่กล้า แต่ยังมีคนอื่นกล้า โลกมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้”
ขณะที่ศรีตรังไปคุยกับหลวงพ่อที่วัด เจนจิราได้โทรศัพท์ไปหาปรกเดือนที่บ้าน ปรกเดือนกำโทรศัพท์แน่น ชำเลืองซ้ายขวาแล้วลดเสียงลง
“โทรมาทำไม เดี๋ยวนี้เสี่ยเขามาอยู่ที่นี่ ...”
“ไม่ต้องมาอวด”
“ไม่ได้อวด แค่ไม่อยากให้มีการฆ่าแกงกันเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าเสี่ยถามว่าใครโทรมา ฉันก็โกหกไม่เป็นเสียด้วย”
“เฮอะ ทำเป็นคนดี ฉันไม่เชื่อหรอกว่า เดนนิสรักเธอ ผู้ชายคนนั้นมันรักตัวเองมากที่สุด อีกหน่อยมันก็จะเขี่ยเธอทิ้งเหมือนที่เขี่ยฉันยิ่งมีลูกด้วยแล้วละก็...” เจนจิราลากเสียงเยาะๆ ปรกเดือนชะงัก
“หมายความว่ายังไง”
“ลองถามตัวเองดูซิ ผัวเธอน่ะตื่นเต้นดีอกดีใจที่จะมีลูกหรือเปล่า จะบอกให้ก็ได้ว่าตอนที่มันรู้ว่าเธอท้องใหม่ๆ น่ะ มันเครียดมากฉันก็เลยรู้ว่า ไอ้การที่เธอจะมีลูกเพื่อผูกมัดผัวน่ะ... เหลวทั้งเพ” ปรกเดือนกัดปากแน่น “อ้อ เพื่อไม่ให้เสีย Concept เดิม ... ฉันขอแนะนำให้รับประทานกล้วยผลขนาดกลาง ซึ่งมีวิตามิน B6 ที่ช่วยให้สมองผลิตสารเซโรโทนิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความรู้สึกเครียดและวิตกกังวลได้”
“เธอนั่นแหละควรกินเองวันละเครือ เพราะเท่าที่ฟังๆ ดูแล้ว เธอน่าจะเครียดและวิตกกังวลมากกว่าฉันเสียอีก”
ปรกเดือนวางโทรศัพท์ลง ขณะที่เจนจิราฉุนจัด
“แกน่ะซิกินกล้วยวันละเครือ”
อ้อยเดินเข้ามาพอดี
“โกรธใครคะ พี่เจน”
“โกรธนังเมียหลวง”
“สนใจเรื่องปราบผีต่อมั้ยคะ”
“ไม่ แล้วฉันก็จะไม่บ้าบอไปกับเธอแล้วด้วย”
เจนจิราเดินกระทืบเท้าออกไป อ้อยตะโกนตาม
“ปราบเมียหลวงน่ะง่ายกว่าปราบผีอีกนะคะ...ไม่เชื่อก็ตามใจ”
ที่บ้านปรกเดือนขณะนั้นเดนนิสเดินเข้ามาในบ้านพร้อมถุงผลไม้และรังนกบำรุงปรกเดือน แจ๋วเข้ามารับของ
“คุณเดือนค่ะ”
“อยู่ข้างบนค่ะ ตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมลงมาเลยข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน”
เดนนิสเดินขึ้นไปก่อนแจ๋วจะพูดจบ เดนนิสมาหาปรกเดือนที่ห้อง
“เดือน ...” เดนนิสชะงัก เมื่อไม่ปรากฏร่างปรกเดือนในห้อง “ไปห้องนั้นอีกแล้ว”
เดนนิสเดินออกจากห้องไปหาปรกเดือนที่ห้องปรายดาว ขณะนั้นปรกเดือนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับพอล
“เราก็น่าจะลองฟังเขาดูนะคะ พอล ...” เดนนิสเข้ามาได้ยินคำสุดท้ายพอดี ปรกเดือนหันมามองเดนนิสแล้วรีบตัดบท “แค่นี้ก่อนนะคะ”
“ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เป็นซิ เพราะฉันอยากรู้ว่าเมียฉันคุยอะไรกับลูกน้องฉัน”
“กลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว”
“มันต้องกลับ เพราะเธอกับไอ้พอลชอบทำอะไรให้สงสัยอยู่เรื่อย” ปรกเดือนถอนใจเฮือก “อ้อ รำคาญ”
“ขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีก เดือนไม่มีอะไรกับพอล”
“งั้นฉันก็จะคุยกับมันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที” ปรกเดือนทรุดตัวลงนั่ง “ถ้าเกิดดาวฟื้นขึ้นมาจริงๆ ... ฉันจะให้มันเลือกว่าจะเอายังไง ถ้ายังรักกันดีอยู่ ก็รีบแต่งงานกันเสียเลย”
“พอลไม่มีวันเปลี่ยนใจ” เดนนิสหัวเราะ
“อย่าเพิ่งมั่นใจนัก เธอจำเจ้าของไร่สุขศรีตรังได้ใช่ไหมล่ะ” ปรกเดือนอึ้งไป “เจ้าพอลมันไปที่ปากช่องบ่อยๆ ...”
“เขาไปทำสังฆทานให้ดาว”
“โธ่เอ๊ย ทำในกรุงเทพนี่ก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องถ่อไปถึงที่โน่นเลย”
“ก็ดาว...รถคว่ำที่นั่น”
“งั้นถ้าดาวไปตายที่อเมริกา มิต้องถ่อไปทำบุญที่โน่นทุกอาทิตย์เรอะ” ปรกเดือนเงียบไป “แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไอ้พอลมันไม่เอาก็ยังมีหุ้นส่วนฉันอีกหลายคนที่สนใจน้องสาวเธอ “
“คุณพูดออกมาได้ยังไง คุณเป็นคนอำมหิตที่สุดในโลกเลย”
“ฉันจำเป็นต้องวางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย”
“แผน...ความปลอดภัย ขอถามหน่อยเถอะ เพื่อความปลอดภัยของคุณใช่ไหม”
“ใช่ ... เพราะถ้าฉันปลอดภัย เธอก็จะปลอดภัย”
“ฉันไม่สน จะปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย ฉันไม่สนทั้งนั้น ฉันแค่อยากมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่น ไม่ต้องหวาดระแวงกัน”
ปรกเดือนเปิดประตูเดินแกมวิ่งออกไป เดนนิสมองตามอย่างไม่สบายใจ
ปรกเดือนออกจากบ้านมาหาปรายดาวที่โรงพยาบาล แต่พอเข้ามาในห้องปรายดาวปรกเดือนก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเตชิตนั่งอยู่ เตชิตรีบลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นปรกเดือน
“กรุณาฟังผมสักหน่อยเถอะครับ” ปรกเดือนจับลูกบิดประตู “ได้โปรด”
ปรกเดือนหันกลับมา
“ต้องการอะไร ขอบอกก่อนว่าฉันไม่มีเวลาพอ ถ้าคุณขืนพูดอะไรเหลวไหลเพ้อเจ้อละก็ ฉันจะเรียกพอลมาและคราวนี้จะไม่มีการยอมความเด็ดขาด! คุณได้ติดคุกแน่”
“ได้ครับ ก่อนอื่นเลย ผมขอบอกคุณว่า วิญญาณของปรายดาวอยู่ที่นี่”
“จริงค่ะ” เสียงหวานช่วยยืนยันแต่ปรกเดือนไม่เห็น เธอจึงจะเดินออกไป เตชิตรีบพูด “เธอบอกว่า ขอโทษที่เข้าใจคุณผิดไป”
“ฉันบอกคุณอย่างนั้นหรือคะ” เสียงหวานถามเตชิต
“เงียบน่า” ปรกเดือนหันกลับมา เตชิตถอนหายใจ “ความจริงเธอไม่ได้บอกอะไรผมเลย เพราะเธอจำไม่ได้” ปรกเดือนยังคงยืนฟัง “ผมพบเธอเมื่อตอนที่ไปพักอยู่ที่ไร่สุขศรีตรังของเพื่อนผม เธอไม่รู้ตัว ว่าเธอตายด้วยซ้ำ”
“ฉันยังไม่ตายค่ะ ยังหายใจอยู่เลย! ดูโน่นซิคะ” เสียงหวานแย้งแต่เตชิตไม่สนใจ
“เธอขอให้ผมสืบว่าเธอเป็นใคร ทำไมเธอถึงต้องติดอยู่ในบ้านหลังนั้น…”
“หลังที่เท่าไหร่”
“หลังที่ 3 จากสุดท้าย” ปรกเดือนน้ำตาซึม “สร้อยพระเส้นนั้น เราพบระหว่างทางเข้ากรุงเทพเธอจำได้ว่า มีสิ่งของที่เธอรักมากอยู่บริเวณนั้น แล้วเราก็พบพระเครื่อง”
“ตอนที่คุณพบเธอ เธอแต่งตัวยังไง...”
“เธอเกล้าผม...สวมชุดสีออกครีมๆ” เตชิตมองเสียงหวานขณะพูด “ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูก กระโปรงยาวมีลูกไม้ตรงปลายเสื้อสั้นแค่เอว แขนคล้ายๆ เสื้อกล้าม...”
ปรกเดือนร้องไห้ออกมาทันที
“ปรายดาว”
“ดวงวิญญาณเธอติดอยู่ในบ้านหลังนั้นมา 2 ปีกว่า พยายามจะพูดจะถามใคร เขาก็กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อเตลิดไปบ้างหรือบางคนก็มองไม่เห็นบ้าง…”
“ทำไมต้องเป็นคุณ”
“ผมก็ไม่ทราบ หลวงพ่อบอกว่า เธอกับผมเคยผูกผันกันมา”
“ฉันไม่อยากคุยกับคุณที่นี่ เพราะไม่แน่ใจว่าสามีของฉันจะมาเมื่อไหร่”
“งั้นก็ไปที่บ้านผม ถ้าไม่ไว้ใจ คุณจะชวนไอ้...เอ้ย...พอลไปด้วยก็ได้”

ปรกเดือนมองเตชิตราวกับจะค้นหาความจริง









Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 21:34:19 น.
Counter : 345 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]