เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

Xiaomi เขี่ย Samsung ขึ้นนำเบอร์ 1 ตลาดจีน

Xiaomi เขี่ย Samsung ขึ้นนำเบอร์ 1 ตลาดจีน
เหลย จุน (Lei Jun) ซีอีโอผู้ก่อตั้งเสี่ยวหมี่
ความเคลื่อนไหวในตลาดโทรศัพท์มือถือจีนนั้น ถือเป็นสิ่งที่โลกไม่เคยมองข้ามเพราะจีนถูกยกให้เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ล่าสุด มีรายงานว่าเสี่ยวหมี่ (Xiaomi Corp.) ดาวรุ่งดวงใหม่แดนมังกรสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จนถูกจัดอันดับเป็นผู้ค้าสมาร์ทโฟนเบอร์ 1 ของจีนแทนที่ซัมซุง (Samsung) แล้ว ถือเป็นการประกาศศักดายิ่งใหญ่ของเสี่ยวหมี่ ที่เพิ่งก่อตั้งเพียง 4 ปีเท่านั้น

       รายงานระบุว่า เสี่ยวหมี่ สามารถจัดส่งสมาร์ทโฟนมากกว่า 15 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2014 (เมษายน-มิถุนายน) ทำให้เสี่ยวหมี่ ครองส่วนแบ่งในตลาดจีนมากกว่า 14% ตัวเลขเหล่านี้ถือว่าเหนือกว่าซัมซุงที่จำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ราว 13.2 ล้านเครื่อง บนสัดส่วนตลาด 12% ทำให้บริษัทวิจัยคานาลิส (Canalys) ดึงชื่อเสี่ยวหมี่ขึ้นเป็นผู้ค้าสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ในจีนแทนแชมป์เก่าอย่างซัมซุง

บริษัทวิจัย Canalys มองว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากผู้บริโภคจีนที่หันไปเลือกซื้อสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศที่สามารถสร้างสรรค์สินค้าได้เทียบเท่ากับสินค้าของบริษัทของแอปเปิล (Apple) ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติรายเดียว (นอกจากซัมซุง) ที่สามารถแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มสมาร์ทโฟนยอดนิยมของชาวจีนสูงสุด 10 อันดับ (Top 10) โดยก่อนหน้านี้ แอปเปิลสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายได้มากกว่า 58% จากการร่วมเป็นพันธมิตรกับโอเปอเรเตอร์ท้องถิ่นอย่าง ไชน่าโมบาย (China Mobile Ltd.)

       จุดเด่นของเสี่ยวหมี่ คือ การเอาชนะใจผู้ใช้ด้วยสินค้าราคาไม่แพงแต่มีคุณสมบัติระดับสุดยอด การวางจำหน่ายของเสี่ยวหมี่ ใช้วิธีเปิดให้ลูกค้าสั่งซื้อโดยตรงจากเว็บไซต์ซึ่งรองรับลูกค้าทั้งในจีน และประเทศอื่นอย่างอินเดีย บราซิล และรัสเซีย คาดว่าเสี่ยวหมี่จะขยายตลาดไปยังอีกหลายประเทศในอนาคต

สถิติล่าสุดระบุว่า การจัดส่งสมาร์ทโฟนในตลาดจีนช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้มีจำนวนมากกว่า 108.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนราว 37% ของตลาดรวมทั่วโลก โดยข้อมูลจาก Canalys ระบุว่า ผู้ค้าที่ครองอันดับ 3 ของตลาดจีนคือ เลอโนโว (Lenovo Group) ยอดจัดส่งคือ 13 ล้านเครื่อง

       ปัจจุบัน เสี่ยวหมี่ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เหตุที่ทำให้มูลค่าบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วตลอด 4 ปีที่ก่อตั้งคือ ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่เติบโตก้าวกระโดดในแต่ละไตรมาส สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2014 รายงานระบุว่า ยอดจำหน่ายของเสี่ยวหมี่เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2013 โดยยอดจำหน่ายช่วงครึ่งปีแรก ปี 2014 ของเสี่ยวหมี่ คือ 26 ล้านเครื่อง จากที่เคยจำหน่ายได้ 7.03 ล้านเครื่องในครึ่งปีแรก ปี 2013

       เหลย จุน (Lei Jun) ซีอีโอผู้ก่อตั้งเสี่ยวหมี่ เคยประกาศว่า มีเป้าหมายเพิ่มยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้ได้ 100 ล้านเครื่องในปีหน้า คาดว่าเป้าหมายนี้มีโอกาสเป็นจริงสูง ยกตัวอย่างเช่นกรณีของเสี่ยวหมี่ ที่เพิ่งวางจำหน่ายในตลาดอินเดีย พร้อมเปิดโปรโมชันพิเศษในวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า เสี่ยวหมี่ สามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่น Mi3 มากกว่า 20,000 เครื่องใน 5 วินาที


//www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000088739




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2557   
Last Update : 5 สิงหาคม 2557 21:01:33 น.   
Counter : 7547 Pageviews.  

Review : Acer Switch 10 ลูกผสมโน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ต ฮาร์ดแวร์เด่น ราคาโดน



       แบรนด์เอเซอร์ (Acer) ถือเป็นผู้ผลิตโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ที่มีการปรับตัวไปตามยุคสมัยและเทรนด์ของโลกได้ดีมากแบรนด์หนึ่ง โดยเฉพาะตลาดโน้ตบุ๊กที่เอเซอร์ได้ชุปชีวิตโน้ตบุ๊กพลังวินโดวส์ 8 เพื่อมาต่อกรกับตลาดแท็บเล็ตที่เติบโตสูงมากด้วยการจับทำไฮบริดโน้ตบุ๊กที่สามารถแปลงร่างเป็นแท็บเล็ตได้จนมีชื่อเสียงหลายรุ่น โดยเฉพาะ Iconia W510 กับเสียงตอบรับที่ดีมากจนขายขาดตลาดทั้งต่างประเทศและในประเทศไทยเอง



       มาวันนี้เอเซอร์ก็ขอต่อยอดความสำเร็จจาก W510 อีกครั้งกับน้องเล็กคนใหม่ Acer Aspire Switch 10 (หรือเรียกสั้นๆ ว่า Acer Switch 10) กับการปรับเปลี่ยนดีไซน์เน้นเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวกรวมถึงปรับสเปกภายในให้ทันสมัยขึ้น

การออกแบบ



       การออกแบบของ Switch 10 ก็ยังเป็นไปตามรุ่นพี่ W510 คือตัวเครื่องถูกออกแบบมาเป็นไฮบริดได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต โดยในชุดจะมีทั้งส่วนหน้าจอแท็บเล็ตและฐานที่เป็นทั้งคีย์บอร์ดและฮาร์ดดิสก์เสริม ส่วนหน้าจอเป็นแบบสัมผัส 5 จุดพร้อมกันขนาด 10.1 นิ้ว พื้นผิวจอแบบ Native Damage Resistance (Gorilla Glass 3) ความละเอียด 1,366x768 พิกเซล ตัวเครื่องสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1.Notebook (ใช้งานแบบโน้ตบุ๊กเน้นพิมพ์งาน) 2.Pad (ดึงออกจากฐานใช้แบบแท็บเล็ต) 3.Display และ 4.Tent (ทั้ง 2 รูปแบบใช้สำหรับการรับชมภาพยนตร์ ปรับองศาการมองได้หลายระดับ)

       นอกจากนั้นการประกอบหน้าจอยังใช้เทคโนโลยี Zero Air Gap ที่ช่วยลดแสงสะท้อนในแต่ละมุมมองที่รับชมโดยเฉพาะภายใต้แสงอาทิตย์ร่วมกับซอฟต์แวร์ LumiFlex ที่ช่วยปรับสีสันและความสว่างของหน้าจอให้อัตโนมัติโดยจะทำงานควบคู่กับเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง



       ด้านวัสดุที่ใช้ผลิตทำจากอลูมิเนียม พื้นผิวสัมผัสเป็นลายขนแปรงสีเทาช่วยให้จับกระชับไม่ลื่นหลุดมือง่าย โดยการพิมพ์ลายและลงสีทางเอเซอร์เครมว่าใช้เทคโนโลยีใหม่ NIL (nano-imprint technology) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยให้การขึ้นรูปลักษณ์ของโน้ตบุ๊กทำได้หลากหลายขึ้น

ส่วนขนาดตัวเครื่องเอเซอร์ได้ปรับปรุงให้ Switch 10 มีความทันสมัยและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วยความบางส่วนแท็บเล็ต (เฉพาะหน้าจอหลังดึงออกจากฐาน) เพียง 8.9 มิลลิเมตร หนัก 1.17 กิโลกรัม หน่วยประมวลผลและแบตเตอรีทั้งหมดถูกติดตั้งอยู่ในหน้าจอแท็บเล็ต ส่วนฐานคียบอร์ดจะมีเพียงฮาร์ดดิสก์ขนาด 500GB ติดตั้งพร้อมพอร์ต USB เท่านั้นไม่มีแบตเตอรีก้อนที่สองติดตั้งมาให้เหมือนรุ่นก่อน



       และด้วยการที่ตัวเครื่องเป็นไฮบริดสามารถแยกออกจากฐานได้ เพื่อความง่ายในการประกบติดกับฐานและปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานต่างๆ ทางเอเซอร์ได้เลือกใช้บานพับแบบ Snap Hinge โดยจะใช้แรงดูดจากแม่เหล็กในการดูดติดระหว่างส่วนแท็บเล็ตกับหน้าจออย่างแน่นหนาซึ่งจะช่วยให้ขั้วไฟฟ้าสัมผัสกันสนิทขึ้นด้วย



       กลับมาดูเรื่องปุ่มคำสั่งและช่องเชื่อมต่อต่างๆ แบบละเอียดอีกครั้ง โดยจะเริ่มจากส่วนของแท็บเล็ตกันก่อน บริเวณเหนือหน้าจอขึ้นไปจะเป็นกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลพร้อมไมโครโฟน ถัดลงมาใต้จอภาพเหนือโลโก้ Acer จะเป็นปุ่มวินโดวส์สำหรับเรียกหน้า Start Screen และใช้สลับหน้าต่างแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจาก Windows Store

       ส่วนช่องด้านข้างโลโก้ Acer ทั้งสองช่องคือลำโพงสเตอริโอ



       มาถึงด้านข้างตัวเครื่องเริ่มจากด้านซ้ายจะเป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ปุ่มเปิด-ปิดตัวเครื่องรวมถึงทำหน้าที่เป็นปุ่มสแตนบาย Sleep/Awake ตัวเครื่อง ถัดไปท้ายสุดจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง



       ส่วนด้านขวาเริ่มจากซ้ายสุดจะเป็นช่องเชื่อมอะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน พอร์ต MicroUSB (มีสายแปลงจาก MicroUSB เป็น USB Host มาให้) ช่องใส่การ์ดความจำ MicroSD สำหรับเพิ่มความจุและสุดท้ายกับช่องไมโครโฟน




       มาดูในส่วนของฐานคีย์บอร์ดหรือจะเรียกว่า Docking Station เมื่อถอดแยกจากส่วนแท็บเล็ตแล้ว พื้นที่หลักของส่วนนี้จะเป็นแป้นคีย์พิมพ์ภาษาไทยติดมาให้พร้อมทัชแพดแบบมัลติทัชใช้งานเหมือนโน้ตบุ๊กทั่วไป

       ส่วนภายในจะมีฮาร์ดดิสก์ความจุ 500GB ติดตั้งมาให้ พร้อมพอร์ต USB 1 พอร์ตติดตั้งอยู่ด้านข้าง โดยเมื่อผู้ใช้นำฐานคีย์บอร์ดเชื่อมต่อกับแท็บเล็ต ฮาร์ดดิสก์และคีย์บอร์ดจะดึงไฟจากส่วนแท็บเล็ตมาใช้งานคล้ายเราเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์กับพอร์ตยูเอสบี โดยการเชื่อมต่อระหว่างแท็บเล็ตกับฐานคีย์บอร์ดสามารถทำได้ตลอดเวลาแม้ตัวเครื่องจะเปิดใช้งานอยู่ก็ตาม


ในชุด Acer Switch 10 จะมีสองส่วนหลักคือ ส่วนแท็บเล็ตและฐานคีย์บอร์ด+ฮาร์ดดิสก์


       สุดท้ายเมื่อส่วนของแท็บเล็ตและฐานคีย์บอร์ดเชื่อมต่อกันแล้ว รูปแบบการใช้งานจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นโน้ตบุ๊กตระกูลเน็ตบุ๊กอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ใช้สามารถนำเมาส์ คีย์บอร์ดทั้งมีสาย ไร้สายหรือจะเชื่อมต่อ USB HUB (เพราะให้พอร์ต USB มาน้อย) ไปถึงอุปกรณ์ USB ต่างๆ ที่รองรับวินโดวส์ 8 ก็สามารถทำได้เหมือนโน้ตบุ๊กทั่วไปทั้งหมด

สเปก



       มาดูในส่วนของสเปกภายในกันบ้าง อย่างเกริ่นไปแล้วว่าแผงวงจรเมนบอร์ดและชิปประมวลผลทั้งหมดจะบรรจุอยู่ในส่วนหน้าจอแท็บเล็ตเท่านั้น ฐานคีย์บอร์ดจะไม่มีหน่วยประมวลผลใดๆ เป็นเหตุให้หน้าจอแท็บเล็ตจะมีน้ำหนักมากกว่าฐาน โดยหน่วยประมวลผลที่เอเซอร์เลือกใช้กับ Switch 10 เป็น Intel Atom Z3740 บนสถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ 22 นาโนเมตรของอินเทลในชื่อ Bay Trail ที่ออกแบบมาเพื่อไฮบริด 2 in 1 โน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ตราคาประหยัดโดยเฉพาะ พร้อมความเร็วที่มากกว่า Atom ตัวเดิมถึง 2 เท่าและประหยัดพลังงานกว่า

       โดยหน่วยประมวลผล Atom Z3740 ใน Switch 10 รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะทำงานแบบ Quad-cores (4 Cores 4 Threads) ความเร็วสูงสุด 1.33GHz มาพร้อมแรมขนาด 2GB แบบ DDR3 กราฟิกชิปใช้ Intel HD รุ่น 7 พร้อมแรม 1GB แชร์มาจากแรมระบบ




       ส่วนฮาร์ดดิสก์จะแยกเป็นสองส่วนได้แก่ หน่วยเก็บข้อมูล eMMC ในแท็บเล็ตขนาด 64GB แต่เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 51.5GB เพราะถูกแยกไปเก็บไฟล์สำรองวินโดวส์ลิขสิทธิ์ ส่วนฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ภายในฐานคีย์บอร์ดเมื่อเชื่อมต่อรวมกับแท็บเล็ตแล้วจะกลายเป็นไดร์ฟ D ตามค่า Default มีพื้นที่เหลือให้ใช้งานจริง 465GB




       สุดท้ายในส่วนวินโดวส์ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่องจะเป็นวินโดวส์ 8.1 ลิขสิทธิ์รุ่นล่าสุดแบบ 32 บิต พร้อม Office Home & Student 2013 มาให้ใช้งานอย่างสมบูรณ์

ฟีเจอร์เด่น



       ตามธรรมเนียมของเอเซอร์ยุคใหม่หัวใจวินโดวส์ 8 จะต้องมาพร้อม Built-in แอปพลิเคชันของเอเซอร์จากโรงงานตั้งแต่แอปฯ จัดการเอกสาร ไฟล์เพลง ไปถึงระบบ Acer Portal ที่อนุญาตให้ลูกค้าเอเซอร์สามารถสร้างพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนตัวบนคลาวด์ได้ โดยการทำงานจะสามารถเชื่อมต่อร่วมกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและอุปกรณ์ของเอเซอร์ทั้งหมดได้ง่ายดาย



       และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Acer Recovery Management ที่เป็นตัวช่วยในการสำรองข้อมูลระบบไปถึงไดร์วเวอร์และแอปฯ ต่างๆ ไว้เวลาเครื่องมีปัญหาต้อง Format และติดตั้งวินโดวส์ใหม่ ผู้ใช้ก็ยังสามารถเรียกคืนไฟล์ข้อมูลต่างๆ ที่สำรองไว้ได้



       ฟีเจอร์เด่นสุดท้าย ด้วยการที่ตัวเครื่องสามารถถอดแยกมาใช้งานแบบแท็บเล็ตถือไปไหนมาไหนได้ ทางเอเซอร์ก็ได้ติดตั้งเซ็นเซอร์ Orientation Sensor (ไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตทั่วไปเพราะมีมานานแล้ว แต่สำหรับแท็บเล็ตวินโดวส์ 8 ต้องถือเป็นเรื่องแปลกใหม่เพราะเพิ่งเริ่มมีให้เห็นช่วงแท็บเล็ตวินโดวส์กำลังทำตลาด) ที่ช่วยตรวจจับว่าเราใช้แท็บเล็ตในแนวไหนอยู่ ทำให้เวลาเราเอียงเครื่องเพื่อใช้งานในแนวตั้ง หน้าจอจะหมุนตามพร้อมปรับสัดส่วนใหม่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอ่านหนังสือหรือชมเว็บไซต์ที่มีหน้ายาวมาก

ทดสอบประสิทธิภาพ



       ด้วยสเปกของตัวเครื่องคงทำให้ทีมงานไม่สามารถทดสอบประสิทธิภาพได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยผลคะแนนที่ได้จาก PC Mark 8 อยู่ที่ 1,238 คะแนน การประมวลผลรับชมไฟล์ภาพยนตร์ 1080p ทำได้ลื่นไหล การเล่นเว็บไซต์ต่างๆ ทำได้ดีตามวัตถุประสงค์หลักของ Switch 10 คือเน้นงานเอกสาร ตกแต่งภาพเล็กน้อยไปถึงใช้ดูกราฟหุ้นแบบเรียลไทม์หรือใช้งานในเชิงธุรกิจติดตัวไปได้ทุกที่ทุกเวลา สิ่งเหล่านี้ Switch 10 ทำได้ดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด



       ส่วนผู้อ่านหลายท่านที่ทิ้งคำถามไว้ให้ทีมงานหาคำตอบว่าสเปกระดับนี้จะสามารถใช้งาน Adobe Photochop CC ตัวใหม่ล่าสุดได้หรือไม่ คำตอบที่ได้คือใช้งานได้ครับ ตกแต่งภาพระดับ 18 ล้านพิกเซลในรูปแบบ RAW File ก็สามารถทำได้แต่อาจจะไม่รวดเร็วนัก ต้องให้เวลาซีพียูประมวลผลสักครู่ แต่โดยรวมถ้าใช้แค่ตัดรูป ย่อรูปจากไฟล์ JPEG รวมถึงตกแต่งภาพเล็กๆ น้อยๆ ส่วนนี้ทำงานได้ลื่นไหลพอสมควรครับ ความละเอียดหน้าจอกับพื้นที่ใช้งานที่ได้ถือว่าโอเคไม่น่าเกลียดเหมือนสมัยเน็ตบุ๊กหน้าจอ 1,024x600 พิกเซล



       สำหรับการเล่นเกมถ้าเป็นเกมที่มาจาก Windows Store แทบทุกเกมสามารถเล่นบน Acer Switch 10 ได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเกม 3 มิติกราฟิกสูง จากสเปกเครื่องแล้วคงไม่สามารถเล่นได้ดีนักเพราะถึงแม้จะเข้าเกมได้แต่ท่านจะต้องพบกับอาการภาพกระตุกจนรำคาญ


ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลของ eMMC



ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลของ HDD ในฐานคีย์บอร์ด


       มาถึงการทดสอบการเข้าถึงข้อมูลจาก eMMC flash storage ภายในแท็บเล็ตมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 73.3MB ต่อวินาที ส่วนฮาร์ดดิสก์จานหมุนเสริมภายในฐานคีย์บอร์ดจะมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลอยู่เฉลี่ย 35.6MB ต่อวินาที ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน



       ในส่วนแบตเตอรีขนาด 22 Wh (แต่ในแอปฯ เช็คแบตเตอรีบอกว่ามี 24 Wh) ปราศจากแบตเสริมเหมือนรุ่นพี่ สำหรับการทดสอบใช้งานทั่วไปด้วยการรับชมคลิปวิดีโอจากยูทูป ฟังเพลง พิมพ์งานผ่าน Word และเล่นเว็บไซต์ แบตเตอรีสามารถใช้งานได้ยาวนาน 7-8 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานที่มีการประมวลผลสูงจะใช้ได้ต่อเนื่อง 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น ถือเป็นอานิสงส์ของอะตอมตัวใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

ข้อดี

       - ฮาร์ดแวร์และการออกแบบทำออกมาได้ดี งานประกอบแข็งแรงสมราคา
       - สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย
       - อะตอมรุ่นใหม่ประหยัดพลังงานมากขึ้น
       - มาพร้อมวินโดวส์ 8.1 และ Office Home & Student 2013 ลิขสิทธิ์
       - สามารถ Standby เครื่องทั้งวันทั้งคืนได้โดยปราศจากอาการเครื่องค้าง
       - ฐานคีย์บอร์ดมีทั้งทัชแพด ฮาร์ดดิสก์เสริมขนาด 500GB พร้อม USB ทำให้ใช้งานในรูปแบบโน้ตบุ๊กได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ข้อสังเกต

       - ถึงแม้ Acer Snap Hinge จะทำให้แท็บเล็ตและฐานคีย์บอร์ดยึดติดอย่างแน่นหนาและเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากลาย แต่ถ้าใช้งานไปนานๆ โอกาสที่หน้าสัมผัสระหว่างขั้วต่อเชื่อมข้อมูลระหว่างฐานคีย์บอร์ดกับตัวแท็บเล็ตจะไม่สนิทกันมีสูงและทีมงานก็พบอาการคีย์บอร์ดและฮาร์ดดิสก์ติดๆ ดับๆ เมื่อเคลื่อนย้ายตัวเครื่อง
       - ไม่สามารถใส่ซิม 3G ได้

สำหรับราคาเปิดตัว Acer Switch 10 อยู่ที่ 15,990 บาท เทียบกับประสิทธิภาพและการใช้งานต้องบอกว่าเอเซอร์เปิดตัวลูกผสมโน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ตได้เด็ดเหมือนรุ่นพี่ Iconia ทั้งเรื่องราคาและประสิทธิภาพ ผู้อ่านท่านใดที่กำลังมองหาแท็บเล็ตเพื่อต้องการใช้งานแบบโน้ตบุ๊ก โดยเฉพาะพิมพ์งาน ตกแต่งรูปเล็กๆ น้อยๆ และไม่ติดว่าต้องเป็นแอนดรอยด์หรือแอปเปิลไอโอเอสแท็บเล็ต Acer Switch 10 ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างมากถึงขนาดทำให้วินโดวส์ 8 น่าใช้ขึ้นเยอะ แต่จะสมบูรณ์กว่านี้ถ้าเอเซอร์จะมีรุ่น 3G วางจำหน่ายในอนาคตเพื่อตอบโจทย์การเป็นลูกผสมโน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ตทุกที่ทุกเวลาได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

Company Related Link :
Acer




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2557   
Last Update : 4 สิงหาคม 2557 23:34:33 น.   
Counter : 2206 Pageviews.  

Windows Phone 8.1 อัปเดตใหม่รองรับหน้ากากไฮเทคเหมือน Android?!

Windows Phone 8.1 อัปเดตใหม่รองรับหน้ากากไฮเทคเหมือน Android?!
หน้ากาก smart screen cover ที่สามารถแสดงผลข้อมูลให้ผู้ใช้ทราบได้แม้หน้ากากนี้จะคลุมจอภาพอยู่
เจ้าพ่อซอฟต์แวร์ไมโครซฮฟท์ (Microsoft) ส่งเอกสารถึงนักพัฒนาเพื่อตอกย้ำว่าระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพาเวอร์ชันอัปเดตใหม่ “วินโดวส์โฟน 8.1 อัปเดต 1 (Windows Phone 8.1 Update 1)” จะรองรับหน้ากากไฮเทค หรือ smart screen cover ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งวางจำหน่ายในขณะนี้ แถมยังการันตีด้วยว่า Update 1 จะสามารถแสดงผลบนหน้าจอใหญ่ได้ดีกว่าเดิม

       เว็บไซต์ดับบลิวพี เซ็นทรัล (WPCentral) และโนเกีย พาวเวอร์ ยูเซอร์ (Nokia Power User) เป็นผู้เผยแพร่เอกสารที่ไมโครซอฟท์แจ้งแก่นักพัฒนาเรื่องความคืบหน้าการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8.1 ครั้งใหม่ในชื่อ Windows Phone 8.1 Update 1 โดยในเอกสารนี้สะท้อนว่า ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Windows Phone นับจากนี้จะสามารถจำหน่ายหน้ากาก smart screen cover ที่สามารถแสดงผลข้อมูลให้ผู้ใช้ทราบได้แม้หน้ากากนี้จะคลุมจอภาพอยู่ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาเปิดหน้ากากเพื่ออ่านข้อมูลอย่างที่เคยท

หน้ากาก smart screen cover นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะผู้ผลิตอย่างซัมซุง (Samsung), แอลจี (LG) และเอชทีซี (HTC) ล้วนจำหน่ายสมาร์ทโฟน Android พร้อมหน้ากากไฮเทคนี้แล้ว โดยแม้หน้ากากช่วยกันฝุ่นละอองนี้จะปกคลุมจอโทรศัพท์อยู่ แต่ผู้ใช้จะสามารถทราบการแจ้งเตือนอื่นๆ ได้ในเบื้องต้น รวมถึงอีเมล

       การอัปเดตให้ Windows Phone 8.1 Update 1 รองรับ smart screen cover จะช่วยให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนมีแรงใจในการนำเสนอสินค้า Windows Phone แทนที่จะเลือกผลิตแต่สมาร์ทโฟน Android เป็นหลัก โดยปัจจุบัน Windows Phone รองรับระบบ on-screen button หรือปุ่มกดเสมือนบนหน้าจอซึ่งทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถนำระบบ Windows Phone 8.1 มาใช้กับสินค้าของค่ายโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนสายการผลิตฮาร์ดแวร์ จุดนี้สำนักข่าวเดอร์เวิร์จ (The Verge) รายงานว่า ผู้ผลิตอย่าง HTC เตรียมจะเสนอ HTC One (M8) รุ่นเรือธงในเวอร์ชัน Windows Phone 8.1 ด้วย

Windows Phone 8.1 อัปเดตใหม่รองรับหน้ากากไฮเทคเหมือน Android?!
HTC One (M8)
       เอกสารยังระบุว่า Windows Phone จะรองรับการแสดงผลบนอุปกรณ์หน้าจอ 7 นิ้วขึ้นไป ที่ความละเอียด 1280x768 พิกเซล (หรือ 1280x800 พิกเซล พร้อม on-screen button) จุดนี้สะท้อนว่า Windows Phone กำลังเตรียมพร้อมปะทะ Android ในตลาดอุปกรณ์กึ่งสมาร์ทโฟนกึ่งแท็บเล็ต หรือที่เรียกว่า “แฟบเล็ต (phablet)” อย่างจริงจัง

       นอกจากนี้ มีการคาดว่า Windows Phone 8.1 Update 1 จะรองรับระบบรับส่งเสียงบนเครือข่าย 4G LTE หรือ Voice over LTE ขณะเดียวกัน ก็เปิดให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถออกแบบการล็อกหน้าจอได้เสรี ขณะเดียวกัน ผู้ใช้สามารถสร้างกล่อง folder บนหน้าจอ Start screen ได้

ข้อมูลในขณะนี้มีเพียงความเชื่อว่า Windows Phone 8.1 Update 1 จะพร้อมให้บริการเต็มตัวภายในปีนี้ โดยยังไม่มีการเปิดเผยกรอบเวลาที่แน่นอน ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ Update 1 จะยังไม่เปิดให้ชาวโลกใช้บริการในเร็ววันนี้



//www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000085713




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2557   
Last Update : 30 กรกฎาคม 2557 22:07:52 น.   
Counter : 924 Pageviews.  

Review : Asus Zenfone 5 สมาร์ทโฟนสุดคุ้มราคาโดน



กลายเป็น 1 ในสมาร์ทโฟนราคาสุดคุ้มในตลาดตอนนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย กับ Asus Zenfone 5 ที่ออกมาจับตลาดกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาประหยัด แต่ประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้ช่วงแรกที่วางขายถึงกับของขายตลาด และถือเป็นแนวโน้มที่ดีของแบรนด์ไอที ที่เข้ามาลุยในตลาดสมาร์ทโฟนอีกราย

       จุดเด่นหลักของ Zenfone 5 คือเรื่องของความคุ้มค่าด้วยหน่วยประมวลผลระดับควอดคอร์ หน้าจอ 5 นิ้ว ในราคา 5,990 บาท ประกอบกับชื่อชั้นของแบรนด์เอซุส ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดพีซี และโน้ตบุ๊ก ช่วยให้สินค้าในตระกูล Zenfone มีที่ยืนได้ตลาดได้

การออกแบบและสเปก



ในแง่ของการออกแบบ ถือว่าเป็นไปตามสมัยนิยมของสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ประกอบกับเอซุส ได้นำแนวคิดของการออกแบบผลิตภัณฑ์ภายใต้ปรัชญา เซน (Zen) เช่นเดียวกับในสินค้าโน้ตบุ๊กตระกูล Zen ทำให้ Zenfone 5 จะมีควบโฉบเฉี่ยวของขอบเครื่อง และฝาหลังที่เป็นแนวโค้งรับกับการถือใช้งาน ตัวเครื่องมีขนาด 148.2 x 72.8 x 10.34 มิลลิมเตร น้ำหนักราว 145 กรัม มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ ขาว ดำ และทอง



ด้านหน้า - ที่เห็นเป็นหลักเลยคือหน้าจอ Gorilla Glass 3 ที่เป็นแบบ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD (1,280 x 720 พิกเซล) โดยมีโลโก้ ‘ASUS’ สีเงินพาดอยู่ส่วนบนจอ แนวเดียวกับลำโพงสนทนา และมีกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนล่างหน้าจอเป็นปุ่มสัมผัส ย้อนกลับ โฮม และแอปฯที่ใช้งานล่าสุด ที่ไม่มีไฟแอลอีดีส่อง ทำให้เวลาใช้งานในที่มืดต้องใช้ความเคยชิน



       ด้านหลัง - อย่างที่บอกว่าฝาหลังจะมีความโค้งอยู่จากบริเวณขอบที่บาง เข้ามาตรงกลางจะหนาขึ้น โดยมีกล้องหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช ที่มีโลโก้อยู่กึ่งกลาง ถัดลงมาส่วนล่างจะเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยประมวลผล ชื่อซีรีส์ และช่องลำโพง



       ฝาหลังสามารถถอดออกมาได้ โดยจะมีช่องใส่ไมโครซิม 2 ช่อง อยู่ตรงกลาง และมีไมโครเอสดีการ์ดอยู่ที่มุมขวาบน ตัวเครื่องไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตได้ โดยแบตเตอรีที่ให้มามีขนาด 2,110 mAh




ด้านซ้าย - จะถูกปล่อยว่างไว้ โดยมีช่องสำหรับงัดฝาหลังที่มุมล่าง ด้านขวา - มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง สีเงินติดอยู่




ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมโครโฟนตัดเสียง ด้านล่าง - เป็นพอร์ตไมโครยูเอสบี และไมโครโฟนสนทนา



       สำหรับสเปกภายในของ Zenfone 5 ใช้หน่วยประมวลผล Intel Atom Z2560 ที่เป็นควอดคอร์ 1.6 GHz RAM 2 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 8 GB (เอซุสแจ้งว่าโมเดลที่ขายหลังสิงหาคมจะเป็นรุ่น 16 GB) ที่สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 64 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.3

       ด้านการเชื่อมต่อรองรับการใช้งาน 3G ทุกคลื่นความถี่ ที่ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 42 Mpbs และ 5.76 Mbps ส่วน Wi-Fi รองรับมาตรฐาน 802.11 b/g/n บลูทูธ 4.0 วิทยุ FM และจีพีเอส

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ



ในส่วนของการติดต่อผู้ใช้ หรือยูสเซอร์อินเตอร์เฟส ต้องยอมรับว่าเอซุสทำการบ้านมาได้ค่อนข้างดี จากทั้งการนำ Zen UI มาครอบแอนดรอยด์ เพื่อสร้างความแตกต่าง ในขณะเดียวกันก็ผสานความเหมือนในการใช้งาน Zenfone ทุกรุ่นเข้าด้วยกัน ดังนั้นเมื่อผู้ที่เคยได้ลองสัมผัสมาแล้ว ก็จะใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

       โดยหน้าจอของ Zen UI จะเน้นความโล่ง เรียบง่าย มีหน้าเปล่าให้นำวิตเจ็ตมาใส่ โดยมีไอค่อนหลักอยู่ขอบล่างคือโ?รศัพท์ ข้อความ เข้าสู่เมนูทั้งหมด เว็บเบราว์เซอร์​ และกล้อง ในส่วนของแถบการแจ้งเตือน ก็มีการรวบรวมการตั้งค่าลัด ในดีไซน์ที่ดูแล้วเข้าใจง่ายมารวมไว้ด้วย



       อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการนำเครื่องมาให้ผู้สูงอายุใช้งาน ก็สามารถเข้าไปเปิด 'โหมดง่าย’ ในหน้าจอตั้งค่า ตัวอินเตอร์เฟสก็จะเปลี่ยนไป กลายเป็นมีนาฬิกา และไอค่อนหลักเข้าสู่แอปฯสำคัญ และอีกหน้าหนึ่งสำหรับเลือกแอปฯที่ใช้งานบ่อยๆมารวมไว้ด้วยกัน



       ส่วนของหน้าจอล็อกสกรีน ผู้ใช้สามารถตั้งได้ว่า จะให้โชว์ปุ่มลัดเพื่อเข้าสู่โหมดการใช้งานกล้อง โทรศัพท์ ข้อความ รวมถึงการแสดงข้อมูลตารางนัดหมาย พยากรณ์อากาศด้วยหรือไม่ ซึ่งในส่วนของปฏิทิน จะแสดงผลภายใต้แอปฯอย่าง What’s Next ที่จะทำงานคล้ายๆกับ Google Now คือนำตารางนัดหมายในปฏิทิน เฟซบุ๊ก พยากรณ์อากาศมาแจ้งต่อผู้ใช้งาน



       นอกจากนี้ เอซุสยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกตั้งค่าปุ่ม แอปฯ ที่ใช้งานล่าสุด ว่าจะให้แสดงผลเป็นอย่างไร เช่น แสดงแอปฯที่ใช้งานล่าสุด ใช้การกดค้างเพื่อจับภาพหน้าจอ หรือ กดค้างเพื่อเข้าสู่หน้าเมนู ขณะที่หน้าจอตั้งค่าลัดก็สามารถปรับแต่งได้เช่นเดียวกัน



       สำหรับแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ในเครื่อง จะมีทั้งกระจก กล้อง แกลลอรี่ ข้อความ ค้นหาด้วยเสียง เครื่องคิดเลข ตัวจัดการไฟล์ โปรไฟล์เสียง ตัวช่วยประหยัดพลังงาน โทรศัพท์ นาฬิกา บันทึกย่อ บันทึกเสียง รายชื่อ เว็บเบราว์เซอร์ ปฏิทิน เพลง ไฟฉาย วิทยุ อีเมล บริการต่างๆจากกูเกิล และของเอซุสเอง



       โดยแอปฯที่มีมาให้ใน Zenfone ที่น่าสนใจคือ Splendid ที่เปิดโอกาสให้ผู้ปรับปรับสีหน้าจอได้ด้วยตนเอง หรือจะเลือกตามโหมดที่มีมาให้ก็ได้ Super Note เป็นโปรแกรมจดบันทึก ที่ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเขียนเป็นตัวอักษรเพื่อบันทึกได้ทันที หรือจะใช้การพิมพ์ก็ได้



       Web Storage เป็นเหมือนบริการคลาวด์เก็บข้อมูลของเอซุส ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือ โน้ตบุ๊ก เพื่อซิงค์ข้อมูล และยังสามารถใช้แชร์ข้อมูลให้เพื่อนก็ได้เช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลมาให้ 5 GB



       แอปฯ พยากรณ์อากาศ เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะบอกอุณหภูมิ ยังมีบอกปริมาณน้ำฝน ความชื่น ความเร็วลม โอกาสที่ฝนจะตก รวมไปถึงดูอุณหภูมิล่วงหน้า เวลาพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกด้วย



       นอกจากนี้ ในเอซุสยังมีแอปฯที่ติดมากับตัวเครื่องอย่าง Share Link เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น และแชร์ไฟล์ให้แก่กัน Remote Link ใช้สมาร์ทโฟนในการควบคุมโน้ตบุ๊ก หรือ พีซี และ Party Link ที่ใช้เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของเอซุส เข้าด้วยกันเพื่อสั่งให้เล่นเพลง ภาพยนต์ ดูรูปภาพไปได้พร้อมๆกัน



       ในส่วนของการบันทึกเสียง ใช้งานง่ายเพียงแค่กดปุ่มบันทึกขนาดใหญ่ตรงกลาง ถัดมาโปรไฟล์เสียง จะมีให้เลือกทั้งดนตรี ภาพยนตร์ การบันทึก เกม และคำพูด ส่วนการแชร์ภาพบนหน้าจอผ่านระบบ DLNA ก็สามารถใช้งานได้



       ตัวจัดการไฟล์ นอกจากจะใช้เข้าถึงไฟล์ในตัวเครื่องแล้ว ยังสามารถใช้ดูไฟล์ในระบบคลาวด์อย่าเว็บสตอเรจของเอซุส ดรอบบ็อกซ์ วันไดร์ฟ และกูเกิลไดร์ฟได้ด้วย ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกย้าย คัดลอก เปลี่ยนชื่อ ลบได้จากภายในแอปฯนี้



       เว็บเบราว์เซอร์ที่ให้มาในตัวเครื่อง ยังรองรับการใช้งานแฟลชด้วย ซึ่งเมื่อแสดงผลบนหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ก็ต้องยอมรับว่าทำงานได้รวดเร็วดี



       ส่วนของโทรศัพท์ ที่มีมาให้ใช้งานถึง 2 ซิม ผู้ใช้สามารถใช้ระบบคาดเดาเบอร์จากการกดเลขหมายนำหน้าได้ เมื่อกดแล้วจะเลือกซิมโทรได้จากปุ่มด้านล่าง ส่วนหน้าจอขณะสนทนาจะมีไอค่อนอย่างเปิดลำโพง ปิดไมค์ พักสาย เพิ่มสาย จดบันทึก บันทึกเสียงสนทนา เรียกปุ่มกด และรายชื่อได้ ขณะที่หน้าจอสายเรียกเข้าก็จะใช้การสไลด์เพื่อรับสาย ตัดสาย



       กล่องจดหมาย หรือ อีเมลที่ให้มาถือว่าใช้งานได้ค่อนข้างง่าย สามารถใส่เพิ่มได้หลายบัญชี และเลือกดูรวมกันทั้งหมด หรือเลือกเฉพาะบัญชีที่ต้องการก็ได้



       ในส่วนของกล้อง ที่ทางเอซุสใช้ระบบ PixelMaster ช่วยในการประมวลผลภาพ ทำให้ภาพที่ได้จากกล้องออกมาในระดับที่โอเค ที่สำคัญคือมีโหมดให้เลือกใช้งานหลากหลายทั้ง Low Light Time Rewind Shake-free Selfies DOF ClearZoom Instant Camera Best Pic Smart Remove



       ส่วนของการตั้งค่ากล้องก็จะมีให้เลือกอย่างความละเอียดภาพสูงสุด 8 ล้านพิกเซล ปรับ ISO ชดเชยแสง การโฟกัส ระบบตรวจจับใบหน้า การถ่ายภาพต่อเนื่อง ส่วนวิดีโอ สามารถบันทึกภาพได้ที่ความละเอียด 1080p



       สุดท้ายในส่วนของการตั้งค่า โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งเป็นการตั้งค่าการเชื่อมต่อ อุปกรณ์ ส่วนบุคคล บัญชีผู้ใช้ และอื่นๆ ซึ่งมีส่วนที่น่าสนใจอยู่อย่าง โหมดการอ่าน เมื่อเปิดใช้งานโหมดนี้ หน้าจอจะปรับสีให้กลายเป็นเหลืองนวลเพื่อเหมาะกับสายตาแทน สีขาวที่สว่างจ้า นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดประหยัดพลังงานให้เลือกใช้ด้วย



       ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 9,026 คะแนน และ 19,342 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน

       ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้คะแนนเบราว์เซอร์ 1,808 คะแนน Multicore 1,037 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 770 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้ 60.8 fps Nenamark2 60.7 fps An3dBench 8,118 คะแนน และ An3dBenchXL 43,766 คะแนน



       ขณะที่คะแนน 3DMark Ice Storm ได้ 6,529 คะแนน Ice Storm Extream ได้ 3,660 คะแนน และ Ice Storm Unlimited ได้ 5,800 คะแนน ส่วนการทดสอบ CF-Bench และ 3D Mark ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง



จุดขาย

       - สมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูง ราคา 5,990 บาท
       - หน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 720p
       - รองรับการเชื่อมต่อ 3G ดาวน์โหลดสูงสุด 42 Mbps
       - Zen UI ที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่าย
       - ฟังก์ชันกล้องที่มีให้เลือกเล่นได้หลากหลาย

ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่

       - แบตเตอรีที่ให้มา 2,110 mAh ไม่เพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วัน
       - วัสดุตัวเครื่องที่ได้ตามราคา แต่การประกอบถือว่าแน่หนาดี
       - ไม่มี NFC

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป

Zenfone 5 ถือเป็นสมาร์ทโฟนสุดคุ้มในระดับราคา 5,990 บาท ก็ว่าได้ เพราะจากข้อมูลล่าสุดของเอซุส ที่แจ้งว่าเครื่องล็อตใหม่ที่จำหน่ายช่วงเดือนสิงหาคม จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเป็น 16 GB แทนรุ่นเดิมที่มีอยู่ 8 GB แม้ว่าจะทำให้ผู้บริโภคที่ซื้อก่อนเสียใจไปเล็กน้อย แต่ก็ถือว่ายังดีที่ไม่มีการปรับราคาใดๆ

       ด้วยประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม ยิ่งทำให้ความโดดเด่นของ Zenfone 5 ไม่แตกต่างจากเครื่องในระดับราคาหมื่นกว่าบาท ดังนั้นถ้าไม่คิดอะไรมาก และกำลังมองหาสมาร์ทโฟนในระดับราคาหกพันบาท ตอนนี้คงไม่มีรุ่นไหนคุ้มไปกว่า Zenfone 5

Company Related Links :
Asus


//www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000085722




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2557   
Last Update : 29 กรกฎาคม 2557 21:12:00 น.   
Counter : 1357 Pageviews.  

Review : LG Pocket Photo 2 เครื่องพิมพ์ภาพจิ๋วไร้หมึกรุ่นสอง



ถือเป็นเครื่องพิมพ์ภาพขนาดเล็กที่ใช้งานง่ายและพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกที่สุดกับ LG Pocket Photo ที่ในวันนี้ก็เดินทางมาถึงรุ่นที่ 2 รหัส PD239 (ตัวแรกรหัส PD233) กับการปรับเปลี่ยนดีไซน์ในเล็กลงพร้อมไฟแสดงสถานะที่ชัดเจนขึ้น อีกทั้งทางแอลจียังเพิ่มสีสันตัวเครื่องให้ผู้ใช้เลือกซื้อตามชอบมากขึ้นและรองรับสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตทุกแพลตฟอร์มตั้งแต่ Android, Windows Phone 8 และ iOS

การออกแบบและสเปก



       ตัวเครื่องถูกดีไซน์ใหม่ มีสีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีชมพู สีเงินและสีเหลือง พร้อมลดความหนาของตัวเครื่องลงเหลือ 20 มิลลิเมตร น้ำหนักรวมอยู่ที่ประมาณ 220 กรัม

       อีกทั้งด้านหน้ามีการเพิ่มไฟสถานะการทำงานมาให้ถึง 3 สถานะไล่จากบนลงล่างได้แก่ ไฟแสดงสถานะการพิมพ์ แบตเตอรีและไฟแสดงเครื่องพร้อมใช้งาน




       ส่วนช่องใส่กระดาษพิมพ์รูป จากเดิมจะเป็นสล็อตเสียบจากท้ายเครื่อง แต่รุ่นใหม่นี้จะเปลี่ยนเป็นช่องใส่กระดาษแบบวางอยู่ด้านบนตัวเครื่อง โดยการเปิดฝาช่องใส่กระดาษสามารถทำได้โดยกดปุ่ม Eject ด้านท้ายเครื่อง (กดได้เฉพาะเวลาปิดเครื่องเท่านั้น) ฝาจะกระเด้งขึ้นมา



       และอีกส่วนที่ปรับเพิ่มเข้ามาใน Pocket Photo รุ่น 2 ก็คือสวิตซ์ปิด-เปิดเครื่องพร้อมระบบล็อกช่องใส่กระดาษ โดยเมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเครื่อง ช่องใส่กระดาษจะไม่สามารถเปิดออกได้ต้องปิดเครื่องก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่ ส่วนอีกช่องจะเป็น MicroUSB สำหรับเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ชาร์จไฟ



       สำหรับกระดาษพิมพ์รูปที่สามารถใช้กับ LG Pocket Photo ได้จะต้องเป็น ”ZINK Paper” ขนาด 2 x 3 นิ้วเท่านั้น (มีแถมให้ 10 แผ่น สามารถหาซื้อกระดาษได้ที่ Jaymart และห้างไอที ตกกล่องละ 399 บาท (30 แผ่น) โดยหลักการทำงานของกระดาษและระบบพิมพ์ Pocket Photo ก็คือ


หลังจากแกะซองกระดาษพิมพ์รูปออกมาแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ สังเกตกระดาษสีน้ำเงิน ZINK Smartsheet จากนั้นพลิกให้กระดาษแผ่นนี้ (หน้าที่มีบาร์โค้ด) อยู่ล่างสุดและใส่ไปที่ช่องบรรจุกระดาษได้เลย


“ตัวเครื่องจะไม่มีตลับหมึกพิมพ์มาให้ แต่หมึกสี 3 สี (เหลือง แดงม่วง น้ำเงิน) จะถูกบรรจุอยูในเลเยอร์ของกระดาษบนเทคโนโลยี Zero Ink จาก ZINK โดยเมื่อเราสั่งพิพม์รูป เมื่อตัวเครื่องดึงกระดาษเข้าไป Pocket Photo จะสร้างความร้อนที่เหมาะสมตั้งแต่ 100-200 องศาเซลเซียสเพื่อละลายหมึกบนกระดาษออกมาเป็นรูปภาพตามที่เราต้องการ



       ในส่วนสเปกอื่นๆ LG Pocket Photo 2 มีแบตเตอรี Li-Polymer ขนาด 500mA สามารถพิมพ์ภาพจนแบตเตอรีหมดอยู่ที่ประมาณ 20 แผ่น (เชื่อมต่อบลูทูธ) ความเร็วในการพิมพ์ภาพ 1 แผ่นอยู่ที่ประมาณ 55-60 วินาที รับความละเอียดจุดสีต่อ 1 ตารางนิ้วมากสุด 313 จุด รองรับการสั่งงานผ่าน NFC และ Bluetooth 4.0 ทั้ง Android (NFC, Blutooth), iOS (Bluetooth) และ Windows Phone 8 (NFC, Bluetooth)

ฟีเจอร์เด่น



       ฟีเจอร์เด่นสุดที่พบได้ใน LG Pocket Photo ทุกรุ่นก็คือแอปพลิเคชัน LG Pocket Photo ที่ในครั้งนี้อัปเดตใหม่สามารถตกแต่งภาพก่อนถ่ายได้ตั้งแต่ใส่กรอบภาพ ปรับสี แสงรวมถึงเอ็ฟเฟ็กต์ภาพต่างๆ ได้ตามต้องการ

       นอกจากนั้นตัวแอปฯ ยังเลือกปรับขนาดภาพที่ต้องการพิมพ์ออกมาให้พอดีกับขนาดของกระดาษ ZINK Paper 2x3 นิ้วแบบไร้ขอบได้ด้วย



       รวมถึงลูกเล่นเด่นที่สำคัญก็คือ “สามารถใส่ QR-Code” ข้อมูลของภาพไม่ว่าจะเป็นชื่อภาพ รายละเอียดรูป ไปถึงทิ้งลิงค์สำหรับคนที่สนใจตามชมภาพต่อผ่านเว็บไซต์หรือคลิปวิดีโอได้


ลูกเล่น QR-Code ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้การพิมพ์ภาพมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น


ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป



       มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพ LG Pocket Photo 2 ถือเป็นการปรับเปลี่ยนพัฒนาจากรุ่นแรกให้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมต่อที่ทำได้เสถียร บลูทูธร่วมกับ iOS Device ต่อติดง่ายขึ้น ส่วน NFC กับแอนดรอยด์ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีเหมือนเดิม แตะปุ๊บติดปั๊บพร้อมพิมพ์ทันที

       ในเรื่องคุณภาพของภาพที่พิมพ์ผ่านกระดาษ ZINK Paper ทำได้ดี คมชัด สีที่ได้จะเน้นธรรมชาติ สีไม่สด การตกแต่งรูปผ่านแอปฯ ทำได้หลากหลาย โดยเฉพาะกรอบรูปภาพที่ให้มาน่าจะโดนใจวัยรุ่นมากโดยเฉพาะคุณผู้หญิง


NFC ทำให้เชื่อมต่อกับ LG Pocket Photo 2 ง่ายขึ้นมาก ส่วนสมาร์ทโฟนผู้ที่สนใจท่านใดไม่มี NFC ขอให้ทดลองเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธให้แน่ใจว่าใช้ได้จริงก่อนเลือกซื้อ


       ในส่วนราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 4,490 บาท ผู้อ่านท่านใดที่ชื่นชอบการพิมพ์ภาพสไตล์โพลารอยด์ และยอมรับกับกระดาษ ZINK Paper เล็กจิ๋วและมีราคาค่อนข้างสูงได้ LG Pocket Photo 2 ก็เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีความน่าใช้ในตัว ยิ่งใช้แอนดรอยด์มี NFC เครื่องพิมพ์ภาพจิ๋วตัวนี้ยิ่งทำงานได้ดีและรวดเร็วมากกว่าการต้องเชื่อมต่อด้วยตัวเองผ่านบลูทูธ

Company Related Link :
LG

//www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000085411




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2557   
Last Update : 28 กรกฎาคม 2557 21:28:29 น.   
Counter : 1876 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]