เผยหลายปัจจัยหนุนตลาดหุ้นบวกต่อเนื่อง ดัชนียังมีลุ้นทดสอบ 1,600 จุด คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น หุ้นไทยปิดบวก 10.94 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก คาดพรุ่งนี้ยังบวกได้ต่อเนื่อง โดยมีหลายปัจจัยหนุน และมีโอกาสทดสอบ 1,600 จุด        ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 พ.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,590.14 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.69% มูลค่าการซื้อขาย 49,361.23 ล้านบาท โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,592.20 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,584.54 จุด        นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างสดใส สอดคล้องต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ก็อยู่ในแดนบวกเกือบทุกตลาด รับผลดีจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย และทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางในการดึงเงินเฟ้อให้กลับขึ้นมา        ทั้งนี้ ตลาดหุ้นบ้านเราก็ยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุน LTF-RMF ด้วย และหลังจากจบงาน Set in the City ก็มักจะมีแรงซื้อเข้ามา อย่างไรก็ดี วันพรุ่งนี้ต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟรางคู่ และคาดว่าตลาดฯ อาจได้แรงหนุนจากที่พรุ่งนี้ MSCI จะปรับตะกร้าหุ้นในการคำนวณดัชนีใหม่        ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) คาดว่า ตลาดฯ คงจะยังยืนในแดนบวกได้แต่อาจไม่มากอย่างมีนัยสำคัญเหมือนวันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่        VPO มูลค่าการซื้อขาย 2,193.28 ล้านบาท ปิดที่ 2.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท        ITD มูลค่าการซื้อขาย 2,154.76 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท        SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,553.74 ล้านบาท ปิดที่ 191.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท        DEMCO มูลค่าการซื้อขาย 1,512.78 ล้านบาท ปิดที่ 18.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท        GEL มูลค่าการซื้อขาย 1,435.65 ล้านบาท ปิดที่ 1.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท   Create Date : 24 พฤศจิกายน 2557     10 comment Last Update : 24 พฤศจิกายน 2557 21:52:11 น.     Counter : 579 Pageviews.   Share Tweet

ตลาดหุ้นรับอานิสงส์ญี่ปุ่นประกาศยุบสภา เผยสัญญาณ ศก.ไทยในระยะต่อไปน่าจะฟื้นในอัตราเร่ง หุ้นส่งทายสัปดาห์ปิดบวก 10 จุด ทิศทางเดียวกับภูมิภาค คาดขานรับญี่ปุ่นประกาศยุบสภา โดยมีการคาดหวังในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาด้วย ขณะเดียวกัน ศก.ไทยในช่วงต่อไปก็เริ่มมีความหวังที่จะฟื้นในอัตราเร่ง        ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 พ.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,579.20 จุด เพิ่มขึ้น 10.52 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.67% มูลค่าการซื้อขาย 60,181.02 ล้านบาท โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,581.12 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,567.32 จุด        นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในภาคบ่ายปรับตัวได้ดี เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก มองว่าได้รับอานิสงส์จากความคืบหน้าที่ญี่ปุ่นได้ประกาศยุบสภาแล้ว โดยมีการคาดหวังในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาด้วย        ส่วนปัจจัยในประเทศเรื่องการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/57 ของบริษัทจดทะเบียนก็ได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งภาพรวมก็ยังไม่ดี แต่ความหวังจะดีขึ้นจากการฟื้นตัวในไตรมาส 4/57 และปีหน้า (2558) ซึ่งน่าจะมีลักษณะเร่งฟื้นตัว ขานรับจากนโยบายของภาครัฐฯ        ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้านักลงทุนควรติดตามการประชุมโอเปกในวันที่ 27 พ.ย. ซึ่งมีความสำคัญต่อตลาดฯ พอควร โดยให้ดูว่าจะมีการลดกำลังการผลิตหรือไม่ เพราะจะมีผลต่อราคาน้ำมัน และมีผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานอีกด้วย โดยตลาดฯ ยังมีลุ้นขึ้นไปได้ต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,600 จุด สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่        CBG มูลค่าการซื้อขาย 8,189.64 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท        ITD มูลค่าการซื้อขาย 2,736.03 ล้านบาท ปิดที่ 7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท        KTB มูลค่าการซื้อขาย 2,043.94 ล้านบาท ปิดที่ 24.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท        SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,894.42 ล้านบาท ปิดที่ 189.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท        KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,576.59 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท   Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557     30 comment Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 10:43:06 น.     Counter : 725 Pageviews.   Share Tweet

"เกศรา" เผยมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นวิ่งแซงหน้าจีดีพี "สมหมาย" แย้มตัดสินใจ LTF, RMF ไตรมาส 1 ปีหน้า คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น "เกศรา" เผยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างชัดเจน มาร์เก็ตแคปวิ่งแซงหน้าจีดีพี ขณะที่ "รมว.คลัง" ปัดข่าวยกเลิกการให้สิทธิ์การซื้อกองทุน "แอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ" เพื่อมาใช้หักลดหย่อนภาษี ชี้ ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน แย้มอาจมีข้อสรุปแนวทางตัดสินใจ ได้ในไตรมาส 1 ปี 58        นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การจัดงาน SET in the City 2014 คาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน เนื่องจากปัจจุบันประชาชนสนใจลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น ซึ่งช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยมีการเติบโตหลายด้าน จำนวนบัญชีผู้ลงทุนเพิ่มขึ้น 4 เท่า เป็น 1 ล้านบัญชี        ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า ปัจจุบันเฉลี่ยวันละ 40,000-50,000 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้น 3 เท่า อยู่ที่ 14 ล้านล้านบาท มากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่อยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าตลอด 4 วันของการจัดงาน จะมีผู้ร่วมงานกว่า 100,000 คน มีการทำธุรกรรม 18,000 รายการ        ด้านนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางการส่งเสริมการลงทุนในกองทุน LTF, RMF แม้จะมีกระแสข่าวออกมาหลายกระแสข่าวว่าจะยกเลิกการให้สิทธิ์การซื้อกองทุนเพื่อมาใช้หักลดหย่อนภาษี แต่อยากให้ประชาชน นักลงทุนลงทุนไปตามปกติ เพราะยังใช้สิทธิ์ในการหักลดหย่อนภาษีได้จนถึงปี 59 และยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน        ทั้งนี้ กระทรวงการคลังพร้อมปรับปรุงแนวทางการลดหย่อนภาษีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน คาดว่าจะสรุปแนวทางตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อ LTF, RMF และเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในไตรมาส 1 ของปี 2558   Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557     20 comment Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 8:16:58 น.     Counter : 627 Pageviews.   Share Tweet

นักวิเคราะห์เตือน “ระวัง” ผลการปรับลด GDP Growth และผลประกอบการ บจ. ยังน่าเป็นห่วง นักลงทุนแห่งเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรองรับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ 3 ล้านล้านบาท หนุนดัชนีปิดที่ 1,581.27 จุด เพิ่มขึ้น 12.20 จุด มูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์เตือน “ระวัง” ผลการปรับลด GDP Growth และผลประกอบการบจ.ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังไม่สนับสนุนการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นตกอยู่ในภาวะเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก        บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (18 พ.ย.) มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดจะได้รับผลดีจากโครงการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล โดยปรับตัวแตะระดับสูงสุดที่ 1,587.13 จุด ต่ำสุดที่ 1,571.37 จุด ก่อนจ+        ะปิดการซื้อขายที่ 1,581.27 จุด เพิ่มขึ้น 12.20 จุด เปลี่ยนแปลง 0.78 % มูลค่าการซื้อขายรวม 51,048.15 ล้านบาท        โดย นักลงทุนสถบันขายสุทธิ 671.85 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 984.59ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,428.40ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,741.14ล้านบาท        สำหรับหลักทรัพย์หลักทรัพย์ที่มีมูลค่การซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ITD มูลค่า 1,991.81 ล้านบาท ราคาปิด 6.85 บาท PTT มูลค่า 1,812.41 ล้านบาท ราคาปิด 387.00 บาท GEL มูลค่า 1,699.78 ล้านบาท 1.14 บาท PAF มูลค่า 1,511.04 ล้านบาท ราคาปิด 4.16 บาท และ CK มูลค่า 1,204.98 ล้านบาท ราคาปิด 27.50 บาท        ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี สรุปภาพการซื้อขายวานนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ ตามตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น หลังคาดว่าญี่ปุ่นจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีแผนเลือกตั้งครั้งใหม่ ประกอบกับมีแรงเก็งกำไรเข้ามาหุ้นขาดเล็ก และขนาดกลางอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รับข่าว การประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ที่จะพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง ขณะที่วันนี้ (19 พ.ย.) ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวแคบๆ ลักษณะซึมรอดูเกณฑ์ควบคุมหุ้นเก็งกำไร        นอกจากนี้ ยังต้องติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนวันพรุ่งนี้ เพราะอาจมีความเห็นจากคณะกรรมการต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอาจกดดันให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนดได้ อีกทั้งในช่วงวันที่ 20 พ.ย.ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตทั้งของจีน, ยุโรป และสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมา        พร้อมคาดการณ์วันนี้ ดัชนีน่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1550 - 1580 จุด เนื่องจากยังคงมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ขาดปัจจัยพื้นฐานจากข่าวตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะนำให้ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้ม Outperform จากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนสถาบัน อาทิ กลุ่ม ICT ธนาคาร และอสังหาฯ        นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า การที่สภาพัฒน์นาเศรษกิจและสังคมแห่งชาติได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ GDP Growth ปี 2557 ลงเหลือ 1% แต่ยังคงคาดการณ์ GDP Growth ปี 2558 ไว้ที่ 3.5-4.5% สอดคล้องกับฝ่ายวิจัย ASP ที่คาดไว้ที่ 3.5% ประกอบกับการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/57 ลดลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่ง ไม่สนับสนุนการปรับขึ้นของดัชนีในระยะยาว        “การที่ดัชนีจะปรับเพิ่มขึ้นจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันจึงไม่ง่ายเลย แม้ระยะสั้นดัชนีอาจไม่ได้มีการปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยังมีแรงซื้อ LTF ปลายปี และแรงซื้อของนักลงทุนรายบุคคลในประเทศ แต่ปัจจัยพื้นฐานที่ไม่เอื้ออำนวย ในขณะที่ตลาดอยู่ในสภาวะเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กถึงเล็กมากด้วยความร้อนแรง ความไม่เสถียรตรงนี้อาจทำให้ตลาดมีความผันผวนรุนแรง และอาจก่อความเสียหายแก่นักเก็งกำไรได้ นักลงทุนจึงควรระมัดระวังเป็นอย่างสูง” นายประกิต กล่าว        แม้ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. จะมีมติเห็นชอบความร่วมมือไทย-จีน แบบ G to G ในการก่อสร้างรถไฟรางคู่สายหนองคาย-มาบตาพุด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแผนการจัดทำทางรถไฟใหม่ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมของภูมิภาคเอเชีย แต่ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการไปเจรจาในรายละเอียดกันอีกครั้งโดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2558 คาดว่าเป็นข่าวที่ประคองดัชนีให้กลับไปทดสอบ 1,590 จุดภายในสัปดาห์นี้        “กว่าเม็ดเงินงบประมาณจะลงมาถึงระดับปฏิบัติการณ์ก็น่าจะประมาณกลางปี 2558 ดังนั้นจะยังคงเห็นภาพดัชนีปรับฐานอีกหลายครั้ง เพราะระหว่างทางราคาหุ้นหลายตัวยังต้องแพงเกินปัจจัยพื้นฐาน จนกว่าจะได้เห็นการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม และมีการลงทุนภาคเอกชนตามมา ประชาชนถึงจะกล้าใช้จ่ายเงินอย่างจริงจังมากว่านี้” นายประกิต กล่าว        กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นขายหุ้นรายตัว และสลับมาซื้อหุ้นที่ลงลึก ซึ่งมีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาส 4/57 ต่อเนื่องถึงปีหน้า รวมถึงหุ้นที่มีโอกาสถูกเข้าคำนวณใน SET50 Index เลือก SPALI และ SET100 Index เลือก DEMCO   Create Date : 19 พฤศจิกายน 2557     52 comment Last Update : 19 พฤศจิกายน 2557 7:16:39 น.     Counter : 1113 Pageviews.   Share Tweet

แนะเป็นจังหวะซื้อหุ้น รับสัญญาณ ธปท. หั่น ดบ. ลงสู่ 1.75% เพื่อกระตุ้น ศก. หุ้นปิดลบ 6 จุด สะท้อนจีดีพีต่ำกว่าที่ตลาดฯ คาดไว้ แสดงให้เห็นว่า ศก.ฟื้นตัวช้า แนะเป็นจังหวะซื้อ เพราะผู้ว่า ธปท.ส่งสัญญาณกระตุ้น ศก.อาจเป็นการลดอัตรา ดบ.นโยบาย จาก 2% มาสู่ 1.75% ในการประชุม กนง.ครั้งหน้า หากเป็นจริงจะทำให้ yield ตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับตลาดพันธบัตร จูงใจมากขึ้น และปีหน้า ศก.น่าจะเติบโตกว่าปีนี้        ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 พ.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,569.07 จุด ลดลง 6.81 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.43% มูลค่าการซื้อขาย 40,451.08 ล้านบาท        นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ภาพโดยรวมแกว่งตัวลงในกรอบแคบหลังจากสภาพัฒน์ประกาศตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/57 ออกมา 0.6% yoy ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1% แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ตลาดฯ จึงตอบรับในทิศทางลง        แต่ทั้งนี้ มองว่าเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เนื่องจากทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2% มาสู่ 1.75% การประชุม กนง.ครั้งหน้า หากเป็นจริงจะทำให้ yield ตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับตลาดพันธบัตรจูงใจมากขึ้น และปีหน้าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตกว่าปีนี้        ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบ โดยตลาดกลุ่ม TIP ต่างอยู่ในแดนบวกราว 0.2-0.37% ขณะที่ตลาดแถบเอเชียเหนืออยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเศรษฐกิจของญี่ปุ่นค่อนข้างแย่        ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) เชื่อว่าตลาดฯ น่าจะย่อสลับกับการค่อยๆ ฟื้นตัว พร้อมให้แนวรับ 1,567-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,587-1,595 จุด สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่        PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,509.88 ล้านบาท ปิดที่ 384.00 บาท ลดลง 4.00 บาท        GEL มูลค่าการซื้อขาย 1,337.30 ล้านบาท ปิดที่ 1.21 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท        CGD มูลค่าการซื้อขาย 1,307.89 ล้านบาท ปิดที่ 3.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท        SUPER มูลค่าการซื้อขาย 1,305.60 ล้านบาท ปิดที่ 22.90 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท        ITD มูลค่าการซื้อขาย 1,293.07 ล้านบาท ปิดที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท   Create Date : 18 พฤศจิกายน 2557     0 comment Last Update : 18 พฤศจิกายน 2557 7:11:32 น.     Counter : 565 Pageviews.   Share Tweet