เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

เทคนิคหุ้นเด่นติดดาว : บล.เกียรตินาคิน

วันอังคารที่ 07 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:41:28 น.
ผู้เข้าชม : 1443 คน

MDX  รอซื้อเก็งกำไรในกรอบแนวรับแนวต้าน

ราคาปิด 17.10 ตัดขาดทุน 16.60

แนวรับ 16.90 แนวต้าน 18

คำแนะนำ : ราคาหุ้นปิดเป็นแนวโน้มพักตัวทางขาขึ้นระยะสั้น เริ่มมีวอลุ่มเด่น แนะนำรอซื้อเก็งกำไรในกรอบแนวรับแนวต้าน

IRPC  รอซื้อเก็งกาไรในกรอบแนวรับแนวต้าน

ราคาปิด 4.02 ตัดขาดทุน 3.94

แนวรับ 3.96 แนวต้าน 4.10

คำแนะนำ : ราคาหุ้นปิดเป็นแนวโน้มพักตัว3 วันทางขาขึ้นระยะสั้น มีวอลุ่มเด่น 4 วัน แนะนำซื้อรอเก็งกำไรในกรอบแนวรับแนวต้าน




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 11:00:39 น.   
Counter : 809 Pageviews.  

3 หุ้นเด่นเช้านี้ : บล.ธนชาต

วันอังคารที่ 07 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:38:09 น.
ผู้เข้าชม : 1788 คน

MCOT – แนวโน้มย่อยขาขึ้นแข็งแกร่ง

* มีโอกาสขึ้นต่อเนื่อง ราคาหุ้นที่ฟื้นตัวขึ้นมาจากบริเวณ 45.00 บาท และทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ที่ระดับ 48.00 บาท เป็นสัญญาณซื้อระยะสั้น ทิศทางขึ้นแข็งแกร่งโดยจะทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 54.00 บาท ราคาที่ขึ้นสูง อาจเกิดจังหวะแรงขายกดดันชะลอตัวไม่ลึก

* อ่อนตัวซื้อเพื่อแนวโน้มขึ้นต่อเนื่อง มีเป้าหมายแนวโน้มรองขาขึ้นทดสอบยอดเดิมที่ระดับ 56.75 บาท ดังนั้นในจังหวะที่ราคาอ่อนตัวคาดว่าไม่ต่ำกว่า 51.00-52.00 บาท และทะลุขึ้นเกิน 54.00 บาทยืนยันแนวโน้มขึ้นต่อ มีเป้าหมายถัดไปที่ 56.75 และไม่เกิน 57.50 บาท เป็นจุดขายทำกำไร

แนวรับ 51.00 บาท แนวต้าน 54.00 บาท

STANLY – มีโอกาสทำยอดสูงสุดใหม่

* กำลังทดสอบยอดเดิม 258.00 บาท จังหวะราคาแกว่งตัวขึ้นโดยรอบนี้เป็นการฟื้นตัวขึ้นที่เร็วและทิศทางขึ้นเริ่มมีความชัน จึงมีโอกาสที่จะทะลุผ่านแนวต้าน 258.00 บาทและทดสอบบริเวณแนวต้าน 260.00 บาท คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรบ้าง ขณะที่มีความคาดหวังว่าขั้นต่อไปคือ ทะลุผ่านแนวต้านได้สำเร็จ

* เป้าหมายถัดไปที่ 268.00 บาท จังหวะราคาทดสอบแนวต้าน 260.00 บาท และราคาอ่อนตัวไม่ลงลึก เนื่องจากโมเมนตัมขาขึ้นยังไม่รุนแรงมากนัก จึงมีโอกาสทะลุผ่าน 260.00 บาทไปได้ ด้วยเป้าหมายขาขึ้นอยู่ที่ระดับ 268.00-270.00 บาท เป็นจุดขายทำกำไร

แนวรับ 250.00 บาท แนวต้าน 260.00 บาท

SF – แรงซื้อโดดเด่น

* แรงซื้อรอบใหม่ จากที่เคยมีแรงซื้อโดดเด่นช่วงเดือน ก.พ. ราคาตกลงไปต่ำกว่าระดับ 62% แรงขายหลังจากนั้นก็ไม่รุนแรงนัก และเริ่มพ้นจากแนวโน้มขาลงเมื่อสัปดาห์ที่ 2 เดือนเม.ย. ด้วยรูปแบบ Double Bottom ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญ 9.60 บาท เป็นการยืนยันแนวโน้มขึ้นรอบใหม่ จังหวะขึ้นวันนี้ทดสอบแนวต้าน 10.10 บาท คาดว่าจะมีโอกาสขึ้นทดสอบ 10.80 บาท

* เป้าหมาย 11.40 บาท การฟื้นตัวครั้งนี้กลับมาได้เกือบ 50% แล้วที่9.90 บาท มีความเสี่ยงในแง่ราคาระยะสั้นที่ขึ้นมาสูง แต่ในแนวโน้มระยะกลางยังมีโอกาสขึ้นต่อไป พิจารณารูปแบบ Double Bottom มีเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 11.40 บาท เป็นจุดขายทำกำไร

แนวรับ 9.60 บาท แนวต้าน 10.80 บาท




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 11:00:19 น.   
Counter : 545 Pageviews.  

หุ้นเทคนิคเด่นในดวงใจ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)

วันอังคารที่ 07 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:34:09 น.
ผู้เข้าชม : 1575 คน

TSTH ปิด  1.14 +0.04 +3.64%

พิจารณาจากโครงสร้างราคา TSTH เราเชื่อต่อสัญญาณสนับสนุนตรงนี้แล้วว่าอุปสรรคหนักๆก่อนหน้านี้ เริ่มน้อยลงแล้ว ขณะที่ภาพระยะสัปดาห์พึ่งเริ่มต้นของการขึ้น ดังนั้นการที่ TSTH จะเดินทางขึ้นสู่ระดับจุดสูงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นั้นเราเชื่อว่า น่าจะเห็นกันในไม่ช้านัก

คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น

แนวรับ   1.10-1.14 บาท

แนวต้าน  1.30-1.35 บาท


PDI ปิด  14.00 +0.60 +4.48%

จากโครงสร้างราคาที่มีการพักฐานอยู่นานถึง 2 สัปดาห์ คาดว่าน่าจะจบลงแล้ว จากกราฟแท่งเทียนที่ส่งสัญญาณชวนซื้อ และ Oscillator ที่มีความสอดคล้องในทิศทางบวก พร้อม ๆ กับเริ่มมี Volume เข้ามาอย่างน่าสนใจ ดังนั้นน่าจะคาดหวังส่วนต่างได้พอสมควร

คำแนะนำ   ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น

แนวรับ     13.00-14.00 บาท

แนวต้าน    15.00-15.50 บาท


AIT ปิด 98.75 +0.75 +0.77%

จากโครงสร้างราคาที่มีการพักฐานอยู่นานถึง 2 สปดาห์ คาดว่าน่าจะจบลงแล้ว จากกราฟแท่งเทียนที่ส่งสัญญาณชวนซื้อ และ Oscillator ที่มีความสอดคล้องในทิศทางบวก พร้อม ๆ กับเริ่มมี Volume เข้ามาอย่างน่าสนใจ ดังนั้นน่าจะคาดหวังส่วนต่างได้พอสมควร

คำแนะนำ : ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น

แนวรับ     97.00-98.00  บาท

แนวต้าน    110.00-112.00บาท




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 10:59:58 น.   
Counter : 497 Pageviews.  

หุ้นเทคนิคเด่น บล.เอเซีย พลัส

วันอังคารที่ 07 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:24:13 น.
ผู้เข้าชม : 2657 คน

JMT : รอย่อ แนวรับ 20.00 บาท แนวต้าน 24.00 บาท

-หลังจากนิ่งสงบอยู่ภายใต้อิทธิพลของเส้นค่าเฉลี่ยน้อยใหญ่อยู่นานร่วม 2 เดือน จังหวะล่าสุด JMT ก็จุดพลุเปิดตัวแรงด้วยBullish Candlestick เต็มแท่งพร้อม Volume เข้ามหาศาล เมื่อ 2 พ.ค.56 ก่อนจะต่อเนื่องด้วย แท่งเทียนยาว 3 โลก ยิงรวดเดียวถึง 24 บาท ก่อนจะหดตัวในช่วงท้ายจนลงมาปิดที่ 22 บาท ซึ่งก็นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นเรื่องปกติที่เวลาไล่โหดต้องเจอขายสวนบ้าง โดยเฉพาะในยามตลาดติดลบแดงเถือกถึง 10 จุด

-แนวรับที่น่าสนใจอยู่ที่ 20.00 บาทหากราคาไม่หลุดบริเวณดังกล่าว มีโอกาสสูงที่จะปรับตัวขึ้นต่อทดสอบ High เดิมที่ 24.000 บาท และหากผ่านได้จะเป็นการ Breakout สวยหรูวาดฝันไกลถึง 27.00 บาท

-ซื้อลุ้นๆ รอรับที่ 20.00 บาท

SF : เล่นกับข่าว แนวรับ 9.60 บาท แนวต้าน 11.90 บาท

-ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา SF แอบขยับฐาน ยก Low ไต่ระดับตาม SMA 75 วัน ขึ้นมาเรื่อยๆ ยืนยันจังหวะฟื้นตัว หลังพบ Bottom ของรอบนี้ไปแล้วเมื่อ วันที่ 22 มี.ค. 2556

-จังหวะล่าสุดราคาดีดตัวขึ้นแรง Break เส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นด้วย Volume ระเบิดมหาศาล ทำ Candlestick ชนิดว่า Bullish เต็มเหนี่ยว สัญญาณทางเทคนิคมาเต็มทั้งราคา ทิศทาง ปริมาณและข่าว อาการแบบนี้เรียกว่าของกำลังเข้ามีโอกาสสูงที่ SE จะขึ้นต่อเพลินๆถึง 11.90 บาท

-ซื้อลุ้นเล่นตามข่าว 11.90 บาท และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาลงต่ำกว่า 8.90 บาท




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 10:59:32 น.   
Counter : 589 Pageviews.  

ลือปลดผู้ว่าฯ ธปท.ขัดขาคลังทำหุ้นไทยร่วง 10 จุด


หุ้นไทยปิดลบ 10.24 จุด อยู่ที่ระดับ 1,578.95  จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 43,910.49 ล้านบาท นักลงทุนยังกังวลข่าวลือการปลดผู้ว่าการการธนาคารแห่งประเทศไทย อาจกระทบเศรษฐกิจและการลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจ

       ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 พ.ค.) ปิดที่ระดับ 1,578.95 จุด ปรับตัวลดลง 10.24 จุด หรือ 0.64% มูลค่าการซื้อขาย 43,910.49 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,598.93 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,577.40 จุด

       หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 207 หลักทรัพย์ ลดลง 443 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 121 หลักทรัพย์

       การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 2,124.80 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 4.89 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 151.86 ล้านบาท และสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,977.83  ล้านบาท

       หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

       JAS ปิดที่ 7.90 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 5.95% มูลค่าการซื้อขาย 2,342,055 ล้านบาท

       CPALL ปิดที่ 41.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,053,147  ล้านบาท

       BTS ปิดที่ 8.55 บาท ลดลง 0.30หรือ 3.39% มูลค่าการซื้อขาย 1,918,462 ล้านบาท

       INTUCH ปิดที่ 86.25 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.45% มูลค่าการซื้อขาย 1,639,574 ล้านบาท

       DEMCO ปิดที่ 17.10 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.16% มูลค่าการซื้อขาย 1,534,058 ล้านบาท

       นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส (ASP) กล่าวว่า จากการประชุมของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา สรุปว่า ECB ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 0.50% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการการเงินผ่อนคลายอีกหากมีความจำเป็นต่อเนื่องจนถึงกลางปี 2557 ประกอบกับการคาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm Payrolls) เดือน เม.ย. ที่จะประกาศในค่ำคืนนี้ไม่น่าจะแตกต่างจากปัจจุบัน นักวิเคราะห์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่ง โดยจะทำให้อัตราการว่างงานยังคงยืนอยู่ที่ 7.6% ซึ่งยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ 6.5% ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจจะเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์จากปัจจุบันที่กำหนดไว้ 8.5 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็ทำให้ตลาดหุ้นโลกกลับมามีความคึกคัก

       ทั้งนี้ ยังต้องติดตามผลการประชุม กนง. ในวันที่ 29 พ.ค. ว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ตามเดิมหรือไม่ แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงบ้างแล้วก็ตาม แต่โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยจากฝั่งยุโรป และสหรัฐฯ ที่ใช้มาตรการ QE อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสที่ กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.25-0.50% จากปัจจุบันที่ 2.75% ซึ่งหากเป็นตามนั้นก็จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการลงทุน ในตลาดหุ้นไทยระยะสั้น โดยเชื่อว่าน่าจะเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจในประเทศอย่างน้อย 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ ผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค (CPALL, BIGC, MAKRO, HMRPO) และกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ แบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย คือ 1.กลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ (ASK, GL, TK, THANI) ที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยมากที่สุดระหว่างรายได้ ดอกเบี้ยรับที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่กับต้นทุนหนี้สิน และเงินกู้ยืมที่เป็นอัตราลอยตัว 2.กลุ่มสินเชื่อเพื่อการบริโภครายย่อย (AEONTS, SINGER) ที่การลดดอกเบี้ยจะไปช่วยกระตุ้นการบริโภค และ 3.กลุ่มสินเชื่อแฟกเตอริ่ง IFS ที่มีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการของสินเชื่อภาคธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ส่วนปัจจัยลบยังคงเป็นผลต่อเนื่องจากข่าวลือการประเด็นความขัดแย้งระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง ทำให้นักลงทุนกังวล จึงเทขายหุ้นออกมาบางส่วน

//www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000053388




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 6 พฤษภาคม 2556 11:49:54 น.   
Counter : 763 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  193  194  195  196  197  198  199  200  201  202  203  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]