เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน



Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน เมื่อร้านกาแฟสดมีอยู่ทุกหัวระแหง ก็ถึงคราว “กาแฟแคปซูล” บ้าง จากจุดเด่นในเรื่องลดเวลาในการชง ควบคุมรสชาติและความหอมได้เหมือนกันทุกแก้ว กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคอกาแฟที่น่าสนใจไม่น้อยกับกาแฟแคปซูล Sagaso (ซากาโซ่) มิติใหม่กาแฟเวียดนามที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้ทำธุรกิจด้วยเงินลงทุนแต่หลักพัน

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
ภัทรวดี ปรานประวิตร เจ้าของธุรกิจกาแฟแคปซูล Sagaso
'กาแฟแคปซูล' ถือเป็นของใหม่สำหรับคนไทย แต่ในต่างประเทศเป็นที่นิยมมาก จากความง่ายและสะดวกในการลิ้มรสกาแฟสดได้ทุกวันจากที่บ้าน สำนักงาน หรือร้านกาแฟก็หันมาพึ่งกาแฟแคปซูลแทนการใช้กาแฟสดมานำมาชงเสิร์ฟให้ลูกค้า กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่คอกาแฟต้องลอง และจากความง่ายนี้เองทำให้ “ภัทรวดี ปรานประวิตร” ตัวแทนจำหน่ายกาแฟแคปซูลแต่เพียงผู้เดียวในไทย เห็นช่องทางธุรกิจที่สามารถนำมาต่อยอดในไทยได้กับกาแฟแคปซูลเวียดนามแบรนด์ Sagaso

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
กาแฟแคปซูลทั้ง 5 สูตร แบ่งตามความเข้มข้น
       “เราเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นทุนเดิม ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องไปลิ้มลองสัมผัสรสชาติ ซึ่งแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกัน กระทั่งเพื่อนเดินทางไปประเทศเวียดนามเพื่อทำการค้า ก็ได้นำกาแฟแคปซูลมาให้ลองชิม ก็พบว่ามีความหอมนุ่ม ไม่แพ้กาแฟสด หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะการบรรจุกาแฟลงแคปซูลจะคงความสดใหม่ โดยเฉพาะการคงความหอมไว้ได้ 100% ขณะที่ขั้นตอนการชงก็ง่ายมากเพียง 30 วินาทีก็ได้กาแฟร้อน 1 แก้ว และเครื่องชงราคาแค่หลักพันบาทเท่านั้น จึงคิดว่าน่าจะทำตลาดในไทยได้”

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
ใส่กาแฟแคปซูลด้านบนของเครื่อง
ลักษณะพิเศษของกาแฟแคปซูล Sagaso คือ สามารถเลือกความเข้มข้นได้ถึง 5 ระดับ ตามแต่รสนิยมของผู้ดื่ม โดยเป็นการผสมผสานกันระหว่างกาแฟพันธุ์อาราบริก้า และโรบัสต้า เกรดพรีเมียม ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน โดยเป็นกาแฟคุณภาพที่ผลิตในประเทศเวียดนาม ขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งปลูกกาแฟที่ดีที่สุดแหล่งหนึ่งของโลก ขณะที่ขั้นตอนการบรรจุกาแฟลงแคปซูลเมื่อผ่านการบดในอุณหภูมิและเวลาที่แตกต่างถึง 5 ระดับแล้ว จะถูกบรรจุลงในแคปซูลภายใน 1 ชั่วโมง ทำให้ได้กาแฟสดใหม่ มีความหอมนุ่ม รสละมุนเหมือนกันทุกแก้ว

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
กดปุ่มเพื่อให้น้ำร้อนดันกาแฟออกมา
       จากความง่ายนี้เองทำให้คุณภัทรวดี มองการต่อยอดสู่ธุรกิจร้านกาแฟให้แก่ผู้ที่สนใจจะเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นถูกกว่าร้านกาแฟสดหลายเท่าตัว เริ่มจากการลงทุนซื้อเครื่องชงสำหรับกาแฟแคปซูลโดยเฉพาะ เครื่องขนาดเล็กสุดราคาอยู่ที่ 4,590 บาท ราคาแคปซูลต่อกล่องอยู่ที่ 250 บาท/10 แคปซูล ซึ่ง 1 แคปซูลจะชงได้กาแฟร้อน 1 แก้ว แต่หากต้องการชงกาแฟเย็นทางร้านจะมีสูตรให้ ซึ่งกาแฟร้อนทุกแก้วเมื่อชงเสิร์ฟลูกค้าจะได้ “ครีมา” ซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหยตามธรรมชาติของกาแฟจะลอยอยู่ด้านบน แสดงถึงความสดใหม่ของกาแฟ และเพิ่มความหอมให้แก่กาแฟทุกแก้ว

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
ได้กาแฟร้อน 1 แก้ว
       “ตลาดที่เรามองก่อนที่จะนำกาแฟแคปซูลเข้ามาในไทย คือ การเจาะลูกค้าที่ดื่มกาแฟสด สำหรับชงดื่มเองที่บ้าน และพนักงานออฟฟิศ โดยซื้อเครื่องและแคปซูลไปชงเอง แต่เมื่อเจาะตลาดจริงๆ กลับพบว่า เจ้าของร้านร้านกาแฟสดก็สนใจ เพราะพบเจอปัญหาการควบคุมคุณภาพกาแฟไม่ได้ โดยเฉพาะความเข้มข้นของรสชาติ และความหอมจากกาแฟที่คั่วไว้นานและเก็บรักษาไม่ดี ดังนั้นเมื่อพวกเขามาเจอกาแฟแคปซูล ก็สามารถปลดล็อกปัญหาเหล่านี้ออกไปได้ทั้งหมด แถมยังลงทุนน้อยกว่า ชงเสิร์ฟให้ลูกค้าได้เร็วกว่า และควบคุมคุณภาพได้ทุกแก้ว”

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
เติมความหวานได้ตามใจชอบ
ขณะนี้กาแฟแคปซูล Sagaso ได้ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับกาแฟร้อนต่อ 1 แก้ว ลูกค้าสามารถเติมฟองน้ำ น้ำตาล คาราเมล, ได้ตามใจชอบ แต่ต่อไปจะออกแบบสูตรสำหรับกาแฟเย็นเพื่อให้สอดรับกับตลาดคนไทย และรับมือกับลูกค้าที่สนใจลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ด้วย

       โดยการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์จะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 บาทเท่านั้น ราคาเครื่องสำหรับชงเครื่องดื่มร้อนอยู่ที่ 4,590 บาท และเครื่องสำหรับชงได้ทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็น อยู่ที่ 6,590 บาท ขณะที่ราคาแคปซูล 250 บาท/กล่อง มีทั้งหมด 10 แคปซูล ทางบริษัทแม่จะสามารถซัพพลายวัตถุดิบได้ตลอด เพราะการสั่งซื้อจากประเทศเวียดนามใช้เวลาไม่นาน ส่วนเครื่องชงก็มีการรับประกันมอเตอร์ 1 ปี โดยผลิตจากประเทศอิตาลี มีอะไหล่และศูนย์ซ่อม พร้อมบริการหลังการขาย

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
เติมฟองนมเพื่อความมัน
       ส่วนแผนธุรกิจในปี 59 นี้ ทาง Sagaso เตรียมรุกตลาดอย่างจริงจัง โดยแบ่งสัดส่วนเป็นลูกค้ากลุ่มสำนักงาน-บ้าน ประมาณ 50% และธุรกิจแฟรนไชส์อีก 50% เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป จากความได้เปรียบในเรื่องความสะดวกในการใช้งานของเครื่องชง และราคาไม่สูงจนเกินไปนัก ที่ไม่แน่ว่าต่อไปผู้คนอาจจะไม่ต้องออกไปซื้อกาแฟดื่มนอกบ้านกันแล้ว

Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
พร้อมดื่มด่ำกาแฟแคปซูล


Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
แคปซูลเมื่อถูกใช้งานแล้ว


Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
กากกาแฟสามารถนำไปดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้


Sagaso แฟรนไชส์กาแฟแคปซูล เทรนด์ใหม่ลงทุนแค่หลักพัน
เครื่องชงและกาแฟแคปซูล
       ***สนใจติดต่อ 0-2932-9069, 08-5833-8715 หรือที่ www.facebook.com/sagaso.asia***




 

Create Date : 04 เมษายน 2559   
Last Update : 4 เมษายน 2559 23:23:05 น.   
Counter : 3592 Pageviews.  

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน จุลเทพ บุณยกรชนก "มังกรหยก" เจ้าของแปลงผัก ผักสลัด เป็นอีกหนึ่งช่องทางของเกษตรกรยุคใหม่ ที่หันมาให้ความสนใจต่อการปลูกผักชนิดนี้กันมากขึ้น เพราะผลตอบแทนที่สูง และความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญ การปลูกผักสลัดไม่ใช่เรื่องยาก อย่างที่หลายคนคิด เนื่องจากวันนี้ ผักสลัดที่เห็นต้นสวย สามารถปลูกได้ในดิน เช่นเดียวกับผักชนิดอื่น ๆ

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
แปลงผักสลัด ปลูกในดิน
       วันนี้ มีเกษตรกรยุคใหม่ วัยเพียง 17 ปี อย่าง “จุลเทพ บุณยกรชนก” หรือ “หยก” มาถ่ายทอดประสบการณ์การปลูกผักสลัดในดินให้คนที่สนใจ โดยมาทำความรู้จักกับเจ้าของฟาร์มผัก ที่อายุน้อยคนนี้กันเสียก่อน

       หยก เล่าว่า ครอบครัวเป็นเกษตรกร หลังจากพ่อได้ย้ายมาอยู่ที่ ตำบลบางพลับ อำเภอโพธิ์ศรี จังหวัดอ่างทอง อาชีพหลักของครอบครัว คือ พ่อจะทำปุ๋ยอินทรีย์ และทำดินจำหน่าย ซึ่งต้องปลูกผักไปพร้อมๆกันด้วย เพื่อเป็นสาธิตให้คนเห็นถึงคุณภาพของปุ๋ยและดินที่ พ่อทำจำหน่าย ทำให้ได้มีโอกาสช่วยพ่อ กับแม่ปลูกผัก ได้เรียนรู้การปลูกผักในหลายชนิด รวมถึงการปลูกผักสลัด ตั้งแต่เรียนชั้นประถม

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
ผักสลัดปลูกในกระถาง เตรียมไว้สำหรับเก็บเมล็ดพันธุ์
“ที่มาของการมีแปลงสลัดของผม เกิดมาจากผมเรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้เกรดเพียงแค่ 1 กว่า สอบเข้าอะไรก็ไม่ได้ ก็เลยต้องกลับมาคิดว่า ถ้างั้น เราต้องหันมาทำการเกษตร อย่างจริงจัง ซึ่งผมเริ่มทำแปลงสลัดของผมเอง ตั้งแต่เรียน มัธยม ใช้เวลาช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ และตอนเย็นหลังเลิกเรียน มาดูแปลงผักสลัด บนพื้นที่ กว่า 1 ไร่ รอบๆ บ้าน"

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
แปลงเพาะกล้าในถาดหลุม
       โดยผลผลิตที่ได้ จะส่งร้านอาหารเพื่อสุขภาพ และร้านสเต็ก ในจังหวัดอ่างทอง สัปดาห์ๆ ละ 120 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 95-100 บาท ผักสลัด ที่ปลูก มี 4 ชนิด ได้แก่ กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เรดคอร์ล และฟินเล่ ซึ่งที่เลือกทั้ง 4 ชนิด เพราะเป็นผักสลัดที่ตลาดต้องการ

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
ถาดเพาะที่เพิ่งเริมงอก
       สำหรับความแตกต่างของผักสลัดที่ปลูกในดิน กับการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ นั้น “หยก” อธิบายให้ฟังว่า จุดเด่นของผักสลัดที่ปลูกในดิน รสชาติที่ดีกว่า ไม่ขม และต้นทุนต่ำกว่า เนื่องจากไม่ต้องซื้อสารอาหาร เพราะการปลูกในดิน ผักสลัดจะได้สารอาหารจากดิน และยังสามารถทำน้ำหมักจากพืชผักธรรมชาติ มาใช้แทนสารอาหารได้ น้ำหมักของ ฟาร์มแห่งหนี้ จะเน้น ผลไม้สุก ได้แก่ มะม่วง มะละกอ ละมุด ซึ่งเป็นผลไม้ที่ปลูกอยู่รอบๆ บ้าน

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
การผสมดินเพื่อเตรียมเพาะเมล็ด
       “เช่นเดียวกับดิน เราสามารถปรุงดินใช้ได้เอง เช่นกัน จากการใช้ปุ๋ยคอก ขุยมะพร้าว และแกลบ มาคลุกเคล้ารวมกัน ก็ได้ดินที่เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ตามธรรมชาติ ที่ไม่มีต้นทุน เช่นกัน การลงทุน ทำผลักสลัดในดินของ น้องหยก แทนจะไม่มีต้นทุนอะไรเลย เพราะ ปัจจุบัน น้องหยก ยังสามารถทำเมล็ดพันธุ์เองได้ โดยไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ ต้นทุนจะเหลือเพียงแค่อุปกรณ์ทั่วๆ เท่านั้น และเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้นอกจากใช้ในแปลงผักสลัดของตนเอง และจำหน่ายให้กับเกษตรกรที่สนใจ ซึ่งการที่น้องหยก ต้องตัดสินใจ ทำเมล็ดพันธุ์ของตนเอง และจำหน่าย เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ ตามท้องตลาดเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เป็น จีเอ็มโอ”

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
แบ่งแปลงผักเป็นแปลงเล็กๆ
       ทั้งนี้ "หยก" ต้องการยกระดับฟาร์มผักสลัดของตนเอง โดยการขอขึ้นทะเบียนเป็นแปลงออร์แกนิค จึงต้องทำให้ทุกอย่างปลอดภัย ไม่ใช้สารอันตราย ทุกอย่างจึงต้องทำเอง เพื่อให้มั่นใจ ว่า ไม่สารพิษ หรือ สารเคมีตกค้าง โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ หยก บอกว่า ถ้าแปลงผักของตนเอง ได้รับการรับรองว่า เป็นแปลงผักออร์แกนิค เป็นเครื่องหมาย สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
ต้นที่โตพอจะให้เมล้ด
       ส่วนขั้นตอนการปลูกผักสลัดในดิน ข้อสำคัญ คือ ดินต้องเป็นดินร่วน และควรจะต้องมีการปรับปรุงดิน โดยเติมสารอาหารตามธรรมชาติ ได้แก่ แกลบขาว แกลบดำ ขุยมะพร้าว และปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยคอก เติมลงไปในดิน พักดินไว้ 7 วัน ก่อน นำต้นกล้าที่เพาะไว้ในกระบะ จำนวน 20 วัน ลงดิน และพ่นกันแมลง ด้วยสารอินทรีชีวภาพ ทำจาก พริก สะเดา บอระเพ็ด สาบเสือ เป็นต้น มาปั่นรวมกับน้ำส้มสายชู นำมาพ่น หรือ ฉีดไล่แมลง ได้ทุกวัน หรือ พ่นเฉพาะช่วงที่มีแมลงมารบกวน โดยไม่ทำให้ผักเสียรสชาติ ส่วนสารอาหารที่ใช้ จะใช้น้ำหมัก พ่นทางใบ น้ำหมักที่ได้มาจากผลไม้สุก และผักใบ หมักกับกากน้ำตาล ทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน ก็สามารถนำมาใช้ได้

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
       ในส่วนของผลผลิตผักสลัดที่ปลูกในดิน ลำต้นเล็กกว่า การปลูกในสารอาหาร เมื่อผ่านไป 45 วัน หลังจากนำผักลงดิน สามารถเก็บผักสลัดออกจำหน่ายได้ โดยผลผลิตผักที่ได้อยู่ที่ประมาณ 12-15 ต้น ต่อ 1 กิโลกรัม ซึ่งผักที่ได้จะต้องนำไปล้างดินออกจากราก และนำไปจุ่มน้ำ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผัก ก่อนนำส่งให้กับ ร้านที่สั่งซื้อ

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
น้ำหมักในถังสีน้ำเงิน
       "หยก" เล่าถึงแผนในอนาคตของตนเองว่า จะมุ่งมั่น เรื่องการเกษตรอย่างจริงจัง เพราะการทำเกษตรกรรม เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ที่มั่นคง ที่คนรุ่นใหม่ ไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งการเกษตรยุคใหม่ มีอะไรที่ เราจะต้องเรียนรู้อีกมาก หลังจากนี้ ตั้งใจว่าไปศึกษาเพิ่มเติม ในระดับปริญญาตรี ด้านการเกษตร เพื่อนำกลับมาพัฒนา อาชีพของตนเอง และถ้ามีโอกาส นำความรู้ที่ได้มายกระดับการผลิตของตนเอง และยกระดับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง ให้มีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น และมีแผนที่จะขยายพื้นที่การปลูกให้มากขึ้น หลังจากได้มีโอกาสไปเรียนด้านการเกษตร นำมาใช้ในการพัฒนาด้านการผลิต และขยายพื้นที่การปลูกให้กว้างขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของตลาด

“มังกรหยก ผักสลัด” เมื่อเด็กหนุ่มวัย 17 เป็นเจ้าของฟาร์มผักสลัดในดิน
โทร. 08-6369-2384 //www.facebook.com/มังกรหยก คุณชายผักสลัด

//manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000030255




 

Create Date : 30 มีนาคม 2559   
Last Update : 30 มีนาคม 2559 8:26:03 น.   
Counter : 3429 Pageviews.  

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์ตัวอย่างการเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยอุปกรณ์ห้องทดลองวิทย์ฯ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไป อากาศร้อนอบอ้าว ก้าวเข้ามา และเมืองไทย เป็นประเทศที่มีอากาศร้อนยาวนาน ร้านเครื่องดื่มเย็น นั่งสบาย และมีไอเดีย แต่งร้าน และบริการที่ไม่เหมือนใคร กลายเป็นจุดขายที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้า และดึงเงินเข้ากระเป๋าได้ไม่ยาก

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
พชพร ขาวละออง เจ้าของร้าน
       เช่นเดียวกับ การให้บริการของร้าน Brownie Brow Coffee Lab ของ “พชรพร ขาวละออง” หรือ “แนน” ได้นำอุปกรณ์ในห้องวิทยาศาสตร์ มาใช้เป็นภาชนะในการใส่เครื่องดื่มแล้วเสิร์ฟลูกค้า เพื่อสร้างความแตกต่างที่ไม่เหมื่อนใคร รองรับกับการแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มเย็นๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
บรรยากาศของร้าน เป็นสวน และบ้านแบบไทยๆ ทางภาคเหนือ
       “พชพร” เล่าว่า ที่เปิดร้านแห่งนี้ เพราะมองเห็นว่า ตลาดเครื่องดื่มให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ และเมืองท่องเที่ยว อย่าง เชียงใหม่ แต่ปัจจุบันที่เชียงใหม่ มีร้านเครื่องดื่ม เปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก และแต่ละร้านก็จะมีจุดขายที่แตกต่าง และแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ดังนั้น การเปิดร้านที่เชียงใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเปิดแบบธรรมดา คงจะดึงลูกค้าได้ยาก

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
       “แนน” พยายามหาอะไรที่แปลกใหม่ มาเป็นจุดขาย และได้มาสรุปอยู่ที่ การนำอุปกรณ์ในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์มาใช้เป็นภาชนะในการให้บริการภายในร้าน เพราะสมัยเด็กๆ เชื่อว่าทุกคน จะต้องคุ้นเคยกับอุปกรณ์ เหล่านี้ และกลุ่มลูกค้าของเรา ก็เป็นกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เด็กนักเรียน และ คนทำงาน รวมถึงนักท่องเที่ยว ซึ่งทุกคนเคยผ่าน และคุ้นเคยกับอุปกรณ์ เหล่านี้

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
ขวดทดลองในห้องวิทยาศาสตร์แปลงกายเป็นที่ใส่เครื่องดื่ม
       สำหรับอุปกรณ์ในห้อง แล็ปที่นำมาใช้ อาทิ ขวดทดลอง เข็มฉีดยา ฯลฯ โดยการเสิร์ฟของทางร้านจะแยกเสิร์ฟ เครื่องดื่ม กับน้ำแข็ง และไซรัป เช่น การนำขวดในห้องทดลองมาใส่เครื่องดื่ม และนำเข็มฉีดยา มาใส่เยลลี่ หรือ ไซรัป เพื่อให้ลูกค้าได้มีกิจกรรมร่วม โดยการผสมเครื่องดื่ม ด้วยตัวเอง ตามรสชาติที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งการออกแบบภาชนะเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น การออกแบบเครื่องดื่ม และการออกแบบการเสิร์ฟ ก็สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วย และทั้งหมด จึงได้ออกมาเป็นจุดขายของ Brownie Brow Coffee Lab ที่ถูกใจ วัยรุ่น นักศึกษา และวัยทำงาน รวมไปถึงเด็ก

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
       ร้าน Brownie Brow Coffee Lab เปิดให้บริการมาได้ 1 ปี อยู่ถนนช้างเผือก ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และศูนย์ประชุมนานาชาติ บรรยากาศของร้าน เหมือนอยู่ในบ้านสวน เพราะ คุณแนน ได้เช่าพื้นที่ตรงนี้ ซึ่งเป็นบรรยากาศของสวน มีพื้นที่ส่วนของต้นไม้ ร่มรื่น เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน หรือ จิบน้ำชา ดื่มเครื่องดื่ม ทานอาหาร กลุ่มลูกค้าของ ร้านจะเป็นเด็ก ที่มากันเป็นครอบครัวในวันหยุด และ วัยรุ่น นักศึกษาของมหาวิทยาลัย รวมถึง นักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
เมนูหม้อไฟ ทั้งน้ำแข็งไส และไอศกรีม ออกมารับซัมเมอร์ปีนี้
       โดยอาหารและเครื่องดื่ม ของทางร้านจะมีให้เลือกมากกว่า 40 เมนู และทุกปีจะมีการครีเอท เมนูเครื่องดื่ม เบเกอรี่ ใหม่ ออกมาเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า อย่างช่วง ฤดูหนาว ก็จะหา เครื่องดื่มร้อน แบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร หรือ ช่วงฤดูร้อน มีเครื่องดื่มเย็น ๆ อย่างในปีนี้ ช่วงฤดูร้อน มีน้ำแข็งไส หม้อไฟ และมีซัมเบอร์เรนโบว์ ซึ่งเสิร์ฟพร้อมกับไซรัป 4 สีในเข็มฉีดยา เพื่อให้ลูกค้าได้สนุกกับการผสมเครื่องดื่มด้วยตัวเอง ส่วนราคาเครื่องดื่ม เริ่มที่ เครื่องดื่มร้อน 45 บาท เครื่องดื่มเย็น 50 บาท 60 บาท ส่วนเมนูพิเศษ 79 บาท และ 99 บาท (เมนูน้ำแข็งหม้อไฟ) รายได้ ต่อเดือนอยู่ที่ 40,000บาท ถึง 50,000 บาท ค่าเช่าพื้นที่เดือนละ 15,000 บาท

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
       พชพร เล่าว่า การที่เธอได้คิดครีเอทเมนูใหม่ หรือ การออกแบบการเสิร์ฟ ที่แปลกใหม่ รวมไปถึงการนำเครื่องมือที่ใช้ในห้องวิทยาศาสตร์ มาเป็นภาชนะเพื่อสร้างจุดขาย มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ร้านนี้ ประสบความสำเร็จ เพราะปัจจุบันคนที่มากินครั้งแรก มองที่รูปลักษณ์ภายนอกก่อน ถ้าสะดุดตา หรือ น่าสนใจ จึงเข้ามากิน และหลังจากนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องรสชาติ ถ้ารสชาติดี ก็จะกลับมาใช้บริการในครั้งต่อๆไป

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
เรนโบว์ซัมเมอร์ เมนูใหม่ออกมารับซัมเมอร์ปีนี้
       ทั้งนี้ ที่สำคัญ การนำไปแชร์กันในโลก โซเซียล มีเดีย ซึ่งเป็นส่วนอย่างมาก ในการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งการที่ลูกค้า นำไปแชร์ต่อ ก็คงต้องขึ้นกับรูปร่างหน้าตาที่ดี แปลกใหม่ ดังนั้น ถ้าจะให้เกิดการนำไปแชร์ในโลกโซเชียล มากขึ้น ก็ต้องคิดเมนูใหม่ เพิ่มขึ้น ไอเดียต่างๆ มาจากการได้กิน และดูร้านเครื่องดื่ม ต่างๆ ในกรุงเทพฯ บ้าง ว่า ตอนนี้เขามีอะไร หลังจากนั้น ก็กลับมาคิดครีเอท ว่าเราควรที่จะต้องทำอะไร เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า

'ฺBrownie Brow Coffee Lab' คลายร้อนด้วยไอเดียเสิร์ฟแบบวิทยาศาสตร์
โทร. 08-7725-5479 ,www.facebook.com/Browniebrowcoffeelab

//manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000030101




 

Create Date : 24 มีนาคม 2559   
Last Update : 24 มีนาคม 2559 22:04:46 น.   
Counter : 1229 Pageviews.  

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน เมล่อนที่ถูกเขียนลายตามคำสั่งซื้อ ลุกค้า การปลูกเมลอนโรงเรือน ทางออกเกษตรกรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี และภาวะภัยแล้ง เพราะเมลอนเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ที่สำคัญรายได้ดีแบบเป็นกอบเป็นกำ สร้างเกษตรกรเงินแสน เงินล้านมาแล้ว

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
เมล่อนที่ปลูกในโรงเรือน
“นายประกอบ แต้เจริญวิริยะกุล” เจ้าของฟาร์มเมลอนโรงเรือน จังหวัดปทุมธานี พลิกผันตัวเอง หันมาสร้างอาชีพเสริมจากการเป็นพนักงานประจำ “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” มาทำฟาร์มเมลอนในแบบของเกษตรกรสมัยใหม่ ตามที่รัฐบาล “พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา” ต้องการเห็นเกษตรกรไทยในอนาคตเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีรายได้มั่นคงเลี้ยงตัวเองได้เช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
คุณประกอบ แจ้เจริญวิริยะกุล เจ้าของฟาร์ม
       เมื่อถามว่า วันนี้เกษตรกรมือใหม่คนนี้มีอะไรในแบบของเกษตรกรสมัยใหม่ในแบบที่รัฐบาลให้เป็นบ้าง คำตอบคือ เกือบทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็น การลดใช้สารเคมี การตลาดยุคใหม่แบบออนไลน์ เกษตรกรสามารถขายตรงถึงผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง การวางแผนการผลิต โดยยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
เพาะต้นกล้า ก่อนนำมาใส่ถุงปลูก
       นายประกอบเล่าว่า ปัญหาความยากจนของเกษตรกรไทยเกิดขึ้นมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากช่องว่างทางการตลาดที่เกิดขึ้นจากพ่อค้าคนกลาง และการผลิตที่ขาดการวางแผน และต่อจากนี้ไปเกษตรกรไทยจะต้องปรับตัว ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแข่งขันกับเกษตรกรในประเทศเพื่อนบ้าน หรือหลีกหนีความยากจนไปได้ การใช้สื่อออนไลน์ช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย และยังช่วยให้เกษตรกรทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาดด้วย

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
ต้นกล้าลงถุงปลูก ใช้ขุยมะพร้าวเป็นวัตถุดิบแทนดิน
       “ก่อนที่ผมจะมาทำฟาร์มเมลอนอย่างจริงจัง ผมเริ่มมาจากลองปลูกเมลอนบนพื้นที่เล็กๆ ที่มีอยู่ภายในบ้าน (บ้านทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ) โดยปลูกรอบๆ บ้าน เรียกว่า ลองผิดลองถูก การปลูกเมลอนของผมใช้การปลูกโดยใส่กระถางวางไว้ข้างบ้าน แต่ปัญหาคือ มีแมลงรบกวน และเมลอนติดเชื้อโรคที่มาจากดินและอากาศ กว่าจะประสบความสำเร็จได้ผมลองหลายวิธี สุดท้ายก็ทดลองไปปลูกบนระเบียงเพราะคิดว่าแมลงบินต่ำคงขึ้นไปไม่ได้ ซึ่งก็เริ่มดีขึ้น หลังจากผมเปลี่ยนมาใช้การปลูกแบบไฮโดร ไม่ใช่ดิน แต่ก็ยังมีเรื่องแมลงรบกวน สุดท้ายก็ทดลองทำแบบกางมุ้งข้างบ้าน สุดท้ายประสบความสำเร็จ ได้เมลอนที่ปลูกในบ้านทาวน์เฮาส์มาฝากเพื่อนแบบปลอดสารเคมี”

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
สภาพของโรงเรือน
       เมื่อเรียนรู้วิธีการปลูกจนสำเร็จ ก็เริ่มมองว่าเราน่าจะมีรายได้จากการปลูกเมลอนเป็นอาชีพเสริมได้ ซึ่งตัวผมเองนั้นไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองจึงได้ออกตระเวนหาที่ดินเพื่อเช่าทำโรงเรือน สุดท้ายก็ไปได้ที่ดินของเพื่อน บนถนนพุทธมณฑล สาย 5 โดยทำร่วมกันแบบแบ่งผลประโยชน์ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกเมลอนขายอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการปลูกเมลอน 1 โรงเรือน ผลผลิตที่ได้คือ 400 ผล ราคาผลละ 150 บาท รายได้ 60,000 บาท

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
เตรียมแพคพร้อมส่งลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านออนไลน์
       สำหรับการลงทุนโรงเรือน นายประกอบอธิบายว่า เริ่มสร้างโรงเรือนด้วยตัวเองเพราะมองว่าน่าจะได้ต้นทุนที่ถูกกว่า ขนาด 6x15 เมตร ราคา 45,000 บาท ส่วนราคาเมล็ดพันธุ์อยู่ที่ 7 บาท เป็นเมล็ดพันธุ์เมลอนนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 400 เมล็ดต่อ 1 โรงเรือน และเป็นการปลูกแบบไฮโดร ต้องใช้ถังน้ำในการให้น้ำผสมสารอาหาร ราคาถังอยู่ที่ 5,000 บาท ปั๊มน้ำ 3,000 บาท ค่าปุ๋ย อาหารเสริมประมาณ 5,000-6,000 บาท ค่าวางระบบน้ำหยด และค่าไฟฟ้า รวมค่าใช้จ่ายครั้งแรกเกือบ 70,000 บาท

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
ขั้นตอนในการทำโรงเรือน
       “หลายคนมองว่าต้นทุนตรงนี้สำหรับเกษตรกรหน้าใหม่อย่างผมไม่กลัวเจ๊งเหรอ ผมบอกได้เลยว่าผมกังวลและค่อนข้างหนักใจเหมือนกันในช่วงแรก แต่ผมมีฐานลูกค้าที่ติดตามผมมาตลอดผ่านทางหน้าเพจในเฟซบุ๊ก เว็บบอร์ด Pantip รวมถึงในกระปุก ทุกคนอยากได้ผลผลิตจากฟาร์มเมลอนของผม ผมจึงได้ตัดสินใจและกล้าลงทุนตรงนี้ และก็ไม่ผิดหวัง พอทุกคนที่ติดตามเรามาตลอด และเห็นขั้นตอนการปลูกเมลอนของเรา เขาก็มั่นใจว่าถ้าเขาสั่งเมลอนจากเรา เขาจะได้เมลอนที่ปลอดภัยไม่มีสารเคมี และก็ได้ราคาที่ไม่ต้องผ่านคนกลาง”

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
       และจากจำนวนคนที่ติดตามเรื่องราวเมลอนของนายประกอบในแฟนเพจเพิ่มจำนวนมากขึ้นถึงกว่า 10,000 คน และหนึ่งในนั้นก็ต้องการที่จะสั่งซื้อเมลอนไปเป็นของฝาก หรือนำไปรับประทาน ในขณะที่เมลอน 1 โรงเรือนรับออร์เดอร์ได้แค่ 400 ผล จึงเป็นแรงบันดาลใจให้หนุ่มคนนี้ตัดสินใจเปิดอีก 1 โรงเรือนในเวลาห่างกันไม่เกิน 2 เดือน และต้องปิดรับออร์เดอร์ตั้งแต่เมลอนเริ่มติดผล หรือถ้าใครที่ต้องการจะให้วาดรูป หรือเขียนข้อความบนลูกเมลอนก็จะต้องสั่งล่วงหน้า 1 เดือนก่อนที่เมลอนจะขึ้นลายชัดเจน และนี่คือข้อดีของการขายผ่านออนไลน์ที่เกษตรกรยุคใหม่จะต้องให้ความสำคัญ เพราะสามารถรู้ตลาดล่วงหน้าก่อนที่จะตัดสินใจเพิ่มผลผลิต

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
วัดความหวาน เพื่อให้รสชาติใกล้เคียงกันทุกลูก
       สำหรับการปลูกเมลอนไร่ของหนุ่มเก่งคนนี้ใช้วิธีการปลูกแบบซับสเตรท หรือการปลูกแบบไฮโดรโพนิก การใช้วัสดุทดแทนดิน และปลูกอยู่ในถุง ซึ่งวัสดุที่เขาใช้คือ ขุยมะพร้าว และขี้เลื่อยกากมะพร้าว หรืออาจจะใช้แกลบแทนก็ได้ และให้น้ำแบบน้ำหยด ช่วยประหยัดน้ำในภาวะหน้าแล้งได้อีกทางหนึ่ง เพราะเมลอนเป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย แต่การปลูกในลักษณะนี้จะมีต้นทุนของสารอาหารที่เพิ่มขึ้นมากว่าการปลูกบนดินที่พืชจะได้สารอาหารจากในดิน

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
ลูกค้าสั่งวาดรูปหัวใจ นำไปมอบวาเลนไทน์
       นายประกอบเล่าถึงการทำตลาดไว้อย่างน่าสนใจ เพราะด้วยความที่ตัวเขาเองทำงานเป็นวิศวกร ดูแลเว็บไซต์ให้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พอเริ่มปลูกเมลอนได้เริ่มเปิดหน้าเพจการปลูกเมลอนบนทาวน์เฮาส์ คนเข้ามาติดตามกันมากขึ้น และเป็นตัวช่วยในเรื่องของการตลาดได้เป็นอย่างดี ทำให้ตัดข้อกังวลเรื่องการตลาดมุ่งตั้งใจทำผลผลิตออกมาให้ดีที่สุด

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
ตัดส้นทิ้งก่อนเก็บผลผลิต
       ถ้าใครสนใจเรื่องราวการปลูกเมลอน ทางนายประกอบยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ให้ เป็นวิทยาทาน หรือต้องการจะเข้าไปชมไร่เมลอนของเขาได้ย้ายไปที่จังหวัดปทุมธานี แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคตต้องการจะเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ และท่องเที่ยว รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เมลอนที่ได้จากไร่แห่งนี้ด้วย

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
โทร. 08-9718-7922 //www.facebook.com/ กอล์ฟฟาร์ม เมล่อนไทยแลนด์

พนักงานประจำหาอาชีพเสริม “ปลูกเมลอน” สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน

//manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000023064
ทำโครงรูป ก.ไก่ ระบายอากาศได้ดี




 

Create Date : 07 มีนาคม 2559   
Last Update : 7 มีนาคม 2559 21:16:01 น.   
Counter : 2103 Pageviews.  

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้ เมื่อกระแสบิ๊กไบค์มาแรง ก็ย่อมส่งผลให้อุปกรณ์สำหรับการขับขี่ยานพาหนะนี้เติบโตตามไปด้วย และยิ่งเลือกจังหวะเวลาเข้าสู่ธุรกิจได้ถูกต้อง มีหรือที่จะไปไม่รอด อย่าง “หมวกกันน็อกเพนต์” แบรนด์ O-Skull ที่เจ้าของไอเดียตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมานานกว่า 10 ปี เลือกเป็นนายตัวเองกับการทำงานศิลปะที่ตนเองรัก

อันทพัธฏ์ พลเยี่ยม หรือคุณโอ เจ้าของธุรกิจหมวกกันน็อกเพนต์ ย้อนที่มาธุรกิจนี้ว่า เขาเรียนจบจากคณะศิลปกรรม สาขาทัศนศิลป์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยชื่นชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก และเข้าทำงานในตำแหน่งครีเอทีฟของบริษัทออร์แกไนซ์แห่งหนึ่งมานานกว่า 10 ปี ซึ่งช่วงทำงานประจำได้ลองขายหมวกกันน็อกกับเพื่อน

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
อันทพัธฏ์ พลเยี่ยม หรือ คุณโอ เจ้าของธุรกิจหมวกกันน็อคเพนท์
       โดยช่วงแรกเขายอมรับว่าไม่รู้จะนำอะไรมาขาย แต่ลึกๆ แล้วอยากขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์ไซค์ จึงพยายามหาแหล่งผลิตคุณภาพ กระทั่งไปเจอโรงงานหนึ่งที่เน้นวัตถุดิบคุณภาพ มีให้เลือกหลากหลาย และมีมาตรฐาน มอก.เขาจึงรับมาจำหน่าย พร้อมต่อยอดด้วยงานเพนต์ ออกแบบลวดลายเอง ไม่ซ้ำใคร ส่งผลให้ชาวต่างชาติ ลูกค้ากลุ่มบิ๊กไบค์ชื่นชอบและกลายเป็นลูกค้าหลัก รองลงมาเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่ให้การตอบรับดีไม่แพ้กัน ทำให้ยอดขายจาก 8-10 ใบ กลายเป็น 100 ใบในเวลาอันรวดเร็ว

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
ลาย "ยักษ์" คอลเลคชั่นใหม่
'O-Skull' เป็นชื่อแบรนด์ที่เขาตั้งขึ้น ผสมผสานชื่อเล่นตัวเองและความหมายของ Skull หรือหัวกะโหลก โดยได้รับอิทธิพลมาจากกลุ่ม Classic Motorbike ซึ่งมีเสน่ห์ในตัวเอง และเมื่อนำมาเป็นลวดลายบนหมวกกันน็อกก็ดูดีไปอีกแบบ ปัจจุบันเขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่กระแสบิ๊กไบค์บูม และคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลุยธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งหมวกของ O-Skull อยู่ในกลุ่มหมวกที่เรียกว่า “Open Face Classic” เจาะกลุ่มมอเตอร์ไซค์ประเภทคลาสสิก ซึ่งกระแสกำลังมาค่ายรถยักษ์ใหญ่เริ่มหันมาผลิตมากขึ้น

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
       สำหรับความต่างที่หมวกกันน็อก O-Skull สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง คือ เขามีให้เลือกทั้งงานสั่งผลิตตามที่ลูกค้าต้องการ (Custom) และงานสติกเกอร์ ทำให้ราคามีความหลากหลาย เจาะลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยงาน Custom ลวดลายจะเป็นเส้นปากกาด้วยสีอะคริลิก และสีพ่นรถยนต์ทำให้มีความเงางามและดูเป็นสินค้าพรีเมียมขึ้น ส่วนงานสติกเกอร์จะเป็นสินค้าขายดี เพราะไม่หลุดล่อนง่าย ทนทาน และราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับงานเพนต์

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
“ลวดลายของหมวกกันน็อก O-Skull ทั้ง 2 แบบ จะเน้นไปที่ลายหัวกะโหลกและกราฟิก ซึ่งลูกค้าชื่นชอบ ส่วนสติกเกอร์ก็จะออกแบบเอง ผ่านขั้นตอนการติดที่คงทนไม่หลุดลอกง่าย นอกจากนี้เรายังมีหมวกที่ถูกออกแบบจากโรงงานโดยตรง ไม่มีการมาตกแต่งลวดลายเพิ่ม ขายในราคาเพียง 450 บาท ส่วนหมวกสติกเกอร์และเพนต์ เริ่มต้นที่ 800-4,000 บาท ล่าสุดผลิตออกมากว่า 10 ลายแล้ว”

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
       ขณะที่คุณภาพมาตรฐานของหมวกกันน็อก จะผลิตจากโรงงานในประเทศไทย มีการขึ้นรูปพลาสติก ABS ส่งผลให้มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย มีความปลอดภัย และมีฟองน้ำชนิดหนาพิเศษรองรับอยู่ด้านใน รวมถึงยังได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. ดังนั้นลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพเมื่อสวมใส่

       “แม้เราจะดำเนินธุรกิจนี้มาได้เพียง 1 ปีเศษ แต่ก็ถือว่าได้รับการตอบรับดี ตามกระแสการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ขณะที่ลูกค้าชาวต่างชาติมีประมาณ 30% ได้แก่ ชาวมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง และแอฟริกาใต้ เป็นต้น ซึ่งเรากำลังหาตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าให้มากขึ้น ขณะที่คู่แข่งก็เริ่มมีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่มากนัก เพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะ ฝีมือ และใจรักเป็นสำคัญ”

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
       ส่วนกำลังการผลิตขณะนี้อยู่ที่ 40 ชิ้น/เดือน ส่งผลรายได้ประมาณ 1 แสนบาท/เดือน และล่าสุดเขาได้เปิดสตูดิโอที่ซอยพัฒนาการ 30 จากเดิมมีหน้าร้านที่ตลาดนัดจตุจักร กรีน (ขายเฉพาะวันพฤหัสฯ-อาทิตย์) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาชมผลงานได้ทุกวัน นอกจากนี้ ภายในร้านเขายังนำอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์มาจำหน่ายด้วย เช่น เสื้อหนัง รองเท้า อุปกรณ์ต่างๆ และต่อไปจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมออกคอลเลกชันในธีม “ยักษ์” ที่ลูกค้าก็ชื่นชอบไม่แพ้กัน

       การดำเนินธุรกิจได้ถูกจังหวะเวลาถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นทางลัดที่ให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งคุณโอได้ฟันธงว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์ไซค์จะยังเติบโตได้อีกเป็นสิบปี สามารถยึดเป็นอาชีพและรายได้หลักได้เลยทีเดียว

ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
ต่างชาติชื่นชอบ


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
ถุงมือสำหรับการขับขี่รถมอเตอร์ไซต์


ไอเดียเด็ด! O-Skull หมวกกันน็อกเพนต์ เกาะกระแสบิ๊กไบค์โกยรายได้
แว่นกันแดดและกันลม
       ***สนใจติดต่อ 09-4864-1625 หรือที่ Facebook: O Skull Story***


//manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000020595




 

Create Date : 02 มีนาคม 2559   
Last Update : 2 มีนาคม 2559 8:38:50 น.   
Counter : 1586 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]